พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1094 ปราชญ์เต๋ามันก็แค่นี้เอง

Now you are reading พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า Chapter 1094 ปราชญ์เต๋ามันก็แค่นี้เอง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
บทที่ 1094 ปราชญ์เต๋ามันก็แค่นี้เอง

ในทุ่งน้ำแข็งทะเลหิมะมีหนอนอยู่ชนิดหนึ่งหนอน ชอนไชน้ำแข็งให้เป็นโพรงเพื่อทำเป็นที่อยู่ สามารถคายไหมออกมาเป็นรัง ไหมของมันแข็งแรงทนทาน ไม่กลัวน้ำไม่กลัวไฟ หนอนชนิดนี้เรียกว่าไหมน้ำแข็ง พบเห็นได้น้อยที่สุด

เสื้อผ้าบนตัวเฟิงเป่ยเฉินถักทอมาจากเส้นไหมของไหมน้ำแข็ง การใช้เส้นไหมของไหมน้ำแข็งมาทอเป็นเสื้อผ้าได้สักตัวไม่ใช่เรื่องง่าย ข้อดีของมันก็เห็นได้ชัดเจนแล้วเช่นกัน ไม่กลัวหนาวไม่กลัวร้อน น้ำไฟไม่อาจรุกล้ำ ทนทานเป็นที่สุด กอปรกับมีพลังอิทธิฤทธิ์ของเขาคอยเสริมฤทธิ์ อาวุธผลึกทองธรรมดายากที่จะฟันแทงเข้าได้

ชุดไหมน้ำแข็งประเภทนี้ เฟิงเป่ยเฉินเองก็มีแค่ตัวเดียว ทั้งยังกดดันให้ปรมาจารย์ขั้วใต้และปรมาจารย์ขั้วเหนือหาทางทำออกมาด้วย ถ้าจะให้ทำตัวที่สองตอนนี้ ก็ไม่น่าจะเป็นไปได้ เดิมทีรู้สึกว่ายังพอป้องกันไหว แต่ใครจะคิดว่าระดับความแหลมคมของทวนเกล็ดย้อนจะเหนือกว่าที่เขาจินตาการไว้ โจมตีแค่ไม่กี่ครั้งก็ฟันให้แขนเสื้อของเขาขาดรุ่ยแล้ว

แค่เสื้อผ้าชุดเดียวก็พอทนแล้ว เพียงแต่เหตุการณ์นี้หวาดเสียวถึงขีดสุด ทำให้เฟิงเป่ยเฉินรู้สึกเก็บลัดจากกองไฟ เล่นกับไฟแล้วถูกไฟลวก ตกใจจนเหงื่อกาฬไหลท่วมตัว แม้แต่ชีวิตก็เกือบจะสิ้นแล้ว จะไม่นึกกลัวทีหลังได้อย่างไร

เขาถอยหลังหลบอย่างรวดเร็ว รีบปลีกตัวออกขอบเขตการใช้ทวนของเหมียวอี้ ไม่กล้าพัวพันสู้ต่อไป

พอปลีกตัวออกมาได้ ก็พบว่าเสื้อผ้าขาดไปแล้วครึ่งหนึ่ง ท้องแขนสองข้างเปลือยเปล่า สภาพดูไม่ได้สุดๆ ถ้าตัวเองตั้งใจแต่งตัวแบบนี้ก็ยังไม่เป็นไร แต่ดันโดนคนอื่นโจมตีจนกลายเป็นแบบนี้ไปแล้ว

ที่ผิวทะเลตรงจุดไกลๆ หลังจากผ่านคลื่นใหญ่มาแล้ว พวกฉินเวยเวยก็โผล่ศีรษะขึ้นมาดูการต่อสู้ทางนี้ บนตัวทุกคนสวมเกราะรบแล้ว

เดิมทีฟางซู่ซู่มีเจตนาจะแนะนำให้พวกฉินเวยเวยรีบหนีไป แต่ลองเอาใจเขามาใส่ใจเรา ผู้ชายของตัวเองกำลังเผชิญความตาย ต่อให้มีความรักความผูกพันเพียงเล็กน้อย ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะทิ้งามีตัวเองแล้วหนีเอาชีวิตรอดโดยไม่สนใจอะไร

พวกนางที่เดิมทีเป็นกังวลถึงขีดสุด ในตอนนี้หลังจากได้เห็นเหตุการณ์การต่อสู้ฉากใหญ่ โดยเฉพาะเฟิงเป่ยเฉินที่โดนเหมียวอี้โจมตีจนฉุกละหุกทำอะไรไม่ถูก ปราชญ์เต๋าหนึ่งในหกปราชญ์ผู้สง่าผ่าเผยโดนเหมียวอี้โจมตีจนแขนเสื้อขาดและต้องถอยเพื่อรักษาชีวิต ผู้หญิงทั้งสี่เรียกได้ว่าตกตะลึงอ้าปากค้าง

ทั้งสี่ไม่มีทางเชื่อได้ว่านี่คือความจริง ใบหน้าเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ แต่ความจริงก็ปรากฏอยู่ตรงหน้าแล้ว

ฟางซู่ซู่ที่ตกตะลึงพรึงเพริดในใจก็ยิ่งทำใจให้เชื่อได้ยาก ไม่มีทางเชื่อได้ว่าเหมียวอี้จะมีพลังมากขนาดนี้ ไม่น่าเชื่อว่าจะสามารถเขย่าปราชญ์เต๋าเฟิงเป่ยเฉินได้ จู่ๆ นางก็พบว่าสิ่งที่ตัวเองพูดกับเหมียวอี้ก่อนหน้านี้ ช่างเหมือนกับคางคกหาวไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ จะมีสักวันที่นางจะแข็งแกร่งกว่าเขาได้จริงเหรอ?

กานเจ๋อกวงที่ยืนอยู่ข้างไหล่เขางุนงงเล็กน้อย นี่ยังเป็นปราชญ์เต๋าเฟิงเป่ยเฉินที่สูงส่งในสายตาเขาอยู่หรือเปล่า?

ฉินซีที่ยืนอยู่บนไหล่เขาก็ตกใจเช่นกัน ในใจพึมพำว่า จะเป็นไปได้อย่างไร?

ปราชญ์เต๋า หนึ่งในหกปราชญ์ผู้สง่าผ่าเผยโดยโจมตีจนสะบักสะบอมขนาดนี้ เฟิงเป่ยเฉินไม่รู้จะเอาใบหน้าชราไปวางไว้ที่ไหนแล้วจริงๆ ถ้าข่าวนี้แพร่ออกไปคนคงหัวเราะจนฟันร่วง ยังจะมีคุณสมบัติอะไรมาอยู่ในระดับเดียวกับหกปราชญ์!

เฟิงเป่ยเฉินเรียกได้ว่าอับอายจนโมโห พอะพลิกฝ่ามือข้างหนึ่ง กระบี่ด้ามหนึ่งก็ปรากฏอยู่ในมือ

กระบี่กว้างประมาณสี่นิ้ว ยาวประมาณครึ่งจั้ง สูงประมาณคนหนึ่งคน ทั้งตัวกระบี่เป็นสีทองอร่าม เป็นประกายสีทองอยูท่ามกลางแสงแดด

เฟิงเป่ยเฉินโบกกระบี่ชี้โดยไม่พูดพร่ำทำเพลง พุ่งโจมตีไปที่เหมียวอี้แล้ว อยากจะกำจัดทิ้งให้สำราญใจ

ฉากนี้ทำให้ทุกคนที่เห็นตกใจ บนโลกนี้คนที่สามารถทำให้เฟิงเป่ยเฉินหยิบอาวุธออกมาต่อสู้มีน้อยมากจนนับนิ้วได้ คาดว่าคงมีแค่ปราชญ์อีกห้าคนเท่านั้น

ใครจะคิดว่าพลังอำนาจของเหมียวอี้ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันเลยสักนิด เฟิงเป่ยเฉินพุ่งเข้ามา เขาก็ปาดทวนพุ่งเข้าไปเช่นกัน ดันทุรังพุ่งชนโจมตีไปที่เฟิงเป่ยเฉิน

เฟิงเป่ยเฉินที่สีหน้าดุร้ายฟันกระบี่ออกมาในแนวเฉียง เข้มแข็งเกรียงไกร มีพลังราวกับสามารถเบิกฟ้าเบิดดิน พวกฉินเวยเวยมองดูจนขวัญหนีดีฝ่อ

ท่ามกลางเสียงมังกรคำราม ในมือเหมียวอี้ยิงกระจายแสงเย็นออกมา ตรงไปรับกับคมกระบี่ที่ฟันเข้ามา

แกร๊ง! เกิดเสียงดังสะเทือน

จู่ๆ เฟิงเป่ยเฉินก็พบว่ากระบี่ของตัวเองกึ่งๆ ปะทะกับความว่างเปล่า ที่จริงก็ไม่ใช่การปะทะกับความว่างเปล่าหรอก แต่เขาเห็นกระบี่วิเศษในมือตัวเองักครึ่งหลังจากชนกับปลายทวนของอีกฝ่าย

ล้อเล่นอะไร? กระบี่วิเศษผลึกทองบริสุทธิ์สูงของตัวเองจะทนการโจมตีแค่ครั้งเดียวไม่ไหวเชียวเหรอ? เฟิงเป่ยเฉินค่อนข้างงุนงง

เหมียวอี้ไม่มีทางเกรงใจเขา พอทวนทำลายกระบี่วิเศษของอีกฝ่ายจนหัก ก็ถือโอกาสขยับคมทวนโจมตีสังหารไปที่คอของอีกฝ่าย

เฟิงเป่ยเฉินเองก็ไม่ใช่ไก่อ่อน เขาขยับสองมือพร้อมกัน มือข้างที่ไม่ได้ถืออะไรร่ายพลังอิทธิฤทธิ์ประหลาดกลุ่มหนึ่งเบี่ยงเบนการแทงสังหารของเหมียวอี้ ทำเพื่อถ่วงความเร็วในการออกทวนด้วย เฟิงเป่ยเฉินโค้งมุมปากยิ้มเจ้าเล่ห์ ส่วนกระบี่หักครึ่งที่อยู่ในมืออีกข้างก็ฉวยโอกาสนี้ฟันลงไปอย่างแรง

แกร๊ง! เสียงสะเทือนดังก้องฟ้าดิน

ตรงกับสิ่งที่เฟิงเป่ยเฉินต้องการพอดี ฟันไปบนด้ามของทวนเกล็ดย้อนอย่างแรงแล้ว เขาไม่เชื่อหรอกว่าด้ามทวนจะแหลมคมเหมือนกับหัวทวน เขาหมายจะใช้วรยุทธ์ที่เหนือกว่าทำให้ทวนสะเทือนหลุดออกจากมือเหมียวอี้

เขานับว่ามองออก ว่าเจ้าเด็กนี่ใช้ทวนได้อย่างมั่นคงเด็ดเดี่ยวและแม่นยำ ทั้งยังรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ กอปรกับความแหลมคมไร้ที่เปรียบของทวนวิเศษด้ามนั้น เมื่อทวนอยู่ในมือเหมียวอี้ เขาก็ไม่สามารถเข้าใกล้เหมียวอี้ได้เลย

วรยุทธ์ระดับบงกชทอง ระยะห่างหนึ่งขั้นไม่ใช่ความต่างเพียงเล็กน้อย มิหนำซ้ำทั้งสองยังห่างกันถึงสองขั้น

เมื่อกระบี่ฟันโดน เหมียวอี้ก็ทรงตัวไม่ได้ตามที่เขาคาดไว้ โผล้มไปข้างหน้า เท่ากับเผยแผ่นหลังให้คู่ต่อสู้หมดแล้ว

อาศัยพลังของการโจมตีหนึ่งครั้งโจมตีอย่างดุดันจนเหมียวอี้ทรงตัวไม่ได้ ทั้งยังกำจัดอานุภาพความคมของทวนวิเศษไปแล้วด้วย เฟิงเป่ยเฉินเผยรอยยิ้มชั่วร้าย จากนั้นถลันตัวขึ้นมา แล้วฟันกระบี่ไปที่คอเหมียวอี้อย่างเกรี้ยวกราด

ถึงแม้กระบี่จะโดนเหมียวอี้ฟันหักไปแล้วครึ่งหนึ่ง แต่ตัวกระบี่ก็ยังยาวมากพอ ส่วนที่เหลืออีกครึ่งมีความยาวเท่ากับกระบี่ธรรมดาทั่วไป เพียงพอที่จะใช้ฆ่าคน!

ฉากนี้ทำให้พวกฉินเวยเวยแทบจะกรีดร้องออกมา ฉินซีก็ประสานนิ้วมือทั้งสิบแล้วเช่นกัน

เฟิงเป่ยเฉินโผร่างเข้ามา ฟันกระบี่ออกมาพร้อมยิ้มชั่วร้าย ทว่ายังไม่ทันได้ยิ้มเต็มที่ มุมปากก็ชะงักค้างเสียแล้ว ดวงตาเบิกกว้างทั้งยังฉุกละหุกทำอะไรไม่ถูก

เหมียวอี้ที่ถูกเขาฟันกระบี่ใส่โผลงมาแล้วจริงๆ ทว่าไม่ใช่การโผลงโดยการถูกกระทำ แต่กลับเป็นฝ่ายฉวยโอกาสเอง อาศัยพลังมหาศาลที่เฟิงเป่ยเฉินปล่อยมาเพื่อโผลงและหมุนตัวอย่างรวดเร็ว เขาฉีกขาเป็นเส้นตรงกลางอากาศ แล้วตอบโต้กะทันหันผ่านใต้หว่างขา แสงสะท้อนคมทวนดอกแล้วดอกเล่าโจมตีกลับมาในชั่วพริบตาเดียว

ไม่เพียงแค่ได้คลายพลังโจมตีของเฟิงเป่ยเฉิน แต่กลับได้อาศัยพลังโจมตีของเฟิงเป่ยเฉินเพื่อทำให้ตัวเองพลิกตัวได้เร็วขึ้นด้วย

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาประมือกับคนที่วรยุทธ์สูงกว่า ไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้ใช้กำลังปะทะตรงๆ กับศัตรูที่แข็งแกร่ง เขาสามารถสรุปวิธีการในการรับมือเป็นของตัวเองแล้ว

เฟิงเป่ยเฉินที่ถือกระบี่ฟันเข้ามาตกใจมาก ความได้เปรียบเพียงชั่วพริบตาเดียวกลับกลายเป็นตัวเองพุ่งเข้าหาทวนของอีกฝ่าย

เฟิงเป่ยเฉินรีบพุ่งขึ้นฟ้าแล้วกลับตัวลงมา เท้าอยู่ข้างบนศีรษะอยู่ข้างล่าง ฟันกระบี่ในมือดักมั่วๆ อย่างรวดเร็วอยู่พักหนึ่ง ใช้งานทั้งสองมือพร้อมกัน ต้านทานการโจมตีกะทันหันของเหมียวอี้

ส่วนเหมียวอี้ที่พุ่งตัวขึ้นฟ้าก็เอาศีรษะขึ้นและเอาเท้าลง ออกทวนแทงอย่างเกรี้ยวกราดราวกับมังกร ไล่ตามขึ้นเป็นเส้นตรง ไล่สังหาร!

คนหนึ่งอยู่บนคนหนึ่งอยู่ล่าง คนหนึ่งขึ้นบน คนหนึ่งไล่ตาม สังหารขึ้นไปบนฟ้าตลอดทางในระดับที่สูงกว่าเดิม

เสียงสั่นสะเทือนดังแกร๊งๆ เสียงมังกรคำรามดังก้องอยู่บนฟ้าไม่ขาดสาย

เฟิงเป่ยเฉินเหาะถอยหลังพุ่งขึ้นฟ้า กระบี่วิเศษในมือยิ่งสั้นลงเรื่อยๆ ถูกทวนของเหมียวอี้ฟันจนหักครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้ายในมือก็เหลือไว้เพียงด้ามกระบี่ ไม่มีประโยชน์แล้ว จึงสะบัดมือทุ่มด้ามกระบี่ไปที่เหมียวอี้ แล้วอาศัยเหยียบทวนที่เหมียวอี้ยื่นออกมาเขี่ยวัตถุที่ทุ่มเข้าใส่ เหาะตัดผ่านออกแอย่างรวดเร็ว ปลีกตัวออกจากการแผ่คลุมโดยกระบวนท่าทวนของเหมียวอี้แล้ว

เหมียวอี้ไล่ตามออกมาเช่นกัน ไล่สังหารไม่ยอมปล่อย แต่จนใจที่เหาะได้ไม่เร็วเท่าเฟิงเป่ยเฉิน

เฟิงเป่ยเฉินหันกลับมามองแวบหนึ่ง ทั้งตกใจทั้งโมโห โมโหที่โดนเจ้าเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมกดดันให้จนตรอกขนาดนี้ ตกใจที่ได้รับรู้ถึงความคมของทวนวิเศษในมือเหมียวอี้อีกครั้ง ถ้าหากตนได้ทวนและเกราะวิเศษชุดนี้มา ถึงตอนนั้นปราชญ์มารอวิ๋นอ้าวเทียนอาจจะต้านทานตนไม่ไหวก็ได้!

พอความคิดนี้ผุดขึ้นมา เฟิงเป่ยเฉินก็พลันโผลงข้างล่าง ตรงดิ่งลงผิวทะเลด้วยความเร็วสูง

ในมือเขายังมีของวิเศษอย่างอื่นอีก แต่เมื่อสู้กับทวนวิเศษที่แหลมคมมากในมือเหมียวอี้ก็ไม่มีประโยชน์เลย ถ้าโยนออกมาก็จะต้องถูกทำพังแน่

เหมียวอี้ไล่ตามลงมาทันที พร้อมตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด “เฒ่าจัญไรอย่าหนีนะ!”

คนที่กำลังดูการต่อสู้ไม่มีทางเชื่อสายตาตัวเองได้ ไม่น่าเชื่อว่าเหมียวอี้จะไล่จนเฟิงเป่ยเฉินหนีหัวซุกหัวซุน!

ตอนที่เข้าใกล้ผิวทะเล เฟิงเป่ยเฉินพลันชกออกมาหมัดหนึ่ง

บึ้ม! เสาน้ำพุ่งขึ้นฟ้า

ขณะเผชิญหน้ากับเสาน้ำขนาดยักษ์ที่พุ่งขึ้นมา เฟิงเป่ยเฉินก็กางแขนสองข้างและจมเข้าไปในนั้น เสาน้ำระเบิดกลายเป็นละอองฝนนับไม่ถ้วนในชั่วพริบตาเดียว พุ่งขึ้นบนฟ้าต่อไป

เหมียวอี้ที่กัดฟันพุ่งตามเข้าไปท่ามกลางละอองฝนที่สาดกระเซ็นเต็มฟ้าพบความไม่ชอบมาพากลทันที จึงรีบทรงตัวให้มั่นคงพลางถือทวนมองไปรอบๆ

ก้อนน้ำทั้งเล็กทั้งใหญ่ที่อยู่รอบข้างกำลังเลื้อยขยุกขยิกอย่างรวดเร็ว กลายเป็นก้อนน้ำขนาดเท่ากำปั้นหมัดแล้วหมัดเล่า ลอยนิ่งๆ โปร่งแสงอยู่ในอากาศ บดบังทุกสิ่งที่อยู่รอบข้าง

ในก้อนน้ำทุกลูกมีใบหน้าของเฟิงเป่ยเฉินกำลังมองเขาอยู่ เท่ากับมีเฟิงเป่ยเฉินจำนวนนับไม่ถ้วนมองเขาอยู่

เหมียวอี้เข้าใจแล้ว เห็นได้ชัดว่านี่คือภาพเหมือที่สะท้อนออกมา

ของประเภทนี้เหมียวอี้ได้พบเจอเป็นครั้งแรก ตอนที่ประมือกับเฟิงเสวียนก็เคยเห็นมาแล้ว รู้แล้วว่าไม่ต้องไปยุ่งให้เสียเวลาเปล่า นี่เป็นค่ายกลชนิดหนึ่ง เป็นโลกไร้ขอบเขตที่มหาเคล็ดวิชาอู๋เลี่ยงสำแดงฤทธิ์ออกมา ต่อให้หลับหูหลับตาเหาะไปทั่วก็หนีออกไปไม่พ้น เจดีย์งามวิจิตรของนักงามวิจิตรก็สร้างมาจากหลักการนี้

พอลองโบกทวนกวาด ก้อนน้ำที่อยู่รอบข้างก็สั่นทลาย แต่ไม่นานก็กลับมารวมตัวกันใหม่อีก กลับมาเป็นแบบเดิมอีกครั้ง

พวกฉินเวยเวยที่โผล่หน้าขึ้นมาจากผิวน้ำเริ่มกังวลอีกครั้ง เห็นเพียงเฟิงเป่ยเฉินเหยียบคลื่นยืนอยู่บนผิวทะเล บนฟ้ามีก้อนน้ำนับไม่ถ้วนก่อตัวเป็นแนวที่มีลักษณะเป็นก้อนกลมขนาดใหญ่ มองไม่เห็นเหมียวอี้ที่อยู่ข้างในเลยว่ามีสถานการณ์เป็นอย่างไร

ทันใดนั้น ก้อนน้ำทั้งหมดก็กลายเป็นสีแดง ข้างในเหมือนมีเปลวเพลิงกำลังลุกโชน เริ่มมีไอน้ำที่เข้มข้นลอยขึ้นบนฟ้าเหนือแนวรูปก้อนกลมอย่างรุนแรง

เฟิงเป่ยเฉินที่ยืนอยู่บนผิวทะเลขยับสองมือทันที ภายใต้การควบคุมของพลังอิทธิฤทธิ์ เสาน้ำสายหนึ่งพุ่งขึ้นฟ้า พุ่งเข้าไปในแนวก้อนน้ำนั้นแล้ว

ในแนวก้อนน้ำนั้น เกราะรบบนตัวและทวนเกล็ดย้อนในมือเหมียวอี้พ่นเพลิงเดือดออกมามาอย่างรุนแรง แผ่กระจายไปทั่วสารทิศอย่างบ้าคลั่ง ทำให้ก้อนน้ำที่อยู่รอบข้างกลายเป็นไอน้ำ

“ไอ้จัญไร ทะเลกว้างไร้ขอบเขต ถึงเจ้าจะทำซ้ำไปซ้ำไปซ้ำมา แต่น้ำทะเลก็มีเยอะ ข้าก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่าเจ้าจะเผาทะเลหมดทั้งผืนนี้ได้มั้ย!”

เสียงที่มีท่วงทำนองของของเฟิงเป่ยเฉินก็ดังออกมา ดังก้องเข้ามาท่ามกลางก้อนน้ำที่กระจายอยู่ทั่วสารทิศ ราวกับก้อนน้ำทุกก้อนกำลังคุยกับเหมียวอี้

เหมียวอี้ที่ยืนอยู่กลางอากาศราวกับเทพอัคคีหัวเราะลั่น แล้วร่ายอิทธิฤทธิ์ตะโกนเสียงดังว่า “เฟิงเป่ยเฉิน เจ้ามันก็แค่ไอ้ขี้แพ้ภายใต้น้ำมือเหมียว การหลบซ่อนนับว่าเป็นความสามารถอะไร ที่แท้ปราชญ์เต๋ามันก็แค่นี้เอง! เฟิงเป่ยเฉิน ท่านเหมียวขอถามเจ้าสักคำ เจ้ากล้าสู้ตายกับข้าสักตั้งหรือเปล่า!”

เสียงนี้ดังก้องสะเทือนฟ้าสะเทือนดินอยู่ในแนวก้อนน้ำ ผู้ได้ยินต่างก็รู้สึกทึ่ง เป็นคำพูดที่โอ้อวดจริงๆ บังอาจด่าปราชญ์เต๋าเฟิงเป่ยเฉิน หนึ่งในหกปราชญ์ที่สง่าผ่าเผยว่าเป็นไอ้ขี้แพ้ ในใต้หล้ามีตัวละครแบบนี้โผล่มาตั้งแต่เมื่อไร

แต่จะว่าไปแล้ว เมื่อครู่นี้เฟิงเป่ยเฉินเพิ่งโดนเขาไล่ฆ่าจนต้องหนีไม่ใช่เหรอ จะโดนว่าแบบนี้ก็เหมือนจะไม่ผิดนะ

เฟิงเป่ยเฉินได้ยินแล้วโมโหจนหน้าดำ โมโหจนแทบกระอักเลือด ถ้าวันนี้ไม่สามารถกำจัดเจ้าเด็กนี่ทิ้งได้ ชื่อเสียงวีรบุรุษของตนจะต้องถูกทำลายย่อยยับภายในครั้งเดียวแน่ จึงกล่าวพร้อมรอยยิ้มชั่วร้ายทันที “ไอ้จัญไร! เจ้าก็แค่อาศัยประโยชน์จากของวิเศษ ยังจะกล้าพูดอวดดี ข้าจะคอยดูว่าวันนี้เจ้าจะตายอย่างไร!”

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด