บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน บทที่ 171 ท่านดูที นี่ใช่ของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานหรือไม่

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 171 ท่านดูที นี่ใช่ของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานหรือไม่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 171 ท่านดูที นี่ใช่ของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานหรือไม่

เมื่อเผชิญหน้ากับบุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือ เสิ่นเทียนว้าวุ่นใจมาก!

เขากำลังคิดอยู่ว่าตนควรจะตบหน้าอย่างไรถึงจะเป็นธรรมชาติที่สุด

ทว่าสีหน้านี้ในสายตาบุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือก็คือสีหน้า ‘เฉยชาและอยู่เหนือทุกสิ่ง’

เป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ดีๆ คนหนึ่งเลย ไม่ใช่แค่องอาจห้าวหาญ แต่ยังไม่โอหังและไม่ใจร้อน มีความถ่อมตัวยอมรับฟังความเห็นของคนอื่น

เฉินจงเทียนแอบเลื่อมใสในใจ แม้แดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือกับแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จะไม่ลงรอยกันมากก็ตาม

แต่ระหว่างบุตรศักดิ์สิทธิ์ทุกคนก็ยังมีการประเมินกันและกันเป็นเอกฉันท์ ไม่ได้คลาดเคลื่อนเพราะจุดยืนอะไรมากนัก

มุมมองที่บุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือมีต่อศิษย์สายตรงของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์คือไม่ได้มีประโยชน์สำคัญเลย ก็เหมือนกับวันนี้ที่เขามาพร้อมกับพลังดวงชะตาของฉีเซ่าเสวียนเพื่อข่มแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์อย่างโจ่งแจ้ง

ศิษย์สายตรงพวกนั้นต่างมีสีหน้าโกรธเกรี้ยว ปกปิดกันไม่ได้เลย ปณิธานของพวกเขายังห่างชั้นกับตาเฒ่าเจ้าเล่ห์เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์อีกเยอะ!

ทว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์คนใหม่นี่กลับไม่มีสีหน้าโมโหเลย เขามองบุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือนิ่งๆ สีหน้าไม่มีคลื่นอารมณ์

แม้บุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือจะรู้ตัวว่าชำนาญการคาดการณ์ใจคน แต่ก็ยังไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ และที่สำคัญกว่านั้นคือบุตรศักดิ์สิทธิ์นำหน้ารุ่นเดียวกันทะลวงระดับดวงจิตดรุณไปก่อนแล้ว

ทว่าถึงจะเป็นเช่นนั้น เมื่อเผชิญหน้ากับเสิ่นเทียน เขาก็ยังรู้สึกว่าไม่อาจคาดการณ์ระดับพลังบำเพ็ญของอีกฝ่ายได้

เสิ่นเทียนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับมหาสมุทรกว้างใหญ่ เหมือนถ้ำมืดมิด ลึกลับคาดเดาไม่ได้ และยังไม่อาจสอดแนมได้

นี่…เป็นการดำรงอยู่ที่น่ากลัวเสียยิ่งกว่าศิษย์พี่เซ่าเสวียนอีก!

…..

ไม่!

เฉินจงเทียนฝืนส่ายหน้า

นี่เป็นภาพลวงตา เป็นวิชามายาที่เจ้านี่สำแดงใส่ข้า!

ข้าจะไปสงสัยอำนาจของศิษย์พี่เซ่าเสวียนเพราะเจ้านี่มีความองอาจห้าวหาญได้อย่างไร ศิษย์พี่เซ่าเสวียนคือหนึ่งเดียว ต่อให้เจ้านี่มีพลังบำเพ็ญไม่อ่อนแอ มีเอกลักษณ์เซียนลงมาเยือนแล้วอย่างไร

โลกบำเพ็ญเซียนก็ยังดูกันที่วาสนาเซียน วาสนาเซียนลึกล้ำดวงชะตายาวเหยียดถึงจะมีสวรรค์คอยปกป้องตลอดเวลา ก็เหมือนกับที่ศิษย์พี่เซ่าเสวียนออกไปฝึกฝนธรรมดาๆ แต่ได้ของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานร้อยชั่งมา เจ้านี่จะทำเช่นนั้นได้หรือ

เมื่อคิดได้ดังนั้น ในที่สุดเฉินจงเทียนก็สะกดความรู้สึกอัดอั้นในใจลง “ศิษย์พี่เสิ่น ข้าเลื่อมใสมานานแล้วๆ”

ตอนนี้เสิ่นเทียนกำลังว้าวุ่นใจอยู่ว่าจะตบหน้าดีหรือไม่ จึงตอบกลับโดยไม่ได้คิด “เลื่อมใสที่ใดรึ”

เฉินจงเทียนพูดไม่ออก

ข้าบอกเลื่อมใสเจ้ามานาน มันก็แค่คำพูดเป็นพิธีเท่านั้น อะไรมาเลื่อมใสที่ใด เจ้าคิดจะเอาเปรียบข้ารึ

เฉินจงเทียนสูดลมหายใจเข้าลึก “ศิษย์พี่เสิ่น แซ่เฉินหมายความว่ายินดีที่ได้รู้จักเจ้าน่ะ”

เสิ่นเทียนมองเฉินจงเทียนที่ยิ้มหน้าบานเสแสร้งแล้ว ก็บ่นพึมพำด้วยความจำใจ “เจ้ายินดีเร็วไปแล้ว”

สารภาพตามตรง ถ้าเฉินจงเทียนแค่ทำให้เสิ่นเทียนเสียความน่าเชื่อถือคนเดียว เสิ่นเทียนก็อาจจะยิ้มและปล่อยผ่านไป ถึงอย่างไรเจ้านี่ก็มีวงรัศมีเหนือศีรษะสีทอง ไม่จำเป็นต้องไปสู้ด้วย

ปัญหาคือบุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือทำให้แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เสียชื่อ จัดการยากแล้ว!

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ขานชื่อให้เสิ่นเทียนออกมาลุยเดี่ยวกับบุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือ

ถ้าทำงานนี้ไม่ดีพอแล้วโดนกลั่นแกล้งละจะทำอย่างไร

สุดท้าย เสิ่นเทียนก็ปรับสภาพจิตใจเงียบๆ

ครั้งนี้เขาจะต้องริเริ่มสิ่งใหม่ๆ บุกทะลวงจู่โจมเข้าไป!

แต่สารภาพตามตรง ถ้าจะทำให้ได้เช่นนั้นมันไม่ง่ายจริงๆ

ช่วงที่เสิ่นเทียนกำลังครุ่นคิดอย่างหนักอยู่ในใจนั้น ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขึ้นบนยอดเขาบัวขาวอีกครั้ง

ศิษย์หญิงชุดคลุมขาวคนหนึ่งวิ่งออกมาจากห้องลับรักษา ใบหน้านางเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและตกใจ

“แย่แล้วๆ ท่านเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ อาจารย์ลุง อาจารย์ แก่นพลังทองของศิษย์พี่ใหญ่เริ่มแตกอีกแล้ว!”

…………

คำพูดของศิษย์หญิงคนนี้เหมือนหินยักษ์ตกลงบนผิวทะเลสาบ เกิดคลื่นลูกใหญ่ขึ้น

สายฟ้าประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เกิดคลื่นกระเพื่อมช้าๆ ก่อนจะเดินตรงไปห้องลับ นักพรตชรากับผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวตามหลังไปติดๆ ไม่กล้าเอ้อระเหย

ศิษย์สายตรงคนอื่นๆ เห็นไม่มีใครห้ามจึงรีบตามเข้าไป

เมื่อเห็นดังนั้น เฉินจงเทียนถอนหายใจโล่งอก พูดตามตรง เสิ่นเทียนสร้างแรงกดดันให้เขาราวกับภูเขา

“ศิษย์พี่ฟางฉางมีอันตรายรึ ศิษย์พี่เสิ่นพวกเรารู้จักกันไว้แค่นี้ก่อน เข้าไปดูศิษย์พี่ฟางฉางก่อนเถอะ!”

เสิ่นเทียนพยักหน้าก่อนเดินตรงไปยังห้องลับรักษาที่ฟางฉางอยู่ ดูกังวลใจมาก

ไม่นานก็จะเจอฟางฉาง สารภาพตามตรง เสิ่นเทียนไม่อยากให้เขาเป็นอะไรไป และก็ไม่อยากให้ฟางฉางธาตุไฟเข้าแทรกครั้งนี้เกี่ยวกับตน

เพราะถึงเสิ่นเทียนจะหลอกคนอื่นเกาะดวงชะตาไป แต่เขาก็เป็นคนดี

ทุกคนเฮโลกันเข้าไป ไม่นานก็มาถึงสถานรักษาแกนกลางของยอดเขาบัวขาว

ตอนนี้พวกเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เข้ามาในขอบเขตค่ายกลพิเศษอย่างหนึ่ง ตัดขาดจากทุกคนไปแล้ว

ทว่าขอบเขตค่ายกลโปร่งใส พวกเสิ่นเทียนจึงมองเห็นข้างใน เห็นว่าตอนนี้ฟางฉางนอนอยู่บนเตียง ร่างผอมแห้งลงไปมาก ใบหน้าซีดขาวมากเช่นกัน มองไปเหมือนพลังปราณเดิมบาดเจ็บสาหัส

แน่นอนว่านี่ไม่ได้สำคัญ ที่สำคัญคือวงรัศมีเหนือศีรษะเขาเปลี่ยนไป ก่อนหน้านี้ตอนที่เสิ่นเทียนพบฟางฉางครั้งแรก ฟางฉางมีวงรัศมีสีทองบริสุทธิ์

ตอนนี้เสิ่นเทียนเห็นว่าวงรัศมีเหนือศีรษะฟางฉางกลายเป็นสีทองผสมกับสีแดง เห็นได้ชัดว่าดวงชะตาของฟางฉางกำลังลดลง และสาเหตุที่ดวงชะตาลดลงก็คงไม่ต้องบอกแล้ว

เสิ่นเทียนคาดเดาเงียบๆ ในใจ ดูท่าคงจะเป็นเพราะเขาจริงๆ

คนที่โดนเขาแย่งดวงชะตาไป ไม่ใช่แค่ดวงชะตาลดฮวบลงเท่านั้น กระทั่งอาจจะเจอกับหายนะครั้งใหญ่เพราะเหตุนี้ด้วย!

…..

ตอนนี้ในขอบเขตค่ายกล เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์นำของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานขนาดเท่ากำปั้นนั้นออกมา

หลังเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์หล่อหลอมของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานไปทีละหยดแล้วก็ส่งเข้าไปหลอมรวมในร่างฟางฉางและฟื้นฟูรอยแตกร้าวอย่างรวดเร็ว

จะเห็นได้เลยว่ารอยร้าวน่าสยดสยองบนแก่นพลังทองในร่างฟางฉางกำลังสมานกัน

ความจริงพิสูจน์แล้ว ของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานมีประโยชน์กับฟางฉางจริงๆ

นี่เป็นข่าวดี แต่ก็ยังมีข่าวร้ายอันน่าหดหู่อีกข่าว

อาการบาดเจ็บนั้นร้ายแรง ของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานชั่งเดียวไม่พอใช้เลย เมื่อของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานถูกดูดซับเข้าไปหมดแล้ว รอยแตกของแก่นพลังทองสมานกันแค่ไม่กี่รอยเล็กๆ

ถ้าคาดการณ์ตามจำนวนรอยแตกของแก่นพลังทองฟางฉางแล้ว ของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานนี่ยังยากจะรักษาชีวิตฟางฉางไว้ด้วยซ้ำ

ปึง!

ประตูขอบเขตค่ายกลถูกเปิดออก ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวรีบร้อนเดินออกมา

นางมองเฉินจงเทียนตรงๆ “ยังมีของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานอีกหรือไม่ ข้าซื้อให้ได้ในราคาสองเท่า และยังติดค้างน้ำใจเจ้าด้วย”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวเป็นปรมาจารย์สายแพทย์ที่มีชื่อเสียงของแดนบูรพา น้ำใจของนางค่อนข้างมีค่าเลย

แต่ก็น่าเสียดายที่เฉินจงเทียนไม่มีของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานเหลืออยู่แล้วจริงๆ นั่นคือสมบัติที่ประเมินค่าไม่ได้

เขาถอนหายใจพูด “ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ให้อภัยด้วย ผู้เยาว์ไม่มีของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานเหลือแล้วจริงๆ อยากช่วยแต่ก็ช่วยไม่ได้ ถ้ายังทัน ผู้เยาว์จะรีบไปที่แดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง จะไปลองขอของเหลวศักดิ์สิทธิ์ดูได้”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวส่ายหน้า “ไม่ทันกาล หากไม่มีของเหลวศักดิ์สิทธิ์ ฟางฉางทนไม่ไหวแน่”

เฉินจงเทียนแอบคิดในใจ ‘ดูท่าวันนี้ฟางฉางคงตายแน่ๆ’

เพราะดูจากสถานการณ์ตอนนี้แล้ว ฟางฉางบาดเจ็บหนักมากเกินไป ไม่มีของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานห้าสิบชั่งขึ้นไป ก็อย่าหวังจะรักษาได้เลย

แต่ของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานห้าสิบชั่งล้ำค่าเพียงใด ต่อให้เป็นฉีเซ่าเสวียนก็ยังปวดใจ

ในสายตาเฉินจงเทียน แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์คงจะเตรียมปล่อยฟางฉางไปแล้ว

…….

ทว่าตอนนี้เอง เสียงของเสิ่นเทียนดังขึ้นมาข้างๆ

“อาจารย์อาบัวขาว รบกวนท่านช่วยดูในขวดนี้ที ใช่ของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานหรือไม่”

ขณะพูดอยู่นั้นก็ปรากฏขวดหยกเล็กขวดหนึ่งในมือเสิ่นเทียนแล้ว

ในนั้นบรรจุของเหลวสีขาวเงินเต็มขวด เต็มไปด้วยพลังชีวิต

พริบตานั้น เฉินจงเทียนตะลึงค้างไปเลย

………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน บทที่ 171 ท่านดูที นี่ใช่ของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานหรือไม่

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 171 ท่านดูที นี่ใช่ของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานหรือไม่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 171 ท่านดูที นี่ใช่ของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานหรือไม่

เมื่อเผชิญหน้ากับบุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือ เสิ่นเทียนว้าวุ่นใจมาก!

เขากำลังคิดอยู่ว่าตนควรจะตบหน้าอย่างไรถึงจะเป็นธรรมชาติที่สุด

ทว่าสีหน้านี้ในสายตาบุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือก็คือสีหน้า ‘เฉยชาและอยู่เหนือทุกสิ่ง’

เป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ดีๆ คนหนึ่งเลย ไม่ใช่แค่องอาจห้าวหาญ แต่ยังไม่โอหังและไม่ใจร้อน มีความถ่อมตัวยอมรับฟังความเห็นของคนอื่น

เฉินจงเทียนแอบเลื่อมใสในใจ แม้แดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือกับแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จะไม่ลงรอยกันมากก็ตาม

แต่ระหว่างบุตรศักดิ์สิทธิ์ทุกคนก็ยังมีการประเมินกันและกันเป็นเอกฉันท์ ไม่ได้คลาดเคลื่อนเพราะจุดยืนอะไรมากนัก

มุมมองที่บุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือมีต่อศิษย์สายตรงของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์คือไม่ได้มีประโยชน์สำคัญเลย ก็เหมือนกับวันนี้ที่เขามาพร้อมกับพลังดวงชะตาของฉีเซ่าเสวียนเพื่อข่มแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์อย่างโจ่งแจ้ง

ศิษย์สายตรงพวกนั้นต่างมีสีหน้าโกรธเกรี้ยว ปกปิดกันไม่ได้เลย ปณิธานของพวกเขายังห่างชั้นกับตาเฒ่าเจ้าเล่ห์เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์อีกเยอะ!

ทว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์คนใหม่นี่กลับไม่มีสีหน้าโมโหเลย เขามองบุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือนิ่งๆ สีหน้าไม่มีคลื่นอารมณ์

แม้บุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือจะรู้ตัวว่าชำนาญการคาดการณ์ใจคน แต่ก็ยังไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ และที่สำคัญกว่านั้นคือบุตรศักดิ์สิทธิ์นำหน้ารุ่นเดียวกันทะลวงระดับดวงจิตดรุณไปก่อนแล้ว

ทว่าถึงจะเป็นเช่นนั้น เมื่อเผชิญหน้ากับเสิ่นเทียน เขาก็ยังรู้สึกว่าไม่อาจคาดการณ์ระดับพลังบำเพ็ญของอีกฝ่ายได้

เสิ่นเทียนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับมหาสมุทรกว้างใหญ่ เหมือนถ้ำมืดมิด ลึกลับคาดเดาไม่ได้ และยังไม่อาจสอดแนมได้

นี่…เป็นการดำรงอยู่ที่น่ากลัวเสียยิ่งกว่าศิษย์พี่เซ่าเสวียนอีก!

…..

ไม่!

เฉินจงเทียนฝืนส่ายหน้า

นี่เป็นภาพลวงตา เป็นวิชามายาที่เจ้านี่สำแดงใส่ข้า!

ข้าจะไปสงสัยอำนาจของศิษย์พี่เซ่าเสวียนเพราะเจ้านี่มีความองอาจห้าวหาญได้อย่างไร ศิษย์พี่เซ่าเสวียนคือหนึ่งเดียว ต่อให้เจ้านี่มีพลังบำเพ็ญไม่อ่อนแอ มีเอกลักษณ์เซียนลงมาเยือนแล้วอย่างไร

โลกบำเพ็ญเซียนก็ยังดูกันที่วาสนาเซียน วาสนาเซียนลึกล้ำดวงชะตายาวเหยียดถึงจะมีสวรรค์คอยปกป้องตลอดเวลา ก็เหมือนกับที่ศิษย์พี่เซ่าเสวียนออกไปฝึกฝนธรรมดาๆ แต่ได้ของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานร้อยชั่งมา เจ้านี่จะทำเช่นนั้นได้หรือ

เมื่อคิดได้ดังนั้น ในที่สุดเฉินจงเทียนก็สะกดความรู้สึกอัดอั้นในใจลง “ศิษย์พี่เสิ่น ข้าเลื่อมใสมานานแล้วๆ”

ตอนนี้เสิ่นเทียนกำลังว้าวุ่นใจอยู่ว่าจะตบหน้าดีหรือไม่ จึงตอบกลับโดยไม่ได้คิด “เลื่อมใสที่ใดรึ”

เฉินจงเทียนพูดไม่ออก

ข้าบอกเลื่อมใสเจ้ามานาน มันก็แค่คำพูดเป็นพิธีเท่านั้น อะไรมาเลื่อมใสที่ใด เจ้าคิดจะเอาเปรียบข้ารึ

เฉินจงเทียนสูดลมหายใจเข้าลึก “ศิษย์พี่เสิ่น แซ่เฉินหมายความว่ายินดีที่ได้รู้จักเจ้าน่ะ”

เสิ่นเทียนมองเฉินจงเทียนที่ยิ้มหน้าบานเสแสร้งแล้ว ก็บ่นพึมพำด้วยความจำใจ “เจ้ายินดีเร็วไปแล้ว”

สารภาพตามตรง ถ้าเฉินจงเทียนแค่ทำให้เสิ่นเทียนเสียความน่าเชื่อถือคนเดียว เสิ่นเทียนก็อาจจะยิ้มและปล่อยผ่านไป ถึงอย่างไรเจ้านี่ก็มีวงรัศมีเหนือศีรษะสีทอง ไม่จำเป็นต้องไปสู้ด้วย

ปัญหาคือบุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือทำให้แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เสียชื่อ จัดการยากแล้ว!

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ขานชื่อให้เสิ่นเทียนออกมาลุยเดี่ยวกับบุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือ

ถ้าทำงานนี้ไม่ดีพอแล้วโดนกลั่นแกล้งละจะทำอย่างไร

สุดท้าย เสิ่นเทียนก็ปรับสภาพจิตใจเงียบๆ

ครั้งนี้เขาจะต้องริเริ่มสิ่งใหม่ๆ บุกทะลวงจู่โจมเข้าไป!

แต่สารภาพตามตรง ถ้าจะทำให้ได้เช่นนั้นมันไม่ง่ายจริงๆ

ช่วงที่เสิ่นเทียนกำลังครุ่นคิดอย่างหนักอยู่ในใจนั้น ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขึ้นบนยอดเขาบัวขาวอีกครั้ง

ศิษย์หญิงชุดคลุมขาวคนหนึ่งวิ่งออกมาจากห้องลับรักษา ใบหน้านางเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและตกใจ

“แย่แล้วๆ ท่านเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ อาจารย์ลุง อาจารย์ แก่นพลังทองของศิษย์พี่ใหญ่เริ่มแตกอีกแล้ว!”

…………

คำพูดของศิษย์หญิงคนนี้เหมือนหินยักษ์ตกลงบนผิวทะเลสาบ เกิดคลื่นลูกใหญ่ขึ้น

สายฟ้าประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เกิดคลื่นกระเพื่อมช้าๆ ก่อนจะเดินตรงไปห้องลับ นักพรตชรากับผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวตามหลังไปติดๆ ไม่กล้าเอ้อระเหย

ศิษย์สายตรงคนอื่นๆ เห็นไม่มีใครห้ามจึงรีบตามเข้าไป

เมื่อเห็นดังนั้น เฉินจงเทียนถอนหายใจโล่งอก พูดตามตรง เสิ่นเทียนสร้างแรงกดดันให้เขาราวกับภูเขา

“ศิษย์พี่ฟางฉางมีอันตรายรึ ศิษย์พี่เสิ่นพวกเรารู้จักกันไว้แค่นี้ก่อน เข้าไปดูศิษย์พี่ฟางฉางก่อนเถอะ!”

เสิ่นเทียนพยักหน้าก่อนเดินตรงไปยังห้องลับรักษาที่ฟางฉางอยู่ ดูกังวลใจมาก

ไม่นานก็จะเจอฟางฉาง สารภาพตามตรง เสิ่นเทียนไม่อยากให้เขาเป็นอะไรไป และก็ไม่อยากให้ฟางฉางธาตุไฟเข้าแทรกครั้งนี้เกี่ยวกับตน

เพราะถึงเสิ่นเทียนจะหลอกคนอื่นเกาะดวงชะตาไป แต่เขาก็เป็นคนดี

ทุกคนเฮโลกันเข้าไป ไม่นานก็มาถึงสถานรักษาแกนกลางของยอดเขาบัวขาว

ตอนนี้พวกเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เข้ามาในขอบเขตค่ายกลพิเศษอย่างหนึ่ง ตัดขาดจากทุกคนไปแล้ว

ทว่าขอบเขตค่ายกลโปร่งใส พวกเสิ่นเทียนจึงมองเห็นข้างใน เห็นว่าตอนนี้ฟางฉางนอนอยู่บนเตียง ร่างผอมแห้งลงไปมาก ใบหน้าซีดขาวมากเช่นกัน มองไปเหมือนพลังปราณเดิมบาดเจ็บสาหัส

แน่นอนว่านี่ไม่ได้สำคัญ ที่สำคัญคือวงรัศมีเหนือศีรษะเขาเปลี่ยนไป ก่อนหน้านี้ตอนที่เสิ่นเทียนพบฟางฉางครั้งแรก ฟางฉางมีวงรัศมีสีทองบริสุทธิ์

ตอนนี้เสิ่นเทียนเห็นว่าวงรัศมีเหนือศีรษะฟางฉางกลายเป็นสีทองผสมกับสีแดง เห็นได้ชัดว่าดวงชะตาของฟางฉางกำลังลดลง และสาเหตุที่ดวงชะตาลดลงก็คงไม่ต้องบอกแล้ว

เสิ่นเทียนคาดเดาเงียบๆ ในใจ ดูท่าคงจะเป็นเพราะเขาจริงๆ

คนที่โดนเขาแย่งดวงชะตาไป ไม่ใช่แค่ดวงชะตาลดฮวบลงเท่านั้น กระทั่งอาจจะเจอกับหายนะครั้งใหญ่เพราะเหตุนี้ด้วย!

…..

ตอนนี้ในขอบเขตค่ายกล เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์นำของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานขนาดเท่ากำปั้นนั้นออกมา

หลังเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์หล่อหลอมของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานไปทีละหยดแล้วก็ส่งเข้าไปหลอมรวมในร่างฟางฉางและฟื้นฟูรอยแตกร้าวอย่างรวดเร็ว

จะเห็นได้เลยว่ารอยร้าวน่าสยดสยองบนแก่นพลังทองในร่างฟางฉางกำลังสมานกัน

ความจริงพิสูจน์แล้ว ของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานมีประโยชน์กับฟางฉางจริงๆ

นี่เป็นข่าวดี แต่ก็ยังมีข่าวร้ายอันน่าหดหู่อีกข่าว

อาการบาดเจ็บนั้นร้ายแรง ของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานชั่งเดียวไม่พอใช้เลย เมื่อของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานถูกดูดซับเข้าไปหมดแล้ว รอยแตกของแก่นพลังทองสมานกันแค่ไม่กี่รอยเล็กๆ

ถ้าคาดการณ์ตามจำนวนรอยแตกของแก่นพลังทองฟางฉางแล้ว ของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานนี่ยังยากจะรักษาชีวิตฟางฉางไว้ด้วยซ้ำ

ปึง!

ประตูขอบเขตค่ายกลถูกเปิดออก ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวรีบร้อนเดินออกมา

นางมองเฉินจงเทียนตรงๆ “ยังมีของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานอีกหรือไม่ ข้าซื้อให้ได้ในราคาสองเท่า และยังติดค้างน้ำใจเจ้าด้วย”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวเป็นปรมาจารย์สายแพทย์ที่มีชื่อเสียงของแดนบูรพา น้ำใจของนางค่อนข้างมีค่าเลย

แต่ก็น่าเสียดายที่เฉินจงเทียนไม่มีของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานเหลืออยู่แล้วจริงๆ นั่นคือสมบัติที่ประเมินค่าไม่ได้

เขาถอนหายใจพูด “ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ให้อภัยด้วย ผู้เยาว์ไม่มีของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานเหลือแล้วจริงๆ อยากช่วยแต่ก็ช่วยไม่ได้ ถ้ายังทัน ผู้เยาว์จะรีบไปที่แดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง จะไปลองขอของเหลวศักดิ์สิทธิ์ดูได้”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวส่ายหน้า “ไม่ทันกาล หากไม่มีของเหลวศักดิ์สิทธิ์ ฟางฉางทนไม่ไหวแน่”

เฉินจงเทียนแอบคิดในใจ ‘ดูท่าวันนี้ฟางฉางคงตายแน่ๆ’

เพราะดูจากสถานการณ์ตอนนี้แล้ว ฟางฉางบาดเจ็บหนักมากเกินไป ไม่มีของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานห้าสิบชั่งขึ้นไป ก็อย่าหวังจะรักษาได้เลย

แต่ของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานห้าสิบชั่งล้ำค่าเพียงใด ต่อให้เป็นฉีเซ่าเสวียนก็ยังปวดใจ

ในสายตาเฉินจงเทียน แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์คงจะเตรียมปล่อยฟางฉางไปแล้ว

…….

ทว่าตอนนี้เอง เสียงของเสิ่นเทียนดังขึ้นมาข้างๆ

“อาจารย์อาบัวขาว รบกวนท่านช่วยดูในขวดนี้ที ใช่ของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานหรือไม่”

ขณะพูดอยู่นั้นก็ปรากฏขวดหยกเล็กขวดหนึ่งในมือเสิ่นเทียนแล้ว

ในนั้นบรรจุของเหลวสีขาวเงินเต็มขวด เต็มไปด้วยพลังชีวิต

พริบตานั้น เฉินจงเทียนตะลึงค้างไปเลย

………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน บทที่ 171 ท่านดูที นี่ใช่ของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานหรือไม่

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 171 ท่านดูที นี่ใช่ของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานหรือไม่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 171 ท่านดูที นี่ใช่ของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานหรือไม่

เมื่อเผชิญหน้ากับบุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือ เสิ่นเทียนว้าวุ่นใจมาก!

เขากำลังคิดอยู่ว่าตนควรจะตบหน้าอย่างไรถึงจะเป็นธรรมชาติที่สุด

ทว่าสีหน้านี้ในสายตาบุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือก็คือสีหน้า ‘เฉยชาและอยู่เหนือทุกสิ่ง’

เป็นบุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ดีๆ คนหนึ่งเลย ไม่ใช่แค่องอาจห้าวหาญ แต่ยังไม่โอหังและไม่ใจร้อน มีความถ่อมตัวยอมรับฟังความเห็นของคนอื่น

เฉินจงเทียนแอบเลื่อมใสในใจ แม้แดนศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือกับแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์จะไม่ลงรอยกันมากก็ตาม

แต่ระหว่างบุตรศักดิ์สิทธิ์ทุกคนก็ยังมีการประเมินกันและกันเป็นเอกฉันท์ ไม่ได้คลาดเคลื่อนเพราะจุดยืนอะไรมากนัก

มุมมองที่บุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือมีต่อศิษย์สายตรงของแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์คือไม่ได้มีประโยชน์สำคัญเลย ก็เหมือนกับวันนี้ที่เขามาพร้อมกับพลังดวงชะตาของฉีเซ่าเสวียนเพื่อข่มแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์อย่างโจ่งแจ้ง

ศิษย์สายตรงพวกนั้นต่างมีสีหน้าโกรธเกรี้ยว ปกปิดกันไม่ได้เลย ปณิธานของพวกเขายังห่างชั้นกับตาเฒ่าเจ้าเล่ห์เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์อีกเยอะ!

ทว่าบุตรศักดิ์สิทธิ์คนใหม่นี่กลับไม่มีสีหน้าโมโหเลย เขามองบุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือนิ่งๆ สีหน้าไม่มีคลื่นอารมณ์

แม้บุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือจะรู้ตัวว่าชำนาญการคาดการณ์ใจคน แต่ก็ยังไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ และที่สำคัญกว่านั้นคือบุตรศักดิ์สิทธิ์นำหน้ารุ่นเดียวกันทะลวงระดับดวงจิตดรุณไปก่อนแล้ว

ทว่าถึงจะเป็นเช่นนั้น เมื่อเผชิญหน้ากับเสิ่นเทียน เขาก็ยังรู้สึกว่าไม่อาจคาดการณ์ระดับพลังบำเพ็ญของอีกฝ่ายได้

เสิ่นเทียนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับมหาสมุทรกว้างใหญ่ เหมือนถ้ำมืดมิด ลึกลับคาดเดาไม่ได้ และยังไม่อาจสอดแนมได้

นี่…เป็นการดำรงอยู่ที่น่ากลัวเสียยิ่งกว่าศิษย์พี่เซ่าเสวียนอีก!

…..

ไม่!

เฉินจงเทียนฝืนส่ายหน้า

นี่เป็นภาพลวงตา เป็นวิชามายาที่เจ้านี่สำแดงใส่ข้า!

ข้าจะไปสงสัยอำนาจของศิษย์พี่เซ่าเสวียนเพราะเจ้านี่มีความองอาจห้าวหาญได้อย่างไร ศิษย์พี่เซ่าเสวียนคือหนึ่งเดียว ต่อให้เจ้านี่มีพลังบำเพ็ญไม่อ่อนแอ มีเอกลักษณ์เซียนลงมาเยือนแล้วอย่างไร

โลกบำเพ็ญเซียนก็ยังดูกันที่วาสนาเซียน วาสนาเซียนลึกล้ำดวงชะตายาวเหยียดถึงจะมีสวรรค์คอยปกป้องตลอดเวลา ก็เหมือนกับที่ศิษย์พี่เซ่าเสวียนออกไปฝึกฝนธรรมดาๆ แต่ได้ของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานร้อยชั่งมา เจ้านี่จะทำเช่นนั้นได้หรือ

เมื่อคิดได้ดังนั้น ในที่สุดเฉินจงเทียนก็สะกดความรู้สึกอัดอั้นในใจลง “ศิษย์พี่เสิ่น ข้าเลื่อมใสมานานแล้วๆ”

ตอนนี้เสิ่นเทียนกำลังว้าวุ่นใจอยู่ว่าจะตบหน้าดีหรือไม่ จึงตอบกลับโดยไม่ได้คิด “เลื่อมใสที่ใดรึ”

เฉินจงเทียนพูดไม่ออก

ข้าบอกเลื่อมใสเจ้ามานาน มันก็แค่คำพูดเป็นพิธีเท่านั้น อะไรมาเลื่อมใสที่ใด เจ้าคิดจะเอาเปรียบข้ารึ

เฉินจงเทียนสูดลมหายใจเข้าลึก “ศิษย์พี่เสิ่น แซ่เฉินหมายความว่ายินดีที่ได้รู้จักเจ้าน่ะ”

เสิ่นเทียนมองเฉินจงเทียนที่ยิ้มหน้าบานเสแสร้งแล้ว ก็บ่นพึมพำด้วยความจำใจ “เจ้ายินดีเร็วไปแล้ว”

สารภาพตามตรง ถ้าเฉินจงเทียนแค่ทำให้เสิ่นเทียนเสียความน่าเชื่อถือคนเดียว เสิ่นเทียนก็อาจจะยิ้มและปล่อยผ่านไป ถึงอย่างไรเจ้านี่ก็มีวงรัศมีเหนือศีรษะสีทอง ไม่จำเป็นต้องไปสู้ด้วย

ปัญหาคือบุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือทำให้แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เสียชื่อ จัดการยากแล้ว!

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ขานชื่อให้เสิ่นเทียนออกมาลุยเดี่ยวกับบุตรศักดิ์สิทธิ์ดาวเหนือ

ถ้าทำงานนี้ไม่ดีพอแล้วโดนกลั่นแกล้งละจะทำอย่างไร

สุดท้าย เสิ่นเทียนก็ปรับสภาพจิตใจเงียบๆ

ครั้งนี้เขาจะต้องริเริ่มสิ่งใหม่ๆ บุกทะลวงจู่โจมเข้าไป!

แต่สารภาพตามตรง ถ้าจะทำให้ได้เช่นนั้นมันไม่ง่ายจริงๆ

ช่วงที่เสิ่นเทียนกำลังครุ่นคิดอย่างหนักอยู่ในใจนั้น ก็เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ขึ้นบนยอดเขาบัวขาวอีกครั้ง

ศิษย์หญิงชุดคลุมขาวคนหนึ่งวิ่งออกมาจากห้องลับรักษา ใบหน้านางเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและตกใจ

“แย่แล้วๆ ท่านเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ อาจารย์ลุง อาจารย์ แก่นพลังทองของศิษย์พี่ใหญ่เริ่มแตกอีกแล้ว!”

…………

คำพูดของศิษย์หญิงคนนี้เหมือนหินยักษ์ตกลงบนผิวทะเลสาบ เกิดคลื่นลูกใหญ่ขึ้น

สายฟ้าประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เกิดคลื่นกระเพื่อมช้าๆ ก่อนจะเดินตรงไปห้องลับ นักพรตชรากับผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวตามหลังไปติดๆ ไม่กล้าเอ้อระเหย

ศิษย์สายตรงคนอื่นๆ เห็นไม่มีใครห้ามจึงรีบตามเข้าไป

เมื่อเห็นดังนั้น เฉินจงเทียนถอนหายใจโล่งอก พูดตามตรง เสิ่นเทียนสร้างแรงกดดันให้เขาราวกับภูเขา

“ศิษย์พี่ฟางฉางมีอันตรายรึ ศิษย์พี่เสิ่นพวกเรารู้จักกันไว้แค่นี้ก่อน เข้าไปดูศิษย์พี่ฟางฉางก่อนเถอะ!”

เสิ่นเทียนพยักหน้าก่อนเดินตรงไปยังห้องลับรักษาที่ฟางฉางอยู่ ดูกังวลใจมาก

ไม่นานก็จะเจอฟางฉาง สารภาพตามตรง เสิ่นเทียนไม่อยากให้เขาเป็นอะไรไป และก็ไม่อยากให้ฟางฉางธาตุไฟเข้าแทรกครั้งนี้เกี่ยวกับตน

เพราะถึงเสิ่นเทียนจะหลอกคนอื่นเกาะดวงชะตาไป แต่เขาก็เป็นคนดี

ทุกคนเฮโลกันเข้าไป ไม่นานก็มาถึงสถานรักษาแกนกลางของยอดเขาบัวขาว

ตอนนี้พวกเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เข้ามาในขอบเขตค่ายกลพิเศษอย่างหนึ่ง ตัดขาดจากทุกคนไปแล้ว

ทว่าขอบเขตค่ายกลโปร่งใส พวกเสิ่นเทียนจึงมองเห็นข้างใน เห็นว่าตอนนี้ฟางฉางนอนอยู่บนเตียง ร่างผอมแห้งลงไปมาก ใบหน้าซีดขาวมากเช่นกัน มองไปเหมือนพลังปราณเดิมบาดเจ็บสาหัส

แน่นอนว่านี่ไม่ได้สำคัญ ที่สำคัญคือวงรัศมีเหนือศีรษะเขาเปลี่ยนไป ก่อนหน้านี้ตอนที่เสิ่นเทียนพบฟางฉางครั้งแรก ฟางฉางมีวงรัศมีสีทองบริสุทธิ์

ตอนนี้เสิ่นเทียนเห็นว่าวงรัศมีเหนือศีรษะฟางฉางกลายเป็นสีทองผสมกับสีแดง เห็นได้ชัดว่าดวงชะตาของฟางฉางกำลังลดลง และสาเหตุที่ดวงชะตาลดลงก็คงไม่ต้องบอกแล้ว

เสิ่นเทียนคาดเดาเงียบๆ ในใจ ดูท่าคงจะเป็นเพราะเขาจริงๆ

คนที่โดนเขาแย่งดวงชะตาไป ไม่ใช่แค่ดวงชะตาลดฮวบลงเท่านั้น กระทั่งอาจจะเจอกับหายนะครั้งใหญ่เพราะเหตุนี้ด้วย!

…..

ตอนนี้ในขอบเขตค่ายกล เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์นำของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานขนาดเท่ากำปั้นนั้นออกมา

หลังเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์หล่อหลอมของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานไปทีละหยดแล้วก็ส่งเข้าไปหลอมรวมในร่างฟางฉางและฟื้นฟูรอยแตกร้าวอย่างรวดเร็ว

จะเห็นได้เลยว่ารอยร้าวน่าสยดสยองบนแก่นพลังทองในร่างฟางฉางกำลังสมานกัน

ความจริงพิสูจน์แล้ว ของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานมีประโยชน์กับฟางฉางจริงๆ

นี่เป็นข่าวดี แต่ก็ยังมีข่าวร้ายอันน่าหดหู่อีกข่าว

อาการบาดเจ็บนั้นร้ายแรง ของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานชั่งเดียวไม่พอใช้เลย เมื่อของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานถูกดูดซับเข้าไปหมดแล้ว รอยแตกของแก่นพลังทองสมานกันแค่ไม่กี่รอยเล็กๆ

ถ้าคาดการณ์ตามจำนวนรอยแตกของแก่นพลังทองฟางฉางแล้ว ของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานนี่ยังยากจะรักษาชีวิตฟางฉางไว้ด้วยซ้ำ

ปึง!

ประตูขอบเขตค่ายกลถูกเปิดออก ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวรีบร้อนเดินออกมา

นางมองเฉินจงเทียนตรงๆ “ยังมีของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานอีกหรือไม่ ข้าซื้อให้ได้ในราคาสองเท่า และยังติดค้างน้ำใจเจ้าด้วย”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวเป็นปรมาจารย์สายแพทย์ที่มีชื่อเสียงของแดนบูรพา น้ำใจของนางค่อนข้างมีค่าเลย

แต่ก็น่าเสียดายที่เฉินจงเทียนไม่มีของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานเหลืออยู่แล้วจริงๆ นั่นคือสมบัติที่ประเมินค่าไม่ได้

เขาถอนหายใจพูด “ผู้สูงศักดิ์สวรรค์ให้อภัยด้วย ผู้เยาว์ไม่มีของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานเหลือแล้วจริงๆ อยากช่วยแต่ก็ช่วยไม่ได้ ถ้ายังทัน ผู้เยาว์จะรีบไปที่แดนศักดิ์สิทธิ์เคหาสน์ม่วง จะไปลองขอของเหลวศักดิ์สิทธิ์ดูได้”

ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวส่ายหน้า “ไม่ทันกาล หากไม่มีของเหลวศักดิ์สิทธิ์ ฟางฉางทนไม่ไหวแน่”

เฉินจงเทียนแอบคิดในใจ ‘ดูท่าวันนี้ฟางฉางคงตายแน่ๆ’

เพราะดูจากสถานการณ์ตอนนี้แล้ว ฟางฉางบาดเจ็บหนักมากเกินไป ไม่มีของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานห้าสิบชั่งขึ้นไป ก็อย่าหวังจะรักษาได้เลย

แต่ของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานห้าสิบชั่งล้ำค่าเพียงใด ต่อให้เป็นฉีเซ่าเสวียนก็ยังปวดใจ

ในสายตาเฉินจงเทียน แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์คงจะเตรียมปล่อยฟางฉางไปแล้ว

…….

ทว่าตอนนี้เอง เสียงของเสิ่นเทียนดังขึ้นมาข้างๆ

“อาจารย์อาบัวขาว รบกวนท่านช่วยดูในขวดนี้ที ใช่ของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานหรือไม่”

ขณะพูดอยู่นั้นก็ปรากฏขวดหยกเล็กขวดหนึ่งในมือเสิ่นเทียนแล้ว

ในนั้นบรรจุของเหลวสีขาวเงินเต็มขวด เต็มไปด้วยพลังชีวิต

พริบตานั้น เฉินจงเทียนตะลึงค้างไปเลย

………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+