ผู้กล้าเงาสุดแกร่ง อยากมีชีวิตอย่างคนธรรมดา 65

Now you are reading ผู้กล้าเงาสุดแกร่ง อยากมีชีวิตอย่างคนธรรมดา Chapter 65 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Ch.65 – หลอกล่อองค์กร

Translator : Reheikichi / Author

[ นั่นมันหมายความว่ายังไงนะ? ]

[ หมายความตามที่พูดนั้นแหละ ]

 

ผมตอบคำถามของออสขณะที่เดินไปยังชายที่สลบอยู่แทบแท้า

 

[ จนถึงตอนนี้ที่ผมไม่ทำก็เพราะต้องใช้เวลาในการกำจัดพิษและยังมีเวลาที่ใช้ตัดสินใจอีก แต่ถ้ามีออสก็ไม่มีปัญหา… ผมจะสอบปากคำชายคนนี้ได้ ขณะที่ออสก็คอยจับตาดูมิเซ่ให้ได้ ]

 

ดึงริมฝีปากของชายที่นอนหงายไปด้านหลังด้วยนิ้วและตววจดูพิษที่ซ่อนอยู่หลังฟันของเขา ยาพิษอยู่ในถุงโปร่งใสหากไม่ลอกผิวกาวออกอย่างระมัดระวังอาจจะฉีกขาดได้ น่าจะถูกยึดด้วยเครื่องมือพิเศษสินะ

 

[ ไม่นะ เดี๋ยวก่อนสิ สอบปากคำไปทำไมเหรอ? ]

 

ออสถามขณะที่ผมกำลังคิดวิธีเอาถุงพิษออก

 

[ …ออส ผมก็แค่สงสัยว่าข้อมูลที่ได้มาจากองค์กรมันข้อมูลรึไม่แค่นั้นเอง ]

 

แม้จะอธิบายไปแล้ว แต่ออสก็ยังเอียงหัวและสงสัยอยู่

เพราะไม่มีทางเลือก ผมจึงต้องพูดรายละเอียดเพิ่มเติมอีก

 

[ องค์กรบอกว่าศัตรูคือโจรที่ต้องการผลประโยชน์ แต่… โดยปกติถ้ามีคนตายมากๆ และตัดสินว่าไม่คุ้มค่าก็ควรจะถอนตัวไป ]

 

ที่จริงผมไม่ได้คาดคิดว่าจะต้องคุ้มกันนานขนาดนี้

แล้วศัตรูที่โดนฆ่าไปมากขนาดนี้ โดยปกติก็ต้องถอนตัวกันสิ เพราะพวกนั้นก็รู้ว่าผมตั้งใจจะฆ่าไม่ปล่อยให้รอดอยู่แล้ว

 

[ และอุปกรณ์ของศัตรูก็เพรียบพร้อมโดยเฉพาะยังมียาพิษอีก… ยาพิษเป็นของหายากที่การซื้อขายมีราคาสูง หมายความว่าอาจมีคนใหญ่คนโตสนับสนุน―― ]

[ นี่ ที่พูดแบบนั้น ]

 

บรรยากาศแตกต่างจากปกติ

ออสพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยและน่ากลัว

 

[ ――กำลังสงสัยองค์กรอยู่สินะ? ]

 

ออสถามมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา

 

[ ก็ไม่ใช่ซะทีเดียว แค่คิดว่าอาจจะสันนิษฐานข้อมูลผิดไป เลยมาสอบปากคำเพื่อการนั้น―― ]

[ งั้นทำไมไม่ขอความร่วมมือจากองค์กรไปล่ะ? 28 ไม่เห็นต้องไปสอบปากคำเองเลยนี่นา ]

 

แม้ปกติออสจะทำตัวเหมือนเด็ก แต่เธอก็เป็นทหารคนหนึ่งในองค์กร

จึงออกความเห็นได้ดี

 

[ นั่นสินะ… โทษที ผมโกหกอยู่นิดหน่อย ]

 

แม้ว่าผมจะอธิบายไปก็ไม่มีส่วนช่วยในภารกิจ เพราะมันไม่ใช่เรื่องสำคัญ

ควรบอกออสถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงสินะ

 

[ ออส ก่อนจะเป็นผู้คุ้มกันของมิเซ่ ผมเป็นเพื่อนกับเธอ ]

[ … งั้นเหรอ? ]

[ ถ้ามิเซ่จะเป็นอันตราย―― ผมก็อยากปกป้อง ]

 

อะไรคือสาเหตุที่กลุ่มอาชญากรที่แสวงหาผลประโยชน์เล็งเป้าหมายมาที่ตัวมิเซ่อย่างเดียว

ทำไมองค์กรและคริสถึงให้แค่ข้อมูลขั้นต่ำกับพวกเรา

และ―― สัมผัสลึกลับที่รับรู้ได้จากมิเซ่ก่อนหน้านี้

 

――ในตัวมิเซ่อาจจะมีบางอย่างอยู่

 

องค์กรตั้งใจจะทำอะไรกันแน่?

ในฐานะเพื่อนของมิเซ่ ผมอยากจะรู้

 

[ หืม แล้วแบบนั้นจะยังไงล่ะ? ก็เพราะองค์กรปกปิดข้อมูลไว้ก็เพราะมันไม่ใช่ข้อมูลที่เราควรรู้ไม่ใช่เหรอ? อาจจะเป็นข้อมูลที่เมื่อรู้ก็ต้องถูกกำจัดก็ได้นะ ข้อมูลที่ได้จากชายคนนั้นนะ? ]

 

แน่นอนว่าคริสคงไม่อยากให้เราตายอย่างไร้ค่าเช่นกัน หากองค์กรปกปิดข้อมูลก็แปลว่าเป็นเรื่องที่พิจารณาแล้ว

 

อย่างไรก็ตามองค์กรจัดลำดับความสำคัญประโยชน์ของประเทศไว้สูงสุด

ดังนั้นจึงพิจารณาหน้าที่การปกป้องประเทศไว้ก่อน ไม่ใช่ความรู้สึกหรือความต้องของพวกเรา

 

หากมิเซ่จะสร้างความเสียหายให้ประเทศ องค์กรก็คงจะกำจัดอย่างไม่ปราณี

 

คริสเองก็คงเห็นด้วย จึงไม่ได้บอกอะไร

ในกรณีฉุกเฉินจึงให้ผมเคลื่อนไหวโดยให้ข้อมูลเพียงน้อยนิดเท่านั้น

 

จึงอยากได้ข้อมูลเพื่อให้สามารถชิงไหวพริบกับองค์กรได้――

 

[ เราไม่แน่ใจแล้วสิ ถ้าอยากทำจริงๆ งั้นก็ต้องขออนุญาตให้ถูกต้องสินะ? ]

 

แม้จะเหมือนประโยคคำถาม แต่สายตาของออสไม่ได้รับฟังความเห็นของผมเลยสักนิด เป็นการบังคับไม่ใช่ขอความเห็น บางครั้งออสก็แสดงท่าทีที่ผมไม่อาจเข้าใจได้ ถึงกระนั้นถ้าขออนุญาตแล้ว… จะสอบปากคำก็ตามใจ เธอบอกเป็นนัยๆ มาเช่นนั้น

 

[ …นั่นสินะ ขออนุญาต ]

[ อือ เป็นเรื่องปกตินี่นะ ถ้าทำนอกเหนือคำสั่งจะโดนตัดทิ้งได้ ]

 

ออสพูดด้วยเสียงสดใส

ราวกับจะตอกหน้า

 

ด้วยความร่วมมือของออส ผมจึงคิดจะสอบปากคำศัตรูที่นี่ แต่ดูเหมือนจะไม่ได้รับความร่วมมือ จึงหยิบ ‘กระดาษสื่อสาร’ ออกมาอย่างไม่เต็มใจและติดต่อคริส

 

[ คริส ]

[ มีอะไร? ]

 

ผมเร่งเสียง ‘กระดาษสื่อสาร’ ดังขึ้นให้ออสได้ยินด้วย

 

[ จับศัตรูได้คนนึง อยากขออนุญาตสอบปากคำ ]

 

คริสเงียบไปชั่วขณะ เมื่อได้ยินที่ผมพูด หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงบางอย่าง คริสคงไม่สามารถตัดสินใจได้ด้วยดุลพินิจของตัวเองหรืออาจจะให้บุคคลที่สามเป็นผู้ตัดสินใจ

 

[ ขอปฏิเสธ ฆ่าเขาซะ ]

 

คำตอบที่คาดไว้ถูกตอบกลับมา

ทันทีหลังจากนั้น―― แผล็ก ผมก็ได้ยินเสียงบางอย่างแตกหัก

 

เมื่อมองย้อนกลับไปก็เห็นออสที่ใช้ 《เสริมพลัง》และเหยียบคอชายคนนั้น

ผมมองไปที่ลำคอที่โดนบดขยี้ด้วยเท้าของออส จึงพึมพำขึ้น

 

[ …ทันทีเลยเหรอ ]

[ ก็ปกตินี่นา มันเป็นคำสั่งไม่ใช่เหรอ? ]

 

ผมอยากกรีดร้องใส่ออส แต่ก็ใจเย็นไว้ได้

 

――ตัวผมเมื่อก่อนเองก็เป็นแบบนี้สินะ

 

ผมรู้สึกได้ถึงช่องว่างชัดเจนระหว่างตัวเองกับออส

ทั้งที่ตั้งใจจะหลอกล่อองค์กร แต่ออสที่สามัญสำนึกต่างกันก็ไม่ร่วมมือ

ออสอาจจะไม่เห็นอย่างอื่นนอกจากการทำตามคำสั่งขององค์กร มันห่างไกลจากคำว่า ‘ปกติ’ ไปมาก แต่ไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับทหารขององค์กร

 

จนรู้สึกเสียวสันหลัง

จนถึงตอนนี้ผมเป็นคนไร้ความรู้สึกขนาดนั้นเลย?

 

[ 28… เปลี่ยนไปนะ ]

[ ในทางที่ดีงั้นเหรอ? ]

[ อืม ยังไงกันนะ อย่างน้อยตอนที่เราเจอ 28 ในสนามรบน่ะก็คงทำเหมือนเราทันทีไปแล้ว ]

[ ที่นี่ไม่ใช่สนามรบ… ออสสงครามมันจบไปแล้ว ถ้ายึดติดกับอดีตตลอดไปสิ ]

 

เมื่อหยุดคำพูดและหันกลับไปมอง

มีดสีเงินก็ใกล้เข้ามาและเฉียดที่ป้ายแก้มซ้าย

 

[ แหมๆ สัญชาตญาณดีนะ นอกจากหัวก็ไม่ได้ขยับแขนหรือขาเลย ]

 

มีดที่แทงถูกเก็บไว้ในกระเป๋าของออสและเธอก็กลับส้นเท้า

ขณะที่มองด้านหลังเธอเดินจากไป ผมก็นึกถึงความหลังของเธอได้

 

ออสที่ถูกเลี้ยงดูโดย 02 รุ่นก่อน เริ่มเรียนรู้แม้จะเป็นเด็กก็ตาม คนในองค์กรต่างก็หัวเราะเยาะออส ไม่มีใครรู้หรอกว่าเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมจะมาเข้ารับตำแหน่ง 02 ได้

 

ตรงข้ามกับความคาดหวัง ออสได้ใช้ความพยายามไต่เต้ามาจนรับตำแหน่ง 02 ได้

มีความสุขจากโชคดีที่ไม่ธรรมดาและยังมากด้วยพรสวรรค์

 

แต่… ก็ไม่ได้หมายความว่าจะแข็งแกร่งได้โดยไร้ซึ่งการเสียสละ

 

เด็กสาวตรงหน้าเสียสละสิ่งต่างๆ ไปมากมายจนกลายเป็น 02 รุ่นปัจจุบัน

เมื่อเหลือบไปมองด้านนั้นของเธอก็ทำเอาเสียวสันหลัง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด