ปล้นสวรรค์ ​ 65 ตัวช่วย

Now you are reading ปล้นสวรรค์ Chapter ​ 65 ตัวช่วย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

SPH:บทที่​ 65 ตัวช่วย
ในตอนเช้าตรู่ หลังเย่หยูลุกจากเตียง เขาล้างหน้าและบ้วนปาก
ที่บนเวทีที่เต็มไปด้วยแสงสว่าง มีคนสองคนเผชิญหน้ากัน ชายหนุ่มและชายสูงวัย
ที่ด้านล่างเวที มีคนดูเบียดเสียดแน่นขนัด ทุกคนมองไปที่ชายหนุ่มอย่างกระวนกระวายและคาดหวัง นี่เป็นรายการถ่ายทอดสดแบบเรียลลิตี้ ฉันคือมหาเศรษฐี
ส่วนสำคัญของรายการคือ ด้วยการตอบคำถาม คุณจะได้เงินสิบล้านเหรียญเป็นรางวัลในการผ่านสู่ขั้นต่อไป ชายหนุ่มเป็นผู้เข้าแข่งขัน และชายสูงวัยเป็นผู้ดำเนินรายการ ระยะห่างระหว่างคนหนุ่มกับเงินรางวัลสิบบ้านคือสิ่งเดียวที่คนเราจะคว้าเอาไปได้ แต่คำถามถูกวางไว้ตรงหน้าชายหนุ่ม ถ้าเขาตอบคำถามนี้ได้ เขาจะได้รางวัลไปเลย
ในตอนนั้นเองที่ผู้ดำเนินรายการพูดขึ้น “พ่อหนุ่ม คุณเหลือเพียงคำถามสุดท้าย แต่คุณยังมีโอกาสที่จะขอความช่วยเหลือ คุณจะตอบคำถามเองหรือจะขอให้เพื่อนที่นั่งดูอยู่ช่วยกันตอบ”
ชายหนุ่มกำหมัดแน่นและรู้สึกสองจิตสองใจ คนดูก็พากันกลั้นหายใจ เพราะกลัวว่าจะไปรบกวนความคิดของหนุ่มน้อยเข้า เขาไม่รู้คำตอบของคำถามนี้แน่ แต่ไม่แน่ใจว่าเพื่อนๆ ที่นั่งดูอยู่จะรู้หรือไม่ ชายหนุ่มก้มศีรษะลงและขมวดคิ้วเมื่ออ่านคำถามอีกครั้ง
“ผู้เชี่ยวชาญด้านคอมพิวเตอร์ถูกฆ่าและตำรวจพบปุ่มที่มีคำว่าบีแปดในมือเขา ตำรวจจับผู้ต้องสงสัยได้สี่คน มีดังนี้ เพื่อนร่วมงานของเขาเจี่ยเจิ้ง เจ้านายหยวนลี่เกา คู่แข่งความรักถานจินซิง และแฟนสาวเฉียนหลิง
“ขอโทษนะ ใครคือฆาตกรกันแน่”
หนุ่มน้อยทำหน้านิ่วและถอนใจอยู่ในใจ นี่เป็นคำถามสุดท้ายที่แท้จริง มันยากมาก พูดด้านเหตุผลแล้ว ไม่มีใครมีเหตุผลที่แท้จริงเลย
หลังรออยู่ครู่ใหญ่ ผู้ดำเนินรายการก็เริ่มถาม “พ่อหนุ่ม ยังไม่ตัดสินใจอีกเหรอ ว่าจะตอบคำถามเองหรือขอให้ผู้อื่นช่วย”
ชายหนุ่มเครียดมากขึ้นกว่าเดิม ผู้ต้องสงสัยทั้งสี่นั้นเหมือนกัน แต่ไม่มีเบาะแสเลย และถึงแม้คนนอกจะช่วยโอกาสก็มีไม่สูงนัก สุดท้ายหลังคิดอยู่เนิ่นนาน หนุ่มน้อยก็กล่าวเสียงขรึมๆ ว่า “ผมเลือก…”
ตึง ตึง ตึง!
เสียงหัวใจของเขาดังก้องในบรรยากาศที่เงียบกริบ ทุกคนพากันกลั้นหายใจและกำหมัดไว้ รอให้หนุ่มน้อยได้ตัดสินใจเลือก
“…ผมเลือกให้คนนอกช่วย”
วู้ว!
ทุกคนถอนใจออกมาเฮือกใหญ่ ผู้ดำเนินรายการล้วงมือถือที่เป็นอุปกรณ์สื่อสารออกมาและพูดว่า “มือถือนี้จะสุ่มโทรหาเพื่อนๆ ของคุณ และให้พวกเขาตอบแทนคุณนะ”
หนุ่มน้อยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า “เริ่มได้เลย”
ผู้ดำเนินรายการพยักหน้า แล้วชูมือถือขึ้นพูดว่า “เอาละ มาดูกัน คุณจะถูกสุ่มไปเจอ…” โดยไม่รอให้ผู้ดำเนินรายการพูดจบ วงแหวนไฟสว่างจ้าก็ส่องสว่างขึ้นข้างตัวเขา
พร้อมกับมือขวาที่ยื่นมาและเขย่าซ้ายๆ ขวาๆ ของมือทั้งสองข้างของผู้ดำเนินรายการ ราวกับแปลกใจ มือขวานั้นเปลี่ยนทิศทางในทันทีและคว้ามือถือในมือของผู้ดำเนินรายการไป จากนั้นก็กลายเป็นวงล้อไฟและหายวับไป
ผู้ดำเนินรายการกะพริบตาอยู่ครู่หนึ่งก่อนได้สติ เขามองไปยังฝ่ามือที่ว่างเปล่า และเกือบตะโกนด่าด้วยโทสะออกมา
….
เย่หยูดึงมือกลับมาและมองไปที่โทรศัพท์โบราณในมือ ขณะที่หัวใจที่เต้นรัวแรงค่อยๆ สงบลง เมื่อกี้ดูเหมือนเขาได้สัมผัสตัวคนใช่ไหม เขาส่ายหน้า แล้วก็หันไปสนใจโทรศัพท์เก่าๆ ในมือ
“ระบบ มือถือเก่าๆนี่มีประโยชน์อะไร”
“บี๊ป ยินดีด้วย คุณขโมยของจากผู้ดำเนินรายการ จะได้รางวัลสำหรับสิ่งนี้50แต้ม”
“บี๊ป ยินดีด้วยที่ขโมยตัวช่วยภายนอกมาได้ (1/1)”
ตัวช่วยภายนอกเหรอ อะไรกันเนี่ย
“ตัวช่วยนอกสถานที่ (1/1) จะให้ฉันช่วยอะไรบ้าง แค่โทรศัพท์ก็แก้ปัญหาได้แล้ว”
ถึงแม้เขามีเพียงโอกาสเดียว แต่มันควรมีประโยชน์บ้างสิ ถูกไหม
เมื่อเขามาถึงประตูโรงเรียน เย่หยูตะลึงไปครู่ใหญ่ เพราะหลีปิงรอเขาอยู่แล้ว เมื่อมองไปยังไปหน้าซีดเผือดของเขา เขาต้องรอมานานแล้วแน่นอน
“หลีปิง ทำไมมาที่นี่แต่เช้าล่ะ”
พอได้ยินคำถามของเย่หยู หลีปิงก็ยิ้มออกมา “เจ้านาย ผมอยู่ตัวคนเดียว เพราะผมไม่มีอะไรให้ทำแล้ว ผมถึงมาแต่เช้าครับ” ที่จริงหลีปิงไม่ได้บอกเย่หยูว่าเขาถูกไล่ออกจากที่พักเพราะไม่มีค่าเช่าบ้าน เขาจึงอยู่ที่ประตูโรงเรียนตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้
“รอฉันตรงนี้ก่อนนะ ฉันจะไปลาหยุดก่อน”
เย่หยูโบกมือให้หลีปิงรอสักครู่ จากนั้นก็ล้วงมือถือออกมาและโทรหาครูประจำชั้น
“สวัสดีครับคุณครู ผมมีเรื่องต้องทำวันนี้ ผมจะไม่เข้าเรียนนะครับ”
“อ้อ เย่หยูสินะ โอเค เธอคงมีธุระยุ่งสินะ”
เย่หยูวางสายทันที ในตอนนี้เย่หยูสามารถลาหยุดได้อย่างง่ายดาย ขนาดหลี่เสวี่ยซู อาจารย์ใหญยังพูดว่ามีแต่เย่หยูที่สอบข้อสอบชั้นมัธยมปลายได้
สำหรับเหตุผลที่พวกเขาไม่เข้มงวดกับเย่หยูมากนัก ทั้งหมดก็เพราะข้อสอบ ซึ่งทำให้เย่หยูรู้สึกเครียดเบาๆ เพราะทุกข้อสอบต้องได้คะแนนเต็ม
“ไปกันเถอะ ไปสถานประมูลกัน”
เย่หยูพาหลีปิงออกจากโรงเรียนและเดินไปที่สถานประมูลสุดยอด
ส่วนบนของสถานประมูลเป็นเหมือนสถานจัดคอนเสิร์ตที่มีส่วนบนเป็นรูปโดม ครอบคลุมพื้นที่กว้างขวาง ตั้งอยู่ตรงกลางเมืองหมิงโจว ถือได้ว่าเป็นทำเลทอง
นี่ยังเป็นครั้งแรกที่เย่หยูมาที่สถานประมูลสุดยอด
“เจ้านาย แน่ใจนะว่านี่คือสถานประมูลของคุณ”
ทั้งสองคนหยุดเดิน หลีปิงยืนที่ด้านหลังของเย่หยู และถามอย่างสงสัย
เย่หยูเองก็ไม่แน่ใจ เพราะเขาค้นพบว่านี่คือสถานที่สำหรับการจัดประมูล แต่มันดูเหมือนอาคารที่ถูกปล่อยให้ชำรุดที่อยู่ตรงหน้าเขาแห่งนี้ ไม่ใช่สถานประมูล สถานประมูลควรเป็นสถานที่งดงามสุกสว่าง แทนที่จะเป็นที่อ้างว้างเงียบงันแบบในตอนนี้ แม้แต่ป้ายติดก็ยังถูกปลดลงมา
เมื่อมองผ่านกระจกหน้าต่างด้านนอก ก็เห็นได้ชัดว่าด้านในไม่มีคนอยู่เลย แถมเครื่องเรือนก็จับฝุ่นหนา
เย่หยูทำหน้าบึ้ง ล้วงเอามือถือออกมาและโทรหาผู้เฒ่าเฉียนด้วยเหตุผลบางอย่าง “หวัดดี ผู้เฒ่าเฉียน ผมอยู่ด้านนอกสถานประมูล คุณอยู่ที่ไหน”
“เอาละ ผมจะรอคุณที่ประตูด้านนอก”
เย่หยูวางมือถือลง ใบหน้าถมึงทึงเพราะพรุ่งนี้เป็นวันเริ่มประมูลวันแรก แต่เมื่อดูจากสภาพทรุดโทรมของที่นี่แล้ว จะจัดประมูลได้อย่างไรกัน
ผ่านไปซักพัก เฉียนจินก็วิ่งมาหาและหอบหนักๆ
“ฮู้…เจ้านายเย่ ผมมาแล้วครับ”
เย่หยูชี้ไปที่สถานประมูล “เกิดอะไรขึ้นกับที่นี่”
สีหน้าของเฉียนจินเปลี่ยนเป็นไม่น่าดูอย่างยิ่งเมื่อเขากัดฟันกล่าวว่า “ทุกอย่างที่พูดไว้ก่อนหน้า ทั้งเรื่องการจัดการทำความสะอาด การตกแต่ง การรักษาความปลอดภัยหรือการบริการ ผมได้หารือกับแผนกบริการของถังไดนาสตี้เมื่อสามวันก่อน ใครจะรู้ว่ามีการเปลี่ยนแปลงกะทันหันแบบนี้
บริษัทให้บริการถังไดนาสตี้เป็นบริษัทให้บริการแบบเครือข่าย ให้กับบุคคลระดับสูงและระดับประเทศ ไปจนถึงการตกแต่งบ้านครอบครัว ทุบทางระบายน้ำ ถังไดนาสตี้จัดการได้หมด แน่นอนว่าราคาย่อมสูงมาก
เย่หยูทำหน้านิ่วและกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ถ้างั้นทำไมพวกเขาถึงไม่สนใจ คุณเซ็นสัญญาหรือยัง”
เฉียนจินพยักหน้า “สัญญาเซ็นแล้ว ระยะเวลาการทำงานคือสามวัน หลังการประชุม พวกเขาต้องจ่าย แต่จู่ๆ พวกเขาก็เปลี่ยนใจและยอมจ่ายค่าปรับ แต่มันสายไปแล้วที่พวกเราจะจ้างคนเพิ่ม”
“แม้แต่บริษัทให้บริการเจ้าอื่นก็ทำไม่ได้งั้นหรือ””
เฉียนจินถอนใจและกล่าวอย่างท้อแท้ว่า “นอกจากถังไดนาสตี้แล้ว ที่เหลือเป็นบริษัทขนาดเล็ก พวกเขารับมือการเสนอราคาบริษัทใหญ่ไม่ได้หรอก”
หลังพึมพำกับตัวเองครู่หนึ่ง เย่หยูถามขึ้นว่า “คุณรู้เหตุผลที่ชัดเจนไหม”
ผ่านไปสักพักใหญ่ เฉียนจินจึงพูดอย่างโกรธๆ ว่า “เพราะผู้จัดการของสาขาหนึ่งของถังไดนาสตี้เป็นเพื่อนกับจ้าวฮ่าว ทางถังไดนาสตี้จึงผิดสัญญา จ้าวฮ่าวตัวร้ายรอเราเละเป็นโจ๊กอยู่นะ”
หลังหลับตาคิดอยู่ครู่ใหญ่ เย่หยูก็ลืมตาขึ้น แล้วหัวเราะอย่างเย็นชาว่า “เละเป็นโจ๊กงั้นเหรอ ไม่มีใครดูถูกฉันเย่หยูว่าจะเละเป็นโจ๊กได้แน่”
เย่หยูชี้ไปที่หลีปิงและพูดกับเฉียนเว่ยว่า “คนนี้คือฝ่ายรักษาความปลอดภัยที่ผมได้มา หลีปิง”
เฉียนจินเหลือบมองหลีปิง แล้วก้มศีรษะลงอย่างผิดหวัง “ฝ่ายรักษาความปลอดภัยจะมีประโยชน์อะไร อย่างมากสุดก็ทำความสะอาด แต่การตกแต่งล่ะ แล้วการดูแลส่วนตัวอีกล่ะ”
เย่หยูหัวเราะเบาๆ แล้วกล่าวอย่างมั่นใจว่า “นี่ไม่ใช่การเริ่มต้นที่ดีเหรอ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด