พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1146 กลางเผิงไหลสามพัน

Now you are reading พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า Chapter 1146 กลางเผิงไหลสามพัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

<p>ถึงแม้ปากจะพูดแบบนี้ แต่เขาก็ยังรู้สึกกินปูนร้อนท้องนิดหน่อย มีหญิงชู้นอกบ้านลับหลังอวิ๋นจือชิว ถ้าให้อวิ๋นจือชิวรู้เรื่องนี้ สวรรค์คงรู้ว่าจะเกิดผลลัพธ์อย่างไร ไม่กล้าจินตนาการถึงเลยจริงๆ</p>
<p>&#8220;เอาตามนี้แล้วกัน!&#8221; หวงฝู่จวินโหรวยิ้มอย่างสดใสดุจดอกไม้ในทันที หยิบระฆังดาราออกมาคู่หนึ่ง ต้องการสร้างวิธีการติดต่อกับเหมียวอี้อย่างเป็นทางการ</p>
<p>เป็นเพราะไม่ชัดเจนกับเหมียวอี้มาหลายปี เหมียวอี้จงใจหลบซ่อนนางตลอด แม้แต่วิธีการติดต่อกันก็ยังไม่เคยสร้างขึ้นมา หลบหลีกนางอยู่ตลอด วันนี้นับว่าติดต่อกันได้แล้ว</p>
<p>หลังจากแน่ใจวิธีการติดต่อแล้ว เหมียวอี้ก็เก็บระฆังดาราพลางถอนหายใจเบาๆ แต่หวงฝู่จวินโหรวกลับคล้องแขนเหมียวอี้อย่างตรงไปตรงมาทันที เงยหน้าเชิดอก สีหน้าท่าทางกระปรี้กระเปร่า ในดวงตางามที่ยิ้มอย่างสนิทสนมดูสดใสมีชีวิตชีวากล่าวอย่างสบายใจว่า &#8220;วันนี้อากาศดีจังเลย!&#8221;</p>
<p>เหมียวอี้เงยหน้ามองฟ้าที่มีเมฆลอยวนเวียน มองไม่ออกจริงๆ ว่าอากาศดีตรงไหน</p>
<p>พอมองดูแขนของตัวเองที่โดนอีกฝ่ายคล้องกอดอย่างไม่สนใจอะไร เขาก็เปลี่ยนมาครุ่นคิดทันที พบว่าวุ่นวายมาตั้งนานแต่ผลลัพธ์ไม่แตกต่างอะไรกับเมื่อก่อนเลยเหรอ? ไม่มีอะไรแตกต่างกันเลย เดิมทีทั้งสองเหมือนจะมีความสัมพันธ์ที่บอกใครไม่ได้ ตอนนี้ก็แค่ไม่ต้องหลบหน้ากันและกันอีกแล้ว พอกลับมาถึงตลาดสวรรค์ ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับหวงฝู่จะต่างอะไรกับพวกอวิ๋นจือชิวสักเท่าไรล่ะ? กับพวกอวิ๋นจือชิวก็ไม่สามารถไปมาหาสู่กันได้อย่างเปิดเผยเหมือนกัน เขาปวดหัวนิดหน่อย สงสัยการที่ตัวเองหลบหลีกมาหลายปีขนาดนี้ สุดท้ายก็ยังทำให้หวงฝู่จวินโหรวสมปรารถนาอยู่ดี!</p>
<p>เขาไม่ชินกับการทำอะไรแบบนี้กับหวงฝู่จวินโหรวกลางวันแสกๆ รู้สึกอึดอัดไปทั้งตัว จึงแกะมือนางออก &#8220;อย่าโอบกอดแบบนี้!&#8221;</p>
<p>&#8220;กำหนดความสัมพันธ์แล้ว กอดนิดกอดหน่อยจะเป็นไรไป? ตรงนี้ไม่มีคนรู้จักเห็นสักหน่อย ขนาดผู้หญิงอย่างข้ายังไม่เป็นอะไรเลย เจ้าจะกลัวอะไร? ทำเหมือนเจ้าบริสุทธิ์ผุดผ่องมากอย่างนั้นแหละ เวลาใช้ไม้แข็งกับข้าไม่เห็นเจ้าทำตัวสุภาพเรียบร้อยแบบนี้เลย&#8221; หวงฝู่จวินโหรวกอดเขาไม่ยอมปล่อย ดึงเขาไปชมนกชมไม้ด้วยกัน ตอนนี้นางอารมณ์ดีมาก ไม่ว่าจะมองอะไรก็สวยงามไปหมด แต่ท่านขุนนางเหมียวกลับเห็นแล้วไม่รู้สึกถึงรสชาติอะไรทั้งนั้น เหมือนจะเหม่อลอยนิดหน่อย ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ แม้แต่เรื่องหาสมบัติก็โยนทิ้งไปแล้ว</p>
<p>เที่ยวเล่นจนกระทั่งฟ้ามืด เหมียวอี้ได้รับข้อความของจงหลีค่วย ถามว่าพวกเขาอยู่ที่ไหน เมื่อไรจะกลับมา</p>
<p>ทว่าคืนนี้หวงฝู่จวินโหรวไม่อยากกลับ ต้องการอยู่ในโลกที่มีแค่นางกับเหมียวอี้ ไม่ว่าจะอย่างไรวันนี้นางก็จะทำให้เหมียวอี้เติมเต็มนางให้ได้ นางถึงขนาดออดอ้อนแล้วด้วยซ้ำ เหมียวอี้แพ้แล้ว ทำได้เพียงบอกจงหลีค่วยว่าคืนนี้ไม่กลับ</p>
<p>บนยอดเขาแห่งหนึ่ง หวงฝู่โยนชัยภูมิถ้ำสวรรค์หลังหนึ่งออกมา หลังจากเข้าไปพิถีพิถันแต่งตัวแล้ว ก็สวมชุดกระโปรงผ้ามุ้งสีชมพูออกมา บนศีรษะปักปิ่นรูปแมลงปอที่เหมียวอี้เคยมอบให้นางในปีนั้น ท่ามกลางแสงแดดยามเย็น นางสะบัดกระโปรงหมุนตัวอย่างอรชรอ้อนแอ้นอยู่ตรงหน้าเหมียวอี้ แล้วยิ้มพร้อมถามว่า &#8220;สวยมั้ย?&#8221;</p>
<p>เหมียวอี้ที่อารมณ์สงบลงแล้วยิ้มบางๆ &#8220;ในปีนั้นตอนที่ข้ามาตลาดสวรรค์ครั้งแรกข้าก็ได้ยินคนลือกันแล้ว คนหนึ่งชื่อหวงฝู่จวินโหรว อีกคนชื่อเสวี่ยหลิงหลง เป็นบุปผาสองดอกของตลาดสวรรค์ จะไม่สวยได้อย่างไรล่ะ?&#8221; ขณะที่พูดก็ตบบนแท่นหินข้างๆ บอกใบให้นางมานั่งลง</p>
<p>เมื่อได้ยินเขาชมว่าตัวเองสวย บนใบหน้าหวงฝู่ก็ปรากฏรอยยิ้มที่มาจากใจ เดินเข้ามานั่งลงข้างกายเขา แล้วกอดแขนเขาพร้อมถามว่า &#8220;ดอกไม้สองดอกโดนเจ้าเด็ดไปแล้วหนึ่งดอก เจ้าภูมิใจมากใช่มั้ยล่ะ?&#8221;</p>
<p>เหมียวอี้พ่นเสียงทางจมูก แล้วบอกว่า &#8220;ถ้าข้าอยากจะเด็ดอีกดอกหนึ่ง แค่พูดคำเดียวก็เรียบร้อยแล้ว&#8221;</p>
<p>หวงฝู่ทุบเขาหนึ่งหมัด แสดงออกว่าไม่พอใจ &#8220;ห้ามเจ้าคิดอะไรกับเสวี่ยหลิงหลง ถ้าเจ้าให้สถานะกับนางไม่ได้ ก็อย่าไปย่ำยีนาง นางใช้ชีวิตลำบากอยู่แล้ว&#8221;</p>
<p>&#8220;เสวี่ยหลิงหลงก็เป็นแค่เนื้อที่อยู่ข้างปากข้าเท่านั้น อยู่ที่ตลาดสวรรค์ถ้าข้าไม่กิน คนอื่นก็ไม่กล้าแตะต้องเหมือนกัน&#8221; เหมียวอี้พูดหยอก</p>
<p>หวงฝู่ทุบเขาอีกที &#8220;ในสายตาของเจ้า ข้ากับเสวี่ยหลิงหลงใครสวยกว่า?&#8221;</p>
<p>&#8220;ต่างคนต่างมีจุดเด่นคนละอย่าง&#8221; เหมียวอี้ตอบ</p>
<p>หวงฝู่กะพริบตาถาม &#8220;ข้าสวยกว่าหรือว่าเถ้าแก่เนี้ยร้านโฉมเมฆาสวยกว่า?&#8221; นี่ต่างหากคือสิ่งที่นางอยากถามจริงๆ</p>
<p>&#8220;เปรียบเทียบข้ากับเซี่ยโห้วหลงเฉิงคนรักเก่าของเจ้าสักหน่อยมั้ยล่ะ?&#8221; เหมียวอี้ถามกลับ</p>
<p>ไม่นานทั้งสงก็เริ่มเถียงกัน จนกระทั่งรอบข้างมืดสนิท ดวงจันทร์ส่องสว่าง ทั้งสองถึงได้สงบลง ถ้าจะพูดให้ถูกคือแช่อิ่มอยู่ท่ามกลางทิวทัศน์อันยอดเยี่ยมรอบๆ ในที่สุดก็รอจนได้เห็นเรื่องปาฏิหาริย์ที่จงหลีค่วยบอกว่าต้องรอให้ถึงตอนกลางคืนถึงจะเห็น</p>
<p>พระจันทร์สีน้ำเงินสาดแสงอยู่บนทะเลเมฆ เมฆหมอกที่เป็นคลื่นซัดสาดขยายวงกว้างขึ้นลงไม่หยุดราวกับทางช้างเผือก แต่กลับรินไหลอย่างอ่อนโยน ดวงดาวเต็มท้องฟ้ากะพริบระยิบระยับอยู่ทั่วทิศ ราวกับสว่างวิบวับขึ้นมาจากทางช้างเผือก มีดาวตกพุ่งผ่านให้เห็นอยู่เป็นระยะ แสงจันทร์กระจ่างแสงดาวระยิบระยับ ทิวทัศน์ที่อ่อนโยนและได้อารมณ์ไร้ที่สิ้นสุด สงบเงียบกว้างใหญ่ สวยจนทำให้คนใจแตก</p>
<p>สรุปว่าหวงฝู่จวินโหรวถูกความงามนี้ทำให้ลุ่มหลงแล้ว นางอิงแอบที่บ่าของเหมียวอี้ พึมพำด้วยสายตาเคลิบเคลิ้มว่า &#8220;สวยจริงๆ…&#8221;</p>
<p>ทันใดนั้น บนฟ้าก็มีเรื่องมหัศจรรย์เกิดขึ้นอีก ทั้งสองคนที่กำลังตกตะลึงกับปรากฏการณ์มหัศจรรย์ที่วาดอยู่บนท้องพลันเงยหน้า</p>
<p>แสงสุกสกาวสีม่วงตระการตาพัดม้วนตามลมอยู่บนท้องฟ้ายามค่ำคืน ไม่นานก็มีสีเขียว แล้วก็มีสีฟ้าตามเข้ามาประสม แผ่ขยายตามอำเภอใจอยู่บนท้องฟ้าที่กว้างใหญ่ ระบายสีสันที่สวยเลิศล้ำให้ท้องฟ้ายามราตรีอย่างเงียบๆ</p>
<p>สิ่งนี้ทั้งสองคนล้วนเคยเห็นมาก่อน เพียงแต่อยู่ที่ขั้วโลกถึงได้ปรากฏแสงขั้วโลกขึ้นมา แต่การปรากฏแสงชั้วโลกในสถานที่ที่ไม่ใช่ขั้วโลกแบบนี้กลับทำให้คนประหลาดใจจริงๆ และการประสมของแสงขั้วโลกก็ยิ่งทำให้ทิวทัศน์งดงามที่อยู่ตรงหน้าตราตรึงใจ ยอดเยี่ยมจนบรรยายเป็นคำพูดไม่ได้จริงๆ</p>
<p>ผ่านไปสักประเดี๋ยว แสงขั้วโลกก็หายไปครู่หนึ่ง แล้วไม่นานก็ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง ราวกับริบบิ้นหลากสีกำลังเริงระบำอยู่ท่ามกลางพระจันทร์และดวงดาว เหมือนสายรุ้งยาวหมื่นลี้ สั่นไหวหลากหลายท่าทางตามอำเภอใจ แสดงความสว่างพร่างพรายของตัวเองออกมาอย่างเต็มที่</p>
<p>เกิดเป็นลำแสงผืนใหญ่ผืนแล้วผืนเล่าโผล่ออกมาเงียบๆ กลางอากาศราวกับมังกรเทพจากนอกฟ้า พอครอบครองท้องฟ้าผืนนั้นไว้แล้ว ก็ครอบครองท้องฟ้าผืนต่อไปอีก บนท้องฟ้ายามราตรีที่ไร้ขอบเขตปรากฏแสงอันแวววับที่รวมกันและเปลี่ยนแปลงไม่หยุดนิ่งเต็มไปหมด เป็นความวิเศษน่าอัศจรรย์แบบนี้</p>
<p>ไม่เหมือนแสงขั้วโลกของสถานที่อื่นที่ปรากฏขึ้นมาพักเดียวแล้วก็หายไป แสงขั้วโลกของที่นี่โผล่มาประดับห้อยอยู่ในท้องฟ้ายามราตรีซ้ำแล้วซ้ำอีก แสดงอย่างอยู่บนม่านฟ้าขนาดใหญ่ ราวกับต้องการลอยอวดความงามตระการตาจนฟ้าสว่างถึงจะยอมลงจากเวทีแสดง แล้วก็เหมือนต้องการจะตราตรึงฝังลึกอยู่ในความทรงจำของผู้คนถึงจะยอมหยุด แสดงอารรมณ์ที่หลากหลายแบบนี้ อาลัยอาวรณ์ท้องฟ้ายามค่ำคืนแบบนี้ ราวกับคนคลั่งรักที่งดงามที่สุดในโลกกำลังเริงระบำไม่หยุดเพื่อให้คนของตัวเองมีความสุข</p>
<p>หลังจากได้สติกลับมาจากฉากอันงดงาม เหมียวอี้ก็กล่าวชมอีกครั้ง &#8220;เป็นเรื่องมหัศจรรย์ของโลก ปราสาทดำเนินเซียนได้ครอบครองสถานที่ดีๆ แล้วจริงๆ&#8221;</p>
<p>พอได้ยินแบบนั้น จู่ๆ หวงฝู่จวินโหรวก็หันกลับมาพูดเสียงต่ำว่า &#8220;อย่าทำให้ฤกษ์ดีและทิวทัศน์ที่งดงามขนาดนี้ผิดหวังนะ&#8221;</p>
<p>เหมียวอี้ได้ยินแล้วมองนาง ยังไม่ทันเข้าใจว่าหมายความว่าอย่างไร หวงฝู่ก็จูงมือเขาไว้แล้ว &#8220;ไปกันเถอะ! ตอนกลางวันข้าเห็นสถานที่หนึ่งที่ทิวทัศน์สวยมาก&#8221; นางจูงมือเขาเหาะออกไปแล้ว</p>
<p>บนภูเขาสูงกว่าเดิมที่ไม่ถือว่าห่างจากที่นี่ไกล ทั้งสองเหยียบลงบนไหล่เขา ที่นี่ค่อนข้างจ้อกแจ้กจอแจ มีน้ำตกสายหนึ่งไหลเอื่อยจากยอดเขาที่คดเคี้ยววกวนแล้วตกดิ่งสาดกระเซ็นลงมา</p>
<p>&#8220;ที่นี่มีอะไรน่าดู?&#8221; เหมียวอี้ทองไปรอบๆ ขณะกำลังแปลกใจ ปรากฏว่าพอหันกลับมาสายตาก็หยุดอยู่บนตัวหวงฝู่อย่างตะลึงงัน</p>
<p>หวงฝู่จวินโหรวถอดปิ่นปักผมออกแล้ว สะบัดผมงามราวกับน้ำตก หันหลังให้เหมียวอี้พร้อมถอดเสื้อผ้าเบาๆ เสื้อผ้าตกลงที่เท้าชิ้นแล้วชิ้นเล่า พวกชุดชั้นในถูกถอดออกอย่างช้าๆ จนหมด ในท่วงท่าการกระทำนั้นยั่วยวนจิตวิญญาณ ก้นขาวกลมกลึงเปิดโปงอยู่ตรงหน้าเหมียวอี้ นางคือคนที่มีจุดนี้สมบูรณ์แบบและยั่วยวนที่สุดในบรรดาผู้หญิงที่เหมียวอี้เคยเจอ เรียกได้ว่าที่พัวพันกันครั้งแล้วครั้งเล่าก็เป็นเพราะแพ้ให้กับก้นของหวงฝู่ เหมียวอี้คอแห้งนิดหน่อยขณะจ้องมองก้นขาวดุจหิมะที่โค้งงอนของนาง</p>
<p>หวงฝู่จวินโหรวที่ใช้สองแขนปิดหน้าอกหันตัวมาอย่างเขินอายเล็กน้อย นางกัดริมฝีปาก ค่อยๆ วางแขนสองข้างที่ปิดหน้าอกลง ยืดภูเขาหิมะสองลูกตรงหน้าเหมียวอี้ ร่างเปลือยปรากฏให้เห็นทั้งหมดอยู่ตรงหน้าเหมียวอี้</p>
<p>แสงจันทร์สีเงินสาดส่องบนเรือนร่าง เหมียวอี้ที่เลือดลมสูบฉีดกลืนน้ำลาย หันกลับไปมองข้างหลังทางซ้ายทางขวา &#8220;เจ้าไม่กลัวคนเห็นเหรอ?&#8221;</p>
<p>&#8220;ไม่สนใจหรอก เห็นก็เห็นไปสิ&#8221; หวงฝู่จวินโหรวถอยหลังช้าๆ เท้าเปลือยเหยียบลงท่ามกลางละอองน้ำใต้น้ำตกที่สาดซัด เรือนร่างอ่อนช้อยบิดไปมาอยู่ในละอองน้ำ ยืดแขนเสยผม พึมพำออกมาว่า &#8220;คนบื้อ มัวมองอะไร ยังไม่เข้ามาถูหลังให้ข้าอีก!&#8221;</p>
<p>เหมียวอี้ทนไม่ไหวอีกต่อไป พุ่งตัวเข้าไปทั้งๆ ที่ไม่ได้ถอดเสื้อ&#8230;</p>
<p>&#8220;ตื่นแล้ว!&#8221;</p>
<p>วันต่อมา พอเหมียวอี้ลืมตาขึ้นก็เห็นร่างเปลือยล่อนจ้อนนอนตะแคงเอามือหนุนศีรษะมองตนด้วยรอยยิ้มสนิทสนม ปากเล็กที่อ่อนละมุนจูบยื่นเข้ามาใกล้เขาหนึ่งที</p>
<p>&#8220;เมื่อคืนเหนื่อยแทบตาย!&#8221; เหมียวอี้ยื่นมือไปลูบคลำหน้าอกของนางสองที ภายใต้ความปรารถนาอันไร้ที่สิ้นสุดของนางเมื่อคืนนี้ เขาเหนื่อยจนผล็อยหลับไปบนตัวนาง เหนื่อยยิ่งกว่าตอนสู้เอาชีวิตรอด การทำแบบนี้ไม่อาศัยพลังอิทธิฤทธิ์ ใช้แรงกายล้วนๆ!</p>
<p>หวงฝู่จวินโหรวกลับเม้มปากหัวเราะ &#8220;เมื่อคืนสนุกแทบตาย วิญญาณแทบจะหลุดลอยไปแล้ว ไม่เสียแรงที่ถ่อมาตั้งไกล!&#8221;</p>
<p>&#8220;เห็นแก่ที่ข้าทุ่มเทพลังกายของตัวเอง บอกข้ามาว่าปีศาจโลหิตอยู่ที่ไหน&#8221; เหมียวอี้ยิ้มตอบ</p>
<p>หวงฝู่จวินโหรวขมวดคิ้ว &#8220;ทำไมเจ้าเอาแต่คิดถึงปีศาจโลหิตอยู่ได้? ตอนนี้นางไม่กล้ามาหาเรื่องเจ้าแล้ว ทำไมเจ้ายังไม่ยอมปล่อยนางไปอีก?&#8221;</p>
<p>เหมียวอี้ถามเพราะอยากจะเจอปีศาจโลหิตเสียที่ไหนกัน เขาแค่สงสัยว่าศีลแปดกับปีศาจโลหิตอยู่ด้วยกัน จึงยื่นมือไปบีบคางหวงฝู่พร้อมบอกว่า &#8220;เจ้าบอกว่าอยากให้ข้าเป็นคนรักลับๆ ไม่ใช่เหรอ เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ก็ช่วยไม่ได้หรือไง? ข้ารับปากเจ้าว่าจะไม่ฆ่านางก็แล้วกัน&#8221;</p>
<p>หวงฝู่ส่ายหน้าบอกว่า &#8220;สาเหตุที่ข้าไม่ชัดเจนกับเจ้าแบบนี้ ก็เป็นเพราะข้ามีเส้นตายของข้า ปีศาจโลหิตเป็นคนของสมาคมวีรชน ในฐานะที่ข้าเป็นคนของตระกูลหวงฝู่ เป็นไปไม่ได้ที่ข้าจะเปิดเผยที่อยู่ของปีศาจโลหิตให้ศัตรูของนางรู้ เรื่องบางเรื่องข้าพูดได้ แต่เรื่องบางเรื่องข้าก็พูดไม่ได้ ข้าไม่อาจทรยศตระกูลหวงฝู่ ไม่อย่างนั้นก็จะเป็นอันตรายต่อเจ้าด้วยเหมือนกัน!&#8221;</p>
<p>เมื่อเห็นว่าถามไม่ได้ความอะไร เหมียวอี้จึงตบก้นนางหนึ่งที ลุกขึ้นมาอาบน้ำ จากนั้นก็จากไปเพียงลำพัง</p>
<p>ทั้งสองได้กำหนดความสัมพันธ์กันไว้แล้ว หวงฝู่ก็สงบใจแล้วเช่นกัน นางเชื่อฟังมากขึ้น เหมียวอี้ไม่ให้นางตามไป นางก็ปฏิบัติตามคำสั่งเขา</p>
<p>ส่วนเหมียวอี้ก็เหาะอยู่บนฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวเพียงลำพัง เริ่มเหาะวนดาวดำเนินเซียน เมฆหมอกที่ลอยวนเวียนบนพื้นทำให้เขามองเห็นสภาพพื้นที่ไม่ชัดเจนเลย และไม่มีทางหาจุดซ่อนสมบัติพบด้วย ในเมื่อไม่สามารถแยกแยะตัดสินจากสภาพพื้นที่ได้ เขาก็ตัดสินใจจะลงมือจากอีกทิศทางหนึ่ง จะลองมองลงมาจากบนฟ้าสูง ดูว่าจะสามารถไขปริศนาความหมายแฝงของคำว่า &#8216;กลางเผิงไหลสามพัน&#8217; บนแผนที่ได้หรือไม่</p>
<p>จากความเข้าใจด้านตัวอักษร เชื่อมโยงกับประสบการณ์ก่อนหน้านี้ ก็ทำความเข้าใจได้ไม่ยากว่าคำว่า &#8216;กลาง&#8217; ที่อยู่ในนั้นหมายความว่าอะไร ส่วนคำว่า &#8216;เผิงไหลสามพัน&#8217; เขาสงสัยว่าหมายถึงเกาะเกาะเซียนเผิงไหล[1]หรือเปล่า จะหมายถึงจุดดำเบื้องล่างที่โผล่ออกมาจากทะเลเมฆหรือไม่ หรืออาจจะหมายถึงยอดเขาพวกนั้นที่ลอยขึ้นมาเหนือทะเลเมฆ ถึงอย่างไรบนยอดเขานั้นก็ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นแดนเซียนจริงๆ อิงจากการวินิจฉัยนี้ เขาถึงได้ตัดสินใจไปลองดูจากบนฟ้าสูง</p>
<p>แต่เรื่องเศร้าก็คือ หลังจากก้มมองลงมาได้พักหนึ่ง ตามการตีความของตัวเอง บนดาวดำเนินเซียนจะมีแค่ &#8216;เผิงไหลสามพัน&#8217; ได้อย่างไร เกรงว่าคงจะไม่ได้มีแค่หนึ่งแสนเผิงไหลด้วยซ้ำ นับจนตาลายไปหมดแล้ว ไปเทียบกับประโยค &#8216;กลางแนวสร้อยไข่มุกเก้าขุนเขา&#8217; ที่ดาวสองขั้วไม่ได้ นั่นยังมีเอกลักษณ์ของสภาพพื้นที่บอกอย่างชัดเจน</p>
<p>…………………………</p>
<p> </p>
<p>[1] เผิงไหล 蓬莱 เป็นที่อยู่ของเซียนตามตำนาน</p>

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด