ผู้กล้าเงาสุดแกร่ง อยากมีชีวิตอย่างคนธรรมดา 55

Now you are reading ผู้กล้าเงาสุดแกร่ง อยากมีชีวิตอย่างคนธรรมดา Chapter 55 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Ch.55 – ขอกำลังเสริม

Translator : Reheikichi / Author

[ ถ ถ้างั้นเพื่อเป็นการฉลองความสำเร็จของคำขอแรก―― ชนแก้ว! ]

หลังจากส่งมอบกรงเล็บกระต่ายแหลมคมให้เคาน์เตอร์ของกิลด์ เราก็ตัดสินใจจะทานมื้อเย็นกันที่บาร์ในกิลด์

เราสี่คนรวมกันในโต๊ะทรงกลมและมิเซ่ก็กล่าวชนแก้ว

ถึงจะบอกว่าชนแก้ว แต่ในแก้วของแต่ละคนต่างก็มีแต่น้ำผลไม้ ไม่มีแอลกอฮอล์ ประเทศนี้ต้องมีอายุ 18 ปีเท่านั้นจึงจะสามารถดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้

[ เฮ้อ ค่อยยังชั่วที่ผ่านไปได้ด้วยดี ]

[ ค่ะ ตอนที่มีเสียงระเบิดดังขึ้นใกล้ๆ … ฉันเองก็สงสัยอยู่เหมือนกันว่ามันเกิดอะไรขึ้น ]

[ คาดว่าจะมีมอนสเตอร์ออกอาละวาดนะ แต่ไม่เห็นมีข่าวคราวอะไรเลยนี่สิ ]

กุเร็น เอลิเซีย และมิเซ่แลกเปลี่ยนบทสนทนากันขณะที่กินไปด้วย

[ ทรูเอทไม่รู้อะไรเลยเหรอ? อย่างการระเบิดน่ะ ]

[ อา… ตอนที่ผมกำลังจะเข้าไปในป่าโดโบสก็ได้ยินเสียงดังล่ะนะ แต่ไม่แน่ใจนักเพราะอยู่ไกลนะ ]

[ ให้ตายสิ ถ้าอยู่ใกล้ๆ อาจโดนมอนสเตอร์จับตัวก็ได้ ดีแล้วล่ะ ]

ตามคำพูดของกุเร็น ผมจึงพยักหน้าและตอบ [ นั่นสิ ]

ไก่ย่างสมุนไพรมาเสิร์ฟแล้ว กุเร็นเอาเนื้อไปไว้ข้างหน้าตัวเอง ขณะที่เอลิเซียมองด้วยสีหน้าประหลาดใจ

 

――น่าคิดถึงจังนะ

 

หลังจากพยายามมาด้วยกันกับทุกคนก็ร่วมโต๊ะอาหารกัน

สมัยอยู่ในองค์กร ผมก็เคยมีประสบการณ์แบบนี้เหมือนกัน แต่ไม่ได้รู้สึกประทับใจอะไรเลย… ตอนนี้กลับรู้สึกประทับใจต่างกัน

ไม่ได้มีผมคนเดียวที่ถูกเลือกตั้งแต่อายุยังน้อยให้เป็นทหารในองค์กร บางคนอยากเป็นนักผจญภัย บางคนอยากเป็นทหารรับจ้าง บางคนอยากเป็นหมอ บางคนอยากเป็นนักวิชาการ

มื้อเย็นหลังเลิกงาน… เป็นธรรมเนียมที่ได้รับความนิยมในองค์กร สำหรับคนอื่นๆ อาจจะมองชีวิตพวกเรามันน่าสงสาร แต่มันก็คือชีวิตประจำวันและเป็นชีวิตประจำวันที่ผิดปกติเท่านั้นเอง

[ …ขอออกไปข้างนอกหน่อยนะ ]

ผมลุกขึ้นและเดินจากทั้งสามคนมา

หากระวังตัวในสถานที่แบบนี้คงถูกเพื่อนร่วมงานเก่าหัวเราะเยาะเอาแน่

 

ผมออกจากกิลด์และหยิบ ‘กระดาษสื่อสาร’ ออกมาจากกระเป๋า

เข้าตรอกซอยข้างหลังและติดต่อคริสไป

[ ตอนนี้อยู่รึเปล่าคริส? ]

[ อา… เสียงค่อนข้างดังจังนะ อยู่ที่ไหนนะ? ]

[ กิลด์นักผจญภัย แต่ตอนนี้อยู่ข้างนอก ]

[ ปกติกิลด์นักผจญภัยจะเสียงเอะอะกันช่วงเวลานี้นี่นะ เคยได้รับการช่วยเหลือจากกิลด์อยู่สองสามครั้งก่อนที่ฉันจะมาทำงานที่องค์กรเหมือนกัน… เอาเถอะ ดูเหมือนนายเองก็จะสนุกกับชีวิตประจำวันน่าดูสินะ ]

[ จะบอกว่าชีวิตประจำวันคือการแอบคุ้มกันในเงามืดน่ะเหรอ ]

[ ถ้ารู้ว่าต้องเจอแบบนี้ก็อย่ามาติดหนี้บุญคุณกับองค์กรสิ ]

พอโดนคริสตอกหน้ากลับมา ทำเอาผมกรีดร้องโดยไร้เสียงทีเดียว

[ แล้วมีอะไรล่ะ? ]

 

คริสที่นึกได้จึงเข้าประเด็นหลัก

นั่นสิ เราไม่มีเวลาคุยเล่นกัน

 

[ ขอคนเพิ่ม ผมไม่สามารถปกป้องมิเซ่ด้วยตัวคนเดียวได้อีกแล้ว ]

ผมบอกความต้องการไปด้วยประโยคสั้นๆ

ไม่ใช่น้ำเสียงแบบอ่อนแอน่าสมเพซ ――แต่เป็นการขอเปลี่ยนแผน

 

[ มิเซ่ลงทะเบียนกิลด์นักผจญภัยเมื่อวันก่อน จึงมีหลายครั้งที่ต้องออกไปนอกเมือง …ถ้าเป็นถนนที่คนพลุกพล่านก็ไม่ว่าอะไรหรอก แต่พอออกไปข้างนอกเมือง คราวนี้ทำให้ผมแทบไม่มีเวลามาคุ้มกันเลย ครั้งต่อไปอาจจะไม่ราบรื่นแบบนี้ก็เป็นได้ ]

มีสองกรณีที่จะทำให้การคุ้มกันล้มเหลว

หนึ่งคือโดนมอนสเตอร์ในป่าขัดขวาง

อีกหนึ่งกรณีคือโจรแบ่งออกเป็นสองกลุ่มแต่แรก โดยให้กลุ่มหนึ่งไปจับมิเซ่และอีกกลุ่มมาถ่วงเวลาผมไว้

 

ไม่ว่าจะบบไหนก็แย่ทั้งนั้น

อย่างไรก็ตามภารกิจคราวนี้เกี่ยวข้องกับชีวิตคน จึงพึ่งพาโชคไม่ได้

 

[ แม้การบังคับจะโหดร้ายอยู่บ้าง แต่ถ้าผมกักขังมิเซ่ไว้ในเมือง คนเดียวก็คุ้มกันเธอได้… แต่คงไม่อยากให้ใช้แผนแบบนั้นใช่มั้ย? ]

[ …อา เราได้รับคำขอร้องจากผู้จ้างวานว่าอย่าขัดความต้องการของเจ้าหญิงเท่าที่เป็นไปได้ พูดก็คืออยากให้เจ้าหญิงทำอะไรได้ตามใจชอบนะ ]

[ ตามใจชอบ อืมม… เป็นคำขอที่ยุ่งยากอีกแล้ว ]

[ ใช่ แต่สิ่งที่เราต้องทำก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง ]

เหมือนกับก่อนหน้านี้ เราก็แค่แอบคุ้มกันมิเซ่เหมือนที่แล้วมา

สิ่งที่ผมทำไม่ได้เปลี่ยนไป แต่สถานการณ์ต่างหากที่เปลี่ยนไป

 

[ ถ้าอย่างนั้นก็คงเข้าใจแล้วสินะ อยากได้คนเพิ่มนะ ถ้าเป็นได้ขอผู้ชายที่ถนัดอาวุธที่ผมใช้ไม่เป็นก็ดีเลย ]

 

[ ทราบแล้ว แต่ฉันส่งคนไปให้แล้วล่ะ ]

 

[ …อะไรนะ? ]

 

[ ฉันเห็นด้วยว่าตอนนี้ภารกิจมันอันตรายขึ้น จึงส่งคนที่มีฝีมือและชำนาญเรื่องการประเมินศพด้วย… น่าจะไปถึงที่นั่นแล้วล่ะ ]

 

กำลังมาที่นี่?

ผมพูดอะไรไม่ออก คิดไว้ล่วงหน้าแล้วเรอะ――

 

[ ใครเอ่ย? ]

 

ทันใดนั้น ผมก็ถูกปิดตาด้วยสองมือจากด้านหลัง ทำให้มองไม่เห็น

ในขณะเดียวกัน เสียงที่ถามนั้นเป็นเสียงของเด็กผู้หญิง

 

ผมเคยได้ยินเสียงนั้นมาก่อน

 

[ …02(โอทรู) ]

 

[ อ๊า โดนจับได้ซะแล้ว! ]

 

เด็กสาวค่อยๆ ปล่อยมือออก

เมื่อผมหันกลับไปก็เจอกับเด็กสาวผมสีส้ม สีหน้าสดใส

 

[ ตอนนี้เค้าคือ―― ออนซ์ล่ะ ฝากตัวด้วยนะ ทรูเอท? ]

 

เด็กสาวพูดพร้อมกับหัวเราะ

เด็กสาวคนนั้นคืออดีตเพื่อนร่วมงานของผมเอง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด