บุตรอสูรบรรพกาล บุตรอสูรบรรพกาล 302 คลายใจ

Now you are reading บุตรอสูรบรรพกาล Chapter บุตรอสูรบรรพกาล 302 คลายใจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 302 คลายใจ

ตอนที่ 302คลายใจ

“จริงด้วย” หยงเว่ยพูดขณะใช้พลังมารของตนตรวจสอบร่างของไปหลินแม้จะเล็กแต่ก็มีพลังมารอยู่ในร่างจริงๆ

“แบบนี้ไปหลินจะเป็นอะไรหรือเปล่า” เหม่ยหลินถามพลางมองบุตรสาวด้วยความเป็นห่วง ตอนนี้เหมือนนางได้ทราบข่าวว่าบุตรสาวเป็นโรคร้ายไม่มีผิดแถมเป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาได้อีกต่างหาก

“ถ้าปล่อยให้มารในร่างครอบงําก็จะเลวร้ายขึ้น คงต้องให้ไปหลินฝึกวิชาควบคุมจิตมารเอาไว้” หยงเว่ยพูดจบก็หันไปมองเหล่า เด็กๆของตนข่าวที่ว่ามารทั้งหมดโดนจัดการไปแล้วนับเป็นข่าวดีมากแถมการดูดซับพลังมารของมารตนอื่นๆยังทําให้หยงเว่ยทะลุระดับเจ้าสวรรค์ไปแล้วอีกต่างหาก ตอนนี้คงหาคนที่จะมาทําร้าย เด็กๆของมันได้แต่ข่าวร้ายที่ว่าไปหลินกลายเป็นร่างใหม่ของราคะ ก็ทําเอาหยงเวยลําบากใจเช่นกันมันไม่สามารถฆ่านางเพื่อเอารา คะออกมาได้อย่างแน่นอน นอกจากความจริงที่นางยังเด็กและพ่อแม่ของนางก็เป็นสหายคนหนึ่งของหยงเว่ยอีก ทางเดียวที่จะรับมือได้ก็คงเป็นการควบคุมพลังมารเอาไว้

 

“ท่านลุงเวย”ไปหลินว่าพลางมองมาทางหยงเว่ย นางกระตุกชายเสื้อของหยงเว่ยเบาๆพร้อมใบหน้าที่ราวกับจะอยากพูดอะไรออกมา

“อะไรเหรอ” หยงเว่ยถามพลางนั่งยองๆลงนั่งคุยกับไปหลิน

“พี่สาวราคะอยากจะคุยด้วยค่ะ”ไปหลินพูดออกมาด้วยท่าทีซื่อๆทําเอาหยงเว่ยสะท้านวาบ มันเห็นพลังมารของนางค่อนข้างน้อยก็นึกว่าจิตมารยังไม่ก่อตัวดีเสียอีก แต่หากราคะสามารถส่งเสียงไปหาไปหลินได้แล้วแสดงว่านางเข้าครอบงําไปหลินไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

“อย่าพี่…”หยงเว่ยยังไม่ทันห้าม อยู่ๆบรรยากาศรอบตัวไปหลินก็เปลี่ยนไป

 

ฟุบ.ดาบมรกตในมือหยงเวยพุ่งวาบเข้ามาหาไปหลินทันที แต่กลับโดนฝ่ามือของเหม่ยหลินห้ามเอาไว้ แต่ดาบของหยงเว่ยก็ไม่มีจิตสังหารเลยทําให้เหม่ยหลินเพียงกันมันกลับไปเท่านั้น

 

“ใจเย็นๆสิโทสะ”ราคะว่าพลางจ้องมองหยงเวยด้วยท่าที่นิ่งเรียบนางพอจะทราบมาว่าโทสะตอนนี้ใจอ่อนมากไม่กล้าทําอะไรเด็กหรอกนางจึงไม่คิดว่าโทสะจะกล้าฟันลงมาจริงๆแต่อย่าไร

 

“ยินดีที่ได้รู้จักทุนท่าน ข้าคือราคะ หนึ่งในมารชั้นสูงเช่นเดียวกับมารตนอื่นๆที่อยู่ในร่างของโทสะ ราคะแนะนําตัวพลางมองไปรอบๆไม่ว่าจะอี้หมิง เหม่ยหลิน หยงเว่ย รวมทั้งน้าไก่ฟ้าที่ยืนห่างออกไปด้วย

“ก่อนอื่นขาขอแก้ความเข้าใจผิดก่อน”ราคะในร่างของไปหลินว่าพลางมองมาทางอี้หมิงที่เรียกกระบออกมาแล้วแต่ยังไม่ได้ทําอะไรต่อ

 

“ตัวข้าไม่ได้มีส่วนร่วมอะไรกับแผนการของเฟิงมีแต่อย่างไรเรื่องสังหารอาจารย์ของเจ้าก็ไม่เกี่ยวกับข้าเช่นกัน”ได้ยินเช่นนั้นอู่หมิงก็ขมวดคิ้วมั่นทันที

 

“จริง ตลอดหลายปีที่ผ่านมาราคะไม่เคยยึดร่างของเฟิงมีเลย” หยงเว่ยตอบพลางจับบ่าของอู่หมิงเอาไว้

บฉบ 1

“เจ้ารู้ได้ยังไง” อุ้หมิงถามพลางมองมาทางหยงเว่ย

“มารตนอื่นๆยืนยันเช่นนั้น” หยงเว่ยตอบออกมาตามตรง แม้จะยังสามารถควบคุมได้ แต่มารทั้ง 6 ตนก็สามารถพูดคุยกับหยงเว่ย ได้ในจิตของมันซึ่งมาร 5 ตนที่เคยอยู่กับเฟิงมีมาต่างยอมรับออกมาตรงๆว่าราคะไม่เคยเข้าไปยุ่งอะไรกับเฟิงมีเลย นอกจากสอนและฝึกฝนวิชาให้เท่านั้น

 

“ถ้าอย่างนั้นก็…”อู่หมิงเก็บกระบี่ไปพลางถอนหายใจออกมาแม้จะสามารถไม่เชื่อได้ แต่อู่หมิงยอมที่จะเชื่อดีกว่า เพราะถ้ามันฆ่าไปหลินไปก็เท่ากับเปิดสงครามกับกองทัพอสูรเท่านั้น แถมยอดฝีมืออย่างเหม่ยหลินที่เป็นแม่ของนางอาจจะฆ่ามันตรงนี้เลยก็ได้

 

“แล้วก็มีอีกเรื่องที่พวกเจ้าต้องรู้”ราคะว่าพลางมองไปทางเหม่ยหลิน

“บุตรสาวของเจ้าไม่ได้เปลี่ยนเป็นมาร”ได้ยินเช่นนั้นไม่ใช่แค่เหม่ยหลิน แม้แต่คนรอบๆก็มีท่าที่งุนงงเช่นกัน

 

“ หมายความว่ายังไงไม่ได้เปลี่ยนเป็นมาร” หยงเว่ยถามออกไปเพราะแม้แต่ตัวมันยังไม่เคยเจอเรื่องเช่นนี้

“ขั้นแรกในการฝึกวิชามารคือการเปลี่ยนตนเองเป็นมารเสียก่อนในกรณีของราคะ ร่างของผู้ฝึกจะเปลี่ยนพลังวิญญาณเป็นพลังมารและจะมีความต้องการทางเพศสูงกว่าคนปกติราคะตอบออกไปด้วยท่าที่นิ่งเฉยเพราะนางได้คิดมาตลอดทางแล้วว่ามันคืออะไรกันแน่

“แต่ไปหลินไม่ใช่ นางนอกจากจะไม่เปลี่ยนเป็นมารแล้วยังเอาพลังมารมาใช้เป็นของตัวเอง นางจะสามารถฝึกวิชามารได้แต่จะยังคงเป็นมนุษย์ นางน่าจะไม่มีอาการทรมานหากขาดเรื่องอย่างว่าหรอก”ราคะตอบออกไปเพราะปกติผู้ฝึกวิชาของราคะจะมีความหยากมากกว่าคนปกติ และหากไม่ระบายความหยากนั่นพลังมาร ในร่างจะปั่นป่วนบางที่ถึงขั้นธาตุไฟเข้าแทรก ซึ่งอันตรายมาก แน่นอนว่าสามารถใช้วิชาสะกดมารเอาไว้ได้ แต่สําหรับไปหลินนั้นไม่จําเป็น

“เจ้าจะบอกว่าไปหลินมีร่างกายเหนือกว่ามารงั้นเหรอ” หยงเว่ยถามพลางมองไปยังร่างเล็กๆของไปหลิน แม้จะเด็กแต่นางก็มีผิวหนังของอสูรแมงมุมเหมือนไปจูเหวิน แถมดวงตายังมีประกายหลากสีสองออกมาให้เห็นอยู่ตลอด เรียกได้ว่าแต่เดิมร่างของนางก็ เป็นกึ่งอสูรอยู่แล้วทําให้นางไม่ได้โดนเปลี่ยนเป็นมาร แต่อยู่เหนือ กว่าพลังมารเช่นนั้นหรือ

“มิน่าล่ะพลังวิญญาณของนางถึงยังอยู่ ข้านึกว่าราคะมีพลังวิญญาณเป็นปกติเสียอีก” อูหมิงว่าพลางถอนหายใจออกมา แต่คนที่โล่งอกที่สุดก็คงหนีไม่พ้นเหม่ยหลินนี่ล่ะ

 

“เช่นนั้น นางก็ไม่เป็นไรงั้นหรือ” เหม่ยหลินถามพลางถอนหายใจอย่างโล่งอก

“ใช่ ตอนนี้พลังมารในร่างของนางก็เหมือนกับพลังอสูรของนางนั่นล่ะแถมข้าก็ไม่อยากยึดร่างของนางด้วย”ราคะว่าพลางถอนหายใจออกมา

 

“ทําไมเจ้าถึงไม่อยากยึดร่างของไปหลินล่ะ ในเมื่อมารทุกตนอยากทํา” หยงเว่ยถามพลางมองไปทางไปหลินอย่างสงสัย แม้ทุกวันนี้พวกมารในร่างของมันก็ยังคงอยากยึดครองร่างของหยงเว่ยอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันหากมันพลาดก็จะโดนชิงร่างไปง่ายๆเลย

 

“ก็เพราะข้าเข็ดแล้วยังไงล่ะ” ราคะตอบพลางส่ายหน้าช้าๆ

 

“เข็ด?”แน่นอนว่าคําพูดเพียงเท่านั้นไม่สามารถทําให้คนรอบๆเข้าใจได้

“อย่างที่พวกเจ้าเห็น พลังของราคะมีผลดีตรงที่ทําให้คนรอบข้างหลงใหล มีอยู่ครั้งนึ่งข้าเกิดตกหลุมรักมนุษย์คนหนึ่งเข้า”ราคะว่าพลางเลื่อนมือขึ้นมาจับเส้นผมของตนเองเบาๆ

“มันเป็นคนที่ไม่หลงใหลพลังของราคะ ทําให้ข้าตอนนั้นพยายามจะทําให้มันสนใจ” เห็นราคะเล่าออกมาเช่นนี้ดวงตาของไปหลินกลับมีประกายแปลกๆโผล่ออกมา มันเป็นดวงตาของคนมีความรักอย่างแน่นอน และนั่นก็เป็นดวงตาที่เด็กอายุ 5 ขวบยังไม่ควรมีเพราะมันเหมือนเป็นรักที่ลึกซึ้งอย่างมาก

“สุดท้ายข้าก็รักมัน และอยู่ด้วยกัน..แต่มารไม่มีวันตายพอร่างเก่าตายลงข้าก็มีคนใหม่เก็บพัดหยกขาวได้” ราคะว่าพลางหัวเราะออกมาเสียงเบา

“พอไม่มีคนรักอยู่แล้ว ข้ากลับรู้สึกเหงามาก ข้าเลยตัดสินใจจะไม่ยึดร่างของคนที่เก็บพัดหยกขาวได้ แล้วจะอยู่เฝ้ามองเพียงเท่านั้น” ราคะตอบออกมาด้วยใบหน้าที่จริงใจอย่างมาก ทําเอาพวกหยงเว่ยได้แต่มองหน้ากัน

 

“แต่ถึงอย่างนั้น ข้าก็จะสอนวิชาควบคุมมารให้ไปหลินเอาไว้ก่อน” หยงเว่ยตอบพลางถอนหายใจออกมา มันไม่ทราบว่าจะเชื่อใจราคะได้ไหมแต่กันไว้ก็ดีกว่าแก้ไม่ใช่หรือ

 

“ไม่จําเป็น ข้าสอนให้นางไปแล้ว”ราคะตอบพลางยิ้มออกมาระหว่างทางมาหลังจากนางตกลงกับพวกอสูรแมงมุมได้ ราคะก็ได้สอนวิชาควบคุมมารเอาไว้ให้ไปหลินเสียก่อน เพราะยังไม่ทราบชัดว่านางจะไม่ได้รับผลกระทบจากพลังมารเลยหรือไม่

“เจ้าสอนให้ไปแล้ว? ทําไมมารอย่างเจ้าถึงสอนได้” หยงเว่ยพอฟังก็ไม่เข้าใจขึ้นมาทันที วิชาควบคุมมารที่มันได้มาจากอสูรกวางที่อยู่ในเขากับมารดาจิ้งจอกของมัน ทําไมถึงมีมารรู้แถมยังสอนให้คนอื่นได้อีกต่างหาก

“เพราะคนที่คิดค้นวิธีควบคุมมารก็คือมารราคะในยุคหนึ่งยังไงล่ะ” ราคะว่าพลางยิ้มออกมาวิชาเช่นนี้หากไม่ใช่คนที่ฝึกวิชามารคิดแล้วจะเป็นใครไปได้

 

“แม้แต่วิชาเทวะปราบมารของเจ้าก็ยังเป็นมารตนนั้นคิดค้นขี้นมาเช่นกัน” ราคะตอบพลางมองไปทางอู่หมิงมิน่าเล่าหยงเว่ยถึงสามารถฝึกวิชาเทวะปราบมารได้ทั้งๆที่มันควรเป็นวิชาที่มารฝึกไม่ ได้ ที่แท้ผู้คิดค้นวิชาขึ้นมาก็เป็นมารนี่เอง

“ที่ข้ามาบอกทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้พวกเจ้าสบายใจ”ราคะว่าพลางหลับตาลงช้าๆ ก่อนที่บรรยากาศของนางจะเปลี่ยนไป ท่าทางนางจะปล่อยให้ไปหลินกลับมาบังคับร่างได้แล้ว

“ท่านแม่”ไปหลินว่าพลางมองไปทางเหม่ยหลินพอราคะไม่อยู่แล้วเหม่ยหลินก็เข้าไปกอดบุตรสาวเอาไว้ทันที

 

“ข้าไม่ได้รู้สึกไม่สบายจริงๆนะ แถมพี่ราคะก็ใจดีกับข้ามากเลยตลอดทางพี่สอนวิชาควบคุมมารให้ข้ามาตลอดทางจริงๆนะ”ไปหลินตอบพลางกอดมารดาของนางตอบ

“จ่ะ แม่เชื่อเจ้า” เหม่ยหลินว่าพลางกอดบุตรสาวแน่นขึ้นกว่าเดิมอย่างน้อยตอนนี้นางก็ไม่ได้เป็นมารนับว่าโล่งอกไปเปราะหนึ่ง

 

“ถ้าเจ้ามีอาการไม่ดีก็มาถามลุงได้นะ” หยงเว่ยว่าพลางเรียกเอาพัดหยกขาวออกมาจากมิติของมันก่อนจะมอบมันให้กับไปหลินไป

“แล้วแบบนี้ไปหลินจะมีพลังอย่างราคะหรือเปล่า”อู่หมิงถามพลางมองมาทางเหม่ยหลิน พลังของราคะน่ากลัวใช่เล่น แม้แต่ยอดฝีมือยังยอมทําตามคําสั่งของเฟิงมีเลย

 

“ไม่รู้หรอก” หยงเว่ยตอบพลางมองไปทางไปหลิน

“งั้นลองพิสูจน์ไหม”อูหมิงเสนอก่อนที่พวกมันจะพากันย้ายไปที่เขตของเมืองหลวงโดยจะพาไปหลินเข้าไปเดินในตลาดดูว่าจะมีผลกับคนรอบข้างหรือไม่

 

“จริงด้วย มีคนมองไปหลินเต็มไปหมดเลย” ทันทีที่ไปหลินเดินเข้าไปในตลาดทั้งชายทั้งหญิงต่างก็หันมามองกันเป็นตาเดียว

 

“มะ ไม่…ข้าว่าที่มองอยู่นี่ก็มองแบบปกตินะ” หยงเว่ยว่าพลางมอบไปรอบๆ นอกจากองค์จักรพรรดิจะมาเดินเล่นในตลาดแล้วยังมีสาวงามประจําอาณาจักรอูและบุตรสาวมาเดินแบบนี้ไม่ว่าจะหลงเสน่ห์ของราคะหรือไม่ก็ต้องมองไม่ใช่หรือ

“ถ้าอย่างนั้น ไปหลินเจ้าลองไปขอลูกกวาดจาดลุงคนนั้นดูเป็นไง”อูหมิงว่าพลางชี้ไปทางลุงเจ้าของร้านขายขนม

“ค้า”ไปหลินว่าพลางเดินเข้าไปหาลุงเจ้าของร้าน ก่อนจะพูดคุยกับไม่กี่คําลุงคนนั้นก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ก่อนจะให้ลูกกวาดไปหลินมานิดหน่อย

“เอ่อ…” ทั้งอูหมิงทั้งหยงเว่ยต่างถอนหายใจออกมาอาการมันจะบอกว่าหลงใหลก็ใช่ แต่มันแยกไม่ออกจริงๆว่าที่เป็นแบบนี้เพราะไปหลินน่ารักอยู่แล้วหรือเพราะพลังมารกันแน่สุดท้ายการทดสอบก็ล่มไปทั้งๆแบบนั้น ได้แต่รอดูว่าหลังจากนี้จะมีผลอะไร อีกหรือไม่

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรอสูรบรรพกาล บุตรอสูรบรรพกาล 302 คลายใจ

Now you are reading บุตรอสูรบรรพกาล Chapter บุตรอสูรบรรพกาล 302 คลายใจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 302 คลายใจ

ตอนที่ 302คลายใจ

“จริงด้วย” หยงเว่ยพูดขณะใช้พลังมารของตนตรวจสอบร่างของไปหลินแม้จะเล็กแต่ก็มีพลังมารอยู่ในร่างจริงๆ

“แบบนี้ไปหลินจะเป็นอะไรหรือเปล่า” เหม่ยหลินถามพลางมองบุตรสาวด้วยความเป็นห่วง ตอนนี้เหมือนนางได้ทราบข่าวว่าบุตรสาวเป็นโรคร้ายไม่มีผิดแถมเป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาได้อีกต่างหาก

“ถ้าปล่อยให้มารในร่างครอบงําก็จะเลวร้ายขึ้น คงต้องให้ไปหลินฝึกวิชาควบคุมจิตมารเอาไว้” หยงเว่ยพูดจบก็หันไปมองเหล่า เด็กๆของตนข่าวที่ว่ามารทั้งหมดโดนจัดการไปแล้วนับเป็นข่าวดีมากแถมการดูดซับพลังมารของมารตนอื่นๆยังทําให้หยงเว่ยทะลุระดับเจ้าสวรรค์ไปแล้วอีกต่างหาก ตอนนี้คงหาคนที่จะมาทําร้าย เด็กๆของมันได้แต่ข่าวร้ายที่ว่าไปหลินกลายเป็นร่างใหม่ของราคะ ก็ทําเอาหยงเวยลําบากใจเช่นกันมันไม่สามารถฆ่านางเพื่อเอารา คะออกมาได้อย่างแน่นอน นอกจากความจริงที่นางยังเด็กและพ่อแม่ของนางก็เป็นสหายคนหนึ่งของหยงเว่ยอีก ทางเดียวที่จะรับมือได้ก็คงเป็นการควบคุมพลังมารเอาไว้

 

“ท่านลุงเวย”ไปหลินว่าพลางมองมาทางหยงเว่ย นางกระตุกชายเสื้อของหยงเว่ยเบาๆพร้อมใบหน้าที่ราวกับจะอยากพูดอะไรออกมา

“อะไรเหรอ” หยงเว่ยถามพลางนั่งยองๆลงนั่งคุยกับไปหลิน

“พี่สาวราคะอยากจะคุยด้วยค่ะ”ไปหลินพูดออกมาด้วยท่าทีซื่อๆทําเอาหยงเว่ยสะท้านวาบ มันเห็นพลังมารของนางค่อนข้างน้อยก็นึกว่าจิตมารยังไม่ก่อตัวดีเสียอีก แต่หากราคะสามารถส่งเสียงไปหาไปหลินได้แล้วแสดงว่านางเข้าครอบงําไปหลินไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

 

“อย่าพี่…”หยงเว่ยยังไม่ทันห้าม อยู่ๆบรรยากาศรอบตัวไปหลินก็เปลี่ยนไป

 

ฟุบ.ดาบมรกตในมือหยงเวยพุ่งวาบเข้ามาหาไปหลินทันที แต่กลับโดนฝ่ามือของเหม่ยหลินห้ามเอาไว้ แต่ดาบของหยงเว่ยก็ไม่มีจิตสังหารเลยทําให้เหม่ยหลินเพียงกันมันกลับไปเท่านั้น

 

“ใจเย็นๆสิโทสะ”ราคะว่าพลางจ้องมองหยงเวยด้วยท่าที่นิ่งเรียบนางพอจะทราบมาว่าโทสะตอนนี้ใจอ่อนมากไม่กล้าทําอะไรเด็กหรอกนางจึงไม่คิดว่าโทสะจะกล้าฟันลงมาจริงๆแต่อย่าไร

 

“ยินดีที่ได้รู้จักทุนท่าน ข้าคือราคะ หนึ่งในมารชั้นสูงเช่นเดียวกับมารตนอื่นๆที่อยู่ในร่างของโทสะ ราคะแนะนําตัวพลางมองไปรอบๆไม่ว่าจะอี้หมิง เหม่ยหลิน หยงเว่ย รวมทั้งน้าไก่ฟ้าที่ยืนห่างออกไปด้วย

“ก่อนอื่นขาขอแก้ความเข้าใจผิดก่อน”ราคะในร่างของไปหลินว่าพลางมองมาทางอี้หมิงที่เรียกกระบออกมาแล้วแต่ยังไม่ได้ทําอะไรต่อ

 

“ตัวข้าไม่ได้มีส่วนร่วมอะไรกับแผนการของเฟิงมีแต่อย่างไรเรื่องสังหารอาจารย์ของเจ้าก็ไม่เกี่ยวกับข้าเช่นกัน”ได้ยินเช่นนั้นอู่หมิงก็ขมวดคิ้วมั่นทันที

 

“จริง ตลอดหลายปีที่ผ่านมาราคะไม่เคยยึดร่างของเฟิงมีเลย” หยงเว่ยตอบพลางจับบ่าของอู่หมิงเอาไว้

บฉบ 1

“เจ้ารู้ได้ยังไง” อุ้หมิงถามพลางมองมาทางหยงเว่ย

“มารตนอื่นๆยืนยันเช่นนั้น” หยงเว่ยตอบออกมาตามตรง แม้จะยังสามารถควบคุมได้ แต่มารทั้ง 6 ตนก็สามารถพูดคุยกับหยงเว่ย ได้ในจิตของมันซึ่งมาร 5 ตนที่เคยอยู่กับเฟิงมีมาต่างยอมรับออกมาตรงๆว่าราคะไม่เคยเข้าไปยุ่งอะไรกับเฟิงมีเลย นอกจากสอนและฝึกฝนวิชาให้เท่านั้น

 

“ถ้าอย่างนั้นก็…”อู่หมิงเก็บกระบี่ไปพลางถอนหายใจออกมาแม้จะสามารถไม่เชื่อได้ แต่อู่หมิงยอมที่จะเชื่อดีกว่า เพราะถ้ามันฆ่าไปหลินไปก็เท่ากับเปิดสงครามกับกองทัพอสูรเท่านั้น แถมยอดฝีมืออย่างเหม่ยหลินที่เป็นแม่ของนางอาจจะฆ่ามันตรงนี้เลยก็ได้

 

“แล้วก็มีอีกเรื่องที่พวกเจ้าต้องรู้”ราคะว่าพลางมองไปทางเหม่ยหลิน

“บุตรสาวของเจ้าไม่ได้เปลี่ยนเป็นมาร”ได้ยินเช่นนั้นไม่ใช่แค่เหม่ยหลิน แม้แต่คนรอบๆก็มีท่าที่งุนงงเช่นกัน

 

“ หมายความว่ายังไงไม่ได้เปลี่ยนเป็นมาร” หยงเว่ยถามออกไปเพราะแม้แต่ตัวมันยังไม่เคยเจอเรื่องเช่นนี้

“ขั้นแรกในการฝึกวิชามารคือการเปลี่ยนตนเองเป็นมารเสียก่อนในกรณีของราคะ ร่างของผู้ฝึกจะเปลี่ยนพลังวิญญาณเป็นพลังมารและจะมีความต้องการทางเพศสูงกว่าคนปกติราคะตอบออกไปด้วยท่าที่นิ่งเฉยเพราะนางได้คิดมาตลอดทางแล้วว่ามันคืออะไรกันแน่

“แต่ไปหลินไม่ใช่ นางนอกจากจะไม่เปลี่ยนเป็นมารแล้วยังเอาพลังมารมาใช้เป็นของตัวเอง นางจะสามารถฝึกวิชามารได้แต่จะยังคงเป็นมนุษย์ นางน่าจะไม่มีอาการทรมานหากขาดเรื่องอย่างว่าหรอก”ราคะตอบออกไปเพราะปกติผู้ฝึกวิชาของราคะจะมีความหยากมากกว่าคนปกติ และหากไม่ระบายความหยากนั่นพลังมาร ในร่างจะปั่นป่วนบางที่ถึงขั้นธาตุไฟเข้าแทรก ซึ่งอันตรายมาก แน่นอนว่าสามารถใช้วิชาสะกดมารเอาไว้ได้ แต่สําหรับไปหลินนั้นไม่จําเป็น

“เจ้าจะบอกว่าไปหลินมีร่างกายเหนือกว่ามารงั้นเหรอ” หยงเว่ยถามพลางมองไปยังร่างเล็กๆของไปหลิน แม้จะเด็กแต่นางก็มีผิวหนังของอสูรแมงมุมเหมือนไปจูเหวิน แถมดวงตายังมีประกายหลากสีสองออกมาให้เห็นอยู่ตลอด เรียกได้ว่าแต่เดิมร่างของนางก็ เป็นกึ่งอสูรอยู่แล้วทําให้นางไม่ได้โดนเปลี่ยนเป็นมาร แต่อยู่เหนือ กว่าพลังมารเช่นนั้นหรือ

“มิน่าล่ะพลังวิญญาณของนางถึงยังอยู่ ข้านึกว่าราคะมีพลังวิญญาณเป็นปกติเสียอีก” อูหมิงว่าพลางถอนหายใจออกมา แต่คนที่โล่งอกที่สุดก็คงหนีไม่พ้นเหม่ยหลินนี่ล่ะ

 

“เช่นนั้น นางก็ไม่เป็นไรงั้นหรือ” เหม่ยหลินถามพลางถอนหายใจอย่างโล่งอก

“ใช่ ตอนนี้พลังมารในร่างของนางก็เหมือนกับพลังอสูรของนางนั่นล่ะแถมข้าก็ไม่อยากยึดร่างของนางด้วย”ราคะว่าพลางถอนหายใจออกมา

 

“ทําไมเจ้าถึงไม่อยากยึดร่างของไปหลินล่ะ ในเมื่อมารทุกตนอยากทํา” หยงเว่ยถามพลางมองไปทางไปหลินอย่างสงสัย แม้ทุกวันนี้พวกมารในร่างของมันก็ยังคงอยากยึดครองร่างของหยงเว่ยอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันหากมันพลาดก็จะโดนชิงร่างไปง่ายๆเลย

 

“ก็เพราะข้าเข็ดแล้วยังไงล่ะ” ราคะตอบพลางส่ายหน้าช้าๆ

 

“เข็ด?”แน่นอนว่าคําพูดเพียงเท่านั้นไม่สามารถทําให้คนรอบๆเข้าใจได้

“อย่างที่พวกเจ้าเห็น พลังของราคะมีผลดีตรงที่ทําให้คนรอบข้างหลงใหล มีอยู่ครั้งนึ่งข้าเกิดตกหลุมรักมนุษย์คนหนึ่งเข้า”ราคะว่าพลางเลื่อนมือขึ้นมาจับเส้นผมของตนเองเบาๆ

“มันเป็นคนที่ไม่หลงใหลพลังของราคะ ทําให้ข้าตอนนั้นพยายามจะทําให้มันสนใจ” เห็นราคะเล่าออกมาเช่นนี้ดวงตาของไปหลินกลับมีประกายแปลกๆโผล่ออกมา มันเป็นดวงตาของคนมีความรักอย่างแน่นอน และนั่นก็เป็นดวงตาที่เด็กอายุ 5 ขวบยังไม่ควรมีเพราะมันเหมือนเป็นรักที่ลึกซึ้งอย่างมาก

“สุดท้ายข้าก็รักมัน และอยู่ด้วยกัน..แต่มารไม่มีวันตายพอร่างเก่าตายลงข้าก็มีคนใหม่เก็บพัดหยกขาวได้” ราคะว่าพลางหัวเราะออกมาเสียงเบา

“พอไม่มีคนรักอยู่แล้ว ข้ากลับรู้สึกเหงามาก ข้าเลยตัดสินใจจะไม่ยึดร่างของคนที่เก็บพัดหยกขาวได้ แล้วจะอยู่เฝ้ามองเพียงเท่านั้น” ราคะตอบออกมาด้วยใบหน้าที่จริงใจอย่างมาก ทําเอาพวกหยงเว่ยได้แต่มองหน้ากัน

 

“แต่ถึงอย่างนั้น ข้าก็จะสอนวิชาควบคุมมารให้ไปหลินเอาไว้ก่อน” หยงเว่ยตอบพลางถอนหายใจออกมา มันไม่ทราบว่าจะเชื่อใจราคะได้ไหมแต่กันไว้ก็ดีกว่าแก้ไม่ใช่หรือ

 

“ไม่จําเป็น ข้าสอนให้นางไปแล้ว”ราคะตอบพลางยิ้มออกมาระหว่างทางมาหลังจากนางตกลงกับพวกอสูรแมงมุมได้ ราคะก็ได้สอนวิชาควบคุมมารเอาไว้ให้ไปหลินเสียก่อน เพราะยังไม่ทราบชัดว่านางจะไม่ได้รับผลกระทบจากพลังมารเลยหรือไม่

“เจ้าสอนให้ไปแล้ว? ทําไมมารอย่างเจ้าถึงสอนได้” หยงเว่ยพอฟังก็ไม่เข้าใจขึ้นมาทันที วิชาควบคุมมารที่มันได้มาจากอสูรกวางที่อยู่ในเขากับมารดาจิ้งจอกของมัน ทําไมถึงมีมารรู้แถมยังสอนให้คนอื่นได้อีกต่างหาก

“เพราะคนที่คิดค้นวิธีควบคุมมารก็คือมารราคะในยุคหนึ่งยังไงล่ะ” ราคะว่าพลางยิ้มออกมาวิชาเช่นนี้หากไม่ใช่คนที่ฝึกวิชามารคิดแล้วจะเป็นใครไปได้

 

“แม้แต่วิชาเทวะปราบมารของเจ้าก็ยังเป็นมารตนนั้นคิดค้นขี้นมาเช่นกัน” ราคะตอบพลางมองไปทางอู่หมิงมิน่าเล่าหยงเว่ยถึงสามารถฝึกวิชาเทวะปราบมารได้ทั้งๆที่มันควรเป็นวิชาที่มารฝึกไม่ ได้ ที่แท้ผู้คิดค้นวิชาขึ้นมาก็เป็นมารนี่เอง

“ที่ข้ามาบอกทั้งหมดนี้ก็เพื่อให้พวกเจ้าสบายใจ”ราคะว่าพลางหลับตาลงช้าๆ ก่อนที่บรรยากาศของนางจะเปลี่ยนไป ท่าทางนางจะปล่อยให้ไปหลินกลับมาบังคับร่างได้แล้ว

“ท่านแม่”ไปหลินว่าพลางมองไปทางเหม่ยหลินพอราคะไม่อยู่แล้วเหม่ยหลินก็เข้าไปกอดบุตรสาวเอาไว้ทันที

 

“ข้าไม่ได้รู้สึกไม่สบายจริงๆนะ แถมพี่ราคะก็ใจดีกับข้ามากเลยตลอดทางพี่สอนวิชาควบคุมมารให้ข้ามาตลอดทางจริงๆนะ”ไปหลินตอบพลางกอดมารดาของนางตอบ

“จ่ะ แม่เชื่อเจ้า” เหม่ยหลินว่าพลางกอดบุตรสาวแน่นขึ้นกว่าเดิมอย่างน้อยตอนนี้นางก็ไม่ได้เป็นมารนับว่าโล่งอกไปเปราะหนึ่ง

 

“ถ้าเจ้ามีอาการไม่ดีก็มาถามลุงได้นะ” หยงเว่ยว่าพลางเรียกเอาพัดหยกขาวออกมาจากมิติของมันก่อนจะมอบมันให้กับไปหลินไป

“แล้วแบบนี้ไปหลินจะมีพลังอย่างราคะหรือเปล่า”อู่หมิงถามพลางมองมาทางเหม่ยหลิน พลังของราคะน่ากลัวใช่เล่น แม้แต่ยอดฝีมือยังยอมทําตามคําสั่งของเฟิงมีเลย

 

“ไม่รู้หรอก” หยงเว่ยตอบพลางมองไปทางไปหลิน

“งั้นลองพิสูจน์ไหม”อูหมิงเสนอก่อนที่พวกมันจะพากันย้ายไปที่เขตของเมืองหลวงโดยจะพาไปหลินเข้าไปเดินในตลาดดูว่าจะมีผลกับคนรอบข้างหรือไม่

 

“จริงด้วย มีคนมองไปหลินเต็มไปหมดเลย” ทันทีที่ไปหลินเดินเข้าไปในตลาดทั้งชายทั้งหญิงต่างก็หันมามองกันเป็นตาเดียว

 

“มะ ไม่…ข้าว่าที่มองอยู่นี่ก็มองแบบปกตินะ” หยงเว่ยว่าพลางมอบไปรอบๆ นอกจากองค์จักรพรรดิจะมาเดินเล่นในตลาดแล้วยังมีสาวงามประจําอาณาจักรอูและบุตรสาวมาเดินแบบนี้ไม่ว่าจะหลงเสน่ห์ของราคะหรือไม่ก็ต้องมองไม่ใช่หรือ

“ถ้าอย่างนั้น ไปหลินเจ้าลองไปขอลูกกวาดจาดลุงคนนั้นดูเป็นไง”อูหมิงว่าพลางชี้ไปทางลุงเจ้าของร้านขายขนม

“ค้า”ไปหลินว่าพลางเดินเข้าไปหาลุงเจ้าของร้าน ก่อนจะพูดคุยกับไม่กี่คําลุงคนนั้นก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ก่อนจะให้ลูกกวาดไปหลินมานิดหน่อย

“เอ่อ…” ทั้งอูหมิงทั้งหยงเว่ยต่างถอนหายใจออกมาอาการมันจะบอกว่าหลงใหลก็ใช่ แต่มันแยกไม่ออกจริงๆว่าที่เป็นแบบนี้เพราะไปหลินน่ารักอยู่แล้วหรือเพราะพลังมารกันแน่สุดท้ายการทดสอบก็ล่มไปทั้งๆแบบนั้น ได้แต่รอดูว่าหลังจากนี้จะมีผลอะไร อีกหรือไม่

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+