พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1007 คนเดียวที่ไม่เป็นอะไร

Now you are reading พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า Chapter 1007 คนเดียวที่ไม่เป็นอะไร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
บทที่ 1007 คนเดียวที่ไม่เป็นอะไร

“พี่เซี่ยโห้ว ทุกคนเคยเป็นเพื่อนร่วมงานกัน ท่านฟังข้าพูด…”

“พูดบ้าอะไรเล่า! พี่เพ่ออะไร? เจ้าคู่ควรเหรอ? นางแพศยาที่ถอดกระโปรงให้เฉาว่านเสียงเพื่อแลกตำแหน่งขุนนาง ยามปกติเสแสร้งทำตัวบริสุทธิ์สูงส่งต่อหน้าคนอื่นก็ว่าแย่แล้ว จะมาเสแสร้งต่อหน้าข้าทำบ้าอะไร ไสหัวไป!” พอเซี่ยโห้วหลงเฉิงโบกท่อนแขนใหญ่ๆ ก็ดันจนมู่หรงซิงหัวที่กำลังหน้าซีดโซเซไปด้านข้าง

ความปากไวใจถึงของเซี่ยโห้วหลงเฉิงทำให้คนรอบข้างหลุดขำออกมา แต่ละคนมองสำรวจมู่หรงซิงตั้งแต่ศีรษะจดเท้าด้วยแววตาแปลกๆ

ในตอนนี้เอง สายตาที่มู่หรงซิงหัวมองเซี่ยโห้วหลงเฉิงก็เรียกได้ว่าอาฆาตแค้น

“นี่! หยางไท่ เจ้าก็กล้ามาขวางข้าเหมือนกันเหรอ? เรื่องสกปรกโสมมของเจ้ากับเมียของเฉาว่านเสียงที่เป็นแม่บุญธรรมของเจ้าน่ะ อย่านึกว่าข้าไม่รู้นะ อยากจะให้ข้าเปิดโปงมั้ยล่ะ?” เซี่ยโห้วหลงเฉิงหัวเราะเสียงประหลาด

จะถามทำไมว่าอยากให้เปิดโปงมั้ย แบบนี้ต่างอะไรกับการเปิดโปงออกมาแล้ว เป็นเพราะเจ้าไม่ได้ทำงานที่ดาวเทียนหยวนแล้ว ก็เลยกล้าพูดทุกอย่างออกมา ไม่ได้เกรงกลัวอะไรเลยสักนิด

หยางไท่ก็หน้าซีดแล้วเหมือนกัน เขาไม่อยากจะขัดขวางเซี่ยโห้วหลงเฉิงเลย แต่บังเอิญโชคร้ายยืนอยู่ข้างหลังมู่หรงซิง พอมู่หรงซิงหัวโดนผลักออกไป เขาจึงได้รับหน้าพอดี ยังไม่ทันได้หลีกทางให้ ก็โดนปากที่ไม่มีหูรูดของเซี่ยโห้วหลงเฉิงเล่นงาน ในใจเกิดความอาฆาต อยากจะใช้ดาวฟันเซี่ยโห้วหลงเฉิงให้ตาย!

เจิ้งหรูหลงอ้าปากค้างมองหยางไท่ นึกไม่ถึงว่าหยางไท่จะเป็นแบบนั้นเหมือนกัน จากนั้นก็หันไปมองเหมียวอี้กับสวีถังหรานอีก เจ้าสองคนนี้คงไม่เป็นแบบนั้นเหมือนกันหรอกใช่มั้ย? ในใจแอบตื่นตระหนก มารดาเจ้าเถอะ นี่ข้ากำลังมารวมตัวอยู่กับคนประเภทไหนกันเนี่ย!

เขาไม่ลองคิดดูบ้างล่ะ ว่าตลาดสวรรค์เป็นสถานที่ที่มีทรัพยากรอุดมสมบูรณ์ ถ้าไม่ได้มีเส้นสายพิเศษ จะมีสักกี่คนที่ได้นั่งตำแหน่งผู้บัญชาการ

คนรอบข้างแอบชำเลืองมองมาทางนี้อยากรู้สึกขำขันพักหนึ่ง และแปลกใจเช่นกันว่าคนไร้ระเบียบพวกนี้มารวมตัวกันได้อย่างไร?

แน่นอน ความสัมพันธ์ระหว่างชายหญิงเป็นสิ่งที่ยุ่งเหยิงมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว คนที่อยู่รอบข้างอาจจะไม่ใช่คนดีอะไรเหมือนกัน การที่ไต่เต้ามาจนถึงตำแหน่งผู้บัญชาการได้ คนที่เป็นแบบมู่หรงซิงหัวก็มีไม่น้อยเหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่นเหมียวอี้ เจ้าตัวก็ไม่ได้ดีสักเท่าไร ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหวงฝู่จวินโหรวก็พูดยาก คนแบบเหมียวอี้ไม่มีสิทธิ์ไปหัวเราะเยาะคนอื่น แน่นอนอยู่แล้ว ทุกคนแค่แปลกใจว่าทำไมคนแบบนี้จึงมารวมตัวกันได้

คนที่ไม่รู้จักเซี่ยโห้วหลงเฉิงก็ยิ่งสงสัยว่าเจ้าบ้านี่เป็นใคร ทำไมพอมาถึงก็ล่วงเกินในจุดที่อ่อนไหวทันที เปิดโปงความลับแบบนี้ต่อหน้าฝูงชน เป็นการผูกเงื่อนตายให้ความแค้นชัดๆ! ไม่เห็นเหรอว่าสองคนที๋โดนเปิดโปงกำลังมองเขาด้วยสายตาอย่างไร เหมือนอยากจะกรีดเนื้อทั้งเป็นๆ!

เหมียวอี้แอบปาดเหงื่อในใจ ไอ้หมีควายนี่บ้าบิ่นจริงๆ! ช่างเป็นเรื่องแปลกที่สามารถรอดชีวิตมาได้จนถึงทุกวันนี้ โชคดีที่มีคนใหญ่คนโตหนุนหลัง ไม่อย่างนั้นคงโดนคนอื่นเอาดาบเฉือนร่างไปตั้งนานแล้ว!

หยางไท่เม้มฝีปากพลางหลีกทางให้ นี่คือความอัปยศอันใหญ่หลวงจริงๆ!

เจิ้งหรูหลงก็รีบหลีกทางให้เช่นกัน อย่าไปยั่วโมโหหมาบ้าจะดีกว่า ยังไม่แน่ใจว่าระหว่างคนพวกนี้มีบุญคุณความแค้นอะไรต่อกัน ไม่จำเป็นต้องเข้าไปร่วมวงโดยไร้เหตุผล

เหมียวอี้สำนึกได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องรอให้เซี่ยโห้วหลงเฉิงพูดเร่ง เขาเองก็อยากจะหลีกทางให้อยู่แล้ว แต่ใครจะคิดว่าเซี่ยโห้วหลงเฉิงกลับคว้าคอเสื้อของเขาเอาไว้

ทั้งสองเผชิญหน้ากัน ดวงตาทั้งสี่สบประสาน เหมียวอี้มองเขาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แต่ในใจเกิดเจตนาสังหารแล้ว!

เขาไม่ใช่พวกมู่หรงซิงหัวที่ไต่เต้าขึ้นมาได้ด้วยวิธีการของตำหนักสวรรค์ ที่เขามีวันนี้ได้เพราะเอาชีวิตแลกมาแทบจะทุกครั้ง ถ้าทนได้ก็ทน แต่ถ้าทนไม่ได้ก็ต้องตายกันไปข้าง!

เขากำลังโคจรเคล็ดวิชาอัคนีดารา เปลวเพลิงไร้รูปร่างเตรียมจะปล่อยออกจากฝ่ามือ ถ้าซี่ยโห้วหลงเฉิงกล้าแตะต้องเขา เขาก็ไม่ถือสาที่จะทำให้เซี่ยโห้วหลงเฉิงตาย ไม่ถือสาที่จะทำเรื่องราวให้ใหญ่โต! อยู่ใกล้กันขนาดนี้ ถ้าเขาลงมือขึ้นมา เซี่ยโห้วหลงเฉิงก็ยากที่จะรอด!

ความคิดนี้แวบเข้ามาในหัวเขา เขาตัดสินใจแล้วอย่างรวดเร็ว!

เรื่องราวชัดเจนมากแล้ว หวงฝู่จวินโหรวบอกข้อมูลเขามากกว่าสิ่งที่พวกมู่หรงซิงหัวรู้ ตระกูลเซี่ยโห้วไม่มีอำนาจตัดสินใจเมื่ออยู่ที่นี่ มีคนจากหลายตระกูลมาเข้าร่วม คนมากมายขนาดนี้กำลังมองอยู่ เขาไม่เชื่อหรอกว่าจะไม่มีใครเป็นพยานเลยว่าเขาทำไปเพื่อป้องกันตัว

“เฮอะ!” แต่สิ่งที่เหนือความคาดหมายก็คือ เซี่ยโห้วหลงเฉิงที่สบตากับเขาพักหนึ่งได้แค่พ่นเสียงทางจมูก แล้วผลักให้เขาหลีกไปด้านข้าง จากนั้นก็ยิ้มอย่างชั่วร้ายให้สวีถังหรานที่กำลังหน้าซีดแต่พยายามฝืนยิ้ม สวีถังหรานหลบไปอยู่ข้างหลังกลุ่มคนโดยสัญชาตญาณ

พบหลบมาถึงข้างกายเหมียวอี้ เขาก็แปลกใจนิดหน่อย นึกไม่ถึงว่าเซี่ยโห้วหลงเฉิงจะไม่กลั่นแกล้งให้เหมียวอี้ลำบาก แถมยังไม่พ่นคำพูดร้ายๆ ใส่สักคำ

เหมียวอี้หยุดโคจรเคล็ดวิชาอัคนีดาราเงียบๆ หรือพูดได้อีกอย่างว่า การที่เซี่ยโห้วหลงเฉิงอดทนไม่ถือสา เท่ากับเป็นการช่วยชีวิตตัวเองเหมือนกัน แม้แต่เหมียวอี้ก็ยังแอบคิดว่าเจ้าคนประหลาดนี่ช่างดวงแข็ง!

แน่นอน เหมียวอี้เองก็โล่งใจเหมือนกัน ถ้าต้องฆ่าเซี่ยโห้วหลงเฉิงจริงๆ เขาเองก็จะลำบากไปด้วย ระหว่างเขากับเซี่ยโห้วหลงเฉิง บอกได้เพียงว่าต่างคนต่างรอดหายนะด้วยกันทั้งคู่!

“สวีถังหราน เจ้าจะหลบไปไหน!” เซี่ยโห้วหลงเฉิงยิ้มเจ้าเล่ห์ชั่วร้าย

สำหรับสวีถังหรานแล้ว รอยยิ้มแบบนั้นของเขาช่างน่ากลัวจริงๆ อ้าปากแล้วดูดุร้ายเหมือนฉลาม เขากลืนน้ำลายแล้วบอกว่า “พี่เซี่ยโห้ว เรื่องในปีนั้นข้าไม่ได้เต็มใจ ยากจะขัดคำสั่งเบื้องบนได้!”

“ขัดคำสั่งแม่เจ้าสิ!” เซี่ยโห้วหลงเฉิงโบกแขนตบบ้องหูอย่างแรง เสียงตบดังสนั่นหวั่นไว ตบจนสวีถังหรานเบือดพุ่งออกจมูก ทั้งฟันทั้งเลือดกระเด็นออกมาพร้อมกัน ทำให้เจ้าตัวล้มคาที่

สวีถังหรานที่ล้มอยู่บนพื้นโดนตบจนมึนศีรษะตาลาย เขาพยายามออกแรงส่ายหน้า แต่ขณะกำลังโซเซลุกขึ้นมา ก็โดนเซี่ยโห้วหลงเฉิงก็เตะเข้าไปอีกทีจนล้มคะมำ เขาโดนเท้าข้างหนึ่งเหยียบติดตรึงกับพื้น ปลายเท้าข้างนั้นออกแรงบิดตรงหน้าอกของเขา พลางแสยะยิ้มไม่หยุด “ชาติสุนัข ใจกล้าไม่เบา บังอาจมาลงมือกับข้า วันนี้ข้าจะทำให้เขานึกเสียใจที่ลงมาเกิดผิดที่!”

ถ้าใช้พลังอิทธิฤทธิ์ปะทะกัน สวีถังหรานไม่มีทางสู้เขาได้เลย เรียกได้ว่าเหยียบจนกระดิกกระเดี้ยลำบาก ที่ปากมีเลือดสกทะลักออกมาไม่หยุด

“หยุดนะ!” จู่ๆ ก็มีเสียงตวาดแหลมเล็กดังขึ้น เงาคนคนหนึ่งถลันเข้ามา ใช้ข้อศอกกระแทกใต้ชายโครงของเซี่ยโห้วหลงเฉิง กระแทกจนเซี่ยโห้วหลงเฉิงโซเซไปหลายก้าว

พอยืนได้อย่างมั่นคงแล้ว เซี่ยโห้วหลงเฉิงก็ตะคอกอย่างเกรี้ยวกราดว่า “โค่วเหวินชิง เจ้ากล้าลงมือกับข้าเหรอ?”

ผู้ที่มาเป็นสตรี รูปร่างสูงสะโอดสะอง บุคลิกงดงามมีเสน่ห์ สวมชุดกระโปรงสีเขียวครามเหมือนกับชื่อของนาง

สายตาของพวกเหมียวอี้ไปรวมอยู่ที่ตัวของผู้หญิงคนนี้อย่างรวดเร็ว แค่ได้ยินชื่อก็พอจะเดาได้ว่าโค่วเหวินชิงกับโค่วเหวินหลานมีความเกี่ยวข้องอะไรกัน โค่วเหวินหลานติดที่บุคลิกตุ้งติ้งไปหน่อย แต่หน้าตายังนับว่าไม่เลว ผู้หญิงคนนี้กับโค่วเหวินหลานหน้าตาคล้ายกันหลายส่วน ยิ่งเป็นเครื่องพิสูจน์ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสอง

“เซี่ยโห้วหลงเฉิง คนที่นี่ล้วนผ่านการอนุมัติจากราชันสวรรค์จึงมาที่นี่ เจ้ากำลังใช้อำนาจส่วนรวมล้างแค้นเรื่องส่วนตัว หรือว่ากำลังดูหมิ่นราชันสวรรค์?” โค่วเหวินชิงถาม

“…” เมื่ออ้างอำนาจใหญ่โตขนาดนี้มาขู่ ก็ทำให้เซี่ยโห้วหลงเฉิงกดดันจนอ้าปากค้าง ในดวงตาถึงขนาดฉายแววหวาดกลัว คาดว่าคงนึกออกถึงผลลัพธ์ของการดูหมิ่นราชันสวรรค์ต่อหน้าฝูงชน หลังจากทำเสียงฮึดฮัดนิดหน่อย ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะสะบัดแขนเสื้อเลี้ยวเดินออกไป ไม่กล้าทำตัวกำเริบเสิบสานอีก

ตอนนี้เหมียวอี้ถึงได้รีบก้าวเข้ามาประคองสวีถังหรานที่กำลังทำสีหน้าเศร้าสลด

ส่วนโค่วเหวินชิงก็กวาดสายตามองคนที่อยู่ในเหตุการณ์ พร้อมถามเสียงเรียบ “สวีถังหราน หนิวโหย่วเต๋อ หยางไท่กับมู่หรงซิงหัว คือพวกเจ้าใช่มั้ย?”

เมื่อกล่าวถามแบบนี้ พวกเหมียวอี้ก็เข้าใจแล้ว นี่คือคนที่โค่วเหวินหลานส่งมาดูแลพวกเขา

“สวีถังหรานขอบคุณที่ท่านขุนนางช่วยชีวิตไว้!” สวีถังหรานกุมหมัดขอบคุณในขณะที่เลือดไหลออกจากมุมปาก ใบหน้าสื่อแววเศร้าสลด แต่กลับขอบคุณจากใจจริง ถ้าอีกฝ่ายมาช้ากว่านี้นิดเดียว เกรงว่าเขาคงจะไม่รอดชีวิตแล้ว

ส่วนเหมียวอี้และคนที่เหลือก็กุมหมัดคารวะพร้อมรายงานชื่อแซ่ แสดงตัวให้รู้ว่าเป็นพวกเขา! ยกเว้นแค่เจิ้งหรูหลงที่อยู่ข้างๆ เห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้อยู่ในขอบเขตการดูแลของโค่วเหวินชิง

โค่วเหวินชิงจดจำพวกเขาเอาไว้ ท่าทีไม่ห่างเกินแต่ก็ไม่สนิท นางเปลี่ยนเป็นใช้การถ่ายทอดเสียงคุยกับพวกเขา “เหลือเวลาอีกหลายวันกว่าจะออกเดินทางอย่างเป็นทางการ ถ้าเกิดเรื่องอะไรอีกก็ใช้ระฆังดาราติดต่อกับโค่วเหวินหลานทันที โค่วเหวินหลานจะติดต่อข้า ข้าย่อมมาได้ทันเวลา”

“รับทราบ!” ทุกคนเอ่ยรับ

ไม่ได้พูดอะไรมากอีก โค่วเหวินชิงหันตัวจากไปแล้ว

บรรดาคนรอบข้างที่มามุงดูเอาสนุก ส่วนใหญ่กำลังหัวเราะเยาะ สายตาย้ายไปย้ายมาระหว่างมู่หรงซิงหัวกับหยางไท่ ทำเอาทั้งสองที่โดนเปิดโปงเรื่องน่าอับอายรู้สึกอึดอัดมาก

“ไป!” มู่หรงซิงหัวถ่ายทอดเสียงสั่งเงียบๆ นำทุกคนเดินออกไปท่ามกลางสายตาเยาะเย้ยของกลุ่มคน ไม่ไปไม่ได้จริงๆ ต่อให้หน้าหนาขนาดไหนก็ไม่มีทางอยู่ท่ามกลางสายตาเยาะเย้ยต่อไปได้

พวกเขาแทบจะเดินตัดทะลุทั้งสวนขนาดใหญ่ จากฝั่งนี้ไปถึงฝั่งนั้น นั่งพักที่ข้างมุมกำแพงอีกฝั่งของสวน ทั้งหมดของข้างเงียบงัน

หลังจากเยียวยารักษาตัวเองเสร็จ สวีถังหรานก็เอามือเช็ดรอยเลือดที่มุมปากจนสะอาด จากนั้นมองเหมียวอี้ที่นั่งขัดสมาธิอยู่ข้างๆ “น้องหนิว ทำไมไอ้หมีควายนั่นปล่อยเจ้าไป แล้วกลับพุ่งเป้ามาที่ข้าคนเดียว?” เขายังคิดจะหลบหลังเหมียวอี้เพื่อให้เหมียวอี้เจอเคราะห์ร้ายก่อน

เรื่องนี้มู่หรงซิงหัวกับหยางไท่ก็แปลกใจเช่นกัน สี่คนที่มาจากตลาดสวรรค์ ทั้งสามเรียกได้ว่าโดนเซี่ยโห้วหลงเฉิงทำให้อับอายกันถ้วนหน้า มีเพียงเหมียวอี้ที่ยังอยู่ดีปลอดภัย แบบนี้ไม่ค่อยมีเหตุผลสักเท่าไร ทุกคนต่างก็รู้ถึงความแค้นระหว่างเหมียวอี้กับเซี่ยโห้วหลงเฉิง ไม่น่าเชื่อว่าคนเจ้าคิดเจ้าแค้นแบบนั้นจะปล่อยเขาไปได้ แปลกประหลาดจริงๆ!

เหมียวอี้ตอบเอาตัวรอดว่า “ตอนอยู่ที่ยอดเขาโอนเอน ใครใช้ให้เจ้าซ้ำเติมเขาล่ะ แค่เจ้าซ้อมเขาก็ว่าแย่แล้ว ทั้งยังซ้อมหนักปางตายอีกด้วย แต่ข้าไม่ได้แตะต้องเขาแม้แต่ปลายนิ้ว ถ้าเขาไม่พุ่งเป้าไปที่เจ้า แล้วจะให้พุ่งเป้าไปที่ใคร?” เหมียวอี้ย่อมไม่พูดเรื่องที่ตัวเองโยนสมุนไพรเซียนให้เซี่ยโห้วหลงเฉิง ตอนนี้นับว่าเข้าใจท่าทีของเซี่ยโห้วหลงเฉิงอย่างถ่องแท้ ก่อนหน้านี้ตีสนิทไปก็ไม่มีประโยชน์ เจ้าบ้านั่นนับเป็นประเภทคนระยำต่ำช้า ไม่มีเหตุผลอะไรทั้งนั้น ในทางกลับกัน พอแอบโยนสมุนไพรเซียนซิงหัวให้ต้นเดียวยามหน้าสิ่วหน้าขวาน กลับได้ผลย่างน่าอัศจรรย์ ตอนนี้เขาแอบรู้สึกโชคดีที่ตอนนั้นตัวเองทำแบบนั้น

พอพูดถึงเรื่องนี้ สวีถังหรานก็โมโหจนอยากกระอักเลือด ตอนนั้นหนิวโหย่วเต๋อเจ้าเล่ห์เกินไป เขาไม่ได้อยากซ้อมเซี่ยโห้วหลงเฉิงเสียหน่อย! แต่กว่าเขาจะรู้ตัว หนิวโหย่วเต๋อก็หนีไปแล้ว ทั้งยังหาเหตุผลที่ฟังดูดีเพื่อปลีกตัวเองออกไปด้วย ทิ้งเขาไว้ฟังคำสั่งอยู่ข้างๆ โค่วเหวินหลาน ภายใต้การบีบบังคับของโค่วเหวินหลาน เขาจะไม่ซ้อมก็ไม่ได้!

มู่หรงซิงหัวได้ยินแล้วถามว่า “สวีถังหราน เซี่ยโห้วหลงเฉิงไม่ได้ใส่ร้ายเจ้า แต่เจ้าซ้อมเขาจริงๆ เหรอ?”

หยางไท่ก็มองมาอย่างงุนงงเช่นกัน เหมือนรู้สึกเหลือเชื่อนิดหน่อย

“เจ้าคิดว่าข้าอยากซ้อมเขาหรือไง? ผู้บัญชาการใหญ่ออกคำสั่ง ข้าไม่กล้าจัดคำสั่งหรอก! ไอ้หมีควายนั่นคงเพ่งเล็งข้าไปทั้งชีวิตแล้ว!” สวีถังหรานกล่าวด้วยสีหน้าเศร้าวังเวง

“เซี่ยโห้วหลงเฉิงนี่เป็นใครกันแน่ ทำไมกล้ากำเริบเสิบสานขนาดนี้?” เจิ้งหรูหลงสงสัย

สวีถังหรานตอบว่า “คนของตระกูลเซี่ยโห้ว ราชินีสวรรค์คืออาหญิงแท้ๆ ของเขา!” เขาต้องพิสูจน์ว่าการที่ตัวเองไม่กล้าโต้ตอบไม่ใช่เพราะตัวเองไร้ความความสามารถ แต่เป็นเพราะอีกฝ่ายมีคนหนุนหลังใหญ่เกินไป

เจิ้งหรูหลงได้ยินแล้วสูดหายใจอย่างตกตะลึง สำหรับเขาแล้ว นี่คือภูมิหลังที่สูงเกินจินตนาการ นี่มันสูงส่งทะลุฟ้าแล้ว เขากล่าวอย่างตกตะลึงทันที “พี่สวี เจ้าไม่ได้โดนซ้อมอย่างไร้ความยุติธรรมหรอก เจ้ากล้าลงมือแม้กระทั่งหลานชายแท้ๆ ของราชินีสวรรค์ ต่อให้อีกฝ่ายซ้อมเจ้าจนตาย เจ้าก็ไม่มีสิทธิ์โมโห!”

สวีถังหรานเพียงถอนหายใจ

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด