พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1116 สิ่งที่พบเห็นมาจากพิภพใหญ่

Now you are reading พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า Chapter 1116 สิ่งที่พบเห็นมาจากพิภพใหญ่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
บทที่ 1116 สิ่งที่พบเห็นมาจากพิภพใหญ่

ภาพที่แวบผ่านเข้ามาในหัวทำให้เหมียวอี้พูดไม่ออก คำพูดอวดดีบ้าระห่ำในตอนแรกเขาจะลืมได้อย่างไร จำได้อย่างลึกซึ้งเกินไปแล้ว พอหงเฉินเตือนความจำ เหมียวอี้ก็นึกออกทันที

จำได้ก็ส่วนจำได้ แต่เหมียวอี้ไม่ถึงขั้นไม่รู้จักข้อพกพร่องของตัวเอง คำพูดที่เคยพูดไว้ในตอนแรก พอมาคิดดูตอนนี้ก็ยังเป็นสิ่งที่พูดออกมาภายใต้ ‘ความประมาทของเด็กหนุ่ม’ ตอนนั้นเขาเองก็นึกไม่ถึงว่าตัวเองจะมีวันนี้ได้ ดังนั้นเขาว่ากันว่ายิ่งอยู่ในยุทธภพนานก็ยิ่งขี้ขลาด เขาถึงขั้นอับอายกับคำพูดที่บอกว่าจะแต่งงานกับอวิ๋นจือชิวภายในหนึ่งพันปีด้วยซ้ำ

บางครั้งที่ย้อนนึกถึงขึ้นมา เขาก็จะถามตัวเองทุกครั้งว่า ทำไมกล้าพูดอะไรแบบนั้นออกมาได้? โดยเฉพาะหลังจากที่ได้รับรู้ถึงศักยภาพของเฟิงเป่ยเฉินแล้ว เขาก็ยิ่งอับอายกว่าเดิม ในปีนั้นช่างไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำจริงๆ!

มีจุดจุดหนึ่งที่เขาเข้าใจ ว่าคนที่ตัวเองพูดจาบ้าระห่ำด้วยด้วยเป็นสามงาม หงเฉินกับอวิ๋นจือชิวล้วนเป็นสาวงาม เขาคิดว่าถ้าเปลี่ยนเป็นคนอัปลักษณ์ ตัวเองก็คงไม่พูดอะไรแบบนั้นออกมาเช่นกัน พอขบคิดดูสักหน่อยก็พบว่าตัวเองก็ไม่ได้มีดีอะไรเลยจริงๆ

ตอนยังไม่เอ่ยถึงเรื่องนั้นก็ยังดีอยู่ แต่พอเอ่ยถึงขึ้นมา เหมียวอี้ก็ค่อนข้างอับอายเหมือนกัน “ตอนแรกเป็นเพียงคำพูดบ้าระห่ำ เจ้าอย่าคิดเป็นจริงเป็นจัง”

หงเฉินส่ายหน้าบอกว่า “เดิมทีข้าก็ไม่ได้คิดจริงจัง แต่ตอนนี้คิดเป็นจริงเป็นจังแล้ว ถ้าเจ้าไม่รังเกียจที่ข้าฐานะต่ำต้อยไม่คู่ควรกับเจ้า ก็แต่งงานกับข้าเถอะ!”

จริงหรือล้อเล่น? เหมียวอี้ตะลึงค้าง เรียกได้ว่ามองนางศีรษะจดปลายเท้า แล้วก้มองจากเท้าขึ้นไปบนศีรษะ ถึงแม้ตอนนี้จะเคยพบเห็นสาวงามมามากมาย แต่ก็ไม่เหมือนสาวงามคนนี้ที่ทำให้เขาตะลึงค้างเมื่อแรกเห็นบนต้นไม้โบราณ ความงามของผู้หญิงคนนี้ยังคงเหมือนเทพธิดา เขาถามอย่างลังเลว่า “เจ้าจะแต่งงานกับข้าเหรอ? ตอนนี้ข้ามีภรรยาเอกแล้ว แต่งงานกับข้าหมายความว่าอะไรเจ้าน่าจะเข้าใจดีนะ เจ้ายอมลดตัวมามาอนุภรรยาเหรอ?”

หงเฉินพยักหน้าด้วยท่าทางฝืนใจ “เป็นอนุภรรยาก็เป็นอนุภรรยาแล้วกัน ถึงอย่างไรอนุภรรยาของเจ้าก็มีไม่น้อยแล้ว ถ้าจะมีข้าเพิ่มอีกสักคนก็ไม่ต้องใส่ใจหรอก”

ทำไมฟังดูแปลกๆ ล่ะ ท่าทีไม่เหมือนคนที่อยากจะแต่งงานกับเขาเลย เหมียวอี้เกาศีรษะ แล้วถามว่า “มู่ฝานจวินบังคับเจ้าหรือเปล่า? นางมีเจตนาอะไรอีกแล้วใช่มั้ย? ขออภัยที่ข้าพูดตรงนะ ข้ายังดูไม่ออกจริงๆ ว่าเจ้าชอบข้า อย่าบอกเชียวนะว่าเป็นเพราะข้ามาแทนที่เฟิงเป่ยเฉินได้ เป็นเพราะชอบตำแหน่งของข้า เจ้าถึงได้อยากแต่งงานกับข้า เหมือนเจ้าจะไม่ใช่คนประเภทนั้นนะ”

ในแววตาที่อ่อนโยนไร้ความขัดแย้งของหงเฉินฉายแววอ่อนเพลียเล็กน้อย พร้อมบอกว่า “ข้าเหนื่อยแล้ว! อาจารย์บอกว่าข้าไม่เอาไหน บอกว่าข้าโง่ บางครั้งก็เรื่องมากมายที่ข้าเข้าใจดี เพียงแต่ข้าตั้งใจหลบเลี่ยงมาตลอด ข้าไม่อยากเข้าไปเกี่ยวข้องกับบุญคุณความแค้นมากมายขนาดนั้น ข้าจึงอะไรก็ได้มาตลอด ไม่ว่าอาจารย์จะพูดอะไรหรือให้ข้าทำอะไร สิ่งที่ที่ข้ารับได้ข้าก็จะรับไว้ ตอนนี้ระหว่างเจ้ากับอาจารย์ข้าเหมือนลูกคลื่นที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด ทั้งยังดึงเยว่เหยาเข้ามาเกี่ยวด้วย วิธีการของอาจารย์มีแนวโน้มว่าจะรุนแรง ขึ้นๆ ลงๆ มากเกินไปข้ากลัวว่าข้าจะรับไม่ไหว ข้าไม่อยากต่อต้านอาจารย์ แล้วก็ไม่อยากทำให้เยว่เหยาลำบากไปด้วย แต่ถ้าจะให้ข้าทรยศอาจารย์ข้าก็ทำไม่ได้เหมือนกัน การแต่งงานเป็นเหตุผลที่ดีมาก ถึงแม้ข้าจะไม่รู้ว่าระหว่างเจ้ากับหกปราชญ์เกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่ข้าก็ดูออก ว่าอาจารย์เหมือนจะมีสิ่งที่ขอร้องเจ้า สิ่งนี้เป็นโอกาสสำหรับเจ้ากับข้าแล้ว ถ้าเจ้าเอ่ยปากขอแต่งงาน ข้าว่าอาจารย์ข้าคงไม่ปฏิเสธแน่นอน”

เหมียวอี้เงียบไป ถ้าตัวเองเอ่ยปากตอนนี้ มู่ฝานจวินจะต้องไม่ปฏิเสธแน่นอน แต่ว่า…เหมียวอี้กล่าวอย่างหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก “ลูกสาวของอันหรูอวี้ศิษย์พี่ของเจ้าก็แต่งงานกับข้าไปแล้ว ถ้าศิษย์น้องอย่างเจ้าแต่งงานกับข้าอีก แบบนี้มันใช่เรื่องเหรอ?”

“สำคัญด้วยเหรอ?” หงเฉินค่อนข้างจนใจ “ขอเพียงเจ้าไม่ถือสา ข้าไม่ถือสา อาจารย์ข้าไม่ถือสา คนอื่นจะมองอย่างไรก็ไม่สำคัญ ขอเพียงเจ้าดึงข้าออกมาจากวังวนนั่นได้ก็พอ เยว่เหยาจะได้เข้ามาเกี่ยวข้องน้อยลง ไม่อย่างนั้นข้าก็ไม่มีทางทำเรื่องที่ทรยศอาจารย์ได้หรอก ตราบใดที่ข้ายังอยู่ในมืออาจารย์ เยว่เหยาก็จะกลายเป็นอุบายที่อาจารย์ข้าใช้ควบคุมเจ้าตลอดไป”

เหมียวอี้กล่าวเสียงต่ำว่า “ถ้ามู่ฝานจวินกดดันข้าจนหมดทางเลือก ข้าก็จะฆ่านางซะ!” นอกจากการสู้กับเฟิงเป่ยเฉินจะทำให้เขามีความมั่นใจยามเผชิญหน้าหกปราชญ์แล้ว การที่เขาพามู่ฝานจวินไปที่พิภพใหญ่ได้ เขาก็มีทางเล่นงานนางถึงตายได้เหมือนกัน

หงเฉินส่ายหน้า “ถ้าเจ้าฆ่าอาจารย์ของเยว่เหยา เจ้าจะให้เยว่เหยาทำอย่างไร? อย่าว่าแต่เยว่เหยาเลย ถ้าเจ้าฆ่าอาจารย์ของข้าแล้ว ไม่ว่าข้าจะเต็มใจหรือไม่เต็มใจ แต่ข้าก็ต้องไปล้างแค้นเจ้า ระหว่างเราจะถูกกำหนดให้ต้องตายกันไปข้าง ถึงตอนนั้นเจ้าก็จะฆ่าข้าอีกหรือเปล่า? แล้วเยว่เหยาจะต้องไปหาพี่ใหญ่อย่างเจ้าเพื่อล้างแค้นให้ข้ารึเปล่า? เจ้าอยากกดดันให้เยว่เหยาเป็นบ้าเหรอ? ทำให้เรียบง่ายหน่อย แต่งงานกับข้าเถอะ เจ้าวางใจได้ หลังจากแต่งงานกับข้าแล้ว เจ้าอยากจะครอบครองข้าก็ได้ หรือจะไม่ครอบครองข้าก็ได้ ขอเพียงมอบมุมสงบให้ข้า ข้าก็จะไม่ไปรบกวนเจ้า ถ้าเจ้าจะไม่สนใจข้าเลยตลอดไปก็ไม่เป็นไร ขอให้มอบมุมสงบให้ข้าฝึกตนเงียบๆ ข้าเพียงอยากหลุดพ้นจากความสับสนวุ่นวายนี้!”

เหมียวอี้กระจ่างแล้ว ฟังเข้าใจแล้ว ผู้หญิงคนนี้เหนื่อยมากแล้วจริงๆ แค่อยากจะหาข้ออ้างที่เหมาะสมเพื่อหลุดพ้นจากผลกระทบของมู่ฝานจวิน แต่งกับไก่ก็ตามไก่ แต่งกับสุนัขก็ตามสุนัข เหตุผลนี้ดีจะตาย ถอยอีกก้าวก็ไม่ต้องช่วยเหลือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งแล้ว ถึงตอนนั้นต่อให้เขากับมู่ฝานจวินจะฆ่ากันอย่างเอาเป็นเอาตาย ฝั่งหนึ่งก็อาจารย์ ฝั่งหนึ่งก็สามี นางยังสามารถหลบมุมอยู่เงียบๆ โดยไม่ช่วยเหลือได้

ดังนั้นแล้ว ไม่ใช่เพราะนางชอบเขา และไม่ใช่เพราะชอบอำนาจของเขาในตอนนี้ด้วย ไม่ใช่สิ ที่จริงก็เกี่ยวข้องกับอำนาจของเขาในตอนนี้อยู่บ้างเหมือนกัน ไม่อย่างนั้นหงเฉินสามารถหาใครจะมาแต่งงานด้วยก็ได้ แต่การแต่งงานกับคนธรรมดาทั่วไปนั้นไม่มีประโยชน์เลย คนทั่วไปไม่สามารถหยุดยั้งการแทรกแซงจากมู่ฝานจวินได้ ถ้าแต่งงานกับอีกห้าปราชญ์ก็เป็นไปไม่ได้ ยังไม่ต้องพูดถึงว่ามู่ฝานจวินจะไม่ตอบตกลง อีกห้าปราชญ์ก็คงไม่ลดตัวไปเป็นผู้ชายของลูกศิษย์มู่ฝานจวินเช่นกัน บังเอิญว่าเขาสามารถเติมเต็มเงื่อนไขที่หงเฉินต้องการได้พอดี

ในเวลานี้ เหมียวอี้นับว่ามองผู้หญิงคนนี้ด้วยสายตาที่สูงขึ้นอีกระดับแล้ว ภายใต้สถานการณ์ที่ยังไม่รู้เรื่องอะไรชัดเจน นางก็รู้แล้วว่ามู่ฝานจวินมีอะไรบางอย่างจะขอร้องเขา คว้าโอกาสได้แม่นยำมา สงสัยผู้หญิงคนนี้จะไม่ได้สวยอย่างเดียว สมองก็ไม่ธรรมดาด้วยเหมือนกัน ก็เป็นอย่างที่นางพูดไว้ จริงในใจรู้ชัดทุกอย่าง เพียงแต่ ‘ขี้เกียจ’ ไปหน่อย หลบเลี่ยงมาตลอด บางทีอาจจะรอโอกาสที่จะหลุดพ้นจากมู่ฝานจวินอย่างสมเหตุสมผลมาตลอดก็ได้

เมื่อเห็นเขาไม่พูดอะไร หงเฉินก็ถามหยั่งเชิงว่า “เจ้าไม่เต็มใจทำเพื่อเยว่เหยาเหรอ?”

เหมียวอี้หันตัวไปอีกข้างๆ แล้วนั่งลงช้าๆ ส่ายหน้าบอกว่า “ไม่เกี่ยวว่าเต็มใจหรือไม่เต็มใจ เพียงแต่ติดที่ฮูหยินของข้า การจะแต่งอนุภรรยาเข้ามา ถ้าภรรยาเอกไม่เต็มใจ ถ้าภรรยาเอกไม่ยอมรับเจ้า แล้วจะให้ข้าแต่งงานได้ยังไงล่ะ? คงจะให้ทะเลาะกันจนในบ้านวุ่นวายเพื่อแต่งงานงานกับเจ้าคนเดียวไม่ได้หรอกมั้ง?”

หงเฉินเดินเนิบนาบเข้ามา นั่งลงข้างกายเจ้า แล้วกล่าวเบาๆ ว่า “ข้าเคยคลุกคลีกับอวิ๋นจือชิวหลายครั้งที่แดนโพ้นสวรรค์ นางเป็นผู้หญิงที่มีแผนการความคิด สามารถให้เจ้าแต่งงานกับฉินเวยเวยได้…เจ้าเล่าสถานการณ์ให้นางฟังอย่างชัดเจน บอกเจตนาของข้าให้นางรู้ แล้วนางจะตอบตกลง”

เหมียวอี้เอียงหน้ามองมา แล้วถามอย่างสงสัย “เจ้าแน่ใจนะว่านางจะตอบตกลง?”

หงเฉินยิ้มบางๆ “นางจะตอบตกลง ถ้าไม่ตอบตกลง เดี๋ยวข้าค่อยไปคุยกับนางอีกที พอแล้ว ข้าไม่สะดวกจะอยู่ที่นี่นาน ข้าจะกลับก่อน เผื่อทางอาจารย์มีธุระจะได้เรียกใช้” พูดจบก็ยืนขึ้นโค้งตัวคำนับเล็กน้อย แล้วหันตัวลอยจากไป

ต้องแต่งงานเพิ่มอีกคนแล้วเหรอ? เหมียวอี้งุนงงเล็กน้อยขระมองเงาหลังนางจากไป ก่อนหน้านี้เขายังสาบานกับตัวเองอยู่เลยว่าจะไม่แต่งงานอีกแล้ว…

หลังจากนั้นเกือบครึ่งเดือน อวิ๋นจือชิวก็นำพวกอวิ๋นเซี่ยวกลับมาถึงพิภพเล็ก กลับมาถึงนภาอู๋เลี่ยงแล้ว ห้าปราชญ์วิ่งมาต้อนรับด้วยตัวเองทันที แล้วต่างคนต่างพาแยกย้ายออกไป

เหมียวอี้เดินเข้ามารับ อวิ๋นจือชิวมองไปยังห้าคนที่แยกย้ายกันออกไป แล้วถือโอกาสดึงแขนเหมียวอี้พาเดินเข้าไปในเรือนในด้วยกัน ระหว่างทางพบว่าเหมียวอี้เอาแต่มองนางด้วยท่าทางมีความลับ รอจนนางมองกลับ เหมียวอี้ก็หลบสายตาทันที

พอชักแขนกลับมาแล้ว อวิ๋นจือชิวก็ไม่พูดพร่ำทำเพลง เตะไปที่น่องของเหมียวอี้หนึ่งที แล้วเลิกคิ้วถามว่า “หนิวเอ้อร์ ทำไมต้องทำท่ากินปูนร้อนท้องแบบนั้น ไปทำเรื่องอะไรที่ผิดต่อข้ามารึเปล่า? แล้วลักลอบทำอะไรกับใครอีกแล้วใช่มั้ย?”

“ทำไมเรียกว่าลักลอบทำอะไรกับใคร? เจ้าเคยเห็นข้าลักลอบทำอะไรกับใครเมื่อไร? เพียงแค่รบกวนให้ผู้หญิงบอบบางอย่างฮูหยินลำบากวิ่งเต้นไม่หยุดหย่อน ข้าจึงไม่รู้สึกสงบใจก็เท่านั้นเอง!” เหมียวอี้ทำท่าทางมีเหตุผลหนักแน่น ที่จริงกลับไม่สะดวกจะเอ่ยปากเรื่องที่จะแต่งงานกับหงเฉินมาเป็นอนุภรรยา

อีกด้านหนึ่ง เมื่อกลับมาถึงห้องตัวเองแล้ว อวิ๋นอ้าวเทียนก็หันตัวมาถามทันที “เป็นยังไงบ้าง? มีพิภพใหญ่อยู่จริงมั้ย?”

อวิ๋นเซี่ยวยิ้มเจื่อน “ท่านพ่อ! ไม่ผิดหรอก พวกน้องชิวลงหลักปักฐานที่พิภพใหญ่แล้วจริงๆ ของบางอย่างไม่มีทางปลอมกันได้เลย สิ่งที่ลูกชายได้เห็นได้ยินมามันน่าทึ่งจริงๆ พบว่าพวกเราเหมือนนั่งมองฟ้าจากบ่อน้ำจริงๆ ทางนั้นมีนักพรตระดับพลังอิทธิฤทธิ์อนันตภาพ นักพรตระดับบงกชรุ้ง สมุนไพรเซียนชนิดต่างๆ ที่ไม่เคยเห็น ที่เหนือกว่าผลึกทองยังมีผลึกม่วงกับผลึกแดง ยาเจี๋ยตันขั้นห้า ทั้งยังมียาเจี๋ยตันขั้นหกที่พวกเราไม่กล้าแม้แต่จะใฝ่ฝันถึง…”

ในห้องพักชั่วคราวของปราชญ์ปีศาจจีฮวน จีฮวนเอามือลูบหนวด ตาเป็นประกายไม่หยุดขณะกำลังฟังลูกชายเล่า

จีเต๋อจวินเรียกได้ว่าพูดเป็นต่อยหอย “พิภพใหญ่มีหลายอย่างที่คล้ายกับพิภพเล็กจริงๆ มีช่องทางไปมาหาสู่ระหว่างกัน ตำหนักสวรรค์มีราชันสวรรค์อยู่ในตำแหน่งสูงสุด ราชินีสวรรค์ ฮูหยินของราชันสวรรค์เป็นใหญ่สุดในฝ่ายหญิง รองลงมาก็มีสี่อ๋องสวรรค์ สิบสองจอมพล สามสิบหกเทพประจำดาว เจ็ดสิบสองโหว แต่ละคนเป็นนักพรตที่มีพลังอิทธิฤทธิ์อนันตภาพ นี่ยังเป็นแค่ตำแหน่งหลัก ยังมีนักพรตพลังอิทธิฤทธิ์อนันตภาพอีกไม่น้อยที่อยู่บนตำแหน่งว่างๆ จำนวนนักพรตบงกชรุ้งที่อยู่ใต้บังคับบัญชาก็ยิ่งมีเยอะมาก…”

ในห้องของปราชญ์พุทธฉางเหลย ฉางเหลยหยุดดึงนับลูกประคำในมือแล้ว กำลังเบิกตากว้างฟังฝ่าเยี่ยนเล่า

ฝ่าเยี่ยนสีหน้าจริงจังหนักแน่น อธิบายอย่างสุขุม “…นอกจากตำหนักสวรรค์ ชาวพุทธของเราก็มีราชันอีกคนหนึ่ง เรียกว่าประมุขพุทธะ เป็นสองมหาราชันของพิภพใหญ่เคียงข้างกับประมุขชิงที่เป็นราชันสวรรค์ ประมุขชิงปกครองใต้หล้า ประมุขพุทธะก็ไม่เข้าไปแทรกแซงปุถุชน แต่กลับมีวัดอยู่เต็มอาณาเขตของประมุขชิง ยึดฉวยพลังปรารถนาของสาวกในวงกว้าง ทั้งสองได้ผลประโยชน์เท่ากัน ต่างคนต่างได้ในสิ่งที่ต้องการ ไม่รุกล้ำกันและกัน เรียกได้ว่าสามารถหยุดนิ่งและเคลื่อนไหวได้อย่างสอดคล้องกัน ไม่มีความขัดแย้งเรื่องอำนาจและผลประโยชน์ระหว่างกัน ให้ความร่วมมือกันดีมากจริงๆ ไม่มีการก้าวก่ายจากแรงภายนอก เป็นไปได้สูงว่ามหาราชันทั้งสองจะรักษาสถานการณ์แบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ เรียกได้ว่าทำลายกฎเสือสองตัวอยู่เขาเดียวกันไม่ได้…”

ในห้องของปราชญ์ผีซือถูเซี่ยว เมื่อได้ฟังหวังเต้าหลินผู้เป็นลูกศิษย์เล่าจบ ซือถูเซี่ยวก็ถามว่า “เหมียวอี้ล่ะ? สถานการณ์ของเขาที่พิภพใหญ่เป็นอย่างไรบ้าง?”

หวังเต้าหลินบรรยายว่า “เหมียวอี้ล้มลุกคลุกคลานที่พิภพใหญ่ตั้งแต่หลายร้อยปีก่อนแล้ว ข้าสืบเวลามานิดหน่อย เหมือนจะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากแต่งงานกับอวิ๋นจือชิว นึกไม่ถึงว่าอวิ๋นจือชิวจะเป็นผู้หญิงที่วาสนาดีมาก ตอนแรกเหมียวอี้กับสำนักที่ชื่อลมปราณของพิภพใหญ่เปิดร้านขายของชำที่ตลาดสวรรค์ร้านหนึ่ง ปรากฏว่าโดนทางการกลั่นแกล้งครั้งแล้วครั้งเล่า รอจนธุรกิจใหญ่ขึ้นแล้ว ก็มีผู้มีอำนาจรวมทั้งคนของทางการไม่น้อยที่ต้องการส่วนแบ่ง ตอนหลังเหมียวอี้โดนกดดันจนหมดทางเลือก จึงนำหุ้นในมือไปขอพึ่งพาทางการ แล้วก็ดวงดีมาก ได้เกาะขาอ๋องสวรรค์โค่วหนึ่งในสี่อ๋องสวรรค์ ตั้งแต่นั้นมาก็มีเส้นทางขุนนางที่ราบรื่น ภายในเวลาสั้นๆ สองร้อยปีก็ข้ามไปอยู่ในระดับที่นักพรตส่วนใหญ่ใช้เวลาทั้งชีวิตก็ก้าวไปไม่ถึง เริ่มต้นจากเป็นทหารเลว แล้วก็กระโดดขึ้นอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งอยู่ในตำแหน่งผู้บัญชาการใหญ่อย่างในปัจจุบัน แถมราชันสวรรค์ยังแต่งตั้งให้เองด้วย ได้เป็นแม่ทัพเกราะม่วงหนึ่งแถบของตำหนักสวรรค์ ชื่อเสียงสนั่นทั้งพิภพใหญ่!”

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด