บุตรอสูรบรรพกาล บุตรอสูรบรรพกาล 295 ขัดจังหวะ

Now you are reading บุตรอสูรบรรพกาล Chapter บุตรอสูรบรรพกาล 295 ขัดจังหวะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บุตรอสูรบรรพกาล บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 295 ขัดจังหวะ

ตอนที่ 295

 

ขัดจังหวะ

เปรี้ยง! ยังไม่ทันตั้งตัว ดัชนีกระบี่ของอู๋หมิงก็พุ่งเข้ามาใส่ร่างของไป๋จูเหวินเป็นอย่างแรก แต่เพราะร่างกายที่แข็งแกร่งจนน่ากลัวของไป๋จูเหวินนั้นกลับสามารถรับปราณกระบี่ได้โดยไม่ต้องป้องกันเสียด้วยซ้ํา

เปรี้ยงๆๆๆ ปราณกระบี่นับสิบสายพุ่งเข้ามาหาไป๋จูเหวินทันทีที่อู๋หมิงเริ่มโจมตีจริงจังมากขึ้น เมื่อครู่เป็นการสะกิดเตือนเท่านั้น เพียงแต่ไป๋จูเหวินก็ใช้ร่างกายของมันรับเช่นเดิม ปราณกระบี่นั้น ยิ่งผู้ใช้เก่งกาจเท่าไหร่ ก็ยิ่งคมกล้า และคงไม่มีใครกล้าครหาความสามารถของอู๋หมิงศิษย์ของอาวุโสเทียนหมิงแน่ๆ แต่ปราณกระบี่ของมันกลับเจาะร่างของไป๋จูเหวินไม่เข้าเลย

“ร่างกายนั่น เจ้าไปทําอะไรมา”อู๋หมิงขมวดคิ้วพลางมองผิวหนังสีขาวซีดของไป๋จูเหวิน คราวก่อนที่สู้กันเหมือนจะมีแค่ส่วนแขน แต่ตอนนี้ร่างของไป๋จูเหวินทั้งตัวเป็นสีนั้นไปจนหมดแล้ว แม้จะต่างจากผิวธรรมดาไม่มาก แต่ความแข็งแกร่งนั้นผิดกันลิบลับ

 

“ถึงจะเอาแต่ทํางาน แต่ช่วง 5 ปีที่ผ่านมานี้ข้าเข้าใจพลังอสูรขึ้นมากเชียวล่ะ”ไป๋จูเหวินว่าพลางเอานิ้วแตะลงบนผิวหนังบนอกของตน แต่เดิมมันรวมกับพลังอสูรของมารดาไม่ได้ทั้งหมด แต่พอไปหลินเกิดมาไป๋จูเหวินจึงได้เห็นว่าผู้ที่รวมกับพลังอสูรอย่างแท้จริงนั้นเป็นเช่นไร ไปหลินนั้นมีลักษณะภายนอกเด่นกว่าไป๋จูเหวินเสียอีก ผิวหนังของนางแข็งแกร่งมาตั้งแต่เกิด ดวงตาเองก็มีความสามารถของเนตรแมงมุมอยู่ครบ แม้จะยังดูเหมือนนางจะใช้ไม่ค่อยได้ก็ตาม

จากการเฝ้ามองบุตรสาว และพิจารณาตัวเองไป๋จูเหวินได้ทราบแล้วว่าความสามารถของมารดาที่มันกลืนลงไปนั้น ตัวมันเองยังใช้ออกมาได้ไม่หมด หลังจากเข้าระดับเทียนเซียนมันก็เพียรผสานพลังอสูรในร่างให้เป็นหนึ่งเดียวกับตัวมันมากขึ้น

 

“งั้นเหรอ” อู๋หมิงพูดพลางเรียกเอากระบี่ทัณฑ์สวรรค์ออกมา แม้จะใช้ดัชนีกระบี่ได้แล้ว แต่ท่าทางเพียงแค่ดัชนีกระบี่จะเจาะผิวหนังของไป๋จูเหวินไม่ได้

เปรี้ยง!! อยู่ๆท้องฟ้ายามค่ําคืนที่สงบจนถึงเมื่อครู่ ก็ปรากฏฟ้าผ่าลงมาตรงที่อู๋หมิงยืนอยู่พอดี มันผ่าลงมาตรงกระบี่ของอู๋หมิงอย่างแม่นยํา ก่อนที่ประกายสายฟ้าจะลามไปทั่วร่างของอู๋หมิง

 

ฟุบ! ร่างของอู๋หมิงแยกออกเป็น 9 ร่างล้อมรอบร่างของไป๋จูเหวินเอาไว้ ก่อนจะง้างกระบี่เตรียมใช้ท่ากระบี่ประกายอัสนี

ตูม! อยู่ๆร่างแยกของอู๋หมิงก็สลายหายไปจนหมด แถมร่างจริงของมันยังโดนกดลงกับพื้นด้วยท่าผงาดกลางหิมะของท่านน้าจิ้งจอกทันที แต่อู๋หมิงไม่ใช่พวกกระจอกที่จะโดนกดเอาไว้แบบนั้น มันโคจรพลังวูบหนึ่งร่างมันก็พุ่งเข้าไปหาไป๋จูเหวินด้วยวิชากระบี่อัสนีข้ามฟ้าทันที

 

เครั้งพอัสนีข้ามฟ้าเป็นกระบวนท่าที่เร็วที่สุดของวิชากระบี่ที่อู๋หมิงเรียนมาจากตําราของน้าพยัคฆ์ แต่ไป๋จูเหวินกลับมองทัน แถมยังบัดกระบี่ออกอย่างรวดเร็วอีกต่างหาก แถมมันยังแฝงพลังวิญญาณเข้าไปในร่างของอู๋หมิงด้วยเคล็ดวิชาเมฆหนาไร้หิมะอีกต่างหาก

วูบ..อู๋หมิงโคจรพลังวิญญาณขับเอาพลังของวิชาเมฆหนาไร้หิมะออกไป มันเคยโดนกระบวนท่านี้มาบ่อยแล้ว หากมันโจมตีโดยไม่ขับเอาลมปราณสายนี้ออกไปก่อน การโจมตีต่อไปมันจะปั่นป่วนจนไร้เรี่ยวแรง

เครงๆๆๆ กระบี่ของอู๋หมิงปัดฝามือของไป๋จูเหวินที่กําลังจะโจมตีสวนเข้ามาได้อย่างทันท่วงที หากเป็นคนอื่นคงรีบปัดป้องจนติดกับวิชาเมฆหนาไร้หิมะแล้วโดนไป๋จูเหวินซัดไปแล้วแน่ๆ

 

เปรี้ยง!! ไป๋จูเหวินฟาดฝามือด้วยท่าปักษาสะบัดปีกกระแทกเข้าที่กระบี่ของอู๋หมิงอย่างจัง ทําให้ร่างของอู๋หมิงลอยออกไปหลายก้าว

“…”อู๋หมิงชะงักมือไปเมื่อโดนท่าปักษาสะบัดบุกเข้าไป กําลังของไป๋จูเหวินไม่ใช่ว่าเพิ่มขึ้นมากเลยหรือความรู้สึกเมื่อครู่ เหมือนโดนเซียนหมัดต่อยเข้าเลย ทั้งๆที่กระบวนท่าปักษาสะบัดปีกไม่ใช่กระบวนท่าที่รุนแรงที่สุดของไป๋จูเหวินเสียด้วยซ้ํา

“ยินดีด้วยนะแม่นางหยุนฟาง” ขณะที่การประลองกําลังพังช่วงอยู่ๆไช่จินก็พูดออกมาเสียเฉยๆ

“ยินดี? เรื่องอะไร” หยุนฟางถามพลางมองการประลอง ตรงหน้าด้วยท่าที่กดดัน นางเองก็เพิ่มพูนฝีมือมามากในช่วง 5 ปีนี้ แต่ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็คงเข้าไปร่วมสู้กับ 2 คนนั้นไม่ได้

 

“ยินดีที่อันดับของท่านจะเพิ่มแล้วนะสิ”ใช่จินยิ้มพลางเขียนข้อความลงไปในตําราของมัน

 

“เพิ่ม? เพิ่มได้อย่างไร” หยุนฟางถามด้วยความตกใจ ไม่เห็นหรือว่าสองคนนั้นแข็งแกร่งขนาดไหน นี่ใช่จินจะลดระดับทั้งสองคนงั้นหรือ

“เพิ่มสิ เพราะท่านไปกับองค์จักรพรรดิคงเอามาจัดอันดับในจอมยุทธรุ่นใหม่ไม่ได้แล้ว”ไช่จินยิ้มพลางเขียนพู่กันด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ตัวมันนอกจากวิชาท่าเท้าพิสดาร แล้วยังเพิ่มวิชาปิดซ่อนพลังวิญญาณเข้าไปในวิชาประจําสํานักอีกด้วย และเพื่อการรวบรวมข้อมูลที่แม่นยํา มันถึงกับร่ําเรียนวิชาตรวจสอบพลังขั้นสูงที่สามารถตรวจสอบทั้งพลังอสูรและพลังมารได้ในระดับหนึ่งด้วย ทําให้มันแทบจะยิ้มไม่หุบ ที่เห็นลูกพี่ของมันมีพลังก้าวหน้าถึงขั้นนี้

“เจ้านี่มันน่ากลัวจริงๆ” อู๋หมิงยิ้มพลางเพิ่มพลังเซียนของตนขึ้นไปอีกระดับ ทําเอารอบตัวอู๋หมิงปรากฏแสงสีขาวลอยออกมาอย่างนุ่มนวลเหมือนตอนที่มันแสดงให้ไป๋จูเหวินดูที่เมืองหน้าด่านไม่มีผิด

“ช่างเป็นพลังที่น่าเย้ายวนเช่นเคยนะเพคะ” การประลองยังไม่ทันเริ่มต่อ อยู่ๆเสียงๆหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากทางประตู พริบตานั้นอู๋หมิงก็สัมผัสได้ถึงพลังมารสายหนึ่งที่พุ่งเข้ามาอย่างรุนแรงทันที อาจจะเพราะคราวก่อนอู๋หมิงโดนมารเล่นงานทําให้มันเองก็ฝึกฝนวิชาตรวจจับพลังมารเพิ่มขึ้นมาเช่นกัน

 

“เฟิงมี่”อู๋หมิงว่าพลางเร่งพลังเทวะปราบมารขึ้นมาอีก เกิดอะไรขึ้น ทําไมนางมารนี่ถึงกล้าบุกเข้ามาในวังของอาณาจักรโฮได้

“ทุกท่าน ข้าขอแนะนําให้พวกท่านได้รู้จักมเหสีคนใหม่ของข้า” อยู่ๆองค์จักรพรรดิอาณาจักรโฮก็ลุกขึ้นประกาศ ทําเอาอู๋หมิงและคนในงานต่างมีท่าที่ตกใจขึ้นมาทันที จะว่าไปตั้งแต่ร่วมงานมายังไม่เห็นมเหสีองค์อื่นๆขององค์จักรพรรดิเลยนี่นา นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่านางมารนี้เข้ามาครอบครองอาณาจักรโฮไปแล้ว

“อู๋หมิง ใจเย็น”ไป๋จูเหวินว่าพลางยกแขนขึ้นมากันอู๋หมิงที่ทําท่าจะพุ่งเข้าไปโจมตีเฟิงมี่ให้ได้

 

“.เข้าใจแล้ว”อู๋หมิงว่าพลางถอยออกมาช้าๆ เพียงเฟิงมี่เดินออกมา เหล่ายอดฝีมือของอาณาจักรโฮก็มีท่าที่เปลี่ยนแปลงไป หรือว่าพวกมันจะโดนมนตร์เสน่ห์ของมารราคะไปกันหมดแล้ว แถมอู๋หมิงยังสัมผัสได้ถึงพลังมารจุดอื่นๆด้วย

 

“เวลา 5 ปีพวกมันพัฒนาเร็วขนาดนี้เชียว”ไป๋จูเหวินว่าพลางใช้ดวงตาสีม่วงมองไปรอบๆ มารแห่งอัตตาที่อยู่ในร่างของชูเฟิงตอนนี้ แม้จะยังอยู่ระดับเจ้าสวรรค์เช่นเดิม แต่ก็เกือบจะข้ามไประดับเจ้าสวรรค์ขั้นที่ 2 แล้ว ส่วนตะกละและโลภะ ทั้งคู่อยู่ระดับเจ้าสวรรค์กันหมด แต่ที่เลวร้ายที่สุดคงเป็นเฟิงมี่ พลังมารระดับเจ้าสวรรค์ขั้นที่ 2 และพลังวิญญาณระดับเจ้าสวรรค์ขั้นที่ 1 พลังระดับนี้มันเรื่องตลกอะไรกัน ถึงอาวุโสเทียนหมิงจะบอกว่ามารพัฒนาได้เร็วก็เถอะ แต่ความเร็วระดับนี้มันอะไรกัน

 

“ท่านมเหสี ท่านช่างงดงามยิ่งนัก” เหล่ายอดฝีมือของฝั่งอาณาจักรโฮพูดด้วยท่าทีหลงใหลแปลกๆ

“ทุกคนหนีไป” อู๋หมิงตะโกนพลางหันไปมองคนของตน

 

“หนีทําไมล่ะองค์จักรพรรดิ เทพธิดามาอยู่ต่อหน้าพวกเราแล้ว มีอะไรน่ากลัวกัน” องครักษณ์ของอู๋หมิงพูดพลางยิ้มด้วยใบหน้าเคลิ้มฝัน

“นี่มันอะไรกัน”อู๋หมิงสะท้านวาบพลางมองไปรอบๆ ไม่ใช่แค่ยอดฝีมือของอาณาจักรโฮเท่านั้น ยอดฝีมือของอาณาจักรอื่นๆก็เริ่มมีท่าที่เคลิบเคลิ้มเช่นกัน

“องค์จักรพรรดิเพคะ” เฟิงมี่ว่าพลางกางพัดหยกขาวในมือของนางออก พริบตานั้นหิมะก็โปรยลงมาจากพัดของนางตกลงบนพื้นลานกว้าง

 

แกร๊ก…เพียงพริบตาเดียวที่หิมะตกลงพื้น น้ําแข็งก็เกาะพื้นลานเสียกลายเป็นลานน้ําแข็ง

“เฟิงมี่เฝ้าฝันถึงท่านทุกค่ําคืนเลยนะเพคะ”เฟิงมี่ว่าพลางเดินเข้ามาหาอู๋หมิงที่โดนน้ําแข็งเกาะเท้าเอาไว้

 

“องค์จักรพรรดิ เฟิงมี่ไม่โกรธท่านแล้ว ได้โปรดโอบกอดเฟิงมี่ด้วยนะเพคะ”เฟิงมี่ว่าพลางใช้นิ้วมือลูบไล้แก้มของอู๋หมิงอย่างยั่วยวน

 

เปรี้ยง!! ราวกับโดนไฟเผา แสงสีขาวจากพลังเทวะปราบมารทําเอามือของเฟิงมี่ร้อนวาบขึ้นมาทันที แต่นางกลับไม่เอามือออกแต่อย่างไร นางราวกับทนกับพลังของเทวะปราบมารได้ ทําให้นางสามารถจับอู๋หมิงต่อได้โดยไม่มีปัญหาอะไร

“องค์จักรพรรดิ”เฟิงมี่พูดเสียงกระเส่าพลางเลื่อนใบหน้าเข้ามาเหมือนจะจูบอู๋หมิง เพียงแต่

 

เปรี้ยง!! คลื่นดาบสายหนึ่งพุ่งเข้ามาหาเฟิงมี่อย่างจัง แม้จะทําได้แค่ให้เฟิงมี่ยกพัดขึ้นมาปัดเท่านั้น แต่ก็ทําให้ริมฝีปากของอู๋หมิงรอดมาได้

 

“คิดจะทําอะไรนะ นางหน้าด้าน” หยุนฟางด่าพลางยกดาบราชันศาสตราขึ้นฟาดใส่เฟิงมี่อย่างรุนแรง ทําให้เฟิงมี่แสดงสีหน้าไม่พอใจออกมา

ผลัก!! ร่างของนางพุ่งวาบเข้าไปหาหยุนฟางก่อนจะจับนางกดกับกําแพงไปทั้งๆแบบนั้น แน่นอนว่าแรงระดับเจ้าสวรรค์ย่อมเหนือกว่าเฟิงมี่ที่ไม่ได้มีพลังเหนือชั้นแต่อย่างไร

เปรี้ยง!! ยังไม่ทันจะได้ทําอะไรหยุนฟาง ปราณกระบี่สายหนึ่งก็กระแทงร่างของเฟิงมี่จนนางต้องถอยออกไป

 

“ข้าละเกลียดวิชาเทวะปราบมารจริงๆ ”เฟิงมี่ว่าพลางกุมจุดที่อู๋หมิงโจมตีเอาไว้ แม้ระดับพลังจะต่างกัน แต่การโจมตีจากพลังเทวะปราบมารก็เป็นดั่งจุดอ่อนของเหล่ามารอยู่ดี

ตูม!! ยังไม่ทันจะตั้งตัว อยู่ๆด้านข้างของนางก็ปรากฏร่างของไป๋จูเหวินเข้ามาซัดฝ่ามือเพลิงพิโรธเข้าอย่างจัง ทําเอานางถอยไปหลายก้าวเลยทีเดียว

 

“ทําไมมันยังโจมตีข้าอยู่อีก”เฟิงมี่พูดพลางมองไปทางไป๋จูเหวิน ตอนนี้ผู้ชายในลานแห่งนี้สมควรหลงเสน่ห์นางกันหมดแล้วไม่ใช่หรือ

เปรี้ยง! ดัชนีกระบี่อีกสายพุ่งเข้ามาใส่ร่างของเฟิงมี่เข้าอย่างจัง พลังระดับนี้รุนแรงมากจนแม้แต่เฟิงมี่ยังได้รับบาดเจ็บ

“คิดว่าทุกคนจะหลงมัวเมาไปกับเจ้างั้นหรือ” อาวุโสเทียนหมิงว่าพลางลอยตัวขึ้นเหนือลานกว้าง ก่อนจะปล่อยดัชนีกระบี่ลงมาโจมตีอย่างต่อเนื่อง

 

“ไอ้แก่ แกอีกแล้ว” เฟิงมี่กัดฟันกรอดพลางรับดัชนีกระบี่เอาไว้ แม้ไม่ทราบว่ามีเงื่อนไขอย่างไร แต่ก็มีผู้ชายบางคนที่ไม่โดนเสน่ห์ของนางครอบงํา แถมตาแก่นี่ก็ดันเป็นหนึ่งในนั้นด้วย

“ฆ่าคนที่ไม่เชื่อฟังข้าให้หมด”เฟิงมี่สั่งพลางกระโดดขึ้นไปต่อสู้กับอาวุโสเทียนหมิงด้านบน ส่วนด้านล่างนั้นเหล่ายอดฝีมือที่เผลอหลงไปกับเสน่ห์ของเฟิงมี่ก็หันคมดาบเข้าหาเหล่ายอดฝีมือที่ไม่ได้ตกอยู่ในมนตร์เสน่ห์ของนางทันที ทําเอาด้านล่างวุ่นวายอย่างมาก

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรอสูรบรรพกาล บุตรอสูรบรรพกาล 295 ขัดจังหวะ

Now you are reading บุตรอสูรบรรพกาล Chapter บุตรอสูรบรรพกาล 295 ขัดจังหวะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บุตรอสูรบรรพกาล บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 295 ขัดจังหวะ

ตอนที่ 295

 

ขัดจังหวะ

เปรี้ยง! ยังไม่ทันตั้งตัว ดัชนีกระบี่ของอู๋หมิงก็พุ่งเข้ามาใส่ร่างของไป๋จูเหวินเป็นอย่างแรก แต่เพราะร่างกายที่แข็งแกร่งจนน่ากลัวของไป๋จูเหวินนั้นกลับสามารถรับปราณกระบี่ได้โดยไม่ต้องป้องกันเสียด้วยซ้ํา

เปรี้ยงๆๆๆ ปราณกระบี่นับสิบสายพุ่งเข้ามาหาไป๋จูเหวินทันทีที่อู๋หมิงเริ่มโจมตีจริงจังมากขึ้น เมื่อครู่เป็นการสะกิดเตือนเท่านั้น เพียงแต่ไป๋จูเหวินก็ใช้ร่างกายของมันรับเช่นเดิม ปราณกระบี่นั้น ยิ่งผู้ใช้เก่งกาจเท่าไหร่ ก็ยิ่งคมกล้า และคงไม่มีใครกล้าครหาความสามารถของอู๋หมิงศิษย์ของอาวุโสเทียนหมิงแน่ๆ แต่ปราณกระบี่ของมันกลับเจาะร่างของไป๋จูเหวินไม่เข้าเลย

“ร่างกายนั่น เจ้าไปทําอะไรมา”อู๋หมิงขมวดคิ้วพลางมองผิวหนังสีขาวซีดของไป๋จูเหวิน คราวก่อนที่สู้กันเหมือนจะมีแค่ส่วนแขน แต่ตอนนี้ร่างของไป๋จูเหวินทั้งตัวเป็นสีนั้นไปจนหมดแล้ว แม้จะต่างจากผิวธรรมดาไม่มาก แต่ความแข็งแกร่งนั้นผิดกันลิบลับ

 

“ถึงจะเอาแต่ทํางาน แต่ช่วง 5 ปีที่ผ่านมานี้ข้าเข้าใจพลังอสูรขึ้นมากเชียวล่ะ”ไป๋จูเหวินว่าพลางเอานิ้วแตะลงบนผิวหนังบนอกของตน แต่เดิมมันรวมกับพลังอสูรของมารดาไม่ได้ทั้งหมด แต่พอไปหลินเกิดมาไป๋จูเหวินจึงได้เห็นว่าผู้ที่รวมกับพลังอสูรอย่างแท้จริงนั้นเป็นเช่นไร ไปหลินนั้นมีลักษณะภายนอกเด่นกว่าไป๋จูเหวินเสียอีก ผิวหนังของนางแข็งแกร่งมาตั้งแต่เกิด ดวงตาเองก็มีความสามารถของเนตรแมงมุมอยู่ครบ แม้จะยังดูเหมือนนางจะใช้ไม่ค่อยได้ก็ตาม

จากการเฝ้ามองบุตรสาว และพิจารณาตัวเองไป๋จูเหวินได้ทราบแล้วว่าความสามารถของมารดาที่มันกลืนลงไปนั้น ตัวมันเองยังใช้ออกมาได้ไม่หมด หลังจากเข้าระดับเทียนเซียนมันก็เพียรผสานพลังอสูรในร่างให้เป็นหนึ่งเดียวกับตัวมันมากขึ้น

 

“งั้นเหรอ” อู๋หมิงพูดพลางเรียกเอากระบี่ทัณฑ์สวรรค์ออกมา แม้จะใช้ดัชนีกระบี่ได้แล้ว แต่ท่าทางเพียงแค่ดัชนีกระบี่จะเจาะผิวหนังของไป๋จูเหวินไม่ได้

เปรี้ยง!! อยู่ๆท้องฟ้ายามค่ําคืนที่สงบจนถึงเมื่อครู่ ก็ปรากฏฟ้าผ่าลงมาตรงที่อู๋หมิงยืนอยู่พอดี มันผ่าลงมาตรงกระบี่ของอู๋หมิงอย่างแม่นยํา ก่อนที่ประกายสายฟ้าจะลามไปทั่วร่างของอู๋หมิง

 

ฟุบ! ร่างของอู๋หมิงแยกออกเป็น 9 ร่างล้อมรอบร่างของไป๋จูเหวินเอาไว้ ก่อนจะง้างกระบี่เตรียมใช้ท่ากระบี่ประกายอัสนี

ตูม! อยู่ๆร่างแยกของอู๋หมิงก็สลายหายไปจนหมด แถมร่างจริงของมันยังโดนกดลงกับพื้นด้วยท่าผงาดกลางหิมะของท่านน้าจิ้งจอกทันที แต่อู๋หมิงไม่ใช่พวกกระจอกที่จะโดนกดเอาไว้แบบนั้น มันโคจรพลังวูบหนึ่งร่างมันก็พุ่งเข้าไปหาไป๋จูเหวินด้วยวิชากระบี่อัสนีข้ามฟ้าทันที

 

เครั้งพอัสนีข้ามฟ้าเป็นกระบวนท่าที่เร็วที่สุดของวิชากระบี่ที่อู๋หมิงเรียนมาจากตําราของน้าพยัคฆ์ แต่ไป๋จูเหวินกลับมองทัน แถมยังบัดกระบี่ออกอย่างรวดเร็วอีกต่างหาก แถมมันยังแฝงพลังวิญญาณเข้าไปในร่างของอู๋หมิงด้วยเคล็ดวิชาเมฆหนาไร้หิมะอีกต่างหาก

วูบ..อู๋หมิงโคจรพลังวิญญาณขับเอาพลังของวิชาเมฆหนาไร้หิมะออกไป มันเคยโดนกระบวนท่านี้มาบ่อยแล้ว หากมันโจมตีโดยไม่ขับเอาลมปราณสายนี้ออกไปก่อน การโจมตีต่อไปมันจะปั่นป่วนจนไร้เรี่ยวแรง

เครงๆๆๆ กระบี่ของอู๋หมิงปัดฝามือของไป๋จูเหวินที่กําลังจะโจมตีสวนเข้ามาได้อย่างทันท่วงที หากเป็นคนอื่นคงรีบปัดป้องจนติดกับวิชาเมฆหนาไร้หิมะแล้วโดนไป๋จูเหวินซัดไปแล้วแน่ๆ

 

เปรี้ยง!! ไป๋จูเหวินฟาดฝามือด้วยท่าปักษาสะบัดปีกกระแทกเข้าที่กระบี่ของอู๋หมิงอย่างจัง ทําให้ร่างของอู๋หมิงลอยออกไปหลายก้าว

“…”อู๋หมิงชะงักมือไปเมื่อโดนท่าปักษาสะบัดบุกเข้าไป กําลังของไป๋จูเหวินไม่ใช่ว่าเพิ่มขึ้นมากเลยหรือความรู้สึกเมื่อครู่ เหมือนโดนเซียนหมัดต่อยเข้าเลย ทั้งๆที่กระบวนท่าปักษาสะบัดปีกไม่ใช่กระบวนท่าที่รุนแรงที่สุดของไป๋จูเหวินเสียด้วยซ้ํา

“ยินดีด้วยนะแม่นางหยุนฟาง” ขณะที่การประลองกําลังพังช่วงอยู่ๆไช่จินก็พูดออกมาเสียเฉยๆ

“ยินดี? เรื่องอะไร” หยุนฟางถามพลางมองการประลอง ตรงหน้าด้วยท่าที่กดดัน นางเองก็เพิ่มพูนฝีมือมามากในช่วง 5 ปีนี้ แต่ไม่ว่าจะคิดอย่างไรก็คงเข้าไปร่วมสู้กับ 2 คนนั้นไม่ได้

 

“ยินดีที่อันดับของท่านจะเพิ่มแล้วนะสิ”ใช่จินยิ้มพลางเขียนข้อความลงไปในตําราของมัน

 

“เพิ่ม? เพิ่มได้อย่างไร” หยุนฟางถามด้วยความตกใจ ไม่เห็นหรือว่าสองคนนั้นแข็งแกร่งขนาดไหน นี่ใช่จินจะลดระดับทั้งสองคนงั้นหรือ

“เพิ่มสิ เพราะท่านไปกับองค์จักรพรรดิคงเอามาจัดอันดับในจอมยุทธรุ่นใหม่ไม่ได้แล้ว”ไช่จินยิ้มพลางเขียนพู่กันด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ตัวมันนอกจากวิชาท่าเท้าพิสดาร แล้วยังเพิ่มวิชาปิดซ่อนพลังวิญญาณเข้าไปในวิชาประจําสํานักอีกด้วย และเพื่อการรวบรวมข้อมูลที่แม่นยํา มันถึงกับร่ําเรียนวิชาตรวจสอบพลังขั้นสูงที่สามารถตรวจสอบทั้งพลังอสูรและพลังมารได้ในระดับหนึ่งด้วย ทําให้มันแทบจะยิ้มไม่หุบ ที่เห็นลูกพี่ของมันมีพลังก้าวหน้าถึงขั้นนี้

“เจ้านี่มันน่ากลัวจริงๆ” อู๋หมิงยิ้มพลางเพิ่มพลังเซียนของตนขึ้นไปอีกระดับ ทําเอารอบตัวอู๋หมิงปรากฏแสงสีขาวลอยออกมาอย่างนุ่มนวลเหมือนตอนที่มันแสดงให้ไป๋จูเหวินดูที่เมืองหน้าด่านไม่มีผิด

“ช่างเป็นพลังที่น่าเย้ายวนเช่นเคยนะเพคะ” การประลองยังไม่ทันเริ่มต่อ อยู่ๆเสียงๆหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากทางประตู พริบตานั้นอู๋หมิงก็สัมผัสได้ถึงพลังมารสายหนึ่งที่พุ่งเข้ามาอย่างรุนแรงทันที อาจจะเพราะคราวก่อนอู๋หมิงโดนมารเล่นงานทําให้มันเองก็ฝึกฝนวิชาตรวจจับพลังมารเพิ่มขึ้นมาเช่นกัน

 

“เฟิงมี่”อู๋หมิงว่าพลางเร่งพลังเทวะปราบมารขึ้นมาอีก เกิดอะไรขึ้น ทําไมนางมารนี่ถึงกล้าบุกเข้ามาในวังของอาณาจักรโฮได้

“ทุกท่าน ข้าขอแนะนําให้พวกท่านได้รู้จักมเหสีคนใหม่ของข้า” อยู่ๆองค์จักรพรรดิอาณาจักรโฮก็ลุกขึ้นประกาศ ทําเอาอู๋หมิงและคนในงานต่างมีท่าที่ตกใจขึ้นมาทันที จะว่าไปตั้งแต่ร่วมงานมายังไม่เห็นมเหสีองค์อื่นๆขององค์จักรพรรดิเลยนี่นา นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? หรือว่านางมารนี้เข้ามาครอบครองอาณาจักรโฮไปแล้ว

“อู๋หมิง ใจเย็น”ไป๋จูเหวินว่าพลางยกแขนขึ้นมากันอู๋หมิงที่ทําท่าจะพุ่งเข้าไปโจมตีเฟิงมี่ให้ได้

 

“.เข้าใจแล้ว”อู๋หมิงว่าพลางถอยออกมาช้าๆ เพียงเฟิงมี่เดินออกมา เหล่ายอดฝีมือของอาณาจักรโฮก็มีท่าที่เปลี่ยนแปลงไป หรือว่าพวกมันจะโดนมนตร์เสน่ห์ของมารราคะไปกันหมดแล้ว แถมอู๋หมิงยังสัมผัสได้ถึงพลังมารจุดอื่นๆด้วย

 

“เวลา 5 ปีพวกมันพัฒนาเร็วขนาดนี้เชียว”ไป๋จูเหวินว่าพลางใช้ดวงตาสีม่วงมองไปรอบๆ มารแห่งอัตตาที่อยู่ในร่างของชูเฟิงตอนนี้ แม้จะยังอยู่ระดับเจ้าสวรรค์เช่นเดิม แต่ก็เกือบจะข้ามไประดับเจ้าสวรรค์ขั้นที่ 2 แล้ว ส่วนตะกละและโลภะ ทั้งคู่อยู่ระดับเจ้าสวรรค์กันหมด แต่ที่เลวร้ายที่สุดคงเป็นเฟิงมี่ พลังมารระดับเจ้าสวรรค์ขั้นที่ 2 และพลังวิญญาณระดับเจ้าสวรรค์ขั้นที่ 1 พลังระดับนี้มันเรื่องตลกอะไรกัน ถึงอาวุโสเทียนหมิงจะบอกว่ามารพัฒนาได้เร็วก็เถอะ แต่ความเร็วระดับนี้มันอะไรกัน

 

“ท่านมเหสี ท่านช่างงดงามยิ่งนัก” เหล่ายอดฝีมือของฝั่งอาณาจักรโฮพูดด้วยท่าทีหลงใหลแปลกๆ

“ทุกคนหนีไป” อู๋หมิงตะโกนพลางหันไปมองคนของตน

 

“หนีทําไมล่ะองค์จักรพรรดิ เทพธิดามาอยู่ต่อหน้าพวกเราแล้ว มีอะไรน่ากลัวกัน” องครักษณ์ของอู๋หมิงพูดพลางยิ้มด้วยใบหน้าเคลิ้มฝัน

“นี่มันอะไรกัน”อู๋หมิงสะท้านวาบพลางมองไปรอบๆ ไม่ใช่แค่ยอดฝีมือของอาณาจักรโฮเท่านั้น ยอดฝีมือของอาณาจักรอื่นๆก็เริ่มมีท่าที่เคลิบเคลิ้มเช่นกัน

“องค์จักรพรรดิเพคะ” เฟิงมี่ว่าพลางกางพัดหยกขาวในมือของนางออก พริบตานั้นหิมะก็โปรยลงมาจากพัดของนางตกลงบนพื้นลานกว้าง

 

แกร๊ก…เพียงพริบตาเดียวที่หิมะตกลงพื้น น้ําแข็งก็เกาะพื้นลานเสียกลายเป็นลานน้ําแข็ง

“เฟิงมี่เฝ้าฝันถึงท่านทุกค่ําคืนเลยนะเพคะ”เฟิงมี่ว่าพลางเดินเข้ามาหาอู๋หมิงที่โดนน้ําแข็งเกาะเท้าเอาไว้

 

“องค์จักรพรรดิ เฟิงมี่ไม่โกรธท่านแล้ว ได้โปรดโอบกอดเฟิงมี่ด้วยนะเพคะ”เฟิงมี่ว่าพลางใช้นิ้วมือลูบไล้แก้มของอู๋หมิงอย่างยั่วยวน

 

เปรี้ยง!! ราวกับโดนไฟเผา แสงสีขาวจากพลังเทวะปราบมารทําเอามือของเฟิงมี่ร้อนวาบขึ้นมาทันที แต่นางกลับไม่เอามือออกแต่อย่างไร นางราวกับทนกับพลังของเทวะปราบมารได้ ทําให้นางสามารถจับอู๋หมิงต่อได้โดยไม่มีปัญหาอะไร

“องค์จักรพรรดิ”เฟิงมี่พูดเสียงกระเส่าพลางเลื่อนใบหน้าเข้ามาเหมือนจะจูบอู๋หมิง เพียงแต่

 

เปรี้ยง!! คลื่นดาบสายหนึ่งพุ่งเข้ามาหาเฟิงมี่อย่างจัง แม้จะทําได้แค่ให้เฟิงมี่ยกพัดขึ้นมาปัดเท่านั้น แต่ก็ทําให้ริมฝีปากของอู๋หมิงรอดมาได้

 

“คิดจะทําอะไรนะ นางหน้าด้าน” หยุนฟางด่าพลางยกดาบราชันศาสตราขึ้นฟาดใส่เฟิงมี่อย่างรุนแรง ทําให้เฟิงมี่แสดงสีหน้าไม่พอใจออกมา

ผลัก!! ร่างของนางพุ่งวาบเข้าไปหาหยุนฟางก่อนจะจับนางกดกับกําแพงไปทั้งๆแบบนั้น แน่นอนว่าแรงระดับเจ้าสวรรค์ย่อมเหนือกว่าเฟิงมี่ที่ไม่ได้มีพลังเหนือชั้นแต่อย่างไร

เปรี้ยง!! ยังไม่ทันจะได้ทําอะไรหยุนฟาง ปราณกระบี่สายหนึ่งก็กระแทงร่างของเฟิงมี่จนนางต้องถอยออกไป

 

“ข้าละเกลียดวิชาเทวะปราบมารจริงๆ ”เฟิงมี่ว่าพลางกุมจุดที่อู๋หมิงโจมตีเอาไว้ แม้ระดับพลังจะต่างกัน แต่การโจมตีจากพลังเทวะปราบมารก็เป็นดั่งจุดอ่อนของเหล่ามารอยู่ดี

ตูม!! ยังไม่ทันจะตั้งตัว อยู่ๆด้านข้างของนางก็ปรากฏร่างของไป๋จูเหวินเข้ามาซัดฝ่ามือเพลิงพิโรธเข้าอย่างจัง ทําเอานางถอยไปหลายก้าวเลยทีเดียว

 

“ทําไมมันยังโจมตีข้าอยู่อีก”เฟิงมี่พูดพลางมองไปทางไป๋จูเหวิน ตอนนี้ผู้ชายในลานแห่งนี้สมควรหลงเสน่ห์นางกันหมดแล้วไม่ใช่หรือ

เปรี้ยง! ดัชนีกระบี่อีกสายพุ่งเข้ามาใส่ร่างของเฟิงมี่เข้าอย่างจัง พลังระดับนี้รุนแรงมากจนแม้แต่เฟิงมี่ยังได้รับบาดเจ็บ

“คิดว่าทุกคนจะหลงมัวเมาไปกับเจ้างั้นหรือ” อาวุโสเทียนหมิงว่าพลางลอยตัวขึ้นเหนือลานกว้าง ก่อนจะปล่อยดัชนีกระบี่ลงมาโจมตีอย่างต่อเนื่อง

 

“ไอ้แก่ แกอีกแล้ว” เฟิงมี่กัดฟันกรอดพลางรับดัชนีกระบี่เอาไว้ แม้ไม่ทราบว่ามีเงื่อนไขอย่างไร แต่ก็มีผู้ชายบางคนที่ไม่โดนเสน่ห์ของนางครอบงํา แถมตาแก่นี่ก็ดันเป็นหนึ่งในนั้นด้วย

“ฆ่าคนที่ไม่เชื่อฟังข้าให้หมด”เฟิงมี่สั่งพลางกระโดดขึ้นไปต่อสู้กับอาวุโสเทียนหมิงด้านบน ส่วนด้านล่างนั้นเหล่ายอดฝีมือที่เผลอหลงไปกับเสน่ห์ของเฟิงมี่ก็หันคมดาบเข้าหาเหล่ายอดฝีมือที่ไม่ได้ตกอยู่ในมนตร์เสน่ห์ของนางทันที ทําเอาด้านล่างวุ่นวายอย่างมาก

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+