พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1148 จับมัดเสียเลย

Now you are reading พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า Chapter 1148 จับมัดเสียเลย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

<p>ไม่นานสายตาของเขาก็ไปหยุดอยู่ตรงศิลาสยบขุนเขาก้อนหนึ่งบนพื้นราบนอกเรือน เป็นหินหยกขนาดใหญ่ก้อนหนึ่ง เป็นจุดศูนย์กลางที่เขาใช้สายตาวัดคำนวณได้ เป็นตำแหน่งที่กลางเผิงไหลสามพันระบุไว้</p>
<p>&#8220;เจ้าไปทำอะไรบนนั้น?&#8221; ไม่รู้ว่าหวงฝู่จวินโหรวมาโผล่อยู่ในลานบ้านตั้งแต่เมื่อไร นางกำลังมองบนหลังคาพร้อมเอ่ยถาม</p>
<p>เหมียวอี้หันกลับมามองแวบหนึ่ง แล้วตอบว่า &#8220;ชมทิวทัศน์&#8221;</p>
<p>เชื่อเจ้าก็แปลกแล้ว! หวงฝู่จวินโหรวพึมพำในใจ แล้วลอยขึ้นไปหาเขา</p>
<p>ปรากฏว่าพอนางเหาะขึ้นไป เหมียวอี้ก็เหาะลงมาอีก แล้วเดินก้าวยาวออกนอกประตูไป หวงฝู่พูดไม่ออก แต่มองสำรวจไปรอบด้านเช่นกัน อยากจะเห็นว่าเหมียวอี้กำลังดูอะไรกันแน่ นางรู้สึกอย่างชัดเจนว่าเหมียวอี้ไม่ได้ถ่อมาถึงที่นี่เพื่อชมทิวทัศน์แน่นอน เพียงแต่ใช้กำลังสมองทั้งหมดแล้วก็ยังไม่มีทางรู้เจตนาของเหมียวอี้ได้</p>
<p>ชั่วพริบตาเดียวก็พบว่าเหมียวอี้ออกไปอยู่นอกลานบ้านแล้ว กำลังยืนอยู่ข้างๆ ศิลาสยบขุนเขาด้านนอก ไม่รู้ว่าจะจ้องก้อนหินทำไมอีก</p>
<p>หวงฝู่ถลันตัวเหาะออกไปที่ลานบ้านโดยตรง เหยียบลงข้างกายเหมียวอี้แล้วมองดู เห็นเพียงตัวอักษรขนาดใหญ่บนหิน : ที่พักแขก!</p>
<p>ลายมือมีพลังล้ำลึก เพียงแต่ดูจากลอยพร้อยรอบๆ ก็ไม่รู้ว่าตัวอักษรพวกนี้ผ่านหมอกผ่านฝนแล้วกี่ปี ดูโบราณเรียบง่ายและผ่านโลกมาอย่างโชกโชน นอกจากสิ่งนี้ก็มองไม่เห็นเบาะแสอะไรอย่างอื่น หวงฝู่จวินโหรวค่อนข้างพูดไม่ออก สักประเดี๋ยวก็รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นคนปัญญาอ่อน</p>
<p>หลังจากจ้องมองอยู่พักหนึ่ง เหมียวอี้ก็หันตัวเดินกลับเข้ามาในลานบ้าน ส่วนหวงฝู่ก็เดินตามกลับมาด้วยสีหน้าตั้งคำถาม เริ่มจับตาดูทุกการกระทำของเหมียวอี้อย่างใกล้ชิด</p>
<p>ปรากฏว่าเหมียวอี้ไม่ได้ทำอะไรผิดปกติอีก กลับมาเอนกายลงบนเตียงในห้อง รองเท้าก็ไม่ได้ถอด นอนเอาขาสองข้างไขว้กันพลางหลับตาพักผ่อน ไม่รู้เหมือนกันว่ากำลังคิดอะไรอยู่</p>
<p>เพี้ยะ! หวงฝู่เดินเข้ามาตบบนขาของเขาหนึ่งที &#8220;สกปรกจะตาย รีบถอดรองเท้า!&#8221; คืนนี้นางก็อยากนอนที่นี่เหมือนกัน ไล่อย่างไรก็ไล่ไม่ไป</p>
<p>เหมียวอี้ยื่นเท้าออกมา เท้าอยู่ตรงหน้านางพอดี ไม่แม้แต่จะลืมตาสักนิด</p>
<p>&#8220;เจ้าเห็นข้าเป็นสาวใช่รึไง?&#8221; หวงฝู่ถลึงตามองเขาอย่างดุดัน แต่สุดท้ายก็ยังประคองเท้าของเท้า ช่วยเขาถอดถุงเท้าออก ตลอดชีวิตของนางเพิ่งเคยทำแบบนี้เป็นครั้งแรก</p>
<p>จากนั้นตัวเองก็ถอดถุงเท้าให้เขาด้วยเหมือนกัน แล้วพลิกตัวขึ้นไปนั่งคร่อมบนท้องของเหมียวอี้ นอนหมอบบนร่างกายเขาพร้อมถามเสียงต่ำว่า &#8220;บอกข้ามาอย่างซื่อสัตย์เถอะ เจ้ามาที่นี่เพราะคิดจะทำอะไรกันแน่?&#8221;</p>
<p>&#8220;เจ้าจะหัวรั้นอะไรมากมายขนาดนั้น ข้าบอกแล้วไงว่ามาชมทิวทัศน์ เจ้าไม่เชื่อแล้วดันถามอยู่ได้&#8221; เหมียวอี้ใช้นิ้วจิ้มผลักหน้าผากของนาง &#8220;เจ้าดูสิว่าตัวเองกำลังทำอะไร ประตูก็ไม่ได้ปิด ถ้ามีคนบุกเข้ามาล่ะ เจ้าไม่อายเหรอ?&#8221;</p>
<p>&#8220;เรื่องน่าอายกว่านี้ข้าก็เคยทำมาแล้ว ยังต้องกลัวเรื่องนี้ด้วยเหรอ?&#8221; หวงฝู่เม้มปากหัวเราะ จงหลีค่วยยังมีคนรู้จักคนอื่นๆ ที่ปราสาทดำเนินเซียน ไปเยี่ยมเยียนคนพวกนั้นแล้ว ตอนนี้ในลานบ้านมีแคพวกเขาสองคน ดังนั้นนางจึงมาคลอเคลียแนบชิดอยู่บนตัวเหมียวอี้อีกแล้ว</p>
<p>รับไม่ไหวกับผู้หญิงคนนี้แล้ว! เหมียวอี้พบว่าผู้หญิงคนนี้ภายนอกดูเรียบร้อยหัวโบราณ แต่ที่จริงเนื้อแท้เป็นคนปล่อยตัวมาก เวลาไม่มีคนก็ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าเป็นฝ่ายรุกขนาดไหน</p>
<p>เมื่อคืนวานทั้งสองคนจัดหนักกันเกินไป เหมียวอี้สาบานกับตัวเองแล้วว่าวันนี้จะพัก แต่พอตกกลางคืนก็ถูกผู้หญิงคนนี้ยั่วยวนไม่รู้จากว่างเว้น ทำให้ไม้แห้งติดไฟอีกครั้ง เขาถูกคั้นน้ำจนแห้งเหือดอีกแล้ว&#8230;</p>
<p>วันต่อมาขณะที่ฟ้าเริ่มจะสว่าง เหมียวอี้แกะแขนขาที่ติดหนึบบนร่างกายตัวเองราวกับปลาหมึก ผลักร่างขาวดุจหยกของหวงฝู่จวินโหรวไปไว้ข้างๆ แล้วลุกขึ้นมาหยิบเสื้อผ้าใส่</p>
<p>หวงฝู่เอามือขยี้ตาพลางเท้าแขนลุกนั่ง ร่างหยกที่ทำให้ผู้พบเห็นเลือดลมสูบฉีดเผยออกมานอกผ้าห่มครึ่งหนึ่ง นางถามว่า &#8220;ฟ้ายังไม่สว่างดีเลย เจ้าจะไปไหน?&#8221;</p>
<p>&#8220;ไม่ได้ไปไหนนี่!&#8221; เหมียวอี้ตอบส่งเดช พลางนั่งใส่รองเท้าของตัวเองอยู่บนขอบเตียง</p>
<p>หวงฝู่ไม่เชื่อ รีบเก็บเสื้อผ้าขึ้นมาใส่ หลังจากรีบร้อนใส่จนเสร็จแล้ว ก็นั่งสยายผมขาวดุจน้ำตกอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง นางหันซ้ายหันขวาส่องกระจก พบว่าพอผ่านความชุ่มชื้นมาสองคืน สีผิวและสีหน้าก็ดูดีขึ้นไม่น้อย รู้สึกว่าการมีผู้ชายไว้ข้างกายสักคนเป็นเรื่องดีต่อผู้หญิง</p>
<p>ในกระจก เหมียวอี้ที่สวมเสื้อผ้าเสร็จแล้วเดินเข้ามา โอบนางจากข้างหลัง แล้วจูบติ่งหูกับลำคอของนาง</p>
<p>หวงฝู่หัวเราะคิกคัก &#8220;มีกำลังวังชาแล้วเหรอ? งั้นก็ดี อีกประเดี๋ยวอย่าร้องว่าไม่ไหวก็แล้วกัน…&#8221;</p>
<p>เสียงพูดพลันเงียบลงกะหันหัน ใบหน้าฉายแววหวาดกลัว เพราะเหมียวอี้ฉวยโอกาสลงมือผนึกวรยุทธ์ของนางตอนนางไม่ทันระวังตัว นี่คือเรื่องที่ต่อให้นางนอนฝันก็นึกไม่ถึง เมื่อคืนทั้งสองยังคว่ำเมฆพลิกฝนเหมือนรักกันดูดดื่มอยู่เลย ใครจะคิดว่าผ่านไปประเดี๋ยวเดียวอีกฝ่ายจะทำเรื่องนี้กับตนได้</p>
<p>เหมียวอี้ปล่อยมือถอยออกมา หวงฝู่จวินโหรวพลันยืนขึ้น หันตัวมามองเขาแล้วถามอย่างตกใจ &#8220;เจ้าคิดจะทำอะไร?&#8221;</p>
<p>&#8220;ให้เจ้าได้พักผ่อนเยอะๆ สักหน่อย!&#8221; เหมียวอี้ยิ้มตอบ</p>
<p>&#8220;รีบปลดผนึกให้ข้า ไม่อย่างนั้นข้าจะตะโกน!&#8221; หวงฝู่กัดฟันกรอด</p>
<p>ตอนที่นางยังไม่พูดก็ยังดีๆ อยู่ แต่พอพูดขึ้นมา เหมียวอี้ก็โยนเชือกมัดเซียนออกมาทันที ขี้คร้านจะเปลืองคำพูดกับนาง จัดการเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด มัดนางเอาไว้โดยตรง</p>
<p>ขณะเดียวกันก็ถลันตัวเข้ามา ไม่รู้ว่าหยิบเศษผ้ามาจากไหน บีบปากหวงฝู่ที่ต้องการจะร้องตะโกนเอาไว้ แล้วยัดผ้าชิ้นนั้นเข้าไปในปากนาง เพื่อป้องกันไม่ให้นางเอาผ้าในปากออก เหมียวอี้จึงดึงเชือกมัดเซียนออกมาอีกเส้น แล้วมัดปากนางไว้อีกครั้ง นางนั้นก็อุ้มนางมาโยนไว้บนเตียง แล้วดึงผ้าห่มคลุมไว้</p>
<p>ใบหน้าของหวงฝู่จวินโหรวเรียกได้ว่าทั้งแค้นทั้งเศร้า ส่งเสียงอู้อี้ทางจมูกใส่เหมียวอี้ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่ากำลังด่าเหมียวอี้อยู่</p>
<p>เหมียวอี้ปัดแขนเสื้ออย่างไม่รีบร้อน แต่ยังไม่ได้ออกไปในทันที เขานั่งลงข้างเตียง เก็บเท้าสองข้างนั่งขัดสมาธิ</p>
<p>หวงฝู่จวินโหรวที่กำลังดิ้นรนหอบหายใจอย่างทรมาน พอเห็นเหมียวอี้ยังไม้ได้ทิ้งนางหนีไป ก็หยุดดิ้นรนอย่างว่านอนสอนง่าย จ้องเหมียวอี้พร้อมร้องอู้อี้เป็นระยะ เห็นได้ชัดว่าถ้าไม่ใช่กำลังด่าก็กำลังขอร้องให้เขาปล่อยนางไป</p>
<p>เหมียวอี้ที่กำลังนั่งขัดสมาธิเรียกได้ว่าใจแข็งดุจหินผา ไม่สนใจนางเลย</p>
<p>จนกระทั่งสีของท้องฟ้าด้านนอกเริ่มเป็นสีฟ้า เหมียวอี้ก็พลันลืมตาสองข้า ลงจากเตียงแล้วเดินออกไป ทิ้งหวงฝู่จวินโหรวให้ร้องอู้อี้อยู่บนเตียงข้างหลัง</p>
<p>ผู้หญิงคนนี้ก็แกว่งเท้าหาเสี้ยนเหมือนกัน ขยับไม่ได้ก็ไม่ต้องขยับสิ แต่นางดันดิ้นรนเหมือนคนใกล้ตาย สองเท้าที่โดนมัดยกขึ้นกระแทกเตียงประท้วงไม่หยุด</p>
<p>เหมียวอี้ที่เดินมาถึงประตูพลันหยุดฝีเท้า เขาหันกลับมามองแวบหนึ่ง แล้วก็เดินกลับมาอีก จากนั้นเลิกผ้าห่มออกแล้วใช้นิ้วแตะหน้าอกนาง นางเบิกตากว้างทันที หยุดนิ่งโดยสิ้นเชิง เหลือเพียงลูกตาที่ฉายแววอยากจะกัดคน</p>
<p>ตอนที่ห่มผ้าห่มอีกครั้ง ครั้งนี้ก็ห่มศีรษะนางไปด้วยเลย เหมียวอี้เดินออกไปอย่างไม่ลังเล พอเปิดประตูออกมาแล้วก็ปิดประตูไว้ด้วย เดินตรงไปข้างๆ ศิลาสยบขุนเขาด้านนอก แล้วรอเวลาอยู่ครู่หนึ่ง</p>
<p>จนกระทั่งตรงเส้นขอบฟ้ามีแสงสีทองปรากฏรางๆ เหมียวอี้ก็กระโดดขึ้นไปบนศิลาสยบขุนเขา ร่างทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าโดยตรง ในใจกำลังคำนวณระดับความสูงอย่างเงียบๆ สภาพรอบๆ ปราสาทดำเนินเซียนหดลงอยู่ใต้เท้าของเขาอย่างช้าๆ ศิษย์ที่เดินไปเดินมาอยู่บนภูเขาโดยรอบเห็นแล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร นึกว่าเขาอยากจะดูพระอาทิตย์ขึ้นเหนือทะเลเมฆ เรื่องราวประเภทนี้มักเกิดขึ้นบ่อยๆ</p>
<p>พอลอยขึ้นฟ้าสูงถึงหกพันจั้ง ร่างของเหมียวอี้ก็หยุดอยู่กับที่ทันที เมื่อขึ้นมาถึงความสูงระดับนี้แล้ว ถ้าคนข้างล่างไม่ได้ตั้งใจใช้ดวงตาอิทธิฤทธิ์มองสำรวจ ตาเนื้อธรรมดาก็มองไม่เห็นเขาเหมือนกัน</p>
<p>มีประสบการณ์ก่อนหน้านี้แล้วหลายครั้ง ครั้งนี้จึงนับเวลาได้พอดี เขากวาดสายตามองรอบๆ ขณะที่ลอยอยู่บนฟ้า  แล้วสายตาก็หยุดนิ่งอย่างรวดเร็ว พบภาพที่ตัวเองอยากจะเห็นแล้วจริงๆ ด้วย</p>
<p>ยอดเขามากมายที่ลอยอยู่บนทะเลเมฆไกลๆ กำลังอยู่ภายใต้แสงแดดที่ส่องแสงในแนวราบ ทำให้เกิดเงามืดหลายสาย บนทะเลเมฆเกิดเป็นภาพสตรีทะยานฟ้าที่กินพื้นที่กว้างขวาง กางแขนทะยานฟ้าอย่างนิ่มนวลอ่อนช้อย ยังคงสั่นสะท้านใจคนเหมือนเดิม</p>
<p>แต่นี่ไม่ใช่เวลามาชื่นชมสิ่งนี้ เพราะเคยมีบทเรียนมาแล้ว สายตาของเหมียวอี้ไปหยุดอยู่บนมือของสตรีทะยานฟ้าที่กำลังกางแขน บนฝ่ามือไม่มีของอะไรทั้งนั้น มีแค่สีขาวโพลนผืนใหญ่ เพราะว่าตรงนั้นไม่มีภูเขา เหมียวอี้จึงคิดว่านั่นอาจจะเป็นที่ซ่อนสมบัติ</p>
<p>เขาใช้ดวงตาอิทธิฤทธิ์จดจำตำแหน่งภูเขาที่อยู่รอบๆ บริเวณนั้นอย่างละเอียด หลังจากในหัวสมองกำหนดตำแหน่งเสร็จแล้ว เขาก็ไม่กล้าอยู่ตรงนี้นาน กลัวว่าจะทำให้คนอื่นสงสัย รีบลงไปข้างล่าง ไปเหยียบลงข้างๆ ก้อนหินที่เขียนว่า &#8216;ที่พักแขก&#8217; อีกครั้ง</p>
<p>เขาไม่ได้กลับเข้ามาในลานบ้านอีก แต่มุ่งไปหาศิษย์ปราสาทดำเนินเซียนที่รับหน้าที่ดูแลสถานที่รับแขกแห่งนี้ เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่ท่าทางเหมือนแต่งงานแล้ว หลังจากกุมหมัดคารวะทักทาย ก็กล่าวขอคำชี้แนะ &#8220;ทิวทัศน์ที่อยู่ไกลๆ นั่นงดงามมาก ไม่ทราบว่าขอไปดูสักหน่อยได้หรือไม่&#8221;</p>
<p>หลังจากผู้หญิงคนนี้ครุ่นคิดเล็กน้อย ก็บอกว่า &#8220;เชิญแขกรอสักครู่ ข้าจะไปขอคำชี้แนะสักหน่อย&#8221;</p>
<p>&#8220;รบกวนด้วย!&#8221; เหมียวอี้กุมหมัดขอลคุณ แล้วก็ยืนรออยู่ที่เดิม</p>
<p>ศิษย์หญิงเหาะออกจากภูเขา ไปเหยียบลงบนภูเขาอีกลูก รออยู่ไม่นานก็เหาะกลับมาอีก แล้วยื่นป้ายคำสั่งแผ่นหนึ่งให้เหมียวอี้ &#8220;ท่านอาจารย์ลุงบอกมาแล้ว ว่านอกจากภูเขาเผิงไหลสามพันรอบๆ ที่ไม่ได้รับอนุญาตให้บุกไป นอกนั้นแขกก็สามารถเที่ยวชมได้ตามใจ ถ้าแขกเจอปัญหาอะไร ก็สามารถแสดงป้ายคำสั่งแผ่นนี้เพื่อขอความช่วยเหลือจากศิษย์ของสำนักได้&#8221;</p>
<p>&#8220;ขอบคุณมาก ขอบคุณมาก!&#8221; เหมียวอี้ใช้สองมือรับป้ายคำสั่งมาอย่างสุภาพเกรงใจ แล้วกล่าวขอบคุณอีกครั้ง คนมีมารยาทมากมักไม่โดนตำหนิ</p>
<p>ศิษย์หญิงยิ้มบางๆ พลางแสดงมารยาทกลับอย่างที่คาดไว้ &#8220;ไม่ต้องเกรงใจ!&#8221;</p>
<p>เมื่อหยิบป้ายคำสั่งมาไว้ในมือแล้ว เหมียวอี้ก็กล่าวอำลาทันที ไปยังสถานที่ที่กำหนดไว้ก่อนหน้านี้อย่างไม่รีบร้อน คงไม่ดีที่จะรีบร้อนจนสะดุดตาคนอื่น</p>
<p>ตอนที่เขาไปได้ไม่นาน ภูเขาลูกหนึ่งในเผิงไหลสามพัน จงหลีค่วยที่ไปพบปะกับสหายเก่าหนึ่งคืนเหาะกลับมาแล้ว เดินตรงเข้ามาในเรือนพักที่เหมียวอี้อยู่ เมื่อเห็นประตูบ้านปิดสนิท จงหลีค่วยก็เอามือลูบเครา เขาลังเลนิดหน่อย ไม่สะดวกจะบุกเข้าไป</p>
<p>ถ้าเหมียวอี้อยู่คนเดียวก็ว่าไปอย่าง แต่ที่สำคัญคือหวงฝู่จวินโหรวก็อยู่ที่นี่ด้วยเหมือนกัน ใครจะไปรู้ว่าสองคนนั้นกำลังทำอะไรด้วยกัน ถ้าบุกเข้าไปแล้วเจอพวกเขาเสื้อผ้าไม่เรียบร้อยก็จะไม่เหมาะสม คิดไปคิดมาก็ตะโกนเรียกดีกว่า &#8220;ตะวันส่องก้นแล้ว ยังไม่ตื่นอีกเหรอ&#8221;</p>
<p>ต่อให้เป็นทิวทัศน์ที่งดงามกว่านี้ แต่ถ้ามองนานๆ ก็เบื่อเหมือนกัน เขาอยากจะถามเหมียวอี้ว่าจะออกไปจากที่นี่เมื่อไร เขาไม่อยากจะอยู่ที่นี่นานเลยจริงๆ ถ้าตัวตนของเหมียวอี้กับหวงฝู่จวินโหรวถูกเปิดโปงขึ้นมา ก็จะทำให้เขาอึดอัดมาก เพราะเมื่อคืนมีคนถามถึงที่มาที่ไปของสองคนนี้แล้ว เหมียวอี้ตอบแบบขายผ้าเอาหน้ารอด ดังนั้นเขาจึงเตรียมจะเกลี้ยกล่อมให้เหมียวอี้รีบกลับเร็วๆ</p>
<p>พอตะโกนเรียกแล้วข้างในไม่มีปฏิกิริยาอะไร จงหลีค่วยก็แปลกใจแล้ว ไม่ควรจะเป็นแบบนี้สิ! เขาจึงตะโกนอีก &#8220;เหมียวอี้ เหมียวอี้…&#8221;</p>
<p>ตะโกนหลายครั้งติดต่อกัน แต่ในห้องยังไม่มีปฏิกิริยาอะไร จงหลีค่วยสีหน้าเปลี่ยนเล็กน้อย คงไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรอกใช่มั้ย?</p>
<p>ดังนั้นจึงเดินมาเคาะประตู แต่ข้างในก็ยังไม่มีปฏิกิริยาอะไร จงหลีค่วยร่ายอิทธิฤทธิ์สะเดาะกลอนทันที ผลักประตูบุกเข้าไปโดยตรง พอกวาดสายตามอง ก็เห็นผมยาวโผล่จากปลายผ้าห่ม แต่กลับไม่ขยับเขยื้อนเลย</p>
<p>ชวิ้ง! จงหลีค่วยถือกระบี่ไว้ในมือ พอเดินเข้ามาใกล้ก็ค่อยๆ ยื่นกระบี่ไปเลิกผ้าห่มออก สิ่งแรกที่เห็นก็คือดวงตาที่วูบไหวร้อนรนของหวงฝู่จวินโหรว จากนั้นก็เห็นปากนางทั้งโดนอุดทั้งโดนมัดไว้</p>
<p>จงหลีค่วยตะลึงไปชั่วขณะ ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้วรยุทธ์ต่ำ ทำไมโดนคนควบคุมไว้โดยไม่เกิดการต่อสู้กันเลยแม้แต่น้อย?</p>
<p>เขารีบร่ายอิทธิฤทธิ์กวาดมองในห้องอย่างระแวดระวัง แต่ไม่เห็นคนอื่นซ่อนตัวอยู่ และไม่เห็นเหมียวอี้ด้วย เขาถึงได้ปาดคมกระบี่ ปาดเชือกบนปากของหวงฝู่จวินโหรว แล้วใช้กระบี่เลิกผ้าที่กำลังยัดปากนางด้วย เมื่อเห็นนางใส่เสื้อผ้าอยู่ ก็โบกกระบี่ถลกผ้าห่มออกอีก ถึงได้พบว่าโดนเชือกมัดเซียนมัดอยู่ ดูท่าทางแล้วน่าจะโดนผนึกวรยุทธ์ด้วย นี่ต้องอยากป้องกันผู้หญิงคนนี้มากขนาดไหนกัน? แค่เห็นเชือกมัดเซียนนั่นก็รู้แล้วว่าเป็นอุปกรณ์ของตำหนักสวรรค์ จึงตัดสินได้ทันทีว่ามีโอกาสสูงที่จะเป็นผลงานของเหมียวอี้</p>
<p>…………………………</p>

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด