บุตรอสูรบรรพกาลบุตรอสูรบรรพกาล 430 อยากพบ

Now you are reading บุตรอสูรบรรพกาล Chapter บุตรอสูรบรรพกาล 430 อยากพบ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 430

อยากพบ

“……..”หลังจากไป๋จูล่งและชิงชิวช่วยเด็กหญิงออกมาจากชั้นใต้ดินของตึกแห่งหนึ่งกลางเมืองที่พวกหลิงจงอาศัยอยู่ พวกมันก็พาเด็กหญิงมาพักฟื้นที่ห้องรับรองของสำนักคร่าตะวันทันที นางมีท่าทีอ่อนแรงและบาดเจ็บอยู่แล้ว ทำได้เพียงมองคนของสำนักคร่าตะวันที่พากันวิ่งวุ่นไปมาเท่านั้น

“ใครกันนะทำกับเด็กตัวแค่นี้ได้ลง”พี่สาวซูที่ได้ทราบข่าวรีบเข้ามาช่วยจัดการเช็ดเนื้อเช็ดตัวเด็กหญิงทันที พร้อมทั้งสำรวจบาดแผลบนร่างของนางไปด้วย น่าเสียดายที่ไป๋จูล่งไม่ได้มีพลังธาตุศักดิ์สิทธิ์เหมือนไป๋จูเหวินทำให้ไม่สามารถใช้พลังธาตุช่วยรักษาร่างของเด็กหญิงได้ มันทำได้เพียงหาสมุนไพรในห้องยาของสำนักคร่าตะวันมาช่วยใส่แผลตามวิชาที่มันได้เรียนมาจากน้ามังกรเท่านั้น

“ไม่เป็นไรแล้ว เจ้าหลับให้สบายเถอะ”จูล่งว่าพลางยิ้มบางๆออกมาเมื่อเห็นเด็กหญิงไม่ยอมหลับตาเสียที นางเหมือนกลัวว่าหากหลับตาลงจะเจอเรื่องเลวร้ายไม่มีผิด

“……”เด็กหญิงมองไป๋จูล่งอยู่ครู่หนึ่ง ไม่ทราบเพราะพิษบาดแผลหรือยาที่ไป๋จูล่งใส่ลงไปในผ้าพันแผลกันแน่ แต่ไม่นานนางก็หลับตาลงช้าๆพร้อมทิ้งตนเองลงห้วงนิทราไปทันที

“ท่านเจ้าสำนัก ตึกนั่นเป็นของใครหรือขอรับ”ชิงชิวถามพลางมองไปที่เจ้าสำนักที่พึ่งได้ทราบข่าว ยุคสมัยนี้การจับเด็กคนหนึ่งขังเอาไว้ในกรงไม่ใช่เรื่องปกติเลย

“เป็นของเถ้าแก่ อู้ต๋ง ขอรับ”ตึกใหญ่แบบนั้นย่อมทราบตัวเจ้าของได้ไม่ยาก ยิ่งเจ้าสำนักคร่าตะวันเป็นหนึ่งในชนชั้นผู้นำของเมืองยิ่งทราบดีเข้าไปใหญ่

“มันเป็นใคร”ชิงชิวว่าพลางปล่อยพลังวิญญาณออกมาเล็กน้อย ไม่ต้องบอกก็ทราบว่าชิงชิวต้องการอะไร มันจะไปจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยนั่นเอง

“มันเป็นเจ้าของธุรกิจในเมืองหลายๆอย่างขอรับ เป็น 1 ใน 3 ผู้คุมอำนาจการเงินของเมืองนี้เลย”เจ้าสำนักคร่าตะวันตอบ แม้แต่สำนักคร่าตะวันเองก็ยังซื้อขายกับคนของเถ้าแก่อู้ต๋งเช่นเดียวกับสถานที่ต่างๆในเมือง

“ดี ข้าจะไปเยี่ยมมันเสียหน่อย”ชิงชิวว่าพลางหายตัวไปต่อหน้าต่อตาเจ้าสำนักคร่าตะวัน เกรงว่าเช้าวันนี้เถ้าแก่อู้ต๋งจะมีแขกไปเยือนเสียแล้ว

“xxx”ทางด้านจูล่งและพี่สาวซูเองก็กำลังเฝ้าดูอาการของเด็กหญิงที่ช่วยเหลือมา ตัวเด็กหญิงก็เริ่มพูดภาษาแปลกๆออกมาด้วยท่าทีโหยหาอย่างประหลาด นางดูทรมานมากแม้จะหลับไปแล้วก็ตาม

“….”ไป๋จูล่งมองภาพตรงหน้าด้วยท่าทีอึ้งๆ มันไม่เคยเห็นใครมีอาการเช่นนี้มาก่อน ในหมู่บ้านของมันไม่มีใครต้องรู้สึกหวาดกลัว ท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านน้า หรือคนอื่นๆไม่มีใครมีท่าทีเช่นนี้ให้ไป๋จูล่งเห็นมาก่อน ทำให้ครั้งนี้เหมือนเป็นครั้งแรกที่ทำให้ไป๋จูล่งเกิดความรู้สึกที่ตนไม่เคยรู้สึกมาก่อนขึ้นมา มันคงเป็นความสงสารและเวทนา ทำให้จูล่งไม่อาจปล่อยให้เด็กคนนี้อยู่เพียงลำพังได้

“xxxxx” เสียงละเมอของเด็กหญิงยังคงดังทุกๆสิบนาที ราวกับนางกำลังฝันถึงบางอย่างอยู่ไม่มีผิด

“ท่xxxแxx”

“ท่านแม่…”ไป๋จูล่งได้ยินเสียงของนางมาได้พักหนึ่งกลับสามารถฟังเสียงของนางออกว่านางกำลังพูดว่าอะไร

“ท่านแม่ หนูกลัว”เด็กหญิงพูดบนเตียงด้วยท่าทีทรมาน

“ท่านแม่ ข้าอยากเจอท่าน”เด็กหญิงพูดพลางปล่อยน้ำตาออกมาจากขอบตา ทำเอาจูล่งที่พึ่งเคยเจอสภาพเช่นนี้เป็นครั้งแรกสะเทือนใจอย่างบอกไม่ถูก

หมับ…จูล่งจับมือของเด็กหญิงเอาไว้พลางมองท่าทีของนาง แม้จะไม่มากแต่หลังจากจูล่งจับมือของนางเอาไว้นางก็ละเมอน้อยลง ทำให้จูล่งจับมือนางเอาไว้ไม่ยอมปล่อย ได้แต่หวังว่านางจะอาการดีขึ้นเร็วๆเท่านั้น

“น้องจูล่ง ข้าจะไปเตรียมอาหารเสียหน่อย นางไม่มีพลังวิญญาณพอตื่นขึ้นมาต้องหิวมากแน่ๆ”พี่สาวซูว่าพลางขอตัวออกไปข้างนอก แม้นางจะฟังไม่ออกว่าเด็กหญิงพูดอะไร แต่ท่าทีของนางก็น่าสงสารมากพอแล้ว

“ขอรับ”จูล่งตอบพลางพยักหน้าช้าๆ ตัวจูล่งไม่ได้รับการสอนแบบผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณเท่าไหร่ ตัวเหม่ยหลินนั้นแม้ทั้งบ้านจะเต็มไปด้วยผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณแต่ก็ยังทำอาหารเช้ากลางวันเย็นให้จูล่งเสมอ เหมือนกับว่าครอบครัวของพวกนางเป็นคนธรรมดาไม่มีผิด ไม่ใช่เพราะต้องการหลบซ่อน แต่เพราะอยากสัมผัสอารมณ์ความรู้สึกแบบครอบครัวธรรมดาเท่านั้น

ในเช้าวันถัดมา เด็กหญิงก็อาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นางตื่นขึ้นมาด้วยท่าทางสดชื่นกว่าตอนช่วยกลับมามาก แถมบาดแผลส่วนใหญ่ยังหายอักเสบแล้วด้วย หลังจากนางตื่นพี่สาวซูก็นำข้าวต้มมาให้นางกิน ท่าทางนางจะไม่ได้กินอะไรมานาน นางเลยกินข้าวต้มไปเยอะทีเดียวสำหรับผู้หญิงตัวเล็กๆแบบนาง แต่ถึงจะได้พักฟื้นและทานอาหารแล้ว เด็กหญิงก็ยังมีท่าทีเศร้าๆอยู่ไม่หาย

“ท่านแม่…ท่านจะเป็นอย่างไรบ้าง”เด็กหญิงพูดด้วยใบหน้าเหมือนจะร้องไห้

“เจ้าอยากพบแม่งั้นหรือ”ไป๋จูล่งถามพลางมองไปทางเด็กหญิง แต่คำพูดของไป๋จูล่งกลับทำให้เด็กหญิงตกใจอย่างมาก

“ท่านพูดกับข้าได้”เด็กหญิงเบิกตากว้างมองไป๋จูล่งด้วยท่าทีตกใจ นางไม่ทราบเลยว่าเมื่อคืนนางละเมออะไรออกไปบ้าง และคงไม่คิดด้วยว่าจูล่งจะเรียนภาษาของนางจากคำพูดละเมอของนางเท่านั้น

“เจ้าอยากจะเจอแม่ของเจ้าหรือเปล่า”ไป๋จูล่งไม่ได้สนใจท่าทีตกใจของนาง เมื่อคืนมันได้ฟังว่านางอยากพบแม่ของนางแค่ไหนมาตลอด มันจึงอยากทราบจากปากของนางยามมีสติว่านางอยากพบแม่ของนางจริงๆหรือไม่

“ข้า…ข้าอยากจะไปพบท่านแม่เจ้าค่ะ”เด็กหญิงตอบด้วยใบหน้าเศร้าๆ เพราะนางทราบดีว่าเรื่องนั้นเป็นไปไม่ได้

“งั้นไปกันเถอะ”จูล่งพูดออกมาด้วยท่าทีจริงจังอย่างมาก ทำเอาเด็กหญิงเบิกตากว้างพลางกะพริบตาปริบๆเหมือนได้ยินสิ่งที่จูล่งพูดไม่ชัด

“ไป๋ไหนหรือเจ้าคะ”เด็กหญิงถามพลางมองจูล่งด้วยท่าทีงุนงง

“พาเจ้าไปหาแม้ของเจ้าไง”จูล่งตอบ มันไม่ใช่คนซับซ้อนอะไรมากมาย ในเมื่อนางอยากจะไปหาแม่ มันก็จะพานางไปหาแม่เท่านั้นเอง

“แต่ที่ๆท่านแม่อยู่ห่างจากที่นี่มาก”เด็กหญิงตอบ แม้เป็นเด็กอย่างนางก็ทราบว่าสถานที่ที่นางโดนจับมานั้นอยู่ห่างจากเมืองแห่งนี้มากทีเดียว

“ข้ามีม้า”จูล่งตอบหน้านิ่ง ทำเอาเด็กหญิงอึ้งเข้าไปใหญ่

“แต่…”เด็กหญิงไม่อยากจะเชื่อว่าจูล่งจะพาตนเองไปหามารดาจริงๆ เอาตรงๆนางไม่ทราบด้วยซ้ำว่าต้องกลับไปอย่างไร

“เจ้าอยากพบแม่เจ้าหรือเปล่า”จูล่งถามด้วยใบหน้าจริงจังอีกครั้ง

“…อยาก”เด็กหญิงตอบด้วยน้ำเสียงเบาหวิวราวกับเสียงกระซิบ

“อยากหรือเปล่า”จูล่งถามซ้ำอีกครั้งเหมือนมันไม่ได้ยินที่นางพูดเมื่อครู่

“อยากเจ้าค่ะ”เด็กหญิงตอบ ยามนี้หากให้นางสามารถไปพบท่านแม่ได้ ไม่ว่าจะแลกด้วยอะไรนางก็ยอมทั้งนั้น

“เช่นนั้นก็ไปหากันเถอะ ท่านแม่ของเจ้า”จูล่งตอบพลางยิ้มออกมา ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลอะไรทั้งนั้น ในเมื่ออยากพบก็ต้องไปหา เป็นความคิดง่ายๆที่ตัวเด็กหญิงไม่กล้าคิดออกมา

“เจ้าค่ะ”เด็กหญิงเผยรอยยิ้มออกมาพร้อมทั้งน้ำตา ความจริงก่อนหน้านี้นางหมดหวังไปแล้ว ลำพังแค่หนีออกมายังไม่ทราบว่าจะหนีออกมาได้หรือเปล่า ในดินแดนห่างไกลที่ไม่มีคนรู้ภาษาของนางด้วยแล้วยิ่งไม่มีความหวังจะกลับไปเลยแม้แต่น้อย หากอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้จะมีใครกล้าคิดว่าจะมีคนใจดีคนหนึ่งพูดออกมาว่าจะพาตนเองกลับบ้านกัน .

.

โครม!! ทางด้านชิงชิว หลังจากได้ทราบเรื่องเจ้าของตึกจากเจ้าสำนักคร่าตะวันแล้วก็มุ่งหน้ามาดักรอเถ้าแก่อู้ต๋งมันที แต่น่าเสียดายที่การเจรจาเป็นไปได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พอทราบว่าชิงชิวคือผู้โจมตีตึกของตนและชิงตัวเด็กหญิงออกไป เถ้าแก่อู้ต๋งก็ส่งลูกน้องออกมาจัดการชิงชิวทันที แต่น่าเสียดายผู้คุ้มกันระดับเทียนเซียนไม่กี่สิบคนทำอะไรชิงชิวไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

“บอกข้ามาว่าเจ้าจับเด็กสาวคนนั้นมาทำไม”ชิงชิวว่าพลางปล่อยร่างของผู้คุ้มกันคนสุดท้ายลงไปบนพื้นเบื้องหน้าเถ้าแก่อู้ต๋งทันที

“เด็กคนนั้น….”เถ้าแก่อู้ต๋งพูดด้วยท่าทีสั่นเทา ผู้คุ้มกันที่เก่งอันดับต้นๆของเมืองกลับโดนชายคนนี้จัดการในพริบตา ทำให้มันรู้สึกหวาดกลัวชิงชิวอย่างมาก

“ตอบคำถามข้ามา”ชิงชิวพูดพลางเรียกเอามีดเล่มหนึ่งออกมาจ่อที่คอของเถ้าแก่ทันที

“เด็กคนนั้น… เด็กคนนั้นเป็นกุญแจที่จะพาพวกข้าเข้าไปในดินแดนลี้ลับได้”ได้ยินเช่นนั้นชิงชิวก็ขมวดคิ้วทันที ดินแดนลี้ลับ เป็นสถานที่แบบไหนกัน แล้วทำไมต้องเป็นเด็กสาวคนนั้นด้วย

“ทำไมต้องใช้เด็กคนนั้น”ชิงชิวถามด้วยน้ำเสียงดุดัน ทำเอาเถ้าแก่อู้ต๋งมีท่าทีหวาดกลัวอย่างมาก

“ถ้าให้นางยอมพาพวกเราเข้าไปในดินแดนลี้ลับได้ เราจะได้สมบัติมากมายมหาศาล ยาวิเศษ แร่มีค่า ทุกๆอย่างอยู่ในนั้นเต็มไปหมด”เถ้าแก่อู้ต๋งว่าพลางหัวเราะออกมา สมบัติในนั้นว่ากันว่ามากมายมหาศาลเสียจนผู้ได้ครอบครองจะรวยยิ่งกว่าจักรพรรดิของอาณาจักรเสียอีก ทำให้อู้ต๋งจ้างผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณชนชั้นยอดฝีมือหลายคนช่วยกันจับตัวนางมา แต่ก็ต้องแลกด้วยชีวิตของยอดฝีมือถึง 8 คนถึงจะสามารถพาตัวนางมาได้เลยทีเดียว แต่ที่น่าเสียดายที่สุดคือนางพูดภาษาพวกตนไม่ได้ และไม่มีท่าทีจะยอมพาพวกตนเข้าไปในแดนลี้ลับเลย ทำให้เถ้าแก่อู้ต๋งจับตัวนางเอาไว้แล้วพยายามขู่ให้พาตนเข้าไปในแดนลี้ลับให้ได้นั่นเอง

“เพื่อของแค่นั้นถึงกับทำกับเด็กคนหนึ่งขนาดนั้นเลยงั้นหรือ”ชิงชิวกัดฟันกรอดพลางมองไปรอบๆ ตัวเถ้าแก่อู้ต๋งก็ร่ำรวยอยู่แล้ว เหตุใดต้องหาสมบัติมากมายล้นตัวอีก

“ของแค่นี้…ถ้าข้าได้สมบัติพวกนั้นมา แม้แต่ตำแหน่งองค์จักรพรรดิก็อาจจะอยู่ในมือก็ได้”เถ้าแก่ว่าพลางหัวเราะออกมา มันเพ้อฝันถึงเรื่องนี้มาตั้งแต่จับเด็กหญิงมาได้แล้ว ทำเอามันคิดไว้แล้วว่ามันจะกลายเป็นองค์จักรพรรดิน่ๆ ทำให้ชิงชิวถอนหายใจเฮือกออกมา

“ดี ข้าจะพาเจ้าไปให้จักรพรรดิของที่นี่จัดการ”ชิงชิวว่าพลางนำใยแมงมุมออกมามัดร่างของเถ้าแก่อู้ต๋งเอาไว้ โทษของกบฏนั้นรุนแรงอย่างแน่นอน แถมชิงชิวยังรู้จักกับจักรพรรดิของอาณาจักรนี้เสียด้วย มันย่อมเชื่อชิงชิวอยู่แล้วแน่ๆ

.

.

“ท่านชิงชิว….”ทันทีที่ชิงชิวจับตัวอู้ต๋งกลับมาที่สำนักคร่าตะวัน พวกหลิงจงและลั่วสุนก็วิ่งเข้ามาหามันทันที

“เกิดอะไรขึ้น”ชิงชิวขมวดคิ้วพลางมองท่าทีตื่นๆของทั้งสองด้วยความประหลาดใจ หรือพวกของเถ้าแก่อู้ต๋งจะมาล้างแค้นกัน

“น้องจูล่งหายไปขอรับ”ได้ยินหลิงจงพูด ชิงชิวก็สะดุ้งทันที

“หายไป? หายไปไหน”ชิงชิวเบิกตากว้างด้วยความตกใจ อยู่ๆจูล่งก็หายไปงั้นหรือ ไม่ใช่ว่ามันไม่เคยออกมาจากหมู่บ้านเลยไม่ใช่หรืออย่างไร แล้วมันจะไปไหนได้

“เด็กที่พวกท่านช่วยมาก็ไม่อยู่เหมือนกันขอรับ ข้ากลัวว่าน้องจูล่งจะพาเด็กคนนั้นไปด้วย”ได้ยินเช่นนั้นชิงชิวก็ถอนหายใจออกมา

“เจ้าพาเถ้าแก่อู้ต๋งไปส่งราชสำนัก แล้วเอาจดหมายของข้ายื่นไปด้วย”ชิงชิวว่าพลางปล่อยเถ้าแก่อู้ต๋งให้หลิงจงและลั่วสุน พร้อมเขียนจดหมายฉบับหนึ่งแนบไปด้วย

“ส่วนข้าจะตามน้องจูล่งไปเอง”ชิงชิวว่าพลางสูดกลิ่นเข้าจมูกช้าๆ ตัวมันเป็นผู้ตามล่าที่น่ากลัวคนหนึ่งเลยทีเดียว อย่าหวังว่าจะหนีจากมันไปได้ง่ายๆเลย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรอสูรบรรพกาลบุตรอสูรบรรพกาล 430 อยากพบ

Now you are reading บุตรอสูรบรรพกาล Chapter บุตรอสูรบรรพกาล 430 อยากพบ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 430

อยากพบ

“……..”หลังจากไป๋จูล่งและชิงชิวช่วยเด็กหญิงออกมาจากชั้นใต้ดินของตึกแห่งหนึ่งกลางเมืองที่พวกหลิงจงอาศัยอยู่ พวกมันก็พาเด็กหญิงมาพักฟื้นที่ห้องรับรองของสำนักคร่าตะวันทันที นางมีท่าทีอ่อนแรงและบาดเจ็บอยู่แล้ว ทำได้เพียงมองคนของสำนักคร่าตะวันที่พากันวิ่งวุ่นไปมาเท่านั้น

“ใครกันนะทำกับเด็กตัวแค่นี้ได้ลง”พี่สาวซูที่ได้ทราบข่าวรีบเข้ามาช่วยจัดการเช็ดเนื้อเช็ดตัวเด็กหญิงทันที พร้อมทั้งสำรวจบาดแผลบนร่างของนางไปด้วย น่าเสียดายที่ไป๋จูล่งไม่ได้มีพลังธาตุศักดิ์สิทธิ์เหมือนไป๋จูเหวินทำให้ไม่สามารถใช้พลังธาตุช่วยรักษาร่างของเด็กหญิงได้ มันทำได้เพียงหาสมุนไพรในห้องยาของสำนักคร่าตะวันมาช่วยใส่แผลตามวิชาที่มันได้เรียนมาจากน้ามังกรเท่านั้น

“ไม่เป็นไรแล้ว เจ้าหลับให้สบายเถอะ”จูล่งว่าพลางยิ้มบางๆออกมาเมื่อเห็นเด็กหญิงไม่ยอมหลับตาเสียที นางเหมือนกลัวว่าหากหลับตาลงจะเจอเรื่องเลวร้ายไม่มีผิด

“……”เด็กหญิงมองไป๋จูล่งอยู่ครู่หนึ่ง ไม่ทราบเพราะพิษบาดแผลหรือยาที่ไป๋จูล่งใส่ลงไปในผ้าพันแผลกันแน่ แต่ไม่นานนางก็หลับตาลงช้าๆพร้อมทิ้งตนเองลงห้วงนิทราไปทันที

“ท่านเจ้าสำนัก ตึกนั่นเป็นของใครหรือขอรับ”ชิงชิวถามพลางมองไปที่เจ้าสำนักที่พึ่งได้ทราบข่าว ยุคสมัยนี้การจับเด็กคนหนึ่งขังเอาไว้ในกรงไม่ใช่เรื่องปกติเลย

“เป็นของเถ้าแก่ อู้ต๋ง ขอรับ”ตึกใหญ่แบบนั้นย่อมทราบตัวเจ้าของได้ไม่ยาก ยิ่งเจ้าสำนักคร่าตะวันเป็นหนึ่งในชนชั้นผู้นำของเมืองยิ่งทราบดีเข้าไปใหญ่

“มันเป็นใคร”ชิงชิวว่าพลางปล่อยพลังวิญญาณออกมาเล็กน้อย ไม่ต้องบอกก็ทราบว่าชิงชิวต้องการอะไร มันจะไปจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยนั่นเอง

“มันเป็นเจ้าของธุรกิจในเมืองหลายๆอย่างขอรับ เป็น 1 ใน 3 ผู้คุมอำนาจการเงินของเมืองนี้เลย”เจ้าสำนักคร่าตะวันตอบ แม้แต่สำนักคร่าตะวันเองก็ยังซื้อขายกับคนของเถ้าแก่อู้ต๋งเช่นเดียวกับสถานที่ต่างๆในเมือง

“ดี ข้าจะไปเยี่ยมมันเสียหน่อย”ชิงชิวว่าพลางหายตัวไปต่อหน้าต่อตาเจ้าสำนักคร่าตะวัน เกรงว่าเช้าวันนี้เถ้าแก่อู้ต๋งจะมีแขกไปเยือนเสียแล้ว

“xxx”ทางด้านจูล่งและพี่สาวซูเองก็กำลังเฝ้าดูอาการของเด็กหญิงที่ช่วยเหลือมา ตัวเด็กหญิงก็เริ่มพูดภาษาแปลกๆออกมาด้วยท่าทีโหยหาอย่างประหลาด นางดูทรมานมากแม้จะหลับไปแล้วก็ตาม

“….”ไป๋จูล่งมองภาพตรงหน้าด้วยท่าทีอึ้งๆ มันไม่เคยเห็นใครมีอาการเช่นนี้มาก่อน ในหมู่บ้านของมันไม่มีใครต้องรู้สึกหวาดกลัว ท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านน้า หรือคนอื่นๆไม่มีใครมีท่าทีเช่นนี้ให้ไป๋จูล่งเห็นมาก่อน ทำให้ครั้งนี้เหมือนเป็นครั้งแรกที่ทำให้ไป๋จูล่งเกิดความรู้สึกที่ตนไม่เคยรู้สึกมาก่อนขึ้นมา มันคงเป็นความสงสารและเวทนา ทำให้จูล่งไม่อาจปล่อยให้เด็กคนนี้อยู่เพียงลำพังได้

“xxxxx” เสียงละเมอของเด็กหญิงยังคงดังทุกๆสิบนาที ราวกับนางกำลังฝันถึงบางอย่างอยู่ไม่มีผิด

“ท่xxxแxx”

“ท่านแม่…”ไป๋จูล่งได้ยินเสียงของนางมาได้พักหนึ่งกลับสามารถฟังเสียงของนางออกว่านางกำลังพูดว่าอะไร

“ท่านแม่ หนูกลัว”เด็กหญิงพูดบนเตียงด้วยท่าทีทรมาน

“ท่านแม่ ข้าอยากเจอท่าน”เด็กหญิงพูดพลางปล่อยน้ำตาออกมาจากขอบตา ทำเอาจูล่งที่พึ่งเคยเจอสภาพเช่นนี้เป็นครั้งแรกสะเทือนใจอย่างบอกไม่ถูก

หมับ…จูล่งจับมือของเด็กหญิงเอาไว้พลางมองท่าทีของนาง แม้จะไม่มากแต่หลังจากจูล่งจับมือของนางเอาไว้นางก็ละเมอน้อยลง ทำให้จูล่งจับมือนางเอาไว้ไม่ยอมปล่อย ได้แต่หวังว่านางจะอาการดีขึ้นเร็วๆเท่านั้น

“น้องจูล่ง ข้าจะไปเตรียมอาหารเสียหน่อย นางไม่มีพลังวิญญาณพอตื่นขึ้นมาต้องหิวมากแน่ๆ”พี่สาวซูว่าพลางขอตัวออกไปข้างนอก แม้นางจะฟังไม่ออกว่าเด็กหญิงพูดอะไร แต่ท่าทีของนางก็น่าสงสารมากพอแล้ว

“ขอรับ”จูล่งตอบพลางพยักหน้าช้าๆ ตัวจูล่งไม่ได้รับการสอนแบบผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณเท่าไหร่ ตัวเหม่ยหลินนั้นแม้ทั้งบ้านจะเต็มไปด้วยผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณแต่ก็ยังทำอาหารเช้ากลางวันเย็นให้จูล่งเสมอ เหมือนกับว่าครอบครัวของพวกนางเป็นคนธรรมดาไม่มีผิด ไม่ใช่เพราะต้องการหลบซ่อน แต่เพราะอยากสัมผัสอารมณ์ความรู้สึกแบบครอบครัวธรรมดาเท่านั้น

ในเช้าวันถัดมา เด็กหญิงก็อาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นางตื่นขึ้นมาด้วยท่าทางสดชื่นกว่าตอนช่วยกลับมามาก แถมบาดแผลส่วนใหญ่ยังหายอักเสบแล้วด้วย หลังจากนางตื่นพี่สาวซูก็นำข้าวต้มมาให้นางกิน ท่าทางนางจะไม่ได้กินอะไรมานาน นางเลยกินข้าวต้มไปเยอะทีเดียวสำหรับผู้หญิงตัวเล็กๆแบบนาง แต่ถึงจะได้พักฟื้นและทานอาหารแล้ว เด็กหญิงก็ยังมีท่าทีเศร้าๆอยู่ไม่หาย

“ท่านแม่…ท่านจะเป็นอย่างไรบ้าง”เด็กหญิงพูดด้วยใบหน้าเหมือนจะร้องไห้

“เจ้าอยากพบแม่งั้นหรือ”ไป๋จูล่งถามพลางมองไปทางเด็กหญิง แต่คำพูดของไป๋จูล่งกลับทำให้เด็กหญิงตกใจอย่างมาก

“ท่านพูดกับข้าได้”เด็กหญิงเบิกตากว้างมองไป๋จูล่งด้วยท่าทีตกใจ นางไม่ทราบเลยว่าเมื่อคืนนางละเมออะไรออกไปบ้าง และคงไม่คิดด้วยว่าจูล่งจะเรียนภาษาของนางจากคำพูดละเมอของนางเท่านั้น

“เจ้าอยากจะเจอแม่ของเจ้าหรือเปล่า”ไป๋จูล่งไม่ได้สนใจท่าทีตกใจของนาง เมื่อคืนมันได้ฟังว่านางอยากพบแม่ของนางแค่ไหนมาตลอด มันจึงอยากทราบจากปากของนางยามมีสติว่านางอยากพบแม่ของนางจริงๆหรือไม่

“ข้า…ข้าอยากจะไปพบท่านแม่เจ้าค่ะ”เด็กหญิงตอบด้วยใบหน้าเศร้าๆ เพราะนางทราบดีว่าเรื่องนั้นเป็นไปไม่ได้

“งั้นไปกันเถอะ”จูล่งพูดออกมาด้วยท่าทีจริงจังอย่างมาก ทำเอาเด็กหญิงเบิกตากว้างพลางกะพริบตาปริบๆเหมือนได้ยินสิ่งที่จูล่งพูดไม่ชัด

“ไป๋ไหนหรือเจ้าคะ”เด็กหญิงถามพลางมองจูล่งด้วยท่าทีงุนงง

“พาเจ้าไปหาแม้ของเจ้าไง”จูล่งตอบ มันไม่ใช่คนซับซ้อนอะไรมากมาย ในเมื่อนางอยากจะไปหาแม่ มันก็จะพานางไปหาแม่เท่านั้นเอง

“แต่ที่ๆท่านแม่อยู่ห่างจากที่นี่มาก”เด็กหญิงตอบ แม้เป็นเด็กอย่างนางก็ทราบว่าสถานที่ที่นางโดนจับมานั้นอยู่ห่างจากเมืองแห่งนี้มากทีเดียว

“ข้ามีม้า”จูล่งตอบหน้านิ่ง ทำเอาเด็กหญิงอึ้งเข้าไปใหญ่

“แต่…”เด็กหญิงไม่อยากจะเชื่อว่าจูล่งจะพาตนเองไปหามารดาจริงๆ เอาตรงๆนางไม่ทราบด้วยซ้ำว่าต้องกลับไปอย่างไร

“เจ้าอยากพบแม่เจ้าหรือเปล่า”จูล่งถามด้วยใบหน้าจริงจังอีกครั้ง

“…อยาก”เด็กหญิงตอบด้วยน้ำเสียงเบาหวิวราวกับเสียงกระซิบ

“อยากหรือเปล่า”จูล่งถามซ้ำอีกครั้งเหมือนมันไม่ได้ยินที่นางพูดเมื่อครู่

“อยากเจ้าค่ะ”เด็กหญิงตอบ ยามนี้หากให้นางสามารถไปพบท่านแม่ได้ ไม่ว่าจะแลกด้วยอะไรนางก็ยอมทั้งนั้น

“เช่นนั้นก็ไปหากันเถอะ ท่านแม่ของเจ้า”จูล่งตอบพลางยิ้มออกมา ไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลอะไรทั้งนั้น ในเมื่ออยากพบก็ต้องไปหา เป็นความคิดง่ายๆที่ตัวเด็กหญิงไม่กล้าคิดออกมา

“เจ้าค่ะ”เด็กหญิงเผยรอยยิ้มออกมาพร้อมทั้งน้ำตา ความจริงก่อนหน้านี้นางหมดหวังไปแล้ว ลำพังแค่หนีออกมายังไม่ทราบว่าจะหนีออกมาได้หรือเปล่า ในดินแดนห่างไกลที่ไม่มีคนรู้ภาษาของนางด้วยแล้วยิ่งไม่มีความหวังจะกลับไปเลยแม้แต่น้อย หากอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้จะมีใครกล้าคิดว่าจะมีคนใจดีคนหนึ่งพูดออกมาว่าจะพาตนเองกลับบ้านกัน .

.

โครม!! ทางด้านชิงชิว หลังจากได้ทราบเรื่องเจ้าของตึกจากเจ้าสำนักคร่าตะวันแล้วก็มุ่งหน้ามาดักรอเถ้าแก่อู้ต๋งมันที แต่น่าเสียดายที่การเจรจาเป็นไปได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พอทราบว่าชิงชิวคือผู้โจมตีตึกของตนและชิงตัวเด็กหญิงออกไป เถ้าแก่อู้ต๋งก็ส่งลูกน้องออกมาจัดการชิงชิวทันที แต่น่าเสียดายผู้คุ้มกันระดับเทียนเซียนไม่กี่สิบคนทำอะไรชิงชิวไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

“บอกข้ามาว่าเจ้าจับเด็กสาวคนนั้นมาทำไม”ชิงชิวว่าพลางปล่อยร่างของผู้คุ้มกันคนสุดท้ายลงไปบนพื้นเบื้องหน้าเถ้าแก่อู้ต๋งทันที

“เด็กคนนั้น….”เถ้าแก่อู้ต๋งพูดด้วยท่าทีสั่นเทา ผู้คุ้มกันที่เก่งอันดับต้นๆของเมืองกลับโดนชายคนนี้จัดการในพริบตา ทำให้มันรู้สึกหวาดกลัวชิงชิวอย่างมาก

“ตอบคำถามข้ามา”ชิงชิวพูดพลางเรียกเอามีดเล่มหนึ่งออกมาจ่อที่คอของเถ้าแก่ทันที

“เด็กคนนั้น… เด็กคนนั้นเป็นกุญแจที่จะพาพวกข้าเข้าไปในดินแดนลี้ลับได้”ได้ยินเช่นนั้นชิงชิวก็ขมวดคิ้วทันที ดินแดนลี้ลับ เป็นสถานที่แบบไหนกัน แล้วทำไมต้องเป็นเด็กสาวคนนั้นด้วย

“ทำไมต้องใช้เด็กคนนั้น”ชิงชิวถามด้วยน้ำเสียงดุดัน ทำเอาเถ้าแก่อู้ต๋งมีท่าทีหวาดกลัวอย่างมาก

“ถ้าให้นางยอมพาพวกเราเข้าไปในดินแดนลี้ลับได้ เราจะได้สมบัติมากมายมหาศาล ยาวิเศษ แร่มีค่า ทุกๆอย่างอยู่ในนั้นเต็มไปหมด”เถ้าแก่อู้ต๋งว่าพลางหัวเราะออกมา สมบัติในนั้นว่ากันว่ามากมายมหาศาลเสียจนผู้ได้ครอบครองจะรวยยิ่งกว่าจักรพรรดิของอาณาจักรเสียอีก ทำให้อู้ต๋งจ้างผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณชนชั้นยอดฝีมือหลายคนช่วยกันจับตัวนางมา แต่ก็ต้องแลกด้วยชีวิตของยอดฝีมือถึง 8 คนถึงจะสามารถพาตัวนางมาได้เลยทีเดียว แต่ที่น่าเสียดายที่สุดคือนางพูดภาษาพวกตนไม่ได้ และไม่มีท่าทีจะยอมพาพวกตนเข้าไปในแดนลี้ลับเลย ทำให้เถ้าแก่อู้ต๋งจับตัวนางเอาไว้แล้วพยายามขู่ให้พาตนเข้าไปในแดนลี้ลับให้ได้นั่นเอง

“เพื่อของแค่นั้นถึงกับทำกับเด็กคนหนึ่งขนาดนั้นเลยงั้นหรือ”ชิงชิวกัดฟันกรอดพลางมองไปรอบๆ ตัวเถ้าแก่อู้ต๋งก็ร่ำรวยอยู่แล้ว เหตุใดต้องหาสมบัติมากมายล้นตัวอีก

“ของแค่นี้…ถ้าข้าได้สมบัติพวกนั้นมา แม้แต่ตำแหน่งองค์จักรพรรดิก็อาจจะอยู่ในมือก็ได้”เถ้าแก่ว่าพลางหัวเราะออกมา มันเพ้อฝันถึงเรื่องนี้มาตั้งแต่จับเด็กหญิงมาได้แล้ว ทำเอามันคิดไว้แล้วว่ามันจะกลายเป็นองค์จักรพรรดิน่ๆ ทำให้ชิงชิวถอนหายใจเฮือกออกมา

“ดี ข้าจะพาเจ้าไปให้จักรพรรดิของที่นี่จัดการ”ชิงชิวว่าพลางนำใยแมงมุมออกมามัดร่างของเถ้าแก่อู้ต๋งเอาไว้ โทษของกบฏนั้นรุนแรงอย่างแน่นอน แถมชิงชิวยังรู้จักกับจักรพรรดิของอาณาจักรนี้เสียด้วย มันย่อมเชื่อชิงชิวอยู่แล้วแน่ๆ

.

.

“ท่านชิงชิว….”ทันทีที่ชิงชิวจับตัวอู้ต๋งกลับมาที่สำนักคร่าตะวัน พวกหลิงจงและลั่วสุนก็วิ่งเข้ามาหามันทันที

“เกิดอะไรขึ้น”ชิงชิวขมวดคิ้วพลางมองท่าทีตื่นๆของทั้งสองด้วยความประหลาดใจ หรือพวกของเถ้าแก่อู้ต๋งจะมาล้างแค้นกัน

“น้องจูล่งหายไปขอรับ”ได้ยินหลิงจงพูด ชิงชิวก็สะดุ้งทันที

“หายไป? หายไปไหน”ชิงชิวเบิกตากว้างด้วยความตกใจ อยู่ๆจูล่งก็หายไปงั้นหรือ ไม่ใช่ว่ามันไม่เคยออกมาจากหมู่บ้านเลยไม่ใช่หรืออย่างไร แล้วมันจะไปไหนได้

“เด็กที่พวกท่านช่วยมาก็ไม่อยู่เหมือนกันขอรับ ข้ากลัวว่าน้องจูล่งจะพาเด็กคนนั้นไปด้วย”ได้ยินเช่นนั้นชิงชิวก็ถอนหายใจออกมา

“เจ้าพาเถ้าแก่อู้ต๋งไปส่งราชสำนัก แล้วเอาจดหมายของข้ายื่นไปด้วย”ชิงชิวว่าพลางปล่อยเถ้าแก่อู้ต๋งให้หลิงจงและลั่วสุน พร้อมเขียนจดหมายฉบับหนึ่งแนบไปด้วย

“ส่วนข้าจะตามน้องจูล่งไปเอง”ชิงชิวว่าพลางสูดกลิ่นเข้าจมูกช้าๆ ตัวมันเป็นผู้ตามล่าที่น่ากลัวคนหนึ่งเลยทีเดียว อย่าหวังว่าจะหนีจากมันไปได้ง่ายๆเลย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+