บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน บทที่ 128 เจ็ดก้าวแต่งกวี จ้าวรื่อเทียน

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 128 เจ็ดก้าวแต่งกวี จ้าวรื่อเทียน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 128 เจ็ดก้าวแต่งกวี จ้าวรื่อเทียน
“แค่กๆ เถ้าแก่ กุ้งสดหัวใจหมู่ในร้านพวกเจ้ารสชาติไม่เลวจริงๆ”

เสิ่นเทียนใช้ตะเกียบคีบกุ้งสดมาตัวหนึ่ง ก่อนจะขยับศีรษะไปข้างๆ ด้วยอาการใจฝ่อ ไม่มองจ้าวเฮ่า

ไม่รู้ว่าองค์หญิงท่านนั้นที่จ้าวเฮ่าพูดถึงคือใคร เพราะถึงอย่างไรในสวนหมื่นวิญญาณก็มีผู้หญิงมารายล้อมเสิ่นเทียนเยอะมาก

ถ้ารู้แต่แรกว่าเจ้านี่โดนถอนหมั้นเพราะข้า เมื่อครู่ไม่น่าให้เขาดื่มต้มไก่พลังงานบวกไปเยอะเช่นนั้นเลย

ถ้าเกิดเจ้านี่ยิ่งใหญ่ขึ้นมาจริงๆ จะไม่คับแค้นใจแล้วมาสร้างปัญหาให้ข้า กระทั่งทำให้ข้าเสียโฉมหรอกหรือ!

เมื่อคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนอดปวดใจมิได้ เหตุใดตนถึงต้องเป็นแพะรับบาปเช่นนี้ตลอดเลย

จ้าวเฮ่ามองเสิ่นเทียนด้วยความคับแค้นใจ “สหายเสิ่น เจ้ารู้จักเสิ่นเอ้าเทียนคนนั้นหรือไม่”

เสิ่นเทียนส่ายหน้า “เสิ่นเอ้าเทียนอะไร ข้าไม่เคยได้ยิน”

จ้าวเฮ่าพูดด้วยความจนปัญญา “ข้ารู้ว่าสหายเสิ่นเห็นแก่หน้าแซ่จ้าว ไม่อยากทำลายความมั่นใจของข้า แซ่จ้าวรับเจตนาไว้แล้ว แต่ถ้าสหายเสิ่นเป็นบุรุษรูปงามที่องค์หญิงเสวี่ยอู๋เสียพูดถึงจริงๆ เช่นนั้นแซ่จ้าวก็จะยอมรับ

ถึงอย่างไรสหายเสิ่นก็ไม่ได้แค่หน้าตาหล่อเหลากว่าข้าเพียงน้อยนิด แต่ยังมีปณิธานอันแน่วแน่ที่ผ่านการขัดเกลามาอย่างหนัก ถ้าแซ่จ้าวเป็นองค์หญิงเสวี่ยอู๋เสีย ได้พบสหายเสิ่นแล้ว ในสายตาคงมองใครอื่นไม่ได้ง่ายๆ เช่นกัน”

ทัศนคติของจ้าวเฮ่าทำให้เสิ่นเทียนอดอึ้งไปมิได้ เจ้านี่มีเหตุผลเช่นนี้เลยหรือ

ตามหลักแล้วตัวละครสำคัญประเภทรองอย่างจ้าวเฮ่าไม่ควรจะบ้าอำนาจโอหังโหดเหี้ยมและไร้เหตุผลหรือ เหตุใดหลังรู้ว่าตนโดนถอนหมั้นเพราะพ่ายแพ้หน้าตาให้เสิ่นเทียนแล้ว กลับไม่มองเสิ่นเทียนเป็นศัตรูล่ะ

สหายจ้าว สุขุมเช่นนี้ไม่ใช่บทของเจ้าเลยนะ!

เมื่อคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนก็พูดด้วยความสงสัย “สหายจ้าวไม่โกรธจริงๆ หรือ”

จ้าวเฮ่าสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนพูดอย่างสบายใจ “ก็แค่เด็กโกโรโกโสคนเดียวเท่านั้น เดิมทีแซ่จ้าวไม่ได้อยากจะแต่งงานมีคู่ชีวิตอะไรอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้แค่โมโหที่โดนถอนหมั้นเหยียดหยามเท่านั้น ก็เหมือนที่สหายเสิ่นกล่าวไว้ ชีวิตนี้ข้าเป็นโอรสสวรรค์โดดเด่น มีปณิธานสูงเทียมเมฆ แซ่จ้าวไม่ใช่คนใจแคบคิดเล็กคิดน้อยอยู่แล้ว”

เสิ่นเทียนมองจ้าวเฮ่าที่แม้จะยังไร้เรี่ยวแรง แต่แววตากลับสว่างไสวเป็นพิเศษแล้ว เกิดความปลื้มใจมาก

เขาตบบ่าของจ้าวเฮ่าพลางตักกุ้งสดหัวใจหมูให้เขาชามหนึ่ง “สหายจ้าวรู้ว่าอะไรควรไม่ควร ในเมื่อเป็นเช่นนั้น แซ่เสิ่นก็จะแบไพ่ในมือให้ดูเช่นกัน ใช่ ข้าก็คือเสิ่นเอ้าเทียน”

จ้าวเฮ่าจ้องเสิ่นเทียน ดวงตาใสสะอาดค่อยๆ เกิดความขมขื่นใจขึ้นมา “ที่แท้ก็คือเจ้าจริงๆ หรือ”

เสิ่นเทียนพูดด้วยความจำใจ “พูดแล้วนะว่าจะไม่โกรธ ถ้าสหายจ้าวเป็นเช่นนี้ ก็คงจะไม่เป็นลูกผู้ชายพอ”

ถ้าเจ้าเป็นเช่นนี้ก็คงไม่เป็นลูกผู้ชายพอหรือ

จ้าวเฮ่าอึ้งไป ดวงตาแดงขึ้นมา หยดน้ำตากลอกไปมาในกระบอกดวงตา

มารดามันเถอะ สหายเสิ่นเจ้าทำให้แซ่จ้าวโดนดูหมิ่นเช่นนี้ โดนองค์หญิงชี้หน้าด่าทอว่าอัปลักษณ์ ตอนนี้ยังมีหน้ามาบอกว่าแซ่จ้าวไม่เป็นลูกผู้ชายพออีกหรือ นี่มันจะรังแกกันเกินไปแล้วกระมัง!

และที่น่าคับอกคับใจยิ่งกว่านั้นคือจ้าวเฮ่าพบว่าถ้าตนโกรธเพราะเรื่องนี้ ดูแล้วก็เหมือนจะไม่เป็นลูกผู้ชายพอจริงๆ

‘อุบ แซ่จ้าวอึดอัดใจ แซ่จ้าวไม่พูด!’

จ้าวเฮ่าก้มหน้าลงกินกุ้งสดหัวใจหมูไปทีละคำ

จางอวิ๋นซีที่อยู่ข้างๆ รวมหน้ากากอัสนีไว้บนหน้า จึงมองไม่เห็นสีหน้านาง แต่มองจากหัวไหล่ที่ยักขึ้นยักลงก็รู้ว่านางกำลังกลั้นขำสุดฤทธิ์

เวลานี้จ้าวเฮ่าคับแค้นใจยิ่งกว่าเดิม “สหายเสิ่น ข้าได้ยินมาว่าเจ้าชำนาญวิชาค้นวิญญาณประเมินแร่รึ”

เสิ่นเทียนพยักหน้า “ขอไม่ปิดบังแล้วกัน ข้าเคยได้รับมรดกจากผู้จริงแท้เทียนจี ได้รับคัมภีร์วิถีความลับสวรรค์ เข้าใจวิชาค้นวิญญาณประเมินแร่เพียงผิวเผินเท่านั้น ความจริงแซ่เสิ่นชำนาญหลักดูใบหน้าทำนายดวงชะตามากที่สุด”

เสิ่นเทียนพูดพลางจ้องศีรษะของจ้าวเฮ่าเขม็ง “สหายจ้าวไม่ต้องรีบ ความทุกข์ที่เจ้ารับอยู่ในตอนนี้ไม่ใช่เรื่องแย่”

จ้าวเฮ่างุนงง “ขอให้สหายเสิ่นชี้แนะด้วย หรือที่แซ่จ้าวเผชิญอยู่ตอนนี้จะเป็นเรื่องดีหรือ”

เสิ่นเทียนพยักหน้า “สวรรค์จะส่งภารกิจใหญ่ให้ใครแล้วจะต้องทำให้จิตใจผู้นั้นเป็นทุกข์ก่อน ให้เอ็นกับกระดูกผู้นั้นเหน็ดเหนื่อย ให้ร่างกายและท้องผู้นั้นหิวโหย ให้บุพการีผู้นั้นสิ้นชีพ…”

จ้าวเฮ่าเอ่ย “อะไรนะ”

เสิ่นเทียนมุมปากกระตุก ไม่ระวังพูดออกไปตรงๆ จนได้

เขาจึงรีบอธิบาย “ความลับสวรรค์ไม่อาจเปิดเผย เมื่อครู่มีพลังงานบางอย่างมาขวางแซ่เสิ่นไว้ นี่คือการเตือน ทำอะไรไม่ควรสุดโต่ง พูดอะไรก็ไม่ควรพูดหมด มันยังไม่ถึงเวลา แซ่เสิ่นจะพูดจาสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเกรงว่าจะเจอกับหายนะครั้งใหญ่!”

เห็นเสิ่นเทียนทำสีหน้าเคร่งขรึมเต็มที่แล้ว จ้าวเฮ่าก็เหมือนมีความคิดบางอย่าง “สหายเสิ่นพูดมาก็มีเหตุผลจริงๆ”

โยนเรื่องไร้สาระอย่าง ‘ทำให้บุพการีผู้นั้นสิ้นชีพ’ นั้นทิ้งไป ประโยคครึ่งแรกก็ยังดูมีเหตุผลมาก

ตั้งแต่โบราณกาลมาผู้บรรลุวิถีเซียนต่างผ่านการฝึกฝนอย่างหนักและมีจิตใจแน่วแน่อย่างยิ่ง จ้าวเฮ่าก็รู้สึกได้ชัดเจนเช่นกันว่าช่วงนี้หลังจากที่ตนผ่านเรื่องทุกข์สุขในโลกมนุษย์ ได้สัมผัสจิตใจมนุษย์หลากหลายแล้ว จิตรู้แจ้งได้เกิดการผลัดเปลี่ยนขึ้น

ประกอบกับคำพูดของเสิ่นเทียนก่อนหน้านี้ปลุกเร้า ทำให้จ้าวเฮ่าแน่วแน่ในวิถีเซียนของตนหลังจากนี้มากขึ้น นี่คือการเติบโตอย่างหนึ่ง

ความจริงแล้ว การผลัดเปลี่ยนในด้านจิตใจสำคัญกว่าร่างกายที่แข็งแกร่งขึ้น มันไม่ใช่สิ่งที่ศิลาวิญญาณจะมาแทนที่ได้

ระดับดวงจิตดรุณและระดับหลอมรวมเทพหลังจากแก่นพลังทองต่างหนีไม่พ้นเรื่องจิตใจ

อีกทั้งเสิ่นเทียนเพิ่งบอกไปว่าสวรรค์ได้มอบภารกิจยิ่งใหญ่ไว้กับตัวจ้าวเฮ่า ทุกอย่างที่ประสบในตอนนี้ล้วนคือการขัดเกลาจากสวรรค์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จ้าวเฮ่าก็รู้สึกเลือดร้อนขึ้นมาในใจ ดังนั้นความจริงแล้วข้าคือคนที่ชะตาสวรรค์ลิขิตดูแลหรือ

เมื่อเห็นเจ้าจ้าวเฮ่าเหมือนจะถูกหลอกเข้าอย่างจังแล้ว ในที่สุดเสิ่นเทียนก็ถอนหายใจโล่งอก “ช่างเถอะ ในเมื่อได้พบสหายจ้าวที่นี่ ก็ถือว่าแซ่เสิ่นกับสหายเจ้ามีวาสนาต่อกันในดวงชะตา หากสหายจ้าวไม่ยอมแพ้ ในช่วงหลายวันนี้จะเดินทางมากับแซ่เสิ่นก็ได้ รอจนโอกาสสุกงอม แซ่เสิ่นจะช่วยให้สหายจ้าวเป็นดั่งมังกรซ่อนทะยานขึ้นฟ้าอีกครั้ง!”

คำพูดจริงใจของเสิ่นเทียนทำให้จ้าวเฮ่ากระบอกตาร้อนผ่าว “สหายจ้าว ข้าซาบซึ้งใจยิ่งนัก! ไม่ได้ ตอนนี้ข้าต้องแต่งกลอนสักบทแล้ว ขอให้แซ่จ้าวเดินเจ็ดก้าวก่อน ได้แล้ว!

สวรรค์ส่งความอับโชคให้ไว้ในกายข้า องค์หญิงถอนหมั้นข้า ดีที่สหายเสิ่นพลิกวิถีฟ้า ช่วยให้ข้าเปล่งประกายแสงแห่งฤดูใบไม้ผลิที่สอง!

ไม่พูดอะไรมากแล้ว” จ้าวเฮ่ายกไหสุราเซียนเมาข้างกายขึ้นมา “วันนี้ข้าจะเมาอีกเป็นครั้งสุดท้าย ให้ทุกอย่างจบในสุรา!”

พอพูดจบ จ้าวเฮ่าก็เอาเท้าซ้ายเหยียบบนม้านั่ง ก่อนกระดกไหสุราขนาดเท่าศีรษะคนเข้าปากไปดังอึกๆ

ท่าทางและพลังนั้น เสิ่นเทียนเห็นแล้วยังใจเต้นระรัว เจ้านี่คงไม่ใช่ตาลุงข้างบ้านทะลุมิติมาหรอกนะ!

แต่ไม่ว่าอย่างไรก็จับเจ้าหนูทดลองวงรัศมีดำครึ่งทองครึ่งหนึ่งนี่ได้แล้ว เลี้ยงไว้ก่อนแล้วกัน

ตอนนี้เหนือศีรษะจ้าวเฮ่ายังไม่ปรากฏโชคลิขิต แต่ไม่เป็นอะไร เดี๋ยวมันก็มาไม่ช้าก็เร็ว ขอแค่เก็บจ้าวเฮ่าไว้ข้างกาย รอจนโชคลิขิตของเขาปรากฏ เสิ่นเทียนยังต้องกลัวว่าจะกระโดดเข้าไปไม่ได้หรือ

……

ดื่มไหสุราดังอึกๆ หมดแล้ว จ้าวเฮ่าแสยะปาก ใบหน้ากลับมาแดงอีกครั้ง “โอ้ว แม่สาวน้อยน่ารัก~”

ใช่ เจ้านี่เมาอีกแล้ว เมาเสร็จก็แยกชายหญิงไม่ออก จ้องเสิ่นเทียนพลางพูดเดี๋ยวท่านเซียนอย่างนู้นเดี๋ยวท่านเซียนอย่างนี้

ตึง~

ไหสุราฟาดเข้าที่หลังศีรษะของจ้าวเฮ่า นี่เป็นครั้งแรกที่เสิ่นเทียนเอาไฟสุราฟาดคน

อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย เอาไหฟาดเขาไปแล้ว ให้ความรู้สึกสบายยิ่งนัก!

และที่สำคัญกว่านั้นคือเจ้านี่ดื่มทีแยกชายหญิงไม่ออก

ฟาดหมดสติไปแล้วไม่ต้องคุยกันอีก ไม่ให้กินแม้แต่โอสถลบความจำอยู่แล้ว

เสิ่นเทียนเริ่มเข้าใจความสุขของเถ้าแก่ซ่งแล้ว

ได้เอาแต่ใจตัวเอง สบายอกสบายใจ!

……………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน บทที่ 128 เจ็ดก้าวแต่งกวี จ้าวรื่อเทียน

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 128 เจ็ดก้าวแต่งกวี จ้าวรื่อเทียน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 128 เจ็ดก้าวแต่งกวี จ้าวรื่อเทียน
“แค่กๆ เถ้าแก่ กุ้งสดหัวใจหมู่ในร้านพวกเจ้ารสชาติไม่เลวจริงๆ”

เสิ่นเทียนใช้ตะเกียบคีบกุ้งสดมาตัวหนึ่ง ก่อนจะขยับศีรษะไปข้างๆ ด้วยอาการใจฝ่อ ไม่มองจ้าวเฮ่า

ไม่รู้ว่าองค์หญิงท่านนั้นที่จ้าวเฮ่าพูดถึงคือใคร เพราะถึงอย่างไรในสวนหมื่นวิญญาณก็มีผู้หญิงมารายล้อมเสิ่นเทียนเยอะมาก

ถ้ารู้แต่แรกว่าเจ้านี่โดนถอนหมั้นเพราะข้า เมื่อครู่ไม่น่าให้เขาดื่มต้มไก่พลังงานบวกไปเยอะเช่นนั้นเลย

ถ้าเกิดเจ้านี่ยิ่งใหญ่ขึ้นมาจริงๆ จะไม่คับแค้นใจแล้วมาสร้างปัญหาให้ข้า กระทั่งทำให้ข้าเสียโฉมหรอกหรือ!

เมื่อคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนอดปวดใจมิได้ เหตุใดตนถึงต้องเป็นแพะรับบาปเช่นนี้ตลอดเลย

จ้าวเฮ่ามองเสิ่นเทียนด้วยความคับแค้นใจ “สหายเสิ่น เจ้ารู้จักเสิ่นเอ้าเทียนคนนั้นหรือไม่”

เสิ่นเทียนส่ายหน้า “เสิ่นเอ้าเทียนอะไร ข้าไม่เคยได้ยิน”

จ้าวเฮ่าพูดด้วยความจนปัญญา “ข้ารู้ว่าสหายเสิ่นเห็นแก่หน้าแซ่จ้าว ไม่อยากทำลายความมั่นใจของข้า แซ่จ้าวรับเจตนาไว้แล้ว แต่ถ้าสหายเสิ่นเป็นบุรุษรูปงามที่องค์หญิงเสวี่ยอู๋เสียพูดถึงจริงๆ เช่นนั้นแซ่จ้าวก็จะยอมรับ

ถึงอย่างไรสหายเสิ่นก็ไม่ได้แค่หน้าตาหล่อเหลากว่าข้าเพียงน้อยนิด แต่ยังมีปณิธานอันแน่วแน่ที่ผ่านการขัดเกลามาอย่างหนัก ถ้าแซ่จ้าวเป็นองค์หญิงเสวี่ยอู๋เสีย ได้พบสหายเสิ่นแล้ว ในสายตาคงมองใครอื่นไม่ได้ง่ายๆ เช่นกัน”

ทัศนคติของจ้าวเฮ่าทำให้เสิ่นเทียนอดอึ้งไปมิได้ เจ้านี่มีเหตุผลเช่นนี้เลยหรือ

ตามหลักแล้วตัวละครสำคัญประเภทรองอย่างจ้าวเฮ่าไม่ควรจะบ้าอำนาจโอหังโหดเหี้ยมและไร้เหตุผลหรือ เหตุใดหลังรู้ว่าตนโดนถอนหมั้นเพราะพ่ายแพ้หน้าตาให้เสิ่นเทียนแล้ว กลับไม่มองเสิ่นเทียนเป็นศัตรูล่ะ

สหายจ้าว สุขุมเช่นนี้ไม่ใช่บทของเจ้าเลยนะ!

เมื่อคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนก็พูดด้วยความสงสัย “สหายจ้าวไม่โกรธจริงๆ หรือ”

จ้าวเฮ่าสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนพูดอย่างสบายใจ “ก็แค่เด็กโกโรโกโสคนเดียวเท่านั้น เดิมทีแซ่จ้าวไม่ได้อยากจะแต่งงานมีคู่ชีวิตอะไรอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้แค่โมโหที่โดนถอนหมั้นเหยียดหยามเท่านั้น ก็เหมือนที่สหายเสิ่นกล่าวไว้ ชีวิตนี้ข้าเป็นโอรสสวรรค์โดดเด่น มีปณิธานสูงเทียมเมฆ แซ่จ้าวไม่ใช่คนใจแคบคิดเล็กคิดน้อยอยู่แล้ว”

เสิ่นเทียนมองจ้าวเฮ่าที่แม้จะยังไร้เรี่ยวแรง แต่แววตากลับสว่างไสวเป็นพิเศษแล้ว เกิดความปลื้มใจมาก

เขาตบบ่าของจ้าวเฮ่าพลางตักกุ้งสดหัวใจหมูให้เขาชามหนึ่ง “สหายจ้าวรู้ว่าอะไรควรไม่ควร ในเมื่อเป็นเช่นนั้น แซ่เสิ่นก็จะแบไพ่ในมือให้ดูเช่นกัน ใช่ ข้าก็คือเสิ่นเอ้าเทียน”

จ้าวเฮ่าจ้องเสิ่นเทียน ดวงตาใสสะอาดค่อยๆ เกิดความขมขื่นใจขึ้นมา “ที่แท้ก็คือเจ้าจริงๆ หรือ”

เสิ่นเทียนพูดด้วยความจำใจ “พูดแล้วนะว่าจะไม่โกรธ ถ้าสหายจ้าวเป็นเช่นนี้ ก็คงจะไม่เป็นลูกผู้ชายพอ”

ถ้าเจ้าเป็นเช่นนี้ก็คงไม่เป็นลูกผู้ชายพอหรือ

จ้าวเฮ่าอึ้งไป ดวงตาแดงขึ้นมา หยดน้ำตากลอกไปมาในกระบอกดวงตา

มารดามันเถอะ สหายเสิ่นเจ้าทำให้แซ่จ้าวโดนดูหมิ่นเช่นนี้ โดนองค์หญิงชี้หน้าด่าทอว่าอัปลักษณ์ ตอนนี้ยังมีหน้ามาบอกว่าแซ่จ้าวไม่เป็นลูกผู้ชายพออีกหรือ นี่มันจะรังแกกันเกินไปแล้วกระมัง!

และที่น่าคับอกคับใจยิ่งกว่านั้นคือจ้าวเฮ่าพบว่าถ้าตนโกรธเพราะเรื่องนี้ ดูแล้วก็เหมือนจะไม่เป็นลูกผู้ชายพอจริงๆ

‘อุบ แซ่จ้าวอึดอัดใจ แซ่จ้าวไม่พูด!’

จ้าวเฮ่าก้มหน้าลงกินกุ้งสดหัวใจหมูไปทีละคำ

จางอวิ๋นซีที่อยู่ข้างๆ รวมหน้ากากอัสนีไว้บนหน้า จึงมองไม่เห็นสีหน้านาง แต่มองจากหัวไหล่ที่ยักขึ้นยักลงก็รู้ว่านางกำลังกลั้นขำสุดฤทธิ์

เวลานี้จ้าวเฮ่าคับแค้นใจยิ่งกว่าเดิม “สหายเสิ่น ข้าได้ยินมาว่าเจ้าชำนาญวิชาค้นวิญญาณประเมินแร่รึ”

เสิ่นเทียนพยักหน้า “ขอไม่ปิดบังแล้วกัน ข้าเคยได้รับมรดกจากผู้จริงแท้เทียนจี ได้รับคัมภีร์วิถีความลับสวรรค์ เข้าใจวิชาค้นวิญญาณประเมินแร่เพียงผิวเผินเท่านั้น ความจริงแซ่เสิ่นชำนาญหลักดูใบหน้าทำนายดวงชะตามากที่สุด”

เสิ่นเทียนพูดพลางจ้องศีรษะของจ้าวเฮ่าเขม็ง “สหายจ้าวไม่ต้องรีบ ความทุกข์ที่เจ้ารับอยู่ในตอนนี้ไม่ใช่เรื่องแย่”

จ้าวเฮ่างุนงง “ขอให้สหายเสิ่นชี้แนะด้วย หรือที่แซ่จ้าวเผชิญอยู่ตอนนี้จะเป็นเรื่องดีหรือ”

เสิ่นเทียนพยักหน้า “สวรรค์จะส่งภารกิจใหญ่ให้ใครแล้วจะต้องทำให้จิตใจผู้นั้นเป็นทุกข์ก่อน ให้เอ็นกับกระดูกผู้นั้นเหน็ดเหนื่อย ให้ร่างกายและท้องผู้นั้นหิวโหย ให้บุพการีผู้นั้นสิ้นชีพ…”

จ้าวเฮ่าเอ่ย “อะไรนะ”

เสิ่นเทียนมุมปากกระตุก ไม่ระวังพูดออกไปตรงๆ จนได้

เขาจึงรีบอธิบาย “ความลับสวรรค์ไม่อาจเปิดเผย เมื่อครู่มีพลังงานบางอย่างมาขวางแซ่เสิ่นไว้ นี่คือการเตือน ทำอะไรไม่ควรสุดโต่ง พูดอะไรก็ไม่ควรพูดหมด มันยังไม่ถึงเวลา แซ่เสิ่นจะพูดจาสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเกรงว่าจะเจอกับหายนะครั้งใหญ่!”

เห็นเสิ่นเทียนทำสีหน้าเคร่งขรึมเต็มที่แล้ว จ้าวเฮ่าก็เหมือนมีความคิดบางอย่าง “สหายเสิ่นพูดมาก็มีเหตุผลจริงๆ”

โยนเรื่องไร้สาระอย่าง ‘ทำให้บุพการีผู้นั้นสิ้นชีพ’ นั้นทิ้งไป ประโยคครึ่งแรกก็ยังดูมีเหตุผลมาก

ตั้งแต่โบราณกาลมาผู้บรรลุวิถีเซียนต่างผ่านการฝึกฝนอย่างหนักและมีจิตใจแน่วแน่อย่างยิ่ง จ้าวเฮ่าก็รู้สึกได้ชัดเจนเช่นกันว่าช่วงนี้หลังจากที่ตนผ่านเรื่องทุกข์สุขในโลกมนุษย์ ได้สัมผัสจิตใจมนุษย์หลากหลายแล้ว จิตรู้แจ้งได้เกิดการผลัดเปลี่ยนขึ้น

ประกอบกับคำพูดของเสิ่นเทียนก่อนหน้านี้ปลุกเร้า ทำให้จ้าวเฮ่าแน่วแน่ในวิถีเซียนของตนหลังจากนี้มากขึ้น นี่คือการเติบโตอย่างหนึ่ง

ความจริงแล้ว การผลัดเปลี่ยนในด้านจิตใจสำคัญกว่าร่างกายที่แข็งแกร่งขึ้น มันไม่ใช่สิ่งที่ศิลาวิญญาณจะมาแทนที่ได้

ระดับดวงจิตดรุณและระดับหลอมรวมเทพหลังจากแก่นพลังทองต่างหนีไม่พ้นเรื่องจิตใจ

อีกทั้งเสิ่นเทียนเพิ่งบอกไปว่าสวรรค์ได้มอบภารกิจยิ่งใหญ่ไว้กับตัวจ้าวเฮ่า ทุกอย่างที่ประสบในตอนนี้ล้วนคือการขัดเกลาจากสวรรค์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จ้าวเฮ่าก็รู้สึกเลือดร้อนขึ้นมาในใจ ดังนั้นความจริงแล้วข้าคือคนที่ชะตาสวรรค์ลิขิตดูแลหรือ

เมื่อเห็นเจ้าจ้าวเฮ่าเหมือนจะถูกหลอกเข้าอย่างจังแล้ว ในที่สุดเสิ่นเทียนก็ถอนหายใจโล่งอก “ช่างเถอะ ในเมื่อได้พบสหายจ้าวที่นี่ ก็ถือว่าแซ่เสิ่นกับสหายเจ้ามีวาสนาต่อกันในดวงชะตา หากสหายจ้าวไม่ยอมแพ้ ในช่วงหลายวันนี้จะเดินทางมากับแซ่เสิ่นก็ได้ รอจนโอกาสสุกงอม แซ่เสิ่นจะช่วยให้สหายจ้าวเป็นดั่งมังกรซ่อนทะยานขึ้นฟ้าอีกครั้ง!”

คำพูดจริงใจของเสิ่นเทียนทำให้จ้าวเฮ่ากระบอกตาร้อนผ่าว “สหายจ้าว ข้าซาบซึ้งใจยิ่งนัก! ไม่ได้ ตอนนี้ข้าต้องแต่งกลอนสักบทแล้ว ขอให้แซ่จ้าวเดินเจ็ดก้าวก่อน ได้แล้ว!

สวรรค์ส่งความอับโชคให้ไว้ในกายข้า องค์หญิงถอนหมั้นข้า ดีที่สหายเสิ่นพลิกวิถีฟ้า ช่วยให้ข้าเปล่งประกายแสงแห่งฤดูใบไม้ผลิที่สอง!

ไม่พูดอะไรมากแล้ว” จ้าวเฮ่ายกไหสุราเซียนเมาข้างกายขึ้นมา “วันนี้ข้าจะเมาอีกเป็นครั้งสุดท้าย ให้ทุกอย่างจบในสุรา!”

พอพูดจบ จ้าวเฮ่าก็เอาเท้าซ้ายเหยียบบนม้านั่ง ก่อนกระดกไหสุราขนาดเท่าศีรษะคนเข้าปากไปดังอึกๆ

ท่าทางและพลังนั้น เสิ่นเทียนเห็นแล้วยังใจเต้นระรัว เจ้านี่คงไม่ใช่ตาลุงข้างบ้านทะลุมิติมาหรอกนะ!

แต่ไม่ว่าอย่างไรก็จับเจ้าหนูทดลองวงรัศมีดำครึ่งทองครึ่งหนึ่งนี่ได้แล้ว เลี้ยงไว้ก่อนแล้วกัน

ตอนนี้เหนือศีรษะจ้าวเฮ่ายังไม่ปรากฏโชคลิขิต แต่ไม่เป็นอะไร เดี๋ยวมันก็มาไม่ช้าก็เร็ว ขอแค่เก็บจ้าวเฮ่าไว้ข้างกาย รอจนโชคลิขิตของเขาปรากฏ เสิ่นเทียนยังต้องกลัวว่าจะกระโดดเข้าไปไม่ได้หรือ

……

ดื่มไหสุราดังอึกๆ หมดแล้ว จ้าวเฮ่าแสยะปาก ใบหน้ากลับมาแดงอีกครั้ง “โอ้ว แม่สาวน้อยน่ารัก~”

ใช่ เจ้านี่เมาอีกแล้ว เมาเสร็จก็แยกชายหญิงไม่ออก จ้องเสิ่นเทียนพลางพูดเดี๋ยวท่านเซียนอย่างนู้นเดี๋ยวท่านเซียนอย่างนี้

ตึง~

ไหสุราฟาดเข้าที่หลังศีรษะของจ้าวเฮ่า นี่เป็นครั้งแรกที่เสิ่นเทียนเอาไฟสุราฟาดคน

อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย เอาไหฟาดเขาไปแล้ว ให้ความรู้สึกสบายยิ่งนัก!

และที่สำคัญกว่านั้นคือเจ้านี่ดื่มทีแยกชายหญิงไม่ออก

ฟาดหมดสติไปแล้วไม่ต้องคุยกันอีก ไม่ให้กินแม้แต่โอสถลบความจำอยู่แล้ว

เสิ่นเทียนเริ่มเข้าใจความสุขของเถ้าแก่ซ่งแล้ว

ได้เอาแต่ใจตัวเอง สบายอกสบายใจ!

……………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน บทที่ 128 เจ็ดก้าวแต่งกวี จ้าวรื่อเทียน

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 128 เจ็ดก้าวแต่งกวี จ้าวรื่อเทียน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 128 เจ็ดก้าวแต่งกวี จ้าวรื่อเทียน
“แค่กๆ เถ้าแก่ กุ้งสดหัวใจหมู่ในร้านพวกเจ้ารสชาติไม่เลวจริงๆ”

เสิ่นเทียนใช้ตะเกียบคีบกุ้งสดมาตัวหนึ่ง ก่อนจะขยับศีรษะไปข้างๆ ด้วยอาการใจฝ่อ ไม่มองจ้าวเฮ่า

ไม่รู้ว่าองค์หญิงท่านนั้นที่จ้าวเฮ่าพูดถึงคือใคร เพราะถึงอย่างไรในสวนหมื่นวิญญาณก็มีผู้หญิงมารายล้อมเสิ่นเทียนเยอะมาก

ถ้ารู้แต่แรกว่าเจ้านี่โดนถอนหมั้นเพราะข้า เมื่อครู่ไม่น่าให้เขาดื่มต้มไก่พลังงานบวกไปเยอะเช่นนั้นเลย

ถ้าเกิดเจ้านี่ยิ่งใหญ่ขึ้นมาจริงๆ จะไม่คับแค้นใจแล้วมาสร้างปัญหาให้ข้า กระทั่งทำให้ข้าเสียโฉมหรอกหรือ!

เมื่อคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนอดปวดใจมิได้ เหตุใดตนถึงต้องเป็นแพะรับบาปเช่นนี้ตลอดเลย

จ้าวเฮ่ามองเสิ่นเทียนด้วยความคับแค้นใจ “สหายเสิ่น เจ้ารู้จักเสิ่นเอ้าเทียนคนนั้นหรือไม่”

เสิ่นเทียนส่ายหน้า “เสิ่นเอ้าเทียนอะไร ข้าไม่เคยได้ยิน”

จ้าวเฮ่าพูดด้วยความจนปัญญา “ข้ารู้ว่าสหายเสิ่นเห็นแก่หน้าแซ่จ้าว ไม่อยากทำลายความมั่นใจของข้า แซ่จ้าวรับเจตนาไว้แล้ว แต่ถ้าสหายเสิ่นเป็นบุรุษรูปงามที่องค์หญิงเสวี่ยอู๋เสียพูดถึงจริงๆ เช่นนั้นแซ่จ้าวก็จะยอมรับ

ถึงอย่างไรสหายเสิ่นก็ไม่ได้แค่หน้าตาหล่อเหลากว่าข้าเพียงน้อยนิด แต่ยังมีปณิธานอันแน่วแน่ที่ผ่านการขัดเกลามาอย่างหนัก ถ้าแซ่จ้าวเป็นองค์หญิงเสวี่ยอู๋เสีย ได้พบสหายเสิ่นแล้ว ในสายตาคงมองใครอื่นไม่ได้ง่ายๆ เช่นกัน”

ทัศนคติของจ้าวเฮ่าทำให้เสิ่นเทียนอดอึ้งไปมิได้ เจ้านี่มีเหตุผลเช่นนี้เลยหรือ

ตามหลักแล้วตัวละครสำคัญประเภทรองอย่างจ้าวเฮ่าไม่ควรจะบ้าอำนาจโอหังโหดเหี้ยมและไร้เหตุผลหรือ เหตุใดหลังรู้ว่าตนโดนถอนหมั้นเพราะพ่ายแพ้หน้าตาให้เสิ่นเทียนแล้ว กลับไม่มองเสิ่นเทียนเป็นศัตรูล่ะ

สหายจ้าว สุขุมเช่นนี้ไม่ใช่บทของเจ้าเลยนะ!

เมื่อคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนก็พูดด้วยความสงสัย “สหายจ้าวไม่โกรธจริงๆ หรือ”

จ้าวเฮ่าสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนพูดอย่างสบายใจ “ก็แค่เด็กโกโรโกโสคนเดียวเท่านั้น เดิมทีแซ่จ้าวไม่ได้อยากจะแต่งงานมีคู่ชีวิตอะไรอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้แค่โมโหที่โดนถอนหมั้นเหยียดหยามเท่านั้น ก็เหมือนที่สหายเสิ่นกล่าวไว้ ชีวิตนี้ข้าเป็นโอรสสวรรค์โดดเด่น มีปณิธานสูงเทียมเมฆ แซ่จ้าวไม่ใช่คนใจแคบคิดเล็กคิดน้อยอยู่แล้ว”

เสิ่นเทียนมองจ้าวเฮ่าที่แม้จะยังไร้เรี่ยวแรง แต่แววตากลับสว่างไสวเป็นพิเศษแล้ว เกิดความปลื้มใจมาก

เขาตบบ่าของจ้าวเฮ่าพลางตักกุ้งสดหัวใจหมูให้เขาชามหนึ่ง “สหายจ้าวรู้ว่าอะไรควรไม่ควร ในเมื่อเป็นเช่นนั้น แซ่เสิ่นก็จะแบไพ่ในมือให้ดูเช่นกัน ใช่ ข้าก็คือเสิ่นเอ้าเทียน”

จ้าวเฮ่าจ้องเสิ่นเทียน ดวงตาใสสะอาดค่อยๆ เกิดความขมขื่นใจขึ้นมา “ที่แท้ก็คือเจ้าจริงๆ หรือ”

เสิ่นเทียนพูดด้วยความจำใจ “พูดแล้วนะว่าจะไม่โกรธ ถ้าสหายจ้าวเป็นเช่นนี้ ก็คงจะไม่เป็นลูกผู้ชายพอ”

ถ้าเจ้าเป็นเช่นนี้ก็คงไม่เป็นลูกผู้ชายพอหรือ

จ้าวเฮ่าอึ้งไป ดวงตาแดงขึ้นมา หยดน้ำตากลอกไปมาในกระบอกดวงตา

มารดามันเถอะ สหายเสิ่นเจ้าทำให้แซ่จ้าวโดนดูหมิ่นเช่นนี้ โดนองค์หญิงชี้หน้าด่าทอว่าอัปลักษณ์ ตอนนี้ยังมีหน้ามาบอกว่าแซ่จ้าวไม่เป็นลูกผู้ชายพออีกหรือ นี่มันจะรังแกกันเกินไปแล้วกระมัง!

และที่น่าคับอกคับใจยิ่งกว่านั้นคือจ้าวเฮ่าพบว่าถ้าตนโกรธเพราะเรื่องนี้ ดูแล้วก็เหมือนจะไม่เป็นลูกผู้ชายพอจริงๆ

‘อุบ แซ่จ้าวอึดอัดใจ แซ่จ้าวไม่พูด!’

จ้าวเฮ่าก้มหน้าลงกินกุ้งสดหัวใจหมูไปทีละคำ

จางอวิ๋นซีที่อยู่ข้างๆ รวมหน้ากากอัสนีไว้บนหน้า จึงมองไม่เห็นสีหน้านาง แต่มองจากหัวไหล่ที่ยักขึ้นยักลงก็รู้ว่านางกำลังกลั้นขำสุดฤทธิ์

เวลานี้จ้าวเฮ่าคับแค้นใจยิ่งกว่าเดิม “สหายเสิ่น ข้าได้ยินมาว่าเจ้าชำนาญวิชาค้นวิญญาณประเมินแร่รึ”

เสิ่นเทียนพยักหน้า “ขอไม่ปิดบังแล้วกัน ข้าเคยได้รับมรดกจากผู้จริงแท้เทียนจี ได้รับคัมภีร์วิถีความลับสวรรค์ เข้าใจวิชาค้นวิญญาณประเมินแร่เพียงผิวเผินเท่านั้น ความจริงแซ่เสิ่นชำนาญหลักดูใบหน้าทำนายดวงชะตามากที่สุด”

เสิ่นเทียนพูดพลางจ้องศีรษะของจ้าวเฮ่าเขม็ง “สหายจ้าวไม่ต้องรีบ ความทุกข์ที่เจ้ารับอยู่ในตอนนี้ไม่ใช่เรื่องแย่”

จ้าวเฮ่างุนงง “ขอให้สหายเสิ่นชี้แนะด้วย หรือที่แซ่จ้าวเผชิญอยู่ตอนนี้จะเป็นเรื่องดีหรือ”

เสิ่นเทียนพยักหน้า “สวรรค์จะส่งภารกิจใหญ่ให้ใครแล้วจะต้องทำให้จิตใจผู้นั้นเป็นทุกข์ก่อน ให้เอ็นกับกระดูกผู้นั้นเหน็ดเหนื่อย ให้ร่างกายและท้องผู้นั้นหิวโหย ให้บุพการีผู้นั้นสิ้นชีพ…”

จ้าวเฮ่าเอ่ย “อะไรนะ”

เสิ่นเทียนมุมปากกระตุก ไม่ระวังพูดออกไปตรงๆ จนได้

เขาจึงรีบอธิบาย “ความลับสวรรค์ไม่อาจเปิดเผย เมื่อครู่มีพลังงานบางอย่างมาขวางแซ่เสิ่นไว้ นี่คือการเตือน ทำอะไรไม่ควรสุดโต่ง พูดอะไรก็ไม่ควรพูดหมด มันยังไม่ถึงเวลา แซ่เสิ่นจะพูดจาสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเกรงว่าจะเจอกับหายนะครั้งใหญ่!”

เห็นเสิ่นเทียนทำสีหน้าเคร่งขรึมเต็มที่แล้ว จ้าวเฮ่าก็เหมือนมีความคิดบางอย่าง “สหายเสิ่นพูดมาก็มีเหตุผลจริงๆ”

โยนเรื่องไร้สาระอย่าง ‘ทำให้บุพการีผู้นั้นสิ้นชีพ’ นั้นทิ้งไป ประโยคครึ่งแรกก็ยังดูมีเหตุผลมาก

ตั้งแต่โบราณกาลมาผู้บรรลุวิถีเซียนต่างผ่านการฝึกฝนอย่างหนักและมีจิตใจแน่วแน่อย่างยิ่ง จ้าวเฮ่าก็รู้สึกได้ชัดเจนเช่นกันว่าช่วงนี้หลังจากที่ตนผ่านเรื่องทุกข์สุขในโลกมนุษย์ ได้สัมผัสจิตใจมนุษย์หลากหลายแล้ว จิตรู้แจ้งได้เกิดการผลัดเปลี่ยนขึ้น

ประกอบกับคำพูดของเสิ่นเทียนก่อนหน้านี้ปลุกเร้า ทำให้จ้าวเฮ่าแน่วแน่ในวิถีเซียนของตนหลังจากนี้มากขึ้น นี่คือการเติบโตอย่างหนึ่ง

ความจริงแล้ว การผลัดเปลี่ยนในด้านจิตใจสำคัญกว่าร่างกายที่แข็งแกร่งขึ้น มันไม่ใช่สิ่งที่ศิลาวิญญาณจะมาแทนที่ได้

ระดับดวงจิตดรุณและระดับหลอมรวมเทพหลังจากแก่นพลังทองต่างหนีไม่พ้นเรื่องจิตใจ

อีกทั้งเสิ่นเทียนเพิ่งบอกไปว่าสวรรค์ได้มอบภารกิจยิ่งใหญ่ไว้กับตัวจ้าวเฮ่า ทุกอย่างที่ประสบในตอนนี้ล้วนคือการขัดเกลาจากสวรรค์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จ้าวเฮ่าก็รู้สึกเลือดร้อนขึ้นมาในใจ ดังนั้นความจริงแล้วข้าคือคนที่ชะตาสวรรค์ลิขิตดูแลหรือ

เมื่อเห็นเจ้าจ้าวเฮ่าเหมือนจะถูกหลอกเข้าอย่างจังแล้ว ในที่สุดเสิ่นเทียนก็ถอนหายใจโล่งอก “ช่างเถอะ ในเมื่อได้พบสหายจ้าวที่นี่ ก็ถือว่าแซ่เสิ่นกับสหายเจ้ามีวาสนาต่อกันในดวงชะตา หากสหายจ้าวไม่ยอมแพ้ ในช่วงหลายวันนี้จะเดินทางมากับแซ่เสิ่นก็ได้ รอจนโอกาสสุกงอม แซ่เสิ่นจะช่วยให้สหายจ้าวเป็นดั่งมังกรซ่อนทะยานขึ้นฟ้าอีกครั้ง!”

คำพูดจริงใจของเสิ่นเทียนทำให้จ้าวเฮ่ากระบอกตาร้อนผ่าว “สหายจ้าว ข้าซาบซึ้งใจยิ่งนัก! ไม่ได้ ตอนนี้ข้าต้องแต่งกลอนสักบทแล้ว ขอให้แซ่จ้าวเดินเจ็ดก้าวก่อน ได้แล้ว!

สวรรค์ส่งความอับโชคให้ไว้ในกายข้า องค์หญิงถอนหมั้นข้า ดีที่สหายเสิ่นพลิกวิถีฟ้า ช่วยให้ข้าเปล่งประกายแสงแห่งฤดูใบไม้ผลิที่สอง!

ไม่พูดอะไรมากแล้ว” จ้าวเฮ่ายกไหสุราเซียนเมาข้างกายขึ้นมา “วันนี้ข้าจะเมาอีกเป็นครั้งสุดท้าย ให้ทุกอย่างจบในสุรา!”

พอพูดจบ จ้าวเฮ่าก็เอาเท้าซ้ายเหยียบบนม้านั่ง ก่อนกระดกไหสุราขนาดเท่าศีรษะคนเข้าปากไปดังอึกๆ

ท่าทางและพลังนั้น เสิ่นเทียนเห็นแล้วยังใจเต้นระรัว เจ้านี่คงไม่ใช่ตาลุงข้างบ้านทะลุมิติมาหรอกนะ!

แต่ไม่ว่าอย่างไรก็จับเจ้าหนูทดลองวงรัศมีดำครึ่งทองครึ่งหนึ่งนี่ได้แล้ว เลี้ยงไว้ก่อนแล้วกัน

ตอนนี้เหนือศีรษะจ้าวเฮ่ายังไม่ปรากฏโชคลิขิต แต่ไม่เป็นอะไร เดี๋ยวมันก็มาไม่ช้าก็เร็ว ขอแค่เก็บจ้าวเฮ่าไว้ข้างกาย รอจนโชคลิขิตของเขาปรากฏ เสิ่นเทียนยังต้องกลัวว่าจะกระโดดเข้าไปไม่ได้หรือ

……

ดื่มไหสุราดังอึกๆ หมดแล้ว จ้าวเฮ่าแสยะปาก ใบหน้ากลับมาแดงอีกครั้ง “โอ้ว แม่สาวน้อยน่ารัก~”

ใช่ เจ้านี่เมาอีกแล้ว เมาเสร็จก็แยกชายหญิงไม่ออก จ้องเสิ่นเทียนพลางพูดเดี๋ยวท่านเซียนอย่างนู้นเดี๋ยวท่านเซียนอย่างนี้

ตึง~

ไหสุราฟาดเข้าที่หลังศีรษะของจ้าวเฮ่า นี่เป็นครั้งแรกที่เสิ่นเทียนเอาไฟสุราฟาดคน

อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย เอาไหฟาดเขาไปแล้ว ให้ความรู้สึกสบายยิ่งนัก!

และที่สำคัญกว่านั้นคือเจ้านี่ดื่มทีแยกชายหญิงไม่ออก

ฟาดหมดสติไปแล้วไม่ต้องคุยกันอีก ไม่ให้กินแม้แต่โอสถลบความจำอยู่แล้ว

เสิ่นเทียนเริ่มเข้าใจความสุขของเถ้าแก่ซ่งแล้ว

ได้เอาแต่ใจตัวเอง สบายอกสบายใจ!

……………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน บทที่ 128 เจ็ดก้าวแต่งกวี จ้าวรื่อเทียน

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 128 เจ็ดก้าวแต่งกวี จ้าวรื่อเทียน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 128 เจ็ดก้าวแต่งกวี จ้าวรื่อเทียน
“แค่กๆ เถ้าแก่ กุ้งสดหัวใจหมู่ในร้านพวกเจ้ารสชาติไม่เลวจริงๆ”

เสิ่นเทียนใช้ตะเกียบคีบกุ้งสดมาตัวหนึ่ง ก่อนจะขยับศีรษะไปข้างๆ ด้วยอาการใจฝ่อ ไม่มองจ้าวเฮ่า

ไม่รู้ว่าองค์หญิงท่านนั้นที่จ้าวเฮ่าพูดถึงคือใคร เพราะถึงอย่างไรในสวนหมื่นวิญญาณก็มีผู้หญิงมารายล้อมเสิ่นเทียนเยอะมาก

ถ้ารู้แต่แรกว่าเจ้านี่โดนถอนหมั้นเพราะข้า เมื่อครู่ไม่น่าให้เขาดื่มต้มไก่พลังงานบวกไปเยอะเช่นนั้นเลย

ถ้าเกิดเจ้านี่ยิ่งใหญ่ขึ้นมาจริงๆ จะไม่คับแค้นใจแล้วมาสร้างปัญหาให้ข้า กระทั่งทำให้ข้าเสียโฉมหรอกหรือ!

เมื่อคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนอดปวดใจมิได้ เหตุใดตนถึงต้องเป็นแพะรับบาปเช่นนี้ตลอดเลย

จ้าวเฮ่ามองเสิ่นเทียนด้วยความคับแค้นใจ “สหายเสิ่น เจ้ารู้จักเสิ่นเอ้าเทียนคนนั้นหรือไม่”

เสิ่นเทียนส่ายหน้า “เสิ่นเอ้าเทียนอะไร ข้าไม่เคยได้ยิน”

จ้าวเฮ่าพูดด้วยความจนปัญญา “ข้ารู้ว่าสหายเสิ่นเห็นแก่หน้าแซ่จ้าว ไม่อยากทำลายความมั่นใจของข้า แซ่จ้าวรับเจตนาไว้แล้ว แต่ถ้าสหายเสิ่นเป็นบุรุษรูปงามที่องค์หญิงเสวี่ยอู๋เสียพูดถึงจริงๆ เช่นนั้นแซ่จ้าวก็จะยอมรับ

ถึงอย่างไรสหายเสิ่นก็ไม่ได้แค่หน้าตาหล่อเหลากว่าข้าเพียงน้อยนิด แต่ยังมีปณิธานอันแน่วแน่ที่ผ่านการขัดเกลามาอย่างหนัก ถ้าแซ่จ้าวเป็นองค์หญิงเสวี่ยอู๋เสีย ได้พบสหายเสิ่นแล้ว ในสายตาคงมองใครอื่นไม่ได้ง่ายๆ เช่นกัน”

ทัศนคติของจ้าวเฮ่าทำให้เสิ่นเทียนอดอึ้งไปมิได้ เจ้านี่มีเหตุผลเช่นนี้เลยหรือ

ตามหลักแล้วตัวละครสำคัญประเภทรองอย่างจ้าวเฮ่าไม่ควรจะบ้าอำนาจโอหังโหดเหี้ยมและไร้เหตุผลหรือ เหตุใดหลังรู้ว่าตนโดนถอนหมั้นเพราะพ่ายแพ้หน้าตาให้เสิ่นเทียนแล้ว กลับไม่มองเสิ่นเทียนเป็นศัตรูล่ะ

สหายจ้าว สุขุมเช่นนี้ไม่ใช่บทของเจ้าเลยนะ!

เมื่อคิดได้ดังนั้น เสิ่นเทียนก็พูดด้วยความสงสัย “สหายจ้าวไม่โกรธจริงๆ หรือ”

จ้าวเฮ่าสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนพูดอย่างสบายใจ “ก็แค่เด็กโกโรโกโสคนเดียวเท่านั้น เดิมทีแซ่จ้าวไม่ได้อยากจะแต่งงานมีคู่ชีวิตอะไรอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้แค่โมโหที่โดนถอนหมั้นเหยียดหยามเท่านั้น ก็เหมือนที่สหายเสิ่นกล่าวไว้ ชีวิตนี้ข้าเป็นโอรสสวรรค์โดดเด่น มีปณิธานสูงเทียมเมฆ แซ่จ้าวไม่ใช่คนใจแคบคิดเล็กคิดน้อยอยู่แล้ว”

เสิ่นเทียนมองจ้าวเฮ่าที่แม้จะยังไร้เรี่ยวแรง แต่แววตากลับสว่างไสวเป็นพิเศษแล้ว เกิดความปลื้มใจมาก

เขาตบบ่าของจ้าวเฮ่าพลางตักกุ้งสดหัวใจหมูให้เขาชามหนึ่ง “สหายจ้าวรู้ว่าอะไรควรไม่ควร ในเมื่อเป็นเช่นนั้น แซ่เสิ่นก็จะแบไพ่ในมือให้ดูเช่นกัน ใช่ ข้าก็คือเสิ่นเอ้าเทียน”

จ้าวเฮ่าจ้องเสิ่นเทียน ดวงตาใสสะอาดค่อยๆ เกิดความขมขื่นใจขึ้นมา “ที่แท้ก็คือเจ้าจริงๆ หรือ”

เสิ่นเทียนพูดด้วยความจำใจ “พูดแล้วนะว่าจะไม่โกรธ ถ้าสหายจ้าวเป็นเช่นนี้ ก็คงจะไม่เป็นลูกผู้ชายพอ”

ถ้าเจ้าเป็นเช่นนี้ก็คงไม่เป็นลูกผู้ชายพอหรือ

จ้าวเฮ่าอึ้งไป ดวงตาแดงขึ้นมา หยดน้ำตากลอกไปมาในกระบอกดวงตา

มารดามันเถอะ สหายเสิ่นเจ้าทำให้แซ่จ้าวโดนดูหมิ่นเช่นนี้ โดนองค์หญิงชี้หน้าด่าทอว่าอัปลักษณ์ ตอนนี้ยังมีหน้ามาบอกว่าแซ่จ้าวไม่เป็นลูกผู้ชายพออีกหรือ นี่มันจะรังแกกันเกินไปแล้วกระมัง!

และที่น่าคับอกคับใจยิ่งกว่านั้นคือจ้าวเฮ่าพบว่าถ้าตนโกรธเพราะเรื่องนี้ ดูแล้วก็เหมือนจะไม่เป็นลูกผู้ชายพอจริงๆ

‘อุบ แซ่จ้าวอึดอัดใจ แซ่จ้าวไม่พูด!’

จ้าวเฮ่าก้มหน้าลงกินกุ้งสดหัวใจหมูไปทีละคำ

จางอวิ๋นซีที่อยู่ข้างๆ รวมหน้ากากอัสนีไว้บนหน้า จึงมองไม่เห็นสีหน้านาง แต่มองจากหัวไหล่ที่ยักขึ้นยักลงก็รู้ว่านางกำลังกลั้นขำสุดฤทธิ์

เวลานี้จ้าวเฮ่าคับแค้นใจยิ่งกว่าเดิม “สหายเสิ่น ข้าได้ยินมาว่าเจ้าชำนาญวิชาค้นวิญญาณประเมินแร่รึ”

เสิ่นเทียนพยักหน้า “ขอไม่ปิดบังแล้วกัน ข้าเคยได้รับมรดกจากผู้จริงแท้เทียนจี ได้รับคัมภีร์วิถีความลับสวรรค์ เข้าใจวิชาค้นวิญญาณประเมินแร่เพียงผิวเผินเท่านั้น ความจริงแซ่เสิ่นชำนาญหลักดูใบหน้าทำนายดวงชะตามากที่สุด”

เสิ่นเทียนพูดพลางจ้องศีรษะของจ้าวเฮ่าเขม็ง “สหายจ้าวไม่ต้องรีบ ความทุกข์ที่เจ้ารับอยู่ในตอนนี้ไม่ใช่เรื่องแย่”

จ้าวเฮ่างุนงง “ขอให้สหายเสิ่นชี้แนะด้วย หรือที่แซ่จ้าวเผชิญอยู่ตอนนี้จะเป็นเรื่องดีหรือ”

เสิ่นเทียนพยักหน้า “สวรรค์จะส่งภารกิจใหญ่ให้ใครแล้วจะต้องทำให้จิตใจผู้นั้นเป็นทุกข์ก่อน ให้เอ็นกับกระดูกผู้นั้นเหน็ดเหนื่อย ให้ร่างกายและท้องผู้นั้นหิวโหย ให้บุพการีผู้นั้นสิ้นชีพ…”

จ้าวเฮ่าเอ่ย “อะไรนะ”

เสิ่นเทียนมุมปากกระตุก ไม่ระวังพูดออกไปตรงๆ จนได้

เขาจึงรีบอธิบาย “ความลับสวรรค์ไม่อาจเปิดเผย เมื่อครู่มีพลังงานบางอย่างมาขวางแซ่เสิ่นไว้ นี่คือการเตือน ทำอะไรไม่ควรสุดโต่ง พูดอะไรก็ไม่ควรพูดหมด มันยังไม่ถึงเวลา แซ่เสิ่นจะพูดจาสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเกรงว่าจะเจอกับหายนะครั้งใหญ่!”

เห็นเสิ่นเทียนทำสีหน้าเคร่งขรึมเต็มที่แล้ว จ้าวเฮ่าก็เหมือนมีความคิดบางอย่าง “สหายเสิ่นพูดมาก็มีเหตุผลจริงๆ”

โยนเรื่องไร้สาระอย่าง ‘ทำให้บุพการีผู้นั้นสิ้นชีพ’ นั้นทิ้งไป ประโยคครึ่งแรกก็ยังดูมีเหตุผลมาก

ตั้งแต่โบราณกาลมาผู้บรรลุวิถีเซียนต่างผ่านการฝึกฝนอย่างหนักและมีจิตใจแน่วแน่อย่างยิ่ง จ้าวเฮ่าก็รู้สึกได้ชัดเจนเช่นกันว่าช่วงนี้หลังจากที่ตนผ่านเรื่องทุกข์สุขในโลกมนุษย์ ได้สัมผัสจิตใจมนุษย์หลากหลายแล้ว จิตรู้แจ้งได้เกิดการผลัดเปลี่ยนขึ้น

ประกอบกับคำพูดของเสิ่นเทียนก่อนหน้านี้ปลุกเร้า ทำให้จ้าวเฮ่าแน่วแน่ในวิถีเซียนของตนหลังจากนี้มากขึ้น นี่คือการเติบโตอย่างหนึ่ง

ความจริงแล้ว การผลัดเปลี่ยนในด้านจิตใจสำคัญกว่าร่างกายที่แข็งแกร่งขึ้น มันไม่ใช่สิ่งที่ศิลาวิญญาณจะมาแทนที่ได้

ระดับดวงจิตดรุณและระดับหลอมรวมเทพหลังจากแก่นพลังทองต่างหนีไม่พ้นเรื่องจิตใจ

อีกทั้งเสิ่นเทียนเพิ่งบอกไปว่าสวรรค์ได้มอบภารกิจยิ่งใหญ่ไว้กับตัวจ้าวเฮ่า ทุกอย่างที่ประสบในตอนนี้ล้วนคือการขัดเกลาจากสวรรค์

เมื่อคิดได้ดังนั้น จ้าวเฮ่าก็รู้สึกเลือดร้อนขึ้นมาในใจ ดังนั้นความจริงแล้วข้าคือคนที่ชะตาสวรรค์ลิขิตดูแลหรือ

เมื่อเห็นเจ้าจ้าวเฮ่าเหมือนจะถูกหลอกเข้าอย่างจังแล้ว ในที่สุดเสิ่นเทียนก็ถอนหายใจโล่งอก “ช่างเถอะ ในเมื่อได้พบสหายจ้าวที่นี่ ก็ถือว่าแซ่เสิ่นกับสหายเจ้ามีวาสนาต่อกันในดวงชะตา หากสหายจ้าวไม่ยอมแพ้ ในช่วงหลายวันนี้จะเดินทางมากับแซ่เสิ่นก็ได้ รอจนโอกาสสุกงอม แซ่เสิ่นจะช่วยให้สหายจ้าวเป็นดั่งมังกรซ่อนทะยานขึ้นฟ้าอีกครั้ง!”

คำพูดจริงใจของเสิ่นเทียนทำให้จ้าวเฮ่ากระบอกตาร้อนผ่าว “สหายจ้าว ข้าซาบซึ้งใจยิ่งนัก! ไม่ได้ ตอนนี้ข้าต้องแต่งกลอนสักบทแล้ว ขอให้แซ่จ้าวเดินเจ็ดก้าวก่อน ได้แล้ว!

สวรรค์ส่งความอับโชคให้ไว้ในกายข้า องค์หญิงถอนหมั้นข้า ดีที่สหายเสิ่นพลิกวิถีฟ้า ช่วยให้ข้าเปล่งประกายแสงแห่งฤดูใบไม้ผลิที่สอง!

ไม่พูดอะไรมากแล้ว” จ้าวเฮ่ายกไหสุราเซียนเมาข้างกายขึ้นมา “วันนี้ข้าจะเมาอีกเป็นครั้งสุดท้าย ให้ทุกอย่างจบในสุรา!”

พอพูดจบ จ้าวเฮ่าก็เอาเท้าซ้ายเหยียบบนม้านั่ง ก่อนกระดกไหสุราขนาดเท่าศีรษะคนเข้าปากไปดังอึกๆ

ท่าทางและพลังนั้น เสิ่นเทียนเห็นแล้วยังใจเต้นระรัว เจ้านี่คงไม่ใช่ตาลุงข้างบ้านทะลุมิติมาหรอกนะ!

แต่ไม่ว่าอย่างไรก็จับเจ้าหนูทดลองวงรัศมีดำครึ่งทองครึ่งหนึ่งนี่ได้แล้ว เลี้ยงไว้ก่อนแล้วกัน

ตอนนี้เหนือศีรษะจ้าวเฮ่ายังไม่ปรากฏโชคลิขิต แต่ไม่เป็นอะไร เดี๋ยวมันก็มาไม่ช้าก็เร็ว ขอแค่เก็บจ้าวเฮ่าไว้ข้างกาย รอจนโชคลิขิตของเขาปรากฏ เสิ่นเทียนยังต้องกลัวว่าจะกระโดดเข้าไปไม่ได้หรือ

……

ดื่มไหสุราดังอึกๆ หมดแล้ว จ้าวเฮ่าแสยะปาก ใบหน้ากลับมาแดงอีกครั้ง “โอ้ว แม่สาวน้อยน่ารัก~”

ใช่ เจ้านี่เมาอีกแล้ว เมาเสร็จก็แยกชายหญิงไม่ออก จ้องเสิ่นเทียนพลางพูดเดี๋ยวท่านเซียนอย่างนู้นเดี๋ยวท่านเซียนอย่างนี้

ตึง~

ไหสุราฟาดเข้าที่หลังศีรษะของจ้าวเฮ่า นี่เป็นครั้งแรกที่เสิ่นเทียนเอาไฟสุราฟาดคน

อย่าว่าอย่างนั้นอย่างนี้เลย เอาไหฟาดเขาไปแล้ว ให้ความรู้สึกสบายยิ่งนัก!

และที่สำคัญกว่านั้นคือเจ้านี่ดื่มทีแยกชายหญิงไม่ออก

ฟาดหมดสติไปแล้วไม่ต้องคุยกันอีก ไม่ให้กินแม้แต่โอสถลบความจำอยู่แล้ว

เสิ่นเทียนเริ่มเข้าใจความสุขของเถ้าแก่ซ่งแล้ว

ได้เอาแต่ใจตัวเอง สบายอกสบายใจ!

……………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+