พลิกชะตา หมอเทวดาอันดับหนึ่ง บทที่ 292.2 มองเห็น (2)

Now you are reading พลิกชะตา หมอเทวดาอันดับหนึ่ง Chapter บทที่ 292.2 มองเห็น (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ไปเถิด ไปเยี่ยมฮองเฮาเสียหน่อย นางออกมาไม่ได้ เจ้าไปเล่าความคึกคักวันนี้ให้นางฟังเสีย” จิ้นอันจวิ้นอ๋องอุ้มองค์ชายรองขึ้นมาแล้วกระซิบบอกข้างหูเขา

องค์ชายรองจึงได้พยักหน้า

ขันทีที่อยู่ข้างๆ รีบยื่นมือไปอุ้มมา หลังจากเหล่าขุนนางด้านล่างต่างพากันหมอบกราบถวายพระพรแล้ว ฮ่องเต้และพระบรมวงศานุวงศ์จึงเสด็จกลับวังกันไป

หลังจากฮ่องเต้เสด็จกลับไปแล้ว เหล่าขุนนางที่นั่งอยู่ด้านบนป้อมปราการก็ต่างกลับไป บนประตูเต๋อเซวียนจึงได้เงียบสงบลง ทว่าถนนที่อยู่เบื้องล่างกลับยิ่งคึกคักมากขึ้น

จิ้นอันจวิ้นอ๋องยังคงยืนอยู่ที่เดิม มองลงไปด้านล่างอย่างตั้งใจ ในที่สุดดวงตาก็พลันเป็นประกาย มุมปากหยักขึ้น รอยยิ้มค่อยๆ แย้มกว้าง

สิ้นสุดการรอคอยแล้ว…

ท่ามกลางดอกไม้ไฟและหมู่โคมที่ให้แสงสว่างบนถนนเทียนเจีย สตรีนางหนึ่งกำลังเดินผ่านเหล่าองครักษ์เข้ามา

“นั่น! อยู่นั่น!”

ผู้ติดตามคนหนึ่งร้องบอก

เดินๆ วิ่งๆ กันมาจากหอเต๋อเซิ่งจนถึงหัวสะพาน แล้วจากหัวสะพานเดินๆ วิ่งๆ จนถึงหอเต๋อเซิ่ง จากนั้นก็วิ่งตามมา ท่านชายหวังสิบเจ็ดพบว่าตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเดินเยอะถึงเพียงนี้มาก่อน เขาหอบหายใจพลางค้ำมือยันเข่าไว้ หยัดตัวแทบไม่ขึ้น

ได้ยินผู้ติดตามเอ่ยดังนั้นก็ฝืนหยัดกายโดยมีผู้ติดตามคอยพยุง แล้วมองไปทางนั้น

พวกเขามาถึงหัวถนนหลวงแล้ว คนตรงนี้น้อยกว่าทางนั้นมาก ดังนั้นจึงเห็นคนเบื้องหน้าได้อย่างชัดเจน

สตรีนางนั้นกำลังหันกลับมามองท่านชายที่อยู่ด้านหลังนาง ท่ามกลางแสงโคมส่องสว่างสดใสกว่าตรงนี้ที่เขายืนอยู่ แสงจรัสแจ่มจ้า

“นังชั้นต่ำคนนี้นี่!” ท่านชายหวังสิบเจ็ดตะโกนขึ้น ยังไม่ทันจะกล่าวต่อก็เห็นท่านชายที่อยู่ด้านหลังเฉิงเจียวเหนียงเบี่ยงตัวเงยหน้ามองโคมที่อยู่ใกล้ๆ

อ้อ เขาเองหรือ!

ทันใดนั้นท่านชายหวังสิบเจ็ดก็ถอนหายใจออกมา

“ตกใจแทบแย่ ที่แท้ก็คนในตระกูลนาง” เขาเอ่ยขึ้น

เหล่าผู้ติดตามต่างสงสัย

“ท่านชายรู้จักหรือขอรับ” พวกเขาเอ่ยถาม

“รู้จัก นั่นคุณชายตระกูลโจว” ท่านชายหวังสิบเจ็ดถอนใจเอ่ยตอบ จะว่าอย่างไรดี เหตุใดเขาจึงโชคร้ายถูกคนขโมยตัวคู่หมั้นไปเช่นนี้

เหล่าผู้ติดตามต่างถอนหายใจตาม

ไม่ได้ถูกใครเอาตัวไป และก็ไม่ได้ถูกลักพาตัว แต่เจอญาติของตัวเองนี่เอง

“แต่ว่า ท่านชายขอรับ ตระกูลโจวเป็นเพียงทหารยศน้อยมิใช่หรือ นึกไม่ถึงว่าจะได้ตั้งกระโจมอยู่ที่ถนนเทียนเจียด้วย” ผู้ติดตามที่อายุมากสุดนึกขึ้นได้จึงเอ่ยขึ้น

ใช่น่ะสิ แม้จะเป็นคนต่างถิ่น แต่ถนนเทียนเจียเป็นสถานที่เช่นไร เขาล้วนรู้ดี

นึกไม่ถึงว่าตระกูลโจวนี้จะได้มาชมโคมที่ถนนเทียนเจีย

นี่ใช่ตระกูลเฉิงที่ท่านพ่อพูดถึงว่าเป็นเพียงครอบครัวทหารธรรมดาๆ แน่หรือ

ท่านชายหวังสิบเจ็ดถลึงตาโตมองไปยังเบื้องหน้า เห็นสตรีนางนั้นกำลังถูกสตรีหลายคนล้อมไว้ อีกทั้งสตรีเหล่านั้นยังมาจากทุกทิศทาง อายุอานามก็ไม่เท่ากันสักคน ที่เหมือนกันคือสีหน้าท่าทางคุ้นเคยและเบิกบาน

“เหตุใดสตรีบ้าคนนี้จึงได้รู้จักคนมากมายถึงเพียงนี้” เขาตกตะลึง

เขาพูดจบก็เดินเข้าไป แต่กลับถูกทหารขวางไว้

ตรงหน้าเขานี้ มีทหารคุ้มเกราะเป็นองครักษ์ ตวาดเด็ดขาด กลิ่นไอของการสังหารแผ่กระจายทั่ว เหมือนกับว่าหากมีใครกล้าฝ่าเข้าไปก็จะลงมือสังหารเสียตรงนั้น

ท่านชายหวังสิบเจ็ดและพรรคพวกรีบหยุดฝีเท้าแล้วอธิบายว่าตัวเองมาหาคน แล้วบอกอ้างตระกูลโจวไป

“รอเดี๋ยว ข้าไปถามก่อน” ทหารเอ่ยบอก “ถอยไป ถอยออกไป”

ท่านชายหวังสิบเจ็ดและพรรคพวกถูกไล่ให้ถอยไปด้านหลังสองสามก้าวจึงหยุดเท้าลง เงยหน้ามองสตรีนางนั้นที่ยังคงถูกคนรายล้อมหัวเราะพูดคุยอยู่บนถนน

จะพูดให้ถูกก็คือคนอื่นหัวเราะพูดคุยกับนาง

“…พี่สาว พี่สาว ข้านึกว่าท่านจะไม่มาเสียแล้ว” เฉินตันเหนียงจับแขนเสื้อเฉิงเจียวเหนียงไว้ไม่ยอมปล่อย

“ไปเที่ยวที่ใดมาหรือ นัดผู้ใดไว้หรือ” แม่นางเฉินสิบแปดเอ่ยถามพลางมองท่านชายฉินสิบสามที่อยู่ข้างๆ

ท่านชายฉินสิบสามส่ายหน้ายิ้มๆ

“คู่หมั้นข้า” เฉิงเจียวเหนียงตอบ

คู่หมั้น!

ไม่เพียงแต่แม่นางเฉินสิบแปดที่ตกใจ สตรีนางอื่นๆ ก็พากันนิ่งอึ้ง

ดูเอาเถิด นางเป็นเช่นนี้ ไม่ปิดบังอะไรทั้งสิ้น จิตใจกว้างขวาง

คู่หมั้น…

เป็นครั้งแรกรู้สึกว่าการเรียกเช่นนี้ฟังดูแล้วน่าฟังดี

ท่านชายฉินสิบสามหลุบตาต่ำพรูลมหายใจออกมา มีคนลุกขึ้นชนเขาเข้า

“แม่นางเฉิง”

ฮูหยินฉินอมยิ้มเอ่ยเรียก พลางโบกพัดในมือไปมา

“เจ้ามาแล้วหรือ มา มา รีบมา ข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้า”

“ไม่ได้ ไม่ได้เจ้าค่ะ แม่นางเฉิงต้องไปบ้านข้า” เฉินตันเหนียงแย้งขึ้น กอดแขนเฉิงเจียวเหนียงไม่ยอมปล่อย

“ท่านป้าฉิน เช่นนั้นท่านป้าก็มาบ้านเราเสียสิเจ้าคะ” แม่นางเฉินสิบแปดยิ้มบอก ดึงแขนอีกข้างของเฉิงเจียวเหนียง

“เด็กอย่างพวกเจ้านี่นะ นึกไม่ถึงว่าจะมาแย่งนางกับข้า” ฮูหยินฉินยิ้มเอ่ยแล้วใช้พัดชี้นาง จากนั้นจึงเดินตามไป “รังแกคนแก่อย่างข้าไม่ให้กล้าแย่งกับเจ้าหรือ”

เฉินตันเหนียงกับแม่นางเฉินสิบแปดเห็นนางเดินตามมาก็หัวเราะแล้วรีบดึงเฉิงเจียวเหนียงให้เดินไวขึ้น

บนถนนเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของเหล่าสตรี

ฮูหยินโจวที่ยืนอยู่ข้างๆ ลดมือลง ขณะกำลังมองผู้คนเดินหัวเราะพูดคุยผ่านกระโจมของตระกูลเฉิน

แม่นางก็ดูโคมต่อเถิด อย่างไรเสียคนอื่นก็ดูแลหลานสาวนางนี้ของนางได้ดีเสียยิ่งกว่าตัวนางเอง

“ใต้เท้าโจว มีคนบอกว่าเป็นคนตระกูลท่าน ต้องการจะเข้ามาด้วย”

นายใหญ่โจวที่กำลังดื่มสุราอยู่กับเหล่าพี่น้องลูกหลานอย่างพออกพอใจในกระโจมถูกคนขัดจังหวะขึ้น

“คนตระกูลข้าหรือ” นายใหญ่โจวถามด้วยความฉงน

คนตระกูลเขาก็อยู่นี่กันหมด ที่ไม่อยู่ก็มีแต่คนที่ไม่จำเป็นต้องมา

“เห็นบอกว่าแซ่หวัง” ทหารเอ่ยบอก

แซ่หวังหรือ

นายใหญ่โจวตกตะลึงแล้วเบะปาก

“ไม่รู้จัก ให้เขาไสหัวไป” เขาบอก

ทหารรับคำแล้วหันหลังจากไป

“เป็นผู้ใดกันถึงกล้ามาเหยียบที่นี่” นายใหญ่โจวเอ่ยอย่างโมโห ยกสุราในมือดื่มจนหมดจอก แล้วหัวเราะยิ้มแย้มต่อ “มา มา เติมให้เต็มจอก”

ท่านชายหวังสิบเจ็ดที่ถูกไล่ให้ออกไปไกลอย่างจนตรอกหยุดฝีเท้าลง

“บังอาจก่อเรื่อง อย่างกับโจรชั้นต่ำ!” เหล่าทหารทางนั้นตะคอกว่า ยกมือขึ้นชี้ตักเตือน

ท่านชายหวังสิบเจ็ดโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แต่ถูกผู้ติดตามดึงไว้แน่น

“ท่านชายขอรับ ที่นี่คือเมืองหลวง ซ้ำยังหน้าประตูเซวียนเต๋อด้วย ไม่ควรก่อเรื่องนะขอรับ” พวกเขาเกลี้ยกล่อม

ท่านชายหวังสิบเจ็ดกระทืบเท้าอย่างโมโห

“ไอ้พวกแซ่โจวจะรังแกคนเกินไปแล้ว!” เขาตะโกนขึ้น “ไปพวกเรา”

ผู้ติดตามเห็นเขาหันหลังกลับจึงได้รีบเดินตามไป สองคนในนั้นเดินไปไม่กี่ก้าวก็หันกลับมามองอย่างอดไม่ได้

“ดูท่าแล้ว นางบ้าตระกูลเฉิงนางนั้น ไม่ได้ถูกตระกูลโจวละเลย อีกทั้งดูเหมือนว่าจะรู้จักผู้คนไม่น้อย…” เขาพึมพำขึ้นอย่างอดไม่ได้

ดูท่าแล้วนอกจากเรื่องที่นางปัญญาอ่อนตั้งแต่เด็กแล้ว พวกเขารู้จักแม่นางตระกูลเฉิงผู้นี้น้อยเกินไปนัก…

 …………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

พลิกชะตา หมอเทวดาอันดับหนึ่ง บทที่ 292.2 มองเห็น (2)

Now you are reading พลิกชะตา หมอเทวดาอันดับหนึ่ง Chapter บทที่ 292.2 มองเห็น (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ไปเถิด ไปเยี่ยมฮองเฮาเสียหน่อย นางออกมาไม่ได้ เจ้าไปเล่าความคึกคักวันนี้ให้นางฟังเสีย” จิ้นอันจวิ้นอ๋องอุ้มองค์ชายรองขึ้นมาแล้วกระซิบบอกข้างหูเขา

องค์ชายรองจึงได้พยักหน้า

ขันทีที่อยู่ข้างๆ รีบยื่นมือไปอุ้มมา หลังจากเหล่าขุนนางด้านล่างต่างพากันหมอบกราบถวายพระพรแล้ว ฮ่องเต้และพระบรมวงศานุวงศ์จึงเสด็จกลับวังกันไป

หลังจากฮ่องเต้เสด็จกลับไปแล้ว เหล่าขุนนางที่นั่งอยู่ด้านบนป้อมปราการก็ต่างกลับไป บนประตูเต๋อเซวียนจึงได้เงียบสงบลง ทว่าถนนที่อยู่เบื้องล่างกลับยิ่งคึกคักมากขึ้น

จิ้นอันจวิ้นอ๋องยังคงยืนอยู่ที่เดิม มองลงไปด้านล่างอย่างตั้งใจ ในที่สุดดวงตาก็พลันเป็นประกาย มุมปากหยักขึ้น รอยยิ้มค่อยๆ แย้มกว้าง

สิ้นสุดการรอคอยแล้ว…

ท่ามกลางดอกไม้ไฟและหมู่โคมที่ให้แสงสว่างบนถนนเทียนเจีย สตรีนางหนึ่งกำลังเดินผ่านเหล่าองครักษ์เข้ามา

“นั่น! อยู่นั่น!”

ผู้ติดตามคนหนึ่งร้องบอก

เดินๆ วิ่งๆ กันมาจากหอเต๋อเซิ่งจนถึงหัวสะพาน แล้วจากหัวสะพานเดินๆ วิ่งๆ จนถึงหอเต๋อเซิ่ง จากนั้นก็วิ่งตามมา ท่านชายหวังสิบเจ็ดพบว่าตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเดินเยอะถึงเพียงนี้มาก่อน เขาหอบหายใจพลางค้ำมือยันเข่าไว้ หยัดตัวแทบไม่ขึ้น

ได้ยินผู้ติดตามเอ่ยดังนั้นก็ฝืนหยัดกายโดยมีผู้ติดตามคอยพยุง แล้วมองไปทางนั้น

พวกเขามาถึงหัวถนนหลวงแล้ว คนตรงนี้น้อยกว่าทางนั้นมาก ดังนั้นจึงเห็นคนเบื้องหน้าได้อย่างชัดเจน

สตรีนางนั้นกำลังหันกลับมามองท่านชายที่อยู่ด้านหลังนาง ท่ามกลางแสงโคมส่องสว่างสดใสกว่าตรงนี้ที่เขายืนอยู่ แสงจรัสแจ่มจ้า

“นังชั้นต่ำคนนี้นี่!” ท่านชายหวังสิบเจ็ดตะโกนขึ้น ยังไม่ทันจะกล่าวต่อก็เห็นท่านชายที่อยู่ด้านหลังเฉิงเจียวเหนียงเบี่ยงตัวเงยหน้ามองโคมที่อยู่ใกล้ๆ

อ้อ เขาเองหรือ!

ทันใดนั้นท่านชายหวังสิบเจ็ดก็ถอนหายใจออกมา

“ตกใจแทบแย่ ที่แท้ก็คนในตระกูลนาง” เขาเอ่ยขึ้น

เหล่าผู้ติดตามต่างสงสัย

“ท่านชายรู้จักหรือขอรับ” พวกเขาเอ่ยถาม

“รู้จัก นั่นคุณชายตระกูลโจว” ท่านชายหวังสิบเจ็ดถอนใจเอ่ยตอบ จะว่าอย่างไรดี เหตุใดเขาจึงโชคร้ายถูกคนขโมยตัวคู่หมั้นไปเช่นนี้

เหล่าผู้ติดตามต่างถอนหายใจตาม

ไม่ได้ถูกใครเอาตัวไป และก็ไม่ได้ถูกลักพาตัว แต่เจอญาติของตัวเองนี่เอง

“แต่ว่า ท่านชายขอรับ ตระกูลโจวเป็นเพียงทหารยศน้อยมิใช่หรือ นึกไม่ถึงว่าจะได้ตั้งกระโจมอยู่ที่ถนนเทียนเจียด้วย” ผู้ติดตามที่อายุมากสุดนึกขึ้นได้จึงเอ่ยขึ้น

ใช่น่ะสิ แม้จะเป็นคนต่างถิ่น แต่ถนนเทียนเจียเป็นสถานที่เช่นไร เขาล้วนรู้ดี

นึกไม่ถึงว่าตระกูลโจวนี้จะได้มาชมโคมที่ถนนเทียนเจีย

นี่ใช่ตระกูลเฉิงที่ท่านพ่อพูดถึงว่าเป็นเพียงครอบครัวทหารธรรมดาๆ แน่หรือ

ท่านชายหวังสิบเจ็ดถลึงตาโตมองไปยังเบื้องหน้า เห็นสตรีนางนั้นกำลังถูกสตรีหลายคนล้อมไว้ อีกทั้งสตรีเหล่านั้นยังมาจากทุกทิศทาง อายุอานามก็ไม่เท่ากันสักคน ที่เหมือนกันคือสีหน้าท่าทางคุ้นเคยและเบิกบาน

“เหตุใดสตรีบ้าคนนี้จึงได้รู้จักคนมากมายถึงเพียงนี้” เขาตกตะลึง

เขาพูดจบก็เดินเข้าไป แต่กลับถูกทหารขวางไว้

ตรงหน้าเขานี้ มีทหารคุ้มเกราะเป็นองครักษ์ ตวาดเด็ดขาด กลิ่นไอของการสังหารแผ่กระจายทั่ว เหมือนกับว่าหากมีใครกล้าฝ่าเข้าไปก็จะลงมือสังหารเสียตรงนั้น

ท่านชายหวังสิบเจ็ดและพรรคพวกรีบหยุดฝีเท้าแล้วอธิบายว่าตัวเองมาหาคน แล้วบอกอ้างตระกูลโจวไป

“รอเดี๋ยว ข้าไปถามก่อน” ทหารเอ่ยบอก “ถอยไป ถอยออกไป”

ท่านชายหวังสิบเจ็ดและพรรคพวกถูกไล่ให้ถอยไปด้านหลังสองสามก้าวจึงหยุดเท้าลง เงยหน้ามองสตรีนางนั้นที่ยังคงถูกคนรายล้อมหัวเราะพูดคุยอยู่บนถนน

จะพูดให้ถูกก็คือคนอื่นหัวเราะพูดคุยกับนาง

“…พี่สาว พี่สาว ข้านึกว่าท่านจะไม่มาเสียแล้ว” เฉินตันเหนียงจับแขนเสื้อเฉิงเจียวเหนียงไว้ไม่ยอมปล่อย

“ไปเที่ยวที่ใดมาหรือ นัดผู้ใดไว้หรือ” แม่นางเฉินสิบแปดเอ่ยถามพลางมองท่านชายฉินสิบสามที่อยู่ข้างๆ

ท่านชายฉินสิบสามส่ายหน้ายิ้มๆ

“คู่หมั้นข้า” เฉิงเจียวเหนียงตอบ

คู่หมั้น!

ไม่เพียงแต่แม่นางเฉินสิบแปดที่ตกใจ สตรีนางอื่นๆ ก็พากันนิ่งอึ้ง

ดูเอาเถิด นางเป็นเช่นนี้ ไม่ปิดบังอะไรทั้งสิ้น จิตใจกว้างขวาง

คู่หมั้น…

เป็นครั้งแรกรู้สึกว่าการเรียกเช่นนี้ฟังดูแล้วน่าฟังดี

ท่านชายฉินสิบสามหลุบตาต่ำพรูลมหายใจออกมา มีคนลุกขึ้นชนเขาเข้า

“แม่นางเฉิง”

ฮูหยินฉินอมยิ้มเอ่ยเรียก พลางโบกพัดในมือไปมา

“เจ้ามาแล้วหรือ มา มา รีบมา ข้ามีเรื่องจะคุยกับเจ้า”

“ไม่ได้ ไม่ได้เจ้าค่ะ แม่นางเฉิงต้องไปบ้านข้า” เฉินตันเหนียงแย้งขึ้น กอดแขนเฉิงเจียวเหนียงไม่ยอมปล่อย

“ท่านป้าฉิน เช่นนั้นท่านป้าก็มาบ้านเราเสียสิเจ้าคะ” แม่นางเฉินสิบแปดยิ้มบอก ดึงแขนอีกข้างของเฉิงเจียวเหนียง

“เด็กอย่างพวกเจ้านี่นะ นึกไม่ถึงว่าจะมาแย่งนางกับข้า” ฮูหยินฉินยิ้มเอ่ยแล้วใช้พัดชี้นาง จากนั้นจึงเดินตามไป “รังแกคนแก่อย่างข้าไม่ให้กล้าแย่งกับเจ้าหรือ”

เฉินตันเหนียงกับแม่นางเฉินสิบแปดเห็นนางเดินตามมาก็หัวเราะแล้วรีบดึงเฉิงเจียวเหนียงให้เดินไวขึ้น

บนถนนเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะของเหล่าสตรี

ฮูหยินโจวที่ยืนอยู่ข้างๆ ลดมือลง ขณะกำลังมองผู้คนเดินหัวเราะพูดคุยผ่านกระโจมของตระกูลเฉิน

แม่นางก็ดูโคมต่อเถิด อย่างไรเสียคนอื่นก็ดูแลหลานสาวนางนี้ของนางได้ดีเสียยิ่งกว่าตัวนางเอง

“ใต้เท้าโจว มีคนบอกว่าเป็นคนตระกูลท่าน ต้องการจะเข้ามาด้วย”

นายใหญ่โจวที่กำลังดื่มสุราอยู่กับเหล่าพี่น้องลูกหลานอย่างพออกพอใจในกระโจมถูกคนขัดจังหวะขึ้น

“คนตระกูลข้าหรือ” นายใหญ่โจวถามด้วยความฉงน

คนตระกูลเขาก็อยู่นี่กันหมด ที่ไม่อยู่ก็มีแต่คนที่ไม่จำเป็นต้องมา

“เห็นบอกว่าแซ่หวัง” ทหารเอ่ยบอก

แซ่หวังหรือ

นายใหญ่โจวตกตะลึงแล้วเบะปาก

“ไม่รู้จัก ให้เขาไสหัวไป” เขาบอก

ทหารรับคำแล้วหันหลังจากไป

“เป็นผู้ใดกันถึงกล้ามาเหยียบที่นี่” นายใหญ่โจวเอ่ยอย่างโมโห ยกสุราในมือดื่มจนหมดจอก แล้วหัวเราะยิ้มแย้มต่อ “มา มา เติมให้เต็มจอก”

ท่านชายหวังสิบเจ็ดที่ถูกไล่ให้ออกไปไกลอย่างจนตรอกหยุดฝีเท้าลง

“บังอาจก่อเรื่อง อย่างกับโจรชั้นต่ำ!” เหล่าทหารทางนั้นตะคอกว่า ยกมือขึ้นชี้ตักเตือน

ท่านชายหวังสิบเจ็ดโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แต่ถูกผู้ติดตามดึงไว้แน่น

“ท่านชายขอรับ ที่นี่คือเมืองหลวง ซ้ำยังหน้าประตูเซวียนเต๋อด้วย ไม่ควรก่อเรื่องนะขอรับ” พวกเขาเกลี้ยกล่อม

ท่านชายหวังสิบเจ็ดกระทืบเท้าอย่างโมโห

“ไอ้พวกแซ่โจวจะรังแกคนเกินไปแล้ว!” เขาตะโกนขึ้น “ไปพวกเรา”

ผู้ติดตามเห็นเขาหันหลังกลับจึงได้รีบเดินตามไป สองคนในนั้นเดินไปไม่กี่ก้าวก็หันกลับมามองอย่างอดไม่ได้

“ดูท่าแล้ว นางบ้าตระกูลเฉิงนางนั้น ไม่ได้ถูกตระกูลโจวละเลย อีกทั้งดูเหมือนว่าจะรู้จักผู้คนไม่น้อย…” เขาพึมพำขึ้นอย่างอดไม่ได้

ดูท่าแล้วนอกจากเรื่องที่นางปัญญาอ่อนตั้งแต่เด็กแล้ว พวกเขารู้จักแม่นางตระกูลเฉิงผู้นี้น้อยเกินไปนัก…

 …………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+