บุตรอสูรบรรพกาลบุตรอสูรบรรพกาล 388 ผู้ช่วย

Now you are reading บุตรอสูรบรรพกาล Chapter บุตรอสูรบรรพกาล 388 ผู้ช่วย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 388 ผู้ช่วย “จื่อหนิง ข้ามาแล้ว”ไก่ฟ้าหงอนทองตะโกนพลางพุ่งตัวเข้าไปช่วยจื่อหนิงที่กำลังโดนขุนพลของฝั่งตรงข้ามไล่โจมตี แม้พลังของจื่อหนิงจะห่างจากอีกฝ่ายขั้นหนึ่ง แต่เพราะนางมีปีกบินได้ทำให้นางยังรักยื้อเอาไว้ได้โดยไม่แพ้ง่ายๆ เปรี้ยง!!! ไก่ฟ้าหงอนทองพุ่งตัวไปข้างหน้าพร้อมสร้างลมพายุใต้ปีก เมื่อทะยานลงสู่พื้นก็สร้างแรงอัดลมมหาศาลพัดเอาทั้งพวกยอกฝีมือและขุนพลลอยปลิวออกไปเป็นวงกว้าง “อย่าคิดจะทำร้ายเมียข้าเชียว”ไก่ฟ้าหงอนทองปล่อยจิตสังหารออกมาก่อนสร้างพายุ 2 ลูกขึ้นมาแล้วปล่อยให้มันหมุนวนอยู่ข้างๆกันเพื่อเพิ่มแรงฉีกกนะชากระหว่างพายุแต่ละลูก “ฮ้าๆ นึกว่าเอาแต่เฝ้าไข่จนฝีมือตกแล้วซะอีกเจ้าไก่”พยัคฆ์อัสนีว่าพลางพุ่งวาบไปรอบๆด้วยความเร็วสูงจนมองตามแทบไม่ทัน “ผิดแล้ว ในฐานะพ่อและสามี ข้าแข็งแกร่งขึ้นต่างหากล่ะ”ไก่ฟ้าหงอนทองยืดอกพลางกางปีกของตนออกเมื่อตรงหน้าเหลือเพียงขุนพลระดับเจ้าสวรรค์เท่านั้น ตอนนี้เหล่าน้าๆของไป๋จูเหวินอยู่ระดับบรรพกาลขั้นที่ 2 ทำให้สามารถจัดการพวกขุนพลระดับ 1 ได้อย่างไม่ยากเย็น หน้าที่ของพวกมันคือจัดการขุนพลระดับเจ้าสวรรค์ขั้นที่ 1 ให้เร็วที่สุดแล้วไปช่วยพวกขุนพลอสูรของฝั่งตนเองจัดการขุนพลระดับเจ้าสวรรค์ขั้นที่ 1 คนอื่นๆต่อ ตูม!!! ทหารมรกตขนาดยักษ์กระทืบเท้าลงบนพื้นอย่างแรงเพื่อเปิดทางให้กับหยงเวยที่กำลังเดินตามทหารมรกตของตน ตอนนี้มารทั้ง 2 ตนของมันแยกย้ายกันไปช่วยเหลือพวกขุนพลมนุษย์แล้ว ทำให้หยงเวยมุ่งตรงไปหานางพญาผีเสื้อในทันที เป้าหมายของหยงเวยแต่เดิมคือขุนพลขวาที่มีระดับเท่าๆกับตน แต่เพราะมันบุกออกมาโจมตีนางพญาผีเสื้อก่อนทำให้หยงเวยไม่มีทางเลือกต้องร่วมมือกับนางพญาผีเสื้อเพื่อจัดการขุนพลขวาเท่านั้น เปรี้ยง!! อยู่ๆเงาร่างหนึ่งก็พุ่งวาบเข้าใส่หยงเวยอย่างจัง แต่เพราะทั้งร่างของหยงเวยมีเกราะมรกตปกคลุมเอาไว้ทำให้ไม่ได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีของอีกฝ่ายเลย “คิดจะไปไหน”ชายคนนั้นพูดพลางดันดาบรูปร่างแปลกๆเข้าใส่หยงเวย ดาบของชายตรงหน้าหยงเวยเป็นดาบบางและแหลม มันเล็กกว่ากระบี่เสียอีก ท่าทางจะเป็นดาบที่ขยับได้เร็วมากทีเดียว แต่มันกลับเจาะเกราะของหยงเวยไม่เข้าเสียอย่างนั้น เพราะพลังของทั้งสองต่างกันเกินไปนั่นเอง วูบ!! หยงเวยใช้ดาบมรกตเหวี่ยงวาบใส่ชายคนนั้น แต่เพียงพริบตาเดียวชายคนนั้นก็หายวาบไปยืนอยู่ด้านหลังหยงเวยก่อนจะแทงดาบเข้ามาใส่หลังของหยงเวย แต่ก็ติดเกราะมรกตของหยงเวยเข้าอย่างจังเช่นเดิม “ฮ้าๆ จับข้าไม่ทันละสิ”ชายคนนั้นว่าพลางเร่งการโจมตีขึ้นหลายเท่า เมื่อเห็นว่าการโจมตีใส่ครั้งเดียวเจาะเกราะของหยงเวยไม่เข้า มันเลยเริ่มโจมตีย้ำเข้าจุดเดิมซ้ำๆ เพียงแต่วิธีนี้หยงเวยไม่ได้เจอเป็นครั้งแรก และความเร็วระดับนี้ก็ไม่ใช่ความเร็วสูงสุดที่หยงเวยเคยเจอด้วย “ข้าไม่มีเวลามาเล่นกับเจ้าหรอกนะ”หยงเวยพูดพลางเดินต่อโดยไม่สนใจขุนพลคนนั้นเลย ตอนนี้มันต้องมุ่งหน้าเข้าไปหาแม่ทัพขวา แม้อีกฝ่ายจะล้ำหน้าออกมาแล้วก็ตามแต่เพราะหยงเวยไม่ใช่พวกเน้นความเร็วทำให้หยงเวยต้องใช้เวลาพักหนึ่งในการเดินทางไปหาแม่ทัพขวาที่แนวหลัง “ฮ้าๆ จริงๆเจ้าก็แค่จับข้าไม่ทันใช่ไหมล่ะ ตามข้ามาสิ”ชายคนนั้นพูดเย้าหยอกหยงเวย เพราะเห็นได้ชัดว่าหยงเวยมุ่งหน้าไปที่ไหน ตอนนี้แม่ทัพขวาแค่รับมือนางพญาผีเสื้อก็เต็มแรงแล้ว ขืนปล่อยหยงเวยไปช่วยท่านต้องลำบากแน่ๆ “มีคนที่เหมาะจะสู้กับเจ้ามากกว่าข้า”หยงเวยยิ้มพลางเดินต่อโดยไม่ได้สนใจคำยั่วยุของอีกฝ่าย ในเมื่อในหัวมันมีมาร 6 ตนคอยปั่นประสาทอยู่ตลอดเวลา มันจะไปสนใจเสียงยั่วยุที่เหมือนเด็กเล่นแบบนี้ไปทำไม “หา คนที่เหมาะจะสู้กับข้….” เปรี้ยง!! ยังไม่ทันพูดจบสายฟ้าสายหนึ่งก็พุ่งเข้ามาใส่ร่างของชายหนุ่มทันที ความเร็วเหมือนกลายเป็นสายฟ้าเช่นนี้นอกจากพยัคฆ์อัสนีแล้วก็คงมีแต่อู๋หมิงเท่านั้น “ขอโทษที สหายของข้ากำลังรีบ ข้าจะเป็นเพื่อนเล่นให้เจ้าเอง”อู๋หมิงยิ้มพลางปล่อยสายฟ้าออกมาพร้อมเคล็ดวิชาเทวะปราบมาร อีกฝ่ายแม่จะดูกระจอกที่ทำอะไรหยงเวยไม่ได้ แต่จากข่าวที่อสูรกิ้งก่าได้มา ชายคนนี้เป็นคนที่เร็วที่สุดในบันดาขุนพลของฝั่งอีมอร์ “คิดว่าเจ้าใช้สายฟ้าได้คนเดียวหรือไง”ชายคนนั้นพูดพลางปล่อยพลังธาตุสายฟ้าออกมาเช่นกัน “มาเลย”อู๋หมิงยิ้มพลางกำกระบี่ในมือแน่น มันไม่ได้ประลองความเร็วแบบนี้มานานมากแล้วตั้งแต่ประลองกับฝ่ามือประกายอัสนีของไป๋จูเหวิน หลังจากเรื่องการโจมตีของมารครั้งนั้น อู๋หมิงก็บรรลุความเร็วที่แม้แต่ไป๋จูเหวินยังตามไม่ทัน เปรี้ยงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ กระบี่และดาบเรเปียร์ราวกับแตกกิ่งก้านออกมาฟาดฟันใส่กัน ชั่วพริบตาที่ผู้ใช้พลังธาตุสายฟ้าระดับสูงทั้งสองเข้าปะทะกัน ราวกับตรงหน้าว่างเปล่าไปหลายอึดใจ สิ่งที่หลงเหลืออยู่มีเพียงเสียงโลหะกระทบกันเท่านั้น “……”ชายที่ใช้ดาบเรเปียร์เงียบปากไปทันทีหลังจากการปะทะระรอกแรก แม้จะยังไม่ได้รับบาดเจ็บกัน แต่อีกฝ่ายก็เหมือนจะเร็วกว่ามันนิดหน่อย ทำให้ดาบของมันโดนขัดขวางอยู่หลายครั้ง เปรี้ยงๆๆๆๆๆๆๆ กระบี่ในมือของอู๋หมิงเร็วและรุนแรงอย่างมากทำให้ชายที่ใช้เรเปียร์กัดฟันกรอด ฉั๊วๆๆ ไม่นานหลังจากปะทะกันอย่างรุนแรงและรวดเร็ว ฝ่ายชายที่ใช้เรเปียร์ก็เริ่มได้รับบาดเจ็บบ้างแล้ว “ฮึ้ย”ชายที่ใช้เรเปียร์กัดฟันกรอดเพิ่มความเร็วในการรับมือให้มากขึ้น แต่กระบี่ของอู๋หมิงกลับไวกว่าอยู่ช่วงหนึ่ง แม้สายตาคนอื่นจะมองพวกมันเหมือนต่างฝ่ายต่างโจมตี แต่ชายที่ใช้เรเปียร์กลับรู้ดีว่าคนที่โดนกดดันคือฝ่ายตนเองต่างหาก ฟุบ!! ในเมื่อยืนปะทะไม่ไหวชายที่ใช้เรเปียร์ก็อาศัยการเคลื่อนไหวเพื่อสร้างโอกาสโจมตีเพิ่ม เพียงแต่…. เปรี้ยง!! พริบตาเดียวอู๋หมิงก็ทะยานวาบเข้ามาใส่ร่างของชายที่ใช้เรเปียร์ด้วยความเร็วสูง มันคือกระบวนท่ากระบี่อัสนีข้ามฟ้านั่นเอง “พวกเจ้าใช้เลือดของอสูรกระตุ้นพลังวิญญาณสินะ ไม่สิที่อาณาจักรของเจ้าเรียกว่าพลังรูนสินะ”อู๋หมิงว่าพลางเรียกสายฟ้าลงมาที่กระบี่ของตนหลังจากซัดชายที่ใช้เรเปียร์จนลอยไปข้างหลัง “อึก…”ชายที่ใช้เรเปียร์มีท่าทีตกใจ แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรออกมา แม้อีกฝ่ายจะอยู่ระดับเจ้าสวรรค์ขั้นที่ 2 แต่วิชาที่ใช้กลับธรรมดากว่าที่คิด เมื่อยู่ต่อหน้าเจ้าแห่งกระบวนท่าอย่างอู๋หมิง มันรู้สึกรับมือได้ง่ายมากทีเดียว “เจ้า..”ชายที่ใช้เรเปียร์กัดฟันกรอด ไม่นึกว่าจะมีคนที่เร็วกว่าตัวมันเองอยู่อีก ทั้งๆที่ตัวมันมีพลังระดับนี้แล้วแท้ๆ “ตายซะ”ชายที่ใช้เรเปียร์คำรามพลางเร่งพลังวิญญาณขึ้นมาจนทะลุขีดจำกัด มันพุ่งวาบเข้ามาใส่อู๋หมิง ก่อนที่ร่างของมันจะแยกออกเป็นสิบร่างในพริบตาเดียว “……..”อู๋หมิงมองร่างทั้งสิบด้วยสายตานิ่งสงบ แม้จะดูเหมือนอีกฝ่ายกำลังใช้ท่าไม้ตายออกมา แต่วิชาแยกร่างเช่นนี้เทียบกับของน้าพยัคฆ์ไม่ได้เลย เปรี้ยงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อู๋หมิงแยกร่างออกเป็นสิบร่างเช่นกันเพื่อรับมืออีกฝ่าย ทำเอาคนที่ตกใจกลับเป็นฝ่ายชายที่ใช้เรเปียร์เสียเอง วิชานี้ของมันเป็นวิชาลับก้นหีบที่แม่แต่ขุนพลคนอื่นๆยังไม่สามารถหาทางรับมือได้ ในอาณาจักรของมันหากไม่นับองค์จักรพรรดิและท่านแม่ทัพซ้ายขวาแล้วก็มีเพียงขุนพลลำดับ 1 2 และ 3 เท่านั้นที่รับมือท่านี้ของมันได้ เปรี้ยง!!! สายฟ้าสายหนึ่งพุ่งลงมาใส่กระบี่ทัณฑ์สวรรค์ในมือของอู๋หมิง ก่อนที่สายฟ้าจะลามไปทั่วร่างของอู๋หมิงอย่างช้าๆ “นั่นมัน……”ชายที่ใช้เรเปียร์เบิกตากว้างมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ “ถือเป็นของขวัญก่อนตายก็แล้วกัน”อู๋หมิงยิ้มบางๆขณะที่สายฟ้ากำลังห่อหุ้มร่างของมันจนเหมือนกลายเป็นชุดที่ทำจากสายฟ้าไม่มีผิด วิชานี้มันได้มาจากการต่อสู้กับมารเลยทีเดียว “หนอย”ชายที่ใช้เรย์เปียทะยานวาบเข้ามาใส่อู๋หมิงด้วยแรงเฮือกสุดท้ายที่เหลืออยู่ แต่ก่อนจะได้แยกร่างออกเพื่อโจมตีกระบี่ของอู๋หมิงก็เข้ามาถึงตัวมันก่อนจะแทงเข้าใส่ร่างของมันอย่างจัง เปรี้ยง!!! สายฟ้าสีขาวฟาดผ่านสนามรบจากแนวหน้าของอีมอร์จนถึงแนวหลังทำเอาเหล่าทหารต่างมองเป็นสายตาเดียวกันว่าเกิดอะไรขึ้น “ท่านขุนพล….”ชายคนหนึ่งที่อยู่แนวหลังมองภาพตรงหน้าด้วยท่าทางไม่อยากจะเชื่อ เมื่อครุ่มันเหมือนเห็นแสงสว่างวาบหนึ่งเท่านั้น แล้วอยู่ๆร่างของขุนพลที่ควรจะอยู่แนวหน้าและร่างของข้าศึกที่กำลังดึงกระบี่ออกจากศพของท่านขุนก็มาโผล่ที่ทัพหลังนี่เสียแล้ว “ฆ่ามัน”โอเร็มที่เฝ้าอยู่ด้านหลังเข้ามาโจมตีอู๋หมิงทันที แต่เพียงพริบตาเดียวร่างของอู๋หมิงก็หายไปจากสายตา “มันหายไปไหนแล้ว”เหล่าทหารต่างมองไปรอบๆแต่กลับไปพบอะไรเลย หรือว่ามันจะหนีไปแล้ว เปรี้ยงๆๆๆๆๆๆๆ อยู่ๆร่างของเหล่าทหารก็กระเด็นไปคนละทิศคนละทางพร้อมเลือดที่สาดกระเซ็นไปจนทั่ว เปรี้ยง!! ในที่สุดสายฟ้าสีขาวก็มาหยุดอยู่ที่ร่างของโอเร็มผู้ใช้เนตรจิต แม้จะมองเห็นรอบด้าน แต่หากอีกฝ่ายเคลื่อนไหวเร็วจนไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตาเนตรจิตของโอเร็มก็ไร้ความหมาย “อัก…”โอเร็มเลื่อนฝ่ามือมาจับที่อกของตนเอง นี่มันโดนแทงงั้นหรือ? โดนแทงตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? เปรี้ยง!! โอเร็มมองภาพตรงหน้าขณะที่ร่างของมันกำลังล้มลงกับพื้น อู๋หมิงที่ยืนอยู่กลางกองทัพของมันเรียกสายฟ้าลงมาจากท้องฟ้าเหมือนกำลังส่งสัญญาณอะไรบางอย่างไม่มีผิด “พระเจ้า…..สายฟ้า….”โอเร็มรำพึงออกมาพร้อมทิ้งตัวลงนอนกับพื้น “ฆ่าพวกมันให้หมด”หลังจากอู๋หมิงเรียกสายฟ้าลงมาไม่นานขุนพลกิ้งก่าก็พากำลังพลบุกเข้ามาจากด้านหลัง สายฟ้าเมื่อครู่สร้างขึ้นเพื่อบอกว่าผู้ใช้เนตรจิตของอีกฝ่ายตายไปแล้วนั่นเอง “ขอบพระคุณมากองค์จักรพรรดิอู๋”อสูรกิ้งก่าที่ทำหน้าที่สืบข่าวพูดพลางมองศพของโอเร็มที่นอนอยู่บนพื้น คราวก่อนมันโดนเจ้านี่เจอตัวทำเอาเกือบตาย วันนี้นับว่าได้แก้แค้นแล้ว “ไม่เป็นไร”อู๋หมิงยิ้มรับพลางปล่อยพลังสายฟ้าออกจากร่าง ตอนนี้มันยืนอยู่บนเนินเขาด้านหลังของพวกอีมอร์ทำให้เห็นสถาณการณ์ได้โดยรอบ ความเสียหายของพลทหารระดับยอดฝีมือทั้งสองฝ่ายนั้นสูงมาก แต่การปะทะกันของพวกระดับสูงฝ่ายอาณาจักรไชน์ได้เปรียบมากกว่าทีเดียว ตัวอู๋หมิงฆ่าไปแล้ว 2 คน พวกท่านน้าต่างฆ่าไปแล้วคนละ 1 และกำลังตามไปช่วยเหลือพวกขุนพลของอาณาจักรไป๋อีกทาง ส่วนที่เหลือกำลังปะทะกันยังหาผลตัดสินไม่ได้ ศึกคราวนี้เสียหายหนักจริงๆ แต่จากที่ฟังมาจากอสูรกิ้งก่า หากไม่จัดการพวกมันเสียตรงนี้พวกมันจะบุกไปอาณาจักรอู๋อย่างแน่นอน โชคดีจริงๆที่พวกมันไม่ได้บุกมาโดยไม่ให้รู้ตัว ไม่อย่างนั้นกว่าจะขอความช่วยเหลือจากไป๋จูเหวินได้พวกมันคงเสียหายหนักไปแล้วแน่ๆ

ตอนที่ 388

ผู้ช่วย

“จื่อหนิง ข้ามาแล้ว”ไก่ฟ้าหงอนทองตะโกนพลางพุ่งตัวเข้าไปช่วยจื่อหนิงที่กำลังโดนขุนพลของฝั่งตรงข้ามไล่โจมตี แม้พลังของจื่อหนิงจะห่างจากอีกฝ่ายขั้นหนึ่ง แต่เพราะนางมีปีกบินได้ทำให้นางยังรักยื้อเอาไว้ได้โดยไม่แพ้ง่ายๆ

เปรี้ยง!!! ไก่ฟ้าหงอนทองพุ่งตัวไปข้างหน้าพร้อมสร้างลมพายุใต้ปีก เมื่อทะยานลงสู่พื้นก็สร้างแรงอัดลมมหาศาลพัดเอาทั้งพวกยอกฝีมือและขุนพลลอยปลิวออกไปเป็นวงกว้าง

“อย่าคิดจะทำร้ายเมียข้าเชียว”ไก่ฟ้าหงอนทองปล่อยจิตสังหารออกมาก่อนสร้างพายุ 2 ลูกขึ้นมาแล้วปล่อยให้มันหมุนวนอยู่ข้างๆกันเพื่อเพิ่มแรงฉีกกนะชากระหว่างพายุแต่ละลูก

“ฮ้าๆ นึกว่าเอาแต่เฝ้าไข่จนฝีมือตกแล้วซะอีกเจ้าไก่”พยัคฆ์อัสนีว่าพลางพุ่งวาบไปรอบๆด้วยความเร็วสูงจนมองตามแทบไม่ทัน

“ผิดแล้ว ในฐานะพ่อและสามี ข้าแข็งแกร่งขึ้นต่างหากล่ะ”ไก่ฟ้าหงอนทองยืดอกพลางกางปีกของตนออกเมื่อตรงหน้าเหลือเพียงขุนพลระดับเจ้าสวรรค์เท่านั้น ตอนนี้เหล่าน้าๆของไป๋จูเหวินอยู่ระดับบรรพกาลขั้นที่ 2 ทำให้สามารถจัดการพวกขุนพลระดับ 1 ได้อย่างไม่ยากเย็น หน้าที่ของพวกมันคือจัดการขุนพลระดับเจ้าสวรรค์ขั้นที่ 1 ให้เร็วที่สุดแล้วไปช่วยพวกขุนพลอสูรของฝั่งตนเองจัดการขุนพลระดับเจ้าสวรรค์ขั้นที่ 1 คนอื่นๆต่อ

ตูม!!! ทหารมรกตขนาดยักษ์กระทืบเท้าลงบนพื้นอย่างแรงเพื่อเปิดทางให้กับหยงเวยที่กำลังเดินตามทหารมรกตของตน ตอนนี้มารทั้ง 2 ตนของมันแยกย้ายกันไปช่วยเหลือพวกขุนพลมนุษย์แล้ว ทำให้หยงเวยมุ่งตรงไปหานางพญาผีเสื้อในทันที เป้าหมายของหยงเวยแต่เดิมคือขุนพลขวาที่มีระดับเท่าๆกับตน แต่เพราะมันบุกออกมาโจมตีนางพญาผีเสื้อก่อนทำให้หยงเวยไม่มีทางเลือกต้องร่วมมือกับนางพญาผีเสื้อเพื่อจัดการขุนพลขวาเท่านั้น

เปรี้ยง!! อยู่ๆเงาร่างหนึ่งก็พุ่งวาบเข้าใส่หยงเวยอย่างจัง แต่เพราะทั้งร่างของหยงเวยมีเกราะมรกตปกคลุมเอาไว้ทำให้ไม่ได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีของอีกฝ่ายเลย

“คิดจะไปไหน”ชายคนนั้นพูดพลางดันดาบรูปร่างแปลกๆเข้าใส่หยงเวย ดาบของชายตรงหน้าหยงเวยเป็นดาบบางและแหลม มันเล็กกว่ากระบี่เสียอีก ท่าทางจะเป็นดาบที่ขยับได้เร็วมากทีเดียว แต่มันกลับเจาะเกราะของหยงเวยไม่เข้าเสียอย่างนั้น เพราะพลังของทั้งสองต่างกันเกินไปนั่นเอง

วูบ!! หยงเวยใช้ดาบมรกตเหวี่ยงวาบใส่ชายคนนั้น แต่เพียงพริบตาเดียวชายคนนั้นก็หายวาบไปยืนอยู่ด้านหลังหยงเวยก่อนจะแทงดาบเข้ามาใส่หลังของหยงเวย แต่ก็ติดเกราะมรกตของหยงเวยเข้าอย่างจังเช่นเดิม

“ฮ้าๆ จับข้าไม่ทันละสิ”ชายคนนั้นว่าพลางเร่งการโจมตีขึ้นหลายเท่า เมื่อเห็นว่าการโจมตีใส่ครั้งเดียวเจาะเกราะของหยงเวยไม่เข้า มันเลยเริ่มโจมตีย้ำเข้าจุดเดิมซ้ำๆ เพียงแต่วิธีนี้หยงเวยไม่ได้เจอเป็นครั้งแรก และความเร็วระดับนี้ก็ไม่ใช่ความเร็วสูงสุดที่หยงเวยเคยเจอด้วย

“ข้าไม่มีเวลามาเล่นกับเจ้าหรอกนะ”หยงเวยพูดพลางเดินต่อโดยไม่สนใจขุนพลคนนั้นเลย ตอนนี้มันต้องมุ่งหน้าเข้าไปหาแม่ทัพขวา แม้อีกฝ่ายจะล้ำหน้าออกมาแล้วก็ตามแต่เพราะหยงเวยไม่ใช่พวกเน้นความเร็วทำให้หยงเวยต้องใช้เวลาพักหนึ่งในการเดินทางไปหาแม่ทัพขวาที่แนวหลัง

“ฮ้าๆ จริงๆเจ้าก็แค่จับข้าไม่ทันใช่ไหมล่ะ ตามข้ามาสิ”ชายคนนั้นพูดเย้าหยอกหยงเวย เพราะเห็นได้ชัดว่าหยงเวยมุ่งหน้าไปที่ไหน ตอนนี้แม่ทัพขวาแค่รับมือนางพญาผีเสื้อก็เต็มแรงแล้ว ขืนปล่อยหยงเวยไปช่วยท่านต้องลำบากแน่ๆ

“มีคนที่เหมาะจะสู้กับเจ้ามากกว่าข้า”หยงเวยยิ้มพลางเดินต่อโดยไม่ได้สนใจคำยั่วยุของอีกฝ่าย ในเมื่อในหัวมันมีมาร 6 ตนคอยปั่นประสาทอยู่ตลอดเวลา มันจะไปสนใจเสียงยั่วยุที่เหมือนเด็กเล่นแบบนี้ไปทำไม

“หา คนที่เหมาะจะสู้กับข้….”

เปรี้ยง!! ยังไม่ทันพูดจบสายฟ้าสายหนึ่งก็พุ่งเข้ามาใส่ร่างของชายหนุ่มทันที ความเร็วเหมือนกลายเป็นสายฟ้าเช่นนี้นอกจากพยัคฆ์อัสนีแล้วก็คงมีแต่อู๋หมิงเท่านั้น

“ขอโทษที สหายของข้ากำลังรีบ ข้าจะเป็นเพื่อนเล่นให้เจ้าเอง”อู๋หมิงยิ้มพลางปล่อยสายฟ้าออกมาพร้อมเคล็ดวิชาเทวะปราบมาร อีกฝ่ายแม่จะดูกระจอกที่ทำอะไรหยงเวยไม่ได้ แต่จากข่าวที่อสูรกิ้งก่าได้มา ชายคนนี้เป็นคนที่เร็วที่สุดในบันดาขุนพลของฝั่งอีมอร์

“คิดว่าเจ้าใช้สายฟ้าได้คนเดียวหรือไง”ชายคนนั้นพูดพลางปล่อยพลังธาตุสายฟ้าออกมาเช่นกัน

“มาเลย”อู๋หมิงยิ้มพลางกำกระบี่ในมือแน่น มันไม่ได้ประลองความเร็วแบบนี้มานานมากแล้วตั้งแต่ประลองกับฝ่ามือประกายอัสนีของไป๋จูเหวิน หลังจากเรื่องการโจมตีของมารครั้งนั้น อู๋หมิงก็บรรลุความเร็วที่แม้แต่ไป๋จูเหวินยังตามไม่ทัน

เปรี้ยงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ กระบี่และดาบเรเปียร์ราวกับแตกกิ่งก้านออกมาฟาดฟันใส่กัน ชั่วพริบตาที่ผู้ใช้พลังธาตุสายฟ้าระดับสูงทั้งสองเข้าปะทะกัน ราวกับตรงหน้าว่างเปล่าไปหลายอึดใจ สิ่งที่หลงเหลืออยู่มีเพียงเสียงโลหะกระทบกันเท่านั้น

“……”ชายที่ใช้ดาบเรเปียร์เงียบปากไปทันทีหลังจากการปะทะระรอกแรก แม้จะยังไม่ได้รับบาดเจ็บกัน แต่อีกฝ่ายก็เหมือนจะเร็วกว่ามันนิดหน่อย ทำให้ดาบของมันโดนขัดขวางอยู่หลายครั้ง

เปรี้ยงๆๆๆๆๆๆๆ กระบี่ในมือของอู๋หมิงเร็วและรุนแรงอย่างมากทำให้ชายที่ใช้เรเปียร์กัดฟันกรอด

ฉั๊วๆๆ ไม่นานหลังจากปะทะกันอย่างรุนแรงและรวดเร็ว ฝ่ายชายที่ใช้เรเปียร์ก็เริ่มได้รับบาดเจ็บบ้างแล้ว

“ฮึ้ย”ชายที่ใช้เรเปียร์กัดฟันกรอดเพิ่มความเร็วในการรับมือให้มากขึ้น แต่กระบี่ของอู๋หมิงกลับไวกว่าอยู่ช่วงหนึ่ง แม้สายตาคนอื่นจะมองพวกมันเหมือนต่างฝ่ายต่างโจมตี แต่ชายที่ใช้เรเปียร์กลับรู้ดีว่าคนที่โดนกดดันคือฝ่ายตนเองต่างหาก

ฟุบ!! ในเมื่อยืนปะทะไม่ไหวชายที่ใช้เรเปียร์ก็อาศัยการเคลื่อนไหวเพื่อสร้างโอกาสโจมตีเพิ่ม เพียงแต่….

เปรี้ยง!! พริบตาเดียวอู๋หมิงก็ทะยานวาบเข้ามาใส่ร่างของชายที่ใช้เรเปียร์ด้วยความเร็วสูง มันคือกระบวนท่ากระบี่อัสนีข้ามฟ้านั่นเอง

“พวกเจ้าใช้เลือดของอสูรกระตุ้นพลังวิญญาณสินะ ไม่สิที่อาณาจักรของเจ้าเรียกว่าพลังรูนสินะ”อู๋หมิงว่าพลางเรียกสายฟ้าลงมาที่กระบี่ของตนหลังจากซัดชายที่ใช้เรเปียร์จนลอยไปข้างหลัง

“อึก…”ชายที่ใช้เรเปียร์มีท่าทีตกใจ แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรออกมา แม้อีกฝ่ายจะอยู่ระดับเจ้าสวรรค์ขั้นที่ 2 แต่วิชาที่ใช้กลับธรรมดากว่าที่คิด เมื่อยู่ต่อหน้าเจ้าแห่งกระบวนท่าอย่างอู๋หมิง มันรู้สึกรับมือได้ง่ายมากทีเดียว

“เจ้า..”ชายที่ใช้เรเปียร์กัดฟันกรอด ไม่นึกว่าจะมีคนที่เร็วกว่าตัวมันเองอยู่อีก ทั้งๆที่ตัวมันมีพลังระดับนี้แล้วแท้ๆ

“ตายซะ”ชายที่ใช้เรเปียร์คำรามพลางเร่งพลังวิญญาณขึ้นมาจนทะลุขีดจำกัด มันพุ่งวาบเข้ามาใส่อู๋หมิง ก่อนที่ร่างของมันจะแยกออกเป็นสิบร่างในพริบตาเดียว

“……..”อู๋หมิงมองร่างทั้งสิบด้วยสายตานิ่งสงบ แม้จะดูเหมือนอีกฝ่ายกำลังใช้ท่าไม้ตายออกมา แต่วิชาแยกร่างเช่นนี้เทียบกับของน้าพยัคฆ์ไม่ได้เลย

เปรี้ยงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อู๋หมิงแยกร่างออกเป็นสิบร่างเช่นกันเพื่อรับมืออีกฝ่าย ทำเอาคนที่ตกใจกลับเป็นฝ่ายชายที่ใช้เรเปียร์เสียเอง วิชานี้ของมันเป็นวิชาลับก้นหีบที่แม่แต่ขุนพลคนอื่นๆยังไม่สามารถหาทางรับมือได้ ในอาณาจักรของมันหากไม่นับองค์จักรพรรดิและท่านแม่ทัพซ้ายขวาแล้วก็มีเพียงขุนพลลำดับ 1 2 และ 3 เท่านั้นที่รับมือท่านี้ของมันได้

เปรี้ยง!!! สายฟ้าสายหนึ่งพุ่งลงมาใส่กระบี่ทัณฑ์สวรรค์ในมือของอู๋หมิง ก่อนที่สายฟ้าจะลามไปทั่วร่างของอู๋หมิงอย่างช้าๆ

“นั่นมัน……”ชายที่ใช้เรเปียร์เบิกตากว้างมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ

“ถือเป็นของขวัญก่อนตายก็แล้วกัน”อู๋หมิงยิ้มบางๆขณะที่สายฟ้ากำลังห่อหุ้มร่างของมันจนเหมือนกลายเป็นชุดที่ทำจากสายฟ้าไม่มีผิด วิชานี้มันได้มาจากการต่อสู้กับมารเลยทีเดียว

“หนอย”ชายที่ใช้เรย์เปียทะยานวาบเข้ามาใส่อู๋หมิงด้วยแรงเฮือกสุดท้ายที่เหลืออยู่ แต่ก่อนจะได้แยกร่างออกเพื่อโจมตีกระบี่ของอู๋หมิงก็เข้ามาถึงตัวมันก่อนจะแทงเข้าใส่ร่างของมันอย่างจัง

เปรี้ยง!!! สายฟ้าสีขาวฟาดผ่านสนามรบจากแนวหน้าของอีมอร์จนถึงแนวหลังทำเอาเหล่าทหารต่างมองเป็นสายตาเดียวกันว่าเกิดอะไรขึ้น

“ท่านขุนพล….”ชายคนหนึ่งที่อยู่แนวหลังมองภาพตรงหน้าด้วยท่าทางไม่อยากจะเชื่อ เมื่อครุ่มันเหมือนเห็นแสงสว่างวาบหนึ่งเท่านั้น แล้วอยู่ๆร่างของขุนพลที่ควรจะอยู่แนวหน้าและร่างของข้าศึกที่กำลังดึงกระบี่ออกจากศพของท่านขุนก็มาโผล่ที่ทัพหลังนี่เสียแล้ว

“ฆ่ามัน”โอเร็มที่เฝ้าอยู่ด้านหลังเข้ามาโจมตีอู๋หมิงทันที แต่เพียงพริบตาเดียวร่างของอู๋หมิงก็หายไปจากสายตา

“มันหายไปไหนแล้ว”เหล่าทหารต่างมองไปรอบๆแต่กลับไปพบอะไรเลย หรือว่ามันจะหนีไปแล้ว

เปรี้ยงๆๆๆๆๆๆๆ อยู่ๆร่างของเหล่าทหารก็กระเด็นไปคนละทิศคนละทางพร้อมเลือดที่สาดกระเซ็นไปจนทั่ว

เปรี้ยง!! ในที่สุดสายฟ้าสีขาวก็มาหยุดอยู่ที่ร่างของโอเร็มผู้ใช้เนตรจิต แม้จะมองเห็นรอบด้าน แต่หากอีกฝ่ายเคลื่อนไหวเร็วจนไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตาเนตรจิตของโอเร็มก็ไร้ความหมาย

“อัก…”โอเร็มเลื่อนฝ่ามือมาจับที่อกของตนเอง นี่มันโดนแทงงั้นหรือ? โดนแทงตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?

เปรี้ยง!! โอเร็มมองภาพตรงหน้าขณะที่ร่างของมันกำลังล้มลงกับพื้น อู๋หมิงที่ยืนอยู่กลางกองทัพของมันเรียกสายฟ้าลงมาจากท้องฟ้าเหมือนกำลังส่งสัญญาณอะไรบางอย่างไม่มีผิด

“พระเจ้า…..สายฟ้า….”โอเร็มรำพึงออกมาพร้อมทิ้งตัวลงนอนกับพื้น

“ฆ่าพวกมันให้หมด”หลังจากอู๋หมิงเรียกสายฟ้าลงมาไม่นานขุนพลกิ้งก่าก็พากำลังพลบุกเข้ามาจากด้านหลัง สายฟ้าเมื่อครู่สร้างขึ้นเพื่อบอกว่าผู้ใช้เนตรจิตของอีกฝ่ายตายไปแล้วนั่นเอง

“ขอบพระคุณมากองค์จักรพรรดิอู๋”อสูรกิ้งก่าที่ทำหน้าที่สืบข่าวพูดพลางมองศพของโอเร็มที่นอนอยู่บนพื้น คราวก่อนมันโดนเจ้านี่เจอตัวทำเอาเกือบตาย วันนี้นับว่าได้แก้แค้นแล้ว

“ไม่เป็นไร”อู๋หมิงยิ้มรับพลางปล่อยพลังสายฟ้าออกจากร่าง ตอนนี้มันยืนอยู่บนเนินเขาด้านหลังของพวกอีมอร์ทำให้เห็นสถาณการณ์ได้โดยรอบ ความเสียหายของพลทหารระดับยอดฝีมือทั้งสองฝ่ายนั้นสูงมาก แต่การปะทะกันของพวกระดับสูงฝ่ายอาณาจักรไชน์ได้เปรียบมากกว่าทีเดียว ตัวอู๋หมิงฆ่าไปแล้ว 2 คน พวกท่านน้าต่างฆ่าไปแล้วคนละ 1 และกำลังตามไปช่วยเหลือพวกขุนพลของอาณาจักรไป๋อีกทาง ส่วนที่เหลือกำลังปะทะกันยังหาผลตัดสินไม่ได้ ศึกคราวนี้เสียหายหนักจริงๆ แต่จากที่ฟังมาจากอสูรกิ้งก่า หากไม่จัดการพวกมันเสียตรงนี้พวกมันจะบุกไปอาณาจักรอู๋อย่างแน่นอน โชคดีจริงๆที่พวกมันไม่ได้บุกมาโดยไม่ให้รู้ตัว ไม่อย่างนั้นกว่าจะขอความช่วยเหลือจากไป๋จูเหวินได้พวกมันคงเสียหายหนักไปแล้วแน่ๆ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรอสูรบรรพกาลบุตรอสูรบรรพกาล 388 ผู้ช่วย

Now you are reading บุตรอสูรบรรพกาล Chapter บุตรอสูรบรรพกาล 388 ผู้ช่วย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 388 ผู้ช่วย “จื่อหนิง ข้ามาแล้ว”ไก่ฟ้าหงอนทองตะโกนพลางพุ่งตัวเข้าไปช่วยจื่อหนิงที่กำลังโดนขุนพลของฝั่งตรงข้ามไล่โจมตี แม้พลังของจื่อหนิงจะห่างจากอีกฝ่ายขั้นหนึ่ง แต่เพราะนางมีปีกบินได้ทำให้นางยังรักยื้อเอาไว้ได้โดยไม่แพ้ง่ายๆ เปรี้ยง!!! ไก่ฟ้าหงอนทองพุ่งตัวไปข้างหน้าพร้อมสร้างลมพายุใต้ปีก เมื่อทะยานลงสู่พื้นก็สร้างแรงอัดลมมหาศาลพัดเอาทั้งพวกยอกฝีมือและขุนพลลอยปลิวออกไปเป็นวงกว้าง “อย่าคิดจะทำร้ายเมียข้าเชียว”ไก่ฟ้าหงอนทองปล่อยจิตสังหารออกมาก่อนสร้างพายุ 2 ลูกขึ้นมาแล้วปล่อยให้มันหมุนวนอยู่ข้างๆกันเพื่อเพิ่มแรงฉีกกนะชากระหว่างพายุแต่ละลูก “ฮ้าๆ นึกว่าเอาแต่เฝ้าไข่จนฝีมือตกแล้วซะอีกเจ้าไก่”พยัคฆ์อัสนีว่าพลางพุ่งวาบไปรอบๆด้วยความเร็วสูงจนมองตามแทบไม่ทัน “ผิดแล้ว ในฐานะพ่อและสามี ข้าแข็งแกร่งขึ้นต่างหากล่ะ”ไก่ฟ้าหงอนทองยืดอกพลางกางปีกของตนออกเมื่อตรงหน้าเหลือเพียงขุนพลระดับเจ้าสวรรค์เท่านั้น ตอนนี้เหล่าน้าๆของไป๋จูเหวินอยู่ระดับบรรพกาลขั้นที่ 2 ทำให้สามารถจัดการพวกขุนพลระดับ 1 ได้อย่างไม่ยากเย็น หน้าที่ของพวกมันคือจัดการขุนพลระดับเจ้าสวรรค์ขั้นที่ 1 ให้เร็วที่สุดแล้วไปช่วยพวกขุนพลอสูรของฝั่งตนเองจัดการขุนพลระดับเจ้าสวรรค์ขั้นที่ 1 คนอื่นๆต่อ ตูม!!! ทหารมรกตขนาดยักษ์กระทืบเท้าลงบนพื้นอย่างแรงเพื่อเปิดทางให้กับหยงเวยที่กำลังเดินตามทหารมรกตของตน ตอนนี้มารทั้ง 2 ตนของมันแยกย้ายกันไปช่วยเหลือพวกขุนพลมนุษย์แล้ว ทำให้หยงเวยมุ่งตรงไปหานางพญาผีเสื้อในทันที เป้าหมายของหยงเวยแต่เดิมคือขุนพลขวาที่มีระดับเท่าๆกับตน แต่เพราะมันบุกออกมาโจมตีนางพญาผีเสื้อก่อนทำให้หยงเวยไม่มีทางเลือกต้องร่วมมือกับนางพญาผีเสื้อเพื่อจัดการขุนพลขวาเท่านั้น เปรี้ยง!! อยู่ๆเงาร่างหนึ่งก็พุ่งวาบเข้าใส่หยงเวยอย่างจัง แต่เพราะทั้งร่างของหยงเวยมีเกราะมรกตปกคลุมเอาไว้ทำให้ไม่ได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีของอีกฝ่ายเลย “คิดจะไปไหน”ชายคนนั้นพูดพลางดันดาบรูปร่างแปลกๆเข้าใส่หยงเวย ดาบของชายตรงหน้าหยงเวยเป็นดาบบางและแหลม มันเล็กกว่ากระบี่เสียอีก ท่าทางจะเป็นดาบที่ขยับได้เร็วมากทีเดียว แต่มันกลับเจาะเกราะของหยงเวยไม่เข้าเสียอย่างนั้น เพราะพลังของทั้งสองต่างกันเกินไปนั่นเอง วูบ!! หยงเวยใช้ดาบมรกตเหวี่ยงวาบใส่ชายคนนั้น แต่เพียงพริบตาเดียวชายคนนั้นก็หายวาบไปยืนอยู่ด้านหลังหยงเวยก่อนจะแทงดาบเข้ามาใส่หลังของหยงเวย แต่ก็ติดเกราะมรกตของหยงเวยเข้าอย่างจังเช่นเดิม “ฮ้าๆ จับข้าไม่ทันละสิ”ชายคนนั้นว่าพลางเร่งการโจมตีขึ้นหลายเท่า เมื่อเห็นว่าการโจมตีใส่ครั้งเดียวเจาะเกราะของหยงเวยไม่เข้า มันเลยเริ่มโจมตีย้ำเข้าจุดเดิมซ้ำๆ เพียงแต่วิธีนี้หยงเวยไม่ได้เจอเป็นครั้งแรก และความเร็วระดับนี้ก็ไม่ใช่ความเร็วสูงสุดที่หยงเวยเคยเจอด้วย “ข้าไม่มีเวลามาเล่นกับเจ้าหรอกนะ”หยงเวยพูดพลางเดินต่อโดยไม่สนใจขุนพลคนนั้นเลย ตอนนี้มันต้องมุ่งหน้าเข้าไปหาแม่ทัพขวา แม้อีกฝ่ายจะล้ำหน้าออกมาแล้วก็ตามแต่เพราะหยงเวยไม่ใช่พวกเน้นความเร็วทำให้หยงเวยต้องใช้เวลาพักหนึ่งในการเดินทางไปหาแม่ทัพขวาที่แนวหลัง “ฮ้าๆ จริงๆเจ้าก็แค่จับข้าไม่ทันใช่ไหมล่ะ ตามข้ามาสิ”ชายคนนั้นพูดเย้าหยอกหยงเวย เพราะเห็นได้ชัดว่าหยงเวยมุ่งหน้าไปที่ไหน ตอนนี้แม่ทัพขวาแค่รับมือนางพญาผีเสื้อก็เต็มแรงแล้ว ขืนปล่อยหยงเวยไปช่วยท่านต้องลำบากแน่ๆ “มีคนที่เหมาะจะสู้กับเจ้ามากกว่าข้า”หยงเวยยิ้มพลางเดินต่อโดยไม่ได้สนใจคำยั่วยุของอีกฝ่าย ในเมื่อในหัวมันมีมาร 6 ตนคอยปั่นประสาทอยู่ตลอดเวลา มันจะไปสนใจเสียงยั่วยุที่เหมือนเด็กเล่นแบบนี้ไปทำไม “หา คนที่เหมาะจะสู้กับข้….” เปรี้ยง!! ยังไม่ทันพูดจบสายฟ้าสายหนึ่งก็พุ่งเข้ามาใส่ร่างของชายหนุ่มทันที ความเร็วเหมือนกลายเป็นสายฟ้าเช่นนี้นอกจากพยัคฆ์อัสนีแล้วก็คงมีแต่อู๋หมิงเท่านั้น “ขอโทษที สหายของข้ากำลังรีบ ข้าจะเป็นเพื่อนเล่นให้เจ้าเอง”อู๋หมิงยิ้มพลางปล่อยสายฟ้าออกมาพร้อมเคล็ดวิชาเทวะปราบมาร อีกฝ่ายแม่จะดูกระจอกที่ทำอะไรหยงเวยไม่ได้ แต่จากข่าวที่อสูรกิ้งก่าได้มา ชายคนนี้เป็นคนที่เร็วที่สุดในบันดาขุนพลของฝั่งอีมอร์ “คิดว่าเจ้าใช้สายฟ้าได้คนเดียวหรือไง”ชายคนนั้นพูดพลางปล่อยพลังธาตุสายฟ้าออกมาเช่นกัน “มาเลย”อู๋หมิงยิ้มพลางกำกระบี่ในมือแน่น มันไม่ได้ประลองความเร็วแบบนี้มานานมากแล้วตั้งแต่ประลองกับฝ่ามือประกายอัสนีของไป๋จูเหวิน หลังจากเรื่องการโจมตีของมารครั้งนั้น อู๋หมิงก็บรรลุความเร็วที่แม้แต่ไป๋จูเหวินยังตามไม่ทัน เปรี้ยงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ กระบี่และดาบเรเปียร์ราวกับแตกกิ่งก้านออกมาฟาดฟันใส่กัน ชั่วพริบตาที่ผู้ใช้พลังธาตุสายฟ้าระดับสูงทั้งสองเข้าปะทะกัน ราวกับตรงหน้าว่างเปล่าไปหลายอึดใจ สิ่งที่หลงเหลืออยู่มีเพียงเสียงโลหะกระทบกันเท่านั้น “……”ชายที่ใช้ดาบเรเปียร์เงียบปากไปทันทีหลังจากการปะทะระรอกแรก แม้จะยังไม่ได้รับบาดเจ็บกัน แต่อีกฝ่ายก็เหมือนจะเร็วกว่ามันนิดหน่อย ทำให้ดาบของมันโดนขัดขวางอยู่หลายครั้ง เปรี้ยงๆๆๆๆๆๆๆ กระบี่ในมือของอู๋หมิงเร็วและรุนแรงอย่างมากทำให้ชายที่ใช้เรเปียร์กัดฟันกรอด ฉั๊วๆๆ ไม่นานหลังจากปะทะกันอย่างรุนแรงและรวดเร็ว ฝ่ายชายที่ใช้เรเปียร์ก็เริ่มได้รับบาดเจ็บบ้างแล้ว “ฮึ้ย”ชายที่ใช้เรเปียร์กัดฟันกรอดเพิ่มความเร็วในการรับมือให้มากขึ้น แต่กระบี่ของอู๋หมิงกลับไวกว่าอยู่ช่วงหนึ่ง แม้สายตาคนอื่นจะมองพวกมันเหมือนต่างฝ่ายต่างโจมตี แต่ชายที่ใช้เรเปียร์กลับรู้ดีว่าคนที่โดนกดดันคือฝ่ายตนเองต่างหาก ฟุบ!! ในเมื่อยืนปะทะไม่ไหวชายที่ใช้เรเปียร์ก็อาศัยการเคลื่อนไหวเพื่อสร้างโอกาสโจมตีเพิ่ม เพียงแต่…. เปรี้ยง!! พริบตาเดียวอู๋หมิงก็ทะยานวาบเข้ามาใส่ร่างของชายที่ใช้เรเปียร์ด้วยความเร็วสูง มันคือกระบวนท่ากระบี่อัสนีข้ามฟ้านั่นเอง “พวกเจ้าใช้เลือดของอสูรกระตุ้นพลังวิญญาณสินะ ไม่สิที่อาณาจักรของเจ้าเรียกว่าพลังรูนสินะ”อู๋หมิงว่าพลางเรียกสายฟ้าลงมาที่กระบี่ของตนหลังจากซัดชายที่ใช้เรเปียร์จนลอยไปข้างหลัง “อึก…”ชายที่ใช้เรเปียร์มีท่าทีตกใจ แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรออกมา แม้อีกฝ่ายจะอยู่ระดับเจ้าสวรรค์ขั้นที่ 2 แต่วิชาที่ใช้กลับธรรมดากว่าที่คิด เมื่อยู่ต่อหน้าเจ้าแห่งกระบวนท่าอย่างอู๋หมิง มันรู้สึกรับมือได้ง่ายมากทีเดียว “เจ้า..”ชายที่ใช้เรเปียร์กัดฟันกรอด ไม่นึกว่าจะมีคนที่เร็วกว่าตัวมันเองอยู่อีก ทั้งๆที่ตัวมันมีพลังระดับนี้แล้วแท้ๆ “ตายซะ”ชายที่ใช้เรเปียร์คำรามพลางเร่งพลังวิญญาณขึ้นมาจนทะลุขีดจำกัด มันพุ่งวาบเข้ามาใส่อู๋หมิง ก่อนที่ร่างของมันจะแยกออกเป็นสิบร่างในพริบตาเดียว “……..”อู๋หมิงมองร่างทั้งสิบด้วยสายตานิ่งสงบ แม้จะดูเหมือนอีกฝ่ายกำลังใช้ท่าไม้ตายออกมา แต่วิชาแยกร่างเช่นนี้เทียบกับของน้าพยัคฆ์ไม่ได้เลย เปรี้ยงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อู๋หมิงแยกร่างออกเป็นสิบร่างเช่นกันเพื่อรับมืออีกฝ่าย ทำเอาคนที่ตกใจกลับเป็นฝ่ายชายที่ใช้เรเปียร์เสียเอง วิชานี้ของมันเป็นวิชาลับก้นหีบที่แม่แต่ขุนพลคนอื่นๆยังไม่สามารถหาทางรับมือได้ ในอาณาจักรของมันหากไม่นับองค์จักรพรรดิและท่านแม่ทัพซ้ายขวาแล้วก็มีเพียงขุนพลลำดับ 1 2 และ 3 เท่านั้นที่รับมือท่านี้ของมันได้ เปรี้ยง!!! สายฟ้าสายหนึ่งพุ่งลงมาใส่กระบี่ทัณฑ์สวรรค์ในมือของอู๋หมิง ก่อนที่สายฟ้าจะลามไปทั่วร่างของอู๋หมิงอย่างช้าๆ “นั่นมัน……”ชายที่ใช้เรเปียร์เบิกตากว้างมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ “ถือเป็นของขวัญก่อนตายก็แล้วกัน”อู๋หมิงยิ้มบางๆขณะที่สายฟ้ากำลังห่อหุ้มร่างของมันจนเหมือนกลายเป็นชุดที่ทำจากสายฟ้าไม่มีผิด วิชานี้มันได้มาจากการต่อสู้กับมารเลยทีเดียว “หนอย”ชายที่ใช้เรย์เปียทะยานวาบเข้ามาใส่อู๋หมิงด้วยแรงเฮือกสุดท้ายที่เหลืออยู่ แต่ก่อนจะได้แยกร่างออกเพื่อโจมตีกระบี่ของอู๋หมิงก็เข้ามาถึงตัวมันก่อนจะแทงเข้าใส่ร่างของมันอย่างจัง เปรี้ยง!!! สายฟ้าสีขาวฟาดผ่านสนามรบจากแนวหน้าของอีมอร์จนถึงแนวหลังทำเอาเหล่าทหารต่างมองเป็นสายตาเดียวกันว่าเกิดอะไรขึ้น “ท่านขุนพล….”ชายคนหนึ่งที่อยู่แนวหลังมองภาพตรงหน้าด้วยท่าทางไม่อยากจะเชื่อ เมื่อครุ่มันเหมือนเห็นแสงสว่างวาบหนึ่งเท่านั้น แล้วอยู่ๆร่างของขุนพลที่ควรจะอยู่แนวหน้าและร่างของข้าศึกที่กำลังดึงกระบี่ออกจากศพของท่านขุนก็มาโผล่ที่ทัพหลังนี่เสียแล้ว “ฆ่ามัน”โอเร็มที่เฝ้าอยู่ด้านหลังเข้ามาโจมตีอู๋หมิงทันที แต่เพียงพริบตาเดียวร่างของอู๋หมิงก็หายไปจากสายตา “มันหายไปไหนแล้ว”เหล่าทหารต่างมองไปรอบๆแต่กลับไปพบอะไรเลย หรือว่ามันจะหนีไปแล้ว เปรี้ยงๆๆๆๆๆๆๆ อยู่ๆร่างของเหล่าทหารก็กระเด็นไปคนละทิศคนละทางพร้อมเลือดที่สาดกระเซ็นไปจนทั่ว เปรี้ยง!! ในที่สุดสายฟ้าสีขาวก็มาหยุดอยู่ที่ร่างของโอเร็มผู้ใช้เนตรจิต แม้จะมองเห็นรอบด้าน แต่หากอีกฝ่ายเคลื่อนไหวเร็วจนไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตาเนตรจิตของโอเร็มก็ไร้ความหมาย “อัก…”โอเร็มเลื่อนฝ่ามือมาจับที่อกของตนเอง นี่มันโดนแทงงั้นหรือ? โดนแทงตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? เปรี้ยง!! โอเร็มมองภาพตรงหน้าขณะที่ร่างของมันกำลังล้มลงกับพื้น อู๋หมิงที่ยืนอยู่กลางกองทัพของมันเรียกสายฟ้าลงมาจากท้องฟ้าเหมือนกำลังส่งสัญญาณอะไรบางอย่างไม่มีผิด “พระเจ้า…..สายฟ้า….”โอเร็มรำพึงออกมาพร้อมทิ้งตัวลงนอนกับพื้น “ฆ่าพวกมันให้หมด”หลังจากอู๋หมิงเรียกสายฟ้าลงมาไม่นานขุนพลกิ้งก่าก็พากำลังพลบุกเข้ามาจากด้านหลัง สายฟ้าเมื่อครู่สร้างขึ้นเพื่อบอกว่าผู้ใช้เนตรจิตของอีกฝ่ายตายไปแล้วนั่นเอง “ขอบพระคุณมากองค์จักรพรรดิอู๋”อสูรกิ้งก่าที่ทำหน้าที่สืบข่าวพูดพลางมองศพของโอเร็มที่นอนอยู่บนพื้น คราวก่อนมันโดนเจ้านี่เจอตัวทำเอาเกือบตาย วันนี้นับว่าได้แก้แค้นแล้ว “ไม่เป็นไร”อู๋หมิงยิ้มรับพลางปล่อยพลังสายฟ้าออกจากร่าง ตอนนี้มันยืนอยู่บนเนินเขาด้านหลังของพวกอีมอร์ทำให้เห็นสถาณการณ์ได้โดยรอบ ความเสียหายของพลทหารระดับยอดฝีมือทั้งสองฝ่ายนั้นสูงมาก แต่การปะทะกันของพวกระดับสูงฝ่ายอาณาจักรไชน์ได้เปรียบมากกว่าทีเดียว ตัวอู๋หมิงฆ่าไปแล้ว 2 คน พวกท่านน้าต่างฆ่าไปแล้วคนละ 1 และกำลังตามไปช่วยเหลือพวกขุนพลของอาณาจักรไป๋อีกทาง ส่วนที่เหลือกำลังปะทะกันยังหาผลตัดสินไม่ได้ ศึกคราวนี้เสียหายหนักจริงๆ แต่จากที่ฟังมาจากอสูรกิ้งก่า หากไม่จัดการพวกมันเสียตรงนี้พวกมันจะบุกไปอาณาจักรอู๋อย่างแน่นอน โชคดีจริงๆที่พวกมันไม่ได้บุกมาโดยไม่ให้รู้ตัว ไม่อย่างนั้นกว่าจะขอความช่วยเหลือจากไป๋จูเหวินได้พวกมันคงเสียหายหนักไปแล้วแน่ๆ

ตอนที่ 388

ผู้ช่วย

“จื่อหนิง ข้ามาแล้ว”ไก่ฟ้าหงอนทองตะโกนพลางพุ่งตัวเข้าไปช่วยจื่อหนิงที่กำลังโดนขุนพลของฝั่งตรงข้ามไล่โจมตี แม้พลังของจื่อหนิงจะห่างจากอีกฝ่ายขั้นหนึ่ง แต่เพราะนางมีปีกบินได้ทำให้นางยังรักยื้อเอาไว้ได้โดยไม่แพ้ง่ายๆ

เปรี้ยง!!! ไก่ฟ้าหงอนทองพุ่งตัวไปข้างหน้าพร้อมสร้างลมพายุใต้ปีก เมื่อทะยานลงสู่พื้นก็สร้างแรงอัดลมมหาศาลพัดเอาทั้งพวกยอกฝีมือและขุนพลลอยปลิวออกไปเป็นวงกว้าง

“อย่าคิดจะทำร้ายเมียข้าเชียว”ไก่ฟ้าหงอนทองปล่อยจิตสังหารออกมาก่อนสร้างพายุ 2 ลูกขึ้นมาแล้วปล่อยให้มันหมุนวนอยู่ข้างๆกันเพื่อเพิ่มแรงฉีกกนะชากระหว่างพายุแต่ละลูก

“ฮ้าๆ นึกว่าเอาแต่เฝ้าไข่จนฝีมือตกแล้วซะอีกเจ้าไก่”พยัคฆ์อัสนีว่าพลางพุ่งวาบไปรอบๆด้วยความเร็วสูงจนมองตามแทบไม่ทัน

“ผิดแล้ว ในฐานะพ่อและสามี ข้าแข็งแกร่งขึ้นต่างหากล่ะ”ไก่ฟ้าหงอนทองยืดอกพลางกางปีกของตนออกเมื่อตรงหน้าเหลือเพียงขุนพลระดับเจ้าสวรรค์เท่านั้น ตอนนี้เหล่าน้าๆของไป๋จูเหวินอยู่ระดับบรรพกาลขั้นที่ 2 ทำให้สามารถจัดการพวกขุนพลระดับ 1 ได้อย่างไม่ยากเย็น หน้าที่ของพวกมันคือจัดการขุนพลระดับเจ้าสวรรค์ขั้นที่ 1 ให้เร็วที่สุดแล้วไปช่วยพวกขุนพลอสูรของฝั่งตนเองจัดการขุนพลระดับเจ้าสวรรค์ขั้นที่ 1 คนอื่นๆต่อ

ตูม!!! ทหารมรกตขนาดยักษ์กระทืบเท้าลงบนพื้นอย่างแรงเพื่อเปิดทางให้กับหยงเวยที่กำลังเดินตามทหารมรกตของตน ตอนนี้มารทั้ง 2 ตนของมันแยกย้ายกันไปช่วยเหลือพวกขุนพลมนุษย์แล้ว ทำให้หยงเวยมุ่งตรงไปหานางพญาผีเสื้อในทันที เป้าหมายของหยงเวยแต่เดิมคือขุนพลขวาที่มีระดับเท่าๆกับตน แต่เพราะมันบุกออกมาโจมตีนางพญาผีเสื้อก่อนทำให้หยงเวยไม่มีทางเลือกต้องร่วมมือกับนางพญาผีเสื้อเพื่อจัดการขุนพลขวาเท่านั้น

เปรี้ยง!! อยู่ๆเงาร่างหนึ่งก็พุ่งวาบเข้าใส่หยงเวยอย่างจัง แต่เพราะทั้งร่างของหยงเวยมีเกราะมรกตปกคลุมเอาไว้ทำให้ไม่ได้รับบาดเจ็บจากการโจมตีของอีกฝ่ายเลย

“คิดจะไปไหน”ชายคนนั้นพูดพลางดันดาบรูปร่างแปลกๆเข้าใส่หยงเวย ดาบของชายตรงหน้าหยงเวยเป็นดาบบางและแหลม มันเล็กกว่ากระบี่เสียอีก ท่าทางจะเป็นดาบที่ขยับได้เร็วมากทีเดียว แต่มันกลับเจาะเกราะของหยงเวยไม่เข้าเสียอย่างนั้น เพราะพลังของทั้งสองต่างกันเกินไปนั่นเอง

วูบ!! หยงเวยใช้ดาบมรกตเหวี่ยงวาบใส่ชายคนนั้น แต่เพียงพริบตาเดียวชายคนนั้นก็หายวาบไปยืนอยู่ด้านหลังหยงเวยก่อนจะแทงดาบเข้ามาใส่หลังของหยงเวย แต่ก็ติดเกราะมรกตของหยงเวยเข้าอย่างจังเช่นเดิม

“ฮ้าๆ จับข้าไม่ทันละสิ”ชายคนนั้นว่าพลางเร่งการโจมตีขึ้นหลายเท่า เมื่อเห็นว่าการโจมตีใส่ครั้งเดียวเจาะเกราะของหยงเวยไม่เข้า มันเลยเริ่มโจมตีย้ำเข้าจุดเดิมซ้ำๆ เพียงแต่วิธีนี้หยงเวยไม่ได้เจอเป็นครั้งแรก และความเร็วระดับนี้ก็ไม่ใช่ความเร็วสูงสุดที่หยงเวยเคยเจอด้วย

“ข้าไม่มีเวลามาเล่นกับเจ้าหรอกนะ”หยงเวยพูดพลางเดินต่อโดยไม่สนใจขุนพลคนนั้นเลย ตอนนี้มันต้องมุ่งหน้าเข้าไปหาแม่ทัพขวา แม้อีกฝ่ายจะล้ำหน้าออกมาแล้วก็ตามแต่เพราะหยงเวยไม่ใช่พวกเน้นความเร็วทำให้หยงเวยต้องใช้เวลาพักหนึ่งในการเดินทางไปหาแม่ทัพขวาที่แนวหลัง

“ฮ้าๆ จริงๆเจ้าก็แค่จับข้าไม่ทันใช่ไหมล่ะ ตามข้ามาสิ”ชายคนนั้นพูดเย้าหยอกหยงเวย เพราะเห็นได้ชัดว่าหยงเวยมุ่งหน้าไปที่ไหน ตอนนี้แม่ทัพขวาแค่รับมือนางพญาผีเสื้อก็เต็มแรงแล้ว ขืนปล่อยหยงเวยไปช่วยท่านต้องลำบากแน่ๆ

“มีคนที่เหมาะจะสู้กับเจ้ามากกว่าข้า”หยงเวยยิ้มพลางเดินต่อโดยไม่ได้สนใจคำยั่วยุของอีกฝ่าย ในเมื่อในหัวมันมีมาร 6 ตนคอยปั่นประสาทอยู่ตลอดเวลา มันจะไปสนใจเสียงยั่วยุที่เหมือนเด็กเล่นแบบนี้ไปทำไม

“หา คนที่เหมาะจะสู้กับข้….”

เปรี้ยง!! ยังไม่ทันพูดจบสายฟ้าสายหนึ่งก็พุ่งเข้ามาใส่ร่างของชายหนุ่มทันที ความเร็วเหมือนกลายเป็นสายฟ้าเช่นนี้นอกจากพยัคฆ์อัสนีแล้วก็คงมีแต่อู๋หมิงเท่านั้น

“ขอโทษที สหายของข้ากำลังรีบ ข้าจะเป็นเพื่อนเล่นให้เจ้าเอง”อู๋หมิงยิ้มพลางปล่อยสายฟ้าออกมาพร้อมเคล็ดวิชาเทวะปราบมาร อีกฝ่ายแม่จะดูกระจอกที่ทำอะไรหยงเวยไม่ได้ แต่จากข่าวที่อสูรกิ้งก่าได้มา ชายคนนี้เป็นคนที่เร็วที่สุดในบันดาขุนพลของฝั่งอีมอร์

“คิดว่าเจ้าใช้สายฟ้าได้คนเดียวหรือไง”ชายคนนั้นพูดพลางปล่อยพลังธาตุสายฟ้าออกมาเช่นกัน

“มาเลย”อู๋หมิงยิ้มพลางกำกระบี่ในมือแน่น มันไม่ได้ประลองความเร็วแบบนี้มานานมากแล้วตั้งแต่ประลองกับฝ่ามือประกายอัสนีของไป๋จูเหวิน หลังจากเรื่องการโจมตีของมารครั้งนั้น อู๋หมิงก็บรรลุความเร็วที่แม้แต่ไป๋จูเหวินยังตามไม่ทัน

เปรี้ยงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ กระบี่และดาบเรเปียร์ราวกับแตกกิ่งก้านออกมาฟาดฟันใส่กัน ชั่วพริบตาที่ผู้ใช้พลังธาตุสายฟ้าระดับสูงทั้งสองเข้าปะทะกัน ราวกับตรงหน้าว่างเปล่าไปหลายอึดใจ สิ่งที่หลงเหลืออยู่มีเพียงเสียงโลหะกระทบกันเท่านั้น

“……”ชายที่ใช้ดาบเรเปียร์เงียบปากไปทันทีหลังจากการปะทะระรอกแรก แม้จะยังไม่ได้รับบาดเจ็บกัน แต่อีกฝ่ายก็เหมือนจะเร็วกว่ามันนิดหน่อย ทำให้ดาบของมันโดนขัดขวางอยู่หลายครั้ง

เปรี้ยงๆๆๆๆๆๆๆ กระบี่ในมือของอู๋หมิงเร็วและรุนแรงอย่างมากทำให้ชายที่ใช้เรเปียร์กัดฟันกรอด

ฉั๊วๆๆ ไม่นานหลังจากปะทะกันอย่างรุนแรงและรวดเร็ว ฝ่ายชายที่ใช้เรเปียร์ก็เริ่มได้รับบาดเจ็บบ้างแล้ว

“ฮึ้ย”ชายที่ใช้เรเปียร์กัดฟันกรอดเพิ่มความเร็วในการรับมือให้มากขึ้น แต่กระบี่ของอู๋หมิงกลับไวกว่าอยู่ช่วงหนึ่ง แม้สายตาคนอื่นจะมองพวกมันเหมือนต่างฝ่ายต่างโจมตี แต่ชายที่ใช้เรเปียร์กลับรู้ดีว่าคนที่โดนกดดันคือฝ่ายตนเองต่างหาก

ฟุบ!! ในเมื่อยืนปะทะไม่ไหวชายที่ใช้เรเปียร์ก็อาศัยการเคลื่อนไหวเพื่อสร้างโอกาสโจมตีเพิ่ม เพียงแต่….

เปรี้ยง!! พริบตาเดียวอู๋หมิงก็ทะยานวาบเข้ามาใส่ร่างของชายที่ใช้เรเปียร์ด้วยความเร็วสูง มันคือกระบวนท่ากระบี่อัสนีข้ามฟ้านั่นเอง

“พวกเจ้าใช้เลือดของอสูรกระตุ้นพลังวิญญาณสินะ ไม่สิที่อาณาจักรของเจ้าเรียกว่าพลังรูนสินะ”อู๋หมิงว่าพลางเรียกสายฟ้าลงมาที่กระบี่ของตนหลังจากซัดชายที่ใช้เรเปียร์จนลอยไปข้างหลัง

“อึก…”ชายที่ใช้เรเปียร์มีท่าทีตกใจ แต่ก็ไม่ได้ตอบอะไรออกมา แม้อีกฝ่ายจะอยู่ระดับเจ้าสวรรค์ขั้นที่ 2 แต่วิชาที่ใช้กลับธรรมดากว่าที่คิด เมื่อยู่ต่อหน้าเจ้าแห่งกระบวนท่าอย่างอู๋หมิง มันรู้สึกรับมือได้ง่ายมากทีเดียว

“เจ้า..”ชายที่ใช้เรเปียร์กัดฟันกรอด ไม่นึกว่าจะมีคนที่เร็วกว่าตัวมันเองอยู่อีก ทั้งๆที่ตัวมันมีพลังระดับนี้แล้วแท้ๆ

“ตายซะ”ชายที่ใช้เรเปียร์คำรามพลางเร่งพลังวิญญาณขึ้นมาจนทะลุขีดจำกัด มันพุ่งวาบเข้ามาใส่อู๋หมิง ก่อนที่ร่างของมันจะแยกออกเป็นสิบร่างในพริบตาเดียว

“……..”อู๋หมิงมองร่างทั้งสิบด้วยสายตานิ่งสงบ แม้จะดูเหมือนอีกฝ่ายกำลังใช้ท่าไม้ตายออกมา แต่วิชาแยกร่างเช่นนี้เทียบกับของน้าพยัคฆ์ไม่ได้เลย

เปรี้ยงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อู๋หมิงแยกร่างออกเป็นสิบร่างเช่นกันเพื่อรับมืออีกฝ่าย ทำเอาคนที่ตกใจกลับเป็นฝ่ายชายที่ใช้เรเปียร์เสียเอง วิชานี้ของมันเป็นวิชาลับก้นหีบที่แม่แต่ขุนพลคนอื่นๆยังไม่สามารถหาทางรับมือได้ ในอาณาจักรของมันหากไม่นับองค์จักรพรรดิและท่านแม่ทัพซ้ายขวาแล้วก็มีเพียงขุนพลลำดับ 1 2 และ 3 เท่านั้นที่รับมือท่านี้ของมันได้

เปรี้ยง!!! สายฟ้าสายหนึ่งพุ่งลงมาใส่กระบี่ทัณฑ์สวรรค์ในมือของอู๋หมิง ก่อนที่สายฟ้าจะลามไปทั่วร่างของอู๋หมิงอย่างช้าๆ

“นั่นมัน……”ชายที่ใช้เรเปียร์เบิกตากว้างมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ

“ถือเป็นของขวัญก่อนตายก็แล้วกัน”อู๋หมิงยิ้มบางๆขณะที่สายฟ้ากำลังห่อหุ้มร่างของมันจนเหมือนกลายเป็นชุดที่ทำจากสายฟ้าไม่มีผิด วิชานี้มันได้มาจากการต่อสู้กับมารเลยทีเดียว

“หนอย”ชายที่ใช้เรย์เปียทะยานวาบเข้ามาใส่อู๋หมิงด้วยแรงเฮือกสุดท้ายที่เหลืออยู่ แต่ก่อนจะได้แยกร่างออกเพื่อโจมตีกระบี่ของอู๋หมิงก็เข้ามาถึงตัวมันก่อนจะแทงเข้าใส่ร่างของมันอย่างจัง

เปรี้ยง!!! สายฟ้าสีขาวฟาดผ่านสนามรบจากแนวหน้าของอีมอร์จนถึงแนวหลังทำเอาเหล่าทหารต่างมองเป็นสายตาเดียวกันว่าเกิดอะไรขึ้น

“ท่านขุนพล….”ชายคนหนึ่งที่อยู่แนวหลังมองภาพตรงหน้าด้วยท่าทางไม่อยากจะเชื่อ เมื่อครุ่มันเหมือนเห็นแสงสว่างวาบหนึ่งเท่านั้น แล้วอยู่ๆร่างของขุนพลที่ควรจะอยู่แนวหน้าและร่างของข้าศึกที่กำลังดึงกระบี่ออกจากศพของท่านขุนก็มาโผล่ที่ทัพหลังนี่เสียแล้ว

“ฆ่ามัน”โอเร็มที่เฝ้าอยู่ด้านหลังเข้ามาโจมตีอู๋หมิงทันที แต่เพียงพริบตาเดียวร่างของอู๋หมิงก็หายไปจากสายตา

“มันหายไปไหนแล้ว”เหล่าทหารต่างมองไปรอบๆแต่กลับไปพบอะไรเลย หรือว่ามันจะหนีไปแล้ว

เปรี้ยงๆๆๆๆๆๆๆ อยู่ๆร่างของเหล่าทหารก็กระเด็นไปคนละทิศคนละทางพร้อมเลือดที่สาดกระเซ็นไปจนทั่ว

เปรี้ยง!! ในที่สุดสายฟ้าสีขาวก็มาหยุดอยู่ที่ร่างของโอเร็มผู้ใช้เนตรจิต แม้จะมองเห็นรอบด้าน แต่หากอีกฝ่ายเคลื่อนไหวเร็วจนไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตาเนตรจิตของโอเร็มก็ไร้ความหมาย

“อัก…”โอเร็มเลื่อนฝ่ามือมาจับที่อกของตนเอง นี่มันโดนแทงงั้นหรือ? โดนแทงตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?

เปรี้ยง!! โอเร็มมองภาพตรงหน้าขณะที่ร่างของมันกำลังล้มลงกับพื้น อู๋หมิงที่ยืนอยู่กลางกองทัพของมันเรียกสายฟ้าลงมาจากท้องฟ้าเหมือนกำลังส่งสัญญาณอะไรบางอย่างไม่มีผิด

“พระเจ้า…..สายฟ้า….”โอเร็มรำพึงออกมาพร้อมทิ้งตัวลงนอนกับพื้น

“ฆ่าพวกมันให้หมด”หลังจากอู๋หมิงเรียกสายฟ้าลงมาไม่นานขุนพลกิ้งก่าก็พากำลังพลบุกเข้ามาจากด้านหลัง สายฟ้าเมื่อครู่สร้างขึ้นเพื่อบอกว่าผู้ใช้เนตรจิตของอีกฝ่ายตายไปแล้วนั่นเอง

“ขอบพระคุณมากองค์จักรพรรดิอู๋”อสูรกิ้งก่าที่ทำหน้าที่สืบข่าวพูดพลางมองศพของโอเร็มที่นอนอยู่บนพื้น คราวก่อนมันโดนเจ้านี่เจอตัวทำเอาเกือบตาย วันนี้นับว่าได้แก้แค้นแล้ว

“ไม่เป็นไร”อู๋หมิงยิ้มรับพลางปล่อยพลังสายฟ้าออกจากร่าง ตอนนี้มันยืนอยู่บนเนินเขาด้านหลังของพวกอีมอร์ทำให้เห็นสถาณการณ์ได้โดยรอบ ความเสียหายของพลทหารระดับยอดฝีมือทั้งสองฝ่ายนั้นสูงมาก แต่การปะทะกันของพวกระดับสูงฝ่ายอาณาจักรไชน์ได้เปรียบมากกว่าทีเดียว ตัวอู๋หมิงฆ่าไปแล้ว 2 คน พวกท่านน้าต่างฆ่าไปแล้วคนละ 1 และกำลังตามไปช่วยเหลือพวกขุนพลของอาณาจักรไป๋อีกทาง ส่วนที่เหลือกำลังปะทะกันยังหาผลตัดสินไม่ได้ ศึกคราวนี้เสียหายหนักจริงๆ แต่จากที่ฟังมาจากอสูรกิ้งก่า หากไม่จัดการพวกมันเสียตรงนี้พวกมันจะบุกไปอาณาจักรอู๋อย่างแน่นอน โชคดีจริงๆที่พวกมันไม่ได้บุกมาโดยไม่ให้รู้ตัว ไม่อย่างนั้นกว่าจะขอความช่วยเหลือจากไป๋จูเหวินได้พวกมันคงเสียหายหนักไปแล้วแน่ๆ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+