พันธกานต์ปราณอัคคี 438 จริงหลอกยากจำแนก

Now you are reading พันธกานต์ปราณอัคคี Chapter 438 จริงหลอกยากจำแนก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ฝีเท้ามั่วชิงเฉินชะงักไป หันไปมองตามเสียง

 

 

แต่จู่ๆ เมฆฝนพลันแปรเปลี่ยน ไออากาศสีม่วงอมเขียวที่ถูกร่มไร้กังวลกั้นเอาไว้ด้านนอกเริ่มแกว่งไกวด้วยพลังมหาศาล

 

 

พวกมันเหมือนกับเมฆดำบนขอบฟ้า ซ้อนกันเป็นชั้นหนาพุ่งเข้ามา ความรู้สึกกดดันระลอกหนึ่งบังเกิดขึ้นมา

 

 

ต่อจากนั้นกลางเมฆหนามีแสงสว่างสายหนึ่งปรากฏขึ้น สะท้อนสีท้องฟ้าที่ถูกไออากาศสีม่วงอมเขียวบดบังจนมืดครึ้มให้สว่างขึ้นมากะทันหัน

 

 

มั่วชิงเฉินตั้งสติระแวงระวัง สายตาจ้องเขม็งมองดูความเปลี่ยนแปลงต่างๆ เหล่านี้

 

 

จู่ๆ ท้องฟ้าก็มืดลงในทันใด ไม่มีแสงสว่างแม้แต่น้อย ยื่นมือออกไปก็ยังเห็นนิ้วทั้งห้าไม่ชัด

 

 

“ศิษย์พี่ หู่โถว…” มั่วชิงเฉินหันกลับมา คิดจะตามหาค้นทั้งสอง แต่ไฉนเลยนางจะยังเห็นเงาของทั้งสองคน

 

 

เสียงร้องไห้ของหญิงสาวยิ่งเศร้าโศกมากยิ่งขึ้น นางแทบจะเขยิบไปข้างหน้าก้าวหนึ่งแล้วหยุด ในมือถือกริชฟันปลาเอาไว้ ในหัวเกิดความคิดอย่างร้อนรน

 

 

นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้หรือว่าจะเกี่ยวข้องกับเสียงร้องไห้ของหญิงสาวที่จู่ๆ ก็ดังขึ้น

 

 

ไม่มีร่องรอยของศิษย์พี่และหู่โถว เช่นนั้นตอนนี้นางกำลังเดินอยู่ท่ามกลางสถานที่ที่เต็มไปด้วยลมหายใจมังกรเช่นนั้นหรือ

 

 

หากเป็นเช่นนั้น เหตุใดนางถึงสงบสุขไม่ประสบปัญหาใดๆ ทั้งสิ้น นอกจากความมืดสนิทก็ไม่เห็นว่าจะมีความเคลื่อนไหวอะไรอีก

 

 

มั่วชิงเฉินกำกริชฟันปลาแน่นขึ้น เสียงร้องไห้ของหญิงสาวค่อยๆ ดังขึ้นเรื่อยๆ จากการที่เดี๋ยวดังเดี๋ยวกาย เหมือนว่าเสี้ยววินาทีต่อไปที่จะเดินออกจากความมืดสนิทนี้นางจะได้เห็นหญิงสาวผู้นั้น

 

 

เสียงดังลอยผ่านชั้นบรรยากาศ มั่วชิงเฉินมองอะไรไม่เห็นทั้งนั้น ทำได้เพียงอาศัยทักษะการฟังและความรู้สุกหลบไปด้านข้าง กริชฟันปลาคู่หนึ่งในมือสลับไขว้กัน พุ่งรับเข้าไป

 

 

เสียงเสียดหูดังให้ได้ยิน เพราะกริชฟันปลากระแทกเข้าอย่างแรงกลับสิ่งของที่ไม่รู้ว่าเป็นอะไร ประกายสะเก็ดไฟออกมา ในเสี้ยววินาทีนั้นมั่วชิงเฉินสังเกตเห็นสิ่งที่ลอบโจมตีอย่างชัดเจน

 

 

นั่นเป็นภูติปีศาจที่มีรูปร่างเหมือนเสือ ภูติปีศาจตนนี้ขาวปลอดดุจหิมะไปทั้งร่าง มีเพียงกรงเล็บทั้งสี่ที่เป็นสีทอง และบนหน้าผากหวังมีคำว่า หวัง สีทองให้เห็น

 

 

ในตอนที่กระแทกเข้ากับกริชฟันปลา ก็คือกรงเล็บของเสือขาวตัวนี้นั่นเอง

 

 

เสือขาวพุ่งเข้าหาอีกครั้ง รวดเร็วเป็นอย่างมาก ทำให้ชั้นอากาศเกิดเป็นพายุหมุน

 

 

เคลื่อนเงาเลือนรางถูกนำออกมาใช้ มั่วชิงเฉินถอยหลังลงไป แต่ร่างกายเหมือนกระแทกเข้ากับกำแพงไร้รูปร่าง กระเด็นกลับมา

 

 

‘แย่แล้ว!’

 

 

ในเสี้ยววินาทีที่เกิดความหงุดหงิดก็ถูกความเงียบสงบเข้ามาแทนที่อย่างรวดเร็ว กริชฟันปลาในมือซ้ายรับกรงเล็บของเสือขาวไว้ กริชฟันปลาในมือขวาจู่ๆ ก็หายไป สิ่งที่เข้ามาทดแทนก็คือก้อนอิฐเป็นประกายแสงทองอันหนึ่ง

 

 

เป็นเสียงกระทบกระแทกกันของเนื้อกระดูกของกระดูกฟันปลาและกรงเล็บเสือขาว มั่วชิงเฉินสัมผัสได้ถึงไอความร้อนที่พ่นและพุ่งเข้ามา และยังมีกลิ่นคาวที่ผสมอยู่ในนั้น

 

 

เป็นไอลมหายใจที่เสือขาวพ่นออกมา มันอยู่ห่างจากตนเองไม่ถึงคืบ

 

 

การขัดขวางของกริชฟันปลาทำให้เสือขาวชะงักร่างไปครู่หนึ่ง ก้อนอิฐถูกโยนพุ่งเข้าไปตรงปากใหญ่ของเสือขาว

 

 

โฮก!

 

 

เสียงคำรามด้วยความโมโหดังออกมา เสือขาวเหมือนจะถูกการกระทำของมั่วชิงเฉินแหย่จนเสียอารมณ์ อ้าปากกว้างงับก้อนอิฐเอาไว้

 

 

เสียง ครืด คราดๆ  ดังให้ได้ยิน มั่วชิงเฉินเบิกตาโตขึ้นเล็กน้อย

 

 

‘มันกล้าคิดจะกัดก้อนอิฐให้แตก!’

 

 

กริชฟันปลาในมือซ้ายหายไปในทันใด นิ้วมือขยับเหมือนผีเสือที่บินร่อน ขยับไปมาไม่หยุด เคล็ดวิญญาณหลายสายหายเข้าไปในก้อนอิฐ “ขยาย!”

 

 

ก้อนอิฐเริ่มขยายใหญ่ขึ้น แต่ที่ทำให้มั่วชิงเฉินตกใจก็คือ ปากของหู่โถวตัวนั้นก็ขยายใหญ่ขึ้นไปพร้อมกัน จนถึงสุดท้ายก็เห็นแต่เพียงก้อนอิฐขนาดใหญ่ยักษ์อันหนึ่งถูกปากใหญ่กัดเอาไว้ แม้แต่ร่างของเสือขาวเองก็มองไม่เห็น

 

 

มั่วชิงเฉินแค่นหัวเราะเสียงเย็น จู่ๆ ก็ผ่อนมือลง

 

 

หู่โถวขยับลำคอ กลายเป็นว่ากลืนก้อนอิฐลงไป

 

 

เปาะแปะ เปาะแปะ

 

 

เพราะอ้าปากกว้างเป็นเวลานานเกินไป น้ำลายบางส่วนถึงได้ไหลหยดลงมาตามมุมปากของเสือขาว ตกลงมาบนพื้น กระแทกจนเกิดหลุมเล็ก พื้นดินกลายเป็นสีดำ

 

 

น้ำลายของเสือขาวแท้ที่จริงมีฤทธิ์กัดกร่อนอย่างรุนแรง

 

 

มั่วชิงเฉินไม่มีเวลามานึกคิดเสียใจ มือทั้งสองข้างกรีดร่างเคล็ดวิญญาณออกมาพร้อมกัน บริเวณที่ฝ่ามือทั้งสองสลับไขว้ไปมา จู่ๆ ก็มีลูกไฟลูกหนึ่งออกมาในทันใด

 

 

“ไป!” ปากของมั่วชิงเฉินตะโกนเสียงใส ลูกไฟหายวับเข้าไปในปากเสือขาวประหนึ่งดาวตก

 

 

เสือขาวคำรามคลั่ง ร่างกายกระโดดสูงพุ่งเข้าหามั่วชิงเฉิน

 

 

มั่วชิงเฉินยืนนิ่งไม่ขยับ น้ำเสียงเย็นชา “ขยาย!”

 

 

เห็นเสือขาวจู่ๆ ก็หยุดนิ่งไม่ขยับ บริเวณหน้าท้องเดี๋ยวขยายเดี๋ยวหดตัวไม่หยุด เหมือนว่าจะระเบิดออกมาได้ทุกเมื่อ

 

 

มั่วชิงเฉินยิงเคล็ดวิญญาณต่อไป เสือขาวเริ่มดิ้นรนพลิกไปมาบนพื้น ส่งเสียงร้องครางด้วยความเจ็บปวด

 

 

มั่วชิงเฉินแค่นเสียงเย็น คันธนูชิงอิ่นค่อยๆ ปรากฏออกมา จากนั้นก็ตั้งคันธนูง้างสาย ศรแหลมคมดอกหนึ่งถูกยิงออกไป

 

 

เสือขาวอ้าปากกว้าง พ่นเสาน้ำออกมาเสาหนึ่ง

 

 

ศรแหลมคมถูกเสาน้ำกั้นขวางเอาไว้ จากนั้นก็ลอยกลับมาข้างหลัง ตกลงบนพื้นด้วยความมืดสนิทไร้แสง

 

 

แววตามั่วชิงเฉินตึงเครียด ช่างเป็นฤทธิ์กัดกร่อนที่น่ากลัวนัก!

 

 

เหลือบตามองท้องของเสือขาวที่เดี๋ยวขยายเดี๋ยวหด มั่วชิงเฉินรู้สึกเป็นกังวล ก้อนอิฐที่อยู่ในท้องมันจะถูกกัดกร่อนจนกลายเป็นน้ำหรือไม่

 

 

นางกลับไม่รู้ว่าเสือขาวในตอนนี้ก็หงุดหงิดเป็นอย่างมาก ของเหลวในร่างกายของมันสามารถกัดกร่อนทุกสรรพสิ่ง ถึงได้กลืนกินของวิเศษของเด็กบ้านี้ลงไปด้วยความแค้นเคือง แต่เดิมคิดว่าจะสลายหายไปในเสี้ยววินาที แต่ใครจะรู้ว่าท้องจะเกิดอาการแปลกประหลาดขึ้นมา

 

 

‘หากไม่เป็นเช่นนี้ มันคงจะกลืนเจ้าเด็กบ้านี้ลงท้องไปนานแล้ว!’

 

 

มองดูสายตาเป็นประกายเย็นเยียบของเสือขาว ภายในนั้นมีความร้อนแรง และยังมีความเจ็บปวด

 

 

จู่ๆ แสงวิญญาณของมั่วชิงเฉินเป็นประกายกระพริบ รับรู้ว่าก้อนอิฐมีผลกระทบคุกคามกับมัน

 

 

ในตอนนั้นนางแค่นหัวเราะเสียงเย็น มือทั้งสองข้างขยับเร็วมากยิ่งขึ้น เคล็ดวิญญาณถูกยิงออกไปทีละสาย

 

 

การเปลี่ยนแปลงของท้องเสือขาวยิ่งเร็วขึ้นเรื่อยๆ มีบางครั้งที่ขยายใหญ่ผิดปกติ แล้วยังเต้นระริก

 

 

“ โฮกกก ”  เสียงร้องคำรามด้วยความเจ็บปวด   เสือขาวขดตัว   ปากใหญ่อ้ากว้างในฉับพลัน   ก้อนอิฐที่ส่องประกายแสงทองก้อนหนึ่งถูกสำรอกออกมา

 

 

มั่วชิงเฉินหรี่ตาลง ธนุเขียวซ่อนเร้นในมือถูกง้างออกอีกครั้ง ศรน้ำแข็งเหมันต์ถูกยิงออกไป

 

 

แต่ในเสี้ยววินาทีนั้นเองเสือขาวหมอบนอนอยู่กับที่ ตัวสั่นสะท้านในที่สุดก็กลายเป็นชายหนุ่มสวมชุดนักบวชสีขาวผู้หนึ่ง

 

 

เขาเงยหน้าขึ้น ใบหน้าน้อยใจขมวดมุ่นจนเหมือนซาลาเปา “ชิงเฉิน ข้าเจ็บจะตายแล้ว”

 

 

จิตใจกระตุกสั่นไหว ศรน้ำแข็งเหมันต์ที่จิตใจสื่อถึงกับมั่วชิงเฉินเฉียดเป้าไปในทันใด หัวศรปักไปบนพื้นข้างกายหู่โถว

 

 

“หู่โถว เป็นเจ้าได้อย่างไร” มั่วชิงเฉินพุ่งเข้าไปหา เพราะความเร็วที่เร็วเกินไปทำให้ชายเสื้อสีเขียวสะบัดพัดไม่หยุด

 

 

หู่โถวแสดงสีหน้าน่าสงสารออกมา “ชิงเฉิน เจ้าเป็นอะไรไป พอเห็นหน้าข้าก็แค้นจนคิดจะฆ่าข้าให้ตายหรือไร”

 

 

ปลายนิ้วของมั่วชิงเฉินที่เย็นเล็กน้อยจับข้อศอกของหู่โถวเอาไว้ หู่โถวส่งยิ้มมาให้

 

 

แต่หลังจากนั้นเสียงหัวเราะที่ไร้เสียงก็กลายเป็นเสียงร้องเวทนา

 

 

เห็นว่ามั่วชิงเฉินวาดข้อศอกเป็นวงกลม ก้อนอิฐพุ่งเข้าไปบนใบหน้าหู่โถวเข้าเต็มแรง ปากก็ด่าว่า “ให้เจ้าปลอมตัวเป็นหู่โถวๆ ข้าจะเอาเจ้าให้ตาย!”

 

 

หู่โถวถูกตีจนตะลึง หัวสมองงุนงงจนหลบเลี่ยงไม่ทัน

 

 

ก้อนอิฐเหมือนสายฝนตกลงบนใบหน้า ไม่นานใบหน้านั้นก็กลายเป็นเลือดไหลนอง

 

 

มั่วชิงเฉินไม่รู้สึกอะไร มือข้างหนึ่งกดหู่โถวเอาไว้ไม่ให้ขยับ มืออีกข้างชูขึ้นเต็มกำลังก้อนอิฐเริ่มปะทะเข้ากับร่างของเขา

 

 

ในที่สุดเสียงร้องคำรม ร่างของหู่โถวที่ถูกก้อนอิฐตีจนอ่อนแรงเละเทะเหมือนโคลนประกายแสงขาว กลายเป็นเสือขาวตัวหนึ่ง

 

 

มั่วชิงเฉินสีหน้าตึงเครียด ถือก้อนอิฐตีต่อไป ไม่รู้ว่าตีไปกี่ครั้งได้ยินเสียงฟุบไปกับพื้น เสือขาวเหมือนลูกโป่งที่ถูกทิ่มเอาลมออก นอนพับหมดเรี่ยวไปกับพื้น กลายเป็นผิวหนังบางราบไปกับพื้น ของเหลวชนิดหนึ่งไหลออกมา

 

 

มั่วชิงเฉินที่คาดคะเนเอาไว้อยู่แล้วลอยตัวขึ้นสูง หลบหลีกของเหลวที่มีฤทธิ์สูงในการกัดกร่อนเหล่านั้น

 

 

จากนั้นก็ร่อนตัวลงอย่างแคล่วคล่อง ปรายตามองหนังเสือที่อ่อนแรงแนบไปกับพื้น หันกลับมาแล้วเดินจากไป

 

 

นี่เป็นภูติปีศาจประเภทใดกัน ถึงกับสามารถกลายเป็นมนุษย์ได้ แต่น่าเสียดายที่ตบะเต๋ายังขาดแคลนไปเสียหน่อย ลืมที่จะลอกเลียนแววตาให้เหมือนด้วย

 

 

แต่พอเดินไปสองก้าว จู่ๆ มั่วชิงเฉินก็ได้ยินเสียงเคลื่อนไหว มีเสียงลอยมา

 

 

“ศิษย์พี่!” เป็นเสียงร้องด้วยความดีใจของหญิงสาว

 

 

สีหน้าของมั่วชิงเฉินเปลี่ยนไปในทันใด เสียงนั่นกลับเป็นเสียงของนางเอง!

 

 

แทบจะในเสี้ยววินาที นางคิดถึงความเป็นไปได้หนึ่ง  จะต้องเป็นภูติปีศาจนั้นที่ปลอมแปลงเป็นตนเองอย่างแน่นอน คิดจะหลอกลวงศิษย์พี่ลั่วหยาง!

 

 

แทบจะไม่ลังเล นางเร่งความเร็วพุ่งเข้าไปข้างหน้า แรงกีดขวางกระแสหนึ่งลอยมา ขาดูเหมือนจะเหยียบโดนพื้นที่แปลกประหลาด ภาพเหตุการณ์เริ่มเปลี่ยนแปลงกะทันหัน

 

 

รอบกายสว่างจ้า หญิงสาวชุดเขียวผู้หนึ่งวิ่งไปหาชายหนุ่มที่ยืนอยู่ไม่ไกล

 

 

ลมบางพัดเส้นผมของนางปรากฏให้เห็นรอยยิ้มที่สวยงาม

 

 

“ศิษย์พี่ นางเป็นตัวปลอม!” มั่วชิงเฉินตะโกนร้องเสียงดัง วิ่งไปหาเยี่ยเทียนหยวนเช่นเดียวกัน

 

 

“พวกเจ้าหยุดให้หมด!” เสียงเย็นชาของเยี่ยเทียนหยวนดังขึ้นมา แต่ในสายตาของเขากลับมีความกระวนกระวาย พิจารณามองหญิงสาวทั้งสองคนที่มีหน้าตาเหมือนกันตรงหน้า

 

 

“ศิษย์พี่ นางถึงเป็นตัวปลอม!”

 

 

มั่วชิงเฉินอีกคนก็พูดเช่นเดียวกัน ท่าทางการกระทำล้วนเหมือนกับมั่วชิงเฉินไม่มีผิดแผก

 

 

ในใจมั่วชิงเฉินรู้สึกหนาวเหน็บ ภูติปีศาจตนนี้ไม่รู้ว่าอยู่ขั้นสูงกว่าภูติปีศาจตัวเมื่อครู่ไม่รู้เท่าไร ดูจากท่าทางการกระทำแล้วกลับเหมือนกับตนเองไม่มีผิดเลยแม้แต่น้อย

 

 

“พวกเจ้าสองคน ไม่ต้องเข้ามาใกล้” เยี่ยเทียนหยวนพูดเสียงเย็น

 

 

แต่มั่วชิงเฉินฟังออก น้ำเสียงเย็นชาของเยี่ยเทียนหยวนแฝงความร้อนใจและเป็นห่วงเอาไว้

 

 

มั่วชิงเฉินนิ่งเงียบ มั่วชิงเฉินอีกคนก็นิ่งเงียบเช่นเดียวกัน

 

 

สายตาของเยี่ยเทียนหยวนทอดมองมาทางนั้น จากนั้นก็หันมาทอดมองทางนี้ ในดวงตาแฝงความพ่ายแพ้เอาไว้ เขาแยกไม่ออกจริงๆ!

 

 

มั่วชิงเฉินถอนหายใจ นางไม่โทษศิษย์พี่ที่แยกไม่ออก ต่อให้เป็นตัวนางเอง ต้องมาเผชิญหน้ากลับภูติปีศาจที่ปลอมแปลงเป็นตนเองก็เหมือนกับส่องกระจกอย่างไรอย่างนั้น

 

 

ใครจะรู้ว่ามั่วชิงเฉินอีกคนถอนหายใจออกมาเช่นเดียวกัน แม้แต่เวลาก็ยังยากจะบอกได้ว่าใครก่อนหรือหลัง

 

 

เยี่ยเทียนหยวนตะลึงงัน

 

 

มั่วชิงเฉินเองก็ตะลึงงันไปเช่นกัน นางเหมือนกับกำลังส่องกระจกอยู่ มองดูตนเองที่กำลังนิ่งอึ้งอีกร่างหนึ่ง

 

 

ไม่อาจฝืนเกร็งเช่นนี้ต่อไปได้ ใครจะรู้ว่าภูติปีศาจตนนี้แอบซ่อนลูกเล่นอะไรไว้อีกหรือไม่ อาจจะลงมือฆ่าเมื่อไรก็ได้

 

 

มั่วชิงเฉินกัดฟันแน่น ทุ่มออกไปสุดตัว “ศิษย์พี่ ยังจำการพบกันครั้งแรกของพวกเราได้หรือไม่ ตอนนั้นท่าน…”

 

 

“ท่านกำลังอาบน้ำ ถูกข้าไม่ตั้งใจไปบังเอิญพบเข้า ท่านเกือบจะฆ่าข้า…” เสียงหวานใสของอีกคนก็ลอยออกมาเช่นเดียวกัน

 

 

มั่วชิงเฉินถลึงตาโตเหมือนเห็นผี

 

 

นี่…นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ นางรู้เรื่องเหล่านี้ได้อย่างไร!

 

 

แต่มั่วชิงเฉินอีกคนหนึ่งก็แสดงท่าทีตกใจให้เห็นเช่นเดียวกัน ชี้ไปยังมั่วชิงเฉินพูดว่า “เรื่องของข้าและท่านพี่ เจ้ารู้ได้อย่างไร”

 

 

“นายท่าน ให้ข้าออกไป ตัวข้าจะกรีดหน้านางให้เละ!” อีกาไฟที่อยู่ในถุงเก็บสัตว์วิญญาณพุ่งชนไปมาด้วยความโมโห

 

 

มั่วชิงเฉินใช้กระแสจิตเอ่ยเตือน “อู๋เย่ว์ เจ้าอย่าเพิ่งทำอะไรนาง ก่อนที่จะแยกนางกับข้าได้อย่างชัดเจน ศิษย์พี่ไม่มีทางให้เจ้าลงมือเป็นแน่ เจ้าปรากฏตัวให้เห็นก็พอ”

 

 

อีกาไฟพุ่งออกมา สะบัดปีกพูดว่า “ลั่วหยางเจินเหริน ท่านตาบอดหรือ แม้แต่นายท่านก็ยังแยกไม่ออก…”

 

 

พูดถึงตรงนี้ก็ต้องหยุดลงกะทันหัน เห็นว่ามีอีกาไฟที่เหมือนกับตนเองอย่างกับแกะไม่รู้ว่าออกมาจากที่ใด ยืนอยู่บนไหล่ของมั่วชิงเฉินอีกคนหนึ่ง ปีกเท้าเอวด่าว่า “ลั่วหยางเจินเหริน ท่านตาบอดหรือ แม้แต่ภรรยาตนเองก็ยังแยกไม่ออก!”

 

 

ครั้งนี้มั่วชิงเฉินรู้สึกแล้วจริงๆ ว่าทั้งร่างกายหนาวเหน็บ นางเหมือนว่าจะพบเจอกับศัตรูที่รับมือยากที่สุดในประวัติการณ์!

 

 

ในเวลานี้เองจู่ๆ เยี่ยเทียนหยวนก็เอ่ยปากขึ้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด