บุตรอสูรบรรพกาลบุตรอสูรบรรพกาล 409 ใช้เวลาสะสม

Now you are reading บุตรอสูรบรรพกาล Chapter บุตรอสูรบรรพกาล 409 ใช้เวลาสะสม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 409

ใช้เวลาสะสม

วูบ..ร่างของชินอี้ที่กำลังขี่อยู่บนหลังของอีกาซึ่งเป็นหนึ่งในทหารอสูรในกองทัพของจื่อหนิงกำลังจะออกบินพร้อมร่างของไป๋หลินที่หลับไปเพราะความสามารถพิเศษของอสูรปรสิตเองก็อยู่บนร่างของมันเช่นกัน

“ชินอี้…”ยังไม่ทันได้ออกบิน ร่างของชิงชิวก็ปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของอสูรอีกาเสียก่อน ชิงชิวปกติอยู่ไม่ห่างไป๋หลินอยู่แล้ว ยิ่งตอนนี้นางเฝ้าอาการของน้องชายอยู่ในวังยิ่งทำให้ชิงชิวต้องคอยระวัง แถมทันทีที่กลิ่นของมีดสั้นหายไปชิงชิวก็รู้ได้ทันทีว่ามีเรื่องผิดปกติ ชิงชิวจึงกลายเป็นคนแรกที่บุกเข้ามาถึงตัวชินอี้นั่นเอง

“ชินอี้ เจ้าทำอะไร….”ชิงชิวอึ้งไปเมื่อเห็นชินอี้กำลังจะพาร่างของไป๋หลินบินขึ้นฟ้า

“ว่าแล้วว่าต้องเป็นเจ้า”ชินอี้มองมาทางชิงชิวด้วยท่าทีไม่ชอบใจนัก แม้จะทายถูกที่ชิงชิวจะมาเป็นคนแรก แต่ชินอี้ก็ไม่ชอบนักที่ต้องเจอกับความสามารถพิเศษของชิงชิว

ตูม!!! หอกเล่มหนึ่งพุ่งวาบเข้าใส่ชิงชิว แต่โชคดีที่ชิงชิวหลบออกมาทันทำให้ชิงชิวไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร แต่หากชิงชิวไม่ได้หลบหอกเล่มนั้นก็คงหมายเอาชีวิตมันจริงๆแน่ๆ

“องค์ชาย เจ้านี้สินะที่ท่านฝากให้ข้าจัดการ”ชายคนหนึ่งเดินออกมาพลางปล่อยพลังอสูรมาทางชิงชิวอย่างรุนแรง พลังของมันอยู่ระดับมายาขั้นที่ 10 แข็งแกร่งพอๆกับระดับขุนพลอสูรเลย เพียงแต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ชิงชิวข้องใจคือดวงตาสีม่วงดวงเดียวของมันที่อยู่ตรงกลางใบหน้า

“ใช่ เจ้านี้คือคนที่จะมาขวางข้ากับพี่หญิง จัดการมันซะ”ชินอี้ว่าพลางบอกให้อสูรตาเดียวจัดการชิงชิวเสีย แน่นอนว่าการที่ชินอี้เลือกมันมาจัดการชิงชิวโดยเฉพาะต้องมีอะไรพิเศษอย่างแน่นอน

ฟุบ!! ชิงชิวเห็นชินอี้จะพาไป๋หลินไปมันก็รีบจะเข้าไปห้ามทันที แน่นอนว่ามันต้องใช้ความสามารถล่องหนเข้าไปตามตัวชินอี้อย่างที่มันเคยชิน เพียงแต่อสูรตาเดียวกลับเลื่อนสายตามองตามตัวชิงชิวราวกับความสามารถล่องหนหายตัวของชิงชิวไม่มีผล

เปรี้ยง! หอกในมือของมันกระแทกเข้ากับพื้นข้างๆตัวชิงชิวอย่างจัง โชคดีที่ชิงชิวเห็นดวงตาของมันมองตามตนเองมาเลยรู้ตัวก่อน หากยังไม่หยุดวิ่งละก็มันคงโดนหอกของอสูรตาเดียวแทงเข้าที่กลางลำตัวแล้วแน่ๆ

“ชินอี้ เจ้าจะทำอะไร”ชิงชิวยังไม่ถึงตัว ไป๋ไป่ในร่างมังกรก็บินเข้ามากางปีกปกคลุมท้องฟ้าด้านบนเอาไว้ เรื่องที่ชินอี้มีท่าทีผิดปกติไป๋ไป่เองก็ทราบ ทำให้นางเองก็ระแวงอยู่ไม่น้อย ไม่นึกเลยว่าจะลงเอยเป็นเช่นนี้

“พี่ไป๋ไป่ ท่านจะทำอะไร”ชินอี้ถามพลางมองมาทางไป๋ไป่นิ่ง

“ข้าต่างหากที่ต้องถามเข้าชินอี้ เจ้าจะพาไป๋น้อยไปไหน”ไป๋ไป่ถามด้วยท่าทีไม่พอใจ ไป๋หลินหลับไม่ได้สติเช่นนั้นไม่ใช่เรื่องธรรมดาแน่ๆ

“ข้าจะพาพี่หญิงไปอยู่กับข้าตามลำพัง”ชินอี้พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยราบกับการทำเช่นนี้เป็นสิ่งปกติที่สมควรทำแล้ว ทำให้ไป๋ไป่ทีบินอยู่ด้านบนแทบไม่อยากจะเชื่อ นี่ชินอี้กลายเป็นแบบนี้เพราะพลังของราคะจริงๆงั้นหรือ

“ข้าไม่ยอมให้เจ้าไปหรอก”ไป๋ไป่ว่าพลางกระพือปีกแรงขึ้นจนกระแสลมพัดใส่อีกาด้านล่างจนมันขึ้นบินไม่ได้ เพียงแต่…

“ท่านจะโจมตีข้าจริงๆงั้นหรือ”ชินอี้ถามพลางมองขึ้นไปหาไป๋ไป่ ทำให้นางนิ่งไปพักหนึ่ง แม้ไป๋ไป่จะไม่โดนพลังของชินอี้ดึงดูดจนยอมทำตามทุกอย่างเพราะนางเคยชินกับพลังของไป๋จูเหวินมาตั้งแต่เด็ก แต่หากถามว่านางสามารถโจมตีไป๋ชินอี้ได้หรือไม่ ลำพังแค่พลังของชินอี้ก็ทำให้นางโจมตีไม่ได้แล้ว ไม่ต้องพูดถึงการที่มันเป็นน้องชายของไป๋หลินที่นางเองก็เห็นมาแต่เด็กเลย

“ถ้าท่านทำไม่ได้ก็ถอยไป”ชินอี้พูดพลางปล่อยพลังวิญญาณของตนออกมา แม้พลังวิญญาณของชินอี้จะน้อย ติยิ่งปล่อยพลังวิญญาณออกมาเท่าไหร่ กลิ่นอายของชินอี้ก็ยิ่งรุนแรงเท่านั้น ทำให้ไป๋ไป่ที่บินอยู่ข้างบนได้แต่กัดฟันกรอดบินอยู่กับที่โดยทำอะไรไม่ได้

เปรี้ยง!! อีกด้านหนึ่งชิงชิวที่โดนอสูรตาเดียวไล่โจมตีก็มือไม้เป็นระวิงเลยทีเดียว แม้ชิงชิวจะสามารถสู้กับยอดฝีมือได้ แต่ก็ต้องพึ่งพาพลังล่องหนหายตัวด้วยเช่นกัน การสู้กับยอดฝีมือที่มองเห็นตัวมันนั้นยังถือเป็นเรื่องยากสำหรับชิงชิวไม่น้อย

ตูมๆ รับมืออสูรตาเดียวตามลำพังก็ว่ายากพอแล้ว อยู่ๆรอบๆตัวชิงชิวก็ปรากฏร่างของอสูรอีกจำนวนหนึ่งเข้ามาล้อมเอาไว้ ทำให้อสูรตาเดียวทำหน้าที่ชี้จุดของชิงชิวและปล่อยให้อสูรตนอื่นๆช่วยกันรุม

ตูม!!! อยู่ๆร่างของอสูรตนหนึ่งก็ลอยออกไปจากแรงกระแทกมหาศาล ทำเอาชิงชิวถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเลยทีเดียว

“องค์จักรพรรดิ”ชิงชิวว่าพลางมองไปทางไป๋จูเหวินที่เข้ามาเจอเหตุการณ์ตรงหน้าพอดี

“ชินอี้ นั่นลูกจะทำอะไร”ไป๋จูเหวินถามพลางมองชินอี้ที่กำลังขี่อีกาบินขึ้นไปบนท้องฟ้า

“ท่านพ่อ….ข้าขอโทษด้วย แต่ข้าไม่อาจทนปล่อยให้พี่หญิงไปอยู่กับคนอื่นได้อีกแล้ว”ชินอี้ตอบพลางก้มหน้าลงเล็กน้อย แม้จะต้องการตัวพี่หญิงของตน แต่ชินอี้ก็ไม่เคยคิดร้ายกับครอบครัว เมื่อเห็นว่าบิดามาพบตนเข้ามันก็มีท่าทีรู้สึกผิดอย่างเห็นได้ชัด

“ชินอี้ เจ้าเป็นอะไรไป ทำไมถึงคิดเช่นนั้น”เหม่ยหลินผู้เป็นมารดาถามพลางมองชินอี้ที่กำลังพยายามจะพาร่างของไป๋หลินหนีไป

“ข้า….ข้ามีแต่เพียงพี่หญิงเท่านั้น”ชินอี้ว่าพลางกำหมัดแน่น ตัวมันโดนพลังของราคะมาตั้งแต่แรกเกิด สิ่งสำคัญล้ำค่าของมันมีเพียงตัวไป๋หลินเท่านั้น ไม่ว่าจะสิ่งใดก็ไม่อาจจะมาแทนที่ได้ ทำให้ชินอี้ไม่อาจปล่อยวางเรื่องไป๋หลินได้ ต่อให้ชายที่จะมาเป็นคนรักของไป๋หลินจะดีเลิศเลอแค่ไหนก็ตาม

“ท่าทางข้าจะปล่อยปละละเลยเจ้ามากเกินไปสินะ”ไป๋จูเหวินว่าพลางปล่อยพลังวิญญาณของตนออกมา ไม่ใช่ว่าไป๋จูเหวินไม่อยากดูแลลูกๆของตนเอง แต่เพราะชินอี้ก็ทำตัวเป็นเด็กดีไม่เคยมีปัญหาอะไร ประกอบกับมันเป็นเด็กฉลาดไม่เคยทำให้ไป๋จูเหวินต้องกังวล ทำให้ทั้งไป๋จูเหวินทั้งเหม่ยหลินหลงคิดว่าชินอี้เองจะโตมาโดยไม่มีปัญหาอะไรเสียอีก ไม่นึกเลยว่าจะมีปัญหาร้ายแรงฝังลึกเช่นนี้ ตัวไป๋จูเหวินและเหม่ยหลินเองก็ยังไม่ทราบว่าจะแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างไร เพียงแต่ยามนี้จะปล่อยให้ชินอี้จากไปไม่ได้ ต้องกักตัวเอาไว้และหาทางแก้ไขเรื่องนี้อย่างจริงจังเสียแล้ว

“ท่านพ่อ ข้าทราบอยู่แล้วว่าท่านกับท่านแม่ต้องไม่ยอมแน่ๆ”ชินอี้ว่าพลางก้มหน้าลง ความจริงมันก็หวังเอาไว้ว่าพ่อของมันจะไม่มาเจอเข้า แต่ด้วยความสามารถของท่านพ่อ โอกาสที่มันจะหนีออกจากวังขณะที่พาอสูรจำนวนมากออกไปด้วยเช่นนี้โดยที่ท่านไม่รู้ตัวก็มีน้อยเสียเหลือเกิน

เปรี้ยง!! สายฟ้าสายหนึ่งพุ่งลงมาใส่ร่างของไป๋จูเหวินเข้าอย่างจัง ความรุนแรงของสายฟ้าครั้งนี้หากจะถามว่ารุนแรงแค่ไหนก็ต้องบอกว่าแม้แต่พยัคฆ์อัสนียังไม่อาจปล่อยสายฟ้าที่รุนแรงจนพื้นดินสั่นสะเทือนเช่นนี้ไม่ได้เลย

“…….”ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงัดหลังจากฟ้าผ่าลงมา ร่างของมังกรสีทองขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นเหนือท้องฟ้า ทำเอาพวกน้าๆที่อยู่ตามจุดๆต่างได้เห็นภาพนี้เข้าก็พลันนึกถึงตอนที่มังกรทองหวงหลงบุกเข้ามาในเขตอสูรของพวกมันขึ้นมาเลย เพียงแต่ยามนี้ความรู้สึกสิ้นหวังนั้นหนักหน่วงกว่ามาก

“บรรพกาลระดับ 10”ชิงชิวที่อยู่ด้านหลังไป๋จูเหวินเบิกตากว้างพลางอุทานออกมา ระดับพลังเช่นนี้ชิงชิวเคยสัมผัสได้จากอสูรเพียงตนเดียวเท่านั้น นั่นคือระดับพลังจากอสูรปักเป้าที่สามารถเป่าเมืองทั้งเมืองหายไปได้ด้วยกระสุนวายุนัดเดียวเท่านั้น

“ท่านพ่อ ท่านอย่ามาขวางข้าเลย”ชินอี้พูดจบอสูรอีกาก็บินขึ้นไปบนท้องฟ้าผ่านทั้งไป๋ไป่และอสูรปักเป้าที่ทำอะไรชินอี้ไม่ได้ไปอย่างง่ายดาย

“ขวางท่านพ่อกับท่านแม่เอาไว้ ห้ามทำร้านพวกท่านล่ะ”ชินอี้สั่งมังกรอัสนีทองคำก่อนจะบินจากไปทั้งๆอย่างนั้น

เปรี้ยง!! ไม่พูดพร่ำทำเพลง อัสนีสีทองนับร้อนๆเส้นก็ฟาดลงมาบนพื้นทันที เพียงแต่ความรุนแรงของมันไม่สามารถทำให้ไป๋จูเหวินบาดเจ็บได้เพราะยังมีเกราะแมงมุมอยู่ แต่ชิงชิวที่อยู่ด้านหลังนั้นไม่ใช่ เพียงพลังระดับทำให้ไป๋จูเหวินชะงักได้ก็มากพอแล้วที่จะทำให้ชิงชิวบาดเจ็บ

เปรี้ยง!!! เหม่ยหลินที่อยู่ไม่ห่างจากชิงชิวนักเรียกเกราะน้ำออกมาป้องกันตนเองและชิงชิวเอาไว้ เช่นเดียวกับเหล่าอสูรและทหารรอบๆที่พากันป้องกันตัวเองเอาไว้อย่างยากลำบาก สุดท้ายไป๋จูเหวินก็ไม่สามารถตามชินอี้ไปได้ทัน ส่วนพวกอสูรที่บินได้ก็โดนสายฟ้าเล่นงานจนต้องอยู่บนพื้นทำอะไรไม่ได้ แต่ถึงจะตามไปพวกตนก็ไม่สามารถต่อต้านพลังของชินอี้ได้อยู่แล้ว

“ท่านพี่….”เหม่ยหลินที่อยู่ข้างๆไป๋จูเหวินเรียกหาไป๋จูเหวินเบาๆด้วยสีหน้ากังวล

“…….”ยามนี้แม้แต่ไป๋จูเหวินก็ไม่ทราบจะทำเช่นไรดี ตัวมันไม่เคยเจอสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน ปกติตนเองจะเป็นฝ่ายได้รับความช่วยเหลือจากอสูร ไม่เคยต้องมาต่อสู้กับอสูรเองเช่นนี้ แม้จะเคยโดนอสูรตะขาบเข้าเล่นงาน แต่สถานการณ์ตอนนั้นกับตอนนี้ต่างกันโดยสิ้นเชิง จะบุกตามไปก็สู้อสูรมังกรอัสนีทองคำไม่ได้ พวกอสูรก็ไม่สามารถขัดคำสั่งชินอี้ได้ เท่ากับว่าไป๋จูเหวินไม่สามารถใช้อสูรได้เลย หากนับกำลังทหารของฝั่งมนุษย์เท่านั้นก็มีเพียงระดับยอดฝีมือไม่กี่สิบคน และตัวไป๋จูเหวินและเหม่ยหลินเท่านั้น เพียงแค่เอาชนะอสูรมังกรอัสนีทองคำยังยาก แต่หากชินอี้มีกำลังอสูรมากกว่านี้เล่า….

.

.

ตุบ….หลังจากหนีออกมาได้ ในที่สุดชินอี้ก็บินมาถึงวังหลวงของอาณาจักรเผิงเสียที เพียงแต่ยามนี้วังหลวงของอาณาจักรเผิงนั้นไม่ได้เงียบเหงาเหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว ยามนี้ทั่วทั้งเมืองหลวงเต็มไปด้วยเหล่าอสูรมากมาย มีเพียงจักรพรรดิจอมปลอมของอาณาจักรเผิงและอีกไม่กี่คนเท่านั้นที่เป็นมนุษย์ในเมืองหลวงแห่งนี้

“องค์ชายชินอี้ ยินดีต้อนรับกลับมาขอรับ”เหล่าอสูรที่ชินอี้รวบรวมมาตลอด 1 ปีที่ผ่านมาพากันออกมาต้อนรับกันอย่างแข็งขัน นอกจากมังกรอัสนีทองคำที่เป็นอสูรระดับบรรพกาลขั้นที่ 10 แล้วอสูรที่ชินอี้บุกไปตามหามานับสิบๆอาณาจักรนั้นมีอสูรระดับบรรพกาลอีกหลายตนเลยทีเดียว แม้จะหาอสูรบรรพกาลระดับ 10 ไม่ได้อีกแล้วก็ตาม แต่ในจำนวนนี้ก็มีอสูรบรรพกาลระดับ 8 และ 6 อยู่ นับเป็นกำลังที่น่ากลัวมากทีเดียว

ปึง!! ร่างของชินอี้พุ่งวาบเข้าไปในท้องพระโรงพร้อมอสูรอีกาที่ยามนี้เปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ทำหน้าที่อุ้มไป๋หลินตามชินอี้มา

“ยกเลิกการตบตาได้”ชินอี้พูดเพียงคำเดียว จักรพรรดิหุ่นเชิดของอาณาจักรเผิงที่นั่งอยู่บนบัลลังก์กับหญิงสาวจำนวนหนึ่งก็ถึงกับสะดุ้งโหยงรีบผลักร่างของพวกผู้หญิงออกไปจากบัลลังก์ก่อนจะส่งตัวเองลงไปคุกเข่ากับพื้นในทันที

“องค์ชาย เราจะทำอย่างไรต่อไปดี”อสูรตนหนึ่งถามพลางเดินเข้ามายืนด้านหลังชินอี้

“ตามหาอสูรที่แข็งแกร่งต่อไป ข้าจะไม่ยอมให้มนุษย์คนไหนเข้ามาใกล้พี่หญิงนอกจากข้าอีกแล้ว”ชินอี้ว่าพลางมองไปทางจักรพรรดิหุ่นเชิดที่ทำหน้าซีดอยู่กับพื้น

เปรี้ยง!! ไม่ต้องให้ชินอี้ออกปากสั่งตัวชายขี้เมาที่หมดประโยชน์ไปแล้วโดนอสูรตนหนึ่งหวดค้อนใส่จนตายคาที่ในทันที แน่นอนว่าพวกผู้หญิงที่มันพามาก็เช่นกัน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรอสูรบรรพกาลบุตรอสูรบรรพกาล 409 ใช้เวลาสะสม

Now you are reading บุตรอสูรบรรพกาล Chapter บุตรอสูรบรรพกาล 409 ใช้เวลาสะสม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 409

ใช้เวลาสะสม

วูบ..ร่างของชินอี้ที่กำลังขี่อยู่บนหลังของอีกาซึ่งเป็นหนึ่งในทหารอสูรในกองทัพของจื่อหนิงกำลังจะออกบินพร้อมร่างของไป๋หลินที่หลับไปเพราะความสามารถพิเศษของอสูรปรสิตเองก็อยู่บนร่างของมันเช่นกัน

“ชินอี้…”ยังไม่ทันได้ออกบิน ร่างของชิงชิวก็ปรากฏขึ้นที่ด้านหลังของอสูรอีกาเสียก่อน ชิงชิวปกติอยู่ไม่ห่างไป๋หลินอยู่แล้ว ยิ่งตอนนี้นางเฝ้าอาการของน้องชายอยู่ในวังยิ่งทำให้ชิงชิวต้องคอยระวัง แถมทันทีที่กลิ่นของมีดสั้นหายไปชิงชิวก็รู้ได้ทันทีว่ามีเรื่องผิดปกติ ชิงชิวจึงกลายเป็นคนแรกที่บุกเข้ามาถึงตัวชินอี้นั่นเอง

“ชินอี้ เจ้าทำอะไร….”ชิงชิวอึ้งไปเมื่อเห็นชินอี้กำลังจะพาร่างของไป๋หลินบินขึ้นฟ้า

“ว่าแล้วว่าต้องเป็นเจ้า”ชินอี้มองมาทางชิงชิวด้วยท่าทีไม่ชอบใจนัก แม้จะทายถูกที่ชิงชิวจะมาเป็นคนแรก แต่ชินอี้ก็ไม่ชอบนักที่ต้องเจอกับความสามารถพิเศษของชิงชิว

ตูม!!! หอกเล่มหนึ่งพุ่งวาบเข้าใส่ชิงชิว แต่โชคดีที่ชิงชิวหลบออกมาทันทำให้ชิงชิวไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร แต่หากชิงชิวไม่ได้หลบหอกเล่มนั้นก็คงหมายเอาชีวิตมันจริงๆแน่ๆ

“องค์ชาย เจ้านี้สินะที่ท่านฝากให้ข้าจัดการ”ชายคนหนึ่งเดินออกมาพลางปล่อยพลังอสูรมาทางชิงชิวอย่างรุนแรง พลังของมันอยู่ระดับมายาขั้นที่ 10 แข็งแกร่งพอๆกับระดับขุนพลอสูรเลย เพียงแต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ชิงชิวข้องใจคือดวงตาสีม่วงดวงเดียวของมันที่อยู่ตรงกลางใบหน้า

“ใช่ เจ้านี้คือคนที่จะมาขวางข้ากับพี่หญิง จัดการมันซะ”ชินอี้ว่าพลางบอกให้อสูรตาเดียวจัดการชิงชิวเสีย แน่นอนว่าการที่ชินอี้เลือกมันมาจัดการชิงชิวโดยเฉพาะต้องมีอะไรพิเศษอย่างแน่นอน

ฟุบ!! ชิงชิวเห็นชินอี้จะพาไป๋หลินไปมันก็รีบจะเข้าไปห้ามทันที แน่นอนว่ามันต้องใช้ความสามารถล่องหนเข้าไปตามตัวชินอี้อย่างที่มันเคยชิน เพียงแต่อสูรตาเดียวกลับเลื่อนสายตามองตามตัวชิงชิวราวกับความสามารถล่องหนหายตัวของชิงชิวไม่มีผล

เปรี้ยง! หอกในมือของมันกระแทกเข้ากับพื้นข้างๆตัวชิงชิวอย่างจัง โชคดีที่ชิงชิวเห็นดวงตาของมันมองตามตนเองมาเลยรู้ตัวก่อน หากยังไม่หยุดวิ่งละก็มันคงโดนหอกของอสูรตาเดียวแทงเข้าที่กลางลำตัวแล้วแน่ๆ

“ชินอี้ เจ้าจะทำอะไร”ชิงชิวยังไม่ถึงตัว ไป๋ไป่ในร่างมังกรก็บินเข้ามากางปีกปกคลุมท้องฟ้าด้านบนเอาไว้ เรื่องที่ชินอี้มีท่าทีผิดปกติไป๋ไป่เองก็ทราบ ทำให้นางเองก็ระแวงอยู่ไม่น้อย ไม่นึกเลยว่าจะลงเอยเป็นเช่นนี้

“พี่ไป๋ไป่ ท่านจะทำอะไร”ชินอี้ถามพลางมองมาทางไป๋ไป่นิ่ง

“ข้าต่างหากที่ต้องถามเข้าชินอี้ เจ้าจะพาไป๋น้อยไปไหน”ไป๋ไป่ถามด้วยท่าทีไม่พอใจ ไป๋หลินหลับไม่ได้สติเช่นนั้นไม่ใช่เรื่องธรรมดาแน่ๆ

“ข้าจะพาพี่หญิงไปอยู่กับข้าตามลำพัง”ชินอี้พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยราบกับการทำเช่นนี้เป็นสิ่งปกติที่สมควรทำแล้ว ทำให้ไป๋ไป่ทีบินอยู่ด้านบนแทบไม่อยากจะเชื่อ นี่ชินอี้กลายเป็นแบบนี้เพราะพลังของราคะจริงๆงั้นหรือ

“ข้าไม่ยอมให้เจ้าไปหรอก”ไป๋ไป่ว่าพลางกระพือปีกแรงขึ้นจนกระแสลมพัดใส่อีกาด้านล่างจนมันขึ้นบินไม่ได้ เพียงแต่…

“ท่านจะโจมตีข้าจริงๆงั้นหรือ”ชินอี้ถามพลางมองขึ้นไปหาไป๋ไป่ ทำให้นางนิ่งไปพักหนึ่ง แม้ไป๋ไป่จะไม่โดนพลังของชินอี้ดึงดูดจนยอมทำตามทุกอย่างเพราะนางเคยชินกับพลังของไป๋จูเหวินมาตั้งแต่เด็ก แต่หากถามว่านางสามารถโจมตีไป๋ชินอี้ได้หรือไม่ ลำพังแค่พลังของชินอี้ก็ทำให้นางโจมตีไม่ได้แล้ว ไม่ต้องพูดถึงการที่มันเป็นน้องชายของไป๋หลินที่นางเองก็เห็นมาแต่เด็กเลย

“ถ้าท่านทำไม่ได้ก็ถอยไป”ชินอี้พูดพลางปล่อยพลังวิญญาณของตนออกมา แม้พลังวิญญาณของชินอี้จะน้อย ติยิ่งปล่อยพลังวิญญาณออกมาเท่าไหร่ กลิ่นอายของชินอี้ก็ยิ่งรุนแรงเท่านั้น ทำให้ไป๋ไป่ที่บินอยู่ข้างบนได้แต่กัดฟันกรอดบินอยู่กับที่โดยทำอะไรไม่ได้

เปรี้ยง!! อีกด้านหนึ่งชิงชิวที่โดนอสูรตาเดียวไล่โจมตีก็มือไม้เป็นระวิงเลยทีเดียว แม้ชิงชิวจะสามารถสู้กับยอดฝีมือได้ แต่ก็ต้องพึ่งพาพลังล่องหนหายตัวด้วยเช่นกัน การสู้กับยอดฝีมือที่มองเห็นตัวมันนั้นยังถือเป็นเรื่องยากสำหรับชิงชิวไม่น้อย

ตูมๆ รับมืออสูรตาเดียวตามลำพังก็ว่ายากพอแล้ว อยู่ๆรอบๆตัวชิงชิวก็ปรากฏร่างของอสูรอีกจำนวนหนึ่งเข้ามาล้อมเอาไว้ ทำให้อสูรตาเดียวทำหน้าที่ชี้จุดของชิงชิวและปล่อยให้อสูรตนอื่นๆช่วยกันรุม

ตูม!!! อยู่ๆร่างของอสูรตนหนึ่งก็ลอยออกไปจากแรงกระแทกมหาศาล ทำเอาชิงชิวถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกเลยทีเดียว

“องค์จักรพรรดิ”ชิงชิวว่าพลางมองไปทางไป๋จูเหวินที่เข้ามาเจอเหตุการณ์ตรงหน้าพอดี

“ชินอี้ นั่นลูกจะทำอะไร”ไป๋จูเหวินถามพลางมองชินอี้ที่กำลังขี่อีกาบินขึ้นไปบนท้องฟ้า

“ท่านพ่อ….ข้าขอโทษด้วย แต่ข้าไม่อาจทนปล่อยให้พี่หญิงไปอยู่กับคนอื่นได้อีกแล้ว”ชินอี้ตอบพลางก้มหน้าลงเล็กน้อย แม้จะต้องการตัวพี่หญิงของตน แต่ชินอี้ก็ไม่เคยคิดร้ายกับครอบครัว เมื่อเห็นว่าบิดามาพบตนเข้ามันก็มีท่าทีรู้สึกผิดอย่างเห็นได้ชัด

“ชินอี้ เจ้าเป็นอะไรไป ทำไมถึงคิดเช่นนั้น”เหม่ยหลินผู้เป็นมารดาถามพลางมองชินอี้ที่กำลังพยายามจะพาร่างของไป๋หลินหนีไป

“ข้า….ข้ามีแต่เพียงพี่หญิงเท่านั้น”ชินอี้ว่าพลางกำหมัดแน่น ตัวมันโดนพลังของราคะมาตั้งแต่แรกเกิด สิ่งสำคัญล้ำค่าของมันมีเพียงตัวไป๋หลินเท่านั้น ไม่ว่าจะสิ่งใดก็ไม่อาจจะมาแทนที่ได้ ทำให้ชินอี้ไม่อาจปล่อยวางเรื่องไป๋หลินได้ ต่อให้ชายที่จะมาเป็นคนรักของไป๋หลินจะดีเลิศเลอแค่ไหนก็ตาม

“ท่าทางข้าจะปล่อยปละละเลยเจ้ามากเกินไปสินะ”ไป๋จูเหวินว่าพลางปล่อยพลังวิญญาณของตนออกมา ไม่ใช่ว่าไป๋จูเหวินไม่อยากดูแลลูกๆของตนเอง แต่เพราะชินอี้ก็ทำตัวเป็นเด็กดีไม่เคยมีปัญหาอะไร ประกอบกับมันเป็นเด็กฉลาดไม่เคยทำให้ไป๋จูเหวินต้องกังวล ทำให้ทั้งไป๋จูเหวินทั้งเหม่ยหลินหลงคิดว่าชินอี้เองจะโตมาโดยไม่มีปัญหาอะไรเสียอีก ไม่นึกเลยว่าจะมีปัญหาร้ายแรงฝังลึกเช่นนี้ ตัวไป๋จูเหวินและเหม่ยหลินเองก็ยังไม่ทราบว่าจะแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างไร เพียงแต่ยามนี้จะปล่อยให้ชินอี้จากไปไม่ได้ ต้องกักตัวเอาไว้และหาทางแก้ไขเรื่องนี้อย่างจริงจังเสียแล้ว

“ท่านพ่อ ข้าทราบอยู่แล้วว่าท่านกับท่านแม่ต้องไม่ยอมแน่ๆ”ชินอี้ว่าพลางก้มหน้าลง ความจริงมันก็หวังเอาไว้ว่าพ่อของมันจะไม่มาเจอเข้า แต่ด้วยความสามารถของท่านพ่อ โอกาสที่มันจะหนีออกจากวังขณะที่พาอสูรจำนวนมากออกไปด้วยเช่นนี้โดยที่ท่านไม่รู้ตัวก็มีน้อยเสียเหลือเกิน

เปรี้ยง!! สายฟ้าสายหนึ่งพุ่งลงมาใส่ร่างของไป๋จูเหวินเข้าอย่างจัง ความรุนแรงของสายฟ้าครั้งนี้หากจะถามว่ารุนแรงแค่ไหนก็ต้องบอกว่าแม้แต่พยัคฆ์อัสนียังไม่อาจปล่อยสายฟ้าที่รุนแรงจนพื้นดินสั่นสะเทือนเช่นนี้ไม่ได้เลย

“…….”ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงัดหลังจากฟ้าผ่าลงมา ร่างของมังกรสีทองขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นเหนือท้องฟ้า ทำเอาพวกน้าๆที่อยู่ตามจุดๆต่างได้เห็นภาพนี้เข้าก็พลันนึกถึงตอนที่มังกรทองหวงหลงบุกเข้ามาในเขตอสูรของพวกมันขึ้นมาเลย เพียงแต่ยามนี้ความรู้สึกสิ้นหวังนั้นหนักหน่วงกว่ามาก

“บรรพกาลระดับ 10”ชิงชิวที่อยู่ด้านหลังไป๋จูเหวินเบิกตากว้างพลางอุทานออกมา ระดับพลังเช่นนี้ชิงชิวเคยสัมผัสได้จากอสูรเพียงตนเดียวเท่านั้น นั่นคือระดับพลังจากอสูรปักเป้าที่สามารถเป่าเมืองทั้งเมืองหายไปได้ด้วยกระสุนวายุนัดเดียวเท่านั้น

“ท่านพ่อ ท่านอย่ามาขวางข้าเลย”ชินอี้พูดจบอสูรอีกาก็บินขึ้นไปบนท้องฟ้าผ่านทั้งไป๋ไป่และอสูรปักเป้าที่ทำอะไรชินอี้ไม่ได้ไปอย่างง่ายดาย

“ขวางท่านพ่อกับท่านแม่เอาไว้ ห้ามทำร้านพวกท่านล่ะ”ชินอี้สั่งมังกรอัสนีทองคำก่อนจะบินจากไปทั้งๆอย่างนั้น

เปรี้ยง!! ไม่พูดพร่ำทำเพลง อัสนีสีทองนับร้อนๆเส้นก็ฟาดลงมาบนพื้นทันที เพียงแต่ความรุนแรงของมันไม่สามารถทำให้ไป๋จูเหวินบาดเจ็บได้เพราะยังมีเกราะแมงมุมอยู่ แต่ชิงชิวที่อยู่ด้านหลังนั้นไม่ใช่ เพียงพลังระดับทำให้ไป๋จูเหวินชะงักได้ก็มากพอแล้วที่จะทำให้ชิงชิวบาดเจ็บ

เปรี้ยง!!! เหม่ยหลินที่อยู่ไม่ห่างจากชิงชิวนักเรียกเกราะน้ำออกมาป้องกันตนเองและชิงชิวเอาไว้ เช่นเดียวกับเหล่าอสูรและทหารรอบๆที่พากันป้องกันตัวเองเอาไว้อย่างยากลำบาก สุดท้ายไป๋จูเหวินก็ไม่สามารถตามชินอี้ไปได้ทัน ส่วนพวกอสูรที่บินได้ก็โดนสายฟ้าเล่นงานจนต้องอยู่บนพื้นทำอะไรไม่ได้ แต่ถึงจะตามไปพวกตนก็ไม่สามารถต่อต้านพลังของชินอี้ได้อยู่แล้ว

“ท่านพี่….”เหม่ยหลินที่อยู่ข้างๆไป๋จูเหวินเรียกหาไป๋จูเหวินเบาๆด้วยสีหน้ากังวล

“…….”ยามนี้แม้แต่ไป๋จูเหวินก็ไม่ทราบจะทำเช่นไรดี ตัวมันไม่เคยเจอสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน ปกติตนเองจะเป็นฝ่ายได้รับความช่วยเหลือจากอสูร ไม่เคยต้องมาต่อสู้กับอสูรเองเช่นนี้ แม้จะเคยโดนอสูรตะขาบเข้าเล่นงาน แต่สถานการณ์ตอนนั้นกับตอนนี้ต่างกันโดยสิ้นเชิง จะบุกตามไปก็สู้อสูรมังกรอัสนีทองคำไม่ได้ พวกอสูรก็ไม่สามารถขัดคำสั่งชินอี้ได้ เท่ากับว่าไป๋จูเหวินไม่สามารถใช้อสูรได้เลย หากนับกำลังทหารของฝั่งมนุษย์เท่านั้นก็มีเพียงระดับยอดฝีมือไม่กี่สิบคน และตัวไป๋จูเหวินและเหม่ยหลินเท่านั้น เพียงแค่เอาชนะอสูรมังกรอัสนีทองคำยังยาก แต่หากชินอี้มีกำลังอสูรมากกว่านี้เล่า….

.

.

ตุบ….หลังจากหนีออกมาได้ ในที่สุดชินอี้ก็บินมาถึงวังหลวงของอาณาจักรเผิงเสียที เพียงแต่ยามนี้วังหลวงของอาณาจักรเผิงนั้นไม่ได้เงียบเหงาเหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว ยามนี้ทั่วทั้งเมืองหลวงเต็มไปด้วยเหล่าอสูรมากมาย มีเพียงจักรพรรดิจอมปลอมของอาณาจักรเผิงและอีกไม่กี่คนเท่านั้นที่เป็นมนุษย์ในเมืองหลวงแห่งนี้

“องค์ชายชินอี้ ยินดีต้อนรับกลับมาขอรับ”เหล่าอสูรที่ชินอี้รวบรวมมาตลอด 1 ปีที่ผ่านมาพากันออกมาต้อนรับกันอย่างแข็งขัน นอกจากมังกรอัสนีทองคำที่เป็นอสูรระดับบรรพกาลขั้นที่ 10 แล้วอสูรที่ชินอี้บุกไปตามหามานับสิบๆอาณาจักรนั้นมีอสูรระดับบรรพกาลอีกหลายตนเลยทีเดียว แม้จะหาอสูรบรรพกาลระดับ 10 ไม่ได้อีกแล้วก็ตาม แต่ในจำนวนนี้ก็มีอสูรบรรพกาลระดับ 8 และ 6 อยู่ นับเป็นกำลังที่น่ากลัวมากทีเดียว

ปึง!! ร่างของชินอี้พุ่งวาบเข้าไปในท้องพระโรงพร้อมอสูรอีกาที่ยามนี้เปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ทำหน้าที่อุ้มไป๋หลินตามชินอี้มา

“ยกเลิกการตบตาได้”ชินอี้พูดเพียงคำเดียว จักรพรรดิหุ่นเชิดของอาณาจักรเผิงที่นั่งอยู่บนบัลลังก์กับหญิงสาวจำนวนหนึ่งก็ถึงกับสะดุ้งโหยงรีบผลักร่างของพวกผู้หญิงออกไปจากบัลลังก์ก่อนจะส่งตัวเองลงไปคุกเข่ากับพื้นในทันที

“องค์ชาย เราจะทำอย่างไรต่อไปดี”อสูรตนหนึ่งถามพลางเดินเข้ามายืนด้านหลังชินอี้

“ตามหาอสูรที่แข็งแกร่งต่อไป ข้าจะไม่ยอมให้มนุษย์คนไหนเข้ามาใกล้พี่หญิงนอกจากข้าอีกแล้ว”ชินอี้ว่าพลางมองไปทางจักรพรรดิหุ่นเชิดที่ทำหน้าซีดอยู่กับพื้น

เปรี้ยง!! ไม่ต้องให้ชินอี้ออกปากสั่งตัวชายขี้เมาที่หมดประโยชน์ไปแล้วโดนอสูรตนหนึ่งหวดค้อนใส่จนตายคาที่ในทันที แน่นอนว่าพวกผู้หญิงที่มันพามาก็เช่นกัน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+