ผู้กล้าเงาสุดแกร่ง อยากมีชีวิตอย่างคนธรรมดา 67

Now you are reading ผู้กล้าเงาสุดแกร่ง อยากมีชีวิตอย่างคนธรรมดา Chapter 67 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Ch.67 – ช่วยเหลือ

Translator : Reheikichi / Author

[ ออส จับตาดูสภาพโดยรอบไว้ ]

[ รับทราบ! ]

 

ขณะที่กำลังมุ่งหน้าไปหานักเรียนของแผนกผู้กล้าที่ดูเหมือนกำลังตกที่นั่งลำบาก ผมก็บอกกับออสด้วย ‘กระดาษสื่อสาร’ ไว้ คราวนี้อาจจะไม่มีศัตรูตามมา แต่ก็ควรเฝ้าระวังไว้เช่นกัน

 

[ ค คุณทรูเอท คนของแผนกผู้กล้าอยู่ที่ไหนเหรอคะ… ]

[ อา ทางนั้น… ]

 

ทันทีที่ผมตอบคำถามของมิเซ่ เราก็มาถึงที่ที่ออสบอกไว้

ปลายทางมีหลุมขนาดใหญ่

 

[ …อยู่ข้างล่างนี่ล่ะ ผมเห็นพวกเขาอยู่ แต่น่าจะได้รับบาดเจ็บ ]

 

จะถูกต้องมากกว่าหากบอกว่าอยู่ในสถานะที่เคลื่อนไหวไม่ได้แทนที่จะเป็นตกที่นั่งลำบาก

นักเรียนของแผนกผู้กล้าตกลงไปในเขาวงกตชั้นสอง ดูเหมือนรูที่พื้นจะเพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน เป็นไปได้ว่ามันจะทรุดลงหลังจากใช้ 《เสริมพลัง》เหยียบพื้นแถบนี้

 

เมื่อผมมองลงไปก็เห็นนักเรียนแผนกผู้กล้าสี่คน สองคนเจ็บข้อเท้า

แม้จะเห็นเค้ารางเพียงเล็กน้อย… แต่น่าจะเป็นพวกที่บ่นกับพวกเราที่ได้ใบอนุญาตประเภทที่สองในกิลด์ ในหมู่พวกเขาซิคเองก็อยู่ด้วย

 

เมื่อมิเซ่มองดู

ตอนนั้นท่าทีของมิเซ่ก็อึดอัดอยู่พอสมควร แต่… ดูเหมือนเธอจะไม่ได้เปลี่ยนใจที่จะช่วยพวกเขา

 

[ ดูเหมือนพวกเขาจะบาดเจ็บจนเคลื่อนไหวไม่ได้… มิเซ่มีสมุนไพรเหลือใช้บ้างไหม? ]

[ มีมากพอสำหรับสี่คนค่ะ ]

[ ดีล่ะ งั้นใช้《เสริมพลัง》แล้วโดดลงไปเถอะ ]

 

หลังจากมิเซ่พยักหน้า เราก็ใช้ 《เสริมพลัง》และโดดลงไปในหลุม

เวลาเดียวกับที่โดดลงไป เด็กหนุ่มทั้งสี่คนก็ส่งเสียงตกใจ

 

[ อะไรนะ!? ]

[ พะ พวกนาย―― ]

[ เรามาช่วย คนบาดเจ็บยกมือขึ้นหน่อยจะทำโพชั่นให้ ]

 

พวกเราบอกออกไปเสียงดังว่าเป็นมิตรและจะมาช่วย

ทั้งสี่คนสับสนอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ยอมยกมือโดยไม่เต็มใจนัก

 

เทคนิคการสร้างโพชั่นรักษาในชั่วโมงเรียนมีประโยชน์มาก

หยิบหินสองชิ้นที่กระจัดกระจายมาทำรู เพื่อใช้แทนครกและสาก

 

[ มีคนที่ปรุงยาได้อีกบ้างไหม? ]

 

ไม่มีใครตอบกลับมา

ซิคจึงอธิบายสถานการณ์แทนให้

 

[ แผนกผู้กล้าไม่มีการสอนเภสัชเวทหรอก ]

[ อืม… งั้นคงต้องใช้เวลาหน่อย ]

 

โพชั่นระดับต่ำทำได้แค่รักษาบาดแผลเล็กน้อยและบรรเทาอาการเจ็บ หากมีกระดูกหักหรืออวัยวะภายในเสียหายคงรักษาไม่ได้จึงต้องรีบพาเขาไปในเมืองให้เร็วที่สุด

ดูเหมือนมิเซ่จะพอมีความรู้การปรุงโพชั่นระดับ 2 แต่ที่นี่มันต่างกับในชั้นเรียน วัตถุดิบมีจำกัด จึงปรุงได้เฉพาะโพชั่นระดับ 1 เท่านั้น

 

ขณะที่ผมตรวจสอบสภาพของเด็กหนุ่มส่วนหนึ่ง

 

[ ซิคไม่ได้รับบาดเจ็บสินะ ]

[ อา มีแผลถลอกนิดหน่อย แต่อีกสามคนขยับตัวไม่ได้เลย… ก็คิดจะไปขอความช่วยเหลืออยู่หรอก แต่มันมีมอนสเตอร์ขนาดใหญ่ซุ่มอยู่ใกล้ๆ ตัวฉันคนเดียวชนะมันไม่ได้ ]

[ มอนสเตอร์แบบไหนนะ? ]

[ ออร์คสามตัว ]

 

ออร์คเป็นมอนสเตอร์หน้าเหมือนหมู สูงกว่าฮ็อบก็อบลินเล็กน้อย แต่ไม่เหมือนฮ็อบก็อบลินเพราะมันมีหนังหนากว่าและหนักกว่า ดังนั้นจึงเชื่องช้า แต่มันก็แข็งแกร่งกว่าฮ็อบก็อบลินหลายเท่า

ออร์คเชื่องช้าหากต่อสู้กับมันในสถานที่กว้างก็หลบได้สบายมาก แต่นี้เป็นในเขาวงกตแคบๆ และพวกมันยังมีหลายตัว ขณะที่ทางเรามีคนเจ็บ จึงควรหลีกเลี่ยงการต่อสู้เท่าที่ทำได้

 

เมื่อตั้งใจฟังดีๆ ผมก็ได้ยินเสียงฝีเท้า

เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาซึ่งน่าจะเป็นออร์ค

 

[ มีอะไรกำลังใกล้เข้ามา… ]

[ ห๊า!? ]

[ โกหกใช่มั้ย…!? ]

 

นักเรียนแผนกผู้กล้าตื่นกลัวกับเสียงฝีเท้าที่ใกล้เข้ามา

ซึ่งในตอนนั้นมิเซ่เพิ่งจะทำโพชั่นจากหินเสร็จสำหรับหนึ่งคนเท่านั้นเอง

 

ผมจึงยืนขึ้น―― สิ่งที่ยืนรออยู่ตรงนั้นคือออร์ค

 

[ ผมจะไปจัดการมอนสเตอร์ให้ ]

 

เมื่อผมบอกไปเช่นนั้น พวกคนเจ็บก็ตะโกนใส่

 

[ ยะ อย่าทำอะไรไร้สาระน่า! แกสู้มันไม่ไหวหรอก! ]

[ ใช่! บัดซบ… ถ้าคนมาช่วยเก่งกว่านี้ละก็… ]

 

เหล่าเด็กหนุ่มบ่น

ในตอนนั้นซิคที่อยู่อ้อมรอบกับพวกเขาก็พูดสิ่งที่ไม่คาดคิด

 

[ …นายช่วยทีได้ไหม? ]

 

ผมไม่เข้าใจเจตนาที่แท้จริงของคำถามนั้น

แต่ก็พยักหน้า

 

[ ก็คิดจะทำอย่างนั้น ]

[ อืม …. งั้นขอร้องล่ะ ช่วยพวกเราที ]

 

คนรอบตัวต่างก็ไม่สบอารมณ์เพราะเห็นซิคก้มหัว

 

[ เฮ้ ซิคอย่าพูดอะไรงี่เง่าสิ ]

[ ถ้าเจ้าหมอนั่นเคลื่อนไหวตอนนี้ พวกเราเองก็อาจจะตกอยู่ในอันตรายก็ได้ ]

[ ――หุบปากซะ!! ]

 

ซิคพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

 

[ ถ้าได้เห็นเดี๋ยวพวกนายก็เข้าใจเอง… ใช่มั้ยล่ะทรูเอท ]

[ อา ]

 

เหมือนที่ซิคพูด

ความจริงผมไม่อยากทำตัวเด่นหรอกนะ แต่สถานการณ์มันเป็นซะแบบนี้ จะซ่อนพลังจากพวกเขาขณะที่จัดการออร์คสามตัวคงเป็นไปไม่ได้แล้ว

 

มอนสเตอร์สามตัวปรากฏร่างที่ทางเข้าห้อง

มอนสเตอร์หน้าหมู―― ออร์ค ผิวที่หยาบกร้านและอ้วนจนทำให้ผู้ต่อสู้เสียจิตใจที่จะต่อสู้ไป

 

[ มิเซ่ รออยู่นี่นะ ]

[ …ค่ะ ]

 

ครู่หนึ่งมิเซ่ตั้งใจจะร่วมต่อสู้ด้วย แต่เมื่อโดนผมจ้องเขม็งใส่ เธอก็เงียบและระงับความรู้สึกนั้นไว้

 

ออร์คสามตัวคำรามและเข้ามาใกล้

นักเรียนแผนกผู้กล้ากรีดร้องด้วยเสียงที่ไม่เป็นภาษาคน

 

เพียงครู่เดียวผมใช้ 《เสริมพลัง》

ตัวแรก หลังจากเข้าประชิดและวิ่งขึ้นหน้าของออร์คโดยเหยีบท้องอ้วนๆ ของมันเป็นแท่น ผมก็สร้างกริซโดยใช้ 《ฟิคเซชั่น》 แทงเข้าไปในลูกตาของออร์ค จากนั้นจึงเตะด้ามกริซให้ดันเข้าไปลึกอีก

ในขณะที่กระโดดมาด้านหลัง ตัวที่สองก็วิ่งมา

จึงหมุนตัวกลางอากาศและยิง《กระสุนเวท》ใส่ดวงตาทั้งสองของมัน ออร์คแหกปากกรีดร้องดังลั่น ผมจึงสร้างกริซด้วย《ฟิคเซชั่น》อีกครั้งและปาเข้าไปในปากของมัน ดาบจึงเข้าไปปักในลำคอของมัน

 

―― ตัวที่สาม

 

เมื่อมันเห็นเพื่อนตัวอื่นลงไปนอนแน่นิ่ง

มันจึงแผ่จิตสังหารออกมา ――แต่เป้าหมายของมันไม่ใช่ผม

 

[ ว๊ากก!? ]

 

ออร์คพุ่งตรงเข้าไปหานักเรียนแผนกผู้กล้า

จนเขากลัวจนร้องตะโกน

แต่มิเซ่ที่ยืนขวางอยู่ข้างหน้าพยายามปกป้องพวกเขาจากออร์คไว้

 

ใบหน้าของมิเซ๋ซีดเมื่อเห็นรอยยิ้มของออร์ค แขนขาสั่นเหมือนไก่แรกเกิด

ถึงเธอจะกลัวโดนฆ่าแต่ก็จ้องมองไปยังออร์ค

แม้จะรู้ว่าเป็นศัตรูที่ต่อกรไม่ไหว ร่างกายก็เคลื่อนไหวไปเอง

 

ผมเคยเห็นฉากนั้นมาหลายต่อหลายครั้ง

คนที่มีความยุติธรรมในใจที่ไม่ย่อท้อต่อความตาย

ผมใช้ชีวิตด้วยวิถีแบบนั้นไม่ได้

แต่ก็สามารถช่วยพวกเขาได้

 

มันเป็นวิถีของผมตั้งแต่เป็นทหารมา

 

ออร์คยกแขนขึ้นและกำลังเหวี่ยงแขนอ้วนๆ ใส่หัวของมิเซ่

ก่อนที่แขนนั้นจะโดนหัวของมิเซ่ ผมรีบวิ่งไปและกอดตัวเธอไว้จนหลบได้ทัน

 

[ อุ๊―――― ]

 

ออร์คที่เหวี่ยงแขนลงใส่มิเซ่เกิดความตกใจ

ขณะที่มันชะงัก ผมจึงยกสองนิ้วขึ้นและอัดพลังเวทเข้าไปที่ปลายนิ้ว

 

――《ใบมีด》

 

เวทมนตร์นี้จะมีประสิทธิภาพมากที่สุดกับศัตรูที่หยุดนิ่ง

แต่ว่า ‘สภาพหยุดนิ่ง’ นั้น ในกรณีนี้เองก็ใช้ได้ เพราะหยุดนิ่งที่ว่าหมายถึงหยุดนิ่งในสายตาของผม

กล่าวอีกนัยหนึ่ง―― ศัตรูที่ตอบสนองช้ากว่าผมและกำลังชะงัก ผมก็มองว่ามันอยู่ในสภาพ ‘สภาพหยุดนิ่ง’ ทั้งนั้น

 

มันสูญเสียแรงทันทีหลังจากเอาแขนลง

จากนั้นใบมีดโปร่งใส่ก็พุ่งตรงเข้าใส่ออร์คในแนวตั้ง

 

ขณะที่เลือดสาดกระเซ็น ผมจึงค่อยๆ ปล่อยมิเซ่จากอ้อมกอด

ด้านหลังชายสี่คนเบิกตากว้างและท่าทางตกใจมาก

 

[ …ล้อเล่นนะ ]

 

ชายคนหนึ่งพึมพำ

ดูเหมือนพวกเขาจะเข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นกับตาไม่ได้จึงนิ่งกันไปหมด ผมจึงร้องเรียกให้คนหนึ่งซึ่งก็คือซิคสงบใจได้

 

[ ซิค พวกนายมาเขาวงกตได้ยังไง? ]

[ …มาด้วยรถม้าที่เช่าจากกิลด์ ]

[ งั้นพวกฉันจะไปส่งที่ทางเข้าเขาวงกต หลังจากนั้นคงไม่มีปัญหาแล้วสินะ ]

[ อา …ขอบคุณมาก ]

 

ผมได้รับคำขอบคุณสั้นๆ

หลังจากนั้นพวกเราทุกคนก็ไปยังทางเข้าของเขาวงกต โชคยังดีที่คนเจ็บมีคนเจ็บคนหนึ่งยังพอเดินได้ ผมกับซิคจึงแบกอีกสองคนที่เหลือไว้บนหลังได้ หลังจากรวมกลุ่มกับออสก็ขอให้เธอช่วยดูแลความปลอดภัยโดยรอบให้

 

เมื่อไปถึงที่ทาเข้าและวางคนเจ็บไว้บนรถม้าของซิค

ก่อนหน้านั้นชายคนหนึ่งก็พึมพำขึ้น

 

[ แกคือ… ผีสีดำงั้นเหรอ? ] (ใครลืมไปดูตอนที่ 5 นะครับ)

 

จะว่าไปชื่อนี้ก็ถูกพูดขึ้นตอนสอบเข้าแผนกผู้กล้านี่นะ

 

[ เป็นชื่อที่คนอื่นเรียกให้เอง ลืมมันไปเถอะ ]

 

เมื่อตอบกลับไปเช่นนั้น ชายคนนั้นจึงส่ายหน้าเล็กน้อย

 

[ …ขอโทษ ]

 

ชายคนนั้นพึมพำเล็กน้อยก่อนจะขึ้นรถม้าไป

รถม้าที่บรรทุกสี่คนจึงมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง

หลังจากนั้นไม่นาน ผม มิเซ่และออสเองก็กลับเช่นกัน

 

[ คุณทรูเอท ]

 

ในตอนที่นั่งรถม้าไปได้สักพัก

มิเซ่ก็ส่งเสียงแผ่วเบาอย่างกับไม่อยากให้ออสได้ยิน

 

[ ขอถามตรงๆ นะคะ คุณเคยทำงานเป็นผู้คุ้มกันมาก่อนเหรอคะ? ]

[ …ขอถามเจตนาก่อนตอบได้ไหม? ]

[ ครั้งหนึ่ง ฉันเคยได้พบกับคนที่ทำงานประเภทนั้น การเคลื่อนไหวของคุณทรูเอทที่พยายามปกป้องฉันเมื่อกี้มันคล้ายกับเขาคนนั้น… คุณทรูเอทกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่รึเปล่าคะ? ]

 

โดนสงสัยจากเรื่องที่ไม่คาดคิดแฮะ

มิเซ่เป็นเจ้าหญิงลำดับที่สองคงคุ้นเคยกับพฤติกรรมของผู้คุ้มกัน จึงเป็นเหตุผลที่น่าเชื่อถือล่ะนะ

 

[ ผมไม่เคยเป็นผู้คุ้มกันและไม่มีอะไรปิดบัง ]

[ …งั้นเหรอคะ ]

 

มิเซ่พยักหน้าแต่หน้ากลับบอกว่าไม่เชื่อ

จากนั้นมิเซ่ก็ครุ่นคิดอยู่คนเดียวโดยไม่เปิดปากพูดเลยจนถึงเมือง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด