พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1151 แม่ทัพใหญ่ของประมุขปีศาจ

Now you are reading พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า Chapter 1151 แม่ทัพใหญ่ของประมุขปีศาจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

<p>หลังจากจ้องประเมินหอยยักษ์ไปสักพัก เหมียวอี้ก็ลูบคางพึมพำ ตัวใหญ่ขนาดนี้ก็ว่าแย่แล้ว ทั้งยังปล่อยกระแสไฟฟ้าด้วยด้วย ได้เจอหอยแบบนี้นับว่าได้เปิดหูเปิดตาครั้งใหญ่</p>
<p>แต่นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาสนใจ เมื่อเห็นสภาพนักพรตปีศาจที่โดนขังเหมือนเมื่อก่อนไม่มีผิด เขาก็รู้แล้วว่าตัวเองมาหาถูกที่ เขาแค่อยากจะมาหาสมบัติ ไม่ได้อยากสร้างปัญหาอย่างอื่น ใครจะไปรู้ว่าปีศาจที่ถูกขังอยู่ที่นี่มีพลังระดับไหน ไม่รู้ด้วยว่านิสัยดีหรือนิสัยเลว ถึงอย่างไรก็ตนก็หาสถานที่ซ่อนสมบัติเจอแล้ว ในภายหลังถ้ารู้สถานการณ์ชัดเจน หรือเวลาที่ต้องการอะไรจริงๆ อย่างมากก็แค่มาอีกรอบ</p>
<p>ดังนั้นจึงถือกระบี่เหลียวซ้ายแลขวา ค้นหาสมบัติที่ซ่อนไว้</p>
<p>ใครจะคิดว่าจู่ๆ จะมีเสียงน้ำเคลื่อนไหวดังขึ้น เหมียวอี้ตกใจรีบหันไปมองหอยยักษ์ เห็นเพียงเนื้อหอยพลิกม้วน ทะลักออกมาเป็นใบหน้าคนที่เปียกลื่น มีเค้าโครงปากและจมูก ดวงตาก็มีเหมือนกัน แต่กลับเป็นตาข้างเดียว ลูกตาดำสีฟ้าขนาดใหญ่เท่าความสูงของคนหนึ่งคนกำลังจ้องมอง เหมียวอี้สะมารถเห็นเงาสะท้อนกลับหัวของตัวเองได้</p>
<p>ปากที่มีน้ำเมือกอ้าออก เผยฟันเลื่อยที่แหลมคมสีขาว พ่นเสียงออกมาว่า &#8220;ในเมื่อมาเพราะได้ยินเสียงเรียกของข้าแล้ว เหตุใดยังไม่สะทกสะท้าน ยังไม่รีบมาดึงกระบองยาวกับไม้กระบองที่ตรึงร่างข้าออกอีก เร็วเข้า! โดนขังมาหลายปีขนาดนี้ ข้าอยากจะออกไปจะแย่อยู่แล้ว เร็ว!&#8221;</p>
<p>พูดได้เหรอ? เหมียวอี้ที่ตกใจมองเขาอย่างงุนงง ตกใจจนอ้าปากค้างจนคางแทบจะร่วงลงพื้น ท่าทางตกใจมาก</p>
<p>เสียงนี้คุ้นหูเหมียวอี้ ไม่นานก็นึกออกแล้ว เสียงที่แยกไม่ออกว่าเป็นชายหรือหญิงแบบนี้ เป็นเสียงที่ดังก้องอยู่ข้างหูตอนที่ตนเกือบจะตกหลุมพรางก่อนหน้านี้ไม่ใช่เหรอ? อย่าบอกนะว่า…เขาถือกระบี่ชี้ไปยังเค้าโครงใบหน้าที่นูนขึ้นมาจากเนื้อหอยยักษ์ &#8220;ปีศาจเฒ่า นี่เจ้ากำลังพูดอยู่เหรอ?&#8221;</p>
<p>&#8220;&#8230;&#8221; ปากหอยยักษ์ที่มีฟันเลื่อยแหลมคมขาวโพลนค้างแข็งแล้ว อ้าปากกว้างอยู่อย่างนั้น บนใบหน้าก็ทำสีหน้าครุ่นคิดเช่นกัน หลังจากผ่านไปนานถึงได้อุทานถามว่า &#8220;เป็นไปไม่ได้! เจ้าไม่ได้ถูกข้าควบคุมเหรอ?&#8221;</p>
<p>&#8220;เจ้ากำลังพูดอยู่จริงๆ ด้วย!&#8221; เหมียวอี้ที่หวาดผวาเห็นอีกฝ่ายโดนขังขยับไม่ได้ ตัวเองถึงได้โล่งอก ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้จริงๆ ว่าตัวเองจะได้เผชิญหน้ากับปีศาจเฒ่าแบบไหน &#8220;ข้าไม่ได้รู้จักเจ้าเสียหน่อย ทำไมจะต้องโดนเจ้าควบคุมด้วยล่ะ?&#8221;</p>
<p>&#8220;เจ้าไม่รู้สึกได้ถึงการเรียกของข้าเลยเหรอ?&#8221; หอยยักษ์ยังคงตะลึงงัน</p>
<p>พูดถึงโดนเรียก เหมียวอี้ก็นึกเชื่อมโยงไปถึงเรื่องก่อนหน้านี้ นึกเชื่อมโยงไปถึงภาพสตรีวัยกลางคนที่ต่อให้ตายก็จะลงมาที่นี่ให้ได้ นึกถึงกระดูกขาวที่เกลื่อนกลาดที่อยู่ในรัศมีพื้นที่นี้ จึงขมวดคิ้วถามว่า &#8220;คนที่บุกเข้ามาในรัศมีของตรงนี้จะควบคุมตัวเองไม่ได้ ล้วนเป็นอุบายของเจ้าใช่มั้ย?&#8221;</p>
<p>หอยยักษ์ถามกลับว่า &#8220;อย่าบอกนะว่ามีนักพรตล่วงล้ำเข้ามาในรัศมีของที่นี่? ข้างนอกไม่ใช่พื้นที่รกร้างไร้ผู้คนหรอกหรือ? เหตุใดข้าร้องเรียกมาหลายปีขนาดนี้จึงไม่มีคนมาช่วยข้าล่ะ?&#8221; อารมณ์ของเขาค่อนข้างตื่นเต้นฮึกเหิม</p>
<p>เหมียวอี้เข้าใจแล้ว ที่แท้คนที่บุกเข้ามาในรัศมีของพื้นที่นี้แล้วสูญเสียสติสัมปชัญญะก็เป็นเพราะอุบายของปีศาจตนนี้จริงๆ ด้วย ที่แท้ปีศาจตนนี้ก็อยากจะควบคุมให้คนมาช่วยชีวิตมัน สาเหตุที่สตรีวัยกลางคนต้องการจะลงมาข้างล่างให้ได้ก็เพื่อมาช่วยมัน กระดูกขาวในทะเลสาบส่วนใหญ่ล้วนมีสาเหตุการตายเหมือนกับสตรีวัยกลางคนนางนั้น</p>
<p>ขณะเดียวกันเหมียวอี้ก็เข้าใจแล้วว่าทำไมปีศาจที่มีความสามารถมากขนาดนี้แต่กลับไม่มีทางหลุดพ้นได้ แค่เพราะมีคนวางกับดักอะไรไว้ข้างนอกนิดหน่อยเท่านั้น ถึงแม้จะมีการจะวางกับดักไว้นิดเดียว แต่กลับตัดความหวังในการหลุดพ้นความลำบากของปีศาจที่ใช้ความพยายามสูญเปล่ามาหลายปี</p>
<p>เหตุผลเรียบง่ายมาก นักพรตที่ถูกปีศาจตนนี้ควบคุมสูญเสียสติสัมปชัญญะไปแล้ว เมื่อไม่มีความสามารถในการต่อต้านตามปกติ ต่อให้กระโดดลงมาในทะเลสาบแต่ก็ผ่านด่านฝูงแมลงที่หนาแน่นพวกนั้นไม่ได้เลย ดังนั้น คนที่ตัดขาดความหวังในการรอดชีวิตของปีศาจตนนี้ จึงแค่จับคนพวกนั้นโยนลงในทะเลสาบให้พวกแมลงเท่านั้นเอง ไม่ได้เปลืองแรงอะไรเลย คนที่วางกับดักนี้ช่างจัดการเรื่องยากได้อย่างสบายมือจริงๆ</p>
<p>เหมียวอี้ลองถามหยั่งเชิงว่า &#8220;เจ้าโดนขังมากี่ปีแล้ว?&#8221;</p>
<p>&#8220;ไม่รู้! อย่างน้อยหนึ่งแสนปีแล้วกระมัง&#8221; หอยยักษ์ตอบ</p>
<p>แค่เพราะแมลงตัวเล็กๆ พวกนั้นที่อยู่ในทะเลสาบ ก็ทำให้ปีศาจเฒ่าตัวนี้โดนขังอย่างน้อยหนึ่งแสนปี เหมียวอี้ปาดเหงื่อนิดหน่อย อดใจไม่ไหวที่จะบอกความจริงกับอีกฝ่าย แต่ก็อดไม่ได้ที่จะถามเช่นกัน &#8220;เจ้าเป็นใครกัน? ใครขังเจ้าไว้ที่นี่นานขนาดนี้?&#8221;</p>
<p>หอยยักษ์ตอบว่า &#8220;ข้าคือเสิ้นหมี แม่ทัพใหญ่ของประมุขปีศาจ เพียงเพราะประมุขปีศาจตกอยู่ในสถานการณ์ที่มีแนวโน้มพ่ายแพ้ ข้าไม่อยากให้ใครเสียสละอีก จึงโน้มน้าวให้เหล่าพี่น้องแยกย้ายกันไปไปวิ่งตามอนาคตตัวเอง ไม่รู้ว่าใครนำคำพูดของข้าไปพูดให้ประมุขไป๋ฟัง ทำให้ประมุขไป๋เดือดดาลมาก ข้าจึงโดนประมุขไป๋โจมตีจนบาดเจ็บสาหัส แล้วถูกขังไว้ที่นี่!&#8221;</p>
<p>&#8220;&#8230;&#8221; เหมียวอี้อ้าปากกว้าง ปีศาจตนนี้คือแม่ทัพใหญ่ของประมุขปีศาจในตำนาน เด็กดี! เจอกับตัวละครใหญ่เข้าแล้ว</p>
<p>&#8220;เจ้าถูกประมุขไป๋ขังไว้เหรอ?&#8221; เหมียวอี้อุทานถาม</p>
<p>หอยยักษ์หัวเราะเบาๆ แล้วถามว่า &#8220;ไม่รู้ว่าตอนนี้ในใต้หล้ามีสถานการณ์โดยรวมเป็นอย่างไร ประมุขไป๋อยู่ที่ไหน?&#8221;</p>
<p>เหมียวอี้หันซ้ายหันขวามองถ้ำหิน ความรู้สึกตกตะลึงนี้ยากจะบรรยายออกมาได้ อย่าบอกนะว่าสถานที่ซ่อนสมบัติที่ตนตามหามาตลอดทางก่อนหน้านี้ล้วนเป็นประมุขไป๋ที่วางแผนไว้? เขาชชงักไปครู่หนึ่งแล้วบอกว่า &#8220;ในใต้หล้าไม่มีประมุขไป๋กับประมุขปีศาจอยู่แล้ว ตอนนี้ในใต้หล้ามีเพียงประมุขพุทธะและประมุขชิงสองคนที่เป็นเจ้าของ&#8221;</p>
<p>&#8220;ฮ่าๆ&#8230;&#8221; หอยยักษ์เสิ้นหมีหัวเราะอย่างบ้าคลั่งไม่หยุด เพียงแต่เสียงหัวเราะฟังดูไม่ค่อยมั่นใจ เห็นได้ชัดว่าโดนขังนานเกินไปทำให้เสียพลังไปไม่น้อย สามารถอดทนจนถึงตอนนี้โดยไม่ตายก็นับว่าโชคดีมากแล้ว ในเสียงหัวเราะของเขาซ่อนความภูมิใจเอาไว้หลายส่วน &#8220;ข้ารู้อยู่แล้วว่าจะเป็นอย่างนี้! น้องชาย รบกวนคลายผนึกที่ควบคุมข้าออกให้หน่อย หลังจากข้าหลุดพ้นความลำบากแล้ว จะไม่ทำให้เจ้าเสียเปรียบแน่!&#8221;</p>
<p>เหมียวอี้ขานรับ &#8220;อ้อ&#8221; อย่างไม่ใส่ใจ แล้วถามว่า &#8220;จะไม่ทำให้ข้าเสียเปรียบยังไงล่ะ?&#8221;</p>
<p>&#8220;วรยุทธ์ข้าถึงระดับสำแดงฤทธิ์ขั้นหนึ่งแล้ว ถ้าคิดจะหาทรัพย์สมบัติตอบแทนเจ้าสักหน่อย นั่นไม่ใช่เรื่องง่ายหรอกเหรอ?&#8221; เสิ้นหมีตอบ</p>
<p>เมื่อกล่าวมาแบบนี้ เหมียวอี้ก็แอบตกตะลึง วรยุทธ์บงกชรุ้งขึ้นไปก็คือบงกชกลาย ระดับที่อยู่เหนือบงกชกลายขึ้นไปก็คือสำแดงฤทธิ์ เมื่อวรยุทธ์ถึงระดับบงกชกลาย ภาพมายาดอกบัวตรงหว่างคิ้วก็กลายสภาพแล้ว จะแสดงภาพประจำตัวของผู้ฝึกตนออกมา และหลังจากวรยุทธ์ถึงระดับสำแดงฤทธิ์แล้ว ภาพมายาตรงแท่นจิตก็จะเปลี่ยนจากมายาเป็นของจริง</p>
<p>บงกชกลายและสำแดงฤทธิ์ก็คือระดับใหญ่ที่เรียกว่าพลังอิทธิฤทธิ์อนันตภาพ!</p>
<p>สมกับเป็นลูกสมุนของประมุขปีศาจ วรยุทธ์ถึงระดับสำแดงฤทธิ์แล้ว! เหมียวอี้เงียบไปครู่หนึ่ง ไม่รู้ว่าจริงหรือเท็จ เพียงแต่อีกฝ่ายก็ไม่จำเป็นต้องหลอกตนเหมือนกัน คนที่สามารถทำให้ประมุขไป๋ลงมือปราบเองได้ วรยุทธ์จะต้องไม่ต่ำแน่นอน</p>
<p>เมื่อเห็นเขาไม่พูดอะไร เสิ้นหมีก็บอกอีกว่า &#8220;เจ้าอยากได้อะไรล่ะ พูดออกมาได้เลย รอให้ข้าหลุดพ้นความลำบาก ข้าจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อหามาให้เจ้า ไม่ให้เจ้าเสียเปรียบแน่!&#8221;</p>
<p>ตอนที่เขายังไม่บอกแบบนี้ บางทีเหมียวอี้อาจจะพิจารณาจริงๆ ก็ได้ แต่พอกล่าวมาแบบนี้ เหมียวอี้ก็เลิกคิ้วทันที เพื่อที่จะหลุดพ้นความทรมานนี้ ไม่ว่าตนจะเสนอเงื่อนไขอะไรปีศาจเฒ่าตนนี้ก็จะตอบรับ คำสัญญาพล่อยๆ ที่ไม่สนว่าจะทำได้หรือไม่ได้ ใครเชื่อก็แปลกแล้ว</p>
<p>เหมียวอี้เองก็ต้องชั่งน้ำหนักตัวเองด้วยเหมือนกัน ตัวเองมีคุณสมบัติอะไรถึงจะควบคุมให้ยอดฝีมือระดับสำแดงฤทธิ์หาของมาให้ตนได้? การเสนอเงื่อนไขกับคนประเภทนี้ ดีไม่ดีถ้าปล่อยตัวออกมาแล้ว เรื่องแรกที่อีกฝ่ายจะทำก็คือหัวเราะเยาะแล้วฆ่าเขาตาย!</p>
<p>อีกฝ่ายรู้ถึงสถานการณ์โดยรวมในปัจจุบันแล้ว ในฐานะที่เป็นแม่ทัพใหญ่ของประมุขปีศาจ จะปล่อยให้ตนรอดออกไปเปิดโปงความลับนี้เหรอ? ทหารกระจอกงอกง่อยอย่างตน ถ้าอีกฝ่ายจะฆ่าขึ้นมาก็ไม่ต้องมีภาระทางจิตใจเลยสักนิด</p>
<p>ดังนั้น ไม่ว่าจะมองจากด้านไหน การปล่อยปีศาจเฒ่าแบบนี้ออกมาอันตรายเกินไปจริงๆ ตนไม่มีกำลังสำหรับโต้ตอบใดๆ เลย</p>
<p>แกร๊งๆ! เหมียวอี้ถือกระบี่ไว้ในมือ งอนิ้วดีดตัวกระบี่ออกมา แล้วกล่าวเสียงเรียบว่า &#8220;อย่าพูดเหลวไหลไปไกลเลย! ระดับสำแดงฤทธิ์ขั้นหนึ่งแล้วยังไงล่ะ? ตอนนี้ใต้หล้าเป็นของประมุขพุทธะกับประมุขชิง ทั้งสองมีลูกน้องที่เป็นยอดฝีมือตั้งมากมาย ระดับยศไม่หละหลวม ควบคุมทั้งใต้หล้า ระดับสำแดงฤทธิ์ขั้นหนึ่งอย่างเจ้าไม่พอให้ชายตาแลเลย ยังคิดจะออกไปตอบแทนข้าอีกเหรอ? ถ้าเจ้ามีความสามารถจริงๆ ทำไมปกป้องประมุขปีศาจไว้ไม่ได้ล่ะ? ไม่ต้องพูดอะไรที่ไม่สอดคล้องกับความจริงแล้ว เอ่อคือว่า บนตัวเจ้ามีของอะไรอยู่บ้างล่ะ ไม่สู้ส่งออกมาตอนนี้เลยดีกว่า ขอเพียงของนั้นเติมเต็มความต้องการของข้าได้ ข้าก็จะปล่อยเจ้าไป ดีมั้ย?&#8221;</p>
<p>ลูกตาสีฟ้าของเสิ้นหมีจ้องเหมียวอี้อย่างฉายประกาย มองออกแล้วว่าเหมียวอี้ไม่ใช่คนที่จะโดนหลอกได้ง่ายๆ เมื่อได้ยินว่าตนมีวรยุทธ์เท่าไรแล้วยังใจเย็นขนาดนี้ได้ เห็นได้ชัดว่าเคยผ่านอุปสรรคคลื่นลมมาไม่น้อย เป็นคนที่เคยเห็นโลกมาพอสมควร เขาฟังแล้วถอนหายใจ &#8220;ตอนที่ประมุขไป๋ขังข้า จะปล่อยให้บนตัวข้าเหลือของได้อย่างไร ริบของข้าไปหมดตัวตั้งนานแล้ว แต่จะว่าไปแล้ว ถึงแม้บนตัวข้าจะไม่มีสมบัติอะไร แต่ถ้าข้าหลุดพ้นความลำบากนี้ได้ การจะปล้นสมบัติสักนิดหน่อยนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายหรอกเหรอ?&#8221;</p>
<p>&#8220;อย่ามาใช้มุขนี้กับข้าเลย! คนที่ทรยศเจ้านายตัวเอง จะยอมเสี่ยงโดนเปิดเผยตัวตนเพื่อปล้นของมาให้ข้าเหรอ? ปีศาจเฒ่าอย่างเจ้าน่ะ พอหลุดพ้นไปได้จะต้องหาที่หลบเพื่อฟื้นฟูพลังตัวเอง รอคอยอนาคตแน่นอน! ข้าว่านะปีศาจเฒ่า เจ้าพูดจาไม่มีความจริงใจ หลอกล่อข้าเหมือนข้าเป็นเด็กสามขวบ ข้าว่าไม่ต้องคุยกันแล้วล่ะ ประมุขไป๋สิ้นเปลืองความพยายามเพื่อขังเจ้าไว้ที่นี่ ที่ขังไว้โดยไม่ฆ่าแปลว่าต้องมีจุดประสงค์แน่นอน ถ้าไม่ใช่เพราะแบบนี้ข้าคงฆ่าเจ้าไปนานแล้ว ข้าไม่ฆ่าเจ้าก็ถือว่าเจ้าต้องขอบคุณฟ้าดินแล้ว อย่าคิดอะไรไม่ซื่อเลย เจ้าอยู่ที่นี่ต่อไปแต่โดยดีเถอะ!&#8221; เหมียวอี้แสยะหัวเราะสองที สะบัดกระบี่ใสมือ แล้วเริ่มเหลียวซ้ายแลขวาอีกครั้ง การหาสมบัติต่างหากที่เป็นเรื่องสำคัญ</p>
<p>เมื่อเหมียวอี้กล่าวแบบนี้ เสิ้นหมีก็ก็ทำสีหน้าเดือดดาลทันที แต่กลับพูดด้วยเสียงอ่อนโยน &#8220;ที่ข้ามีสมบัติอยู่ชิ้นหนึ่ง ซ่อนอยู่ในดวงตาข้า เจ้าดูสิ!&#8221;</p>
<p>สมบัติอะไร? เหมียวอี้ที่เพิ่งจะหันตัวงงทันที พอหันกลับมา มองไปที่ลูกตาสีฟ้าของเขา ก็เห็นเพียงลูกตาสีฟ้าของเขาเป็นประกาย สีฟ้าตรงใจกลางลูกตาเลือนรางไป เผยกลางลูกตาสีรุ้ง ชั่วพริบตาเดียวลำแสงสีรุ้งรูปเสาที่วนเวียนก็ยิงออกมาจากกลางลูกตา สั่นสะท้านใจคนมาก เสาแสงสายหนึ่งครอบเหมียวอี้ไว้แล้ว</p>
<p>ร่างของเหมียวอี้สั่นเทิ้ม สายตาที่จ้องกลางลูกตาสีรุ้งนั่นยากจะเบนย้ายออกไปได้ ที่หูมีเสียงเรียกที่แยกไม่ออกว่าเป็นชายหรือหญิงดังมาแว่วๆ &#8220;มานี่…มานี่สิ…&#8221; หลังจากถูกลำแสงครอบไว้ ตั๊กแตนในกำไลเก็บสมบัติและเฮยทั่นในกระเป๋าสัตว์ก็เริ่มทรมานขึ้นมาอีกแล้ว</p>
<p>เขาเดินไปข้างหน้าสองก้าวโดยจิตใต้สำนึก เพียงแต่เสียงเรียกที่เบาและอ่อนแอแบบนี้ยังทำให้เขาสับสนอย่างเต็มที่ไม่ได้ พอส่ายหน้าก็เรียกสติกลับมาได้อีกครั้ง รีบเอียงหน้าไม่มองกลางลูกตาสีรุ้งนั่นอีก ถ้าดูต่อไปจะรู้สึกว่าจิตวิญญาณกำลังจะตกลงกลางลูกตาสีรุ้งอย่างถอนตัวไม่ขึ้น</p>
<p>ขณะเดียวกันก็ถลันตัวไปด้านข้าง หลบจากเสาแสงสายตาที่ครอบตัวเองอยู่ ทำให้เห็นเสาแสงนั่นกวาดมองตามทันที แต่ช่วยไม่ได้ที่มีมุมเป็นอุปสรรค ทำให้มันไม่สามารถมองมาที่เหมียวอี้ได้อีกแล้ว</p>
<p>เมื่อหลุดพ้นจากเสาแสง จิตวิญญาณของเหมียวอี้ก็สงบลงทันที ตั๊กแตนในกำไลเก็บสมบัติและเฮยทั่นในกระเป๋าสัตว์สงบลงแล้วเช่นกัน ถึงแม้จะหลุดพ้นจากอันตรายแล้ว แต่ภาพเมื่อครู่นี้ก็ยังทำให้เหมียวอี้รู้สึกหวาดผวาอยู่เลย เพลิงจิตที่ปกป้องร่างกายแทบจะป้องกันสายตาของสัตว์ประหลาดไม่ไหว เรื่องนี้ก็ต้องขอบคุณเพลิงจิตที่ปกป้องเขาไว้ ไม่อย่างนั้นจะต้านทานการล่อล่วงของสายตาสัตว์ประหลาดได้อย่างไร</p>
<p>ที่น่ากลัวที่สุดก็คือ ตนแทบจะตกหลุมพรางโดยที่ยังไม่ทันรู้สึกถึงคลื่นพลังอิทธิฤทธิ์ของอีกฝ่ายเลยสักนิด การเผชิญหน้ากับปีศาจเฒ่าแบบนี้เรียกได้ว่าป้องกันไม่ชนะจริงๆ เหมียวอี้ถอนหายใจเฮือกหนึ่งแล้วหันกลับไปมองหอยยักษ์ ก่อนจะยกกระบี่วิเศษผลึกแดงในมือตัวเองขึ้นมาดูอีก</p>
<p>…………………………</p>

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด