บุตรอสูรบรรพกาลบุตรอสูรบรรพกาล 76 การกลับมาของหัวหน้า

Now you are reading บุตรอสูรบรรพกาล Chapter บุตรอสูรบรรพกาล 76 การกลับมาของหัวหน้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 76

การกลับมาของหัวหน้า

 

“พี่ไป๋ ท่านจะไปเมืองร้อยแปดอสูรกับพวกเราหรือเปล่า”เหม่ยหลินที่กำลังจะเดินทางกลับเมืองร้อยแปดอสูรถามออกมา ตัวนางมั่นใจว่าไป๋จูเหวินตอนนี้ต้องเป็นนักล่าอสูรได้แน่นอน ยิ่งตัวมันมีพลังอสูรอยู่ในร่างแล้วไม่จำเป็นต้องเข้าพิธีหลอมรวมอสูรของสำนักก็ยิ่งเข้าได้ง่ายกว่าคนอื่นๆมาก

“ข้าอยากจะฝึกฝนอีกหน่อย”ไป๋จูเหวินตอบพลางยิ้มบางๆ ตัวมันหลังจากสู้กับหยงเวยที่โดนพลังมารครอบงำ ความมั่นใจในตัวเองก็หายไปหลายส่วน ตอนแรกมันดีใจมากที่สู้ได้สูสีกับอู๋หมิงเสียที แต่เหนือฟ้าย่อมมีฟ้าเหม่ยหลินที่อยู่ตรงหน้ามันยังมีพลังสูงกว่าหยงเวยเสียอีก มันทำให้ไป๋จูเหวินรู้สึกว่าโลกช่างกว้างใหญ่จริงๆ อย่างน้อยตอนนี้เคล็ดวิชาโลหิตมังกรยังทำให้มันสามารถเพิ่มพลังขึ้นไปเรื่อยๆได้ มันจึงอยากจะฝึกฝนให้เต็มที่ก่อนจะไปเจอกับเหล่านักล่าอสูร

“อืม..ข้าเข้าใจแล้ว”เหม่ยหลินว่าพลางยิ้มรับ ไม่ทราบยามนี้นางเสียดายที่ไป๋จูเหวินยังไม่ไปเข้ากลุ่มนักล่าอสูรหรือแค่เสียดายที่มันไม่ยอมไปกับนางกันแน่

“ถ้าอย่างนั้นข้าคงต้องขอลาไปก่อน”เหม่ยหลินว่าพลางหันหลังเดินทางต่อไปยังเมืองร้อยแปดอสูรที่ตนจากมา ส่วนทางด้านไป๋จูเหวินนั้นหลังจบการล่ำลามันก็ขอตัวกลับเข้าไปในห้องของตนทันที เพียงแต่ที่หน้าห้องกลับปรากฏร่างของตนสองคนที่ยืนรอมันอยู่

“นายน้อย”ต้าชิงประสานมือพลางทำความเคารพนายน้อยของมันทันที

“พี่ต้าชิง พี่ต้าเฉิน พวกท่านฝึกฝนเสร็จแล้วงั้นเหรอ”ไป๋จูเหวินถามพลางมองต้าชิงและต้าเฉินด้วยดวงตาสีม่วง หลังจากพวกมันขึ้นระดับผลึกวิญญาณพวกมันก็เก็บตัวในห้องมาตลอด ด้วยยาที่ไป๋จูเหวินมอบให้ทำเอาพวกมันพัฒนาไปได้รวดเร็วจนน่ากลัว ยามนี้พวกมันทั้งสองต่างอยู่ระดับผลึกวิญญาณขั้น 4 แล้ว

“พวกข้ามีเรื่องอยากจะถามนายน้อยขอรับ”ต้าเฉินว่าพลางมองดวงตาสีม่วงของไป๋จูเหวินนิ่ง

“นายน้อย…ไม่ไปเข้ากลุ่มนักล่าอสูรเพราะพวกเราหรือเปล่าขอรับ”ต้าเฉินถามออกมาพลางก้มหน้าลงเล็กน้อย การเข้ากลุ่มนักล่าอสูรต้องมีพลังระดับหลอมรวมปฐพีเสียก่อน ซึ่งตอนนี้พวกมันไม่สามารถเร่งฝึกถึงระดับหลอมรวมปฐพีได้จริงๆ แม้จะได้ยาจากนายน้อยมาช่วยแล้วก็ตาม

“ไม่ใช่”ไป๋จูเหวินว่าพลางส่ายหน้าเบาๆ

“แต่…เมื่อครู่คุณหนูเหม่ยหลินชวนท่านให้เดินทางไปด้วยกัน บางทีอาจจะดีกว่าหากท่านไปกับนาง”ต้าชิงคิดว่าหากไป๋จูเหวินไปกับเหม่ยหลิน การเข้ากลุ่มนักล่าอสูรย่อมไม่ใช่เรื่องยากเป็นแน่

“พวกท่านคิดมากเกินไปแล้ว ข้าเพียงรู้สึกยังไม่พร้อมเท่านั้น”ไป๋จูเหวินว่าพลางจับไปที่บ่าของทั้งสองคน

“นายน้อย…”ต้าชิงเบิกตากว้างมองไป๋จูเหวินด้วยท่าทีประหลาดใจ มันไม่เคยเห็นนายยิ้มอย่างขมขื่นแบบนี้มาก่อน

“พวกท่านตั้งใจฝึกฝนเถอะ ข้าเองก็จะเริ่มฝึกเช่นกัน”ไป๋จูเหวินว่าพลางเปิดประตูห้องแล้วเดินเข้าไปเงียบๆ การต่อสู้กับหยงเวยคราวนี้นอกจากจะพ่ายแพ้แล้ว ตัวมันยังเกือบเสียขาไปอีกต่างหาก แถมใยแมงมุมที่มันมั่นใจนักหนายังโดนทำลายอีกต่างหาก มันไม่ทราบว่าหยงเวยจะคิดแค้นอะไรมันหรือเปล่า และไม่ทราบว่ามันจะเจอกับหยงเวยเข้าอีกเมื่อไหร่ หากตอนนั้นมันต้องการจะฆ่าไป๋จูเหวินอีกเมื่อไม่มีอาวุโสเทียนหมิงอยู่ใครจะต่อต้านมันได้ ทางเลือกของไป๋จูเหวินยามนี้คือฝึกฝนให้หนักเพื่อปกป้องตนเองและคนอื่นๆให้ได้

.

.

“คุณหนู ข้าง่วงจังเลย”หยวนหยวนหาวออกมาพลางใช้ร่างแมวของนางเหยียดตัวบนม้าอย่างขี้เกียจ ระยะการเดินทางไปยังเมืองร้อยแปดอสูรหากเป็นคนธรรมดาอาจจะต้องใช้เวลาหลายเดือนเพราะเป็นการเดินทางข้ามนครเลยทีเดียว แถมยังต้องผ่านป่าที่มีแต่อสูรเต็มไปหมดอีกต่างหากยิ่งไม่มีผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณเดินทางมาด้วยอาจจะไม่ได้เดินทางต่อเลยด้วยซ้ำ แต่สำหรับกลุ่มนักล่าอสูรที่ล้วนแล้วแต่เป็นทั้งผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณชั้นยอดและเป็นทั้งผู้ล่าอสูรแล้วการเดินทางใช้เวลาไม่ถึงเดือนเท่านั้น

“ข้างหน้าก็ถึงเมืองแล้ว เจ้าอย่าทำตัวเป็นเด็กเลย”หมิงฮุ่ยว่าพลางหยิบหยวนหยวนลงมาจากม้าเพราะนางเล่นพลิกไปพลิกมาจนเหมือนจะตกอยู่แล้ว

ฟุบๆๆๆๆ ยังไม่ทันเข้าไปถึงเมือง อยู่ๆร่างของนกอินทรีจำนวนหนึ่งก็พุ่งลงมาหากลุ่มของพวกเหม่ยหลิน พวกมันล้วนเป็นอสูรระดับสูงที่มีพลังอำนาจเกินกว่าอสูรทั่วไปที่จะเจอในป่าได้

“คุณหนู ท่านกลับมาแล้ว”อินทรีตัวหนึ่งว่าพลางกลายร่างเป็นมนุษย์อย่างรวดเร็ว

“คุณหนู ยินดีต้อนรับกลับเจ้าค่ะ”เหล่าอินทรีพากันกลายร่างเป็นมนุษย์และคุกเข่าประสานมือต้อนรับการกลับมาของเหม่ยหลินในทันที

“คุณหนู รีบเข้าเมืองเถอะเจ้าค่ะ ท่านหัวหน้ารอพบคุณหนูอยู่”อินทรีตัวแรกที่เข้ามาคุกเข่าพูดพลางลุกขึ้นยืนช้าๆ นางในร่างมนุษย์ดูเป็นสาวรูปร่างผอมเพรียว แม้จะดูเรียบไปบ้างแต่ก็เป็นสาวงามที่ดูองอาจไม่น้อย

“หัวหน้า…ท่านหมายถึงอาวุโสเฟยงั้นหรือ”เหม่ยหลินถามพลางขมวดคิ้วเล็กน้อย พวกนางต่างเป็นอสูรประเภทปักษา และผู้ดูแลหน่วยปักษาทั้งหมดคืออาวุโสเฟยหยางบิดาของเฟยเฟิ่งผู้ตามติ้อนางอยู่ตลอดนั่นเอง

“ไม่ใช่เจ้าค่ะ ท่านหัวหน้ากลุ่มออกจากถ้ำเมื่อเดือนที่แล้ว ท่านรออยากพบคุณหนูมาตลอดเลยเจ้าค่ะ”อินทรีสาวว่าพลางยิ้มอย่างดีใจ เป็นที่รู้กันของคนทั้งนครว่าบิดาของเหม่ยหลินเก็บตัวฝึกฝนในถ้ำมาหลายปีเพื่อจะก้าวขึ้นสู้ระดับเทียนเซียน

“เอ๊ะ..ท่านพ่อออกมาแล้ว”เหม่ยหลินนิ่งเงียบไปพลางก้มหน้าลงเล็กน้อย ความสัมพันธ์ของตัวนางกับพ่อออกจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ถึงขั้นเลวร้ายอะไรมากมาย เพียงแต่นางไม่ทราบจะทำตัวอย่างไรต่อหน้าท่านเท่านั้น

“คุณหนู ไปกันเถอะ”หยวนหยวนว่าพลางกลายร่างเป็นมนุษย์ในทันที บิดาของเหม่ยหลินเป็นบุคคลที่น่าเกรงขาม แต่เดิมมันก็อยู่ระดับ เสินเซียนขั้นที่ 10 อยู่แล้ว เรียกได้ว่าเป็นผู้มีพลังระดับเหนือมนุษย์คนหนึ่ง แถมยังเป็นที่รู้กันว่ามันคือผู้ถือครองพลังอสูรที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่มนุษย์อีกด้วย หากมันก้าวขึ้นระดับเทียนเซียนจนเสมอกับอาวุโสเทียนหมิงผู้ได้ชื่อว่าเซียนกระบี่ละก็ มันจะแข็งแกร่งกว่าอาวุโสเทียนหมิงอย่างแน่นอน

“คุณหนูเหม่ยหลินกลับมาแล้วววว”ทันทีที่เหม่ยหลินกลับเข้าเมืองมา เหล่าอสูรนกผู้ทำหน้าที่ตรวจตราและส่งสารก็เข้ามาในวังมังกรซึ่งตั้งอยู่ทางเหนือของเมืองร้อยแปดอสูรในทันที ภายในห้องนอกจากเหล่าอาวุโสทั้ง 10 ท่านและรองหัวหน้าอีก 2 ท่านแล้วบนบัลลังก์ยังมีร่างของชายคนหนึ่งที่ไม่เคยปรากฏตัวมาหลายปีแล้ว ทำเอาภาพที่ชายคนนั้นนั่งอยู่บนบัลลังก์แปลกตาไปไม่น้อย

“ให้นางเข้ามา”ชายคนนั้นพูดพลางเอนตัวลงพิงบัลลังก์ของตนช้าๆ เพียงท่าทางการเคลื่อนไหวธรรมดาของชายคนนี้ก็ทำเอาคนรอบๆต่างกลั้นหายใจ ผู้ที่จะสามารถเลื่อนขึ้นมาเป็นอาวุโสของกลุ่มนักล่าอสูรได้ล้วนไม่ใช่คนธรรมดา ทุกคนต่างมีระดับสูงกว่าเหรินเซียนทั้งสิ้น เรียกได้ว่าทุกคนในห้องนี้ต่างเป็นจุกสูงสุดของเหล่ามนุษย์อย่างไม่ต้องสงสัย

“คารวะท่านหัวหน้ากลุ่ม”เหม่ยหลินที่ได้รับอณุญาติให้เข้าห้องมาเดินตรงมาที่หน้าบัลลังก์ก่อนจะคุกเข่าลงคารวะผู้เป็นบิดาอย่างสง่างามสร้างความพึงพอใจให้กับเหล่าอาวุโสไม่น้อย

“เหม่ยหลิน เจ้าเงยหน้าขึ้นเถอะ”หัวหนเกลุ่มนักล่าอสูรว่าพลางลุกขึ้นยืนช้าๆ หากมองภายนอกแล้วมันเป็นชายหนุ่มผู้มีใบหน้างดงามไม่น้อย เรียกได้ว่าที่เหม่ยหลินงดงามขนาดนี้ส่วนหนึ่งก็เพราะบิดาเช่นกัน เพียงแต่ทันทีที่เข้ามาเหม่ยหลินยังไม่สามารถสัมผัสพลังอสูรจากบิดาได้เลยทั้งๆที่เมื่อก่อนพลังอสูรของบิดามักจะเกรี้ยวกราดและทรงพลังอย่างมาก ทำให้เหม่ยหลินจดจำบรรยากาศของพลังอสูรที่บิดาปล่อยออกมาได้มากกว่าใบหน้าของบิดาเสียอีก

“ท่านพ่อ….พลังอสูรของท่าน”เหม่ยหลินเบิกตากว้างพลางมองบิดาของตนอย่างประหลาดใจ

“น่าเสียดาย แต่มันหายไปแล้ว”บิกาของเหม่ยหลินตอบพลางส่ายหน้าอย่างเสียดาย แต่ถึงจะบอกว่าเสียดายแต่นั่นก็หมายความว่าบิดาของนางเลื่อนขึ้นเป็นระดับเทียนเซียนสำเร็จแล้วนั่นเอง แม้จะไม่ทราบสาเหตุแต่นักล่าอสูรที่ฝึกฝนมาถึงระดับเทียนเซียนทุกคนต่างสูญเสียพลังอสูรของตนไปจนหมด ตั้งแต่บิดาของเหม่ยหลินยามนี้ รวมไปถึงปู่ ทวด หรือแม้แต่บรรพบุรุษรุ่นหลังก็ด้วย ทั้งๆที่หากขึ้นระดับเทียนเซียนแล้วยังสามารถรักษาพลังอสูรเอาไว้ได้จะ ในปลายทางพวกมันจะแข็งแกร่งกว่าผู้ฝึกฝนพลังวิญญาณระดับเทียนเซียนด้วยกันแน่นอนแท้ๆ

“เหม่ยหลิน หลายปีมานี้เจ้าคงตั้งใจฝึกฝนสินะ”บิดาของเหม่ยหลินยิ้มพลางมองเหม่ยหลินอย่างเอ็นดู มันสัมผัสพลังอสูรไม่ได้แล้ว แต่พลังวิญญาณของเหม่ยหลินก็แข็งแกร่งขึ้นมาก สมแล้วที่มันลงแรงไปมากในการฝึกฝนบุตรสาวคนนี้

“ท่านหัวหน้า”พ่อลูกยังไม่ทันพูดคุยอะไรกันมาก อยู่ๆอาวุโสเฟยหยางก็ลุกขึ้นยืนพลางเรียกหัวหน้ากลุ่มนักล่าอสูรราวกับมีเรื่องจะรายงาน

“มีอะไร”หัวหน้ากลุ่มนักล่าอสูรถามพลางมองอาวุโสเฟยหยางด้วยท่าทีไม่ค่อยพอใจนัก

“ขออภัย เพียงแต่ข้ามีเรื่องจะรายงานให้ท่านทราบ”อาวุโสเฟยอยางพูดพลางก้มหัวลง

“หลายปีที่ท่านเก็บตัวฝึกฝน คุณหนูเหม่ยหลินได้เติบโตขึ้นมากอย่างที่ท่านเห็น”อาวุโสเฟยหยางเกริ่นมาเพียงเท่านี้เหม่ยหลินก็ทราบในทันทีว่ามันต้องการอะไร ทำอามใบหน้าของหนางหมองคล้ำขึ้นมาในทันที

“นางเองก็มีความสัมพันธ์อันดีกับบุตรชายของข้าเฟยเฟิ่ง ข้าเห็นว่าเด็กทั้งสองต่างรัดใคร่กันข้าเลยอยากจะให้เรื่องมันเป็นไปตามธรรมเนี่ยม”ได้ยินเช่นนั้นเหม่ยหลินและหยวนหยวนก็แทบจะพรุ่งเข้าไปหาอาวุโสเฟยอยาง แต่ดีที่หมิงฮุ่ยห้ามเอาไว้ มันช่างกล้าพูดได้อย่างไรว่ารักใครกัน นางแทบจะหนีเฟยเฟิ่งไปให้พ้นเสียด้วยซ้ำ

“เจ้าจะบอกว่าเจ้าอยากจะหมั้นหมายบุตรชายของเจ้ากับเหม่ยหลินงั้นหรือ”หัวหน้ากลุ่มนักล่าอสูรถามพลางเดินมาหาเฟยหยาง

“ถูกต้องแล้วขอรับ”อาวุโสเฟยหยางยิ้มพลางเงยหน้าขึ้นช้าๆ ตัวหัวหน้ากลุ่มเองก็มีภรรยานับสิบคน เรื่องหมั้นหมายหรือตบแต่งภรรยาตัวมันไม่เคยเรื่องมาก แถมเรื่องการแต่งงานในกลุ่มบุตรสาวบุตรชายของเหล่าอาวุโสก็เป็นเรื่องที่มีมานานแล้ว แถมในเด็กรุ่นเดียวกับเหม่ยหลินก็มีเพียงเฟยเฟิ่งคนเดียวที่ยังโสดอยู่ โอกาสที่มันจะได้หมั้นหมายมีค่อนข้างมากทีเดียว

“เจ้าจะบอกว่าให้ข้ายกเหม่ยหลินให้ไอ้เด็กเหลือขอนั่นนะเหรอ”เสียงของหัวหน้ากลุ่มนักล่าอสูรเย็นเฉียบราวกับมีดน้ำแข็ง พริบตานั้นไอพลังเซียนก้แผ่พุ่งออกมาปกคลุมทั้งห้องเอาไว้ในพริบตา แม้อาวุโสเฟยหยางจะอยู่ระดับเสินเซียนขั้นหลังๆแล้ว แต่เมื่อเทียบกับเทียนเซียนแล้วระดับพลังยังห่างกันช่วงใหญ่ แม้บุตรชายจะโดนด่าว่าเป็นเด็กเหลือขอมันกลับไม่กล้าต่อปากแม้แต่คำเดียว

“เหม่ยหลินเป็นผลงานที่ข้าภาคภูมิใจ ข้าไม่มีวันยกนางให้เฟยเฟิ่ง จำเอาไว้”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด