ปล้นสวรรค์ 199 นายเป็นใคร

Now you are reading ปล้นสวรรค์ Chapter 199 นายเป็นใคร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

SPHะบทที่ 199 นายเป็นใคร

 

เลสแต็ทเดินมาที่ข้างกายเป็นเมิ่ง เขาขมวดคิ้ว มองไปที่เย่หยุและถามเสียงเย็นว่า “นายเป็นใครแล้วเรื่องนี้เกี่ยวกับเป็นเมิ่งอย่างไร”

 

เย่หยมองเลสแด็ท มุมปากของเขายกขึ้นนิดๆ “แล้วคุณล่ะเป็นใคร”

 

เลสแด็ทล้วงนามบัตรออกมาและวางไว้บนโต๊ะของเย่หยุพลางกล่าวอย่างภูมิใจว่า “ผู้จัดการด้านการตลาดของฮอลลีวูดยูรนิเวอร์แซล พิคเจอรส์ เลสเต็ท ชาร์กัส”

 

“แล้วยังไงเหรอครับ” เย่หยูถามเสียงเรียบ

 

“แล้วยังไง” เลสแต็ทชะงักค้าง ราวกับเขาได้ยินไม่ชัดเจนทั้งที่เขาเปิดเผยสถานะไปแล้ว ทําไมเจ้าหนุ่มน้อยชาวจีนถึงไม่รีบโค้งคํานับและกล่าวว่าเขายินดีที่ได้พบ เรื่องบ้าอะไรกันนี่

 

แววตาของเย่หยูทอประกายเย็นชา เขายิ้มหยันแล้วกล่าวว่า “ผมมีความสัมพันธ์แบบไหนกับเป็นเมิ่งและมันเกี่ยวอะไรกับคุณด้วยคุณมีความสามารถอะไรมาถามผม”

 

“ฉันเนี่ยนะ!” ใบหน้าของเลสแต็ทแดงก่ําและเขาอ้าปากขึ้น แต่ไม่มีคําไหนหลุดออกมา หลังผ่านไปพักใหญ่เลสแม็ทก็พึมพําเสียงเย็นเยียบว่า “อืม นายคือคนที่เป็นเม งชอบใช่หรือไม่” เขาจ้องมองเหยูอย่างโอหังและใบหน้าเขามีแววพึงพอใจขึ้นมาแวบหนึ่ง “ฉันขอแนะให้นายไปจากเงินเพิ่งซะนี่เพื่อตัวของนายเองและเพื่อประโยชน์ของ เงินเพิ่งด้วย”

 

“ฮ่าๆ” เย่หยูขําเบาๆ มองไปที่เลสแต็ทราวกับมองดูคนโง่ “คุณบอกได้ยังไงกัน” เลสแด็ทคิดว่าเย่หยูกลัวขึ้นมาจึงเริ่มพูดขึ้นอย่างมั่นใจว่า “เพราะการช่วยเหลือเป็นเมิ่งข องนายมันไร้ประโยชน์นายให้สิ่งที่เป็นเมิ่งต้องการไม่ได้”

 

“โย่ว!” เย่หยุเลิกคิ้ว ยิ้มน้อยแล้วกล่าวว่า “ดูเหมือนคุณมั่นใจมากเลยนะ คุณพอที่จะช่วยรับฟังความฝันของผมหน่อยได้ไหม”

 

“แน่นอน” เลสแด็ทสะบัดศีรษะไปด้านหลังและมองเหยูอย่างรังเกียจ เขายิ้มและพูดว่า “ในฐานะผู้จัดการฝ่ายการตลาดของยูนิเวอร์แซล ฟิล์มและเทเลวิชั่น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของธุรกิจหรือข้าวของเงินทอง ฉันช่วยเป็นเมิงได้ดีที่สุด แน่”

 

“แต่ผมไม่คิดแบบนั้น” เย่หยูกล่าวเสียงนิ่ง “สิ่งที่คุณพยายามคือทําให้ความฝันของคุณเป็นจริง และการเสนอช่วยคนอื่นเป็นแค่เศษน้ําใจ”

 

เมื่อเป็นเมิ่งและอาเข่อได้ยินแบบนั้น ดวงตาของพวกเธอก็ทอประกายประหลาดขณะครุ่นคิดลึกซึ้งในคําพูดของเย่หยู

 

เลสแตทหัวเราะอย่างรังเกียจ “เหลวไหลนักมีแต่คนไร้ประโยชน์ที่จะพูดอะไรแบบนี้ออกมาได้”

 

เขาหันหน้าไปมองเป็นเมิ่งที่กําลังมีนงงสายตาของเขามีแววริษยาขึ้นมาแวบหนึ่ง “ฉันขอแนะให้นายไปจากเงินเพิ่งซะไม่อย่างนั้นอย่าโทษถ้าฉันโหด”

 

แววตาของเยี่หยูทอประกายเย็นชา “คุณทําตัวสุภาพอยู่ตอนนี้งั้นเหรอ”

 

เลสแต็ทกล่าวเสียงเย็นว่า “ถ้าเป็นเมิ่งไม่เห็นด้วยที่ฉันตามซื้อ ฉันจะใช้เส้นสายของฉันทําให้เธอเป็นตํานานของฮอลลีวูด”

 

“น่ารังเกียจและน่าอายซะจริง”

 

สีหน้าของเขากลายเป็นโกรธเกรี้ยวเมื่อพูดขึ้นอย่างเหยียดหยาม

 

เป็นเมิงมองเลสแด็ทอย่างเย็นชา เธอมองเขาแน่วงและพูดว่า “ฉันปกปิดชื่อเสียงของตัวเองได้ แต่ฉันจะไม่มีวันอ่อนข้อให้คุณ”

 

สีหน้าของเลสเต็ทยังคงเดิม เพราะเขาเปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริงแล้ว จึงไม่มีอะไรต้องห่วงอีก นายทุนคนดังคนนี้จะสั่งสอนให้รู้ว่าความสิ้นหวังมันเป็นอย่างไร เลสเต็ทมองเย่หยูอย่างชิงชังและกล่าวเสียงเย็นว่า “นั่นขึ้นอยู่กับสิ่งที่เขา เลือก”

 

คนดูหลายล้านคนที่อยู่ในห้องไลฟ์สดซึ่งกําลังชมเหตุกาณ์นี้ พวกเขาเห็นใบหน้าที่เหมือนคลุ้มคลั่งของเลสแต็ทอย่างชัดเจน

 

“เพ้ย! นี่คือโฉมหน้าของพวกนายทุนในอเมริกา น่าเกลียดจริงๆ”

 

“หือ ไม่แค่น่าเกลียดนะ ยังน่าอัดให้น่วมด้วย”

 

“เย่หยุซ้อมเขาเลย ยิ่งมองเจ้าเลสเต็ทคนนี้ เราก็ยิ่งหงุดหงิด เจ้าคนชั้นต่ําทั้งหน้าตาและคําพูด เฮอะ”

 

“เจ้าเลสแด็ทคนนี้หน้าไม่อายจริงๆ เขาต่างหากที่ข่มขู่เป็นเมิ่งและเย่หยูแบบนั้น”

 

“เทพเย่หยู ช่วยทีเถอะนะ ถ้าไม่มีอะไรดีเลย เราก็จะไม่ไปที่อเมริกาแน่ เมื่อเรากลับบ้าน เราทุกคนยังเป็นแฟนคลับของเวินเมิ่งอยู่นะ”

 

ทั้งที่เผชิญหน้ากับคําขู่ของเลสแต็ท สีหน้าของเย่หยุยังไม่เปลี่ยนแปลงและกล่าวด้วยน้ําเสียงนิ่งเรียบ “การไล่ตามความฝันเป็นเรื่องสําคัญ แต่ก็ต้องยอมรับความเป็นจริงด้วยคุณควรยอมแพ้ซะเป็นเพิ่งจะไม่เลือกคุณ”

 

ทันทีที่เสียงของเย่หยูเปล่งออกไป รางวัลนับไม่ถ้วนก็กระจายว่อนไปทั่วห้องไลฟ์สด

 

“ครูใหญ่ให้รางวัลเป็นตั๋วเครื่องบิน เหยูกล่าวได้ถูกต้องอย่างยิ่งเหมือนฉันเลยความฝันของฉันคือได้เงินร้อยล้านแต่ฉันไม่เคยก้มหัวเพื่อประจบประแจงใคร”

 

“โรแมนติกดีไหม ฉันไม่ได้ให้รางวัลล้ําค่ากับนายเฮ้อฉันเสียใจนะ”

 

“เจ้าอาวาสให้รางวลเป็นดอกไม้เล็กๆ คําพูดของท่านเทพยอดเยี่ยมมากจดลงไปในสมุดเล็กๆเร็วเข้า”

 

การไล่ตามความฝันเป็นเรื่องสําคัญ แต่ก็ต้องยอมรับความเป็นจริงอย่างนั้นเหรอ เป็นเมิ่งค่อยๆ ซึมซับคํากล่าวของเย่หยู ซึ่งเป็นเหมือนฤดูใบไม้ผลิที่พัดผ่านในหัวใจของเธอ

 

เหมือนกับที่เป็นเมิ่งเคยถามเย่หยุมาก่อน ว่าชีวิตนั้นสําคัญกว่าความฝันหรือไม่ คําตอบของเย่หยุคือ ชีวิตเป็นดั่งทะเล และความฝันนั้นเปรียบเหมือนชายฝั่ง คําพูด นั้นยังลอยวนอยู่ในความคิดของเวินเมิงตลอดเวลามันเป็นคําพูดที่ทําให้เธอเริ่มชีวิตใหม่ได้

 

ใบหน้าของเลสเต็ทดําคล้ํา เมื่อเขามองเวินเมิ่งและเย่หยูด้วยสายตาดํามืด “นี่คือทางเลือกของเธออย่าโทษนะว่าฉันไม่ปราณี”

 

“ไร้หัวใจงั้นเหรอ อะไรที่ทําให้ผู้จัดการด้านการตลาดของยูนิเวอร์แซลฟิล์มและเทเลวิชั่นโกรธได้ขนาดนี้” น้ําเสียงทรงเสน่ห์ดังขึ้นจากด้านหลัง

 

เลสแด็ทหันขวับไปแล้วกล่าวด้วยน้ําเสียงสุภาพว่า “คุณหนูแคทลีน ทําไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ครับ”

 

ผมสีทองของแคทลีนเป็นเหมือนคลื่นมหาสมุทรพลิ้วไหวที่ด้านหลัง ชุดเดรสยาวสีดําห่มหุ้มร่างเพรียวบางสง่าไว้ทําให้เธอโดดเด่นสะดุดตาโดยเฉพาะผิวของเธอที่ซีดขา วดุจน้ําแข็งยิ่งเพิ่มความสูงสง่ามากขึ้น

 

แคทลีนเดินผ่านเลสแด็ท และมาหยุดตรงหน้าเย่หยู เธอยื่นมือให้เขาและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ฉันเป็นลูกสาวของประธานวอร์เนอร์ บราเดอร์ แคทลีน คริสเตียน ฉันเป็นครูสอนที่โรงเรียนมัธยมปลายวตีเวนสันด้วย”

 

แววตาของเหยูทอประกายประหลาดขึ้นวูบหนึ่ง เขายื่นมือออกไปจับมือเย็นๆ ของแคทลีนไว้ และยิ้มออกมาอย่างเปิดเผย “คุณหนูของวอร์เนอร์ บราเดอร์ เป็นคุณครูชั้นมัธ ยมปลายจริงๆ เหรอครับน่าสนใจจริงๆ”

 

ดวงหน้าขาวจัดเย็นชาของแคทลีนมีสีแดงพาดผ่านแวบหนึ่ง และเธอดึงมือออกทันที และกล่าวยิ้มๆว่า “มันก็แค่งานอดิเรก

 

เลสแต็ทมองแคทลีนอย่างตะลึง ราวกับเขาตกใจที่เธอจับมือกับเย่หยูมาแล้ว วอเนอร์เป็นหนึ่งในห้าบริษัทผลิตภาพยนตร์และโทรทัศน์ที่ใหญ่ที่สุดของอเมริกาเช่นเดียวกับยูนิเวอร์แซลฟิล์มและเทเลวิชั่น และตําแหน่งของเธอนั้นสูงกว่า เขาที่อยู่กับยูนิเวอร์แซลอีก

 

เพราะเป็นคุณหนูของวอเนอร์บราเดอร์ส แคทลีนจึงมีสถานะสูงกว่าอยู่แล้ว กล่าวกันว่าเธอเป็นโรคกลัวเชื้อโรคและไม่เคยสัมผัสตัวผู้ชายแต่เธอกลับจับมือกับเหยู อีกอย่างเป็นแคทลีนที่ยื่นมือออกไปให้จับก่อน

 

แคทลีนดึงมือออกมา หันไปทางเลสแด็ทแล้วกล่าวเสียงนุ่มว่า “เกิดอะไรขึ้นคะ คุณดูไม่พอใจเอาซะเลย”

 

เย่หยูยิ้มหยัน “งั้นผมจะต้องถามคุณเลสแด็ท เพราะเขาใช้สถานะและตําแหน่งของเขาข่มขู่คุณผู้หญิงคนนี้ผมไม่เคยเห็นคนหน้าไม่อายแบบนี้มาก่อน”

 

แคทลีนหันไปมองเป็นเมิ่งและหันไปมองเลสแท็ทที่มีสีหน้าอับอาย ก็เข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น

 

เธอหันหน้ากลับไปหาเหยู แคทลีนยิ้มให้และกล่าวว่า “นี่เป็นเรื่องระหว่างพวกเขา มันดูจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับคุณเลยนะ”

 

เลสแด็ทยิ้มและมองแคทลีนอย่างพอใจก่อนหันไปมองเย่หยูอย่างภูมิใจว่า “เห็นหรือยังล่ะ ถ้าเป็นเมิ่งไม่ตกลงกับข้อเสนอของฉันเธอก็จะไม่มีโอกาสได้เปล่งประกายฉันจะดูว่าเธอทําอะไรได้บ้าง”

 

เย่หยุเผยอยิ้ม และมองเลสแด็ทด้วยสายตาแน่วนิ่ง “ในอเมริกาผมไม่มีเส้นสายที่ในวงการบันเทิงนี้หรอกนะ”

 

ก่อนที่เลสเต็ทจะทันพูดออกมาเย่หยูก็รีบกล่าวเสริมว่า “แต่ไม่ได้แปลว่าผมจะช่วยเป็นเมิ่งไม่ได้”

 

เลสแต็ทแค่นเสียงและพูดอย่างล้อเลียนว่า “ฮ่าๆ ถ้าไม่มีเส้นสายหรือคนรู้จักฉันอยากเห็นจริงๆ ว่า นายจะช่วยเธอ ได้อย่างไร”

 

เย่หยูกวาดตามองแคทลีน ซึ่งยืนที่ด้านข้างและกล่าวอ ย่างนุ่มนวลว่า “เธอช่วยผมได้ ในฐานะนายหญิงน้อยของวอร์เนอร บราเดอร์ส แคทลีนมีคนรู้จักและเส้นสายที่จะ ช่วยให้เป็นเมิ่งก้าวหน้าในฮอลลีวูด”

 

เย่หยุมั่นใจว่าแคทลีนจะช่วยเขา ไม่แค่เธอเป็นลูกสาวคนโตของเจ้าของวอร์เนอร์บราเดอร์ส์และเป็นครูสอนโรงเรีย นมัธยมปลายเธอยังมีอีกตัวตนหนึ่งเธอเป็นแวมไพร์! โลหิตบรรพชนของเย่หยุคือต้นกําเนิดของแวมไพร์ทั้งมวล

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ปล้นสวรรค์ 199 นายเป็นใคร

Now you are reading ปล้นสวรรค์ Chapter 199 นายเป็นใคร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

SPHะบทที่ 199 นายเป็นใคร

 

เลสแต็ทเดินมาที่ข้างกายเป็นเมิ่ง เขาขมวดคิ้ว มองไปที่เย่หยุและถามเสียงเย็นว่า “นายเป็นใครแล้วเรื่องนี้เกี่ยวกับเป็นเมิ่งอย่างไร”

 

เย่หยมองเลสแด็ท มุมปากของเขายกขึ้นนิดๆ “แล้วคุณล่ะเป็นใคร”

 

เลสแด็ทล้วงนามบัตรออกมาและวางไว้บนโต๊ะของเย่หยุพลางกล่าวอย่างภูมิใจว่า “ผู้จัดการด้านการตลาดของฮอลลีวูดยูรนิเวอร์แซล พิคเจอรส์ เลสเต็ท ชาร์กัส”

 

“แล้วยังไงเหรอครับ” เย่หยูถามเสียงเรียบ

 

“แล้วยังไง” เลสแต็ทชะงักค้าง ราวกับเขาได้ยินไม่ชัดเจนทั้งที่เขาเปิดเผยสถานะไปแล้ว ทําไมเจ้าหนุ่มน้อยชาวจีนถึงไม่รีบโค้งคํานับและกล่าวว่าเขายินดีที่ได้พบ เรื่องบ้าอะไรกันนี่

 

แววตาของเย่หยูทอประกายเย็นชา เขายิ้มหยันแล้วกล่าวว่า “ผมมีความสัมพันธ์แบบไหนกับเป็นเมิ่งและมันเกี่ยวอะไรกับคุณด้วยคุณมีความสามารถอะไรมาถามผม”

 

“ฉันเนี่ยนะ!” ใบหน้าของเลสแต็ทแดงก่ําและเขาอ้าปากขึ้น แต่ไม่มีคําไหนหลุดออกมา หลังผ่านไปพักใหญ่เลสแม็ทก็พึมพําเสียงเย็นเยียบว่า “อืม นายคือคนที่เป็นเม งชอบใช่หรือไม่” เขาจ้องมองเหยูอย่างโอหังและใบหน้าเขามีแววพึงพอใจขึ้นมาแวบหนึ่ง “ฉันขอแนะให้นายไปจากเงินเพิ่งซะนี่เพื่อตัวของนายเองและเพื่อประโยชน์ของ เงินเพิ่งด้วย”

 

“ฮ่าๆ” เย่หยูขําเบาๆ มองไปที่เลสแต็ทราวกับมองดูคนโง่ “คุณบอกได้ยังไงกัน” เลสแด็ทคิดว่าเย่หยูกลัวขึ้นมาจึงเริ่มพูดขึ้นอย่างมั่นใจว่า “เพราะการช่วยเหลือเป็นเมิ่งข องนายมันไร้ประโยชน์นายให้สิ่งที่เป็นเมิ่งต้องการไม่ได้”

 

“โย่ว!” เย่หยุเลิกคิ้ว ยิ้มน้อยแล้วกล่าวว่า “ดูเหมือนคุณมั่นใจมากเลยนะ คุณพอที่จะช่วยรับฟังความฝันของผมหน่อยได้ไหม”

 

“แน่นอน” เลสแด็ทสะบัดศีรษะไปด้านหลังและมองเหยูอย่างรังเกียจ เขายิ้มและพูดว่า “ในฐานะผู้จัดการฝ่ายการตลาดของยูนิเวอร์แซล ฟิล์มและเทเลวิชั่น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของธุรกิจหรือข้าวของเงินทอง ฉันช่วยเป็นเมิงได้ดีที่สุด แน่”

 

“แต่ผมไม่คิดแบบนั้น” เย่หยูกล่าวเสียงนิ่ง “สิ่งที่คุณพยายามคือทําให้ความฝันของคุณเป็นจริง และการเสนอช่วยคนอื่นเป็นแค่เศษน้ําใจ”

 

เมื่อเป็นเมิ่งและอาเข่อได้ยินแบบนั้น ดวงตาของพวกเธอก็ทอประกายประหลาดขณะครุ่นคิดลึกซึ้งในคําพูดของเย่หยู

 

เลสแตทหัวเราะอย่างรังเกียจ “เหลวไหลนักมีแต่คนไร้ประโยชน์ที่จะพูดอะไรแบบนี้ออกมาได้”

 

เขาหันหน้าไปมองเป็นเมิ่งที่กําลังมีนงงสายตาของเขามีแววริษยาขึ้นมาแวบหนึ่ง “ฉันขอแนะให้นายไปจากเงินเพิ่งซะไม่อย่างนั้นอย่าโทษถ้าฉันโหด”

 

แววตาของเยี่หยูทอประกายเย็นชา “คุณทําตัวสุภาพอยู่ตอนนี้งั้นเหรอ”

 

เลสแต็ทกล่าวเสียงเย็นว่า “ถ้าเป็นเมิ่งไม่เห็นด้วยที่ฉันตามซื้อ ฉันจะใช้เส้นสายของฉันทําให้เธอเป็นตํานานของฮอลลีวูด”

 

“น่ารังเกียจและน่าอายซะจริง”

 

สีหน้าของเขากลายเป็นโกรธเกรี้ยวเมื่อพูดขึ้นอย่างเหยียดหยาม

 

เป็นเมิงมองเลสแด็ทอย่างเย็นชา เธอมองเขาแน่วงและพูดว่า “ฉันปกปิดชื่อเสียงของตัวเองได้ แต่ฉันจะไม่มีวันอ่อนข้อให้คุณ”

 

สีหน้าของเลสเต็ทยังคงเดิม เพราะเขาเปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริงแล้ว จึงไม่มีอะไรต้องห่วงอีก นายทุนคนดังคนนี้จะสั่งสอนให้รู้ว่าความสิ้นหวังมันเป็นอย่างไร เลสเต็ทมองเย่หยูอย่างชิงชังและกล่าวเสียงเย็นว่า “นั่นขึ้นอยู่กับสิ่งที่เขา เลือก”

 

คนดูหลายล้านคนที่อยู่ในห้องไลฟ์สดซึ่งกําลังชมเหตุกาณ์นี้ พวกเขาเห็นใบหน้าที่เหมือนคลุ้มคลั่งของเลสแต็ทอย่างชัดเจน

 

“เพ้ย! นี่คือโฉมหน้าของพวกนายทุนในอเมริกา น่าเกลียดจริงๆ”

 

“หือ ไม่แค่น่าเกลียดนะ ยังน่าอัดให้น่วมด้วย”

 

“เย่หยุซ้อมเขาเลย ยิ่งมองเจ้าเลสเต็ทคนนี้ เราก็ยิ่งหงุดหงิด เจ้าคนชั้นต่ําทั้งหน้าตาและคําพูด เฮอะ”

 

“เจ้าเลสแด็ทคนนี้หน้าไม่อายจริงๆ เขาต่างหากที่ข่มขู่เป็นเมิ่งและเย่หยูแบบนั้น”

 

“เทพเย่หยู ช่วยทีเถอะนะ ถ้าไม่มีอะไรดีเลย เราก็จะไม่ไปที่อเมริกาแน่ เมื่อเรากลับบ้าน เราทุกคนยังเป็นแฟนคลับของเวินเมิ่งอยู่นะ”

 

ทั้งที่เผชิญหน้ากับคําขู่ของเลสแต็ท สีหน้าของเย่หยุยังไม่เปลี่ยนแปลงและกล่าวด้วยน้ําเสียงนิ่งเรียบ “การไล่ตามความฝันเป็นเรื่องสําคัญ แต่ก็ต้องยอมรับความเป็นจริงด้วยคุณควรยอมแพ้ซะเป็นเพิ่งจะไม่เลือกคุณ”

 

ทันทีที่เสียงของเย่หยูเปล่งออกไป รางวัลนับไม่ถ้วนก็กระจายว่อนไปทั่วห้องไลฟ์สด

 

“ครูใหญ่ให้รางวัลเป็นตั๋วเครื่องบิน เหยูกล่าวได้ถูกต้องอย่างยิ่งเหมือนฉันเลยความฝันของฉันคือได้เงินร้อยล้านแต่ฉันไม่เคยก้มหัวเพื่อประจบประแจงใคร”

 

“โรแมนติกดีไหม ฉันไม่ได้ให้รางวัลล้ําค่ากับนายเฮ้อฉันเสียใจนะ”

 

“เจ้าอาวาสให้รางวลเป็นดอกไม้เล็กๆ คําพูดของท่านเทพยอดเยี่ยมมากจดลงไปในสมุดเล็กๆเร็วเข้า”

 

การไล่ตามความฝันเป็นเรื่องสําคัญ แต่ก็ต้องยอมรับความเป็นจริงอย่างนั้นเหรอ เป็นเมิ่งค่อยๆ ซึมซับคํากล่าวของเย่หยู ซึ่งเป็นเหมือนฤดูใบไม้ผลิที่พัดผ่านในหัวใจของเธอ

 

เหมือนกับที่เป็นเมิ่งเคยถามเย่หยุมาก่อน ว่าชีวิตนั้นสําคัญกว่าความฝันหรือไม่ คําตอบของเย่หยุคือ ชีวิตเป็นดั่งทะเล และความฝันนั้นเปรียบเหมือนชายฝั่ง คําพูด นั้นยังลอยวนอยู่ในความคิดของเวินเมิงตลอดเวลามันเป็นคําพูดที่ทําให้เธอเริ่มชีวิตใหม่ได้

 

ใบหน้าของเลสเต็ทดําคล้ํา เมื่อเขามองเวินเมิ่งและเย่หยูด้วยสายตาดํามืด “นี่คือทางเลือกของเธออย่าโทษนะว่าฉันไม่ปราณี”

 

“ไร้หัวใจงั้นเหรอ อะไรที่ทําให้ผู้จัดการด้านการตลาดของยูนิเวอร์แซลฟิล์มและเทเลวิชั่นโกรธได้ขนาดนี้” น้ําเสียงทรงเสน่ห์ดังขึ้นจากด้านหลัง

 

เลสแด็ทหันขวับไปแล้วกล่าวด้วยน้ําเสียงสุภาพว่า “คุณหนูแคทลีน ทําไมถึงมาอยู่ที่นี่ได้ครับ”

 

ผมสีทองของแคทลีนเป็นเหมือนคลื่นมหาสมุทรพลิ้วไหวที่ด้านหลัง ชุดเดรสยาวสีดําห่มหุ้มร่างเพรียวบางสง่าไว้ทําให้เธอโดดเด่นสะดุดตาโดยเฉพาะผิวของเธอที่ซีดขา วดุจน้ําแข็งยิ่งเพิ่มความสูงสง่ามากขึ้น

 

แคทลีนเดินผ่านเลสแด็ท และมาหยุดตรงหน้าเย่หยู เธอยื่นมือให้เขาและกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ฉันเป็นลูกสาวของประธานวอร์เนอร์ บราเดอร์ แคทลีน คริสเตียน ฉันเป็นครูสอนที่โรงเรียนมัธยมปลายวตีเวนสันด้วย”

 

แววตาของเหยูทอประกายประหลาดขึ้นวูบหนึ่ง เขายื่นมือออกไปจับมือเย็นๆ ของแคทลีนไว้ และยิ้มออกมาอย่างเปิดเผย “คุณหนูของวอร์เนอร์ บราเดอร์ เป็นคุณครูชั้นมัธ ยมปลายจริงๆ เหรอครับน่าสนใจจริงๆ”

 

ดวงหน้าขาวจัดเย็นชาของแคทลีนมีสีแดงพาดผ่านแวบหนึ่ง และเธอดึงมือออกทันที และกล่าวยิ้มๆว่า “มันก็แค่งานอดิเรก

 

เลสแต็ทมองแคทลีนอย่างตะลึง ราวกับเขาตกใจที่เธอจับมือกับเย่หยูมาแล้ว วอเนอร์เป็นหนึ่งในห้าบริษัทผลิตภาพยนตร์และโทรทัศน์ที่ใหญ่ที่สุดของอเมริกาเช่นเดียวกับยูนิเวอร์แซลฟิล์มและเทเลวิชั่น และตําแหน่งของเธอนั้นสูงกว่า เขาที่อยู่กับยูนิเวอร์แซลอีก

 

เพราะเป็นคุณหนูของวอเนอร์บราเดอร์ส แคทลีนจึงมีสถานะสูงกว่าอยู่แล้ว กล่าวกันว่าเธอเป็นโรคกลัวเชื้อโรคและไม่เคยสัมผัสตัวผู้ชายแต่เธอกลับจับมือกับเหยู อีกอย่างเป็นแคทลีนที่ยื่นมือออกไปให้จับก่อน

 

แคทลีนดึงมือออกมา หันไปทางเลสแด็ทแล้วกล่าวเสียงนุ่มว่า “เกิดอะไรขึ้นคะ คุณดูไม่พอใจเอาซะเลย”

 

เย่หยูยิ้มหยัน “งั้นผมจะต้องถามคุณเลสแด็ท เพราะเขาใช้สถานะและตําแหน่งของเขาข่มขู่คุณผู้หญิงคนนี้ผมไม่เคยเห็นคนหน้าไม่อายแบบนี้มาก่อน”

 

แคทลีนหันไปมองเป็นเมิ่งและหันไปมองเลสแท็ทที่มีสีหน้าอับอาย ก็เข้าใจทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น

 

เธอหันหน้ากลับไปหาเหยู แคทลีนยิ้มให้และกล่าวว่า “นี่เป็นเรื่องระหว่างพวกเขา มันดูจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับคุณเลยนะ”

 

เลสแด็ทยิ้มและมองแคทลีนอย่างพอใจก่อนหันไปมองเย่หยูอย่างภูมิใจว่า “เห็นหรือยังล่ะ ถ้าเป็นเมิ่งไม่ตกลงกับข้อเสนอของฉันเธอก็จะไม่มีโอกาสได้เปล่งประกายฉันจะดูว่าเธอทําอะไรได้บ้าง”

 

เย่หยุเผยอยิ้ม และมองเลสแด็ทด้วยสายตาแน่วนิ่ง “ในอเมริกาผมไม่มีเส้นสายที่ในวงการบันเทิงนี้หรอกนะ”

 

ก่อนที่เลสเต็ทจะทันพูดออกมาเย่หยูก็รีบกล่าวเสริมว่า “แต่ไม่ได้แปลว่าผมจะช่วยเป็นเมิ่งไม่ได้”

 

เลสแต็ทแค่นเสียงและพูดอย่างล้อเลียนว่า “ฮ่าๆ ถ้าไม่มีเส้นสายหรือคนรู้จักฉันอยากเห็นจริงๆ ว่า นายจะช่วยเธอ ได้อย่างไร”

 

เย่หยูกวาดตามองแคทลีน ซึ่งยืนที่ด้านข้างและกล่าวอ ย่างนุ่มนวลว่า “เธอช่วยผมได้ ในฐานะนายหญิงน้อยของวอร์เนอร บราเดอร์ส แคทลีนมีคนรู้จักและเส้นสายที่จะ ช่วยให้เป็นเมิ่งก้าวหน้าในฮอลลีวูด”

 

เย่หยุมั่นใจว่าแคทลีนจะช่วยเขา ไม่แค่เธอเป็นลูกสาวคนโตของเจ้าของวอร์เนอร์บราเดอร์ส์และเป็นครูสอนโรงเรีย นมัธยมปลายเธอยังมีอีกตัวตนหนึ่งเธอเป็นแวมไพร์! โลหิตบรรพชนของเย่หยุคือต้นกําเนิดของแวมไพร์ทั้งมวล

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+