พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1081 ประมุขชิง

Now you are reading พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า Chapter 1081 ประมุขชิง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
บทที่ 1081 ประมุขชิง

ผู้หญิงคนอื่นๆ ในทุ่งนาเพียงทยอยกันหันหน้ามามองทางนี้แวบหนึ่ง และยังคงทำงานของตัวเองต่อไป

พอผู้ชายที่แบกจอบกับผู้หญิงที่ถือตะกร้าก้าวเข้ามาในป่าผืนเล็ก เกาก้วน เทียนหยวนก็กุมหมัดคารวะพร้อมกัน “ฝ่าบาท พระนาง!”

ชายหญิงคู่นี้หน้าตาไม่นับว่าโดดเด่น เพียงแต่สง่าราศีที่ดูสูงส่งกลับไม่ใช่สิ่งที่เครื่องแต่งกายธรรมดาจะบดบังได้ โดยเฉพาะผู้ชาย ลักษณะพลังที่ฉายในดวงตาให้ความรู้สึกเหมือนมองสรรพสิ่งในใต้หล้าราวกับมด มองทุกสิ่งข้างกายราวกับเป็นหมอกควันที่ผ่านตาไป

ชายหญิงที่ดูเหมือนหน้าตาธรรมดาคู่นี้ สามารถถูกเกาก้วนและเทียนหยวนเรียกว่าฝ่าบาทกับพระนางได้ นอกจากคู่หงส์มังกรของตำหนักสวรรค์ก็ไม่มีใครแล้ว เป็นราชันสวรรค์กับราชินีสวรรค์นั่นเอง หรือเรียกอีกชื่อว่าประมุขชิงกับเซี่ยโห้วเฉิงอวี่

ถ้าเป็นคนที่ไม่รู้จักพวกเขา เมื่อได้พบก็ยากที่จะเชื่อว่านี่คือตัวตนที่แท้จริงของพวกเขา โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในภาพนี้ฉากนี้

ประมุขชิงที่สายตามองตรงเดินผ่ากลางเกาก้วนกับเทียนหยวนที่หลีกทางให้

กลับเป็นราชินีสวรรค์เซี่ยโห้วที่ยิ้มบางๆ พร้อมกล่าวทักทายขณะที่เดินผ่ากลางทั้งสอง  “ทูตขวาเกา ท่านโหวเทียนหยวนมาแล้วเหรอ”

“ขอรับ!” ทั้งสองกุมหมัดคารวะอีกครั้ง แสดงความเคารพนับถือ

ในป่าจัดวางโต๊ะและเก้าอี้ไม้ธรรมดาเอาไว้ชุดหนึ่ง เรียบง่ายจนไม่รู้จะเรียบง่ายอย่างไรแล้ว

ประมุขชิงวางจอบลงบนต้นไม้ที่อยู่ข้างๆ จากนั้นนั่งลงตรงข้างโต๊ะไม้ แล้วมองสำรวจกลุ่มผู้หญิงที่กำลังทำงานอยู่ในนา

เกาก้วนกับเทียนหยวนไม่กล้าบังสายตา หลบไปยืนอยู่ใต้ต้นไม้ข้างๆ อย่างรู้สำนึก

ราชินีสวรรค์เซี่ยโห้ววางตะหร้าลงแล้วส่งน้ำชาไปข้างกายประมุขชิง “ฝ่าบาท!”

ชาเป็นชาหยาบๆ ปกติ จอกสุราก็เป็นจอกกระเบื้องธรรมดา

ประมุขชิงไม่สนใจ แต่ลุกขึ้นยืนและเอามือไขว้หลังเดินไปข้างหน้าอย่างช้าๆ ไปหยุดยืนอยู่ข้างกายเกาก้วนและเทียนหยวน แล้วจ้องมองกลุ่มสตรีที่งามเลิศล้ำในทุ่งนา พร้อมใช้น้ำเสียงทุ้มต่ำถามอย่างเรียบนิ่งว่า “พวกเจ้ารู้สึกว่าผู้หญิงที่ยามปกติกินอยู่หรูหรามาปรากฏตัวที่นี่เข้ากันหรือเปล่า?”

เกาก้วนเอียงหน้ากวาดมองที่คันนาแวบหนึ่ง แล้วหันกลับมายืนนิ่งๆ ไม่ได้ตอบอะไร

เทียนหยวนแอบมองราชินีสวรรค์เซี่ยโห้วแวบหนึ่ง แล้วตอบพร้อมรอยยิ้มว่า “เป็นทิวทัศน์ที่งดงามที่สุดขอรับ”

“แต่ทำไมข้ารู้สึกยิ่งมองยิ่งไม่สบอารมณ์ล่ะ?” ประมุขชิงถาม

ราชินีสวรรค์เซี่ยโห้ววางถ้วยน้ำชาลง เดินมาข้างกายแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พวกหม่อมฉันอยากจะแสดงน้ำใจ ยินดีร่วมทุกข์ร่วมสุขกับฝ่าบาทเพคะ!”

เทียนหยวนพึมพำในใจว่า ร่วมทุกข์ร่วมสุขเสียที่ไหนกันล่ะ อยากจะใช้เล่ห์เลี่ยมเพทุบายเพื่อให้ได้ความโปรดปรานเท่านั้นแหละ

หลักการนี้ไม่ต้องพูดออกมาเลย เกาก้วนก็รู้อยู่แก่ใจเช่นกัน อย่างน้อยเขาก็ไปมาหาสู่กันที่ตำหนักสวรรค์บ่อยๆ เข้าใจชัดเจนยิ่งกว่าเทียนหยวนเสียอีก

วังหลังของราชันสวรรค์มีสาวงามมากมาย ต่อใหไม่ถึงสิบส่วนก็ปาไปแล้วแปดส่วน มีไม่น้อยที่เคยได้ร่วมห้องกับราชันสวรรค์เพียงครั้งเดียว ก็ถูกผึ่งทิ้งไว้ข้างๆ แล้ว ส่วนใหญ่อยากจะพบหน้าราชันสวรรค์สักครั้งก็ยังยาก เมื่อได้โอกาสนี้จึงแห่กันออกมาดัดจริตทำงานเท่านั้นเอง ยามปกติแต่ละคนทีมีฐานะสูงส่ง ใครจะถ่อออกมาทำงานแบบนี้ ตอนนี้ก็แค่อยากจะโผล่หน้ามาให้ราชันสวรรค์เห็นก็เท่านั้นเอง เฝ้าคอยให้ราชันสวรรค์เกิดความสนใจแล้วไปปรนนิบัติก็เท่านั้นเอง

ที่ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ บางคนหลังจากถูกถวายตัวขึ้นไปแล้ว ราชันสวรรค์ไม่เคยแตะต้องเลยก็มี

ที่จริงเกาก้วนเองก็สงสารผู้หญิงพวกนี้มาก ถ้านำไปไว้ที่อื่นทุกคนล้วนเป็นยอดหญิงงามที่ผู้ชายยื้อแย่งกัน แต่พอมาที่ตำหนักสวรรค์กลับต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวไปทั้งชาติ แต่กลับต้องแบกรับภารกิจ หวังว่าจะใช้เรือนร่างแย่งชิงความโปรดปรานจากราชันสวรรค์ เฝ้ารอว่าวันไหนที่ได้รับความโปรดปรานขึ้นมา ก็จะสามารถทำให้ทั้งตระกูลได้ขึ้นสู่ตำแหน่งสูงได้โดยไม่เปลืองแรง และยิ่งเฝ้าหวังว่าจะได้กลายเป็นผู้ที่ได้รับความเคารพสูงสุดท่ามกลางหมู่ผู้หญิง

ทว่าไม่ว่าจะเป็นพระราชวังในโลกมนุษย์หรือจะเป็นตำหนักสวรรค์ สถานที่ที่รวมผู้หญิงไว้เป็นกลุ่มก้อนนั้นมีไม่เยอะ แต่ไหนแต่ไรมาการใช้เล่ห์เลี่ยมเพทุบายในวังหลังเพื่อให้ได้ความโปรดปรานคือเรื่องที่โหดร้ายสุดๆ ไม่รู้ว่ามียอดหญิงงามตั้งเท่าไรที่ตายไปพร้อมกับความสวย คนในวังหลังที่ไม่มีภูมิหลังหรือชาติตระกูลเลย ถ้าอยากจะเงยหน้าอ้าปากก็เป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ คิดว่าแค่สวยก็จะได้เงยหน้าอ้าปากแล้วเหรอ? ราชันสวรรค์ขาดผู้หญิงสวยหรือไว? ทำไมราชินีสวรรค์เซี่ยโห้วที่หน้าตาธรรมดาจึงกลายเป็นราชินีสวรรค์ได้ล่ะ นั่นก็คือหลักการเดียวกัน แต่ผู้หญิงที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงพวกนั้นดันเอาแต่ฝันกลางวันอยู่ได้

ในเมื่อราชินีสวรรค์เซี่ยโห้วเอ่ยปากแล้ว เกาก้วนกับเทียนหยวนก็ย่อมไม่พูดอะไรมากอีก

ประมุขชิงไม่ได้จับผิดต่อ แต่ทอดสายตามองไปไกลๆ “เฉิงอวี่ ข้าได้ยินว่าร้านค้าของตระกูลเจ้าถูกผู้บัญชาการใหญ่คนหนึ่งค้นและยึดทรัพย์เหรอ มีเรื่องแบบนี้หรือเปล่า?”

ราชินีสวรรค์เซี่ยโห้วเหลืองมองเทียนหยวนแวบหนึ่ง แล้วตอบด้วยรอยยิ้มฝืนๆ “เหมือนจะมีเรื่องแบบนี้จริงๆ เพคะ”

ประมุขชิงพ่นเสียงทางจมูก “เป็นใครกันที่ใจกล้าขนาดนี้ แม้แต่ข้าก็ไม่ไว้หน้า บังอาจตรวจค้นยึดทรัพย์ธุรกิจของตระกูลราชินีสวรรค์!”

เกาก้วนเงียบไป แต่เทียนหยวนกลับจ้องสีหน้าของประมุขชิงเงียบๆ อยากจะดูว่าเขาโมโหจริงหรือแกล้งโมโห สิ่งที่เรียกว่าอยู่ในราชาก็เหมือนอยู่ใกล้เสือก็เป็นแบบนี้ ถ้าเข้าใจเจตนาผิดก็จะไม่ใช่เรื่องดีอะไร

ราชินีสวรรค์เซี่ยโห้วตึงเครียดในใจ ขนาดข้ายังรู้เลย หูตาของเจ้ามีอยู่ทั่วหล้า เรื่องใหญ่โตขนาดนี้ เจ้ายังไม่รู้อีกเหรอว่าใครทำ? นางรีบบอกว่า “เรื่องนี้หม่อมฉันไปถามมาแล้ว ล้วนเป็นลูกน้องในตระกูลหม่อมฉันที่ทำตัวเป็นจิ้งจอกแอบอ้างบารมีเสือ สำหรับเรื่องนี้หม่อมฉันเคยลงโทษไปอย่างรุนแรงแล้ว บอกว่าให้ตรวจค้นและยึดของไปก็ดี ต้องการให้พวกเขาได้รับบทเรียนยาวๆ ต่อไปจะได้ไม่ทำเรื่องที่ที่ไม่เกรงกลัวกฎระเบียบอีก”

“เกาก้วน ไปสืบมา เป็นใครกันที่ใจกล้าขนาดนี้!” ประมุขชิงกลับพูดเหมือนไม่เห็นด้วย

“ไม่ต้องสืบ คนคนนี้ฝ่าบาทเคยได้ยินชื่อมาแล้วขอรับ” เกาก้วนกุมหมัดตอบ

“ผู้บัญชาการเล็กๆ คนเดียว ข้าเคยได้ยินชื่อด้วยเหรอ? หรือว่าเป็นลูกหลานของตระกูลใหญ่ที่ไหน?” ประมุขชิงถาม

“หนิวโหย่วเต๋อ คนที่ได้อันกับหนึ่งจากการทดสอบหนึ่งร้อยปีครั้งก่อน เป็นแม่ทัพเกราะม่วงหนึ่งแถบที่ฝ่าบาทแต่งตั้งให้เองขอรับ” เกาก้วนตอบ

ประมุขชิงตอบ ”อ้อ” แล้วบอกอีกว่า “ที่แท้ก็เป็นเขา! นึกว่าได้รับรางวัลจากข้าแล้วจะไม่สนกฎระเบียบ ไม่เห็นแม้แต่ราชินีสวรรค์ของข้าอยู่ในสายตางั้นเหรอ? เกาก้วน!”

“ขอรับ!” เกาก้วนก้าวขึ้นมากุมหมัดคารวะทันที

“สั่งคนไปตรวจสอบเจ้าเด็กที่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเดี๋ยวนี้ จะได้ให้คำอธิบายกับราชินีสวรรค์!” ประมุขชิงกล่าวเสียงเรียบ

“รับทราบ!” เกาก้วนเอ่ยรับคำสั่ง

“ช้าก่อน!” ราชินีสวรรค์เซี่ยโห้วกล่าวห้าม ก้าวขึ้นมาอยู่ตรงหน้าประมุขชิง แล้วขอร้องว่า “ฝ่าบาทโปรดระงับโทสะ! ความผิดไม่ได้อยู่ที่หนิวโหย่วเต๋อ หม่อมฉันกลับคิดว่าพวกที่โดนตรวจค้นและยึดทรัพย์มีความผิดสมควรตายด้วยซ้ำ กลุ่มพ่อค้าที่อาศัยว่าตัวเองมีคนหนุนหลังบังอาจต่อต้านผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์ที่เฝ้าดูแลอาณาเขตให้ฝ่าบาทอย่างโจ่งแจ้ง ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ความน่าเกรงขามของตำหนักสวรรค์จะไปอยู่ที่ไหน! หม่อมฉันขอความเมตตาให้หนิวโหย่วเต๋อ และขอให้ฝ่าบาทตรวจสอบพ่อค้าที่ไม่รักดีพวกนั้นอย่างเข้มงวดเพคะ!”

เกาก้วนกับเทียนหยวนมองราชินีสวรรค์เงียบๆ แวบหนึ่ง

ส่วนราชินีสวรรค์เอง ดูเผินๆ เหมือนมีหน้ามีตามาก แต่มีเพียงนางเท่านั้นที่รู้ถึงความปวดใจของตัวเอง เมื่อถึงเวลาจำเป็นนางต้องพิสูจน์ว่าตัวเองยืนอยู่ฝ่ายราชันสวรรค์ ไม่ได้ยืนอยู่ฝ่ายตระกูลเซี่ยโห้ว

“ในเมื่อราชินีสวรรค์ขอความเมตตา เช่นนั้นก็รอหลังจากประชุมราชสำนักก่อนแล้วค่อยว่ากัน!” ประมุขชิงโบกมือ ราชินีสวรรค์เซี่ยโห้วเข้าใจความหมาย จึงถือตะกร้าเดินออกไป ไปยังที่นาผืนนั้นอีกครั้ง

ส่วนประมุขชิงก็กลับมานั่งบนม้านั่งไม้ แล้วถามว่า “เกาก้วน เรื่องทดสอบเป็นอย่างไรบางแล้ว?”

เกาก้วนกับเทียนหยวนก็เดินเข้าไปเช่นกัน ไปยืนอยู่ทางซ้ายและขวาของเขา เกาก้วนตอบว่า “ดำเนินการอย่างราบรื่นขอรับ”

ความคิดของเทียนหยวนเพิ่งจะไปจดจ่ออยู่ที่การทดสอบ แต่ใครจะคิดว่าจู่ๆ ประมุขชิงจะถามว่า “เทียนหยวน ถ้าข้าจำไม่ผิด ดาวเทียนหยวนนี้ตั้งชื่อมาจากชื่อของเจ้าใช่มั้ย?”

“ขอรับ!” เทียนหยวนรีบตอบ

“ได้ยินว่าฮูหยินของเจ้าคุมอยู่ที่นั่น นางนั่งรักษาการณ์อยู่ที่ตลาดสวรรค์ตลอดเลยหรือ?” ประมุขชิงถาม

เทียนหยวนตึงเครียดในใจอีกครั้ง ไม่รู้ว่าเจตจำนงของสวรรค์เป็นอย่างไร เรื่องนี้ไม่มีทางปิดบังได้ จึงตอบด้วยความเคารพว่า “ขอรับ! ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นสถานที่ที่ข้าน้อยได้รับความเมตตาจากฝ่าบาท ไม่อาจทำใจทอดทิ้งได้ ถึงได้ให้คนของตัวเองไปคุมขอรับ”

ประมุขชิงถือโอกาสหยิบถ้วยน้ำชาที่อยู่บนโต๊ะ ย้ายมาจ่อปากอย่างช้าๆ พร้อมถามว่า “หัวคนหลายพันหัว ร้านค้าหลายร้อยล้านถูกค้นและยึดทรัพย์ ผู้บัญชาการใหญ่ต่ำต้อยคนเดียวเอาความกล้าขนาดนี้มาจากไหน? เกิดเรื่องนี้ขึ้นใต้หนังตา ทำไมฮูหยินของเจ้าไม่ห้ามไว้ให้ทันเวลา?”

เกรงว่านี่คงจะเป็นสาเหตุที่เกาก้วนเรียกให้เขามาด้วยกัน! ในใจเทียนหยวนหวาดระแวงไม่หาย ในหัวมีภาพที่ราชินีสวรรค์ขอความเมตตาเมื่อครู่นี้แวบเข้ามา จึงรีบยกชุดคลุมยาวขึ้นมา แล้วคุกเข่าเสียตรงนั้นเลย “ฝ่าบาทโปรดตรวจสอบอย่างชัดเจน! ข้าน้อยมีความผิด! สาเหตุที่หนิวโหย่วเต๋อกล้าทำเช่นนี้ ที่จริงเป็นเพราะฮูหยินของข้าน้อยให้ท้ายอยู่เบื้องหลัง!”

มีอยู่จุดหนึ่งที่เขาเข้าใจชัดเจนมาก ว่าเจตนาของราชันสวรรค์เป็นอย่างไร เกรงว่าคงไม่มีใครรู้ดีไปกว่าราชินีสวรรค์ที่นอนเคียงหมอนกันแล้ว ขนาดราชินีสวรรค์ยังขอความเมตตาให้หนิวโหย่วเต๋อ…ดังนั้นเขาจึงเป็นฝ่ายช่วยเมียตัวเองช้อน ‘ความรับผิดชอบ’ ใส่ตัว

ประมุขชิงที่จิบน้ำชาไปคำหนึ่งวางถ้วยน้ำชาลง “มีความผิดหรือไม่มีความผิด หลังจากทุกคนนิยามตอนประชุมราชสำนักแล้วค่อยว่ากัน ลุกขึ้นเถอะ!”

“ขอบพระทัยฝ่าบาท!” เทียนหยวนลุกขึ้นยืน

ใครจะคิดว่าเกาก้วนจะกุมหมัดคารวะอีก  “ฝ่าบาท ทางฝ่ายตรวจการกำลังต้องการคนที่สามารถออกคำสั่งได้ผลอยู่พอดี ข้าน้อยขอให้ย้ายหนิวโหย่วเต๋อมาจากท่านโหวเทียนหยวนขอรับ”

เห็นได้ชัดว่าประมุขชิงค่อนข้างใจกว้างกับท่าทีของเขา เผยรอยยิ้มอย่างที่พบเห็นได้ยากออกมา พร้อมกล่าวว่า “ผู้บัญชาการเล็กๆ คนหนึ่ง ให้ข้าเอ่ยปากเองจะไม่เหมาะสมกระมัง? นั่นคือผู้ใต้บังคับบัญชาของเทียนหยวน เรื่องนี้เจ้าไปปรึกษากับเทียนหยวนเองแล้วกัน”

“ท่านโหวมีความเห็นอย่างไร?” เกาก้วนหันมาถาม

เทียนหยวนกุมหมัดคารวะ ถอนหายใจแล้วตอบว่า “ทูตขวาเกา ไม่ใช่ว่าโหวคนนี้ไม่ไว้หน้าท่านนะ สาเหตุที่ฮูหยินของข้ายอมแลกทุกอย่างเพื่อปรับปรุงจัดระเบียบตลาดสวรรค์ใหม่ ก็เพราะอยากกวาดล้างพวกลูกน้องที่ไม่ได้เรื่อง ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้คนที่ใช่ประโยชน์ได้มาสักคน ท่านจะเอาไปจากข้า ต่อให้ข้ารับปาก แต่ฮูหยินของข้าคงไม่รับปากหรอก!”

เกาก้วนได้ยินแบบนั้นแล้วก็ไม่พูดอะไรมากอีก

ประมุขชิงกล่าวด้วยรอยยิ้มอีกครั้ง “นึกไม่ถึงว่าเทียนหยวนจะเป็นคนที่กลัวผู้หญิงในบ้าน ข้าได้ยินว่าอยู่นอกบ้านเจ้ามีผู้หญิงไม่น้อย”

เมื่อเห็นราชันสวรรค์มีอารมณ์มาหยอกล้อตน เทียนหยวนก็รู้ทันทีว่าตนเดิมพันถูกต้องแล้ว ทำตามเจตนารมณ์ของสวรรค์ ตอบด้วยสีหน้าขื่นขมว่า “ฝ่าบาท ไม่ได้กลัวผู้หญิงในบ้านขอรับ แต่ถึงอย่างไรก็เป็นสามีภรรยากัน”

“นั่นก็ยังแปลว่ากลัวผู้หญิงในบ้านไม่ใช่เหรอ!” ประมุขชิงกล่าวกลั้วหัวเราะพลางส่ายหน้า แล้วโบกมือบอกว่า “พอแล้ว! ถ้าไม่มีธุระก็กลับไปเถอะ”

“ข้าน้อยขอตัวอำลา!” เทียนหยวนกุมหมัดอำลา ถอยออกจากป่าผืนเล็กแล้วถึงได้เหาะขึ้นฟ้าไป

รอจนเขาออกไปแล้ว ประมุขชิงก็ยืนขึ้นอีกครั้ง เอามือไขว้หลังเดินช้าๆ อยู่ในป่า ถามว่า “หนิวโหย่วเต๋อคนนั้นที่ได้อันดับหนึ่ง ตรวจสอบที่มาที่ไปชัดเจนหรือยัง?”

เกาก้วนเดินตามหลัง ตอบว่า  “สืบชัดเจนแล้วขอรับ! อาจารย์ของเขา ฝ่าบาทเองก็รู้จัก”

“ข้ารู้จักเหรอ?” ประมุขชิงหยุดฝีเท้า แล้วถามอย่างฉงนใจ “เป็นใครกัน?”

“อสุราอัคนี!” เกาก้วนตอบ

ประมุขชิงอุทานอย่างแปลกใจ “ในปีนั้นอสุราอัคนีตายด้วยน้ำมือเจ้าสามไป๋แล้วไม่ใช่เหรอ? ทำไมยังมีลูกศิษย์โผล่มาได้อีก?”

เกาก้วนตอบว่า “ที่จริงก็ไม่นับว่าเป็นลูกศิษย์ของอสุราอัคนีอย่างจริงจังหรอกขอรับ เพียงแต่เขาบังเอิญได้รับสมบัติของอสุราอัคนี ตอนที่ยังเป็นมือใหม่มาเผชิญโลกกว้าง เขามีวรยุทธ์แค่ระดับบงกชแดงเท่านั้น เขาเข้าไปอยู่ที่สำนักลมปราณของดาวไร้ลักษณ์ กลายเป็นเสนาบดีต่างถิ่นของสำนักลมปราณ ตอนหลังสัตว์เลี้ยงของเทียนหยวนฮูหยินหายตัวไปที่ดาวไร้ลักษณ์ แล้วถูกเขาหาพบ จึงช่วยสำนักลมปราณให้ได้ร้านค้าที่ตลาดสวรรค์หนึ่งร้าน แล้วก็ไปช่วยสำนักลมปราณประคับประคองร้านขายของชำซื่อตรงที่ตลาดสวรรค์อีก…”

เขาอธิบายที่มาที่ไปของเหมียวอี้อย่างละเอียด แล้วสุดท้ายก็สรุปว่า “ภูมิหลังนับว่าสะอาดบริสุทธิ์ ใช้งานได้ขอรับ!”

ประมุขชิงที่กำลังยืนเอามือไขว้หลังเงยหน้าเล็กน้อย แล้วทำท่าครุ่นคิดพร้อมพึมพำว่า “ในปีนั้นอสุราอัคนีนับว่าเป็นตัวละครที่วางอำนาจบาตรใหญ่ มีเคล็ดวิชาประจำตัวที่ไม่ธรรมดา แต่จนใจที่มาเจอกับฝีมือของเจ้าสามไป๋ มิน่าล่ะเจ้าเด็กนี่ถึงได้อันดับหนึ่งในการทดสอบครั้งนี้ สิ่งนี้ไม่มีอะไรน่าแปลกใจ!”

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด