พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1127 มาเยือนพิภพใหญ่

Now you are reading พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า Chapter 1127 มาเยือนพิภพใหญ่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

<p>วันต่อมา อวิ๋นจือชิวนั่งอยู่เบื้องสูง หงเฉิน จีเหม่ยลี่ อวี้หนูเจียวและฝ่าอินทยอยกันก้าวเข้ามามอบน้ำชาคำนับให้ฮูหยิน</p>
<p>อวิ๋นจือชิวยิ้มอย่างสนิทสนม ใบหน้าสดใสเปล่งประกาย กวาดสายตามองบนใบหน้าผู้หญิงทั้งสี่คนไม่หยุด ในใจกำลังแอบกลั้นขำ เมื่อคืนนางรู้สึกสบายแทบแย่ ขุนนางเหมียวทุ่มเทพลังปรนนบัติอย่างสุดความสามารถ คำพูดชวนขนลุกก็ยิ่งพูดจนเลี่ยนแทบแย่ แต่นางก็ไม่เป็นอะไร ชอบฟังเวลาเหมียวอี้พูดคำรักหวานกับนางมากกว่า ยิ่งชวนขนลุกก็ยิ่งชอบ</p>
<p>ถึงแม้จะรู้ว่าท่านขุนนางเหมียวรู้สึกผิดจึงจงใจประจบนาง แต่จะว่าไปแล้ว ตอนแต่งงานใหม่ไม่ไปหาเจ้าสาว แต่กลับมาหานาง ถึงแม้ปากนางจะไม่พูดอะไร แต่ในใจรู้สึกผ่อนคลายมาก แอบรู้สึกงดงาม นางชอบความรู้สึกเวลาเหมียวอี้โอ๋นาง</p>
<p>&#8220;เรื่องในบ้านนายท่านดูแลไม่ไหว ผู้ชายชาตรีก็ไม่ควรเอาความคิดมาวางไว้บนตัวฝูงผู้หญิงเช่นกัน ดังนั้นข้าจึงเป็นคนตัดสินใจเรื่องทุกอย่างในบ้านนี้!&#8221; อวิ๋นจือชิวยืนยันฐานะของตัวเองต่อหน้าทุกคนโดยไม่ให้ปฏิเสธ ไม่มีความเกรงใจเลยสักนิด</p>
<p>&#8220;ค่ะ!&#8221; หญิงสาวทั้งสี่มองเหมียวอี้แวบหนึ่ง พอเห็นเหมียวอี้ลูบจมูกโดยไม่พูดอะไร ก็พากันย่อตัวเอ่ยรับแล้ว</p>
<p>ใครจะคิดว่าอวิ๋นจือชิวจะเหล่ตามองไปยังเหมียวอี้ที่อยู่ข้างกาย พลางถามเสียงเรียบว่า &#8220;นายท่าน จะเอมือลูบจมูกทำไม หรือว่ามีความเห็นแย้งอะไรกับคำพูดของข้าเหรอ?&#8221;</p>
<p>&#8220;แค่กๆ!&#8221; เหมียวอี้ไอแห้งๆ แล้วโบกมือบอกว่า &#8220;ไม่มีความเห็นอะไร เรื่องในบ้านฮูหยินเป็นผู้ตัดสินใจ&#8221; แต่งงานเข้ามารวดเดียวสี่คน ถ้ากล้ามีความเห็นแย้งอะไรก็แปลกแล้ว</p>
<p>อวี้หนูเจียวที่ยืนอยู่เบื้องบ้างเหลือบมองอย่างดูถูก พึมพำในใจว่า ที่แท้ก็เป็นพวกอ่อนนอกแข็งในกลัวเมีย</p>
<p>&#8220;ข้าเองก็ไม่แบ่งแยกว่าห้องไหนใหญ่ ห้องไหนเล็ก จะมองทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน แต่จะขอบอกสิ่งที่ไม่น่าฟังเอาไว้เสียก่อน ข้าไม่สนว่าพวกเจ้าจะมาด้วยจุดประสงค์อะไร แต่ในเมื่อเข้ามาอยู่ในตระกูลเหมียวแล้ว ก็แปลว่าเป็นคนของตระกูลเหมียว ถ้าใครกล้ากินบนเรือนขี้บนหลังคา ไม่ต้องรอให้นายท่านเอ่ยปาก ข้าก็จะกำจัดนางก่อนเอง! ถึงตอนนั้นต่อให้นายท่านขอร้องให้ก็ไม่มีประโยชน์ ก็ยังเป็นอย่างที่บอก ข้ามีอำนาจตัดสินใจเรื่องในบ้าน!&#8221; อวิ๋นจือชิวกวาดสายตาเย็นเยียบมองทุกคน  พร้อมกล่าวถามเสียงต่ำ &#8220;ได้ยินกันทุกคนแล้วใช่มั้ย?&#8221;</p>
<p>&#8220;ค่ะ! ไม่ว่าในใจจะคิดอย่างไร&#8221; แต่ภายนอกหญิงสาวทั้งสี่ก็ยังเอ่ยรับอย่างเคารพ</p>
<p>&#8220;เวยเวย!&#8221; อวิ๋นจือชิวเอียงหน้าพูดกับฉินเวยเวยที่นั่งอยู่เบื้องล่าง &#8220;พาพวกนางไปเรือนพักที่แบ่งเอาไว้แล้วเถอะ&#8221;</p>
<p>&#8220;ค่ะ!&#8221; ฉินเวยเวบลุกขึ้นพาพวกนางออกไป</p>
<p>เมื่อไม่มีคนนอกแล้ว อวิ๋นจือชิวก็นั่งไขว่ห้าง พูดเหน็บแนมเหมียวอี้ที่นั่งอยู่ข้างๆ ว่า &#8220;แต่ละคนเป็นเป็นยอดหญิงงามทั้งนั้น ข้าเห็นแล้วยังตาลาย ในใจเจ้าคงชื่นบานแทบแย่เลยล่ะสิ?&#8221;</p>
<p>เหมียวอี้หัวเราะเบาๆ &#8220;เมื่อคืนได้พบเห็นเสน่ห์อันอ่อนช้อยงดงามของฮูหยินแล้ว ยังจะไปสนใจผู้หญิงคนอื่นได้อย่างไร&#8221;</p>
<p>&#8220;เชอะ! ถ้าเชื่อคำพูดแบบนี้ของเจ้าได้ ก็แสดงว่าสมองของข้ามีปัญหาแล้ว!&#8221; อวิ๋นจือชิวพูดดูถูก แล้วลุกขึ้นเดินออกไป</p>
<p>หลายวันต่อมา ก่อนแต่งงานเหมียวอี้ก็ไม่ได้สนใจอะไร และก็ไม่อยากแต่งงานด้วย แต่หลังจากแต่งงานแล้ว เหมียวอี้ก็เรียกได้ว่ากระเหี้ยนกระหือรือ ถึงอย่างไรเนื้อก็มาวางอยู่ข้างปากแล้ว แต่ก็ยังไม่กล้าไปหาอนุภรรยาสี่คนที่มาใหม่พวกนั้น ทุกคืนอยู่ข้างกายภรรยาเอกอย่างว่าซื่อสัตย์ ถึงอย่างไรตอนหลังก็ยังมีโอกาส เขาไม่รีบร้อนที่ทำแบบนั้นในตอนนี้ ตอนนี้การปะเหลาะผู้หญิงคนนี้ให้ดีก่อนคือเรื่องที่ใหญ่ที่สุด ไม่อย่างนั้นจะใช้ชีวิตลำบาก ปากที่เหมือนดาบคมของอวิ๋นจือชิว ถ้าได้ทำร้ายใครขึ้นมาก็ยากที่จะรับรสชาติแบบนั้นไหว</p>
<p>ส่วนอวิ๋นจือชิวก็ย้ายสมาธิไปจดจ่ออยู่กับงานแล้ว เหมียวอี้ขี้เกียจไม่สนใจเรื่องในด้านนี้ ไม่ว่าอะไรก็ให้กำลังพลเบื้องล่างทำหมด อวิ๋นจือชิวเองก็ไม่มีทางเลือก ทำได้เพียงรับงานมาจัดการต่อ อย่างน้อยก็ไม่อยากให้คนนอกมาตบตาได้</p>
<p>พอนางรับงานมา เหมียวอี้ก็ยิ่งวางใจแล้ว การโยกย้ายกำลังพลใหม่ในอาณาเขตที่ใหญ่ขนาดนั้น อวิ๋นจือชิวงานยุ่งมาก แต่เหมียวอี้กลับหลบไปฝึกตนอยู่ในห้องสมาธิ</p>
<p>ถึงแม้เหมียวอี้จะไม่เห็นด้วยที่ไปแตะต้องทางทะเลดาวนักษัตร แต่ประมุขถิ่นสี่ทิศยังเป็นฝ่ายมาขอโยกย้ายกำลังพลเองครั้งแล้วครั้งเล่า เหมียวอี้จึงทำได้เพียงยอมภายใต้ความจนใจ</p>
<p>วันนี้ขณะที่กำลังฝึกตน จู่ๆ หงเหมียนก็วิ่งมารายงาน &#8220;ท่านปราชญ์ เซี่ยงไป่ถิงของสำนักงามวิจิตรมาขอพบเจ้าค่ะ!&#8221;</p>
<p>ถึงอย่างไรอวิ๋นจือชิวก็เป็นผู้หญิง ไม่สะดวกจะมีผู้ชายอยู่ข้างกายตลอดเวลา ตอนนี้จะไปเทียบกับตอนที่นางอยู่โรงเตี๊ยมเมฆาวายุไม่ได้แล้ว ถึงอย่างไรก็แต่งงานแล้ว ไม่จะดวกจะให้เกิดข่าวลือที่ไม่ดี เบื้องล่างยังมีกลุ่มคนตำแหน่งเล็กกว่ามองนางอยู่ นางต้องทำตัวเป็นตัวอย่างที่ดี เซียนเอ๋อร์ เสวี่ยเอ๋อร์ก็ไม่ได้อยู่ข้างกายนางด้วย ฉินเวยเวยย่อมต้องมาเป็นผู้ช่วยนาง หงเหมียน ลู่หลิ่วย่อมกลายเป็นคนวิ่งส่งข่าวเช่นกัน</p>
<p>เหมียวอี้ที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียงหินถามอย่างแปลกใจ &#8220;เขาจะมาทำอะไร? ไม่พบ! มีเรื่องอะไรก็ไปให้ฮูหยินจัดการ&#8221; เขาไม่ได้รู้สึกดีอะไรกับเซี่ยงไป่ถิง</p>
<p>&#8220;ฮูหยินบอกแล้ว ว่านางไม่สะดวกจะจัดการเรื่องนี้ ให้ท่านไปพบด้วยตัวเองเจ้าค่ะ&#8221; หงเหมียนตอบ</p>
<p>เหมียวอี้ขมวดคิ้วแล้วลุกออกจากเตียง หงเหมียนรีบตามไปข้างหลังและช่วยดึงเสื้อผ้าที่นั่งจนยับให้เขา หลังจากได้มีความใกล้ชิดทางกายสัมผัสกันแล้ว การทำเรื่องแบบนี้ก็คิดว่าสมเหตุสมผล ไม่อย่างนั้นก็ยังเก้อเขินนิดหน่อยเพราะชายหญิงไม่ควรอยู่ใกล้ชิดกัน</p>
<p>พอมาถึงดถงหลัก ก็เห็นอวิ๋นจือชิวกำลังนั่งถือถ้วยน้ำชาอย่างสุขุมเยือกเย็น</p>
<p>เซี่ยงไป่ถิงที่ยืนอยู่เบื้องล่างกล่าวอย่างหวาดกลัวเกรงขามทันที &#8220;ผู้น้อยเข้าเยี่ยมคำนับท่านปราชญ์!&#8221;</p>
<p>สายตาของเหมียวอี้กลับไปหยุดอยู่บนตัวของอีกสามคน โม่หมิง เหมียวจวินอี๋และโม่จวินหลัน แต่ละคนคุกเข่าด้วยสภาพจนตรอก ในสีหน้าหดหู่แฝงไปด้วยความเศร้าสลด โดยเฉพาะโม่จวินหลัน เห็นได้ชัดว่าผ่านการร้องไห้มา</p>
<p>&#8220;หมายความว่ายังไง?&#8221; เหมียวอี้นั่งลงข้างกายอวิ๋นจือชิวแล้วเอ่ยถาม</p>
<p>อวิ๋นจือชิวอธิบายอย่างไม่ใส่ใจ ยามมีอำนาจผู้คนประจบ ยามสิ้นอำนาจผู้คนเมินเฉย พอตกต่ำก็คอยซ้ำเติม ไม่น่าเชื่อว่าเซี่ยงไป่ถิงจะวางยาพิษพ่อตาตัวเองและครอบครัว แม้แต่ฮูหยินของตัวเองก็ไม่ละเว้น จับมาขอรางวัลต่อหน้าเหมียวอี้พร้อมกัน</p>
<p>เซี่ยงไป่ถิงไม่รู้ว่าเหมียวอี้เป็นคนปล่อยครอบครัวของโม่หมิงไป แต่อวิ๋นจือชิวกลับเคยได้ยินเหมียวอี้เอ่ยถึง ตอนนี้เมื่อเห็นถูกจับมาอีก นางย่อมให้เหมียวอี้เป็นคนจัดการ</p>
<p>พอได้ยินเรื่องนี้ เหมียวอี้ก็จินตนาการถึงเหตุผลเบื้องหลังได้ไม่ยาก ถามว่า &#8220;เหมียวจวินอี๋ ได้ยินว่าลูกเขยคนนี้เจ้าเป็นคนเลือกเอง มีอะไรจะพูดมั้ย?&#8221;</p>
<p>เหมียวจวินอี๋ที่หน้าช้ำเขียวกล่าวอย่างสุดเศร้าว่า &#8220;ข้ามันมีตาแต่ไร้แวว กรรมตามสนองแล้ว!&#8221; ยากจะบรรยายถึงความน่าสังเวชในน้ำเสียงนั้นได้</p>
<p>เหมียวอี้ขี้คร้านจะพูดมาก ตะโกนเรียกว่า &#8220;เหยียนซิว!&#8221;</p>
<p>ด้านนอกมีร่างร่างหนึ่งถลันเข้ามา เหยียนซิวเดินเข้ามาแล้ว เหมียวอี้ไปชี้ไปที่เซี่ยงไป่ถิง แล้วโบกมือไปทางด้านนอก</p>
<p>เหยียนซิวเดินเข้ามาอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง ดึงแขนเซี่ยงไป่ถิงลากออกไปข้างนอกโดยตรง เซี่ยงไป่ถิงยังไม่ทันเข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไร ในขณะที่สงสัยก็หันกลับมามองไม่หยุด ใครจะคิดว่าพอโดนลากออกนอกประตู เหยียนซิวก็พลิกมือหยิบขวานออกมาด้ามหนึ่ง ฉวยโอกาสตอนที่เซี่ยงไป่ถิงยังไม่ทันรู้ตัว ยกมือฟันลงมา ฉึก! ศีรษะของเซี่ยงไป่ถิงกระเด็นออกไปทันที ไม่ทันได้ส่งเสียงร้องออกมาด้วยซ้ำ ร่างล้มลงนอนชักดิ้นอยู่บนพื้นแล้ว</p>
<p>เหมียวจวินอี๋และครอบครัวที่หันไปมองพากันตะลึงค้าง</p>
<p>&#8220;ไปเรียกหลี่โม่จินมา!&#8221; เหมียวอี้บอกเหยียนซิวที่กำลังกลับมรายงานผลงาน</p>
<p>ผ่านไปครู่เดียวหลี่โม่จินก็มาถึง เมื่อเห็นศิษย์น้องและครอบครัวกำลังนั่งคุกเข่า ก็ทำท่าอึกอักเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง</p>
<p>&#8220;นำมหาเคล็ดวิชาอู๋เลี่ยงภาคดินไปให้ศิษย์พี่ศิษย์น้องของพวกเจ้าฝึก ให้พวกเขาเฝ้าสำนักงามวิจิตรไว้ให้ดี รอให้เยารั่วเซียนกลับมารับช่วงต่อ&#8221; เหมียวอี้สั่งอวิ๋นจือชิวเอาไว้ แล้วก็กลับไปฝึกตนต่อ</p>
<p>ป่าเถื่อนมักง่าย! อวิ๋นจือชิวสบถในใจอย่างไม่สบอารมณ์ แต่ก็เข้าใจเจตนาของเหมียวอี้เช่นกัน เยารั่วเซียนหลอมของวิเศษคนเดียวโดยไม่มีผู้ช่วยทำให้ลำบากเปลืองแรง เมื่อมีกำลังคนของสำนักงามวิจิตรคอยช่วยก็ดีสุดๆ ไปเลย&#8230;</p>
<p>นภาอู๋เลี่ยง ยอดเขาเมฆาร่วงหล่น ขณะมองพวกเหมียวอี้เหาะไปที่เส้นขอบฟ้า หยางชิ่งที่ยืนลำพังอยู่บนยอดเขาก็ยากที่จะบรรยายความรู้สึกตกตะลึงของตัวเองออกมาได้</p>
<p>ก่อนที่จะไป เหมียวอี้บอกเรื่องพิภพใหญ่กับหยางชิ่ง เขาพาฉินเวยเวยไปด้วย ทิ้งให้หยางชิ่งอยู่รักษาการณ์ที่พิภพเล็ก</p>
<p>หงเฉิน จีเหม่ยลี่ อวี้หนูเจียวและฝ่าอินก็ถูกพาตัวไปเช่นกัน นี่คือสิ่งที่รับปากไว้กับสี่ปราชญ์ก่อนหน้านี้ เหมียวอี้เองก็รู้ว่าสี่ปราชญ์อยากจะยัดสี่คนนี้มาคอยเป็นหูเป็นตาอยู่ข้างกายเขา และถ้าจะพาอนุภรรยาใหม่ทั้งสี่คนไปโดยทิ้งฉินเวยเวยไว้อีก แบบนั้นก็จะฟังดูเหลวไหลไปหน่อย&#8230;</p>
<p>บนท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ไร้ขอบเขต เหมียวอี้และฮูหยินอยู่ตรงกลาง พวกอวิ๋นอ้าวเทียนตามอยู่ทางซ้ายและขวา กำลังเร่งเหาะอยู่บนท้องฟ้ากว้างที่เต็มไปด้วยหมู่ดาว</p>
<p>ตอนที่ประตูดวงดาวบานแรกปรากฏ ภาพอลังการยามกระสวยทองคุ้มครองทั้งเจ็ดคนให้ข้ามผ่านประตูดวงดาวก็ทำให้พวกอวิ๋นอ้าวเทียนได้เปิดหูเปิดตาเยอะมาก เรียกได้ว่าตกตะลึงพรึงเพริด ยิ่งรู้สึกได้ว่าตัวเองเล็กน้อยมากเมื่ออยู่ในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยหมู่ดาวนี้</p>
<p>ข้ามผ่านประตูดวงดาวมาตลอดทาง หลังจากมาถึงอาณาเขตของพิภพใหญ่แล้ว เหมียวอี้ก็ให้อวิ๋นจือชิวพาพวกอวิ๋นอ้าวเทียนไปหาที่พักในตลาดสวรรค์ก่อน ส่วนเขาก็ไปรับเป่าเหลียนที่ดาวไร้ลักษณ์</p>
<p>หลังจากทะลุฝ่าชั้นบรรยากาศ เหยียบลงในแนวเทือกเขาใกล้ๆ สำนักลมปราณแล้ว เหมียวอี้ก็เรียกคนสามคนออกมาจากกระเป๋าสัตว์</p>
<p>ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นเยียนเป่ยหง หงฝูและหงฝูที่ถูกขังอยู่ที่นภาจอมมารมาหลายปี ทั้งสามดูค่อนข้างจิตใจเซื่องซึม ถึงอย่างไรก็ถูกผนึกวรยุทธ์มาหลายปีเกินไป</p>
<p>เมื่อมองไปรอบๆ เยียนเป่ยหงก็ถามว่า &#8220;ที่นี่คือพิภพใหญ่เหรอ?&#8221;</p>
<p>เหมียวอี้พยักหน้า แล้วบอกว่า &#8220;สำนักลมปราณของที่นี่มีความสัมพันธ์กับข้าค่อนข้างดี พี่ใหญ่เยียนเพิ่งถูกปล่อยตัวได้ไม่นาน พักฟื้นสงบจิตใจอยู่ที่นี่สักระยะหนึ่งก่อน ให้ร่างกายฟื้นตัวสักหน่อย แล้วค่อยไปเที่ยวดูให้ทั่วก็ยังไม่สาย&#8221;</p>
<p>เยียนเป่ยหงยังคงกล้าหาญชาญชัย หัวเราะเสียงดังแล้วบอกว่า &#8220;น้องชาย ข้าไม่ได้อ่อนแออย่างที่เจ้าคิดหรอก พวกอวิ๋นอ้าวเทียนล่ะ มาด้วยกันไม่ใช่เหรอ?&#8221; เขามองไปรอบๆ อีก</p>
<p>เหมียวอี้กล่าวอย่างลังเลเล็กน้อยว่า &#8220;พี่ใหญ่เยียน ท่านเองก็รู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างเมียข้ากับอวิ๋นอ้าวเทียน และพวกอวิ๋นอ้าวเทียนก็ยังมีจุดที่ใช้ประโยชน์ได้ เห็นแก่หน้าน้องชายหน่อยได้มั้ย ให้ความขัดแย้งในอดีตจบลงตรงนี้?&#8221;</p>
<p>เยียนเป่ยหงเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วสุดท้ายก็ยกมือตบบ่าเหมียวอี้ &#8220;ต่อให้ไม่เห็นแก่หน้าน้องชาย แต่ก็ต้องเห็นแก่หน้าน้องสะใภ้ เรื่องนี้ผ่านไปแล้ว ไม่ต้องเอ่ยถึงแล้ว&#8221;</p>
<p>เหมียวอี้ดีใจมาก จากนั้นก็นำทั้งสามไปหาที่พักที่สำนักลมปราณ เจ้าสำนักอวี้หลิงย่อมไม่ปฏิเสธ ให้เยียนเป่ยหงและหญิงรับใช้ไปพักที่เรือนในป่าไผ่แล้ว</p>
<p>ก่อนที่จะไป เหมียวอี้ก็มอบเกราะรบผลึกแดงชุดหนึ่งให้เยียนเป่ยหง ส่วนหงฝูกับหงฝูก็มอบเกราะรบผลึกม่วงให้คนละชุด แล้วนำดาบใหญ่ผลึกแดงด้ามหนึ่งมอบให้เยียนเป่ยหง</p>
<p>เป็นเพราะอวิ๋นอ้าวเทียนไม่ยอมคืนดาบด้ามเดิมให้เยียนเป่ยหง อวิ๋นอ้าวเทียนคิดว่าถ้าดาบอยู่ในมือเยียนเป่ยหงจะอันตรายเกินไป ที่สำคัญเป็นเพราะรู้สึกว่าวิชามารของเยียนเป่ยหงน่ากลัวเกินไป และดาบด้ามนั้นก็มีราคาไม่น้อย อวิ๋นอ้าวเทียนเก็บไว้เองก็เป็นประโยชน์มากเหมือนกัน</p>
<p>หลังจากจัดที่พักทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เหมียวอี้ก็ไม่ได้อยู่ที่สำนักลมปราณนาน พาเป่าเหลียนออกไปแล้ว</p>
<p>พอกลับมาถึงตลาดสวรรค์ เหมียวอี้ก็มุ่งตรงไปรายงานตัวกับปี้เยว่ฮูหยินที่ตำหนักคุ้มเมือง บอกว่าตัวเองกลับมาแล้ว</p>
<p>เขารีบร้อนกลับมาที่จวนผู้บัญชาการเขตเมืองตะวันออก แล้วลงไปทางอุโมงค์ใต้ดินในบ่อน้ำ อวิ๋นจือชิวกำลังรอเขาอยู่ที่ลานบ้านด้านหลังของร้านโฉมเมฆา</p>
<p>&#8220;พวกเขาอยู่ที่ไหน?&#8221; เหมียวอี้ถาม</p>
<p>อวิ๋นจือชิวเหลือบตามองขึ้นไปบนตึก &#8220;รออยู่ที่ชัยภูมิถ้ำสวรรค์ชั่วคราว เจ้าสามของเจ้าข้าเกลี้ยกล่อมไม่ได้ นางไม่ยอมอยู่ที่นี่ ดึงดันจะติดตามอาจารย์ของนางไป&#8221;</p>
<p>เหมียวอี้ยกมือตบหน้าผากตัวเอง รู้สึกปวดหัวมาก ไม่รู้ว่าเยว่เหยาไปกินยาอะไรผิดมา หรือว่าจะโดนมู่ฝานจวินหรอกยากล่อมวิญญาณอะไรไป พอเห็นเขาก็เอียงหน้าหนีทำเป็นมองไม่เห็น ไม่สนใจใยดีเขาเลย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการคุยกันดีๆ ส่วนมู่ฝานจวินก็ยิ่งเก็บเยว่เหยาไว้ข้างกายไม่ให้ห่างไปไหนแม้แต่ก้าวเดียว</p>
<p>&#8220;ไม่สนใจนางแล้ว! ข้าว่านางถ้าไม่ได้ลองกินยาขมก็คงไม่รู้จักหันกลับมาหรอก!&#8221; เหมียวอี้พูดด้วยอารมณ์โกรธ จากนั้นก็ขึ้นไปบนตึกพร้อมอวิ๋นจือชิว เข้าไปในชัยภูมิถ้ำสวรรค์</p>
<p>คนกลุ่มใหญ่อยู่ในชัยภูมิถ้ำสวรรค์ ห้าปราชญ์ทิ้งลูกศิษย์ที่มีฝีมือไว้เพียงหนึ่งคนเพื่อให้ดูแลพิภพเล็กต่อไป ส่วนลูกศิษย์คนอื่นๆ ก็พามาด้วยหมด เหมียวอี้กวาดสายตามองหาเยว่เหยาที่อยู่ท่ามกลางกลุ่มคนพวกนี้ แต่เยว่เหยาพอเห็นเขาแล้วหันตัวหนีไปเลย ทำอย่างกับเป็นศัตรูคู่แค้นกัน</p>
<p>…………………………</p>

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด