พันธกานต์ปราณอัคคี 163 คำสาปของอีกา

Now you are reading พันธกานต์ปราณอัคคี Chapter 163 คำสาปของอีกา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“พี่สี่ นี่เจ้าหมายความว่าเช่นไร?” บินอยู่บนทะเลติดต่อกันสามสี่ชั่วยามแล้ว คุณชายสี่สองคนตามติดอยู่ข้างหลังอย่างไม่รีบร้อน ในที่สุดคุณชายหกก็ทนไม่ไหวถามว่า

 

 

คุณชายสี่หน้าตาใจกว้าง “น้องหก จุดหมายปลายทางของเราล้วนเป็นสถานที่เดียวกัน เดินเส้นทางเดียวกันมีปัญหาอะไรเช่นนั้นหรือ? หรือว่าทะเลนี่เป็นของเจ้าผู้เดียวเช่นนั้นหรือ?”

 

 

คุณชายหกชะงัก ในใจแอบโมโหคนเดียว

 

 

“ข้าว่าพี่หก หรือว่าเจ้ารังเกียจที่เราสองคนรบกวนโลกส่วนตัวสองคนของพวกเจ้า?” คุณชายสิบเจ็ดสายตาล่อกแล่ก พิจารณาพวกมั่วชิงเฉินสองคนไปมา

 

 

คุณชายหกหน้าบึ้งว่า “น้องสิบเจ็ด เจ้าอย่าพูดจาสกปรก มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ!”

 

 

“ฟู่” คุณชายสิบเจ็ดหัวเราะฟู่เสียงหนึ่ง ไม่ต่อปากต่อคำอีก

 

 

“คุณชายหก เจ้าคิดจะสลัดสองคนนี้ออกจริงหรือ?” มั่วชิงเฉินนั่งว่างอยู่บนเรือบิน แอบส่งเสียงทางจิตว่า

 

 

คุณชายหกตอบว่า “แน่นอน หวังสี่อาศัยที่ตบะสูงกว่าเราสองคน เห็นชัดว่าคิดจะเอาเปรียบเมื่อถึงเวลา”

 

 

“ทว่าระหว่างทางมีพวกเขาอยู่ พบเจออันตรายก็จะสบายขึ้นไม่น้อยมิใช่หรือ?” มั่วชิงเฉินส่งเสียงทางจิตอีก

 

 

คุณชายหกชะงักทีหนึ่งถึงตอบว่า “นี่ก็ใช่ อย่างไรเสียเราต่างมาเพื่อน้ำตาของปีศาจปลาเกี่ยววิญญาณ ก่อนจะถึงตอนนั้น ไม่ว่าจะจริงใจหรือไม่ต่างก็ต้องร่วมมือกันเต็มที่”

 

 

มั่วชิงเฉินหัวเราะ “เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ให้พวกเขาตามก็แล้วกัน ถึงสุดท้ายใครได้เปรียบยังไม่แน่เลย”

 

 

คุณชายหกร้อนรนว่า “แม่นางมั่ว หวังสี่อยู่ระดับสร้างรากฐานระยะกลาง หวังสิบเจ็ดแม้จะอยู่ระดับสร้างรากฐานระยะต้น ทว่าฝีมืออยู่ในบรรดาผู้บำเพ็ญเพียรระดับสร้างรากฐานหลายสิบคนในตระกูลหวังก็นับว่ากลางค่อนไปทางสูงนะ”

 

 

“คุณชายหก หรือว่าเจ้าสู้หวังสิบเจ็ดไม่ได้?” มั่วชิงเฉินถาม

 

 

คุณชายหกสีหน้าเย็นชาลง “ข้าน้อยแม้ด้อยฝีมือ จัดการหวังสิบเจ็ดยังไม่ใช่ปัญหาใหญ่แต่อย่างใด”

 

 

มั่วชิงเฉินหัวเราะ นางรู้อยู่แล้วว่า คุณชายหกที่เตรียมตัวไปทะเลเลื่อนไหลโดยลำพังต้องไม่ใช่กระจอกอย่างแน่นอน จึงตอบว่า “เช่นนั้นก็ดี หากพวกเขาคิดไม่ซื่อ พี่สี่ของเจ้าผู้นั้นมอบให้ข้าก็แล้วกัน”

 

 

คำพูดของมั่วชิงเฉินเต็มไปด้วยความมั่นใจ ทำให้คุณชายหกอึ้งไปทีหนึ่ง แล้วส่งเสียงทางจิตอย่างลังเลว่า “แม่นางมั่วเอ่ยเช่นนี้ หรือว่ามีอะไร…”

 

 

มั่วชิงเฉินเอ่ยตรงๆ ว่า “อสูรวิญญาณของข้าประท้วงว่าอยู่ในถุงอสูรวิญญาณนานแล้ว อยากออกมารับลมสักหน่อย”

 

 

ในความเป็นจริงคืออีกาไฟขลุกอยู่ในถุงอสูรวิญญาณเฝ้าศพของอสูรแปดขากินอย่างบ้าคลั่ง ไม่เกินหนึ่งวันก็กินจนหมดเกลี้ยง ทำให้มั่วชิงเฉินที่นานๆ ทีก็ใช้จิตตระหนักสนใจสักทีตกใจแทบกระโดด อีกานั่นกินเสร็จก็นอนหลับขึ้นมา จนกระทั่งเมื่อครู่ถึงตื่นมา ไม่รู้เพราะเหตุใดโวยวายจะเป็นจะตายจะออกมาให้ได้

 

 

อย่างไรเสียบัดนี้อีกาไฟก็เป็นอสูรปีศาจชั้นสอง พลังเทียบได้กับคนระดับสร้างรากฐานระยะต้น เดิมทีนางคิดจะใช้มันเป็นแผนสำรอง หากมีสิ่งใดไม่คาดคิดยังสามารถมีประโยชน์ในการใช้เป็นไพ่ตายเอาชนะได้ ทว่าบัดนี้ดูแล้ว ขืนนางไม่รับปากอีก อีกาไฟจะต้องใช้แผนร้องไห้โวยวายฆ่าตัวตายแล้ว

 

 

“ไม่นึกเลยว่าแม่นางมั่วยังเลี้ยงอสูรวิญญาณไว้ด้วย?” คุณชายหกเอ่ยอย่างตกตะลึง

 

 

ในตระกูลหวังของพวกเขาคนที่เลี้ยงอสูรวิญญาณที่พอจะออกหน้าออกตาได้ก็มีเพียงท่านปรมาจารย์ระดับก่อแก่นปราณสองท่านเท่านั้น ต่อให้พี่สี่ที่มีหน้ามีตาคนนี้ก็ไม่มีพลังกายใจและกำลังทรัพย์ที่จะเลี้ยงอสูรวิญญาณได้

 

 

สาเหตุไม่ใช่อื่นใด อายุขัยของอสูรวิญญาณยาวกว่ามนุษย์มากนัก การเลื่อนชั้นก็ช้ามากเช่นกัน หากคิดจะใช้ประโยชน์จากอสูรวิญญาณ เช่นนั้นระดับชั้นของอสูรวิญญาณอย่างน้อยที่สุดก็ไม่อาจต่ำกว่าเจ้านายมากเกินไป มิเช่นนั้นก็ไม่ใช่แรงสนับสนุนแล้วหากแต่จะเป็นภาระ ทว่าอสูรวิญญาณเลื่อนชั้นกลับต้องการกินโอสถจำนวนมาก ผู้บำเพ็ญเพียรส่วนใหญ่หินวิญญาณยังไม่พอให้ตัวเองจับจ่ายใช้สอยเลย จะยอมเอาไปซื้อโอสถให้อสูรวิญญาณกินได้อย่างไร

 

 

และถ้าไม่ให้อสูรวิญญาณกินโอสถ เพียงปล่อยให้มันเติบโตเองตามธรรมชาติล่ะก็ เกรงว่าผู้บำเพ็ญเพียรคนนี้ถึงตายก็ไม่ได้เห็นอสูรวิญญาณเลื่อนชั้น การเลี้ยงอสูรวิญญาณจึงไร้ความหมาย

 

 

ยกเว้นผู้บำเพ็ญเพียรหญิงบางคนจะเลี้ยงอสูรวิญญาณที่รูปลักษณ์ภายนอกน่ารัก นั่นจึงไม่ได้เลี้ยงเพื่อเป็นสหายในการรบ หากแต่เลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยงเพื่อความสนุกเท่านั้น

 

 

ดังนั้น เมื่อคุณชายหกได้ยินว่ามั่วชิงเฉินมีอสูรวิญญาณถึงได้ตกใจเช่นนี้ ต่อให้รู้สึกว่ามั่วชิงเฉินไม่ใช่คนประเภทนี้ กลับยังอดเดาไม่ได้ว่าที่นางเลี้ยงคงไม่ใช่กระต่ายน้อยสีขาวหรอกนะ

 

 

มีหมู่เกาะหนึ่งในทะเลขนาบใจมีหญ้าเขียวชอุ่มตลอดปี นิยมเพาะกระต่ายหิมะชนิดหนึ่ง กระต่ายหิมะชนิดนี้อ่อนโยนน่ารัก ตาเหมือนแก้วสีแดง ทั่วร่างสะอาดดุจหิมะ เป็นที่ชื่นชอบของเด็กเล็กและหญิงสาวบางคนนัก โดยเฉพาะขนของมันอบอุ่นสบายตัว อุ้มไว้ในมือก็เหมือนกอดเตาอุ่นมือไว้ หากเย็บขนกระต่ายไว้บนเสื้อผ้า ยิ่งกันความหนาวได้ผลดีนัก เป็นที่นิยมในหมู่หญิงสาวฐานะร่ำรวยยิ่งนัก

 

 

ต่อให้ที่ทวีปเทียนหยวน ว่ากันโดยปกติแล้วผู้บำเพ็ญเพียรก็ไม่ค่อยจะเลี้ยงอสูรวิญญาณประเภทใช้สู้รบกัน ทว่ามั่วชิงเฉินไม่เพียงแต่จับพลัดจับผลูได้อีกาไฟมา ยังได้ของดีตกจากฟ้าได้ผึ้งวิญญาณเลือดมรกตอีก แม้จะบอกว่าตัวข้างหน้าเป็นพวกเอะอะมะเทิ่ง ตัวข้างหลังเป็นพวกทำไร่ทำสวนไม่สู้กับใคร ก็ยังนับว่าหายากในหมู่ผู้บำเพ็ญเพียรระดับสร้างรากฐานแล้ว

 

 

นี่ก็เป็นสาเหตุที่อีกาไฟแม้ปากชอบเอาเปรียบในใจกลับยอมรับมั่วชิงเฉิน มันที่เปิดปัญญาวิญญาณนานแล้วไม่โง่หรอกนะ ผู้บำเพ็ญเพียรระดับก่อแก่นปราณไม่เห็นอีกาไฟที่พรสวรรค์ไม่สูงในสายตา ผู้บำเพ็ญเพียรระดับสร้างรากฐานก็เลี้ยงไม่ไหว ให้เปล่าๆ ก็ไม่เอา มันไม่เกาะมั่วชิงเฉินไว้จะไปเกาะใคร แน่นอนคำพูดพวกนี้มันไม่เคยพูดออกจากปากอยู่แล้ว มีเพียงยามที่มั่วชิงเฉินเถียงกับมันเท่านั้น มันถึงจะบ่นอยู่ในใจว่า ‘หลอกกินเจ้าเปล่าๆ ให้ล่มจมไปเลย!’

 

 

ส่วนผึ้งวิญญาณเลือดมรกต มันที่ไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราวก็รู้สึกได้ว่าตั้งแต่ตามมั่วชิงเฉินแล้วได้กินของดีบ่อยๆ ร่างกายนับวันยิ่งสบายขึ้นมา ย่อมสนิทสนมกับเจ้านายใหม่ผู้นี้ขึ้นทุกวันเป็นธรรมดา

 

 

เห็นคุณชายหกตกตะลึง มั่วชิงเฉินส่งเสียงทางจิตว่า “ด้วยโอกาสวาสนานำพาเลี้ยงไว้ตัวหนึ่ง ทว่าเพิ่งเลื่อนชั้นถึงชั้นสอง”

 

 

คุณชายหกได้ยินแล้วตกใจใหญ่ อสูรวิญญาณชั้นสอง นั่นเทียบเท่ากับผู้บำเพ็ญเพียรระดับสร้างรากฐานระยะต้นแล้ว มิน่าแม่นางมั่วผู้นี้ถึงมั่นใจเช่นนี้ ด้วยฝีมือนางบวกกับอสูรวิญญาณชั้นสอง ไม่แน่อาจมีความสามารถสู้หวังสี่ได้จริงๆ ก็ได้

 

 

คิดถึงตรงนี้ก็แอบคิดว่าตนโชคดีอีก โชคดีที่ตนไม่มีความคิดไม่ถูกไม่ควรแต่อย่างใด มิเช่นนั้นจุดจบไม่ต้องถามก็รู้แล้ว

 

 

อีกาไฟโวยวายอยู่ในถุงอสูรวิญญาณอย่างรุนแรง เหมือนกินยากระตุ้นประสาทก็ไม่ปาน มั่วชิงเฉินสื่อสารกับมันอยู่ในสมองไม่ได้ผล จึงปล่อยมันออกมาโดยตรง คิดอีกทีเช่นนี้ก็ดีเหมือนกัน ให้สองคนนั้นมีความยำเกรงบ้าง จะได้คิดมิดีมิร้ายให้น้อยลง

 

 

เมื่ออีกาไฟถูกปล่อยออกมา ก็บินไปบนฟ้าทันที พ่นไฟออกมากลุ่มหนึ่ง ห่อหุ้มร่างกายมันไว้ภายใน

 

 

ที่เหลืออีกสามคนตกใจแทบกระโดด ระหว่างที่ตกใจจนวิญญาณแทบออกจากร่างนั้นเห็นเพียงเปลวไฟที่ลุกไหม้อยู่กลางอากาศเหมือนก้อนเมฆสีแดงก้อนหนึ่ง ข้างในมีเงาของนกปีกยาวหางยาวกำลังทำท่ากางปีกหวังจะบิน กระทั่งสามารถได้ยินเสียงนกร้องไพเราะดังก้องมา

 

 

แม้คุณชายหกจะตกใจ กลับเพราะเตรียมใจว่าแล้วจึงใจเย็นลงมา พวกคุณชายสี่สองคนที่นั่งอยู่บนเรือใบอีกลำหนึ่งกลับหน้าถอดสี รีบล้วงอาวุธเวทโจมตีออกมาทันที

 

 

มั่วชิงเฉินก็ไม่คิดว่าวันนี้อีกาไฟจะออกมาอย่างสง่าเช่นนี้ กลับหน้าไม่เปลี่ยนสีว่า “ทั้งสองท่านอย่าลงมือ นี่เป็นอสูรวิญญาณของข้า”

 

 

“อะไรนะ?” พวกคุณชายสี่สองคนตกใจร้องพร้อมกัน ในสายตาที่ประสานกันเผยให้เห็นความไม่อยากเชื่อและความหวาดกลัว

 

 

ผ่านไปชั่วครู่ ในที่สุดเมฆไฟก้อนนั้นก็ดับไป อีกาไฟในนั้นปรากฏตัวออกมา ร้องแว้ดๆ สองเสียงอย่างพอใจ แล้วบินไปเกาะบนไหล่มั่วชิงเฉิน

 

 

นี่…

 

 

ต่อให้ในยามปกติผู้บำเพ็ญเพียรระดับสร้างรากฐานมีอสูรวิญญาณชั้นสองตัวหนึ่งเป็นเรื่องที่น่าตกใจมาก ทว่าตอนที่อสูรวิญญาณเพิ่งออกมานั้นอานุภาพเกรียงไกรถึงเพียงนั้น สภาพเช่นนั้นกระทั่งทำให้คนอดนึกไปถึงวิหคอาบเพลิงอย่างไม่รู้ตัว ทว่าใครจะรู้ว่าสุดท้ายปรากฏร่างออกมา ไม่คิดเลยว่าจะเป็นอีกาดำปี๋ตัวหนึ่ง ในสายตาคุณชายตระกูลหวังทั้งสามคน ต่างเกิดความรู้สึกเหมือนกันอย่างหาได้ยากว่าไร้สาระ

 

 

“แม่นางมั่ว อสูรวิญญาณของเจ้า เป็น…เป็นอีกาตัวหนึ่ง?” คุณชายสี่ที่แสดงออกอย่างสง่างามไม่ธรรมดาเสมอมาเอ่ยด้วยสีหน้าประหลาด

 

 

คุณชายสิบเจ็ดยิ่งเบิกตากว้าง อดขำไม่ได้ว่า “อีกา นี่ก็ช่าง…”

 

 

พูดได้ครึ่งเดียวกลับต้องหยุดลงทั้งอย่างนั้น

 

 

เพียงเพราะพวกเขาเห็นกับตาว่าอีกาไฟที่ร่อนลงบนไหล่มั่วชิงเฉินเต้นแร้งเต้นกาด่าว่า “อีกาแล้วเป็นเช่นไร ฮึ พวกเจ้าไม่เห็นข้าในสายตา ข้าต่างหากที่ไม่เห็นพวกเจ้าในสายตาน่ะ!”

 

 

ทั้งสามคนกลายเป็นหินทันที

 

 

อีกาไฟกลับยังร้องด่าไม่หยุด คำพูดยาวเป็นพรวนฟังจนมั่วชิงเฉินก็รู้สึกอักอ่วนขึ้นมา คิดอย่างละอายใจว่าคนอื่นคงไม่คิดว่านางเป็นคนสอนหรอกนะ? จึงรีบส่งเสียงทางจิตว่า “เจ้าจะรักษาภาพพจน์กุลสตรีสักหน่อยไม่ได้หรือ?”

 

 

ไม่รู้เพราะเหตุใดคำพูดนี้อีกาไฟฟังเข้าไปแล้ว จึงหยุดด่าทันที เก็บปีกขึ้นก้มหน้าลงครึ่งหนึ่ง ทำท่าเหมือนสะใภ้ตัวน้อย

 

 

ผ่านไปครึ่งค่อนวัน ทั้งสามคนถึงมีสติขึ้นมาจากสภาพแข็งเป็นหิน

 

 

คุณชายสิบเจ็ดยังคงไม่เชื่อว่า “อีกาไม่คิดว่า ไม่คิดว่าจะพูดได้?”

 

 

คุณชายสี่ที่อยู่ข้างๆครั้งนี้ไม่ได้เปิดปาก สิ่งที่เขาคิดกลับคือไม่นึกเลยว่าจะเป็นอสูรวิญญาณชั้นสองที่พูดได้? หรือว่ามันไม่ใช่อสูรวิญญาณชั้นสองธรรมดา? เช่นนี้แล้ว เกรงว่าแผนที่ตนวางไว้แต่แรกต้องเปลี่ยนแผนสักหน่อยแล้ว

 

 

ก่อนหน้านี้เคยพูดแล้วว่าอสูรปีศาจต้องถึงชั้นห้าถึงเปิดปัญญาวิญญาณได้ ส่วนอีกาไฟเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาชนิดหนึ่ง ถึงชั้นสองก็สามารถพูดภาษาคนได้แล้ว เพียงแต่ทะเลขนาบใจอยู่ในที่ห่างไกลผู้คน ไม่ค่อยได้สื่อสารกับโลกภายนอก ดังนั้นจึงไม่รู้จักชนิดของอีกานี้ ได้ยินว่ามันพูดได้ ทั้งสามคนล้วนตั้งตัวไม่ค่อยติดอยู่บ้าง

 

 

อีกาไฟตั้งแต่หลังจากเลื่อนชั้นก็กินศพของอสูรแปดขาอสูรปีศาจชั้นสามเข้าไปอีก ไม่รู้เพราะเหตุใดนับวันอารมณ์ยิ่งขี้หงุดหงิดขึ้น ได้ยินคำพูดของพวกเขาแล้วขยับจะงอยปากทีหนึ่งก็จะโต้กลับ

 

 

“ภาพพจน์กุลสตรี ภาพพจน์!” มั่วชิงเฉินรีบส่งเสียงทางจิตบอก

 

 

อีกาไฟทนแล้วทนอีก นี่ถึงได้หลุบตาลงครึ่งหนึ่ง พูดอย่างเอื่อยเฉื่อยว่า “อีกาก็พูดได้เช่นกัน ก็เหมือนพวกเจ้าที่บินได้เช่นกัน”

 

 

คำพูดนี้แม้พูดอย่างสงบ ผสมกับเสียงของมันแบบนั้น บวกท่าทางทำตาเหลือกครึ่งหนึ่ง จึงทำให้คนรู้สึกว่าอีกาตัวนี้ปฏิบัติกับทุกคนเหมือนเป็นคนปัญญาอ่อนทันที นี่ถึงได้อธิบายอย่างเสียงอ่อนเสียงหวานเช่นนี้

 

 

“พี่สี่…” คุณชายสิบเจ็ดส่งเสียงทางจิต

 

 

“เป็นอันใดหรือ น้องสิบเจ็ด?” คุณชายสี่ขมวดคิ้วว่า เขายังรู้สึกกลัดกลุ้มเพราะสิ่งที่ไม่คาดคิดนี้อยู่

 

 

คุณชายสิบเจ็ดโมโหว่า “ไม่รู้เพราะเหตุใด อีกาตัวนี้เทียบกับยามที่มันเพิ่งด่าคนเมื่อครู่แล้วยังน่ากระทืบกว่าอีก!”

 

 

คุณชายสี่เหลือบมองอีกาไฟปราดหนึ่ง ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันว่า “ข้าก็รู้สึกเช่นนั้น”

 

 

การปรากฏตัวของอีกาไฟสร้างความสมดุลภายนอกให้ทั้งสองฝ่าย ท่าทีที่คุณชายสี่มีต่อพวกมั่วชิงเฉินสองคนก็เกิดการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย

 

 

มั่วชิงเฉินรู้สึกได้อย่างเฉียบแหลมวา ท่าทีที่เขามีต่อคุณชายหกดีขึ้นมาแล้ว การพูดการจาแฝงไว้ด้วยความสนิทสนมจะดึงเข้าเป็นพวก

 

 

ทุกคนบินอีกหลายชั่วยาม ก็พบตรงกลางผิวน้ำปรากฏน้ำวนขึ้นอันหนึ่ง จึงรีบบินเรือบินให้สูงขึ้นสักหน่อย แล้วก้มมองน้ำวนที่ปรากฏออกมานี้จากด้านบน

 

 

น้ำวนเป็นสีน้ำเงินเข้ม ราวกับเป็นถ้ำที่ทะลุสู่โลกที่ไม่รู้จักก็ไม่ปาน แต่กลับมีแสงวิญญาณเป็นสายๆ แผ่ออกด้านนอก

 

 

“ถึงแล้ว!” คุณชายหกสีหน้าปีติ

 

 

คุณชายสิบเจ็ดมองดูน้ำวนอย่างระแวงว่า “นี่จะเข้าไปได้อย่างไร?”

 

 

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเข้าร่วมการทดสอบค้นหากระสายยา ไม่เหมือนคุณชายสี่เมื่อยามอยู่สุดยอดระดับสร้างรากฐานระยะต้นเคยมาครั้งนี้ ก็เพราะครั้งนั้นเขาได้น้ำตาของปีศาจปลาเกี่ยววิญญาณแลกเป็นโอสถลับในตระกูล ถึงได้ทีเดียวทะลวงถึงระยะกลาง และก็ไม่เหมือนดังคุณชายหกที่แม้เมื่อสิบปีก่อนจะล้มเหลวมาก่อน ทว่าอย่างไรเสียก็มีประสบการณ์ในการรับมือบ้างแล้ว

 

 

ทันใดนั้นอีกาไฟกลับอ้าปากว่า “แว้ดๆ เข้าไปอย่างไร? เจ้าหล่นเข้าไปน่ะสิ”

 

 

เดิมทีทุกคนไม่ถือสาอสูรวิญญาณตัวหนึ่ง ทว่าใครจะรู้ว่าเพิ่งสิ้นเสียงอีกาไฟ ไม่นึกเลยว่าคุณชายสิบเจ็ดจะตกลงไปตรงๆ จริงๆ 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด