ผู้กล้าเงาสุดแกร่ง อยากมีชีวิตอย่างคนธรรมดา 36

Now you are reading ผู้กล้าเงาสุดแกร่ง อยากมีชีวิตอย่างคนธรรมดา Chapter 36 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Ch.36 – ทรูเอทคุง!?

Translator : Reheikichi / Author

[ ถ้าอย่างนั้น เรามาทดลองปรุงยาสมุนไพรตามที่สอนไปนะคะ ]

นักเรียนตอบกลับอาจารย์ซิลเฟียพร้อมเพียง [ ครับ/ค่ะ ]

สัปดาห์แรกของเดือน หลังจากการสอบเข้ามาสองเดือน

วันนี้ม.ปลาย โรงเรียนราชวงศ์มีบทเรียนพิเศษ

บทเรียนพิเศษนั้นจะแตกต่างไปตามแผนกที่ตนอยู่

ดูเหมือนแผนกผู้กล้าจะได้เข้าเรียนฝึกการต่อสู้เป็นส่วนใหญ่ ตอนนี้คงกำลังเรียนปฏิบัติกับอาจารย์ฟาร์เนส อีแวนส์

ตรงกันข้ามแผนกสามัญจะต้องเรียนวิชาเภสัชเวทโดยอาจารย์ผู้สอนคืออาจารย์ซิลเฟีย มาคิน่าผมสีฟ้าและเป็นอาจารย์ประจำชั้น

[ ผสมยาไม่เก่งด้วยสิ แบบนี้เหรอ… กุกกีกุกกี ]

กุเร็น ชายหนุ่มที่มีกล้ามเป็นมัดใช้สากขยี้สมุนไพรในครก สมุนไพรเขียวประมาณสามมัดถูกบดจนกลายเป็นของเหลวทีละนิดด้วยแรงของกุเร็น

[ คุณกุเร็น ต้องเติมน้ำหน่อยนะคะ ]

มิเซ่ เด็กสาวตัวเล็กๆ ผมสีเงินพูดขณะที่มองไปในครก

[ โอ้ ทรูเอทเอาบีกเกอร์มาที ]

[ อา ]

ผมหยิบบีกเกอร์ใส่น้ำให้กุเร็น

กุเร็นเอียงโถน้ำเล็กน้อยและใส่น้ำลงไปอย่างระวัง

 

สิ่งทีกุเร็นกำลังทำ คนทั่วไปเรียกกันว่าโพชั่น

หากดื่มเข้าไปอาการบาดเจ็บจะหายไปและรักษาบาดแผลได้

 

โดยปกติแล้วเมื่อทำเสร็จ ยาจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวอ่อน――

[ … นี่อะไรนะ? ]

เพราะอะไรไม่รู้ ยาที่กุเร็นทำออกมาถึงได้เป็นสีดำ

ขณะที่กุเร็นเอียงหัว มิเซ่จึงไปถามอาจารย์ซิลเฟียว่าเจ้าวัตถุลึกลับนี้คืออะไร

[ นี่มัน… แบบนี้คงผสมพลาดค่ะ เป็นไปได้ว่าอาจจะกะปริมาณน้ำกับสมุนไพรผิด อีกอย่างตัวยามีความละเอียดอ่อน ดังนั้นระวังเรื่องน้ำกับสมุนไพรด้วยนะคะ ]

[ ยังไงก็เถอะ เจ้านี่ดื่มได้มั้ยครับ? ]

[ ก็ดื่มได้อยู่หรอกค่ะ แต่เป็นแค่ของเหลวขมๆ นะคะ ]

[ แค่ของเหลวขมๆ ]

ทีแรกกุเร็นคงคิดจะยกครกแล้วดื่มแน่ แต่หลังฟังคำอธิบายของอาจารย์จึงวางมันกลับลงบนโต๊ะ

[ ต่อไป ฉันจะทำค่ะ! ]

มิเซ่พูดด้วยท่าทางกระตือรือร้น

เธอเป็นเด็กผู้หญิงที่ดูบอบบางและไร้เดียงสา จนบางทีอาจเข้าใจผิดว่าเป็นเด็กประถมได้เลย แต่กลับกันก็มีเรื่องน่าแปลกใจ เรื่องพลังแขนเธอมีมากกว่าผมหรือเอลิเซียด้วยซ้ำ

มิเซ่ค่อยๆ บดสมุนไพรช้าๆ ตามที่อาจารย์สอนไว้แล้วล่วงหน้า

จากนั้นก็เทน้ำลงไปอย่างระวัง … มิเซ่เอามือเทน้ำจากบีกเกอร์ลงไปครึ่งนึง จากนั้นจึงผสมสมุนไพรแล้วเติมน้ำที่เหลือ

[ มิเซ่ การผสมแบบนั้นมันอะไรนะ? ]

[ เอ่อ ก็แค่สงสัยว่ามันจะดีนะคะ … ]

มิเซ่พูดพลางส่งบีกเกอร์เปล่าไปไว้บนโต๊ะ

เพราะวิธีการผสมมันต่างออกไป คราวนี้มิเซ่ใช้สมุนไพรห้ามัด หากเป็นตามวิธีที่อาจารย์สอนน่าจะใช้แค่สามก็พอแล้ว

แวบแรกอาจดูเหมือนเธอกำลังจริงจัง แต่เบื้องหลังดูเหมือนจะกำลังสนุกว่าผลมันจะเป็นยังไงซะมากกว่า

[ มิเซ่นี่เป็นคนที่ไม่ฟังใครเลยนะ ]

[ ไม่จริงสักหน่อยค่ะ! ]

มิเซ่ส่ายหัวปฏิเสธ แต่ผมเห็นด้วยกับกุเร็น

หลังจากนั้นมิเซ่ก็ผสมยาขณะที่เตรียมอะไรบางอย่าง

ในที่สุดก็เสร็จจนได้และโพชั่นที่ออกมาส่องแสงเล็กน้อย

[ นี่มัน… โพชั่นระดับสองสินะคะ ]

อาจารย์ซิลเฟียมองไปยังโพชั่นที่มิเซ่ทำออกมา

โพชั่นมีอยู่ห้าระดับและคุณภาพจะยิ่งสูงมากขึ้นตามระดับ

ที่เราเรียนจากในห้องคือการปรุงโพชั่นระดับหนึ่ง แล้วมันจะกลายเป็นระดับสองได้ยังไง

[ คุณมิเซ่มีความรู้เรื่องเภสัชเวทมาก่อนเหรอคะ? ]

[ ม ไม่หรอกค่ะ ก็แค่บังเอิญนะคะ แค่สงสัยว่าจะทำให้ดีกว่านี้ได้ไหมนะคะ… ]

[ … ค่ะ ยังไงเราก็มีวัตถุดิบที่ต้องการทั้งหมดอยู่แล้ว แต่ไม่นึกเลยว่าจะทำออกมาเพราะความบังเอิญได้ค่ะ … แต่ต้องยอมรับว่าทำออกมาได้จริงๆ ค่ะ ]

อาจารย์ซิลเฟียประหลาดใจและมองไปที่โพชั่นของมิเซ่อย่างจริงจัง

ทำให้ผมและกุเร็นพลางหยุดมือจากครกตรงหน้าและมองในครก

[ ยังไงก็ตามแต่ยิ่งโพชั่นมีระดับสูงขึ้นก็ยิ่งอร่อยมากขึ้น ไม่ลองดื่มดูล่ะคะ? ]

[ ค ค่ะ ]

ตามคำแนะนำของอาจารย์ซิลเฟีย มิเซ่จึงเอียงครกและดื่มโพชั่น

[ อร่อยจัง ]

มิเซ่พูดด้วยดวงตากลมโต

ขณะที่อาจารย์ซิลเฟียที่ยิ้มให้

[ หากพอมีความรู้จะลองปรุงอะไรดูก็ได้นะคะ แต่อย่าทำของอันตรายนะ ]

จากนั้นนักเรียนทุกคนก็ขานรับ

[ นี่ มิเซ่ ขอผมลองหน่อยได้ไหม? ]

[ ค่ะ เชิญตามสบายเลยค่ะคุณทรูเอท ]

ผมพยักหน้าตอบรับมิเซ่

ซึ่งเรื่องรสชาติความจริงผมรู้อยู่แล้ว เพราะเคยดื่มเมื่อก่อน

แน่นอนว่าโพชั่นจะรสชาติดีขึ้นตามระดับของโพชั่น อย่างไรก็ตามในสนามรบถึงผมจะดื่มโพชั่นระดับสูงขนาดไหนก็ไม่สนรสชาติหรอก ความเป็นจริงในสนามรบคือดื่มแล้วต่อสู้ได้ต่อหรือไม่ แม้มันจะรสชาติแย่สุดๆ ก็ยังยินดีจะดื่มเลยล่ะถ้าทำให้บาดแผลหายได้

ดังนั้นบอกได้เลยว่านี่เป็นครั้งแรกที่ดื่มโพชั่นและลิ้มรสชาติอย่างตั้งใจ

 

ผมและกุเร็นมองไปที่มิเซ่อย่างเงียบๆ เธอหยิบบีกเกอร์เปล่าสองอันไว้ในมือแล้วค่อยๆ เทลงไปอย่างระวัง

โดยที่ท่าทางที่มิเซ่เทโพชั่นลงไป เหมือนกับลูกคุณหนูรินชาในงานปาร์ตี้ยังไงยังงั้น

[ อะไรเหรอคะ… ]

[ เอ่อ… ก็แค่คิดว่าท่าเทโพชั่นดูสง่างามดีนะ ]

[ เอ๊ะ!? สะ สง่างาม!? ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อยค่ะ… ! ]

จากนั้นจู่ๆ มิเซ่ก็เทยาพรวดเดียว

ของเหลวใสกระเด็นออกนอกบีกเกอร์จนเลอะโต๊ไปหมด ขณะเดียวกันใบหน้าของกุเร็นก็พลอยเปียกไปด้วย

ขอโทษค่ะ ขอโทษค่ะ ! มิเซ่ขอโทษ ผมและกุเร็นจึงยิ้มแหยะและดื่มโพชั่น

[ โอ้ เจ้านี่มัน…! ]

กุเร็นดูจะชอบ

มีรสสดชื่นเหมือนชาสมุนไพร มีสีฟ้าอ่อน รสที่ค้างอยู่ในลำคอก็ไม่เลว เป็นรสชาติที่ทำให้สดชื่นดีจริงๆ

[ งั้นต่อไปผมขอลองบ้างนะ ]

เมื่อพูดขึ้น ผมจึงล้างครกและเตรียมผสมยาบ้าง

[ ดีล่ะ เป้าหมายคือโพชั่นระดับ 3 ]

[ เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ ฉันยังไม่รู้เลยว่ามันต้องทำยังไง… มาลองผสมดูละกัน น่าสนใจดี ]

ผมก็ไม่มีความรู้เรื่องเภสัชเวทหรอกนะ แต่พอมีความรู้เรื่องการทำยาแบบพิเศษ

แม้แต่โพชั่นระดับเดียวกันก็ยังมีหลายวิธี ตอนนี้ในห้องเรียนมีสมุนไพรให้ทดลองใช้และวิธีการทำก็มีหลากหลาย ในบรรดาสมุนไพร บางชนิดก็ให้ผลตอบสนองกับน้ำหรือไฟด้วยก็มี

[ ดีล่ะ มาลองกันเถอะ ]

บดสมุนไพรจนเป็นของเหลว หลังจากนั้นแช่รากของสมุนไพรในของเหลวสักพัก จากนั้นผมจึงหยิบขึ้นมาใส่ไฟ จากนั้นควันสีขาวก็ลอยขึ้นและในห้องก็เต็มไปด้วยควันโขมงเต็มไปหมด

[ ทรูเอท นี่คุณทำอะไรลงไปน่ะ? ]

อาจารย์ซิลเฟียถามกับผม

[ แก๊สนอนหลับครับ ]

[ ทรูเอทคุง!? ]

จากนั้นนักเรียนรอบๆ ก็เริ่มถอยห่างจากผม

[ ไม่ได้นะคะ!? ทำไมถึงทำของอันตรายแบบนี้ขึ้นมากันล่ะ!? ]

[ ไม่นะครับ ไม่ใช่ของอันตรายสักหน่อย ความจริงในบางอาณาจักรยังใช้คือรักษาอาการนอนไม่หลับเลยนะครับ―― ]

[ ห้าม! ห้ามเด็ดขาด! ――ยังไงก็ห้ามเข้าใจมั้ยค๊าาา!! ]

อาจารย์ซิลเฟียหยิบครกและรีบดับไฟด้วยน้ำทันที

ไม่เห็นต้องกังวลขนาดนั้นเลย ผลของมันก็ตั้งใจจะเจือจางอยู่แล้ว ด้วยความเข้มข้นของควันระดับนี้ สูดดมเข้าไปก็แค่เบลอนิดหน่อยเท่านั้นเอง

[ นายนี่… ยังเหมือนเดิมเลยนะ ]

[ ยังเหมือนเดิมเลยนะคะ… คุณทรูเอท ]

กุเร็นและมิเซ่ที่ถอยห่างไปพร้อมกับนักเรียนคนอื่นๆ มองผมด้วยสายตาตำหนิ

 

――――พักนี้ ผมมักจะโดนมองด้วยสายตาแบบนี้ล่ะ

จำได้ว่าเอลิเซียเคยบอกว่าผมเป็น ‘คนน่าสงสัย’

เห็นได้ชัดว่าหนีไม่พ้นสายตาเวลามอง ‘คนน่าสงสัย’ อยู่ดี

 

[ ทั้งที่กุเร็นกับมิเซ่ก็ผสมด้วยกันกับผมนี่นา ไหงผมถึงโดนโกรธคนเดียวล่ะ ]

[ ไม่เลยค่ะ … ส่วนใหญ่คุณผสมเองนี่ค่ะ … ]

[ ใช่ๆ เราไม่ได้ตั้งใจทำสักหน่อย ]

ทุกคนยังคงมองผมด้วยสายตาตำหนิ

สุดท้ายผมก็ผิดคนเดียวซะงั้น

[ ช่วยไม่ได้ ลองอีกครั้งแล้วกัน ]

ผมเตรียมสมุนไพรและเริ่มผสมอีกครั้ง

อาจารย์ซิลเฟียนี้จ้องผมทุกฝีก้าวเลยก็ว่าได้ตอนไปเอาสมุนไพรมาใหม่

แม้จะไม่มั่นใจในการผสมยา แต่ก็คิดเป็นนะเออ ใช่ว่าผมจะทำผิดพลาดเหมือนเดิมได้หรอก มั่นใจได้เลย

[ ว่าแต่โพชั่นนั้นอร่อยจังเลยน้า ]

กุเร็นพูดถึงโพชั่นที่มิเซ่ทำ พลางมองผมผสมยา

[ นั่นแค่ระดับสอง ว่าแต่ถ้าเป็นระดับห้าจะรสชาติยังไงนะ? ]

[ อืมม… คงเหมือนได้ขึ้นสวรรค์เลยล่ะมั้งคะ }

ที่จริงก็ไม่ได้รสชาติดีอะไรมากมายขนาดนั้น แต่ไม่พูดถึงดีกว่า

ผมฟังทั้งสองคนคุยกันขณะที่ผสมยาต่อ

จากนั้นอาจารย์ซิลเฟียก็ไปร่วมวงคุยด้วย

[ ตามบันทึกแล้ว โพชั่นระดับสูงที่สุดไม่ใช่ระดับห้าหรอกนะคะ ]

อาจารย์ซิลเฟียพยักหน้า ขณะที่กุเร็นมีเครื่องหมายคำถามบนหัวพลางเอียงหัว

[ โพชั่นระดับสูงสุดเรียกว่าเอลลิกเซอร์ค่ะ ใช้วัตถุดิบพิเศษ… โดยต้องใช้สมุนไพรเอล กล่าวกันว่าเป็นโพชั่นที่รักษาให้หายได้แม้จะเป็นบาดแผลร้ายแรงขนาดไหนหรือโรคแบบไหนก็ตาม ในอดีตว่ากันว่าแม้แต่คนตายก็ยังทำให้คืนชีพได้เลยค่ะ ]

[ ม มีของแบบนั้นด้วยเหรอ… ]

[ ค่ะ อย่างไรก็ตามในปัจจุบันสมุนไพรเอลเป็นของหายากมากและโพชั่นเอลลิกเซอร์ที่ผลิตได้ในหลายทศวรรษมานี้มีแค่เพียงห้าขวดเท่านั้นค่ะ ดังนั้นแม้จะเป็นโพชั่นที่ดีเลิศขนาดไหน แต่ก็ใช้กับผู้บาดเจ็บที่บาดแผลรุนแรงจนหมดสติ ส่วนใหญ่จึงไม่รู้ว่ารสชาติเป็นยังไงกันหรอกค่ะ ]

กุเร็นและมิเซ่พยักหน้าอย่างเข้าใจให้กับการอธิบายของอาจารย์ซิลเฟีย

[ ว่าแต่ทรูเอท ตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว คุณกำลังทำอะไรอยู่คะนั่น? ]

อาจารย์ซิลเฟียถาม

ผมหย่อนรากสมุนไพรลงไปในไฟและยืนยันว่ามีควันสีขาวลอยออกมาแล้ว จากนั้นจึงตอบอาจารย์ซิลเฟีย

[ แก๊สน้ำตา ]

[ ทรูเอทคุง!? ]

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด