บุตรอสูรบรรพกาล 300 จุดจบของมาร

Now you are reading บุตรอสูรบรรพกาล Chapter 300 จุดจบของมาร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 300 จุดจบของมาร

ตอนที่ 300

จุดจบของมาร

“…”ไม่ทราบเวลาผ่านไปเท่าไหร่ ไป๋หลินที่โดนราคะอุ้มมาก ตื่นขึ้นด้วยท่าที่สับสน สิ่งสุดท้ายที่นางจําได้คือมารดาของนางพานางไปซ่อนในอาคารของวังหลวง แต่ระหว่างรอให้เรื่องข้างนอกสงบ ไป๋หลินกลับโดนกระสุนวายุของมารตะกละเข้าเล่นงานกลายเป็นลูกหลงที่ทําให้นางสลบไป แต่พอตื่นขึ้นมานางกลับพบว่าตัวเองอยู่ในถ้ําที่มืดมากๆ โชคดีที่ตาของนางพิเศษกว่าคนอื่นทําให้นางสามารถมองเห็นในถ้ําได้ทันที

สิ่งแรกที่ไป๋หลินได้พบคือร่างของราคะ นางนอนห่างจากไป๋หลินไปไม่มาก หากขยับตัวนางคงสัมผัสได้ทันที แม้สภาพของนางตอนนี้จะดูไม่สู้ดีนัก แต่ไป๋หลินก็จําได้ทันทีว่านางคือคนที่บุกเข้ามากลางงานและเป็นต้นเหตุของความวุ่นวายที่เกิดขึ้นทั้งหมด

 

“…”ไป๋หลินไม่กล้าขยับตัวเพราะนางเห็นอยู่ชัดๆว่าพลังขออีกฝ่ายต่างจากตนเองแค่ไหน หากนางอยากจะฆ่าไป๋หลินละก็ต่อให้อยู่ในสภาพปางตายเช่นนี้ก็คงทําได้ง่ายดายราวพลิกฝ่ามือ

นางควรทําเช่นไรดี ดูจากสภาพเช่นนี้นางคงโดนจับตัวมาแน่ๆ ไม่มีเหตุผลอื่นเลยที่มารจะเอาตัวนางมาในสภาพบาดเจ็บหนักเช่นนี้ หรือตอนนางสลบไปมารตนนี้โดนเล่นงานจนเกือบตายแล้วใช้ตัวไป๋หลินเพื่อหนีมา… แบบนี้ก็หมายความว่านางยังคงปลอดภัยอยู่เพราะนางถูกจับมาในฐานะตัวประกัน แต่นางควรทําเช่นไรเพื่อหาทางรอดไปให้ได้

“ท่านป่า”ไป๋หลินว่าพลางลุกขึ้นนั่งช้าๆ นางแกล้งทําเป็นพึ่งตื่นพลางเรียกราคะอย่างสสนิทสนม

“ใครเป็นพี่สาวแม่เจ้ากัน” เฟิงมีตอบพลางค้อนไป๋หลินตาคว่ํา นางมองอย่างไรถึงเรียกตนเองว่าป้า แม้จะบาดเจ็บขนาดนี้แต่ภายนอกนางยังเป็นสาวงามอยู่นะ

“ท่าน…ป้า….ท่านเป็นใครหรือเจ้าคะ”ไป๋หลินถามด้วยท่าทีสงสัย นางแกล้งทําเป็นจําเฟิงมีไม่ได้ เพราะหากนางทราบว่าไป๋หลินจํานางได้ก็เท่ากับว่ายออมรับการเป็นตัวประกันแต่โดยดีนะสิ

“เจ้าจําไม่สิ ข้าเป็นคนพาเจ้าหนีออกมาจําไม่ได้หรือ”เฟิงมีว่าพลางยิ้มน้อยๆ ตอนนี้นางบาดเจ็บมาก ต่อให้นังหนูนี่มีพลังน้อยแค่ ไหนแต่หากนางดิ้นหนีก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสที่นางจะหลุดไปได้

“ท่านพาข้าออกมางั้นเหรอ แต่ท่านดูบาดเจ็บมากเลยนะเจ้าคะ”ไป๋หลินว่าพลางมองร่างกายที่หายไปของเฟิงมี่ แม้จะใช้น้ําแข็งสร้างขาและแขนเทียมขึ้นมาแล้ว แต่ก็ไม่ใช่ว่าบาดแผลจะหายไปเลย

 

“อะ อืม…ข้าโดนลูกลงเข้า ก็เลยมีสภาพแบบนี้”เฟิงมีตอบพลางลุกขึ้นนั่งช้าๆ ร่างกายของนางตอนนี้แทบไม่เหลือเรี่ยวแรงแล้ว ตอนนี้นางได้แค่นั่งรอความตายเท่านั้นเอง

“ข้าพอจะมีความรู้เรื่องยาอยู่บ้าง ข้าจะไปสมุนไพรมาช่วยท่านนะ”ไป๋หลินพูดจบก็ลุกขึ้นยืนพลางเดินผ่านเฟิงมีไปหมายจะเนียนเดินออกจากถ้ําไปทั้งๆแบบนั้น

 

ฉีก! เฟิงมีสร้างลิ่มน้ําแข็งขึ้นมาปิดทางไป๋หลินเอาไว้ ทําให้นางเดินต่อไปไม่ได้ ภายในถ้ําแคบๆแบบนี้เฟิงมีสามารถเรียกลิ่มน้ําแข็งออกมาโจมตีได้ทุกทิศทาง การหนีออกไปไม่ใช่ทางเลือกที่ดีเท่าไหร่

“ข้างนอกอันตราย เจ้าอย่าออกไปเลย” เพิ่งมีว่าพลางละลายลิ่มน้ําแข็งไป นี่นางยังทําท่าเป็นห่วงได้อีกงั้นหรือ ทั้งๆที่นางพึ่งจะขังไป๋หลินไปเนี่ยนะ

“ค.ค่ะ”ไป๋หลินหน้าจ๋อยพลางเดินกลับมาหาเฟิงมีอย่างช่วยไม่ได้ แต่ที่นางพูดเมื่อครู่เป็นเรื่องจริงนะที่อาการเฟิงมีดูแย่มาก และนางก็สามารถช่วยรักษาได้

 

“อย่างน้อยก็ให้ข้าทายาให้ท่านได้ไหม”ไป๋หลินถามพลางหยิบเอายาออกมาจากแหวนมิติของตน ยาตัวนี้เป็นยาทาห้ามเลือดที่น้าราชสีห์ให้นางพกเอาไว้ ถึงจะห้ามเลือดจากแผลใหญ่อย่างที่แขนและขาของเฟิงมีที่ขาดไปไม่ได้ แต่รอยกระบี่ที่อู๋หมิงฟันเอาไว้ก็ยังพอช่วยได้

 

“ไม่ต้อง เจ้าคิดว่าชีวิตข้าจะยึดขึ้นได้ด้วยการรักษาแผลเล็กๆพวกนี้งั้นเหรอ” เฟิงมีส่ายหน้าพลางนอนลงไปกับผนังถ้ําอีกครั้ง

 

“ท่านป้า…”ไป๋หลินพูดพลางเก็บยาไปอย่างช่วยไม่ได้ อย่างน้อยช่วยทายาให้นางอาจจะทําให้นางไม่ลงมือทําอะไรไป๋หลินได้บ้างแท้ๆ

“ข้าบอกแล้วว่าอย่าเรียกป้า”เฟิงมีว่าพลางหยิกแขนไป๋หลินไปที่หนึ่ง ทําไป๋หลินร้องโอ้ยออกมาเสียงดัง นี่ขนาดนางมีผิวหนังของอสูรแมงมุมนะ นี่นางกะจะบิดให้แขนคนธรรมดาขาดเลยหรือยังไง

“ยัยหนู มานี่หน่อย” เฟิงมีว่าพลางกวักมือเรียกไป๋หลินให้เข้าไปใกล้ๆ

 

“…”แน่นอนว่าไป๋หลินไม่กล้าเข้าไปใกล้นางแน่ๆ ทําเอาเฟิงมีจ้องนางด้วยท่าที่แปลกๆทันที

 

“ท่านจะไม่หยิกข้าอีกใช่ไหม”ไป๋หลินถามพลางทําหน้ามุ่ยอย่างไม่พอใจ

 

“ถ้าเจ้าไม่เข้ามาข้าจะหยิกเจ้าอีก” เฟิงมีว่าพลางกวักมือให้ไป๋หลินเข้ามาหานาง

 

หมับ..เฟิงมีจับตัวไป๋หลินได้ก็ดึงนางเข้ามากอดเอาไว้พลางสบ หน้าลงบนไหล่ของไป๋หลินเสียอย่างนั้น

 

“เจ้านี่เหมือนน้องสาวข้าเหมือนกันนะ” เฟิงมีหัวเราะพลางกอดไป๋หลินเอาไว้แน่น

 

“ทะ ท่านป้า โอ้ย”ไป๋หลินโดนหยิกทันทีที่นางพูดคําว่าป้าออกมา พร้อมทั้งโดนค้อนจากดวงตาของเฟิงมีอีกต่างหาก

“เจ้ารู้หรือเปล่า น้องสาวข้าอดตายไปตอนอายุเท่าๆกับเจ้าอาณาจักรโฮแห่งนี้แทบไม่สนใจประชาชนเลย เก็บภาษีขูดรีดแถมยังไม่สนใจจะแก้ปัญหาเวลาเกิดภัยธรรมชาติอีกต่างหาก”เฟิงมีพูดพลางลูบเส้นผมของไป๋หลินเบาๆ ความจริงนางก็แค่อยากแก้แค้นอาณาจักรโฮเท่านั้น แต่ถึงจะยึดครองอาณาจักรโฮมาได้ด้วยเสน่ห์ของมารราคะ แต่นางก็ไม่สามารถสั่งให้คนของอาณาจักรโฮทําลายวังหลวงได้ พวกมันยังคงรักบ้านเกิดและหากนางสั่งแบบนั้นมนตร์เสน่ห์ของนางจะคลายทันที พลังของราคะแม้จะใกล้เคียงกับพลังของไป๋จูเหวินที่มีผลกับมนุษย์ แต่ก็มีเงื่อนไขมากมาย ทําให้เฟิงมีเลือกที่จะดึงเอายอดฝีมือต่างแทนมาทําลายเมืองด้วยตนเอง แน่นอนนางไม่ได้วางแผนว่าจะตาย นางอยากจะเอาตัวอู๋หมิงมาครอบครอง และยึดอาณาจักรรอบๆไปพร้อมๆกัน แต่ใครจะไปคิดว่าผลที่ออกมาจะเลวร้ายขนาดนี้ได้

 

“ท่าน…”ไป๋หลินเห็นนางมีท่าที่เศร้าหมองเช่นนี้ก็ไม่กล้าเรียกนางว่าบ้าอีก นางเพียงจ้องมองเฟิงมีที่มีท่าที่โรยราอย่างเห็นได้ชัด นิ่ง ก่อนที่ดวงตาของไป๋หลินจะปรากฏประกายสีส้มออกมา ก่อนที่ไป๋หลินจะมองเห็นภาพในวัยเด็กของเพิ่งมีขึ้นมาเสียอย่างนั้น ราวกับเหม่ยหลินได้เห็นสิ่งที่เพิ่งมีต้องเจอในวัยเด็กทําเอาน้ําตาของ นางเอ่อล้นออกมาในทันที แม้นางจะทําเรื่องชั่วช้าไม่น่าให้อภัย แต่ก็เพราะนางโดนกดดันให้เป็นแบบนั้น นางเพียงกระเสือกกระสนขี้นมาจากอดีตของตน และหาทางล้างแค้นเท่านั้นเอง แต่ถึงอย่างนั้น สิ่งที่เพิ่งมีทําก็สมควรโดนลงโทษ ซึ่งความตายที่กําลังจะลุกลามเข้ามาอยู่นี่จะเหมาะสมหรือไม่…

 

“ยัยหนู”เฟิงมีพูดพลางมองมาทางไป๋หลิน นางเอาของอย่างหนึ่งยัดเข้าไปในมือของไป๋หลินก่อนจะกระซิปบางอย่างที่ข้างหูของไป๋หลินเบาๆ

 

ตุบร่างของเฟิงมีล้มลงไปนอนบนไหล่ของไป๋หลิน ทําให้ไป๋หลินสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่านางตายแล้ว

 

ไป๋หลินพึ่งจะอายุ 5 ขวบ แถมโตมาในเขตอสูรที่อสูรทุกตัวมีชีวิตยืนยาวแทบจะเป็นอมตะ เรียกได้ว่าไม่เคยเห็นใครตายต่อหน้ามาก่อน แถมเพิ่งมียังเป็นเพียงคนแปลกหน้าอีกต่างหาก ทําเอาไป๋หลินไม่ทราบจะทําอย่างไรเมื่อเรื่องเป็นเช่นนี้ นางควรฝังร่างของนางหรือพาร่างของนางไปให้พวกท่านพ่อดี

 

ตุบ! ยังไม่ทันตัดสินใจ อยู่ๆที่หน้าถ้ําก็ปรากฏร่างของเหม่ยหลินที่รีบตามเฟิงมีออกมาทันทีที่ฟื้นฟูพลังได้ ทันทีที่เห็นบุตรสาวนั่งอยู่กับเฟิงมีนางก็มีท่าทีระแวดระวังทันที

“ท่านแม่”ไป๋หลินว่าพลางมองไปเหม่ยหลิน

“นางตายแล้วเจ้าค่ะ”ไป๋หลินพูดจบก็ลุกขึ้นมาจากร่างของนาง ก่อนที่เหม่ยหลินจะรีบเข้ามากอดไป๋หลินเอาไว้ นึกว่าบุตรสาวของนางจะแย่เสียแล้ว โชคดีที่ตัวไป๋หลินมีทั้งพลังวิญญาณและพลังอสูร ทําให้เหม่ยหลินสามารถแยกแยะได้อย่างรวดเร็วว่านางอยู่ที่ไหน

 

“กลับกันเถอะลูกแม่” เหม่ยหลินว่าพลางอุ้มไป๋หลินกลับไปยังเมืองหลวงของอาณาจักรโฮทันที ตอนนี้ไป๋จูเหวินยังหลับไม่ได้สติ โดยมีหงเยว่คอยพยาบาลอยู่ข้างกาย ส่วนอู๋หมิงนั้นพอได้ซูหลานใช้ พลังธาตุศักดิ์สิทธิ์ช่วยแผลที่โดนแทงก็อาการดีขึ้นมาก ไม่นาน อาณาจักรต่างๆก็แยกย้ายกันกลับอาณาจักรของตนเอง โดยเหม่ยหลินพาไป๋จูเหวินกลับมาพร้อมกับขบวนเสด็จของอู๋หมิง เช่นเดียวกับร่างของอาวุโสเทียนหมิงที่จะเชิญกลับไปทําพิธีที่อาณาจักรด้วยเช่นกัน

 

ตุบ…หลังจากเหตุการทั้งหมดผ่านไปหลายวัน อู๋หมิงที่อาการดีขึ้นแล้วก็เดินทางมาที่วัดบนยอดเขาทางเหนือของเมืองหลวง แน่นอนว่าวัดแห่งนี้คือที่อยู่ของเหล่ามารเล็กมารน้อยรวมทั้งมารแห่งโทสะอย่างหยงเว่ยอีกด้วย

 

“องค์จักรพรรดิ ท่านเดินทางมาเช่นนี้มีอะไรหรือ” หยงเวยออกมารับหน้าทันทีที่สัมผัสได้ว่าอู๋หมิงเดินทางมา มันบอกให้พวกเด็กๆเข้าไปอยู่ในวัดก่อน พลางเดินเข้ามาหาอู๋หมิงด้วยตนเอง

วูบ…แสงสีขาวปรากฏขึ้นที่รอบๆกายของอู๋หมิง ทําเอาร่างของหยงเว่ยสะท้านวาบ พลังเทวะปราบมารเป็นผลร้ายต่อเหล่ามาร แม้แต่หยงเว่ยเองก็ไม่เว้น

“เพราะข้าเรียนวิชาเทวะปราบมารสําเร็จ ก็เลยสามารถถืออาวุธมารได้”อู๋หมิงว่าพลางเรียกเอากระบี่ของอัตตาออกมา

 

“โชคดีที่คนถืออาวุธคือท่าน ไม่อย่างนั้นคงหลงใหลไปกับคําพูดของมารแล้ว” หยงเว่ยตอบพลางมองกระบี่ของอัตตาในมือของอู๋หมิง แน่นอนว่ามันได้ยินข่าวของท่านอาวุโสเทียนหมิงเช่นกัน และ มันก็เสียใจมากที่มารเป็นต้นเหตุ

 

“ข้าเชื่อว่าหากพวกมันอยู่กับเจ้าจะปลอดภัยที่สุด”อู๋หมิงพูดจบก็นํากระบองของตะกละ คราดของโลภะ และพัดหยกขาวของราคะออกมา เมื่อรวมกับกระบี่ของอัตตา ดาบของโทสะ มีดสั้นของริษยา และไม้เท้าของเกียจคร้านก็เท่ากับว่าอาวุธมารทั้ง 7 อยู่ ณ ที่แห่งนี้หมดแล้ว หางหยงเว่ยเก็บเอาไว้และควบคุมพวกมันได้ ก็เท่ากับว่าจะไม่มีมารตนไหนอยู่นอกสายตาของอาณาจักรอู่อีกแล้ว เพราะตํารามารระดับล่างทั้ง 108 เล่มเองก็อยู่ในวัดนี้เช่นกัน

 

“เข้าใจแล้ว” หยงเว่ยว่าพลางเดินเข้ามาหาอาวุธมารชิ้นอื่นๆ

 

“เสียใจด้วยนะเรื่องอาจารย์ของเจ้า” หยงเว่ยว่าพลางถอนหายใจออกมา แม้จะนิดหน่อยแต่หยงเว่ยก็แอบกังวลอยู่มากว่าอู๋หมิงจะโกรธแค้นมาร เพราะเรื่องอาจารย์ของตนเสียอีก หยงเว่ยกังวลถึงขั้นว่าอู๋หมิงอาจจะเล็งพวกเด็กๆเอาไว้ก็เป็นได้

 

“ขอบใจ” อู๋หมิงตอบเท่านั้นก่อนจะแปล่งรัศมีของพลังเทวะปราบมารออกมา การซึมซับอาวุธมารเข้าไปของหยงเว่ยมีความเสี่ยงไม่น้อย หากมันพลาดโดนมารเข้าครอบงําอู๋หมิงก็จะเป็นคนจบทุกอย่างก่อนที่จะมีเรื่องเกิดขึ้นอีก

 

หมับหยงเว่ยจับเอากระบี่ของอัตตาขึ้นมาเป็นอย่างแรก ก่อนจะดูดซับพลังมารของมันเข้ามา พอมีอาวุธมารหลายชิ้นเข้าอารมณ์ของหยงเว่ยก็ยิ่งปั่นป่วน

หมับ….หยงเว่ยหยิบกระบองของตะกละขึ้นมาก่อนจะดูดซับเอาพลังมารไปอีกเช่นกัน เมื่อดูดซับจิตมารของตะกละจนหมดมันก็หยิบคราดของโลภะขึ้นมาอีกอัน ก่อนจะดูดซับไปจนหมด

 

น่าแปลก พอมีมารหลายๆตนในร่างเข้า มันกลับรู้สึกสมดุลอย่างประหลาด แทนที่จะควบคุมได้ยากขึ้นเมื่อมีมารหลายตน แต่ผลที่ออกมากลับตรงกันข้าม ยิ่งมีมารในใจหลายตนเท่าไหร่ก็ยิ่งขัดกันเอง เรียกได้ว่าตอนนี้พวกมารเอาแต่เถียงกันเองแทบไม่ได้ยั่วยุหยงเว่ยเลย

 

“…” หยงเว่ยหยิบเอาพัดหยกขาวขึ้นมาเพื่อจะดูดซับพลังมาร แต่ทันทีที่จับไปที่พัดหยกขาวดวงตาของหยงเว่ยก็เบิกกว้าง

 

“นี่มัน…”หยงเว่ยมองไปที่อู๋หมิงสลับกับพัดหยกขาว ทําเอาอู๋หมิงเองยังสัมผัสได้ถึงความประหลาดใจของมัน

 

“มีเรื่องอะไร”อู๋หมิงถามออกมาพลางมองหยงเว่ยอย่างไม่เข้าใจ

“ราคะไม่อยู่ในนี้”

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรอสูรบรรพกาล 300 จุดจบของมาร

Now you are reading บุตรอสูรบรรพกาล Chapter 300 จุดจบของมาร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 300 จุดจบของมาร

ตอนที่ 300

จุดจบของมาร

“…”ไม่ทราบเวลาผ่านไปเท่าไหร่ ไป๋หลินที่โดนราคะอุ้มมาก ตื่นขึ้นด้วยท่าที่สับสน สิ่งสุดท้ายที่นางจําได้คือมารดาของนางพานางไปซ่อนในอาคารของวังหลวง แต่ระหว่างรอให้เรื่องข้างนอกสงบ ไป๋หลินกลับโดนกระสุนวายุของมารตะกละเข้าเล่นงานกลายเป็นลูกหลงที่ทําให้นางสลบไป แต่พอตื่นขึ้นมานางกลับพบว่าตัวเองอยู่ในถ้ําที่มืดมากๆ โชคดีที่ตาของนางพิเศษกว่าคนอื่นทําให้นางสามารถมองเห็นในถ้ําได้ทันที

สิ่งแรกที่ไป๋หลินได้พบคือร่างของราคะ นางนอนห่างจากไป๋หลินไปไม่มาก หากขยับตัวนางคงสัมผัสได้ทันที แม้สภาพของนางตอนนี้จะดูไม่สู้ดีนัก แต่ไป๋หลินก็จําได้ทันทีว่านางคือคนที่บุกเข้ามากลางงานและเป็นต้นเหตุของความวุ่นวายที่เกิดขึ้นทั้งหมด

 

“…”ไป๋หลินไม่กล้าขยับตัวเพราะนางเห็นอยู่ชัดๆว่าพลังขออีกฝ่ายต่างจากตนเองแค่ไหน หากนางอยากจะฆ่าไป๋หลินละก็ต่อให้อยู่ในสภาพปางตายเช่นนี้ก็คงทําได้ง่ายดายราวพลิกฝ่ามือ

นางควรทําเช่นไรดี ดูจากสภาพเช่นนี้นางคงโดนจับตัวมาแน่ๆ ไม่มีเหตุผลอื่นเลยที่มารจะเอาตัวนางมาในสภาพบาดเจ็บหนักเช่นนี้ หรือตอนนางสลบไปมารตนนี้โดนเล่นงานจนเกือบตายแล้วใช้ตัวไป๋หลินเพื่อหนีมา… แบบนี้ก็หมายความว่านางยังคงปลอดภัยอยู่เพราะนางถูกจับมาในฐานะตัวประกัน แต่นางควรทําเช่นไรเพื่อหาทางรอดไปให้ได้

“ท่านป่า”ไป๋หลินว่าพลางลุกขึ้นนั่งช้าๆ นางแกล้งทําเป็นพึ่งตื่นพลางเรียกราคะอย่างสสนิทสนม

“ใครเป็นพี่สาวแม่เจ้ากัน” เฟิงมีตอบพลางค้อนไป๋หลินตาคว่ํา นางมองอย่างไรถึงเรียกตนเองว่าป้า แม้จะบาดเจ็บขนาดนี้แต่ภายนอกนางยังเป็นสาวงามอยู่นะ

“ท่าน…ป้า….ท่านเป็นใครหรือเจ้าคะ”ไป๋หลินถามด้วยท่าทีสงสัย นางแกล้งทําเป็นจําเฟิงมีไม่ได้ เพราะหากนางทราบว่าไป๋หลินจํานางได้ก็เท่ากับว่ายออมรับการเป็นตัวประกันแต่โดยดีนะสิ

“เจ้าจําไม่สิ ข้าเป็นคนพาเจ้าหนีออกมาจําไม่ได้หรือ”เฟิงมีว่าพลางยิ้มน้อยๆ ตอนนี้นางบาดเจ็บมาก ต่อให้นังหนูนี่มีพลังน้อยแค่ ไหนแต่หากนางดิ้นหนีก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสที่นางจะหลุดไปได้

“ท่านพาข้าออกมางั้นเหรอ แต่ท่านดูบาดเจ็บมากเลยนะเจ้าคะ”ไป๋หลินว่าพลางมองร่างกายที่หายไปของเฟิงมี่ แม้จะใช้น้ําแข็งสร้างขาและแขนเทียมขึ้นมาแล้ว แต่ก็ไม่ใช่ว่าบาดแผลจะหายไป เลย

 

“อะ อืม…ข้าโดนลูกลงเข้า ก็เลยมีสภาพแบบนี้”เฟิงมีตอบพลางลุกขึ้นนั่งช้าๆ ร่างกายของนางตอนนี้แทบไม่เหลือเรี่ยวแรงแล้ว ตอนนี้นางได้แค่นั่งรอความตายเท่านั้นเอง

“ข้าพอจะมีความรู้เรื่องยาอยู่บ้าง ข้าจะไปสมุนไพรมาช่วยท่านนะ”ไป๋หลินพูดจบก็ลุกขึ้นยืนพลางเดินผ่านเฟิงมีไปหมายจะเนียนเดินออกจากถ้ําไปทั้งๆแบบนั้น

 

ฉีก! เฟิงมีสร้างลิ่มน้ําแข็งขึ้นมาปิดทางไป๋หลินเอาไว้ ทําให้นางเดินต่อไปไม่ได้ ภายในถ้ําแคบๆแบบนี้เฟิงมีสามารถเรียกลิ่มน้ําแข็งออกมาโจมตีได้ทุกทิศทาง การหนีออกไปไม่ใช่ทางเลือกที่ดีเท่าไหร่

“ข้างนอกอันตราย เจ้าอย่าออกไปเลย” เพิ่งมีว่าพลางละลายลิ่มน้ําแข็งไป นี่นางยังทําท่าเป็นห่วงได้อีกงั้นหรือ ทั้งๆที่นางพึ่งจะขังไป๋หลินไปเนี่ยนะ

“ค.ค่ะ”ไป๋หลินหน้าจ๋อยพลางเดินกลับมาหาเฟิงมีอย่างช่วยไม่ได้ แต่ที่นางพูดเมื่อครู่เป็นเรื่องจริงนะที่อาการเฟิงมีดูแย่มาก และนางก็สามารถช่วยรักษาได้

 

“อย่างน้อยก็ให้ข้าทายาให้ท่านได้ไหม”ไป๋หลินถามพลางหยิบเอายาออกมาจากแหวนมิติของตน ยาตัวนี้เป็นยาทาห้ามเลือดที่น้าราชสีห์ให้นางพกเอาไว้ ถึงจะห้ามเลือดจากแผลใหญ่อย่างที่แขนและขาของเฟิงมีที่ขาดไปไม่ได้ แต่รอยกระบี่ที่อู๋หมิงฟันเอาไว้ก็ยังพอช่วยได้

 

“ไม่ต้อง เจ้าคิดว่าชีวิตข้าจะยึดขึ้นได้ด้วยการรักษาแผลเล็กๆพวกนี้งั้นเหรอ” เฟิงมีส่ายหน้าพลางนอนลงไปกับผนังถ้ําอีกครั้ง

 

“ท่านป้า…”ไป๋หลินพูดพลางเก็บยาไปอย่างช่วยไม่ได้ อย่างน้อยช่วยทายาให้นางอาจจะทําให้นางไม่ลงมือทําอะไรไป๋หลินได้บ้างแท้ๆ

“ข้าบอกแล้วว่าอย่าเรียกป้า”เฟิงมีว่าพลางหยิกแขนไป๋หลินไปที่หนึ่ง ทําไป๋หลินร้องโอ้ยออกมาเสียงดัง นี่ขนาดนางมีผิวหนังของอสูรแมงมุมนะ นี่นางกะจะบิดให้แขนคนธรรมดาขาดเลยหรือยังไง

“ยัยหนู มานี่หน่อย” เฟิงมีว่าพลางกวักมือเรียกไป๋หลินให้เข้าไปใกล้ๆ

 

“…”แน่นอนว่าไป๋หลินไม่กล้าเข้าไปใกล้นางแน่ๆ ทําเอาเฟิงมีจ้องนางด้วยท่าที่แปลกๆทันที

 

“ท่านจะไม่หยิกข้าอีกใช่ไหม”ไป๋หลินถามพลางทําหน้ามุ่ยอย่างไม่พอใจ

 

“ถ้าเจ้าไม่เข้ามาข้าจะหยิกเจ้าอีก” เฟิงมีว่าพลางกวักมือให้ไป๋หลินเข้ามาหานาง

 

หมับ..เฟิงมีจับตัวไป๋หลินได้ก็ดึงนางเข้ามากอดเอาไว้พลางสบ หน้าลงบนไหล่ของไป๋หลินเสียอย่างนั้น

 

“เจ้านี่เหมือนน้องสาวข้าเหมือนกันนะ” เฟิงมีหัวเราะพลางกอดไป๋หลินเอาไว้แน่น

 

“ทะ ท่านป้า โอ้ย”ไป๋หลินโดนหยิกทันทีที่นางพูดคําว่าป้าออกมา พร้อมทั้งโดนค้อนจากดวงตาของเฟิงมีอีกต่างหาก

“เจ้ารู้หรือเปล่า น้องสาวข้าอดตายไปตอนอายุเท่าๆกับเจ้าอาณาจักรโฮแห่งนี้แทบไม่สนใจประชาชนเลย เก็บภาษีขูดรีดแถมยังไม่สนใจจะแก้ปัญหาเวลาเกิดภัยธรรมชาติอีกต่างหาก”เฟิงมีพูดพลางลูบเส้นผมของไป๋หลินเบาๆ ความจริงนางก็แค่อยากแก้แค้นอาณาจักรโฮเท่านั้น แต่ถึงจะยึดครองอาณาจักรโฮมาได้ด้วยเสน่ห์ของมารราคะ แต่นางก็ไม่สามารถสั่งให้คนของอาณาจักรโฮทําลายวังหลวงได้ พวกมันยังคงรักบ้านเกิดและหากนางสั่งแบบนั้นมนตร์เสน่ห์ของนางจะคลายทันที พลังของราคะแม้จะใกล้เคียงกับพลังของไป๋จูเหวินที่มีผลกับมนุษย์ แต่ก็มีเงื่อนไขมากมาย ทําให้เฟิงมีเลือกที่จะดึงเอายอดฝีมือต่างแทนมาทําลายเมืองด้วยตนเอง แน่นอนนางไม่ได้วางแผนว่าจะตาย นางอยากจะเอาตัวอู๋หมิงมาครอบครอง และยึดอาณาจักรรอบๆไปพร้อมๆกัน แต่ใครจะไปคิดว่าผลที่ออกมาจะเลวร้ายขนาดนี้ได้

 

“ท่าน…”ไป๋หลินเห็นนางมีท่าที่เศร้าหมองเช่นนี้ก็ไม่กล้าเรียกนางว่าบ้าอีก นางเพียงจ้องมองเฟิงมีที่มีท่าที่โรยราอย่างเห็นได้ชัด นิ่ง ก่อนที่ดวงตาของไป๋หลินจะปรากฏประกายสีส้มออกมา ก่อนที่ไป๋หลินจะมองเห็นภาพในวัยเด็กของเพิ่งมีขึ้นมาเสียอย่างนั้น ราวกับเหม่ยหลินได้เห็นสิ่งที่เพิ่งมีต้องเจอในวัยเด็กทําเอาน้ําตาของ นางเอ่อล้นออกมาในทันที แม้นางจะทําเรื่องชั่วช้าไม่น่าให้อภัย แต่ก็เพราะนางโดนกดดันให้เป็นแบบนั้น นางเพียงกระเสือกกระสนขี้นมาจากอดีตของตน และหาทางล้างแค้นเท่านั้นเอง แต่ถึงอย่างนั้น สิ่งที่เพิ่งมีทําก็สมควรโดนลงโทษ ซึ่งความตายที่กําลังจะลุกลามเข้ามาอยู่นี่จะเหมาะสมหรือไม่…

 

“ยัยหนู”เฟิงมีพูดพลางมองมาทางไป๋หลิน นางเอาของอย่างหนึ่งยัดเข้าไปในมือของไป๋หลินก่อนจะกระซิปบางอย่างที่ข้างหูของไป๋หลินเบาๆ

 

ตุบร่างของเฟิงมีล้มลงไปนอนบนไหล่ของไป๋หลิน ทําให้ไป๋หลินสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่านางตายแล้ว

 

ไป๋หลินพึ่งจะอายุ 5 ขวบ แถมโตมาในเขตอสูรที่อสูรทุกตัวมีชีวิตยืนยาวแทบจะเป็นอมตะ เรียกได้ว่าไม่เคยเห็นใครตายต่อหน้ามาก่อน แถมเพิ่งมียังเป็นเพียงคนแปลกหน้าอีกต่างหาก ทําเอาไป๋หลินไม่ทราบจะทําอย่างไรเมื่อเรื่องเป็นเช่นนี้ นางควรฝังร่างของนางหรือพาร่างของนางไปให้พวกท่านพ่อดี

 

ตุบ! ยังไม่ทันตัดสินใจ อยู่ๆที่หน้าถ้ําก็ปรากฏร่างของเหม่ยหลินที่รีบตามเฟิงมีออกมาทันทีที่ฟื้นฟูพลังได้ ทันทีที่เห็นบุตรสาวนั่งอยู่กับเฟิงมีนางก็มีท่าทีระแวดระวังทันที

“ท่านแม่”ไป๋หลินว่าพลางมองไปเหม่ยหลิน

“นางตายแล้วเจ้าค่ะ”ไป๋หลินพูดจบก็ลุกขึ้นมาจากร่างของนาง ก่อนที่เหม่ยหลินจะรีบเข้ามากอดไป๋หลินเอาไว้ นึกว่าบุตรสาวของนางจะแย่เสียแล้ว โชคดีที่ตัวไป๋หลินมีทั้งพลังวิญญาณและพลังอสูร ทําให้เหม่ยหลินสามารถแยกแยะได้อย่างรวดเร็วว่านางอยู่ที่ไหน

 

“กลับกันเถอะลูกแม่” เหม่ยหลินว่าพลางอุ้มไป๋หลินกลับไปยังเมืองหลวงของอาณาจักรโฮทันที ตอนนี้ไป๋จูเหวินยังหลับไม่ได้สติ โดยมีหงเยว่คอยพยาบาลอยู่ข้างกาย ส่วนอู๋หมิงนั้นพอได้ซูหลานใช้ พลังธาตุศักดิ์สิทธิ์ช่วยแผลที่โดนแทงก็อาการดีขึ้นมาก ไม่นาน อาณาจักรต่างๆก็แยกย้ายกันกลับอาณาจักรของตนเอง โดยเหม่ยหลินพาไป๋จูเหวินกลับมาพร้อมกับขบวนเสด็จของอู๋หมิง เช่นเดียวกับร่างของอาวุโสเทียนหมิงที่จะเชิญกลับไปทําพิธีที่อาณาจักรด้วยเช่นกัน

 

ตุบ…หลังจากเหตุการทั้งหมดผ่านไปหลายวัน อู๋หมิงที่อาการดีขึ้นแล้วก็เดินทางมาที่วัดบนยอดเขาทางเหนือของเมืองหลวง แน่นอนว่าวัดแห่งนี้คือที่อยู่ของเหล่ามารเล็กมารน้อยรวมทั้งมารแห่งโทสะอย่างหยงเว่ยอีกด้วย

 

“องค์จักรพรรดิ ท่านเดินทางมาเช่นนี้มีอะไรหรือ” หยงเวยออกมารับหน้าทันทีที่สัมผัสได้ว่าอู๋หมิงเดินทางมา มันบอกให้พวกเด็กๆเข้าไปอยู่ในวัดก่อน พลางเดินเข้ามาหาอู๋หมิงด้วยตนเอง

วูบ…แสงสีขาวปรากฏขึ้นที่รอบๆกายของอู๋หมิง ทําเอาร่างของหยงเว่ยสะท้านวาบ พลังเทวะปราบมารเป็นผลร้ายต่อเหล่ามาร แม้แต่หยงเว่ยเองก็ไม่เว้น

“เพราะข้าเรียนวิชาเทวะปราบมารสําเร็จ ก็เลยสามารถถืออาวุธมารได้”อู๋หมิงว่าพลางเรียกเอากระบี่ของอัตตาออกมา

 

“โชคดีที่คนถืออาวุธคือท่าน ไม่อย่างนั้นคงหลงใหลไปกับคําพูดของมารแล้ว” หยงเว่ยตอบพลางมองกระบี่ของอัตตาในมือของอู๋หมิง แน่นอนว่ามันได้ยินข่าวของท่านอาวุโสเทียนหมิงเช่นกัน และ มันก็เสียใจมากที่มารเป็นต้นเหตุ

 

“ข้าเชื่อว่าหากพวกมันอยู่กับเจ้าจะปลอดภัยที่สุด”อู๋หมิงพูดจบก็นํากระบองของตะกละ คราดของโลภะ และพัดหยกขาวของราคะออกมา เมื่อรวมกับกระบี่ของอัตตา ดาบของโทสะ มีดสั้นของริษยา และไม้เท้าของเกียจคร้านก็เท่ากับว่าอาวุธมารทั้ง 7 อยู่ ณ ที่แห่งนี้หมดแล้ว หางหยงเว่ยเก็บเอาไว้และควบคุมพวกมันได้ ก็เท่ากับว่าจะไม่มีมารตนไหนอยู่นอกสายตาของอาณาจักรอู่อีกแล้ว เพราะตํารามารระดับล่างทั้ง 108 เล่มเองก็อยู่ในวัดนี้เช่นกัน

 

“เข้าใจแล้ว” หยงเว่ยว่าพลางเดินเข้ามาหาอาวุธมารชิ้นอื่นๆ

 

“เสียใจด้วยนะเรื่องอาจารย์ของเจ้า” หยงเว่ยว่าพลางถอนหายใจออกมา แม้จะนิดหน่อยแต่หยงเว่ยก็แอบกังวลอยู่มากว่าอู๋หมิงจะโกรธแค้นมาร เพราะเรื่องอาจารย์ของตนเสียอีก หยงเว่ยกังวลถึงขั้นว่าอู๋หมิงอาจจะเล็งพวกเด็กๆเอาไว้ก็เป็นได้

 

“ขอบใจ” อู๋หมิงตอบเท่านั้นก่อนจะแปล่งรัศมีของพลังเทวะปราบมารออกมา การซึมซับอาวุธมารเข้าไปของหยงเว่ยมีความเสี่ยงไม่น้อย หากมันพลาดโดนมารเข้าครอบงําอู๋หมิงก็จะเป็นคนจบทุกอย่างก่อนที่จะมีเรื่องเกิดขึ้นอีก

 

หมับหยงเว่ยจับเอากระบี่ของอัตตาขึ้นมาเป็นอย่างแรก ก่อนจะดูดซับพลังมารของมันเข้ามา พอมีอาวุธมารหลายชิ้นเข้าอารมณ์ของหยงเว่ยก็ยิ่งปั่นป่วน

หมับ….หยงเว่ยหยิบกระบองของตะกละขึ้นมาก่อนจะดูดซับเอาพลังมารไปอีกเช่นกัน เมื่อดูดซับจิตมารของตะกละจนหมดมันก็หยิบคราดของโลภะขึ้นมาอีกอัน ก่อนจะดูดซับไปจนหมด

 

น่าแปลก พอมีมารหลายๆตนในร่างเข้า มันกลับรู้สึกสมดุลอย่างประหลาด แทนที่จะควบคุมได้ยากขึ้นเมื่อมีมารหลายตน แต่ผลที่ออกมากลับตรงกันข้าม ยิ่งมีมารในใจหลายตนเท่าไหร่ก็ยิ่งขัดกันเอง เรียกได้ว่าตอนนี้พวกมารเอาแต่เถียงกันเองแทบไม่ได้ยั่วยุหยงเว่ยเลย

 

“…” หยงเว่ยหยิบเอาพัดหยกขาวขึ้นมาเพื่อจะดูดซับพลังมาร แต่ทันทีที่จับไปที่พัดหยกขาวดวงตาของหยงเว่ยก็เบิกกว้าง

 

“นี่มัน…”หยงเว่ยมองไปที่อู๋หมิงสลับกับพัดหยกขาว ทําเอาอู๋หมิงเองยังสัมผัสได้ถึงความประหลาดใจของมัน

 

“มีเรื่องอะไร”อู๋หมิงถามออกมาพลางมองหยงเว่ยอย่างไม่เข้าใจ

“ราคะไม่อยู่ในนี้”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรอสูรบรรพกาล 300 จุดจบของมาร

Now you are reading บุตรอสูรบรรพกาล Chapter 300 จุดจบของมาร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 300 จุดจบของมาร

ตอนที่ 300

จุดจบของมาร

“…”ไม่ทราบเวลาผ่านไปเท่าไหร่ ไป๋หลินที่โดนราคะอุ้มมาก ตื่นขึ้นด้วยท่าที่สับสน สิ่งสุดท้ายที่นางจําได้คือมารดาของนางพานางไปซ่อนในอาคารของวังหลวง แต่ระหว่างรอให้เรื่องข้างนอกสงบ ไป๋หลินกลับโดนกระสุนวายุของมารตะกละเข้าเล่นงานกลายเป็นลูกหลงที่ทําให้นางสลบไป แต่พอตื่นขึ้นมานางกลับพบว่าตัวเองอยู่ในถ้ําที่มืดมากๆ โชคดีที่ตาของนางพิเศษกว่าคนอื่นทําให้นางสามารถมองเห็นในถ้ําได้ทันที

สิ่งแรกที่ไป๋หลินได้พบคือร่างของราคะ นางนอนห่างจากไป๋หลินไปไม่มาก หากขยับตัวนางคงสัมผัสได้ทันที แม้สภาพของนางตอนนี้จะดูไม่สู้ดีนัก แต่ไป๋หลินก็จําได้ทันทีว่านางคือคนที่บุกเข้ามากลางงานและเป็นต้นเหตุของความวุ่นวายที่เกิดขึ้นทั้งหมด

 

“…”ไป๋หลินไม่กล้าขยับตัวเพราะนางเห็นอยู่ชัดๆว่าพลังขออีกฝ่ายต่างจากตนเองแค่ไหน หากนางอยากจะฆ่าไป๋หลินละก็ต่อให้อยู่ในสภาพปางตายเช่นนี้ก็คงทําได้ง่ายดายราวพลิกฝ่ามือ

นางควรทําเช่นไรดี ดูจากสภาพเช่นนี้นางคงโดนจับตัวมาแน่ๆ ไม่มีเหตุผลอื่นเลยที่มารจะเอาตัวนางมาในสภาพบาดเจ็บหนักเช่นนี้ หรือตอนนางสลบไปมารตนนี้โดนเล่นงานจนเกือบตายแล้วใช้ตัวไป๋หลินเพื่อหนีมา… แบบนี้ก็หมายความว่านางยังคงปลอดภัยอยู่เพราะนางถูกจับมาในฐานะตัวประกัน แต่นางควรทําเช่นไรเพื่อหาทางรอดไปให้ได้

“ท่านป่า”ไป๋หลินว่าพลางลุกขึ้นนั่งช้าๆ นางแกล้งทําเป็นพึ่งตื่นพลางเรียกราคะอย่างสสนิทสนม

“ใครเป็นพี่สาวแม่เจ้ากัน” เฟิงมีตอบพลางค้อนไป๋หลินตาคว่ํา นางมองอย่างไรถึงเรียกตนเองว่าป้า แม้จะบาดเจ็บขนาดนี้แต่ภายนอกนางยังเป็นสาวงามอยู่นะ

“ท่าน…ป้า….ท่านเป็นใครหรือเจ้าคะ”ไป๋หลินถามด้วยท่าทีสงสัย นางแกล้งทําเป็นจําเฟิงมีไม่ได้ เพราะหากนางทราบว่าไป๋หลินจํานางได้ก็เท่ากับว่ายออมรับการเป็นตัวประกันแต่โดยดีนะสิ

“เจ้าจําไม่สิ ข้าเป็นคนพาเจ้าหนีออกมาจําไม่ได้หรือ”เฟิงมีว่าพลางยิ้มน้อยๆ ตอนนี้นางบาดเจ็บมาก ต่อให้นังหนูนี่มีพลังน้อยแค่ ไหนแต่หากนางดิ้นหนีก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสที่นางจะหลุดไปได้

“ท่านพาข้าออกมางั้นเหรอ แต่ท่านดูบาดเจ็บมากเลยนะเจ้าคะ”ไป๋หลินว่าพลางมองร่างกายที่หายไปของเฟิงมี่ แม้จะใช้น้ําแข็งสร้างขาและแขนเทียมขึ้นมาแล้ว แต่ก็ไม่ใช่ว่าบาดแผลจะหายไปเลย

 

“อะ อืม…ข้าโดนลูกลงเข้า ก็เลยมีสภาพแบบนี้”เฟิงมีตอบพลางลุกขึ้นนั่งช้าๆ ร่างกายของนางตอนนี้แทบไม่เหลือเรี่ยวแรงแล้ว ตอนนี้นางได้แค่นั่งรอความตายเท่านั้นเอง

“ข้าพอจะมีความรู้เรื่องยาอยู่บ้าง ข้าจะไปสมุนไพรมาช่วยท่านนะ”ไป๋หลินพูดจบก็ลุกขึ้นยืนพลางเดินผ่านเฟิงมีไปหมายจะเนียนเดินออกจากถ้ําไปทั้งๆแบบนั้น

 

ฉีก! เฟิงมีสร้างลิ่มน้ําแข็งขึ้นมาปิดทางไป๋หลินเอาไว้ ทําให้นางเดินต่อไปไม่ได้ ภายในถ้ําแคบๆแบบนี้เฟิงมีสามารถเรียกลิ่มน้ําแข็งออกมาโจมตีได้ทุกทิศทาง การหนีออกไปไม่ใช่ทางเลือกที่ดีเท่าไหร่

“ข้างนอกอันตราย เจ้าอย่าออกไปเลย” เพิ่งมีว่าพลางละลายลิ่มน้ําแข็งไป นี่นางยังทําท่าเป็นห่วงได้อีกงั้นหรือ ทั้งๆที่นางพึ่งจะขังไป๋หลินไปเนี่ยนะ

“ค.ค่ะ”ไป๋หลินหน้าจ๋อยพลางเดินกลับมาหาเฟิงมีอย่างช่วยไม่ได้ แต่ที่นางพูดเมื่อครู่เป็นเรื่องจริงนะที่อาการเฟิงมีดูแย่มาก และนางก็สามารถช่วยรักษาได้

 

“อย่างน้อยก็ให้ข้าทายาให้ท่านได้ไหม”ไป๋หลินถามพลางหยิบเอายาออกมาจากแหวนมิติของตน ยาตัวนี้เป็นยาทาห้ามเลือดที่น้าราชสีห์ให้นางพกเอาไว้ ถึงจะห้ามเลือดจากแผลใหญ่อย่างที่แขนและขาของเฟิงมีที่ขาดไปไม่ได้ แต่รอยกระบี่ที่อู๋หมิงฟันเอาไว้ก็ยังพอช่วยได้

 

“ไม่ต้อง เจ้าคิดว่าชีวิตข้าจะยึดขึ้นได้ด้วยการรักษาแผลเล็กๆพวกนี้งั้นเหรอ” เฟิงมีส่ายหน้าพลางนอนลงไปกับผนังถ้ําอีกครั้ง

 

“ท่านป้า…”ไป๋หลินพูดพลางเก็บยาไปอย่างช่วยไม่ได้ อย่างน้อยช่วยทายาให้นางอาจจะทําให้นางไม่ลงมือทําอะไรไป๋หลินได้บ้างแท้ๆ

“ข้าบอกแล้วว่าอย่าเรียกป้า”เฟิงมีว่าพลางหยิกแขนไป๋หลินไปที่หนึ่ง ทําไป๋หลินร้องโอ้ยออกมาเสียงดัง นี่ขนาดนางมีผิวหนังของอสูรแมงมุมนะ นี่นางกะจะบิดให้แขนคนธรรมดาขาดเลยหรือยังไง

“ยัยหนู มานี่หน่อย” เฟิงมีว่าพลางกวักมือเรียกไป๋หลินให้เข้าไปใกล้ๆ

 

“…”แน่นอนว่าไป๋หลินไม่กล้าเข้าไปใกล้นางแน่ๆ ทําเอาเฟิงมีจ้องนางด้วยท่าที่แปลกๆทันที

 

“ท่านจะไม่หยิกข้าอีกใช่ไหม”ไป๋หลินถามพลางทําหน้ามุ่ยอย่างไม่พอใจ

 

“ถ้าเจ้าไม่เข้ามาข้าจะหยิกเจ้าอีก” เฟิงมีว่าพลางกวักมือให้ไป๋หลินเข้ามาหานาง

 

หมับ..เฟิงมีจับตัวไป๋หลินได้ก็ดึงนางเข้ามากอดเอาไว้พลางสบ หน้าลงบนไหล่ของไป๋หลินเสียอย่างนั้น

 

“เจ้านี่เหมือนน้องสาวข้าเหมือนกันนะ” เฟิงมีหัวเราะพลางกอดไป๋หลินเอาไว้แน่น

 

“ทะ ท่านป้า โอ้ย”ไป๋หลินโดนหยิกทันทีที่นางพูดคําว่าป้าออกมา พร้อมทั้งโดนค้อนจากดวงตาของเฟิงมีอีกต่างหาก

“เจ้ารู้หรือเปล่า น้องสาวข้าอดตายไปตอนอายุเท่าๆกับเจ้าอาณาจักรโฮแห่งนี้แทบไม่สนใจประชาชนเลย เก็บภาษีขูดรีดแถมยังไม่สนใจจะแก้ปัญหาเวลาเกิดภัยธรรมชาติอีกต่างหาก”เฟิงมีพูดพลางลูบเส้นผมของไป๋หลินเบาๆ ความจริงนางก็แค่อยากแก้แค้นอาณาจักรโฮเท่านั้น แต่ถึงจะยึดครองอาณาจักรโฮมาได้ด้วยเสน่ห์ของมารราคะ แต่นางก็ไม่สามารถสั่งให้คนของอาณาจักรโฮทําลายวังหลวงได้ พวกมันยังคงรักบ้านเกิดและหากนางสั่งแบบนั้นมนตร์เสน่ห์ของนางจะคลายทันที พลังของราคะแม้จะใกล้เคียงกับพลังของไป๋จูเหวินที่มีผลกับมนุษย์ แต่ก็มีเงื่อนไขมากมาย ทําให้เฟิงมีเลือกที่จะดึงเอายอดฝีมือต่างแทนมาทําลายเมืองด้วยตนเอง แน่นอนนางไม่ได้วางแผนว่าจะตาย นางอยากจะเอาตัวอู๋หมิงมาครอบครอง และยึดอาณาจักรรอบๆไปพร้อมๆกัน แต่ใครจะไปคิดว่าผลที่ออกมาจะเลวร้ายขนาดนี้ได้

 

“ท่าน…”ไป๋หลินเห็นนางมีท่าที่เศร้าหมองเช่นนี้ก็ไม่กล้าเรียกนางว่าบ้าอีก นางเพียงจ้องมองเฟิงมีที่มีท่าที่โรยราอย่างเห็นได้ชัด นิ่ง ก่อนที่ดวงตาของไป๋หลินจะปรากฏประกายสีส้มออกมา ก่อนที่ไป๋หลินจะมองเห็นภาพในวัยเด็กของเพิ่งมีขึ้นมาเสียอย่างนั้น ราวกับเหม่ยหลินได้เห็นสิ่งที่เพิ่งมีต้องเจอในวัยเด็กทําเอาน้ําตาของ นางเอ่อล้นออกมาในทันที แม้นางจะทําเรื่องชั่วช้าไม่น่าให้อภัย แต่ก็เพราะนางโดนกดดันให้เป็นแบบนั้น นางเพียงกระเสือกกระสนขี้นมาจากอดีตของตน และหาทางล้างแค้นเท่านั้นเอง แต่ถึงอย่างนั้น สิ่งที่เพิ่งมีทําก็สมควรโดนลงโทษ ซึ่งความตายที่กําลังจะลุกลามเข้ามาอยู่นี่จะเหมาะสมหรือไม่…

 

“ยัยหนู”เฟิงมีพูดพลางมองมาทางไป๋หลิน นางเอาของอย่างหนึ่งยัดเข้าไปในมือของไป๋หลินก่อนจะกระซิปบางอย่างที่ข้างหูของไป๋หลินเบาๆ

 

ตุบร่างของเฟิงมีล้มลงไปนอนบนไหล่ของไป๋หลิน ทําให้ไป๋หลินสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่านางตายแล้ว

 

ไป๋หลินพึ่งจะอายุ 5 ขวบ แถมโตมาในเขตอสูรที่อสูรทุกตัวมีชีวิตยืนยาวแทบจะเป็นอมตะ เรียกได้ว่าไม่เคยเห็นใครตายต่อหน้ามาก่อน แถมเพิ่งมียังเป็นเพียงคนแปลกหน้าอีกต่างหาก ทําเอาไป๋หลินไม่ทราบจะทําอย่างไรเมื่อเรื่องเป็นเช่นนี้ นางควรฝังร่างของนางหรือพาร่างของนางไปให้พวกท่านพ่อดี

 

ตุบ! ยังไม่ทันตัดสินใจ อยู่ๆที่หน้าถ้ําก็ปรากฏร่างของเหม่ยหลินที่รีบตามเฟิงมีออกมาทันทีที่ฟื้นฟูพลังได้ ทันทีที่เห็นบุตรสาวนั่งอยู่กับเฟิงมีนางก็มีท่าทีระแวดระวังทันที

“ท่านแม่”ไป๋หลินว่าพลางมองไปเหม่ยหลิน

“นางตายแล้วเจ้าค่ะ”ไป๋หลินพูดจบก็ลุกขึ้นมาจากร่างของนาง ก่อนที่เหม่ยหลินจะรีบเข้ามากอดไป๋หลินเอาไว้ นึกว่าบุตรสาวของนางจะแย่เสียแล้ว โชคดีที่ตัวไป๋หลินมีทั้งพลังวิญญาณและพลังอสูร ทําให้เหม่ยหลินสามารถแยกแยะได้อย่างรวดเร็วว่านางอยู่ที่ไหน

 

“กลับกันเถอะลูกแม่” เหม่ยหลินว่าพลางอุ้มไป๋หลินกลับไปยังเมืองหลวงของอาณาจักรโฮทันที ตอนนี้ไป๋จูเหวินยังหลับไม่ได้สติ โดยมีหงเยว่คอยพยาบาลอยู่ข้างกาย ส่วนอู๋หมิงนั้นพอได้ซูหลานใช้ พลังธาตุศักดิ์สิทธิ์ช่วยแผลที่โดนแทงก็อาการดีขึ้นมาก ไม่นาน อาณาจักรต่างๆก็แยกย้ายกันกลับอาณาจักรของตนเอง โดยเหม่ยหลินพาไป๋จูเหวินกลับมาพร้อมกับขบวนเสด็จของอู๋หมิง เช่นเดียวกับร่างของอาวุโสเทียนหมิงที่จะเชิญกลับไปทําพิธีที่อาณาจักรด้วยเช่นกัน

 

ตุบ…หลังจากเหตุการทั้งหมดผ่านไปหลายวัน อู๋หมิงที่อาการดีขึ้นแล้วก็เดินทางมาที่วัดบนยอดเขาทางเหนือของเมืองหลวง แน่นอนว่าวัดแห่งนี้คือที่อยู่ของเหล่ามารเล็กมารน้อยรวมทั้งมารแห่งโทสะอย่างหยงเว่ยอีกด้วย

 

“องค์จักรพรรดิ ท่านเดินทางมาเช่นนี้มีอะไรหรือ” หยงเวยออกมารับหน้าทันทีที่สัมผัสได้ว่าอู๋หมิงเดินทางมา มันบอกให้พวกเด็กๆเข้าไปอยู่ในวัดก่อน พลางเดินเข้ามาหาอู๋หมิงด้วยตนเอง

วูบ…แสงสีขาวปรากฏขึ้นที่รอบๆกายของอู๋หมิง ทําเอาร่างของหยงเว่ยสะท้านวาบ พลังเทวะปราบมารเป็นผลร้ายต่อเหล่ามาร แม้แต่หยงเว่ยเองก็ไม่เว้น

“เพราะข้าเรียนวิชาเทวะปราบมารสําเร็จ ก็เลยสามารถถืออาวุธมารได้”อู๋หมิงว่าพลางเรียกเอากระบี่ของอัตตาออกมา

 

“โชคดีที่คนถืออาวุธคือท่าน ไม่อย่างนั้นคงหลงใหลไปกับคําพูดของมารแล้ว” หยงเว่ยตอบพลางมองกระบี่ของอัตตาในมือของอู๋หมิง แน่นอนว่ามันได้ยินข่าวของท่านอาวุโสเทียนหมิงเช่นกัน และ มันก็เสียใจมากที่มารเป็นต้นเหตุ

 

“ข้าเชื่อว่าหากพวกมันอยู่กับเจ้าจะปลอดภัยที่สุด”อู๋หมิงพูดจบก็นํากระบองของตะกละ คราดของโลภะ และพัดหยกขาวของราคะออกมา เมื่อรวมกับกระบี่ของอัตตา ดาบของโทสะ มีดสั้นของริษยา และไม้เท้าของเกียจคร้านก็เท่ากับว่าอาวุธมารทั้ง 7 อยู่ ณ ที่แห่งนี้หมดแล้ว หางหยงเว่ยเก็บเอาไว้และควบคุมพวกมันได้ ก็เท่ากับว่าจะไม่มีมารตนไหนอยู่นอกสายตาของอาณาจักรอู่อีกแล้ว เพราะตํารามารระดับล่างทั้ง 108 เล่มเองก็อยู่ในวัดนี้เช่นกัน

 

“เข้าใจแล้ว” หยงเว่ยว่าพลางเดินเข้ามาหาอาวุธมารชิ้นอื่นๆ

 

“เสียใจด้วยนะเรื่องอาจารย์ของเจ้า” หยงเว่ยว่าพลางถอนหายใจออกมา แม้จะนิดหน่อยแต่หยงเว่ยก็แอบกังวลอยู่มากว่าอู๋หมิงจะโกรธแค้นมาร เพราะเรื่องอาจารย์ของตนเสียอีก หยงเว่ยกังวลถึงขั้นว่าอู๋หมิงอาจจะเล็งพวกเด็กๆเอาไว้ก็เป็นได้

 

“ขอบใจ” อู๋หมิงตอบเท่านั้นก่อนจะแปล่งรัศมีของพลังเทวะปราบมารออกมา การซึมซับอาวุธมารเข้าไปของหยงเว่ยมีความเสี่ยงไม่น้อย หากมันพลาดโดนมารเข้าครอบงําอู๋หมิงก็จะเป็นคนจบทุกอย่างก่อนที่จะมีเรื่องเกิดขึ้นอีก

 

หมับหยงเว่ยจับเอากระบี่ของอัตตาขึ้นมาเป็นอย่างแรก ก่อนจะดูดซับพลังมารของมันเข้ามา พอมีอาวุธมารหลายชิ้นเข้าอารมณ์ของหยงเว่ยก็ยิ่งปั่นป่วน

หมับ….หยงเว่ยหยิบกระบองของตะกละขึ้นมาก่อนจะดูดซับเอาพลังมารไปอีกเช่นกัน เมื่อดูดซับจิตมารของตะกละจนหมดมันก็หยิบคราดของโลภะขึ้นมาอีกอัน ก่อนจะดูดซับไปจนหมด

 

น่าแปลก พอมีมารหลายๆตนในร่างเข้า มันกลับรู้สึกสมดุลอย่างประหลาด แทนที่จะควบคุมได้ยากขึ้นเมื่อมีมารหลายตน แต่ผลที่ออกมากลับตรงกันข้าม ยิ่งมีมารในใจหลายตนเท่าไหร่ก็ยิ่งขัดกันเอง เรียกได้ว่าตอนนี้พวกมารเอาแต่เถียงกันเองแทบไม่ได้ยั่วยุหยงเว่ยเลย

 

“…” หยงเว่ยหยิบเอาพัดหยกขาวขึ้นมาเพื่อจะดูดซับพลังมาร แต่ทันทีที่จับไปที่พัดหยกขาวดวงตาของหยงเว่ยก็เบิกกว้าง

 

“นี่มัน…”หยงเว่ยมองไปที่อู๋หมิงสลับกับพัดหยกขาว ทําเอาอู๋หมิงเองยังสัมผัสได้ถึงความประหลาดใจของมัน

 

“มีเรื่องอะไร”อู๋หมิงถามออกมาพลางมองหยงเว่ยอย่างไม่เข้าใจ

“ราคะไม่อยู่ในนี้”

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรอสูรบรรพกาล 300 จุดจบของมาร

Now you are reading บุตรอสูรบรรพกาล Chapter 300 จุดจบของมาร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 300 จุดจบของมาร

ตอนที่ 300

จุดจบของมาร

“…”ไม่ทราบเวลาผ่านไปเท่าไหร่ ไป๋หลินที่โดนราคะอุ้มมาก ตื่นขึ้นด้วยท่าที่สับสน สิ่งสุดท้ายที่นางจําได้คือมารดาของนางพานางไปซ่อนในอาคารของวังหลวง แต่ระหว่างรอให้เรื่องข้างนอกสงบ ไป๋หลินกลับโดนกระสุนวายุของมารตะกละเข้าเล่นงานกลายเป็นลูกหลงที่ทําให้นางสลบไป แต่พอตื่นขึ้นมานางกลับพบว่าตัวเองอยู่ในถ้ําที่มืดมากๆ โชคดีที่ตาของนางพิเศษกว่าคนอื่นทําให้นางสามารถมองเห็นในถ้ําได้ทันที

สิ่งแรกที่ไป๋หลินได้พบคือร่างของราคะ นางนอนห่างจากไป๋หลินไปไม่มาก หากขยับตัวนางคงสัมผัสได้ทันที แม้สภาพของนางตอนนี้จะดูไม่สู้ดีนัก แต่ไป๋หลินก็จําได้ทันทีว่านางคือคนที่บุกเข้ามากลางงานและเป็นต้นเหตุของความวุ่นวายที่เกิดขึ้นทั้งหมด

 

“…”ไป๋หลินไม่กล้าขยับตัวเพราะนางเห็นอยู่ชัดๆว่าพลังขออีกฝ่ายต่างจากตนเองแค่ไหน หากนางอยากจะฆ่าไป๋หลินละก็ต่อให้อยู่ในสภาพปางตายเช่นนี้ก็คงทําได้ง่ายดายราวพลิกฝ่ามือ

นางควรทําเช่นไรดี ดูจากสภาพเช่นนี้นางคงโดนจับตัวมาแน่ๆ ไม่มีเหตุผลอื่นเลยที่มารจะเอาตัวนางมาในสภาพบาดเจ็บหนักเช่นนี้ หรือตอนนางสลบไปมารตนนี้โดนเล่นงานจนเกือบตายแล้วใช้ตัวไป๋หลินเพื่อหนีมา… แบบนี้ก็หมายความว่านางยังคงปลอดภัยอยู่เพราะนางถูกจับมาในฐานะตัวประกัน แต่นางควรทําเช่นไรเพื่อหาทางรอดไปให้ได้

“ท่านป่า”ไป๋หลินว่าพลางลุกขึ้นนั่งช้าๆ นางแกล้งทําเป็นพึ่งตื่นพลางเรียกราคะอย่างสสนิทสนม

“ใครเป็นพี่สาวแม่เจ้ากัน” เฟิงมีตอบพลางค้อนไป๋หลินตาคว่ํา นางมองอย่างไรถึงเรียกตนเองว่าป้า แม้จะบาดเจ็บขนาดนี้แต่ภายนอกนางยังเป็นสาวงามอยู่นะ

“ท่าน…ป้า….ท่านเป็นใครหรือเจ้าคะ”ไป๋หลินถามด้วยท่าทีสงสัย นางแกล้งทําเป็นจําเฟิงมีไม่ได้ เพราะหากนางทราบว่าไป๋หลินจํานางได้ก็เท่ากับว่ายออมรับการเป็นตัวประกันแต่โดยดีนะสิ

“เจ้าจําไม่สิ ข้าเป็นคนพาเจ้าหนีออกมาจําไม่ได้หรือ”เฟิงมีว่าพลางยิ้มน้อยๆ ตอนนี้นางบาดเจ็บมาก ต่อให้นังหนูนี่มีพลังน้อยแค่ ไหนแต่หากนางดิ้นหนีก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสที่นางจะหลุดไปได้

“ท่านพาข้าออกมางั้นเหรอ แต่ท่านดูบาดเจ็บมากเลยนะเจ้าคะ”ไป๋หลินว่าพลางมองร่างกายที่หายไปของเฟิงมี่ แม้จะใช้น้ําแข็งสร้างขาและแขนเทียมขึ้นมาแล้ว แต่ก็ไม่ใช่ว่าบาดแผลจะหายไป เลย

 

“อะ อืม…ข้าโดนลูกลงเข้า ก็เลยมีสภาพแบบนี้”เฟิงมีตอบพลางลุกขึ้นนั่งช้าๆ ร่างกายของนางตอนนี้แทบไม่เหลือเรี่ยวแรงแล้ว ตอนนี้นางได้แค่นั่งรอความตายเท่านั้นเอง

“ข้าพอจะมีความรู้เรื่องยาอยู่บ้าง ข้าจะไปสมุนไพรมาช่วยท่านนะ”ไป๋หลินพูดจบก็ลุกขึ้นยืนพลางเดินผ่านเฟิงมีไปหมายจะเนียนเดินออกจากถ้ําไปทั้งๆแบบนั้น

 

ฉีก! เฟิงมีสร้างลิ่มน้ําแข็งขึ้นมาปิดทางไป๋หลินเอาไว้ ทําให้นางเดินต่อไปไม่ได้ ภายในถ้ําแคบๆแบบนี้เฟิงมีสามารถเรียกลิ่มน้ําแข็งออกมาโจมตีได้ทุกทิศทาง การหนีออกไปไม่ใช่ทางเลือกที่ดีเท่าไหร่

“ข้างนอกอันตราย เจ้าอย่าออกไปเลย” เพิ่งมีว่าพลางละลายลิ่มน้ําแข็งไป นี่นางยังทําท่าเป็นห่วงได้อีกงั้นหรือ ทั้งๆที่นางพึ่งจะขังไป๋หลินไปเนี่ยนะ

“ค.ค่ะ”ไป๋หลินหน้าจ๋อยพลางเดินกลับมาหาเฟิงมีอย่างช่วยไม่ได้ แต่ที่นางพูดเมื่อครู่เป็นเรื่องจริงนะที่อาการเฟิงมีดูแย่มาก และนางก็สามารถช่วยรักษาได้

 

“อย่างน้อยก็ให้ข้าทายาให้ท่านได้ไหม”ไป๋หลินถามพลางหยิบเอายาออกมาจากแหวนมิติของตน ยาตัวนี้เป็นยาทาห้ามเลือดที่น้าราชสีห์ให้นางพกเอาไว้ ถึงจะห้ามเลือดจากแผลใหญ่อย่างที่แขนและขาของเฟิงมีที่ขาดไปไม่ได้ แต่รอยกระบี่ที่อู๋หมิงฟันเอาไว้ก็ยังพอช่วยได้

 

“ไม่ต้อง เจ้าคิดว่าชีวิตข้าจะยึดขึ้นได้ด้วยการรักษาแผลเล็กๆพวกนี้งั้นเหรอ” เฟิงมีส่ายหน้าพลางนอนลงไปกับผนังถ้ําอีกครั้ง

 

“ท่านป้า…”ไป๋หลินพูดพลางเก็บยาไปอย่างช่วยไม่ได้ อย่างน้อยช่วยทายาให้นางอาจจะทําให้นางไม่ลงมือทําอะไรไป๋หลินได้บ้างแท้ๆ

“ข้าบอกแล้วว่าอย่าเรียกป้า”เฟิงมีว่าพลางหยิกแขนไป๋หลินไปที่หนึ่ง ทําไป๋หลินร้องโอ้ยออกมาเสียงดัง นี่ขนาดนางมีผิวหนังของอสูรแมงมุมนะ นี่นางกะจะบิดให้แขนคนธรรมดาขาดเลยหรือยังไง

“ยัยหนู มานี่หน่อย” เฟิงมีว่าพลางกวักมือเรียกไป๋หลินให้เข้าไปใกล้ๆ

 

“…”แน่นอนว่าไป๋หลินไม่กล้าเข้าไปใกล้นางแน่ๆ ทําเอาเฟิงมีจ้องนางด้วยท่าที่แปลกๆทันที

 

“ท่านจะไม่หยิกข้าอีกใช่ไหม”ไป๋หลินถามพลางทําหน้ามุ่ยอย่างไม่พอใจ

 

“ถ้าเจ้าไม่เข้ามาข้าจะหยิกเจ้าอีก” เฟิงมีว่าพลางกวักมือให้ไป๋หลินเข้ามาหานาง

 

หมับ..เฟิงมีจับตัวไป๋หลินได้ก็ดึงนางเข้ามากอดเอาไว้พลางสบ หน้าลงบนไหล่ของไป๋หลินเสียอย่างนั้น

 

“เจ้านี่เหมือนน้องสาวข้าเหมือนกันนะ” เฟิงมีหัวเราะพลางกอดไป๋หลินเอาไว้แน่น

 

“ทะ ท่านป้า โอ้ย”ไป๋หลินโดนหยิกทันทีที่นางพูดคําว่าป้าออกมา พร้อมทั้งโดนค้อนจากดวงตาของเฟิงมีอีกต่างหาก

“เจ้ารู้หรือเปล่า น้องสาวข้าอดตายไปตอนอายุเท่าๆกับเจ้าอาณาจักรโฮแห่งนี้แทบไม่สนใจประชาชนเลย เก็บภาษีขูดรีดแถมยังไม่สนใจจะแก้ปัญหาเวลาเกิดภัยธรรมชาติอีกต่างหาก”เฟิงมีพูดพลางลูบเส้นผมของไป๋หลินเบาๆ ความจริงนางก็แค่อยากแก้แค้นอาณาจักรโฮเท่านั้น แต่ถึงจะยึดครองอาณาจักรโฮมาได้ด้วยเสน่ห์ของมารราคะ แต่นางก็ไม่สามารถสั่งให้คนของอาณาจักรโฮทําลายวังหลวงได้ พวกมันยังคงรักบ้านเกิดและหากนางสั่งแบบนั้นมนตร์เสน่ห์ของนางจะคลายทันที พลังของราคะแม้จะใกล้เคียงกับพลังของไป๋จูเหวินที่มีผลกับมนุษย์ แต่ก็มีเงื่อนไขมากมาย ทําให้เฟิงมีเลือกที่จะดึงเอายอดฝีมือต่างแทนมาทําลายเมืองด้วยตนเอง แน่นอนนางไม่ได้วางแผนว่าจะตาย นางอยากจะเอาตัวอู๋หมิงมาครอบครอง และยึดอาณาจักรรอบๆไปพร้อมๆกัน แต่ใครจะไปคิดว่าผลที่ออกมาจะเลวร้ายขนาดนี้ได้

 

“ท่าน…”ไป๋หลินเห็นนางมีท่าที่เศร้าหมองเช่นนี้ก็ไม่กล้าเรียกนางว่าบ้าอีก นางเพียงจ้องมองเฟิงมีที่มีท่าที่โรยราอย่างเห็นได้ชัด นิ่ง ก่อนที่ดวงตาของไป๋หลินจะปรากฏประกายสีส้มออกมา ก่อนที่ไป๋หลินจะมองเห็นภาพในวัยเด็กของเพิ่งมีขึ้นมาเสียอย่างนั้น ราวกับเหม่ยหลินได้เห็นสิ่งที่เพิ่งมีต้องเจอในวัยเด็กทําเอาน้ําตาของ นางเอ่อล้นออกมาในทันที แม้นางจะทําเรื่องชั่วช้าไม่น่าให้อภัย แต่ก็เพราะนางโดนกดดันให้เป็นแบบนั้น นางเพียงกระเสือกกระสนขี้นมาจากอดีตของตน และหาทางล้างแค้นเท่านั้นเอง แต่ถึงอย่างนั้น สิ่งที่เพิ่งมีทําก็สมควรโดนลงโทษ ซึ่งความตายที่กําลังจะลุกลามเข้ามาอยู่นี่จะเหมาะสมหรือไม่…

 

“ยัยหนู”เฟิงมีพูดพลางมองมาทางไป๋หลิน นางเอาของอย่างหนึ่งยัดเข้าไปในมือของไป๋หลินก่อนจะกระซิปบางอย่างที่ข้างหูของไป๋หลินเบาๆ

 

ตุบร่างของเฟิงมีล้มลงไปนอนบนไหล่ของไป๋หลิน ทําให้ไป๋หลินสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่านางตายแล้ว

 

ไป๋หลินพึ่งจะอายุ 5 ขวบ แถมโตมาในเขตอสูรที่อสูรทุกตัวมีชีวิตยืนยาวแทบจะเป็นอมตะ เรียกได้ว่าไม่เคยเห็นใครตายต่อหน้ามาก่อน แถมเพิ่งมียังเป็นเพียงคนแปลกหน้าอีกต่างหาก ทําเอาไป๋หลินไม่ทราบจะทําอย่างไรเมื่อเรื่องเป็นเช่นนี้ นางควรฝังร่างของนางหรือพาร่างของนางไปให้พวกท่านพ่อดี

 

ตุบ! ยังไม่ทันตัดสินใจ อยู่ๆที่หน้าถ้ําก็ปรากฏร่างของเหม่ยหลินที่รีบตามเฟิงมีออกมาทันทีที่ฟื้นฟูพลังได้ ทันทีที่เห็นบุตรสาวนั่งอยู่กับเฟิงมีนางก็มีท่าทีระแวดระวังทันที

“ท่านแม่”ไป๋หลินว่าพลางมองไปเหม่ยหลิน

“นางตายแล้วเจ้าค่ะ”ไป๋หลินพูดจบก็ลุกขึ้นมาจากร่างของนาง ก่อนที่เหม่ยหลินจะรีบเข้ามากอดไป๋หลินเอาไว้ นึกว่าบุตรสาวของนางจะแย่เสียแล้ว โชคดีที่ตัวไป๋หลินมีทั้งพลังวิญญาณและพลังอสูร ทําให้เหม่ยหลินสามารถแยกแยะได้อย่างรวดเร็วว่านางอยู่ที่ไหน

 

“กลับกันเถอะลูกแม่” เหม่ยหลินว่าพลางอุ้มไป๋หลินกลับไปยังเมืองหลวงของอาณาจักรโฮทันที ตอนนี้ไป๋จูเหวินยังหลับไม่ได้สติ โดยมีหงเยว่คอยพยาบาลอยู่ข้างกาย ส่วนอู๋หมิงนั้นพอได้ซูหลานใช้ พลังธาตุศักดิ์สิทธิ์ช่วยแผลที่โดนแทงก็อาการดีขึ้นมาก ไม่นาน อาณาจักรต่างๆก็แยกย้ายกันกลับอาณาจักรของตนเอง โดยเหม่ยหลินพาไป๋จูเหวินกลับมาพร้อมกับขบวนเสด็จของอู๋หมิง เช่นเดียวกับร่างของอาวุโสเทียนหมิงที่จะเชิญกลับไปทําพิธีที่อาณาจักรด้วยเช่นกัน

 

ตุบ…หลังจากเหตุการทั้งหมดผ่านไปหลายวัน อู๋หมิงที่อาการดีขึ้นแล้วก็เดินทางมาที่วัดบนยอดเขาทางเหนือของเมืองหลวง แน่นอนว่าวัดแห่งนี้คือที่อยู่ของเหล่ามารเล็กมารน้อยรวมทั้งมารแห่งโทสะอย่างหยงเว่ยอีกด้วย

 

“องค์จักรพรรดิ ท่านเดินทางมาเช่นนี้มีอะไรหรือ” หยงเวยออกมารับหน้าทันทีที่สัมผัสได้ว่าอู๋หมิงเดินทางมา มันบอกให้พวกเด็กๆเข้าไปอยู่ในวัดก่อน พลางเดินเข้ามาหาอู๋หมิงด้วยตนเอง

วูบ…แสงสีขาวปรากฏขึ้นที่รอบๆกายของอู๋หมิง ทําเอาร่างของหยงเว่ยสะท้านวาบ พลังเทวะปราบมารเป็นผลร้ายต่อเหล่ามาร แม้แต่หยงเว่ยเองก็ไม่เว้น

“เพราะข้าเรียนวิชาเทวะปราบมารสําเร็จ ก็เลยสามารถถืออาวุธมารได้”อู๋หมิงว่าพลางเรียกเอากระบี่ของอัตตาออกมา

 

“โชคดีที่คนถืออาวุธคือท่าน ไม่อย่างนั้นคงหลงใหลไปกับคําพูดของมารแล้ว” หยงเว่ยตอบพลางมองกระบี่ของอัตตาในมือของอู๋หมิง แน่นอนว่ามันได้ยินข่าวของท่านอาวุโสเทียนหมิงเช่นกัน และ มันก็เสียใจมากที่มารเป็นต้นเหตุ

 

“ข้าเชื่อว่าหากพวกมันอยู่กับเจ้าจะปลอดภัยที่สุด”อู๋หมิงพูดจบก็นํากระบองของตะกละ คราดของโลภะ และพัดหยกขาวของราคะออกมา เมื่อรวมกับกระบี่ของอัตตา ดาบของโทสะ มีดสั้นของริษยา และไม้เท้าของเกียจคร้านก็เท่ากับว่าอาวุธมารทั้ง 7 อยู่ ณ ที่แห่งนี้หมดแล้ว หางหยงเว่ยเก็บเอาไว้และควบคุมพวกมันได้ ก็เท่ากับว่าจะไม่มีมารตนไหนอยู่นอกสายตาของอาณาจักรอู่อีกแล้ว เพราะตํารามารระดับล่างทั้ง 108 เล่มเองก็อยู่ในวัดนี้เช่นกัน

 

“เข้าใจแล้ว” หยงเว่ยว่าพลางเดินเข้ามาหาอาวุธมารชิ้นอื่นๆ

 

“เสียใจด้วยนะเรื่องอาจารย์ของเจ้า” หยงเว่ยว่าพลางถอนหายใจออกมา แม้จะนิดหน่อยแต่หยงเว่ยก็แอบกังวลอยู่มากว่าอู๋หมิงจะโกรธแค้นมาร เพราะเรื่องอาจารย์ของตนเสียอีก หยงเว่ยกังวลถึงขั้นว่าอู๋หมิงอาจจะเล็งพวกเด็กๆเอาไว้ก็เป็นได้

 

“ขอบใจ” อู๋หมิงตอบเท่านั้นก่อนจะแปล่งรัศมีของพลังเทวะปราบมารออกมา การซึมซับอาวุธมารเข้าไปของหยงเว่ยมีความเสี่ยงไม่น้อย หากมันพลาดโดนมารเข้าครอบงําอู๋หมิงก็จะเป็นคนจบทุกอย่างก่อนที่จะมีเรื่องเกิดขึ้นอีก

 

หมับหยงเว่ยจับเอากระบี่ของอัตตาขึ้นมาเป็นอย่างแรก ก่อนจะดูดซับพลังมารของมันเข้ามา พอมีอาวุธมารหลายชิ้นเข้าอารมณ์ของหยงเว่ยก็ยิ่งปั่นป่วน

หมับ….หยงเว่ยหยิบกระบองของตะกละขึ้นมาก่อนจะดูดซับเอาพลังมารไปอีกเช่นกัน เมื่อดูดซับจิตมารของตะกละจนหมดมันก็หยิบคราดของโลภะขึ้นมาอีกอัน ก่อนจะดูดซับไปจนหมด

 

น่าแปลก พอมีมารหลายๆตนในร่างเข้า มันกลับรู้สึกสมดุลอย่างประหลาด แทนที่จะควบคุมได้ยากขึ้นเมื่อมีมารหลายตน แต่ผลที่ออกมากลับตรงกันข้าม ยิ่งมีมารในใจหลายตนเท่าไหร่ก็ยิ่งขัดกันเอง เรียกได้ว่าตอนนี้พวกมารเอาแต่เถียงกันเองแทบไม่ได้ยั่วยุหยงเว่ยเลย

 

“…” หยงเว่ยหยิบเอาพัดหยกขาวขึ้นมาเพื่อจะดูดซับพลังมาร แต่ทันทีที่จับไปที่พัดหยกขาวดวงตาของหยงเว่ยก็เบิกกว้าง

 

“นี่มัน…”หยงเว่ยมองไปที่อู๋หมิงสลับกับพัดหยกขาว ทําเอาอู๋หมิงเองยังสัมผัสได้ถึงความประหลาดใจของมัน

 

“มีเรื่องอะไร”อู๋หมิงถามออกมาพลางมองหยงเว่ยอย่างไม่เข้าใจ

“ราคะไม่อยู่ในนี้”

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+