ผู้กล้าเงาสุดแกร่ง อยากมีชีวิตอย่างคนธรรมดา 72

Now you are reading ผู้กล้าเงาสุดแกร่ง อยากมีชีวิตอย่างคนธรรมดา Chapter 72 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

Ch.72 – เปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่

Translator : Reheikichi / Author

[ ไม่เป็นไรจริงๆ เหรอ? ]

[ ค่ะ ถึงจะปวดหัวไปหมดแต่ไม่เป็นไรค่ะ! ]

 

ราวกับจะบอกว่าเธอหายดีแล้ว มิเซ่จึงบอกด้วยเสียงชัดเจน

วันรุ่งขึ้นหลังจากที่มิเซ่ปวดหัวกระทันหัน มิเซ่ซึ่งนอนบนเตียงโรงพยาบาลกว่าครึ่งวันจึงหายดีสมบูรณ์แบบในวันต่อมา

 

ในฐานะคนคุ้มกัน ผมและออสจึงแวะมาตรวจสอบอาการของมิเซ่เป็นประจำ ในเช้ารุ่งขึ้น วันนี้เธอการหายใจหายดีแล้วแต่ยังมีเหงื่อท่วมอยู่ ผมไม่คิดว่าเธอจะสบายดีแล้วหรอก

 

[ ทานมื้อเที่ยงแล้ว… ฉันต้องรีบไปโรงเรียนแล้วค่ะ ]

 

หลังจากทานมื้อเที่ยแบบง่าย มิเซ่พูดและมองออกไปข้างนอกหน้าต่าง

 

[ ทำไมวันนี้ไม่พักก่อนล่ะ ถึงจะไปเรียนตอนนี้ก็เรียนแค่สองคาบเท่านั้นเอง ]

[ สองคาบก็เพียงพอแล้วค่ะ อาจารย์เหมือนเป็นผู้บุกเบิกชีวิตที่ยังไม่รู้นี่ค่ะ มันเสียดายจะตายไป ]

 

มิเซ่พูดออกมาจากก้นบึ้งจิตใจ

เธอทนทุกข์กับการเป็นเจ้าหญิงมานานหลายปี จึงมีความคิดที่ต่างจากผม

 

[ ออส ผมจะไปด้วย ]

 

ผมบอกออสที่รออยู่หน้าห้องพยาบาล

ถ้ามิเซ่จะไปโรงเรียนผมก็ควรไปคุ้มกันระหว่างไปโรงเรียนและให้ออสคอยจับตาดูบริเวณโดยรอบ

แต่ว่า――

 

[ ถึงจะพูดแบบนั้น… แต่คริสเพิ่งติดต่อเรามา ไม่เป็นไรแล้วล่ะ ]

 

ไม่เป็นไรแล้ว…?

ออสพูดออกมา ทำให้ผมนึกสงสัย

 

[ มิเซ่ ขอโทษด้วยนะ แต่ล่วงหน้าไปโรงเรียนก่อนได้มั้ย เรามีเรื่องต้องคุยกับทรูเอทนะ ]

[ ไม่เป็นไรเหรอคะ ที่ไปโดยไม่มีคนคุ้มกัน… ]

[ อา ไม่ต้องห่วง มิเซ่ไม่ต้องกังวลอะไรแล้วล่ะ ]

 

มิเซ่ออกจากห้องพยายาลด้วยความสงสัยและมุ่งหน้าไปโรงเรียน

หลังจากจ้องมองแผ่นหลังเธอลับตาไป ผมก็มองไปยังออส

 

[ ออส มันหมายความว่ายังไงงั้นเหรอ? ]

[ ก็ไม่ได้หมายความว่าอะไร แต่ภารกิจคุ้มกันจบแล้ว ]

[ …จบแล้ว? ]

 

เพราะเธอพูดออกมากระทันหัน ทำให้ปรับตัวยังไม่ได้

 

[ องค์กรของศัตรูถูกทำลายแล้วเหรอ? ]

[ อา ดูเหมือนจะเป็นทหารรับจ้างของอาณาจักรอัลเคเดียที่มีชื่อว่า ‘เขี้ยวมังกรแดง’  นะ ต้องขอบคุณ 28 ที่ทำให้องค์กรอยู่ในสภาพเกือบล้มสลาย ถึง ‘เขี้ยวมังกรแดง’ จะเป็นกลุ่มที่เชี่ยวชาญการลอบสังหารแต่ก็… ไม่เก่งเท่า 28 หรอก ]

 

ออสพูดด้วยท่าทางดีใจเล็กน้อย

ผมก็คาดการณ์ไว้แล้วว่าต้องเป็นกลุ่มที่เชี่ยวชาญการลอบสังหารจึงไม่แปลกใจกับข้อมูลที่ได้มาเท่าไหร่

 

[ งั้นเราไปที่ปราสาทกันเถอะ ]

[ ที่ปราสาท? ]

[ ใช่ คริสบอกให้ไป ]

 

ผมออกจากห้องพยาบาลด้วยความรู้สึกอึดอัดเพราะท่าทางของออสที่แปลกไป

หลังจากนั้นก็เดินประมาณ 20 นาที ออสและผมก็มาถึงปราสาทใจกลางเมืองที่ล้อมรอบด้วยป้อมปราการ พวกเราได้รับอนุญาตให้เข้าไปในฐานะสมาชิกของอัศวินฝึกหัด

 

ผมโค้งคำนับให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่รู้จักจากนั้นจึงเข้าไปในปราสาท

จากนั้นออสก็พาไปยังห้องประชุมเล็กที่ชั้นสามของปราสาท

 

[ แล้วยังไงต่อ ]

[ หืม? เห็นว่าต้องรอที่นี่สักพักจนกว่าจะได้รับคำสั่ง… ]

 

มีหลายเรื่องที่ผมอยากถามออส แต่เอาไว้ถามคริสทีหลังดีกว่า ออสมีความสามารถสูง แม้จะเป็นทหารในองค์กรแต่ก็ยังเด็ก ถึงเจ้าตัวจะทำตามคำสั่งดีแค่ไหนก็ใช่ว่าจะเป็นศูนย์กลางของภารกิจ

 

ผมและออสจึงรอจนกว่าจะได้รับคำสั่ง

 

[ …นานจังแฮะ ]

 

เวลาผ่านไปกว่าหนึ่งชั่วโมงแล้ว

ที่ผมรออยู่ในห้องนี้

 

[ ยังไงก็เถอะ ออสจะเล่าเรื่องที่การเป็นผู้คุ้มกันของมิเซ่แตกให้คริสฟังสินะ? ]

 

ผมจึงหาเรื่องคุยกับออสแทน

 

[ ใช่ แต่คิดว่าไม่มีการลงโทษอะไรหรอก ]

[ ไม่มีการลงโทษ…? ทั้งที่สั่งไว้ให้แอบคุ้มกันเนี่ยนะ ]

[ …สถานการณ์เปลี่ยนไปแล้ว ]

 

ออสตอบแบบคลุมเครือและเอามือปิดปาก

เห็นได้ชัดว่าออสรู้เรื่องอะไรต่อมิอะไรมากกว่าผม ผมตั้งใจจะรอจนกว่าคริสจะมา แต่มันก็ช้าเกินไปจนรู้สึกแปลก

 

ใช่―― มันแปลก

 

แต่เดิมภารกิจคุ้มกันนี้ได้ข้อมูลมาเพียงเล็กน้อย

ข้อมูลที่ออสได้ก็เกือบจะเหมือนกับผม ดังนั้นจึงสงสัยว่ามันเป็นสถานการณ์เลวร้ายที่ทหารไม่ควรรู้ข้อมูลมากเกินไป

 

แต่ตอนนี้มันต่างออกไป

ด้วยเหตุผลบางอย่าง ผมจึงเป็นคนเดียวที่ไม่ได้รับข้อมูล

แต่เดิมนี่เป็นคำสั่งมาถึงผมและออสก็ควรจะคอยทำตามคำสั่ง ซึ่งผมจะได้รับคำสั่งมาจากคริสอีกที แต่ทำไมตอนนี้ถึงสั่งออสแทนที่จะเป็นผม

 

――ไม่มีการลงโทษ แม้เรื่องการคุ้มกันจะความแตกก็ตาม

 

แม้จะเป็นคำสั่งให้แอบคุ้มกันแบบลับๆ จะความแตก ถือเป็นท่าทีที่ใจดีเกินไป ราวกับว่าผมกับออสไม่จำเป็นต้องปกปิดตัวตนอีกแล้ว――

 

――นี่มันการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เลยไม่ใช่เหรอ?

 

รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดี

การคุ้มกันแบบแอบๆ ซ่อนๆ ไม่มีความหมายแล้ว กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือสถานการณ์รอบตัวมิเซ่เปลี่ยนไป

 

จู่ๆ ภารกิจคุ้มกันก็จบลง ไม่มีการกล่าวโทษถึงตัวตนของผมและองค์กรที่ถูกเปิดโปร่ง

 

ทั้งที่ถ้าถูกรู้ตัวตนแล้ว――

น่าจะกำจัดต้นตอด้วยวิธีต่างๆ มากกว่าไม่ใช่เหรอ?

 

[ …คือว่านะ ]

 

ออสหันหน้าเข้าหาผมและพูดด้วยเสียงแผ่วเบา

 

[ ถ้า 28 กำลังปฏิบัติภารกิจ… แล้วเกิดเพื่อนเสียชีวิตจะคิดยังไงเหรอ? ]

[ …จู่ๆ ก็ถามกระทันหันจังนะ ]

[ เอาเถอะน่า ตอบมาเถอะ ]

 

เธอจริงจังแบบไม่เคยเป็นมาก่อน… ไม่สิ จะเรียกว่าเธอดูหดหู่มากกว่า

ผมใช้เวลาครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะตอบออกไป

 

[ คิดว่าเป็นเรื่องช่วยไม่ได้ ]

 

คำตอบเพียงสั้นๆ

 

[ การตายของเพื่อนเป็นสิ่งที่เราควรเตรียมใจไว้เสมอ เราอยู่ในความมืดมิด แม้ความจริงภายใต้แสงอาทิตย์จะโหดร้ายแค่ไหน… ถ้าเราเผชิญหน้ากับความจริงอันเลวร้ายได้ เราก็จะได้รางวัลและการยอมรับแน่นอน ]

 

ขอให้ปฏิบัติเท่าเทียมกันกับเผ่ามนุษย์ มีคนแบบนั้นกระทั่งในเผ่าปีศาจ ปีศาจมากมายที่อยู่ใต้อาณัติของจอมมารต่อต้านสงคราม แต่ก็มีบางครั้งที่หน่วยลอบสังหารพิเศษต้องกระทำโหดร้ายต่อปีศาจเหล่านั้นเช่นกัน

 

[ ใช่ ถูกต้อง… มันเป็นเรื่องเลี่ยงไม่ได้ เพราะเราทำงานแบบนี้… ]

 

ออสพยักหน้าหลายครั้งราวกับจะปลอบใจตัวเอง

ท่าทีของเธอ―― ทำให้ผมเห็นว่าสถานการณ์กำลังเลวร้ายลงเรื่อยๆ

 

[ มิเซ่อยู่ที่ไหน ]

 

ผมถามโดยไม่สนใจ

ออสที่ร้อนตัวจึงรีบเอามือปิดปาก

 

[ จะถามอีกครั้ง―― มิเซ่อยู่ที่ไหน ]

 

ออสเงียบไปพร้อมกับเม้มริมฝีปาก

ความเงียบนั้นคือคำตอบ

 

[ เหรอ แบบนี้นี่เอง ]

 

ผมลุกขึ้นยืน ขณะที่กำลังออกจากห้องประชุม

 

[ 28 เดี๋ยว! รอก่อน! ]

 

[ เจ้ามีคำสั่งให้ต้องรอ! ]

 

เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหน้าประตูรีบเข้ามาห้ามผม

แต่ผมรีบใช้《เสริมพลัง》และวิ่งฝ่าทางเดินทันที

 

คริสต้องการให้ผมอยู่รอที่ห้องประชุม

เหตุผลนั้นคาดเดาได้ง่ายนิดเดียว

 

ผมรีบออกจากปราสาท ขณะที่ยังรักษาความเร็วด้วย 《เสริมพลัง》เอาไว้

เวลาเป็นตอนเย็น ที่ท้องฟ้าถูกย้อมด้วยสีส้มบ้าคลั่ง เป็นช่วงเวลาหลังเลิกเรียน

 

ผมรีบกระโดดข้ามตึกเพื่อรุดหน้าไปหามิเซ่

แต่ทว่าระหว่างทางกลับจากโรงเรียนไปหอพักหญิง กลับไม่เจอตัวมิเซ่ แต่ตรงนั้นบนถนน――

 

――เจอแล้ว

 

มีคนพยายามจับตัวมิเซ่ไว้และกำลังมุ่งหน้าไปที่ไหนสักแห่ง

มองจากข้างหลัง―― เหมือนกับพวกโจร

 

[ มิเซ่ หมอบลง! ]

 

ทันทีก่อนที่โจรจะถึงตัวมิเซ่และเหวี่ยงมีดเข้าใส่ ผมใช้เวท 《ใบมีด》

 

โจรมีความไม่สบอารมณ์ที่จู่ๆ ที่เห็นผมโผล่มาและหยุดเคลื่อนไหวไป ――เธอเกือบจะตายไปแล้ว มิเซ่ที่เห็นดังนั้นตกใจล้มลง แต่ในตอนนั้นส่วนใบมีดนั้นได้จมลงไปในไหล่ขวาตัดไปทางไหล่ซ้ายของโจรคนนั้นไปแล้ว

 

ใบมีดที่โจรถือตกไปข้างตัวมิเซ่ด้วยเสียงดัง

จากนั้นเลือดก็ทะลักจนทำให้มิเซ่ที่ล้มลงอยู่ข้างล่าง แขนขาถูกย้อมด้วยเลือด

 

[ ปลอดภัยไหม ]

 

มิเซ่ตัวสั่นและพยักหน้าอย่างเงียบๆ และตอบคำถามของผมแบบรีบร้อน

 

[ ระ ระหว่างทางฉันได้รับสายจากคนที่บอกว่าเป็นเพื่อนคุณทรูเอท… บอกให้ไปพบกับคุณทรูเอท… ]

[ เพื่อนของผมเหรอ… ]

 

แน่นอนว่าผมไม่รู้เรื่อง คงมีคนแอบอ้างใช้ชื่อผม

เมื่อยกศพที่จมกองเลือดขึ้นมาดู

ใบหน้าที่รู้สึกคุ้นเคย

 

――คนจากองค์กร

 

ช่วงสงครามมีหลายครั้งผมต้องไปเป็นทหารประจำการและเคยไปที่องค์กรแม่ หน่วยข้อมูลพิทักษ์ราชอาณาจักรเบรุสหลายครั้ง ในตอนนั้นจึงเคยเห็นหน้าชายคนนี้

 

จากนั้น ‘กระดาษสื่อสาร’ ในกระเป๋าก็สั่นขึ้น

ผมค่อยๆ รับสายและระมัดระวังตัวจากรอบข้าง

 

[ คริสสินะ ]

 

[ ….อา ]

 

เสียงที่เคยได้ยินและคุ้นเคย

 

ผมพยายามขจัดความโกรธลงและถามออกไป

 

[ ตอบมา นี่มันหมายความว่ายังไง ]

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด