ผู้กล้าเงาสุดแกร่ง อยากมีชีวิตอย่างคนธรรมดา 19

Now you are reading ผู้กล้าเงาสุดแกร่ง อยากมีชีวิตอย่างคนธรรมดา Chapter 19 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Ch.19 – ดวล

Translator : Reheikichi / Author

ที่โรงเรียนราชวงศ์มีพื้นที่ที่เรียกว่าสนามฝึกอยู่หลายแห่ง แต่ไม่ใช่ทุกแห่งที่จะเปิดให้ทุกคนเข้าไปได้

ซิคที่คิดจะใช้ผมแสดงโชว์ในการดวล พาผมมายังสนามฝึกที่เปิดให้นักเรียนของแผนกผู้กล้าเท่านั้นที่เข้าไปได้

ขนาดสนามฝึกโดยรวมใหญ่กว่าสนามฝึกของที่แผนกสามัญใช้กันทั่วไป นอกจากนี้ยังมีร้านขายอาวุธชั้นหนึ่งในพื้นที่สนามฝึกและดูเหมือนนักเรียนแผนกผู้กล้าจะได้รับอนุญาตให้ยืมใช้อาวุธได้

เมื่อเทียบกับสนามฝึกของแผนกสามัญแล้วต่างกันราวฟ้ากับเหว

ไม่แปลกใจเลยที่พวกเขาจะได้ใจ

แต่ว่ามันเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ที่นักเรียนแผนกผู้กล้าจะได้รับการปฏิบัติแบบพิเศษ

เพราะท้ายที่สุดพวกเขาก็คือนักเรียนที่ผ่านการสอบสุดหินที่การแข่งขันสูงมาได้ ในอนาคตหากหวังจะทำอาชีพนักผจญภัยที่เน้นทักษะก็สามารถทำได้… อย่างน้อยนั่นก็เป็นฉากหน้า

เท่าที่ผมดูเมื่อวันก่อน ฝีมือของซิคก็ไม่ได้เก่งกาจนัก

ผมมองไปรอบๆ

เพราะข่าวเรื่องการดวลแพร่กระจายไป จึงมีนักเรียนหลายคนมารวมตัวกันรอชม

[ จะแกล้งแพ้ดีไหมนะ? ]

ผมพูดด้วยเสียงเบาๆ

เรื่องมันเริ่มต้นจาก ผมไปทำซิคเสียหน้า ถ้าผมชนะซิคก็จะเสียหน้าอีกครั้ง แบบนั้นเขาคงไม่หยุดอยู่แค่นี้แน่ ต่อไปคงเข้ามากลั่นแกล้งทุกรูปแบบโดยไม่สนวิธีการ

[ ห้ามทำแบบนั้นเด็ดขาดเชียวนะ ]

เอลิเซียดูเหมือนจะได้ยินคำบ่นของผม จึงท้วงกลับมา

[ ตัวนายทำอะไรได้บ้างคงรู้ตัวดี ดังนั้นคงไม่ทำเรื่องที่ทำไม่ได้ใช่มั้ยล่ะ? ]

[ …โทษที จับไต๋ได้เหรอเนี่ย ]

[ นายขุดหลุมฝังตัวเองนะ ดังนั้นตอนนี้เผยไต๋ที่อุบไว้มาให้หมดได้แล้ว ]

เอลีเซียพูดด้วยท่าทางมีความสุข

[ หรือบางทีนี่เป็นเป้าหมายที่เธอเล็งไว้แต่แรก? ]

[ ไม่รู้สินะ แต่มันเป็นความจริงที่ฉันอยากรู้ตัวจริงของนาย ]

เมื่อซิคเห็นว่าอีกฝ่ายอย่างผมกำลังลำบากใจแบบนี้ ในใจคงจะก่นด่าอยู่ไม่ยั้งแน่

ตามหลักแล้วนั้นคือการโจมตีทางจิตประสาท เพื่อไม่ให้ลบกวนจิตใจผมควรจะเมินไปซะ ใจเย็นไว้… แต่มันไม่ใช่เพียงแค่ซิคเท่านั้น แต่ยังรวมถึงเหล่านักเรียนแผนกผู้กล้าคนอื่นๆ อีกด้วย

ชัยชนะของผมอาจจะทำให้ช่องว่างระหว่างแผนกผู้กล้าและแผนกสามัญต้องแตกหัก

รู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่เลย

[ นายพร้อมแล้วใช่มั้ย? ]

เพราะมีนักเรียนคนอื่นๆ เฝ้าดูการดวลอยู่ ซิคจึงถามมาด้วยรอยยิ้ม(จอมปลอม)

และในกระเป๋ายังถืออะไรบางอย่างที่ห่อเอาไว้อยู่

――นั่นมันอะไรนะ?

เพราะพกมาที่สนามด้วย ผมจึงคาดเดาว่าน่าจะเป็นอาวุธ

แต่ทำไมถึงต้องห่อมันไว้ราวกับพยายามจะซ่อนไว้ด้วย? หรือหากผมเห็นเข้าตอนนี้จะเป็นปัญหา?

[ …อ่า ]

ผมพยักหน้าพลางสังเกตสิ่งที่ห่อเอาไว้

จากนั้นซิคก็แสยะยิ้ม

การดวลจะดำเนินต่อไปจนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะบอกยอมแพ้หรือหมดสภาพที่จะสู้ได้

โดยที่เอลิเซียเป็นผู้ตัดสิน น่าแปลกที่ซิคยอมรับเรื่องนี้ได้ ดูเหมือนซิคตั้งใจจะชนะผมแบบตัวต่อตัวจริงๆ

[ ทั้งสองฝ่ายเตรียมตัว ]

เอลิเซียให้สัญญาณ

ผมมือเปล่า กลับกันซิคมีห่อบางอย่างในมือ

[ ――เริ่มได้! ]

ทันทีที่เอลิเซียให้สัญญาณเริ่มการต่อสู้ ซิคก็เอาห่อผ้าออกทันที

สิ่งที่อยู่ข้างในคือไม้เท้าสีเงิน

[ เอลเดไกเซอร์งั้นเหรอ!? ]

เอลิเซียสะดุ้งตกใจ

อย่างไรก็ตามเหล่าผู้ชมต่างแค่ซุบซิบกันเพราะไม่รู้ว่ามันคืออะไร

ซิคแผดเสียงหัวเราะ ขณะที่มองผมจากไกลๆ

[ ก็แกมันคนของแผนกสามัญนี่นะ คงไม่รู้จักล่ะสิ มันคือไม้เท้า “เอลเดไกเซอร์” อุปกรณ์เวทมนตร์ทางการทหารที่กองทัพราชอาณาจักรนำมาใช้ในสงครามครั้งที่สี่ไงล่ะ ]

เมื่อซิคถือไม้เท้า ปลายไม้เท้าก็ส่องแสง

แสงถูกชาร์จและขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ

――แบบนี้นี่เอง ที่ขาดเรียนเมื่อวานก็เพื่อเตรียมสิ่งนี้เหรอ?

ขณะเดียวกันกับที่ผมเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด ผมก็หัวเราะ

ซิคทำพลาดไปแล้ว

ผมรู้จักไม้เท้านั้นดี

เพราะผมเองก็เข้าร่วมสงครามด้วย ดังนั้นอาวุธที่นำมาใช้ในการต่อสู้จริงย่อมรู้จักแน่อยู่แล้ว

[ เอาไปกิน!! ]

ซิคใช้เวทมนตร์ยิงระยะไกล แหอกสายฟ้าจึงพุ่งออกมาจากปลายไม้เท้า

มันคือเวทมนตร์ระดับ C ที่ใช้ได้เฉพาะผู้มีพลังเวทระดับหนึ่งเท่านั้น ไม่เพียงแต่พลังในการทำลายแต่ยังมีความเร็วอีกด้วย จึงยากที่จะหลบตรงๆ ได้

แต่หากคาดเดาได้ว่าเวทมนตร์ที่อีกฝ่ายใช้คืออะไร การจะหลบเลี่ยงมันก็ทำได้ในระดับหนึ่ง

วิถีของเวท 《หอกสายฟ้า》เป็นเส้นตรง จึงสามารถอ่านทิศทางการโจมตีได้จากปลายไม้เท้า

ผมเข้าใกล้ซิคพลางหลบ《หอกสายฟ้า》ไปด้วย

โดยไม่จำเป็นต้องใช้《กระสุนเวท》ซึ่งเป็นเวทถนัดเลยสักนิด เพราะพลังทำลายมันมากเกินไป เมื่อสองวันก่อนผมใช้เพราะมันเป็นกรณีฉุกเฉิน แต่ที่จริงมันไม่ควรเอามาใช้กับนักเรียนหรอก

[ เฮอะ! หวานหมูชะมัด! ]

ซิคใช้《หอกสายฟ้า》อีกมากมาย

ท่ามกลางเวทสายฟ้ามากมาย ผมร่าย《เสริมพลัง》และถอยหลบออกมาอย่างรวดเร็ว

[ ชิ หลบเก่งนักนะ ]

ซิคบ่น

[ มีฝีมือแค่นี้รึไง? ]

[ ว่าไงนะ? ]

[ ที่มาท้าดวลผมก็เพราะคิดว่าถ้าเป็นผมคงจะเอาชนะได้ง่ายๆ ใช่มั้ยล่ะ? ]

ดูเหมือนจะแทงใจดำ ซิคจึงปิดปากเงียบ

ผมจึงเผยอมุมปากขึ้น แสยะยิ้ม

[ อย่าเข้าใจผิด ฉันก็แค่จะฆ่าแกก่อนคนแรกเท่านั้น ]

[ …ฆ่าเหรอ? คิดการใหญ่น่าดูเลยเลยนะ ]

[ ฉันจะทำให้การตายของพวกแกเป็นอุบัติเหตุในการดวลซะ โดยเฉพาะ… ยัยพวกหญิงดื้อด้านคนนั้น ]

ซิคมองไปเอลิเซีย

[ ไม่ต้องห่วงเรื่องเอลิเซีย สำหรับยัยคนนั้นฉันจะค่อยๆ ถนุถนอม…. ให้พบเจอกับความเจ็บปวดอย่างช้าๆ จนสิ้นใจเลย ]

[ …ชั้นต่ำจริงนะ ]

[ นี่ล่ะคือคนชนชั้นอภิสิทธิ์ชน ]

ที่จริงผมแค่ยิงมุข ――และคิดจะให้เขาตอบเป็นมุขตลก

แต่ซิคกลับตอบอย่างจริงจัง

เป็นเรื่องที่น่าอาจมองข้ามได้เลย

――เพราะคนแบบนี้น่ะเหรอ ทำให้พวกผมต้องต่อสู้กับจอมมารมาตลอด?

คนเรามีหลายแบบ อย่าเพิ่งยอมรับมันสิ

ผมนึกถึงเพื่อนพ้องที่ต่อสู้กระจัดกระจายกันในสนามรบและเพื่อนพ้องเพียงไม่กี่คน ผมก็รอดชีวิตมาได้ ――ผมไม่ยอมรับ การคงอยู่ของชายคนนี้อย่างเด็ดขาด

[ ฮึๆ ถึงเวลาตัดสินกันสักที ]

จากนั้นซิกก็ยกไม้เท้าขึ้นและใช้《หอกสายฟ้า》แต่ว่าคราวนี้เวทมนตร์ค่อยๆ ขยายใหญ่ขึ้นและมีขนาดใหญ่ว่าเดิมประมาณสามเท่า

ราวกับว่ามีฟ้าคะนองฟ้าร้องตรงหน้า

กระแสไฟฟ้าพลางเผาพื้นและผนังของสนาม จนผู้ชมหรี่ตาลง

[ ฮ่าๆ ดูซะ นี่คือพลังของเอลเดไกเซอร์! ไม้เท้าเวทนี้ทำให้ใช้พลังเวทมากกว่าเดิมหลายเท่าขึ้น! อย่างแกที่แม้แต่เวทมนตร์ระดับ D ยังใช้ไม่ได้ ไม่มีโอกาสชนะฉันคนนี้หรอกเว้ย! ]

การเพิ่มพลังเวทหลายเท่าเป็นเทคนิคระดับสูง เดิมเป็นเทคนิคที่นักเรียนทำไม่ได้

แต่เพราะมีเอลเดไกเซอร์คอยช่วยเหลือต่างหากจึงทำได้

แน่นอนว่าผมรู้ ――จึงเริ่มทำตามแผนทันที

――《กระสุนเวท》

ผมสามารถใช้เล็งไปที่ซิคโดยตรงได้ แต่เปลี่ยนใจ

ทำให้ชายคนนี้ได้รับรู้ถึงความพ่ายแพ้แบบหน้าแตกดีกว่า

ผมปล่อยพลังเวทที่ควบแน่นไปยังเอลเดไกเซอร์ซึ่งซิคถืออยู่

[ ห๊ะ!? ]

บางทีซิคคงไม่รู้

หากใช้เวทมนตร์ด้วยเอลเดไกเซอร์หลายครั้ง กลไกบางอย่างในตัวไม้เท้าจะทำให้ตัวไม้เท้าร้อนขึ้น ตามธรรมชาติหากยิงไปยังจุดหนึ่งในไม้เท้า จะทำให้ไม้เท้าเสียหายจนใช้การไม่ได้

เอลเดไกเซอร์ซึ่งถูก《กระสุนเวท》เจาะทะลุ ถูกทำลายในเวลาเดียวกับที่ชาร์จอยู่

การใช้《หอกสายฟ้า》ของซิคจึงบิดเบือนและระเบิด

[ อ๊า――ก!? ]

ซิคร้องตะโกนขณะที่เกิดแรงระเบิด

ผมอาศัยจังหวะนั้น โอบที่หลังของซิคไว้

[ อย่าขยับ ]

ผมใช้มีดที่สร้างโดย 《ฟิคเซชั่น》จ่อที่คอของซิค

ท่ามกลางฝุ่นควันฟุ้งไปทั่ว ซิคคร่ำครวญ

[ กะ แก…. คิดว่าทำแบบนี้แล้วจะรอดไปได้รึไงกัน!? ]

[ ถ้านายตายในสถานการณ์เมื่อกี้ที่จู่ๆ เวทก็ระเบิด ก็ไม่มีใครสงสัยผมหรอก ]

[ ฮะ!? ]

พวกขุนนางมีเยอะจะตายไป เปลี่ยนตัวเปลี่ยนตำแหน่งนี้ไม่ยากหรอก

การระเบิดเมื่อครู่ไม่แรงพอระดับที่จะฆ่ามนุษย์ได้ แต่เพราะตอนนี้สายตาของผู้ชมถูกบดบังด้วยฝุ่น มันจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่มีใครรู้หรอกนะ

สถานการณ์แบบนี้ ผมสามารถฆ่าเขาได้โดยไม่ต้องแบกรับความผิดใดๆ เลย …. ความจริงข้อนั้นซิคเองก็ดูเหมือนจะรู้ตัวแล้ว

[ มันเป็นเรื่องปกติในการดวล ที่จะมีอุบัติเหตุบางครั้ง … ไอ่งานทำเนียนว่าเป็นอุบัติเหตุนี่ของถนัดเชียวล่ะ ]

เพราะสุดท้ายแล้วการอำพรางคดีในองค์กรถือเป็นเรื่องเรื่องปกติ

ไม่มีสิ่งใดยืนยันได้ว่าซิครอดจากการระเบิดเมื่อครู่ได้อยู่แล้ว

ซิคที่พูดอะไรไม่ออกและตัวสั่นเทาด้วยความกลัว

ดูเหมือนจะเข้าใจสถานการณ์แล้วสินะ

[ แค่ขอเรื่องง่ายๆ จากนี้อย่ามายุ่งกับพวกเราอีก ]

เมื่อผมพูดออกไป ซิคยังคงนิ่งเงียบ

[ ห้ามมีส่วนร่วมในการแกล้งแผนกสามัญและแจ้งสถานะของตัวเองด้วย จริงสิ ――ให้ทำตัวเหมือนที่เอลิเซียทำเป็นไงล่ะ? เพราะถึงเธอจะอยู่แผนกผู้กล้า แต่ก็ไม่เคยดูถูกแผนกสามัญ ]

[ มะ เหมือนยัยผู้หญิงคนนั้นเรอะ… ]

ผมจี้มีดเข้าไปใกล้และตัดหูขวาของเขา

[ อื๊อออออ!? ]

[ ห้ามพูดอะไรไร้สาระ คำพูดที่ตอบได้คือ “เข้าใจแล้ว” เท่านั้น ]

แม้เขาจะเหลือเพียงหูเดียวก็คงจะเข้าใจได้

ที่จริงแล้วมันยังมีคู่มือการทรมานขององค์กรอีกด้วย แต่ดูเหมือนจะไม่จำเป็นต้องใช้ความรู้ในคู่มือ ในตอนนี้ซิคหมดกำลังใจจะเป็นศัตรูอย่างสมบูรณ์แล้ว

[ ขอเตือนอีกครั้ง ――หากยังอยากมีชีวิตอยู่ต่อไปก็ระวังด้วย ]

เพราะการระเบิดกระทันหันทำให้การดวลหยุดลง

ในขณะที่ฝุ่นควันหายไปจากสนาม ผมก็เริ่มทำการช่วยเหลือเหลือเอลิเซียและซิค เพราะเกิดเหตุระเบิดขึ้น ทำให้เอลิเซียตะโกนออกไปว่า [ เรียกอาจารย์เร็ว! ] อาจารย์ซิลเฟียจึงรีบมาอย่างรวดเร็ว

สนามฝึกได้รับความเสียหายอย่างมาก เป็นเรื่องน่าเศร้า แต่โชคดีที่มีผู้บาดเจ็บเพียงเล็กน้อย

กุเร็นและเอลิเซียที่เป็นกรรมการไม่ได้รับอันตราย ผมก็มีเพียงรอยขีดข่วน

แต่โชคร้ายที่หูข้างขวาของซิคถูกระเบิดจนหายไป …. แต่ดูเหมือนจะได้รับการรักษาทันที

[ คุณซิค! ]

[ ไม่เป็นไรนะครับ!? ]

ทั้งสองคนรีบวิ่งไปหาซิค

อย่างไรก็ตาม ซิคเอาแต่เหม่อลอยและตัวสั่นเทา

[ …ไม่ต้องไปยุ่งกับเจ้าพวกนั้นอีก ]

ด้วยคำพูดประโยคเดียวของซิคทำให้ทุกคนรอบข้างถึงกับตะลึง

ปัจุจบันซิคไม่ได้มีท่าทางเหย่อหยิ่งเหมือนก่อนอีกแล้ว

เอลิเซียสงสัยสิ่งที่ตาเห็น

[ ทรูเอท… นี่นายทำอะไรกับซิคไปกันแน่? ]

เมื่อโดนเอลิเซียถาม ผมจึงตอบกลับไปโดยไม่เปลี่ยนสีหน้าใดๆ

[ ก็แค่ขู่แรงๆ นิดหน่อย ]

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด