บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน บทที่ 176 เจ้าพุทธะอิจฉาแล้ว

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 176 เจ้าพุทธะอิจฉาแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 176 เจ้าพุทธะอิจฉาแล้ว

ต้องบอกว่าเจ้าพุทธะเสียงอัสนีออกโรงได้ค่อนข้างยิ่งใหญ่เลยจริงๆ

แสงพุทธส่องไปทั่วหล้า กงล้อทองคำบุญกุศลเสริมบารมีข้างหลัง สะท้อนออกมาเป็นร่างมายาของแดนพุทธ

เสียงพุทธะดังจากความว่างเปล่า ปรากฏการณ์ต้นโพธิ์ยักษ์บดบังฟ้าบังดวงตะวันส่องแสงไปทั่วทุกสารทิศ

บนต้นโพธิ์มีมังกรเทพสีทองแปดตัวนอนขดอยู่ ทุกตัวมีความยาวมากกว่าร้อยจั้ง ดูทรงอำนาจเป็นพิเศษ

เล่าลือว่าเจ้าพุทธะรุ่นนี้ของแดนศักดิ์สิทธิ์เสียงอัสนีฝึกฝนจนบรรลุเป็นกายแท้จริงพระพุทธองค์ เป็นพระพุทธองค์ที่มีชีวิตอยู่ และยังเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดของดินแดนบูรพา

เจ้าพุทธะเสียงอัสนีชำนาญคัมภีร์กุศลมหาปราชย์มากที่สุด ชำนาญปรัชญาในหลักการพุทธศาสนาทุกแขนง

เขาจะเดินทางไปแดนศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ บ่อยครั้ง ไปสนทนาธรรมถกมรรคากับเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ ก็แทบจะไม่เคยแพ้เลย

ในยี่สิบแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดินแดนบูรพา เจ้าพุทธะเสียงอัสนีเป็นหนึ่งในสองผู้อริยะที่มีสติปัญญาเลิศล้ำ

ใช่ ถูกแล้ว ผู้อริยะที่มีสติปัญญาเลิศล้ำอีกท่านก็คือเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์

และเพราะเหตุนี้เอง เจ้าพุทธะเสียงอัสนีจึงให้ความสำคัญกับบุตรพุทธะในรุ่นต่อไปมาก เจ้าพุทธะชื่นชมจางอวิ๋นถิงแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มาก คิดว่าสติปัญญาของเขามีลักษณะเหมือนกับบิดาของเขา

เจ้าพุทธะเสียงอัสนีหวังมาตลอดว่าศิษย์ของตนตอนถกมรรคาจะอยู่เหนือกว่าผู้สืบทอดเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์แทนตน น่าเสียดายก็แต่บุตรพุทธะขู่ตัวที่อยู่รุ่นเดียวกับจางอวิ๋นถิงเป็นคนซื่อบื้อ เป็นนักบวชหยาบคาย ไม่มีสติปัญญาแม้แต่น้อย

จะหวังให้บุตรพุทธะขู่ตัวใช้หลักการพุทธศาสนากดอยู่เหนือมรรคของจางอวิ๋นถิงผู้สืบทอดเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์นี่ไม่มีหวังเลย

ต่อมาเจ้าพุทธะเสียงอัสนีก็ปล่อยวาง ในเมื่อก้าวข้ามไม่ได้ก็ต้องเรียนรู้จากอีกฝ่ายเยอะๆ!

ด้วยเหตุนี้เจ้าพุทธะเสียงอัสนีจึงส่งบุตรพุทธะขู่ตัวมาผูกมิตรกับจางอวิ๋นถิงที่แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ปรากฏว่าบุตรพุทธะขู่ตัวกลับไม่สนิทสนมกับจางอวิ๋นถิง แต่ไปมั่วสุมกับฟางฉางแทน

อีกทั้งเจ้าบื้อสองคนนี้ยิ่งเที่ยวเล่นยิ่งโง่ ยิ่งเที่ยวเล่นยิ่งหลงระเริง วันๆ ก่อเรื่องไม่เคยหยุด

วางคัมภีร์กุศลมหาปราชญ์ไว้ให้เสแสร้งและยังล้างสมองคนได้อีกไม่ฝึกฝน กลับออกไปปราบมารทุกวัน

ต้องรู้ไว้ว่า การปราบมารก็ต้องมีสติปัญญาเช่นกัน พระพุทธมีเมตตาควรจะให้โอกาสวางดาบลง แต่เจ้าไปปราบมารทุกวัน สร้างความอาฆาตแค้นให้แดนศักดิ์สิทธิ์มากขนาดนั้น เกิดปีศาจมาแก้แค้นจะทำอย่างไร

ปีศาจพวกนี้มารับการโปรดสัตว์ที่แดนศักดิ์สิทธิ์ ทำให้แดนศักดิ์สิทธิ์แข็งแกร่งขึ้นมันไม่ดีหรือ

เจ้าพุทธะเสียงอัสนีอยากจะบอกหลักการพวกนี้กับบุตรพุทธะขู่ตัวมาตั้งนานแล้ว น่าเสียดายที่เขาบอกไม่ได้ เพราะตามประเพณีของพุทธศาสนาแล้ว ยอดฝีมือของพุทธศาสนาต้องเข้าใจหลักการนอกเหนือพุทธคัมภีร์พวกนี้อยู่แล้ว

แต่นี่คือกฎลับ จะบอกตรงๆ ไม่ได้ ได้แต่บอกเป็นนัยให้พวกลูกศิษย์ตระหนักรู้กันเอง

แต่บุตรพุทธะขู่ตัวโง่เขลา ไม่เข้าใจความลึกลับในนั้นมาตลอด ทำเจ้าพุทธะเสียงอัสนีกระทืบเท้าด้วยความโมโห

ถ้าไม่ใช่เพราะบุตรพุทธะขู่ตัวมีฐานะพิเศษที่ไม่มีใครมาแทนที่ได้สำหรับเจ้าพุทธะเสียงอัสนี เขาคงเปลี่ยนลูกศิษย์บ่มเพาะไปนานแล้ว ขี้เกียจจะสนใจเจ้าไร้สมองนี่

……

เจ้าพุทธะเสียงอัสนีปรากฏเป็นร่างจำแลง มนต์โปรดสรรพสิ่งดังขึ้นบนยอดเขาบัวขาว แฝงไว้ด้วยสติปัญญาเลิศล้ำ

สายฟ้าประกายเซียนของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พลุ่งพล่าน มีเสียงแห่งมรรคดังขึ้นกลางฟ้าดินเบาๆ ตีเสียงสวดมนต์แตกกระจาย

เขามองเจ้าพุทธะเสียงอัสนีพลางพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “สหายเทียนซิ่ว ไม่ได้เจอกันหลายวัน วิชาพุทธะของเจ้าลึกซึ้งขึ้นทุกคืนวันแล้ว”

เจ้าพุทธะเสียงอัสนีคีบดอกไม้ด้วยรอยยิ้ม “ใช่ที่ใดกัน กายเหมือนต้นโพธิ์ ใจดั่งแท่นกระจกใส หมั่นปัดถูบ่อยๆ เลยไม่มีฝุ่น อาตมามีปัญญาโง่เขลา ยังไม่ตระหนักความหมายสูงสุดของคัมภีร์กุศลมหาปราชญ์ มิกล้าเกียจคร้านแม้แต่ครู่เดียวเลย”

เมื่อได้ฟังคำตอบของเจ้าพุทธะเสียงอัสนี ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวกับผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตต่างมีสีหน้าจริงจังขึ้นมา ทุกคนต่างรู้ว่าแดนศักดิ์สิทธิ์เสียงอัสนีมีคัมภีร์กุศลมหาปราชญ์เป็นมรดกวิชาสูงสุด

หากฝึกฝนมรดกวิชานี้สำเร็จ หนึ่งวันจะตระหนักได้สามพันคัมภีร์ บรรลุอรหันต์ได้ในทันที

คำว่า ‘บรรลุอรหันต์ได้ทันที’ ที่ว่านี้ไม่ใช่คำไร้สาระอย่าง ‘วางดาบลงก็จะบรรลุอรหันต์ทันที’ แต่จะอยู่ในตำแหน่งของพระพุทธองค์แท้จริง ยังไม่เคยมีใครตระหนักถึงขอบเขตนี้ได้มาก่อน จะเห็นได้ถึงความยากของระดับนี้

ทว่าฟังจากท่วงทำนองแห่งพุทธะของเจ้าพุทธะเสียงอัสนีตอนนี้แล้ว คงจะห่างจากระดับพลังสูงสุดนั้นอีกแค่ก้าวเดียว หากเดินก้าวนี้ไปได้ เกรงว่าทั้งดินแดนบูรพาคงจะเกิดเหตุการณ์ครั้งใหญ่อย่างเจ้าพุทธะเทียนซิ่วกดอยู่เหนือกว่าลัทธิเต๋า

และสถานการณ์เช่นนี้ แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ที่เป็นฝ่ายเต๋าคงไม่อยากเห็นอย่างแน่นอน ถึงอย่างไรก็มาจากฝ่ายต่างกัน

สำนักพุทธแดนทะเลทรายประจิมแยกออกมาเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์เสียงอัสนี จะกดขี่อยู่เหนือทุกแดนศักดิ์สิทธิ์ในดินแดนบูรพาหรือ

แบบนั้น แดนศักดิ์สิทธิ์ฝ่ายเต๋าจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด ไม่เอาหนังหน้าแล้วรึ

บรรยากาศบนยอดเขาบัวขาวเย็นลง แดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่สองแห่งซัดสาดใส่กันลับๆ

เจ้าพุทธะเสียงอัสนีเองก็ไม่แปลกใจ เขาคีบดอกไม้ด้วยรอยยิ้ม “ไม่ทราบว่าศิษย์หลานฟางฉางเป็นอย่างไรบ้าง”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ยังไม่ทันตอบ ฟางฉางข้างๆ ก็เดินเคียงบ่าเคียงไหลกับบุตรพุทธะขู่ตัวก้าวเท้ายาวเข้ามา

เขาแสยะปากและแสดงความเคารพเจ้าพุทธะเสียงอัสนีโดยไม่ถือเป็นคนนอกแม้แต่น้อย “ขอบคุณที่ท่านเจ้าพุทธะเป็นห่วง ฟางฉางหายดีแล้ว”

เจ้าพุทธะเสียงอัสนีมองบุตรพุทธะขู่ตัวที่เคียงบ่าเคียงไหล่มากับฟางฉาง ดวงตาเป็นประกายแสงพุทธวูบไหว “หายดีแล้วรึ”

ไม่น่าใช่นะ!

ก่อนหน้านี้บุตรพุทธะขู่ตัวมาขอของเหลวกายทองคำจากเจ้าพุทธะเสียงอัสนี ร้องไห้ไปร้องทุกข์ไป กระทั่งตอบตกลงเจ้าพุทธะเสียงอัสนีว่าจากนี้จะตั้งใจอ่านคัมภีร์

แม้เจ้าพุทธะเสียงอัสนีจะไม่เชื่อบุตรพุทธะขู่ตัว แต่ก็ยังให้ของเหลวกายทองคำไป ก็เพราะเขารู้ว่าของเหลวกายทองคำช่วยรักษาอาการบาดเจ็บแห่งมหามรรคแก่นพลังทองแตกไม่ได้แน่

ในเมื่อเจ้าฟางฉางกระโดดโลดเต้นอยู่ได้ไม่กี่วัน เจ้าพุทธะเสียงอัสนีก็ไม่ถือสาเป็นตาแก่ใจดีผลักเรือไปตามน้ำ

แต่ตอนนี้เกิดอะไรขึ้น เหตุใดเจ้าขู่ตัวถึงเดินเคียงบ่าเคียงไหล่กับฟางฉางอีก เหตุใดเจ้านี่ถึงหายดีแล้ว

บุตรพุทธะขู่ตัวเหมือนอยากจะโอ้อวดกับอาจารย์ตน จึงหยิบของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานออกมาจากอกเสื้อ

เขาพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ใช่ ดีที่ศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เสิ่นเทียนมีของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานหลายพันชั่งเลย เขาแค่เอาออกมาสองร้อยชั่งก็ช่วยฟางฉางได้แล้ว ทั้งยังช่วยเขาทะลวงแก่นพลังทองรอบเก้าอีก”

ของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานหลายพันชั่งหรือ ตอนนี้เจ้าพุทธะเสียงอัสนีอึ้งไปแล้ว

จะว่าไปของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานนั่นไม่ใช่สมบัติล้ำค่าเยียวยาระดับสูงสุดที่แค่ครึ่งชั่งก็ยังหายากหรือ เหตุใดบุตรศักดิ์สิทธิ์คนใหม่ที่ยังไม่มีชื่อเสียงเลื่องลือถึงเอาออกมาได้ทีเดียวหลายพันชั่งล่ะ

เจ้าพุทธะเสียงอัสนีมองเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ในมือยังคงคีบดอกไม้อรหันต์ทองคำ แต่ยิ้มไม่ออกแล้ว

“สหายหลงหยวน ฝ่ายเจ้ามีบุตรศักดิ์สิทธิ์คนใหม่ตั้งแต่เมื่อไร เหตุใดอาตมาไม่เห็นได้ยินเลย”

สายฟ้าประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กระเพื่อม “เทียนเอ๋อร์เป็นศิษย์ที่ข้ารับมาใหม่ พิธีแต่งตั้งบุตรศักดิ์สิทธิ์ของเขาจะจัดในอีกหนึ่งปีให้หลัง ตอนนี้กำลังเร่งทำบัตรเชิญอยู่”

ในโลกบำเพ็ญเซียน พวกยอดฝีมือปิดด่านบำเพ็ญครั้งหนึ่งบางทีก็ครึ่งปี กระทั่งหลายสิบปีถึงร้อยปีแล้ว

ด้วยเหตุนี้แม้จะเป็นพิธีฉลองสำคัญ อย่างน้อยก็ต้องเตรียมล่วงหน้าหนึ่งปี ส่วนพิธีแต่งตั้งเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ก็อาจจะต้องเตรียมล่วงหน้าร้อยปี!

ถึงอย่างไรแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็เป็นหนึ่งในยี่สิบแดนศักดิ์สิทธิ์ พิธีแต่งตั้งบุตรศักดิ์สิทธิ์ย่อมต้องจัดให้อย่างสมเกียรติ

เจ้าพุทธะเสียงอัสนีครุ่นคิด เขามองเสิ่นเทียนที่อยากจะเก็บตัวเงียบๆ ใจจะขาดข้างๆ ก่อนดวงตาจะเปล่งประกายขึ้นมาทันที

เป็นบุรุษรูปงามสะเทือนโลก เหมาะกับการเผยแพร่หลักการพุทธถกมรรคาจริงๆ

ถ้าเด็กคนนี้เข้าฝ่ายพุทธ จะไร้พ่ายเรื่องการหลอกสาวก!

ไม่ต้องฝึกคัมภีร์กุศลมหาปราชญ์ ขอแค่หล่อก็พอแล้ว

เจอกับสีกาพวกนั้น แค่คีบดอกไม้ด้วยรอยยิ้ม ‘อมิตาพุทธ สีกามีวาสนากับพุทธศาสนา’

ถึงตอนนั้นทั้งดินแดนบูรพาก็ไม่รู้ว่าจะมีสาวกพุทธศาสนาผู้ซื่อตรงเพิ่มขึ้นมาอีกเท่าไร ฝ่ายพุทธจะยิ่งใหญ่ขึ้น!

เมื่อคิดได้ดังนั้น เจ้าพุทธะเสียงอัสนีก็มองเจ้าศิษย์โง่ที่เคียงบ่าเคียงไหล่กับฟางฉางและรู้จักแต่ยิ้มโง่ๆ นั่นอีกครั้ง

ไม่กลัวสินค้าจะไม่เป็นที่รู้จัก แต่กลัวมีสินค้ามาเปรียบเทียบกัน

เจ้าพุทธะเสียงอัสนีอิจฉาแล้ว

…………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน บทที่ 176 เจ้าพุทธะอิจฉาแล้ว

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 176 เจ้าพุทธะอิจฉาแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 176 เจ้าพุทธะอิจฉาแล้ว

ต้องบอกว่าเจ้าพุทธะเสียงอัสนีออกโรงได้ค่อนข้างยิ่งใหญ่เลยจริงๆ

แสงพุทธส่องไปทั่วหล้า กงล้อทองคำบุญกุศลเสริมบารมีข้างหลัง สะท้อนออกมาเป็นร่างมายาของแดนพุทธ

เสียงพุทธะดังจากความว่างเปล่า ปรากฏการณ์ต้นโพธิ์ยักษ์บดบังฟ้าบังดวงตะวันส่องแสงไปทั่วทุกสารทิศ

บนต้นโพธิ์มีมังกรเทพสีทองแปดตัวนอนขดอยู่ ทุกตัวมีความยาวมากกว่าร้อยจั้ง ดูทรงอำนาจเป็นพิเศษ

เล่าลือว่าเจ้าพุทธะรุ่นนี้ของแดนศักดิ์สิทธิ์เสียงอัสนีฝึกฝนจนบรรลุเป็นกายแท้จริงพระพุทธองค์ เป็นพระพุทธองค์ที่มีชีวิตอยู่ และยังเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดของดินแดนบูรพา

เจ้าพุทธะเสียงอัสนีชำนาญคัมภีร์กุศลมหาปราชย์มากที่สุด ชำนาญปรัชญาในหลักการพุทธศาสนาทุกแขนง

เขาจะเดินทางไปแดนศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ บ่อยครั้ง ไปสนทนาธรรมถกมรรคากับเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ ก็แทบจะไม่เคยแพ้เลย

ในยี่สิบแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดินแดนบูรพา เจ้าพุทธะเสียงอัสนีเป็นหนึ่งในสองผู้อริยะที่มีสติปัญญาเลิศล้ำ

ใช่ ถูกแล้ว ผู้อริยะที่มีสติปัญญาเลิศล้ำอีกท่านก็คือเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์

และเพราะเหตุนี้เอง เจ้าพุทธะเสียงอัสนีจึงให้ความสำคัญกับบุตรพุทธะในรุ่นต่อไปมาก เจ้าพุทธะชื่นชมจางอวิ๋นถิงแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มาก คิดว่าสติปัญญาของเขามีลักษณะเหมือนกับบิดาของเขา

เจ้าพุทธะเสียงอัสนีหวังมาตลอดว่าศิษย์ของตนตอนถกมรรคาจะอยู่เหนือกว่าผู้สืบทอดเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์แทนตน น่าเสียดายก็แต่บุตรพุทธะขู่ตัวที่อยู่รุ่นเดียวกับจางอวิ๋นถิงเป็นคนซื่อบื้อ เป็นนักบวชหยาบคาย ไม่มีสติปัญญาแม้แต่น้อย

จะหวังให้บุตรพุทธะขู่ตัวใช้หลักการพุทธศาสนากดอยู่เหนือมรรคของจางอวิ๋นถิงผู้สืบทอดเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์นี่ไม่มีหวังเลย

ต่อมาเจ้าพุทธะเสียงอัสนีก็ปล่อยวาง ในเมื่อก้าวข้ามไม่ได้ก็ต้องเรียนรู้จากอีกฝ่ายเยอะๆ!

ด้วยเหตุนี้เจ้าพุทธะเสียงอัสนีจึงส่งบุตรพุทธะขู่ตัวมาผูกมิตรกับจางอวิ๋นถิงที่แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ปรากฏว่าบุตรพุทธะขู่ตัวกลับไม่สนิทสนมกับจางอวิ๋นถิง แต่ไปมั่วสุมกับฟางฉางแทน

อีกทั้งเจ้าบื้อสองคนนี้ยิ่งเที่ยวเล่นยิ่งโง่ ยิ่งเที่ยวเล่นยิ่งหลงระเริง วันๆ ก่อเรื่องไม่เคยหยุด

วางคัมภีร์กุศลมหาปราชญ์ไว้ให้เสแสร้งและยังล้างสมองคนได้อีกไม่ฝึกฝน กลับออกไปปราบมารทุกวัน

ต้องรู้ไว้ว่า การปราบมารก็ต้องมีสติปัญญาเช่นกัน พระพุทธมีเมตตาควรจะให้โอกาสวางดาบลง แต่เจ้าไปปราบมารทุกวัน สร้างความอาฆาตแค้นให้แดนศักดิ์สิทธิ์มากขนาดนั้น เกิดปีศาจมาแก้แค้นจะทำอย่างไร

ปีศาจพวกนี้มารับการโปรดสัตว์ที่แดนศักดิ์สิทธิ์ ทำให้แดนศักดิ์สิทธิ์แข็งแกร่งขึ้นมันไม่ดีหรือ

เจ้าพุทธะเสียงอัสนีอยากจะบอกหลักการพวกนี้กับบุตรพุทธะขู่ตัวมาตั้งนานแล้ว น่าเสียดายที่เขาบอกไม่ได้ เพราะตามประเพณีของพุทธศาสนาแล้ว ยอดฝีมือของพุทธศาสนาต้องเข้าใจหลักการนอกเหนือพุทธคัมภีร์พวกนี้อยู่แล้ว

แต่นี่คือกฎลับ จะบอกตรงๆ ไม่ได้ ได้แต่บอกเป็นนัยให้พวกลูกศิษย์ตระหนักรู้กันเอง

แต่บุตรพุทธะขู่ตัวโง่เขลา ไม่เข้าใจความลึกลับในนั้นมาตลอด ทำเจ้าพุทธะเสียงอัสนีกระทืบเท้าด้วยความโมโห

ถ้าไม่ใช่เพราะบุตรพุทธะขู่ตัวมีฐานะพิเศษที่ไม่มีใครมาแทนที่ได้สำหรับเจ้าพุทธะเสียงอัสนี เขาคงเปลี่ยนลูกศิษย์บ่มเพาะไปนานแล้ว ขี้เกียจจะสนใจเจ้าไร้สมองนี่

……

เจ้าพุทธะเสียงอัสนีปรากฏเป็นร่างจำแลง มนต์โปรดสรรพสิ่งดังขึ้นบนยอดเขาบัวขาว แฝงไว้ด้วยสติปัญญาเลิศล้ำ

สายฟ้าประกายเซียนของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พลุ่งพล่าน มีเสียงแห่งมรรคดังขึ้นกลางฟ้าดินเบาๆ ตีเสียงสวดมนต์แตกกระจาย

เขามองเจ้าพุทธะเสียงอัสนีพลางพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “สหายเทียนซิ่ว ไม่ได้เจอกันหลายวัน วิชาพุทธะของเจ้าลึกซึ้งขึ้นทุกคืนวันแล้ว”

เจ้าพุทธะเสียงอัสนีคีบดอกไม้ด้วยรอยยิ้ม “ใช่ที่ใดกัน กายเหมือนต้นโพธิ์ ใจดั่งแท่นกระจกใส หมั่นปัดถูบ่อยๆ เลยไม่มีฝุ่น อาตมามีปัญญาโง่เขลา ยังไม่ตระหนักความหมายสูงสุดของคัมภีร์กุศลมหาปราชญ์ มิกล้าเกียจคร้านแม้แต่ครู่เดียวเลย”

เมื่อได้ฟังคำตอบของเจ้าพุทธะเสียงอัสนี ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวกับผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตต่างมีสีหน้าจริงจังขึ้นมา ทุกคนต่างรู้ว่าแดนศักดิ์สิทธิ์เสียงอัสนีมีคัมภีร์กุศลมหาปราชญ์เป็นมรดกวิชาสูงสุด

หากฝึกฝนมรดกวิชานี้สำเร็จ หนึ่งวันจะตระหนักได้สามพันคัมภีร์ บรรลุอรหันต์ได้ในทันที

คำว่า ‘บรรลุอรหันต์ได้ทันที’ ที่ว่านี้ไม่ใช่คำไร้สาระอย่าง ‘วางดาบลงก็จะบรรลุอรหันต์ทันที’ แต่จะอยู่ในตำแหน่งของพระพุทธองค์แท้จริง ยังไม่เคยมีใครตระหนักถึงขอบเขตนี้ได้มาก่อน จะเห็นได้ถึงความยากของระดับนี้

ทว่าฟังจากท่วงทำนองแห่งพุทธะของเจ้าพุทธะเสียงอัสนีตอนนี้แล้ว คงจะห่างจากระดับพลังสูงสุดนั้นอีกแค่ก้าวเดียว หากเดินก้าวนี้ไปได้ เกรงว่าทั้งดินแดนบูรพาคงจะเกิดเหตุการณ์ครั้งใหญ่อย่างเจ้าพุทธะเทียนซิ่วกดอยู่เหนือกว่าลัทธิเต๋า

และสถานการณ์เช่นนี้ แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ที่เป็นฝ่ายเต๋าคงไม่อยากเห็นอย่างแน่นอน ถึงอย่างไรก็มาจากฝ่ายต่างกัน

สำนักพุทธแดนทะเลทรายประจิมแยกออกมาเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์เสียงอัสนี จะกดขี่อยู่เหนือทุกแดนศักดิ์สิทธิ์ในดินแดนบูรพาหรือ

แบบนั้น แดนศักดิ์สิทธิ์ฝ่ายเต๋าจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด ไม่เอาหนังหน้าแล้วรึ

บรรยากาศบนยอดเขาบัวขาวเย็นลง แดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่สองแห่งซัดสาดใส่กันลับๆ

เจ้าพุทธะเสียงอัสนีเองก็ไม่แปลกใจ เขาคีบดอกไม้ด้วยรอยยิ้ม “ไม่ทราบว่าศิษย์หลานฟางฉางเป็นอย่างไรบ้าง”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ยังไม่ทันตอบ ฟางฉางข้างๆ ก็เดินเคียงบ่าเคียงไหลกับบุตรพุทธะขู่ตัวก้าวเท้ายาวเข้ามา

เขาแสยะปากและแสดงความเคารพเจ้าพุทธะเสียงอัสนีโดยไม่ถือเป็นคนนอกแม้แต่น้อย “ขอบคุณที่ท่านเจ้าพุทธะเป็นห่วง ฟางฉางหายดีแล้ว”

เจ้าพุทธะเสียงอัสนีมองบุตรพุทธะขู่ตัวที่เคียงบ่าเคียงไหล่มากับฟางฉาง ดวงตาเป็นประกายแสงพุทธวูบไหว “หายดีแล้วรึ”

ไม่น่าใช่นะ!

ก่อนหน้านี้บุตรพุทธะขู่ตัวมาขอของเหลวกายทองคำจากเจ้าพุทธะเสียงอัสนี ร้องไห้ไปร้องทุกข์ไป กระทั่งตอบตกลงเจ้าพุทธะเสียงอัสนีว่าจากนี้จะตั้งใจอ่านคัมภีร์

แม้เจ้าพุทธะเสียงอัสนีจะไม่เชื่อบุตรพุทธะขู่ตัว แต่ก็ยังให้ของเหลวกายทองคำไป ก็เพราะเขารู้ว่าของเหลวกายทองคำช่วยรักษาอาการบาดเจ็บแห่งมหามรรคแก่นพลังทองแตกไม่ได้แน่

ในเมื่อเจ้าฟางฉางกระโดดโลดเต้นอยู่ได้ไม่กี่วัน เจ้าพุทธะเสียงอัสนีก็ไม่ถือสาเป็นตาแก่ใจดีผลักเรือไปตามน้ำ

แต่ตอนนี้เกิดอะไรขึ้น เหตุใดเจ้าขู่ตัวถึงเดินเคียงบ่าเคียงไหล่กับฟางฉางอีก เหตุใดเจ้านี่ถึงหายดีแล้ว

บุตรพุทธะขู่ตัวเหมือนอยากจะโอ้อวดกับอาจารย์ตน จึงหยิบของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานออกมาจากอกเสื้อ

เขาพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ใช่ ดีที่ศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เสิ่นเทียนมีของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานหลายพันชั่งเลย เขาแค่เอาออกมาสองร้อยชั่งก็ช่วยฟางฉางได้แล้ว ทั้งยังช่วยเขาทะลวงแก่นพลังทองรอบเก้าอีก”

ของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานหลายพันชั่งหรือ ตอนนี้เจ้าพุทธะเสียงอัสนีอึ้งไปแล้ว

จะว่าไปของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานนั่นไม่ใช่สมบัติล้ำค่าเยียวยาระดับสูงสุดที่แค่ครึ่งชั่งก็ยังหายากหรือ เหตุใดบุตรศักดิ์สิทธิ์คนใหม่ที่ยังไม่มีชื่อเสียงเลื่องลือถึงเอาออกมาได้ทีเดียวหลายพันชั่งล่ะ

เจ้าพุทธะเสียงอัสนีมองเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ในมือยังคงคีบดอกไม้อรหันต์ทองคำ แต่ยิ้มไม่ออกแล้ว

“สหายหลงหยวน ฝ่ายเจ้ามีบุตรศักดิ์สิทธิ์คนใหม่ตั้งแต่เมื่อไร เหตุใดอาตมาไม่เห็นได้ยินเลย”

สายฟ้าประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กระเพื่อม “เทียนเอ๋อร์เป็นศิษย์ที่ข้ารับมาใหม่ พิธีแต่งตั้งบุตรศักดิ์สิทธิ์ของเขาจะจัดในอีกหนึ่งปีให้หลัง ตอนนี้กำลังเร่งทำบัตรเชิญอยู่”

ในโลกบำเพ็ญเซียน พวกยอดฝีมือปิดด่านบำเพ็ญครั้งหนึ่งบางทีก็ครึ่งปี กระทั่งหลายสิบปีถึงร้อยปีแล้ว

ด้วยเหตุนี้แม้จะเป็นพิธีฉลองสำคัญ อย่างน้อยก็ต้องเตรียมล่วงหน้าหนึ่งปี ส่วนพิธีแต่งตั้งเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ก็อาจจะต้องเตรียมล่วงหน้าร้อยปี!

ถึงอย่างไรแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็เป็นหนึ่งในยี่สิบแดนศักดิ์สิทธิ์ พิธีแต่งตั้งบุตรศักดิ์สิทธิ์ย่อมต้องจัดให้อย่างสมเกียรติ

เจ้าพุทธะเสียงอัสนีครุ่นคิด เขามองเสิ่นเทียนที่อยากจะเก็บตัวเงียบๆ ใจจะขาดข้างๆ ก่อนดวงตาจะเปล่งประกายขึ้นมาทันที

เป็นบุรุษรูปงามสะเทือนโลก เหมาะกับการเผยแพร่หลักการพุทธถกมรรคาจริงๆ

ถ้าเด็กคนนี้เข้าฝ่ายพุทธ จะไร้พ่ายเรื่องการหลอกสาวก!

ไม่ต้องฝึกคัมภีร์กุศลมหาปราชญ์ ขอแค่หล่อก็พอแล้ว

เจอกับสีกาพวกนั้น แค่คีบดอกไม้ด้วยรอยยิ้ม ‘อมิตาพุทธ สีกามีวาสนากับพุทธศาสนา’

ถึงตอนนั้นทั้งดินแดนบูรพาก็ไม่รู้ว่าจะมีสาวกพุทธศาสนาผู้ซื่อตรงเพิ่มขึ้นมาอีกเท่าไร ฝ่ายพุทธจะยิ่งใหญ่ขึ้น!

เมื่อคิดได้ดังนั้น เจ้าพุทธะเสียงอัสนีก็มองเจ้าศิษย์โง่ที่เคียงบ่าเคียงไหล่กับฟางฉางและรู้จักแต่ยิ้มโง่ๆ นั่นอีกครั้ง

ไม่กลัวสินค้าจะไม่เป็นที่รู้จัก แต่กลัวมีสินค้ามาเปรียบเทียบกัน

เจ้าพุทธะเสียงอัสนีอิจฉาแล้ว

…………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน บทที่ 176 เจ้าพุทธะอิจฉาแล้ว

Now you are reading บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน Chapter บทที่ 176 เจ้าพุทธะอิจฉาแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 176 เจ้าพุทธะอิจฉาแล้ว

ต้องบอกว่าเจ้าพุทธะเสียงอัสนีออกโรงได้ค่อนข้างยิ่งใหญ่เลยจริงๆ

แสงพุทธส่องไปทั่วหล้า กงล้อทองคำบุญกุศลเสริมบารมีข้างหลัง สะท้อนออกมาเป็นร่างมายาของแดนพุทธ

เสียงพุทธะดังจากความว่างเปล่า ปรากฏการณ์ต้นโพธิ์ยักษ์บดบังฟ้าบังดวงตะวันส่องแสงไปทั่วทุกสารทิศ

บนต้นโพธิ์มีมังกรเทพสีทองแปดตัวนอนขดอยู่ ทุกตัวมีความยาวมากกว่าร้อยจั้ง ดูทรงอำนาจเป็นพิเศษ

เล่าลือว่าเจ้าพุทธะรุ่นนี้ของแดนศักดิ์สิทธิ์เสียงอัสนีฝึกฝนจนบรรลุเป็นกายแท้จริงพระพุทธองค์ เป็นพระพุทธองค์ที่มีชีวิตอยู่ และยังเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดของดินแดนบูรพา

เจ้าพุทธะเสียงอัสนีชำนาญคัมภีร์กุศลมหาปราชย์มากที่สุด ชำนาญปรัชญาในหลักการพุทธศาสนาทุกแขนง

เขาจะเดินทางไปแดนศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ บ่อยครั้ง ไปสนทนาธรรมถกมรรคากับเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ ก็แทบจะไม่เคยแพ้เลย

ในยี่สิบแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดินแดนบูรพา เจ้าพุทธะเสียงอัสนีเป็นหนึ่งในสองผู้อริยะที่มีสติปัญญาเลิศล้ำ

ใช่ ถูกแล้ว ผู้อริยะที่มีสติปัญญาเลิศล้ำอีกท่านก็คือเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์

และเพราะเหตุนี้เอง เจ้าพุทธะเสียงอัสนีจึงให้ความสำคัญกับบุตรพุทธะในรุ่นต่อไปมาก เจ้าพุทธะชื่นชมจางอวิ๋นถิงแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มาก คิดว่าสติปัญญาของเขามีลักษณะเหมือนกับบิดาของเขา

เจ้าพุทธะเสียงอัสนีหวังมาตลอดว่าศิษย์ของตนตอนถกมรรคาจะอยู่เหนือกว่าผู้สืบทอดเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์แทนตน น่าเสียดายก็แต่บุตรพุทธะขู่ตัวที่อยู่รุ่นเดียวกับจางอวิ๋นถิงเป็นคนซื่อบื้อ เป็นนักบวชหยาบคาย ไม่มีสติปัญญาแม้แต่น้อย

จะหวังให้บุตรพุทธะขู่ตัวใช้หลักการพุทธศาสนากดอยู่เหนือมรรคของจางอวิ๋นถิงผู้สืบทอดเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์นี่ไม่มีหวังเลย

ต่อมาเจ้าพุทธะเสียงอัสนีก็ปล่อยวาง ในเมื่อก้าวข้ามไม่ได้ก็ต้องเรียนรู้จากอีกฝ่ายเยอะๆ!

ด้วยเหตุนี้เจ้าพุทธะเสียงอัสนีจึงส่งบุตรพุทธะขู่ตัวมาผูกมิตรกับจางอวิ๋นถิงที่แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ปรากฏว่าบุตรพุทธะขู่ตัวกลับไม่สนิทสนมกับจางอวิ๋นถิง แต่ไปมั่วสุมกับฟางฉางแทน

อีกทั้งเจ้าบื้อสองคนนี้ยิ่งเที่ยวเล่นยิ่งโง่ ยิ่งเที่ยวเล่นยิ่งหลงระเริง วันๆ ก่อเรื่องไม่เคยหยุด

วางคัมภีร์กุศลมหาปราชญ์ไว้ให้เสแสร้งและยังล้างสมองคนได้อีกไม่ฝึกฝน กลับออกไปปราบมารทุกวัน

ต้องรู้ไว้ว่า การปราบมารก็ต้องมีสติปัญญาเช่นกัน พระพุทธมีเมตตาควรจะให้โอกาสวางดาบลง แต่เจ้าไปปราบมารทุกวัน สร้างความอาฆาตแค้นให้แดนศักดิ์สิทธิ์มากขนาดนั้น เกิดปีศาจมาแก้แค้นจะทำอย่างไร

ปีศาจพวกนี้มารับการโปรดสัตว์ที่แดนศักดิ์สิทธิ์ ทำให้แดนศักดิ์สิทธิ์แข็งแกร่งขึ้นมันไม่ดีหรือ

เจ้าพุทธะเสียงอัสนีอยากจะบอกหลักการพวกนี้กับบุตรพุทธะขู่ตัวมาตั้งนานแล้ว น่าเสียดายที่เขาบอกไม่ได้ เพราะตามประเพณีของพุทธศาสนาแล้ว ยอดฝีมือของพุทธศาสนาต้องเข้าใจหลักการนอกเหนือพุทธคัมภีร์พวกนี้อยู่แล้ว

แต่นี่คือกฎลับ จะบอกตรงๆ ไม่ได้ ได้แต่บอกเป็นนัยให้พวกลูกศิษย์ตระหนักรู้กันเอง

แต่บุตรพุทธะขู่ตัวโง่เขลา ไม่เข้าใจความลึกลับในนั้นมาตลอด ทำเจ้าพุทธะเสียงอัสนีกระทืบเท้าด้วยความโมโห

ถ้าไม่ใช่เพราะบุตรพุทธะขู่ตัวมีฐานะพิเศษที่ไม่มีใครมาแทนที่ได้สำหรับเจ้าพุทธะเสียงอัสนี เขาคงเปลี่ยนลูกศิษย์บ่มเพาะไปนานแล้ว ขี้เกียจจะสนใจเจ้าไร้สมองนี่

……

เจ้าพุทธะเสียงอัสนีปรากฏเป็นร่างจำแลง มนต์โปรดสรรพสิ่งดังขึ้นบนยอดเขาบัวขาว แฝงไว้ด้วยสติปัญญาเลิศล้ำ

สายฟ้าประกายเซียนของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พลุ่งพล่าน มีเสียงแห่งมรรคดังขึ้นกลางฟ้าดินเบาๆ ตีเสียงสวดมนต์แตกกระจาย

เขามองเจ้าพุทธะเสียงอัสนีพลางพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “สหายเทียนซิ่ว ไม่ได้เจอกันหลายวัน วิชาพุทธะของเจ้าลึกซึ้งขึ้นทุกคืนวันแล้ว”

เจ้าพุทธะเสียงอัสนีคีบดอกไม้ด้วยรอยยิ้ม “ใช่ที่ใดกัน กายเหมือนต้นโพธิ์ ใจดั่งแท่นกระจกใส หมั่นปัดถูบ่อยๆ เลยไม่มีฝุ่น อาตมามีปัญญาโง่เขลา ยังไม่ตระหนักความหมายสูงสุดของคัมภีร์กุศลมหาปราชญ์ มิกล้าเกียจคร้านแม้แต่ครู่เดียวเลย”

เมื่อได้ฟังคำตอบของเจ้าพุทธะเสียงอัสนี ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวกับผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตต่างมีสีหน้าจริงจังขึ้นมา ทุกคนต่างรู้ว่าแดนศักดิ์สิทธิ์เสียงอัสนีมีคัมภีร์กุศลมหาปราชญ์เป็นมรดกวิชาสูงสุด

หากฝึกฝนมรดกวิชานี้สำเร็จ หนึ่งวันจะตระหนักได้สามพันคัมภีร์ บรรลุอรหันต์ได้ในทันที

คำว่า ‘บรรลุอรหันต์ได้ทันที’ ที่ว่านี้ไม่ใช่คำไร้สาระอย่าง ‘วางดาบลงก็จะบรรลุอรหันต์ทันที’ แต่จะอยู่ในตำแหน่งของพระพุทธองค์แท้จริง ยังไม่เคยมีใครตระหนักถึงขอบเขตนี้ได้มาก่อน จะเห็นได้ถึงความยากของระดับนี้

ทว่าฟังจากท่วงทำนองแห่งพุทธะของเจ้าพุทธะเสียงอัสนีตอนนี้แล้ว คงจะห่างจากระดับพลังสูงสุดนั้นอีกแค่ก้าวเดียว หากเดินก้าวนี้ไปได้ เกรงว่าทั้งดินแดนบูรพาคงจะเกิดเหตุการณ์ครั้งใหญ่อย่างเจ้าพุทธะเทียนซิ่วกดอยู่เหนือกว่าลัทธิเต๋า

และสถานการณ์เช่นนี้ แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ที่เป็นฝ่ายเต๋าคงไม่อยากเห็นอย่างแน่นอน ถึงอย่างไรก็มาจากฝ่ายต่างกัน

สำนักพุทธแดนทะเลทรายประจิมแยกออกมาเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์เสียงอัสนี จะกดขี่อยู่เหนือทุกแดนศักดิ์สิทธิ์ในดินแดนบูรพาหรือ

แบบนั้น แดนศักดิ์สิทธิ์ฝ่ายเต๋าจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด ไม่เอาหนังหน้าแล้วรึ

บรรยากาศบนยอดเขาบัวขาวเย็นลง แดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่สองแห่งซัดสาดใส่กันลับๆ

เจ้าพุทธะเสียงอัสนีเองก็ไม่แปลกใจ เขาคีบดอกไม้ด้วยรอยยิ้ม “ไม่ทราบว่าศิษย์หลานฟางฉางเป็นอย่างไรบ้าง”

เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ยังไม่ทันตอบ ฟางฉางข้างๆ ก็เดินเคียงบ่าเคียงไหลกับบุตรพุทธะขู่ตัวก้าวเท้ายาวเข้ามา

เขาแสยะปากและแสดงความเคารพเจ้าพุทธะเสียงอัสนีโดยไม่ถือเป็นคนนอกแม้แต่น้อย “ขอบคุณที่ท่านเจ้าพุทธะเป็นห่วง ฟางฉางหายดีแล้ว”

เจ้าพุทธะเสียงอัสนีมองบุตรพุทธะขู่ตัวที่เคียงบ่าเคียงไหล่มากับฟางฉาง ดวงตาเป็นประกายแสงพุทธวูบไหว “หายดีแล้วรึ”

ไม่น่าใช่นะ!

ก่อนหน้านี้บุตรพุทธะขู่ตัวมาขอของเหลวกายทองคำจากเจ้าพุทธะเสียงอัสนี ร้องไห้ไปร้องทุกข์ไป กระทั่งตอบตกลงเจ้าพุทธะเสียงอัสนีว่าจากนี้จะตั้งใจอ่านคัมภีร์

แม้เจ้าพุทธะเสียงอัสนีจะไม่เชื่อบุตรพุทธะขู่ตัว แต่ก็ยังให้ของเหลวกายทองคำไป ก็เพราะเขารู้ว่าของเหลวกายทองคำช่วยรักษาอาการบาดเจ็บแห่งมหามรรคแก่นพลังทองแตกไม่ได้แน่

ในเมื่อเจ้าฟางฉางกระโดดโลดเต้นอยู่ได้ไม่กี่วัน เจ้าพุทธะเสียงอัสนีก็ไม่ถือสาเป็นตาแก่ใจดีผลักเรือไปตามน้ำ

แต่ตอนนี้เกิดอะไรขึ้น เหตุใดเจ้าขู่ตัวถึงเดินเคียงบ่าเคียงไหล่กับฟางฉางอีก เหตุใดเจ้านี่ถึงหายดีแล้ว

บุตรพุทธะขู่ตัวเหมือนอยากจะโอ้อวดกับอาจารย์ตน จึงหยิบของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานออกมาจากอกเสื้อ

เขาพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ใช่ ดีที่ศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เสิ่นเทียนมีของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานหลายพันชั่งเลย เขาแค่เอาออกมาสองร้อยชั่งก็ช่วยฟางฉางได้แล้ว ทั้งยังช่วยเขาทะลวงแก่นพลังทองรอบเก้าอีก”

ของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานหลายพันชั่งหรือ ตอนนี้เจ้าพุทธะเสียงอัสนีอึ้งไปแล้ว

จะว่าไปของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานนั่นไม่ใช่สมบัติล้ำค่าเยียวยาระดับสูงสุดที่แค่ครึ่งชั่งก็ยังหายากหรือ เหตุใดบุตรศักดิ์สิทธิ์คนใหม่ที่ยังไม่มีชื่อเสียงเลื่องลือถึงเอาออกมาได้ทีเดียวหลายพันชั่งล่ะ

เจ้าพุทธะเสียงอัสนีมองเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ในมือยังคงคีบดอกไม้อรหันต์ทองคำ แต่ยิ้มไม่ออกแล้ว

“สหายหลงหยวน ฝ่ายเจ้ามีบุตรศักดิ์สิทธิ์คนใหม่ตั้งแต่เมื่อไร เหตุใดอาตมาไม่เห็นได้ยินเลย”

สายฟ้าประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กระเพื่อม “เทียนเอ๋อร์เป็นศิษย์ที่ข้ารับมาใหม่ พิธีแต่งตั้งบุตรศักดิ์สิทธิ์ของเขาจะจัดในอีกหนึ่งปีให้หลัง ตอนนี้กำลังเร่งทำบัตรเชิญอยู่”

ในโลกบำเพ็ญเซียน พวกยอดฝีมือปิดด่านบำเพ็ญครั้งหนึ่งบางทีก็ครึ่งปี กระทั่งหลายสิบปีถึงร้อยปีแล้ว

ด้วยเหตุนี้แม้จะเป็นพิธีฉลองสำคัญ อย่างน้อยก็ต้องเตรียมล่วงหน้าหนึ่งปี ส่วนพิธีแต่งตั้งเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ก็อาจจะต้องเตรียมล่วงหน้าร้อยปี!

ถึงอย่างไรแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็เป็นหนึ่งในยี่สิบแดนศักดิ์สิทธิ์ พิธีแต่งตั้งบุตรศักดิ์สิทธิ์ย่อมต้องจัดให้อย่างสมเกียรติ

เจ้าพุทธะเสียงอัสนีครุ่นคิด เขามองเสิ่นเทียนที่อยากจะเก็บตัวเงียบๆ ใจจะขาดข้างๆ ก่อนดวงตาจะเปล่งประกายขึ้นมาทันที

เป็นบุรุษรูปงามสะเทือนโลก เหมาะกับการเผยแพร่หลักการพุทธถกมรรคาจริงๆ

ถ้าเด็กคนนี้เข้าฝ่ายพุทธ จะไร้พ่ายเรื่องการหลอกสาวก!

ไม่ต้องฝึกคัมภีร์กุศลมหาปราชญ์ ขอแค่หล่อก็พอแล้ว

เจอกับสีกาพวกนั้น แค่คีบดอกไม้ด้วยรอยยิ้ม ‘อมิตาพุทธ สีกามีวาสนากับพุทธศาสนา’

ถึงตอนนั้นทั้งดินแดนบูรพาก็ไม่รู้ว่าจะมีสาวกพุทธศาสนาผู้ซื่อตรงเพิ่มขึ้นมาอีกเท่าไร ฝ่ายพุทธจะยิ่งใหญ่ขึ้น!

เมื่อคิดได้ดังนั้น เจ้าพุทธะเสียงอัสนีก็มองเจ้าศิษย์โง่ที่เคียงบ่าเคียงไหล่กับฟางฉางและรู้จักแต่ยิ้มโง่ๆ นั่นอีกครั้ง

ไม่กลัวสินค้าจะไม่เป็นที่รู้จัก แต่กลัวมีสินค้ามาเปรียบเทียบกัน

เจ้าพุทธะเสียงอัสนีอิจฉาแล้ว

…………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+