พลิกชะตา หมอเทวดาอันดับหนึ่งบทที่ 65 ขอบคุณมาก

Now you are reading พลิกชะตา หมอเทวดาอันดับหนึ่ง Chapter บทที่ 65 ขอบคุณมาก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ณ วัดเสวียนเมี่ยว ชุนหลานโบกมืออย่างหงุดหงิด

“จะถามอะไรข้าอีก ของก็มาส่งให้แล้ว เจ้าบอกชิงเหมยไปว่าชุนหลานมาก็พอแล้ว” นางกล่าว

เด็กน้อยประหม่าเล็กน้อย

“หากนายหญิงถาม ถามเจ้าชื่ออะไร ใครให้ส่งมา เหตุใดถึงส่งมาเล่า” นางพูดดตะกุกตะกักกับสิ่งที่เพิ่งได้ยิน

คนบ้าช่างมีปัญหามากอะไรเช่นนี้ ชุนหลานส่ายหัว

“ถามไปทำไมกัน” นางกล่าว

ใครจะไปรู้ได้เล่า เด็กน้อยงุนงง

“หรือว่าพี่สาวจะเข้าไปตอบเอง” นางกล่าว

“ข้ารีบ” ชุนหลานตอบอย่างหงุดหงิด “ข้าไปก่อนละ”

ข้ายังถามไม่กระจ่างเลย จะตอบนายหญิงว่าอย่างไรเล่า

 เด็กน้อยจึงรีบวิ่งไปขวางไว้

“เจ้า เจ้าพูดให้กระจ่างก่อนเถอะแล้วค่อยไป” นางกล่าว

ชุนหลานประหลาดใจนัก เมื่อมองเห็นเด็กที่กล้าหาญยืนอยู่ตรงหน้า

“เจ้านี่ช่าง…” นางถึงกับหมดคำพูด

“นายหญิงถามมา หากไม่ถามให้กระจ่าง ท่านอาจารย์จะดุข้าได้” เด็กน้อยพูด แม้จะขี้ขลาดเล็กน้อย แต่เขาก็ดูยืนกรานหนักแน่น

ปรนนิบัติรับใช้คนบ้ายากยิ่งนัก

ชุนหลานส่ายหัวอย่างจนปัญญา จึงเดินตามเด็กน้อยนั่นเข้าไป

ประตูบ้านเปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง ทำให้สามารถมองเห็นหญิงสาวนางหนึ่งนั่งอยู่ด้านใน พร้อมกับถือหนังสือไว้ในมือ

ชุนหลานตะลึง เพราะมองเห็นหญิงสาวนางนั้นเงยหน้าขึ้นมอง

ภายใต้ผ้าคลุมนั้น นางช่างงดงามยิ่งนัก

ชุนหลานอดไม่ได้ที่จะจ้องมองอย่างตกตะลึง

“ใครให้เจ้าเอาของมาส่งให้ข้าหรือ”

เสียงแข็งกระด้างของหญิงสาวดังขึ้น ทำให้ชุนหลานได้สติกลับมา

นางแสดงความเคารพโดยไม่รู้ตัว เช่นเดียวกับที่เห็นแม่หญิงคนอื่นๆ ในบ้าน

“นายน้อยเฉิงสี่และนายน้อยเฉิงสามเจ้าค่ะ…” นางพูดโดยไม่รู้ตัวว่าพูดด้วยน้ำเสียงนอบน้อม

“เพราะอะไรหรือ” เฉิงเจียวเหนียงถาม

“ไม่มีอะไรเจ้าค่ะ บอกว่าวันไหว้พระจันทร์แล้ว นึกถึงแม่หญิงเจ้าค่ะ” ชุนหลานก้มศีรษะลงแล้วตอบ “มีผลไม้อบแห้งและเงินบางส่วน นายน้อยบอกว่าอากาศหนาวแล้ว นายหญิงจะได้ซื้อของไว้เพิ่มเจ้าค่ะ”

พูดถึงเพียงเท่านี้ คนที่อยู่ตรงหน้าก็เงียบไป

จากนั้นชุนหลานที่สิ้นสติ ไม่รู้สึกตัว ก็ได้สติกลับมา

แม่หญิงนางนี้ไม่ได้บ้าหรือ

ทำไมข้าไม่รู้สึกถึงความบ้าแม้แต่น้อย

นางเงยหน้าขึ้นอีกครั้งและได้สบตากับเฉิงเจียวเหนียง

ด้านในและด้านนอกของประตู มีด้านหนึ่งสว่าง ด้านหนึ่งมืด ทำให้ดวงตาสีขาวและสีดำคู่นั้นสว่างเป็นพิเศษ

“หากเป็นเช่นนั้น ขอบใจเจ้ามาก ข้าจำไว้แล้ว” เฉิงเจียวเหนียงพูดช้าๆ พลางหันกลับไปที่หนังสือ

จำอะไรไว้ จำไว้แล้วจะอย่างไรไปได้

ชุนหลานทั้งสะดุ้งทั้งรู้สึกขบขันเล็กน้อย จดจำบุญคุณนี้ไว้ จะตอบแทนในภายหลังหรือ

ชุนหลานหลังเดินออกจากเขาเสวียนเมี่ยวโดยไม่ได้พบกับสาวใช้ แต่กลับเจอนางตอนเดินเข้าประตูบ้านของตระกูลเฉิงไปแล้ว

ชุนหลานจำสาวใช้นางนั้นไม่ได้ในชั่วครู่ชั่วยาม ซึ่งปกตินางก็ไม่ได้คลุกคลีกับสาวใช้ที่ต้อยต่ำเช่นนั้นด้วย ขณะเดียวกัน ก็ได้ยินบ่าวเรียกสาวใช้นางนั้นว่าแม่นางปั้นฉิน จึงรีบหันไปมอง

“ที่แท้เจ้ากลับมาบ้านแล้วนี่เอง” ชุนหลานพูดและมองไปที่สาวใช้ “หากข้ารู้ก่อนคงไม่ต้องไปแล้ว”

สาวใช้เอ่ยถามถึงรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นและกล่าวขอบคุณอย่างซาบซึ้ง

“อันที่จริงข้าไม่ได้ตั้งใจมาหรอก แต่ระหว่างทางมีคนเรียกข้ากลับมา บอกว่านายรองเรียกหาข้า” นางกล่าว

“อืม” ชุนหลานตอบ

ทั้งสองเดินเข้าลานด้านในพร้อมกัน

“ครั้งที่แล้วต้องขอบคุณพี่สาวมากที่ไหว้วานจินเกอร์ให้นำเงินมาส่งให้ และขอบคุณพี่สาวที่ดูแลข้าถึงเพียงนี้” สาวใช้กล่าว

“อืม” ชุนหลานตอบ เพราะไม่รู้จักกันมาก่อนและไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี ชุนหลานจึงตอบกลับสั้นๆ

“จินเกอร์เอ่ยปากขอบใจเจ้าด้วย” นางพูด

“จินเกอร์เป็นคนดีมาก ให้เขาทำเรื่องพวกนั้น ข้าก็วางใจ” สาวใช้กล่าว

ชุนหลานตะลึงและมองไปที่สาวใช้

เป็นเพียงประโยคที่พูดเป็นมารยาทเท่านั้น เหตุใดสาวใช้ถึงคิดว่านางดูแลจริงๆ

ระหว่างที่พูดคุยกันก็เดินมาถึงทางแยก สาวใช้บอกลาด้วยการแสดงความเคารพ ชุนหลานเฝ้ามองนางเดินไปอีกทางหนึ่ง

“หรือว่าจะเห็นแก่หน้านางจริงๆ” นางพูดกับตัวเอง

คือสาวใช้ที่ปรนนิบัติคนบ้าจริงๆ หรือ

ชุนหลานส่ายหัว หากเป็นเพราะให้เกียรติ ก็ให้เกียรติตระกูลเฉิง ไม่ใช่นาง

“พี่สาวกลับมาแล้วหรือ นายน้อยกำลังหาชุดหมึกอยู่”

ทันทีที่นางกลับมาถึง สาวใช้ก็ตะโกนอย่างมีความสุข

นายน้อยเฉิงสี่รักหมึกมาก โดยให้ชุนหลานดูแลสมบัติเหล่านี้ นางจึงยิ้มเมื่อได้ยินคำพูดของสาวใช้ รีบไปหาแล้วนำไปให้นายน้อยที่ห้องหนังสือ

“นายน้อยเจ้าคะ ของส่งถึงแล้วเจ้าค่ะ” ชุนหลานกล่าว

นายน้อยเฉิงสี่ไม่เข้าใจสิ่งที่นางพูดถึงชั่วขณะ เขาลืมสิ่งที่เขาพูดในวันนั้นไปแล้ว เพราะขณะนั้นกำลังดื่มสุราอยู่ ซึ่งเขาเพิ่งจะจำได้หลังจากที่ชุนหลานพูด

“ดี ดี” เขาพูดอย่างไม่ใส่ใจ

ชุนหลานลังเลไปชั่วครู่

“และข้าก็ได้พบกับนายหญิง…แล้ว” นางกล่าว

นายหญิงผู้นั้นไม่ได้ถูกจัดเรียงลำดับของที่บ้านและไม่รู้จักชื่อของนางด้วย จึงไม่รู้ว่าจะเรียกนางว่าอย่างไรดี

“อืม” นายน้อยเฉิงสี่ตอบผ่านๆ ไป เพราะกำลังสนใจภาพวาดที่อยู่ตรงหน้าอยู่

“นายหญิงพูดได้และงดงามนักเจ้าคะ” ชุนหลานพูดกับตัวเอง “หากไม่รู้มาก่อน ก็ดูไม่เหมือนคนบ้าจริงๆ”

นายน้อยเฉิงสี่หัวเราะ

“นางแค่สติไม่ดี ไม่ใช่หน้าตาอัปลักษณ์สักหน่อย” เขาพูดทันทีโดยไม่คิด “ท่านอากับท่านอาสะใภ้หน้าตาไม่ได้อัปลักษณ์ นางจะหน้าตาแย่ได้อย่างไรกัน

“เจ้าค่ะ” ชุนหลานตอบ

“ชั่วครู่ ท่านรองเรียกสาวใช้ของนายหญิงนั่นเข้าพบ ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเจ้าค่ะ” นางพูด

“จะมีธุระอะไร ก็เป็นเรื่องของเขา” นายน้อยเฉิงสี่พูดพร้อมกับเก็บพู่กัน แล้วลุกขึ้นมองหน้าชุนหลาน “ฝนหมึก”

“เจ้าค่ะ” ชุนหลานรีบตอบโดยจดจ่อกับการฝนหมึก

ทางนี้สาวใช้กำลังนั่งคุกเข่าอยู่ในบ้าน ตรงหน้านางคือนายรองเฉิงและฮูหยินรองเฉิง นอกจากนั้น ยังมีบ่าวชราคู่หนึ่งคุกเข่าอยู่ตรงระเบียง

“จะมอบข้าให้ผู้อื่นหรือเจ้าคะ” สาวใช้ตกใจและตื่นตระหนกเล็กน้อย “นายท่าน ฮูหยินเจ้าคะ ข้าผิดไปแล้ว ข้าจะปรับปรุงตัวเจ้าค่ะ อย่ามอบข้าให้ผู้อื่นเลยเจ้าค่ะ”

นางร้องไห้ด้วยความตื่นตระหนกและน้ำตาก็ไหลออกมา

“เด็กบ้า จะส่งเจ้าไปสู่ชีวิตที่ดีกว่าเลยนะ” แม่นมด้านนอกอดไม่ได้ที่จะพูด “รีบขอบคุณนายท่านเร็ว”

สาวใช้ยังคงอยู่ในอาการที่เสียขวัญอยู่

“ท่านผู้เฒ่าจางเจ้าก็รู้จัก ข้าจะส่งเจ้าไปตระกูลจาง” นายรองเฉิงกล่าว “ยากมากที่ท่านจะชอบฝีมือการทำอาหารของเจ้า ข้าจะให้เจ้าไปเป็นแม่ครัวของตระกูลจาง”

“ข้า ข้าอยากรับใช้นายหญิงต่อเจ้าค่ะ” สาวใช้หมอบกราบกล่าว

“เด็กบ้า ติดตามรับใช้คนบ้าเลยทำให้เจ้าบ้าไปด้วยแล้วหรือ” แม่นมด้านนอกอดไม่ได้ที่จะดุว่าด้วยเสียงแผ่วเบา

นายรองเฉิงไอเสียงดัง

แม่นมก้มหน้า หดตัว ไม่กล้าพูดต่อ

“เจ้ายังไม่รู้ว่าท่านผู้เฒ่าจางเป็นใครล่ะสิ” ฮูหยินรองเฉิงกล่าวพร้อมกับมองไปที่สาวใช้ตรงหน้า

สาวใช้ที่รูปร่างหน้าตาจืดชืด ดูเหมือนคนโง่เช่นนี้ อยู่บ้านหลังนี้ทั้งชีวิตก็เป็นได้แค่สาวใช้ที่ต่ำต่อย หากอยู่ต่อไปก็เป็นได้แค่แม่นมชราที่ต้อยต่ำ เช่นเดียวกัน หากย้ายไปอยู่ที่บ้านของตระกูลจางก็จะเป็นแม่นมที่มีแต่ความสุข ลูกหลานก็จะได้เสวยสุขแบบนี้เช่นกัน

“ท่านผู้เฒ่าจางเป็นพ่อของปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่จางฉุน เจ้าอาจไม่รู้จัก แต่หากเจ้าเดินออกไป บนโลกนี้ขุนนางที่มีหน้ามีตาและได้รับการศึกษา ไม่มีใครไม่รู้จักท่าน” ฮูหยินรองเฉิงกล่าว “ท่านเป็นปราชญ์ที่มีลูกศิษย์มากถึงสามพันคน แม้แต่ฮ่องเต้ก็เคยร่ำเรียนกับท่าน ซึ่งบุคคลที่มีชื่อเสียงท่านนี้มีนามว่าจางเจียงโจว เมืองเจียงโจวมีผู้คนมากมาย แต่คนที่สมญานามเช่นนี้มีท่านเพียงคนเดียว”

ท่านผู้เฒ่าที่ดูธรรมดาๆ กลับเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงเช่นนั้นเลยหรือ!

พูดถึงเพียงเท่านี้ ฮูหยินรองเฉิงก็ยิ้มออกมา

“ชิงเหมย ไปที่นั่นเพื่อเป็นแม่ครัวที่ท่านผู้เฒ่าจางชื่นชม เจ้าเต็มใจหรือไม่” นางถาม

………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด