ปล้นสวรรค์ 37​ 36​ กระบวนท่าจะเริ่มขึ้นแล้ว

Now you are reading ปล้นสวรรค์ Chapter 37​ 36​ กระบวนท่าจะเริ่มขึ้นแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

SPH:บทที่ 37​ 36​ กระบวนท่าจะเริ่มขึ้นแล้ว
เย่หยูมองไปที่ลู่ไฮหยวนและสัมผัสได้ดีว่ามีพลังงานอันทรงพลังที่ซ่อนอยู่ในร่างกาย โดยอย่างเฉพาะเลือดที่สูบฉีดเหมือนกับสายน้ำที่พุ่งขึ้นมา และมันก็ไม่หยุดแค่นั้น เย่หยูรู้สึกว่าลู่ไฮหยวนน่าจะเป็นนักสู้กลั่นโลหิตระดับสูง เมื่อเห็นตำรวจรักษาความเรียบร้อย ตรวจสอบยานพาหนะและดูอาการบาดเจ็บของโจร เย่หยูจึงตัดสินใจไปเพราะเขาไม่มีอะไรตต้องทำแล้ว
“สารวัตรลู่ครับ ถังถังก็ได้รับความช่วยเหลือเรียบร้อยแล้ว ผมไปได้แล้วใช่ไหมครับ?”
“เรียกลุงลู่เถอะ ฉันจะให้หลิวน้อยส่งเธอกลับ ฉันคงจะต้องขอบคุณเธออย่างเป็นทางการในสักวัน!”
ลู่ไฮหยวนมองไปที่เย่หยู ในใจเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกขอบคุณ หากไม่ใช่เย่หยู อาจจะหาถังถังไม่พบ
เมื่อเห็นเย่หยูและฮันเสวี่ยอยู่ในรถ ลู่ไฮหยวนหันหลังกลับไปถามชุยอิง
“อิงน้อย เกิดอะไรขึ้นกับพวกโจร?”
ชุยอิงหยิบแผ่นบันทึกและชำเลืองมองไปที่มัน เธอหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดอย่างช้าๆ
“หัวหน้าโจรกระดูกหน้าอกแตก หัวใจแหลกละเอียดและเขาตายในที่เกิดเหตุ ชายที่มีรอยแผลเป็นจากมีดถูกยิงที่หัวไหล่ ส่วนคนร้ายที่เหลือข้อมือถูกตัดออก!”
เมื่อลู่ไฮหยวนได้ยิน สายตาของเขาก็เปลี่ยนเป็นจริงจัง
“เย่หยูไม่ใช่คนธรรมดาแล้ว!”
เวลานี้ เย่หยูกำลังนั่งอยู่ในรถ นั่งฟังเสียงของระบบในความคิด
“ติ๊ด!ขอแสดงความยินดีที่สามารถช่วยชีวิตได้ โฮสจะได้รับรางวัลเป็นจับล็อตเตอร์รี่!”
เจ้าหน้าที่หลิวขับรถพาเย่หยูและฮันเสวี่ยเข้าไปยังเพิร์ลพลาซ่า ภายใต้สายตาอึกอักที่จ้องมาจากฮันเสวี่ย คนขับรถจึงถามขึ้นเมื่อส่ง ฮันเสวี่ยไปแล้ว
“นักเรียนเย่หยู ฉันควรจะส่งเธอกลับบ้านใช่ไหม?”
เจ้าหน้าที่หลิวถามเย่หยูและมองไปที่เขาอยู่คนเดียว เย่หยูส่ายหน้าและพูด
“พาผมไปโรงเรียน ผมมีบางอย่างที่ต้องทำ”
เสี่ยวหลิวกลับรถและมุ่งไปที่โรงเรียน
ขณะนั่งอยู่บนรถ เย่หยู่จดจ่ออยู่กับความทรงจำของเขา เขามีโอกาสจับล็อตเตอร์รี่อีกหนึ่งครั้ง
“ระบบ เริ่มจับล็อตเตอร์รี่!”
สิ่งที่คล้ายๆกงล้อหมุนปรากฏขึ้นในความคิดเย่หยู และเข็มชี้ก็เริ่มหมุน
“หยุด!”
ตามคำสั่งของเย่หยู เข็มค่อยๆหยุดอย่างช้าๆ
“ติ๊ด! ขอแสดงความยินดีกับโฮสที่จับได้ขวดน้ำค้างดอกไม้จันทราหนึ่งขวด!”
เจ้าหน้าที่หลิวพาเย่หยูไปส่งที่โรงเรียน ครูสอนพละซิงเหมิงได้บอกเข้าว่าเขาไม่สามารถหยุดซ้อมมวยตอนกลางคันได้ แม้แต่วันอาทิตย์ก็ตาม
เย่หยูไม่ได้เข้าไปโดยตรงแต่เขาหยิบรางวัลของล็อตเตอร์รี่ออกมา ขวดน้ำค้างดอกไม้จันทรา
“น้ำค้างจันทรา: ครีมยาสมุนไพรที่มีส่วนผสมสำคัญจากดวงจันทร์ มีผลทำให้ร่างกายยืดหยุ่น !”
เย่หยูถือขวดเคลือบอันเล็กไว้ในมือซึ่งบรรจุน้ำค้างที่เปล่งกระกายของดวงจันทร์
เมื่อเปิดขวดออก เย่หยูก็ดื่มน้ำค้างดอกไม้จันทราทันที เขาเลียริมฝีปาก มันเย็นจัดและดื่มง่ายมาก
เมื่อฤทธิ์ของยาเริ่มกระจาย ร่างกายของเย่หยูเริ่มร้อนขึ้น ผิวเริ่มรู้สึกเหมือนจะเดือดและใช้
เวลานานกว่าอาการจะบรรเทาลง
สิ่งที่ตามมาคือพลังที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น และเย่หยูก็รู้สึกได้ว่าพังผืดใต้ผิวหนังแน่นขึ้น สิ่งคุ้มกันของเขาก็แข็งแกร่งขึ้น!
เขากำหมัดแน่น เย่หยูเริ่มรู้สึกมีความสุข นี่มันนักสู้ระดับ1​ ผลัดผิว​ (หนังเหนียว)ใช่รึป่าว​?
อย่างไรก็ตาม เมื่อมองไปยังเย่หยูเวลานี้ เขาตื่นเต้นที่จะได้กลายมาเป็นนักสู้
เมื่อเย่หยูมาถึงสนามหญ้าในโรงเรียน หยานเฟิงวูก็กำลังฝึกศิลปะป้องกันตัวภายใต้การสอนของซิงเหมิงอยู่
เมื่อเห็นเย่หยูมาสาย ซิงเหมิงก็ตะโกนด้วยสีหน้าเคร่งครึม
“นี่นายยังอยู่ในขั้นฝึกศิลปะป้องกันตัวอยู่นะ ถ้านายอยากจะฝึกวิชาหมัด นายก็ต้องพยายามให้มาก! มาสายแบบนาย ทำไมนายยังจะฝึกวิชาหมัดอยู่อีกหละ?”
เมื่อหยานเฟิงวูเห็นเย่หยูถูกตำหนิ เธอก็แลบลิ้นและพูดกับซิงเหมิงว่า
“อาจารย์ น้องเล็กเย่หยูมาสายเพราะอาจจะมีเหตุผลบางอย่าง ดังนั้นอย่าตำหนิเขาเลย”
ซิงเหมิงยิ่งโกรธมากขึ้น
“นี่นายคิดว่านายมาสายได้หรอ ถ้ามีอะไรจะพูด?”
เมื่อได้ยินซิงเหมิงตำหนิ เย่หยูรู้ว่าเขาทำไปก็เพื่อตัวเอง ดังนั้นเขาจึงไม่ปฏิเสธ เขาทำได้เพียงเงียบ
“หืม อาจารย์ซิง ผมเป็นนักสู้ฝึกหัดเรียบร้อยแล้วครับ”
“นายพูดว่าอะไรนะ?”
สายตาของซิงเหมิงเบิกกว้างขึ้นขณะมองที่เย่หยูอย่างไม่เชื่อ เขาเอานิ้วแคะหูราวกับได้ยินบางอย่างแปลกไป
“น้องเล็กเย่หยู นายไม่ได้กำลังโกหกเราใช่ไหม? นายจะกลายมาเป็นนักต่อสู้เร็วแบบนี้ได้อย่างไร?”
หยานเฟิงวูก็รู้สึกช็อคมากไม่ต่างกันกับคำพูดของเย่หยู อาจเป็นไปได้ว่าการฝึกปีนี้จะเสียเปล่า
ทั้งหมด? เธอไม่ยอมปล่อยให้เย่หยูเป็นคนนำหรอก
“อาจารย์ซิง แล้วพี่ใหญ่เฟิงวู ผมจะกลายเป็นนักสู้ขอบเขตระยะหมัดมฤตยู”
เย่หยูถอนหายใจ เขารู้ว่าไม่มีใครเชื่อ
เฟี้ยว!
ซิงเหมิงกระโดดก้าวใหญ่จนมาถึงหน้าเย่หยู เขาคว้าไปที่แขนเย่หยูและทดสอบเขา
“ผิวหนังกระชับ แข็งราวกับหนังเหนียว ลื่นราวกับหยกและแทบจะหารูขุมขนไม่เจอ !”
ระหว่างที่จับแขนเย่หยูไว้ ซิงเหมิงพึมพำกับตัวเอง
“นี่มันนักต่อสู้ระดับ​ 1​ ผลัดผิวจริงๆ!”
เมื่อหยานเฟิงวูได้ยิน เธอก็วิ่งเข้าไปยืนข้างเย่หยูด้วยยื่นแขนของเธอและเลียนแบบเสียงตามด้วยเสียงที่ตกใจ
“เขาเป็นนักสู้ระดับ​ 1​ ผลัดผิวจริงๆ น้องเล็ก ทำได้ยังหนะ?”
คิ้วเย่หยูสั่นกระตุกขณะมองมือหยานเย่หยู จากนั้นเขาก็พูดอย่างเขินๆว่า
“อะแฮ่ม พี่ใหญ่ ปล่อยแขนผมก่อนได้ไหม?”
หน้าของหยานเฟิงวูก็แดงขึ้นมาทันที เธอรีบถอยและเงยหน้ามองฟ้าทันที แกล้งทำว่าไม่มีอะเกิดขึ้น
“เย่หยู ทำไมนายถึงกลายเป็นนักสู้เร็วขนาดนี้?”
ซิงเหมิงอยากรู้อยากเห็นเต็มประดา ถึงแม้สมรรถภาพร่างกายจะเกินขีดจำกัดของมนุษย์ปกติทั่วไป แต่เขาไม่น่าจะกลายเป็นนักสู้เร็วขนาดนี้
“อะแฮ่ม!”
เย่หยูไอแห้งๆ ขณะกำลังจัดระเบียบทางความคิด หลังจากนั้นท้ายที่สุดเขาก็ไม่สามารถพูดออกมาได้ว่าเพราะเขาดื่มน้ำค้างดอกไม้จันทรา
“ก่อนมาที่นี่ ผมเพิ่งผ่านการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่กับพวกโจรเหมือนคุณมา ตอนนั้น ผมรู้สึกสับสนมากและตื่นเต้น ดังนั้นผมจึงฝืนตัวเอง”
เย่หยูบอกซิงเหมิงและหยานเฟิงวูว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้ โดยย้ำว่าเขาฝืนตัวเองจนสำเร็จเป็นนักสู้ระดับ​1ทันที
ซิงเหมิงคิดอย่างลึกขณะฟัง
“งั้นนั้นคือสิ่งที่เป็น จากนั้นก็ไม่น่าแปลก ศักยภาพของร่างกายนายมันถึงระดับมาตรฐานของศิลปะการต่อสู้แล้ว หลังจากผ่านการกระตุ้นจิตใจอย่างรุนแรงจนกลายมาเป็นศิลปะการต่อสู้ตามธรรมชาติ”
หยานเฟิ่งวูแสดงอาการกังวลและถอนหายใจ หากน้องฝึกหัดของเธอกลายมาเป็นนักสู้แล้วเธอจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?
“ไม่! ฉันอยากจะไปสู้กับพวกโจรด้วย!”
หยานเฟิงวูวิ่งออกไปหลังจากที่พูดเสร็จ แต่เธอต้องหยุดเพราะซิงเหมิง
“นี่เธอทำอะไร!? ถ้าเธอฝึกจนถึงสมรรถภาพร่างกายถึงขีดจำกัดแล้วก็จะกลายเป็นนักสู้เอง จะรีบไปเพื่ออะไร?”
หยานเฟิงวูเม้มปาก
“หนูรอเวลานี้มานานแล้ว ตอนนี้เย่หยูก็กลายมาเป็นนักสู้แล้ว จะไม่ให้หนูร้อนใจได้ยังไง?”
เย่หยูมองหยานเฟิงวูแล้วพูดว่า
“หากเธออยากจะกลายเป็นนักสู้เร็วๆ ฉันอาจจะช่วยเธอได้!”
หยานเฟิงวูคว้าแขนเย่หยูอย่างรวดเร็วและพูด
“บอกมา! อย่างมากฉันก็กลายเป็นรุ่นน้องเธอ!”
ด้วยใบหน้าที่เคร่งครึมและเสียงตะโกนของซิงเหมิง
“หยุดงี่เง่าได้แล้ว! เย่หยูจะทำอะไรได้? งานนี้เป็นเหมือนการบดน้ำ ไม่จำเป็นต้องรีบ!”
ดวงตาของหยานเฟิงวูหมองลงขณะปล่อยมืออกจากเย่หยู รู้สึกค่อนข้างผิดหวัง
เย่หยูเห็นทั้งคู่ไม่เชื่อเขา ดังนั้นเขาจึงพูดต่อ
“สิ่งที่พูดไปคือเรื่องจริง ผมมีทางที่จะพัฒนาสมรรถภาพร่างกายของเฟิงวูอย่างรวดเร็ว!”
แววตาของหยานเฟิงวูเบิกตาขึ้นอีกครั้ง จ้องเขม็งไปยังเย่หยูสักพัก หลังจากขบฟัน
“หากมีอะไรที่นายทำได้งั้นก็ใช้มัน! ฉันจะรับมันทั้งหมด!”
เมื่อมองไปยังหยานเฟิงวูที่แทบจะถวายชีวิต เย่หยูไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
“เอาหละ ฉันจะจัดระเบียบการเคลื่อนไหวของเธอก่อน เธอต้องทำไปพร้อมกับฉัน ถ้าเธอพยายามทำต่อ เธอก็จะกลายเป็นนักสู้อย่างแน่นอน!”
หยานเฟิงวูถามอย่างอยากรู้อยากเห็น
“การเคลื่อนไหว?”
เย่หยูพยักหน้า
“ดูดีๆ สามสิบหกกระบวนท่ายิมนาสติก(ออกกำลังกาย)​จะเริ่มขึ้นแล้ว!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ปล้นสวรรค์ 37​ 36​ กระบวนท่าจะเริ่มขึ้นแล้ว

Now you are reading ปล้นสวรรค์ Chapter 37​ 36​ กระบวนท่าจะเริ่มขึ้นแล้ว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

SPH:บทที่ 37​ 36​ กระบวนท่าจะเริ่มขึ้นแล้ว
เย่หยูมองไปที่ลู่ไฮหยวนและสัมผัสได้ดีว่ามีพลังงานอันทรงพลังที่ซ่อนอยู่ในร่างกาย โดยอย่างเฉพาะเลือดที่สูบฉีดเหมือนกับสายน้ำที่พุ่งขึ้นมา และมันก็ไม่หยุดแค่นั้น เย่หยูรู้สึกว่าลู่ไฮหยวนน่าจะเป็นนักสู้กลั่นโลหิตระดับสูง เมื่อเห็นตำรวจรักษาความเรียบร้อย ตรวจสอบยานพาหนะและดูอาการบาดเจ็บของโจร เย่หยูจึงตัดสินใจไปเพราะเขาไม่มีอะไรตต้องทำแล้ว
“สารวัตรลู่ครับ ถังถังก็ได้รับความช่วยเหลือเรียบร้อยแล้ว ผมไปได้แล้วใช่ไหมครับ?”
“เรียกลุงลู่เถอะ ฉันจะให้หลิวน้อยส่งเธอกลับ ฉันคงจะต้องขอบคุณเธออย่างเป็นทางการในสักวัน!”
ลู่ไฮหยวนมองไปที่เย่หยู ในใจเขาเต็มไปด้วยความรู้สึกขอบคุณ หากไม่ใช่เย่หยู อาจจะหาถังถังไม่พบ
เมื่อเห็นเย่หยูและฮันเสวี่ยอยู่ในรถ ลู่ไฮหยวนหันหลังกลับไปถามชุยอิง
“อิงน้อย เกิดอะไรขึ้นกับพวกโจร?”
ชุยอิงหยิบแผ่นบันทึกและชำเลืองมองไปที่มัน เธอหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดอย่างช้าๆ
“หัวหน้าโจรกระดูกหน้าอกแตก หัวใจแหลกละเอียดและเขาตายในที่เกิดเหตุ ชายที่มีรอยแผลเป็นจากมีดถูกยิงที่หัวไหล่ ส่วนคนร้ายที่เหลือข้อมือถูกตัดออก!”
เมื่อลู่ไฮหยวนได้ยิน สายตาของเขาก็เปลี่ยนเป็นจริงจัง
“เย่หยูไม่ใช่คนธรรมดาแล้ว!”
เวลานี้ เย่หยูกำลังนั่งอยู่ในรถ นั่งฟังเสียงของระบบในความคิด
“ติ๊ด!ขอแสดงความยินดีที่สามารถช่วยชีวิตได้ โฮสจะได้รับรางวัลเป็นจับล็อตเตอร์รี่!”
เจ้าหน้าที่หลิวขับรถพาเย่หยูและฮันเสวี่ยเข้าไปยังเพิร์ลพลาซ่า ภายใต้สายตาอึกอักที่จ้องมาจากฮันเสวี่ย คนขับรถจึงถามขึ้นเมื่อส่ง ฮันเสวี่ยไปแล้ว
“นักเรียนเย่หยู ฉันควรจะส่งเธอกลับบ้านใช่ไหม?”
เจ้าหน้าที่หลิวถามเย่หยูและมองไปที่เขาอยู่คนเดียว เย่หยูส่ายหน้าและพูด
“พาผมไปโรงเรียน ผมมีบางอย่างที่ต้องทำ”
เสี่ยวหลิวกลับรถและมุ่งไปที่โรงเรียน
ขณะนั่งอยู่บนรถ เย่หยู่จดจ่ออยู่กับความทรงจำของเขา เขามีโอกาสจับล็อตเตอร์รี่อีกหนึ่งครั้ง
“ระบบ เริ่มจับล็อตเตอร์รี่!”
สิ่งที่คล้ายๆกงล้อหมุนปรากฏขึ้นในความคิดเย่หยู และเข็มชี้ก็เริ่มหมุน
“หยุด!”
ตามคำสั่งของเย่หยู เข็มค่อยๆหยุดอย่างช้าๆ
“ติ๊ด! ขอแสดงความยินดีกับโฮสที่จับได้ขวดน้ำค้างดอกไม้จันทราหนึ่งขวด!”
เจ้าหน้าที่หลิวพาเย่หยูไปส่งที่โรงเรียน ครูสอนพละซิงเหมิงได้บอกเข้าว่าเขาไม่สามารถหยุดซ้อมมวยตอนกลางคันได้ แม้แต่วันอาทิตย์ก็ตาม
เย่หยูไม่ได้เข้าไปโดยตรงแต่เขาหยิบรางวัลของล็อตเตอร์รี่ออกมา ขวดน้ำค้างดอกไม้จันทรา
“น้ำค้างจันทรา: ครีมยาสมุนไพรที่มีส่วนผสมสำคัญจากดวงจันทร์ มีผลทำให้ร่างกายยืดหยุ่น !”
เย่หยูถือขวดเคลือบอันเล็กไว้ในมือซึ่งบรรจุน้ำค้างที่เปล่งกระกายของดวงจันทร์
เมื่อเปิดขวดออก เย่หยูก็ดื่มน้ำค้างดอกไม้จันทราทันที เขาเลียริมฝีปาก มันเย็นจัดและดื่มง่ายมาก
เมื่อฤทธิ์ของยาเริ่มกระจาย ร่างกายของเย่หยูเริ่มร้อนขึ้น ผิวเริ่มรู้สึกเหมือนจะเดือดและใช้
เวลานานกว่าอาการจะบรรเทาลง
สิ่งที่ตามมาคือพลังที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น และเย่หยูก็รู้สึกได้ว่าพังผืดใต้ผิวหนังแน่นขึ้น สิ่งคุ้มกันของเขาก็แข็งแกร่งขึ้น!
เขากำหมัดแน่น เย่หยูเริ่มรู้สึกมีความสุข นี่มันนักสู้ระดับ1​ ผลัดผิว​ (หนังเหนียว)ใช่รึป่าว​?
อย่างไรก็ตาม เมื่อมองไปยังเย่หยูเวลานี้ เขาตื่นเต้นที่จะได้กลายมาเป็นนักสู้
เมื่อเย่หยูมาถึงสนามหญ้าในโรงเรียน หยานเฟิงวูก็กำลังฝึกศิลปะป้องกันตัวภายใต้การสอนของซิงเหมิงอยู่
เมื่อเห็นเย่หยูมาสาย ซิงเหมิงก็ตะโกนด้วยสีหน้าเคร่งครึม
“นี่นายยังอยู่ในขั้นฝึกศิลปะป้องกันตัวอยู่นะ ถ้านายอยากจะฝึกวิชาหมัด นายก็ต้องพยายามให้มาก! มาสายแบบนาย ทำไมนายยังจะฝึกวิชาหมัดอยู่อีกหละ?”
เมื่อหยานเฟิงวูเห็นเย่หยูถูกตำหนิ เธอก็แลบลิ้นและพูดกับซิงเหมิงว่า
“อาจารย์ น้องเล็กเย่หยูมาสายเพราะอาจจะมีเหตุผลบางอย่าง ดังนั้นอย่าตำหนิเขาเลย”
ซิงเหมิงยิ่งโกรธมากขึ้น
“นี่นายคิดว่านายมาสายได้หรอ ถ้ามีอะไรจะพูด?”
เมื่อได้ยินซิงเหมิงตำหนิ เย่หยูรู้ว่าเขาทำไปก็เพื่อตัวเอง ดังนั้นเขาจึงไม่ปฏิเสธ เขาทำได้เพียงเงียบ
“หืม อาจารย์ซิง ผมเป็นนักสู้ฝึกหัดเรียบร้อยแล้วครับ”
“นายพูดว่าอะไรนะ?”
สายตาของซิงเหมิงเบิกกว้างขึ้นขณะมองที่เย่หยูอย่างไม่เชื่อ เขาเอานิ้วแคะหูราวกับได้ยินบางอย่างแปลกไป
“น้องเล็กเย่หยู นายไม่ได้กำลังโกหกเราใช่ไหม? นายจะกลายมาเป็นนักต่อสู้เร็วแบบนี้ได้อย่างไร?”
หยานเฟิงวูก็รู้สึกช็อคมากไม่ต่างกันกับคำพูดของเย่หยู อาจเป็นไปได้ว่าการฝึกปีนี้จะเสียเปล่า
ทั้งหมด? เธอไม่ยอมปล่อยให้เย่หยูเป็นคนนำหรอก
“อาจารย์ซิง แล้วพี่ใหญ่เฟิงวู ผมจะกลายเป็นนักสู้ขอบเขตระยะหมัดมฤตยู”
เย่หยูถอนหายใจ เขารู้ว่าไม่มีใครเชื่อ
เฟี้ยว!
ซิงเหมิงกระโดดก้าวใหญ่จนมาถึงหน้าเย่หยู เขาคว้าไปที่แขนเย่หยูและทดสอบเขา
“ผิวหนังกระชับ แข็งราวกับหนังเหนียว ลื่นราวกับหยกและแทบจะหารูขุมขนไม่เจอ !”
ระหว่างที่จับแขนเย่หยูไว้ ซิงเหมิงพึมพำกับตัวเอง
“นี่มันนักต่อสู้ระดับ​ 1​ ผลัดผิวจริงๆ!”
เมื่อหยานเฟิงวูได้ยิน เธอก็วิ่งเข้าไปยืนข้างเย่หยูด้วยยื่นแขนของเธอและเลียนแบบเสียงตามด้วยเสียงที่ตกใจ
“เขาเป็นนักสู้ระดับ​ 1​ ผลัดผิวจริงๆ น้องเล็ก ทำได้ยังหนะ?”
คิ้วเย่หยูสั่นกระตุกขณะมองมือหยานเย่หยู จากนั้นเขาก็พูดอย่างเขินๆว่า
“อะแฮ่ม พี่ใหญ่ ปล่อยแขนผมก่อนได้ไหม?”
หน้าของหยานเฟิงวูก็แดงขึ้นมาทันที เธอรีบถอยและเงยหน้ามองฟ้าทันที แกล้งทำว่าไม่มีอะเกิดขึ้น
“เย่หยู ทำไมนายถึงกลายเป็นนักสู้เร็วขนาดนี้?”
ซิงเหมิงอยากรู้อยากเห็นเต็มประดา ถึงแม้สมรรถภาพร่างกายจะเกินขีดจำกัดของมนุษย์ปกติทั่วไป แต่เขาไม่น่าจะกลายเป็นนักสู้เร็วขนาดนี้
“อะแฮ่ม!”
เย่หยูไอแห้งๆ ขณะกำลังจัดระเบียบทางความคิด หลังจากนั้นท้ายที่สุดเขาก็ไม่สามารถพูดออกมาได้ว่าเพราะเขาดื่มน้ำค้างดอกไม้จันทรา
“ก่อนมาที่นี่ ผมเพิ่งผ่านการต่อสู้ครั้งยิ่งใหญ่กับพวกโจรเหมือนคุณมา ตอนนั้น ผมรู้สึกสับสนมากและตื่นเต้น ดังนั้นผมจึงฝืนตัวเอง”
เย่หยูบอกซิงเหมิงและหยานเฟิงวูว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนหน้านี้ โดยย้ำว่าเขาฝืนตัวเองจนสำเร็จเป็นนักสู้ระดับ​1ทันที
ซิงเหมิงคิดอย่างลึกขณะฟัง
“งั้นนั้นคือสิ่งที่เป็น จากนั้นก็ไม่น่าแปลก ศักยภาพของร่างกายนายมันถึงระดับมาตรฐานของศิลปะการต่อสู้แล้ว หลังจากผ่านการกระตุ้นจิตใจอย่างรุนแรงจนกลายมาเป็นศิลปะการต่อสู้ตามธรรมชาติ”
หยานเฟิ่งวูแสดงอาการกังวลและถอนหายใจ หากน้องฝึกหัดของเธอกลายมาเป็นนักสู้แล้วเธอจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?
“ไม่! ฉันอยากจะไปสู้กับพวกโจรด้วย!”
หยานเฟิงวูวิ่งออกไปหลังจากที่พูดเสร็จ แต่เธอต้องหยุดเพราะซิงเหมิง
“นี่เธอทำอะไร!? ถ้าเธอฝึกจนถึงสมรรถภาพร่างกายถึงขีดจำกัดแล้วก็จะกลายเป็นนักสู้เอง จะรีบไปเพื่ออะไร?”
หยานเฟิงวูเม้มปาก
“หนูรอเวลานี้มานานแล้ว ตอนนี้เย่หยูก็กลายมาเป็นนักสู้แล้ว จะไม่ให้หนูร้อนใจได้ยังไง?”
เย่หยูมองหยานเฟิงวูแล้วพูดว่า
“หากเธออยากจะกลายเป็นนักสู้เร็วๆ ฉันอาจจะช่วยเธอได้!”
หยานเฟิงวูคว้าแขนเย่หยูอย่างรวดเร็วและพูด
“บอกมา! อย่างมากฉันก็กลายเป็นรุ่นน้องเธอ!”
ด้วยใบหน้าที่เคร่งครึมและเสียงตะโกนของซิงเหมิง
“หยุดงี่เง่าได้แล้ว! เย่หยูจะทำอะไรได้? งานนี้เป็นเหมือนการบดน้ำ ไม่จำเป็นต้องรีบ!”
ดวงตาของหยานเฟิงวูหมองลงขณะปล่อยมืออกจากเย่หยู รู้สึกค่อนข้างผิดหวัง
เย่หยูเห็นทั้งคู่ไม่เชื่อเขา ดังนั้นเขาจึงพูดต่อ
“สิ่งที่พูดไปคือเรื่องจริง ผมมีทางที่จะพัฒนาสมรรถภาพร่างกายของเฟิงวูอย่างรวดเร็ว!”
แววตาของหยานเฟิงวูเบิกตาขึ้นอีกครั้ง จ้องเขม็งไปยังเย่หยูสักพัก หลังจากขบฟัน
“หากมีอะไรที่นายทำได้งั้นก็ใช้มัน! ฉันจะรับมันทั้งหมด!”
เมื่อมองไปยังหยานเฟิงวูที่แทบจะถวายชีวิต เย่หยูไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
“เอาหละ ฉันจะจัดระเบียบการเคลื่อนไหวของเธอก่อน เธอต้องทำไปพร้อมกับฉัน ถ้าเธอพยายามทำต่อ เธอก็จะกลายเป็นนักสู้อย่างแน่นอน!”
หยานเฟิงวูถามอย่างอยากรู้อยากเห็น
“การเคลื่อนไหว?”
เย่หยูพยักหน้า
“ดูดีๆ สามสิบหกกระบวนท่ายิมนาสติก(ออกกำลังกาย)​จะเริ่มขึ้นแล้ว!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+