พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1128 ใต้หล้าของตระกูลเดียว

Now you are reading พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า Chapter 1128 ใต้หล้าของตระกูลเดียว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

<p>ตอนนี้เหมียวอี้ขี้คร้านจะสนใจเจ้าเด็กคนนี้ เขาเชิญห้าปราชญ์เข้าไปคุยข้างในด้วยกันก่อน</p>
<p>ตอนนี้ยังไม่มีเรื่องอื่นใด เหมียวอี้เปิดอกพูดตรงๆ ยื่นมือบอกว่า &#8220;สัญญาที่ทุกคนควรจะทำตามก็ยังต้องทำตาม ตอนนี้ถึงคราวของพวกเจ้าแล้ว&#8221;</p>
<p>ห้าปราชญ์สบตากันแวบหนึ่ง ย่อมเข้าใจว่าอีกฝ่ายต้องการอะไร ควรจะมอบเคล็ดวิชาฝึกตนของตัวเองแล้ว</p>
<p>ถึงแม้จะมีการเตรียมพร้อมทางด้านสภาพจิตใจไว้แล้ว แต่เมื่อถึงเวลาที่จะต้องมอบให้จริงๆ ในใจแต่ละคนก็ยังขัดขืนนิดหน่อย สุดท้ายก็เป็นอวิ๋นอ้าวเทียนที่ทำตัวตรงไปตรงมา ยื่นแผ่นหยกแผ่นหนึ่งออกไป</p>
<p>เหมียวอี้รับมาอ่านในมือครู่หนึ่งแล้วเก็บไว้</p>
<p>เมื่อมีคนนำแล้ว คนที่เหลือก็ทำได้เพียงทยอยกันกันส่งของออกมา</p>
<p>หยิบมาอ่านทีละฉบับ เหมียวอี้ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าของจริงหรือของปลอม ทำได้เพียงเตือนว่า &#8220;หวังว่าพวกเจ้าจะไม่เล่นลูกไม้อะไรในของที่ให้มานะ ไม่อย่างนั้นต้องรับผลที่จะตามมาเอาเอง!&#8221;</p>
<p>อย่างอื่นก็ไม่มีอะไรต้องพูดแล้ว ให้ห้าปราชญ์พาคนไปหาโรงเตี๊ยมพักที่ตลาดสวรรค์ด้านนอก เป็นไปไม่ได้ที่ทุกคนจะมาเบียดเข้าๆ ออกๆ กันอยู่ในนี้ตลอด แบบนั้นสะดุดตาเกินไป</p>
<p>ที่นอกห้อง อวิ๋นจือชิวสั่งกำชับเรื่องกฎระเบียบของที่นี่ให้กลุ่มคนที่มาใหม่ฟังอีกครั้ง</p>
<p>หลังจากฟังอยู่ข้างๆ ห้าปราชญ์จบแล้ว เหมียวอี้ก็เอ่ยเรียกตรงๆ &#8220;เยว่เหยา มานี่หน่อย!&#8221; พูดจบก็หันตัวเดินเข้าไปในห้อง</p>
<p>เยว่เหยามองเขาแวบหนึ่ง แล้วก็หันหน้าหนี ทำเหมือนไม่ได้ยินอะไร</p>
<p>&#8220;เยว่เหยา!&#8221; เป็นมู่ฝานจวินที่กล่าวบอกใบ้ เยว่เหยาถึงได้เดินอิดออดเข้ามาในห้องอย่างไม่เต็มใจ</p>
<p>คนที่ไม่รู้สถานการณ์เบื้องลึกต่างก็คิดไปต่างๆ นาๆ มีคนไม่น้อยที่พึมพำในใจ อย่าบอกนะว่าเหมียวอี้ถูกใจเทพธิดาเยว่เหยาอีกแล้ว หรือว่ามู่ฝานจวินมีเจตนาจะให้ลูกศิษย์แต่งงานอีกคน?</p>
<p>ในห้อง พี่ชายและน้องสาวยืนอยู่ด้วยกัน เหมียวอี้ขมวดคิ้วมองเยว่เหยา ส่วนเยว่เหยาก็เชิดหน้ายืดอกสบตากับเขาอย่างไม่ยอมกัน</p>
<p>เหมียวอี้ค่อยๆ เริ่มเดือดดาล จู่ๆ ก็ยื่นมือออกมา บิดหูเยว่เหยาเอาไว้ &#8220;เจ้าว่ามาซิ เจ้าคิดจะพาลหาเรื่องยังไงกันแน่?&#8221;</p>
<p>เยว่เหยารู้สึกเจ็บ ทั้งผลักทั้งชกที่หน้าอกเหมียวอี้ไม่หยุด เหมือนกับคนเสียสติ ผลักเหมียวอี้ออกเหมือนพาลหาเรื่อง แล้วตะคอกอย่างกระหืดกระหอบว่า  &#8220;ชายหญิงไม่ควรถูกเนื้อต้องตัวกัน!&#8221;</p>
<p>เหมียวอี้กลอกตามองบน แล้วพยายามกล่าวอย่างใจเย็นว่า &#8220;เจ้าสาม เลิกพาลสักทีได้ไหม? เจ้าดูไม่ออกเหรอว่ามู่ฝานจวินอยากจะใช้เจ้ามาบีบจุดอ่อนของข้า? ตอนนี้ศิษย์พี่เจ้าแต่งงานกับข้าแล้ว เจ้าไม่ต้องกลัวว่ามู่ฝานจวินจะเอาศิษย์พี่เจ้ามากดดันอีก ถ้าตอนนี้เจ้ามาอยู่กับข้า มู่ฝานจวินก็ไม่กล้าคัดค้านหรอก&#8221;</p>
<p>&#8220;ข้าจะอาศัยฐานะอะไรมาอยู่กับท่านล่ะ?&#8221; เยว่เหยาถามตรงๆ</p>
<p>&#8220;เจ้ายังไม่รู้จักจบสักทีใช่มั้ย?&#8221; เหมียวอี้โมโหแล้ว</p>
<p>&#8220;ตอนแรกท่านรับปากแล้วว่าจะแต่งงานกับข้าและศิษย์พี่ ตอนนี้ท่านแต่งงานกับศิษย์พี่แค่คนเดียว&#8221; เยว่เหยาพูดอีก</p>
<p>เหมียวอี้อยากจะตบหน้านางสักฉาดจริงๆ ชี้จมูกนางพร้อมด่าว่า &#8220;สมองเจ้ามีปัญหาเหรอ? คิดแต่เรื่องเหลวไหลไร้ระเบียบ!&#8221;</p>
<p>เยว่เหยาแสยะยิ้ม &#8220;ข้าสมองมีปัญหา ข้าแค่อยากจะถามท่านสักหน่อย ข้าจะอาศัยฐานะอะไรไปอยู่กับท่าน? ท่านกับข้าไม่ใช่พี่น้องสายเลือดเดียวกัน อย่าบอกนะว่าข้าต้องอยู่ข้างกายท่าน ให้ท่านเลี้ยงไปทั้งชีวิต? แค่ตอนเด็กอยู่กับท่านไม่กี่ปี ก็จะอาศัยฐานะพี่น้องมากินของท่าน ใช้ของท่านไปทั้งชีวิตน่ะเหรอ? ใช่ ท่านอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล แต่พวกพี่สะใภ้สะคิดยังไงล่ะ?&#8221;</p>
<p>&#8220;เจ้าคิดมากไปแล้ว พี่สะใภ้เจ้าไม่ถือสาเรื่องนี้หรอก&#8221;</p>
<p>เยว่เหยาตะคอกเสียงดังว่า &#8220;แต่ข้าถือ! ข้าไม่อยากเป็นขยะไร้ประโยชน์ที่กินอยู่กับท่านเฉยๆ ท่านเคยคิดถึงความรู้สึกของข้าบ้างรึเปล่า? พี่ใหญ่ ข้าก็มีศักดิ์ศรีของข้าเหมือนกันนะ ข้าไม่ใช่เด็กน้อยในปีนั้นแล้ว ท่านอย่าเอาแต่มองว่าข้าเป็นเด็กสิ!&#8221;</p>
<p>เหมียวอี้อึ้งชะงักทันที เขาไม่เคยนึกถึงสิ่งเหล่านี้มาก่อน เขาเองก็ไม่เคยสนใจในด้านความรู้สึกของเยว่เหยาเลย จึงขมวดคิ้วบอกว่า &#8220;เอาอย่างนี้มั้ย! ข้าจะหาทางช่วยเจ้าทำร้านค้าสักร้านที่ตลาดสวรรค์ แล้วเจ้าก็เลี้ยงดูตัวเองดีไหม? อย่าติดตามมู่ฝานจวินไปทั่ว พิภพใหญ่ไม่ได้ปลอดภัยอย่างที่เจ้าคิด!&#8221;</p>
<p>เยว่เหยากลับกล่าววิงวอนอย่างทุกข์ใจ &#8220;อาจารย์ก็ต้องการให้ข้าทำอย่างนั้น ท่านก็ต้องการให้ข้าทำอย่างนี้ ศิษย์พี่ก็เฝ้าหวังให้ข้าเป็นอีกอย่างหนึ่ง พวกท่านคิดจะให้ข้าเป็นยังไงกันแน่? พี่ใหญ่ ข้าไม่ใช่เด็กแล้ว ท่านให้ข้าเดินตามเส้นทางของตัวเองได้มั้ย?&#8221;</p>
<p>เหมียวอี้ทำสีหน้าสับสน ตัวเองอยากจะทำดีกับนาง แต่นึกไม่ถึงว่าจะกลายเป็นภาระอย่างหนึ่งในสายตาของเจ้าสาม! หลังจากเงียบไปพักใหญ่ ก็ถามอีกว่า &#8220;เจ้าสาม เจ้าคงไม่ได้ต้องการให้ข้าแต่งงานกับเจ้าจริงๆ หรอกใช่มั้ย เจ้าถึงจะยอมอยู่ในโอวาท?&#8221;</p>
<p>เยว่เหยาส่ายหน้ายิ้มเจื่อน &#8220;พี่ใหญ่ ข้ายอมรับว่าตอนแรกข้าวู่วามจริงๆ อยากแต่งงานกับท่านจริงๆ แต่หลังจากที่ท่านแต่งงานกับพี่สะใภ้ใหญ่ นั่นก็เป็นไปไม่ได้แล้ว ข้าอยู่แดนโพ้นสวรรค์มาหลายปี บางทีอาจจะไม่ได้มีอนาคตดีอะไร แต่ก็ชินกับการทำตัวสูงส่งแล้ว ผู้หญิงที่มีสภาพจิตใจอย่างข้าจะแต่งงานเป็นอนุภรรยาไปรวมกับผู้หญิงเป็นโขยงได้อย่างไร? อย่าว่าแต่ข้าเลย แม้แต่ศิษย์พี่ข้ากับจีเหม่ยลี่ มีใครบ้างที่เต็มใจแต่งงานเป็นอนุภรรยา?&#8221;</p>
<p>เหมียวอี้ถูกนางพูดแทงใจดำจนตอบโต้ไม่ได้ไปพักหนึ่ง &#8220;เจ้าสาม ข้าดิ้นรนอยู่ที่พิภพใหญ่ไปเพื่ออะไรล่ะ ไม่ใช่เพราะอยากให้พวกเจ้าอยู่กันอย่างสงบสุขหรอกเหรอ แค่อยากจะสร้างเงื่อนไขที่ดีให้พวกเจ้า! เจ้ารองไม่เชื่อฟังข้า แอบหนีไปแล้ว แล้วเจ้าก็มาเป็นแบบนี้อีก ทำไมพวกเจ้าจะต้องต่อต้านข้าด้วย?&#8221;</p>
<p>เมื่อเห็นพี่ใหญ่ทำสีหน้าอับจนปัญญา เยว่เหยาก็น้ำตาคลอเบ้า จู่ๆ ก็กางแขนโผเข้าไปกอดเขา กอดไว้แน่นไม่ยอมปล่อย กล่าวขอร้องด้วยความจริงใจอยู่ในอ้อมอกของเขา &#8220;พี่ใหญ่ ข้าไม่ใช่เด็กแล้วจริงๆ ข้าโตแล้ว ท่านให้ข้าเลือกเส้นทางของตัวเองได้มั้ย?&#8221;</p>
<p>เหมียวอี้ที่ถูกกอดยืนเงียบๆ อยู่อย่างนั้น สีหน้าเศร้าสลด สุดท้ายก็กล่าวเสียงต่ำอย่างเศร้าซีมสุดๆ ว่า &#8220;ไปเถอะ! ไปเถอะ! ไปหาเส้นทางของตัวเองเถอะ! ถ้าเจออุปสรรคที่ก้าวผ่านไปไม่ได้ ก็จำไว้ว่าให้กลับมาหาพี่ใหญ่ เจ้าสาม…พี่ใหญ่จะยืนอยู่ข้างหลังเจ้าตลอดไป!&#8221;</p>
<p>&#8220;อื้มๆ!&#8221; เยว่เหยาหมอบร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ในอ้อมอกเขา</p>
<p>หลังจากทั้งสองออกมาแล้ว เหมียวอี้ก็เรียกอวิ๋นจือชิวมาสั่งอะไรบางอย่าง ให้อวิ๋นจือชิวรีบไปหาเกราะรบและอาวุธที่เหมาะสมในตลาดสวรรค์มาให้เจ้าสาม แล้วก็รวบรวมยาแก่นเซียนสิบล้านเม็ดกับสมุนไพรเซียนซิงหัวจำนวนหนึ่ง ทั้งยังมีสัตว์เทพ แล้วก็ทำสำเนาเคล็ดวิชาสวรรค์เก้าชั้นฟ้าภาคคนที่มู่ฝานจวินให้หนึ่งฉบับ เขามอบของจำเป็นทุกอย่างให้เยว่เหยาในรวดเดียว</p>
<p>อวิ๋นจือชิวอึกอักเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง รู้สึกว่าให้ของกับเยว่เหยามากมายขนาดนี้ในรวดเดียว ต่อไปจะไม่ตกอยู่ในมือมู่ฝานจวินหรอกเหรอ แต่นางรู้ว่าของแบบนี้ไม่มีทางเหลือให้ต่อรองอะไรทั้งนั้น ไม่อย่างนั้นจะยั่วให้เหมียวอี้โมโห ถึงตอบตกลงและไปจัดการให้ทันที</p>
<p>คลื่นระลอกแลกยังไม่สงบ ก็มีคลื่นตามมาอีกระลอกแล้ว อันหรูอวี้มาหาเหมียวอี้แล้วถามว่า &#8220;ท่านอาจารย์รู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องอยู่ที่โรงเตี๊ยม จะไปอยู่ที่ร้านค้าของหลางหลางกับหวนหวน คงจะไม่ส่งผลกระทบอะไรต่อพวกนางใช่มั้ย?&#8221;</p>
<p>ระหว่างนางกับโอวหยางกวงผู้เป็นสามี มู่ฝานจวินพานางมาแค่คนเดียว เรื่องการมาพิภพใหญ่สำหรับมู่ฝานจวิน ถ้ารากฐานยังไม่มั่นคงพอ คนนอกก็ไว้วางใจไม่ได้เลย และหลังจากที่อันหรูอวี้มาถึงพิภพใหญ่ ได้รู้จากปากจงเจิ้นว่าลูกสาวทั้งคู่ของนางมาเติบโตอยู่ที่พิภพใหญ่ตั้งนานแล้ว ทั้งยังได้เปิดร้านค้าอยู่ในเขตทำเลทองอย่างตลาดสวรรค์ด้วย ในใจนางก็รู้สึกปลาบปลื้มไม่หาย รู้สึกว่าสุดท้ายเหมียวอี้ก็ไม่ได้ปฏิบัติต่อลูกสาวตนอย่างไร้ความยุติธรรม</p>
<p>แต่สิ่งที่ทำให้นางตกใจก็คือ นึกไม่ถึงว่ามู่ฝานจวินจะต้องการไปพักที่ร้านค้าลูกสาวตน ไม่รู้ว่ามู่ฝานจวินมีเจตนาอะไร ไม่รู้ว่าทำแบบนี้จะนำพาความยุ่งยากอะไรมาให้ลูกสาวหรือเปล่า ถึงได้แอบมาถามเหมียวอี้ก่อน</p>
<p>เหมียวอี้เข้าใจถึงเจตนาของนาง ยิ้มบางๆ พร้อมตอบว่า &#8220;ไปเถอะ ท่านเองก็ไม่ได้เจอกับหลางหลาง หวนหวนมาหลายปีแล้ว ไปเยี่ยมพวกนางหน่อยก็ดีเหมือนกัน แต่ข้ามีเรื่องหนึ่งอยากจะฝากฝัง!&#8221;</p>
<p>&#8220;ว่ามาเลย!&#8221; อันหรูอวี้พยักหน้า</p>
<p>&#8220;ที่จริงเยว่เหยาเป็นน้องสาวของข้า&#8230;&#8221; เหมียวอี้ไม่ปิดบังนาง บอกความสัมพันธ์ที่แท้จริงระหว่างตัวเองกับเยว่เหยาแล้ว</p>
<p>อันหรูอวี้ตกตะลึงมาก เหมียวอี้แอบสั่งว่า &#8220;นางเติบโตแล้ว ข้าเองก็ควบคุมนางไม่ได้แล้วเหมือนกัน รบกวนให้ท่านแม่ยายช่วยดูแลให้ข้าหน่อย ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็อย่าลืมติดต่อมาหาข้า ส่วนหลางหลางกับหวนหวนมีข้าดูแลอยู่ ท่านไม่ต้องเป็นห่วง! ถ้าท่านเองมีเรื่องจำเป็นอะไรก็ไปหาหลางหลางกับหวนหวนได้เลย ทรัพยากรที่มีอยู่ในมือพวกนาง จะใช้ดูแลมารดาสักคนก็ไม่ใช่ปัญหา!&#8221;</p>
<p>อันหรูอวี้พยักหน้าตอบรับ ในใจรู้สึกปลื้มปิติยินดี ฟังจากความหมายในคำพูดของเหมียวอี้ ในมือลูกสาวตัวเองมีของฟุ่มเฟือยหรูหรามาก อยู่ที่พิภพใหญ่นับว่าไม่ต้องกังวลเรื่องกินเรื่องอยู่ ไม่ขาดทรัพยากรฝึกตน แบบนี้นางก็หายห่วงแล้ว</p>
<p>เหมียวอี้นำระฆังดาราอันหนึ่งออกสอนวิธีการใช้งานให้อันหรูอวี้ ทั้งสองฝ่ายสร้างช่องทางการติดต่อกันอย่างลับ</p>
<p>อีกด้านหนึ่ง อวิ๋นจือชิวเชิญคนของตระกูลอวิ๋นไปคุยกันในอีกห้องหนึ่ง</p>
<p>คนของตระกูลอวิ๋นมาที่นี่ไม่น้อยเลย หัวมังหรอย่างอวิ๋นอ้าวเทียนก็ย่อมไม่ต้องพูดถึง รองลงมาก็มีอวิ๋นเซี่ยวลูกชายคนที่หก อวิ๋นเป้าลูกชายคนที่แปด อวิ๋นเจวียนลูกสาวคนที่สิบสาม อวิ๋นเฟิงลูกชายคนที่สิบสี่ อวิ๋นกางลูกชายคนที่สิบหก อวิ๋นก่วงลูกชายคนที่สิบเก้า อวิ๋นเซียงลูกสาวคนที่สามสิบสาม นอกจากลูกชายคนโตก็มีอวิ๋นเสียลูกสาวคนที่สามที่ถูกโยนตำแหน่งสำคัญให้รักษาการณ์ที่นภาจอมมาร ส่วนลูกชายลูกสาวคนอื่นๆ ที่เหลือรอดอยู่ก็ถูกอวิ๋นอ้าวเทียนพามาด้วยทั้งหมด</p>
<p>อวิ๋นอ้าวเทียนแสดงออกชัดเจนว่าต้องการมาบุกยึดพิภพใหญ่ รุ่นที่สองของตระกูลอวิ๋นแทบจะถูกพาออกมาทั้งรัง เรียกได้ว่ามาอยู่ในกระบวนทัพของพ่อตัวเอง ล้วนเป็นคนที่มีสายเลือดเดียวกัน ไม่ต้องกังวลว่าจะไม่สามัคคีกันหรือเกิดความขัดแย้งภายใน</p>
<p>เมื่ออยู่ที่พิภพเล็ก กระบวนทัพนี้ถือว่าไม่เล็กเลย แต่กลับเป็นสิ่งที่น่ากังวลในสายตาของอวิ๋นจือชิว อวิ๋นกาง อวิ๋นก่วงและอวิ๋นเซียงเพิ่งวรยุทธ์ระดับบงกชม่วง อยู่ที่พิภพใหญ่ค่อนข้างน่าเป็นห่วง</p>
<p>อวิ๋นอ้าวเทียนมองออกถึงความกังวลวที่อยู่ในดวงตาของหลานสาว กล่าวเสียงเรียบว่า &#8220;น้องชิว เจ้าใช้ชีวิตของเจ้าให้ดีเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วงพวกเรา&#8221;</p>
<p>อวิ๋นจือชิวนำแผ่นหยกออกมาแผ่นหนึ่ง ยัดใส่ในมืออวิ๋นอ้าวเทียนพร้อมบอกว่า &#8220;ท่านปู่ นี่คือเคล็ดวิชาจอมมารไร้เทียมทานภาคดิน หวังว่าท่านปู่จะฝึกสำเร็จในเร็ววัน ส่วนภาคคน หวังว่าท่านปู่จะถ่ายทอดให้พวกท่านอากับท่านอาหญิงไวๆ ทุกคนจะได้มีความสามารถในการปกป้องตัวเอง จะได้เสี่ยงอันตรายน้อยลง ส่วนเคล็ดวิชาภาคฟ้า ข้าจะเร่งให้เหมียวอี้รีบไปหา ขอเพียงหาพบแล้ว จะต้องรีบมาส่งให้ถึงมือท่านปู่แน่นอน&#8221;</p>
<p>พอได้ยินนางพูกแบบนี้ พวกอวิ๋นเซี่ยวก็ตกตะลึง พอจะฟังออกถึงความหมายที่แฝงอยู่ในนั้น เหมือนเคล็ดวิชาจอมมารไร้เทียมทานที่ท่านพ่อฝึกจะยังไม่ครบสมบูรณ์</p>
<p>อวิ๋นอ้าวเทียนเงียบไปครู่หนึ่ง เก็บเคล็ดวิชาภาคดินไว้อย่างเงียบๆ</p>
<p>ยังไม่จบแค่นั้น อวิ๋นจือชิวนำกำไลเก็บสมบัติวงหนึ่งออกมาให้เขาอีก &#8220;ท่านปู่ ในนี้คือยาแก่นเซียนสิบล้านเม็ด แล้วก็มีสมุนไพรเซียนซิงหัวจำนวนหนึ่ง หลานสาวมีความสามารถจำกัด ตอนนี้ช่วยเหลือได้เพียงเท่านี้ หวังว่าท่านปู่จะไม่รังเกียจ&#8221;</p>
<p>ยาแก่นเซียนสิบล้านเม็ดเหรอ? นี่มีค่าเท่าลูกแก้วพลังปรารถนาเท่าไรกัน? พวกอวิ๋นเซี่ยวตกตะลึงอีกครั้ง</p>
<p>อวิ๋นอ้าวเทียนขมวดคิ้ว &#8220;ปู่เจ้าไม่ได้มาเพื่อขอข้าวกิน เจ้าเก็บไว้ใช้เองเถอะ ถ้าขาดเหลืออะไรพวกเราจะจัดการกันเอง มีมือมีเท้าไม่หิวตายหรอก&#8221; เขายัดกลับคืนใส่มืออวิ๋นจือชิวอีกครั้ง</p>
<p>อวิ๋นจือชิวกล่าวขอร้องทันที &#8220;ท่านปู่ พวกท่านมาที่พิภพใหญ่ด้วยกำลังที่อ่อนแอ ถ้าจะบุกไปแบบนี้หลานสาวจะสงบใจได้อย่างไร เก็บไว้เถอะค่ะ คิดเสียว่ายืมข้าตกลงมั้ย รอให้พวกท่านมีแล้วค่อยคืนข้าได้มั้ย? นับว่ายืมของข้าตกลงมั้ย?&#8221; พูดจบก็ทำท่าจะคุกเข่า</p>
<p>ฉากนี้ทำให้พวกอวิ๋นเซี่ยวประทับใจไม่หยุด ตระกูลอวิ๋นมีลูกสาวหลานสาวแบบนี้ ยังจะมีอะไรต้องพูดอีก</p>
<p>อวิ๋นอ้าวเทียนดึงแขนนางไว้แล้วถอนหายใจ &#8220;ผิดแล้ว ผิด!&#8221;</p>
<p>อวิ๋นจือชิวเอามือลูบดวงตา แอบร่ายอิทธิฤทธิ์กระตุ้นต่อมน้ำตา ในดวงตามีหยดน้ำตาไหลวนเวียน หลังจากยัดกำไลเก็บสมบัติใส่ในมืออวิ๋นอ้าวเทียนแล้ว ก็นำแหวนเก็บสมบัติยัดใส่มือพวกอวิ๋นเซี่ยวคนละวง พร้อมกล่าวพลางน้ำตาคลอเบ้า &#8220;ท่านอาหก ยาแก่นเซียนคนละหนึ่งล้านเม็ด บวกกับสมุนไพรเซียนซิงหัวอีกไม่กี่ต้นเพื่อแสดงน้ำใจ น้องชิวมีความสามารถจำกัด ตอนนี้หามาได้เพียงเท่านี้ พวกท่านอย่ารังเกียจที่มันน้อยไป เมื่อก่อนน้องชิวไม่เชื่อฟังท่านปู่ ตอนนี้ก็อยู่แสดงความกตัญญูข้างกายท่านปูไม่ได้ด้วย พวกท่านช่วยข้าดูแลท่านปู่ให้ดีนะ ถ้ามีอะไรต้องการให้เหมียวอี้ช่วย ก็มาหาข้าได้เลย ไม่ว่าจะช่วยไหวหรือจะช่วยไม่ไหว น้องชิวก็จะไม่ปฏิเสธแน่นอน จะต้องพยายามช่วยอย่างสุดกำลัง!&#8221;</p>
<p>…………………………</p>

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด