พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1153 ยาเจี๋ยตันขั้นเจ็ด

Now you are reading พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า Chapter 1153 ยาเจี๋ยตันขั้นเจ็ด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

<p>ถึงแม้เสียงจะดังก้องอยู่ในหัวของตนเอง แต่เหมียวอี้ก็ฟังไม่เข้าใจเลยว่าหมายความว่าอะไร และตอนนี้ก็ไม่มีเวลามาสนใจด้วยว่าเขาจะพูดอะไร มีคนต้องการจะยึดร่างตนเอง นี่ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เรียกได้ว่ารวบรวมสมาธิกำจัดจิตสำนึกของอีกฝ่ายที่ต้องการจะล่วงล้ำเข้ามา</p>
<p>ภายใต้การล้อมปราบอย่างสุดกำลังของเหมียวอี้ เสียงที่เสิ้นหมีเปล่งออกมาค่อยๆ แผ่วลง ลูกกลมใหญ่พองใหญ่เท่ากำปั้นตรงหว่างคิ้วเขาก็หยุดเลื้อยขยุกขยิกต่อต้านแล้วเช่นกัน กำลังหดเล็กลงอย่างช้าๆ…</p>
<p>ชั่วพริบตาที่จิตใต้สำนึกของเสิ้นหมีหายไป กระแสไฟฟ้าที่อยู่บนตัวหอยยักษ์ไม่ไกลก็เริ่มหายไปทีละนิดเช่นกัน กายเนื้อกำลังถูกเผาอย่างดุเดือดอยู่ท่ามกลางเปลวเพลิงที่ลุกโชน</p>
<p>ตอนที่กระแสไฟฟ้าบนตัวหอยยักษ์หายไป ลูกศิษย์ที่เฝ้าอยู่ตามจุดต่างๆ ของปราสาทดำเนินเซียน บางคนที่บังเอิญเห็นการเปลี่ยนแปลงของท้องฟ้าตะลึงงันแล้ว</p>
<p>ปรากฏการณ์มหัศจรรย์ที่สีขาวกับสีฟ้าผสมผสานกันและเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาค่อยๆ หยุดนิ่ง สีขาวที่เหมือนภาพฝันมายาเริ่มเลือนหายไปทีละนิด หายไปกลางอากาศ ท้องฟ้ากลายเป็นสีฟ้าครามราวกับถูกชำระล้าง คืนสภาพกลายเป็นสีของท้องฟ้าอย่างที่ควรจะเป็น ท้องฟ้าสีฟ้าคราม</p>
<p>บางคนนึกว่ามันจะเป็นแบบนี้แค่ชั่วคราว แต่พอรอดูไปสักพัก กลับไม่เห็นว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลง ท้องฟ้ายังคงเป็นสีฟ้าสด&#8230;</p>
<p>ที่ก้นทะเลสาบ หลังจากก้อนขนาดเท่ากำปั้นหายบวม สีหน้าที่บิดเบี้ยวของเหมียวอี้ก็กลับคืนสู่สภาพปกติ ไม่มีความเจ็บปวดมหาศาลที่เหมือนโดนฉีกเนื้อแล้ว</p>
<p>เขากำจัดจิตสำนึกของเสิ้นหมีที่ต้องการจะบุกรุกเข้ามา แล้วร่ายอิทธิฤทธิ์กำจัดวัตถุประหลาดที่ซ่อนอยู่ในหว่างคิ้วของตัวเองต่อไป ก่อนที่เสิ้นหมีจะตายยังบุกเบิกพื้นที่ว่างไว้ตรงหว่างคิ้วของเขา ตรงหว่างคิ้วของเขาราวกับมีแหวนเก็บสมบัติเพิ่มมาอีกวง แล้วก็เหมือนกระเป๋าใบหนึ่ง กระเป๋าที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดกำลังหยั่งรากอยู่บนหน้าผากของเขา</p>
<p>เหมียวอี้ที่หลับตารวบรวมสมาธิตัดสินใจถอนรากถอนโคนวัตถุประหลาดนี้ จึงร่ายอิทธิฤทธิ์เปิดกระเป๋าออก หมายจะหยิบวัตถุประหลาดออกมา</p>
<p>ทว่าวินาทีที่กระเป๋าเปิดออก เขาที่กำลังหลับตาอยู่ก็พลันมองเห็นสถานการณ์ในห้องหินชัดเจน มองชัดเจนยิ่งกว่าเวลาอื่น เรียกได้ว่าเห็นทุกอย่างแม้กระทั่งฝุ่น เห็นการเผาไหม้ที่โชติช่วงในเปลือกหอยยักษ์อย่างแจ่มแจ้ง</p>
<p>เหมียวอี้ตกใจทันที ตัวเองกำลังหลับตาอยู่แท้ๆ ทำไมมองเห็นสิ่งของอย่างชัดเจนได้?</p>
<p>เขาพบความผิดปกติอย่างรวดเร็ว พบว่าตอนที่ร่ายอิทธิฤทธิ์เปิดพื้นที่ว่างตรงหว่างคิ้ว พลังอิทธิฤทธิ์ก็ถูกของในกระเป๋านั้นดูดเข้าไปราวกับเป็นกระแสน้ำ พลังอิทธิฤทธิ์ของตนกำลังหมดเปลืองไปอย่างรวดเร็ว</p>
<p>เหมียวอี้รีบลืมตา วินาทีที่ลืมตาขึ้นมาสองข้าง เขาก็ตะลึงงันแล้ว ทุกที่ในพื้นที่ว่างใต้ดินมีแต่หมอกควันอบอวลหลังจากโดนเผา หมอกควันรบกวนสายตาทำให้มองเห็นอะไรไม่ชัดเจนเลย แต่ในหว่างคิ้วกลับเหมือนจะเห็นทุกอย่างชัดเจน</p>
<p>เขาหลอกตาสองข้างขึ้นเล็กน้อย จ้องมองเสาแสงอันคุ้นเคยที่ดวงตาทั้งคู่ของตนยิงขึ้นไปด้านบน แสงสีรุ้งกำลังวนเวียนอยู่ในเสาแสง</p>
<p>นี่เป็นพลังอภินิหารของปีศาจเฒ่านั่นไม่ใช่เหรอ? นี่มันเรื่องอะไรกัน? เขารีบหยิบกระจกบานหนึ่งออกมาส่อง ตอนไม่เห็นก็ยังไม่รู้ แต่พอเห็นแล้วตกใจแทบตาย หว่างคิ้วมีปากแผลเลือด ราวกับดวงตาเลือดกำลังลืมอยู่ ในปากแผลเลือดมีลูกตาสีรุ้งดวงหนึ่ง กำลังยิงเสาแสงที่มีรัศมีสีรุ้งวนเวียนออกมา งดงามอัศจรรย์ แต่สำหรับคนที่มีจิตใจต่อต้านอย่างเหมียวอี้ สิ่งนี้กลับแปลกประหลาดน่าตกใจ!</p>
<p>เขาเคยเห็นของสิ่งนี้มาก่อน เป็นใจกลางลูกตาที่อยู่ในลูกตาสีฟ้าของเสิ้นหมี เพียงแต่ไม่ใหญ่เหมือนที่เห็นตอนนั้นก็เท่านั้นเอง</p>
<p>ความเร็วในการดูดพลังอิทธิฤทธิ์ของลูกตาน่าตกใจเกินไป เหมียวอี้มองดูครู่เดียวก็รู้สึกรับไม่ไหวแล้ว ถ้ามองต่อไปพลังอิทธิฤทธิ์ของตนจะต้องถูกใช้จนหมดแน่นอน จึงรีบใช้พลังอิทธิฤทธิ์ปิดปากแผลเลือดตรงหว่างคิ้ว ดังนั้นตรงหว่างคิ้วจึงเหมือนมีคนใช้มีดกรีดจนเกิดรอยเลือด</p>
<p>พอปากแผลเลือดปิดแล้ว พลังอิทธิฤทธิ์ที่สิ้นเปลืองมหาศาลก็หยุดแล้วจริงๆ</p>
<p>แต่ไม่ว่าจะเป็นคนปกติคนไหน ถ้าจู่ๆ ตรงหว่างคิ้วมีดวงตาที่สามงอกขึ้นมาก็ต้องรับไม่มีทางรับได้กันทั้งนั้น เหมียวอี้ตัดสินใจว่าเจ็บสั้นดีกว่าเจ็บยาว จึงร่ายอิทธิฤทธิ์อีกครั้ง เตรียมจะคว้านเนื้อตรงหว่างคิ้วทิ้งทั้งราก</p>
<p>แต่ใครจะคิดว่าพอร่ายอิทธิฤทธิ์คว้านและจะดึงออก เหมียวอี้ก็ตาลายทันที จู่ๆ ก็ครางเสียงต่ำ ใช้สองมือกุมดวงตาทั้งคู่ของตัวเอง กุมดวงตาที่เจ็บปวดอย่างรุนแรงเอาไว้</p>
<p>ตอนนี้เขาเพิ่งจะพบว่าเส้นเลือดที่งอกออกมาจาก &#8216;ดวงตาที่สาม&#8217; เชื่อมต่อเป็นหนึ่งเดียวกับเส้นประสาทตาของดวงตาทั้งคู่ของเขาแล้ว ถ้าดึง &#8216;ดวงตาที่สาม&#8217; ออกก็จะต้องทำให้ดวงตาทั้งสองข้างของเขาเสียหายแน่นอน</p>
<p>เดิมทีเขาคิดว่าหลังจากขุดถอน &#8216;ดวงตาที่สาม&#8217; ออกแล้ว ก็ค่อยใช้สมุนไพรเซียนซิงหัวฟื้นฟูซ่อมแซมบาดแผล</p>
<p>แต่ส่วนต่างๆ ในร่างกายตอบสนองต่อการรักษาของสมุนไพรเซียนซิงหัวต่างกัน บางจุดก็ฟื้นฟูได้ บางจุดก็ฟื้นฟูไม่ได้ บางจุดก็ฟื้นฟูค่อนข้างช้า ตำแหน่งส่วนใหญ่บนร่างกายล้วนใช้สรรพคุณของสมุนไพรเซียนซิงหัวฟื้นฟูรักษาได้ง่าย แต่ก็มีจุดที่ฟื้นฟูรักษาไม่ได้เหมือนกัน</p>
<p>ยกตัวอย่างเช่นผิวหนังกระด้างบนแขนขาที่ขาด หลังจากมีแขนขางอกออกมาใหม่ ผิวหนังกระด้างที่มีอยู่เดิมก็จะไม่สามารถฟื้นฟูกลับมาได้อีก ริ้วรอยที่มีอยู่แต่เดิมบนผิว เยื่อบุที่พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของผู้หญิง หัวใจเสียหายและสมองเสียหาย หลังจากหยุดทำหน้าที่ทางสรีรวิทยาแล้วก็จะไม่สามารถฟื้นฟูกลับมาได้อีก</p>
<p>จุดที่ฟื้นฟูค่อนข้างยากก็รวมถึงอวัยวะภายใน ดวงตา อวัยวะรูปหอยโข่งในช่องหู อวัยวะเพศชาย</p>
<p>เหมียวอี้ที่กำลังเอามือกุมดวงตาที่เจ็บปวดของตัวเองส่ายหัว ขยี้ดวงตาที่ค่อนข้างพร่ามัว สถานการณ์แบบนี้ทำให้เขาพบว่าไม่มีทางขุด &#8216;ดวงตาที่สาม&#8217; ออกมาได้เลย ไม่อย่างนั้นถ้าทำให้ดวงตาของตัวเองเสียหาย ก็เกรงว่าคงต้องใช้เวลานานกว่าจะออกจากที่นี่ได้ สถานการณ์ในปัจจุบันไม่สะดวกจะให้เขาอยู่ที่นี่นาน ทำได้เพียงรอให้ออกจากที่นี่ไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน</p>
<p>ร่ายอิทธิฤทธิ์สังเกตดูสักพัก หลังจากแน่ใจแล้วว่า &#8216;ดวงตาที่สาม&#8217; ยังไม่ได้ส่งผลกระทบอะไร เหมียวอี้ก็ร่ายอิทธิฤทธิ์ม้วนแขนเสื้อ ในพื้นที่ว่างใต้ดินก็เกิดลมหมุนทันที ม้วนควันหนาในถ้ำใต้ดินเข้ามาในทางใต้ดินราวกับพายุหมุน กรอกเข้ามาในน้ำที่อยู่ในทางใต้ดินแล้ว</p>
<p>ในถ้ำกลับมาสดใสชัดเจนทันที เหมียวอี้กางนิ้วทั้งห้าอีกครั้ง ดับเพลิงเดือดที่กำลังเผาไหม้อยู่ในเปลือกหอย ส่วนเนื้อในเปลือกหอยก็ถูกเผาทำลายจนไม่เป็นชิ้นเป็นอันแล้ว เห็นแล้วสะอิดสะเอียน</p>
<p>ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ เหมียวอี้ก็ยังมีท่าทีระมัดระวังตัว ร่ายอิทธิฤทธิ์ตรวจดูหอยยักษ์อีกรอบหนึ่ง หลังจากแน่ใจว่าปีศาจเฒ่าไม่มีโอกาสรอดชีวิตแล้ว เขาก็ขยุ้มนิ้วทั้งห้าอีกครั้ง ดูดวัตถุประหลาดในเนื้อหอยที่โดนเผาออกมา</p>
<p>กล่องที่สกปรกใบหนึ่งตกลงในมือเขา เปิดกระดุมลับออก พอเปิดฝาดูก็เป็นอย่างที่คาดไว้ ข้างในมีก้อนโลหะกลมสีดำและแผ่นหยกนอนอยู่เงียบๆ เขาหยิบแผ่นหยกมาดูในมือ มีตัวอักษรตัวใหญ่เขียนไว้บนวิชาฝึกตนที่หนาแน่นยั้วเยี้ย : เคล็ดวิชาสวรรค์เก้าชั้นฟ้า ดิน!</p>
<p>เหมียวอี้ยิ้มบางๆ เคล็ดวิชาสวรรค์เก้าชั้นฟ้าภาคดินอยู่ในมือแล้ว ไม่เสียแรงที่ตนเสี่ยงอันตรายรอบนี้</p>
<p>พอวางแผ่นหยกก็หยิบก้อนโลหะกลมสีดำขึ้นมาอีก เมื่อร่ายอิทธิฤทธิ์กระตุ้น ก้อนกลมก็แผ่ออกเสียงดังเปาะแปะ ภาพแรกที่ปรากฏสู่สายตาคือแผนที่ซ่อนสมบัติที่เหมือนกับก่อนหน้านี้ เป็นภาพสตรีกำลังกางแขนทะยานฟ้าอย่างอ่อนช้อย ด้านข้างมีตัวอักษรสองแถว : ลิขิตแห่งเส้นทางแห่งเซียนยังไม่จบสิ้น เรือกระดูกลอยอยู่ในทะเลเลือด!</p>
<p>เหมียวอี้ที่เคยเห็นจนมองเป็นเรื่องปกติรู้แล้วว่าตรงไหนคือกุญแจสำคัญ สายตาไปหยุดอยู่ที่อักษรสองตัวบนบนแผนที่ดาวและแผนที่ที่แนบมา : หยิน ดิน!</p>
<p>เขามองปราดเดียวก็เข้าใจแล้ว สิ่งที่ซ่อนอยู่ในจุกซ่อนสมบัติแห่งต่อไปก็คือเคล็ดวิชาวิญญาณหยินเชื่อมหยางที่ปราชญ์ผีซือถูเซี่ยวฝึก</p>
<p>แผนที่หุบกลับเป็นลูกกลมโลหะและวางกลับเข้าไปในกล่อง หลังจากเก็บเข้าไปด้วยกันแล้ว เหมียวอี้ก็มองไปรอบๆ อีกครั้ง ในใจรู้สึกปลงอนิจจังไม่หยุด นึกไม่ถึงเลยจริงๆ ที่แท้คนที่วางจุดซ่อนสมบัติให้เชื่อมโยงติดต่อกันเป็นลูกโซ่ก็คือประมุขไป๋ หนึ่งในมหาราชันทั้งสี่ในปีนั้นนั่นเอง</p>
<p>พอลงมาคิดดูตอนนี้ก็พบว่าเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล ในปีนั้นหกมหาราชันก็ถูกพวกประมุขไป๋กำจัดเหมือนกันไม่ใช่เหรอ การที่ประมุขไป๋มีหกเคล็ดวิชาพิเศษอยู่ในมือก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไร</p>
<p>แต่ยังมีจุดหนึ่งที่เขาคิดไม่ตก เขาไม่เข้าใจว่าประมุขไป๋ทำแบบนี้เพราะมีเจตนาอะไรกันแน่ ก่อนหน้านี้คิดว่าคนซ่อนสมบัติกินอิ่มแล้วไม่มีอะไรจะทำ แต่ตอนนี้มาลองคิดดูใหม่ก็รู้สึกว่ามันไม่ธรรมดาอย่างนั้นแน่นอน ประมุขไป๋คนนี้ไม่ใช่แค่คนที่มีวรยุทธ์สูงส่งเท่านั้น แต่สติปัญญาก็ไม่ธรรมดาด้วย ดูจากการโยนแมลงลงในทะเลสาบนิดหน่อยเพื่อควบคุมเสิ้นหมีไว้ในนี้ก็รู้แล้ว ทั้งยังมีการซ่อนสมบัติที่ต่อเนื่องกันเป็นลูกโซ่อีก ไม่รู้จริงๆ ว่าสมองของประมุขไป๋คิดออกมาได้อย่างไร ใช้เงามืดของลักษณะพื้นภูมิวาดเป็นรูปภาพขนาดใหญ่ วิธีการซ่อนสมบัติและชี้นำให้หาสมบัติทำให้คนเหลือเชื่อจริงๆ ปัจจัยต่างๆ เชื่อมโยงกันเป็นขั้นตอน คนที่ไม่รู้กุญแจสำคัญอย่างชัดเจน ต่อให้ได้แผนที่ทั้งหมดมาแต่ก็ไม่มีทางตามหาสมบัติพบ วิธีการที่ลึกลับยากจะคาดเดาแบบนี้ ต่อให้ตนจะคิดจนหัวแตกก็คิดไม่ออก</p>
<p>เดิมทีเขาคิดจะถามเสิ้นหมีว่าประมุขไป๋ทำแบบนี้ไปทำไม แต่เพื่อที่จะปกป้องชีวิต เสิ้นหมีไม่ยอมบอกแม้กระทั่งว่ามีสมบัติซ่อนอยู่บนร่างกายตัวเอง แถมตัวเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าโดนขังไว้ที่ไหน ไม่มีทางที่จะรู้ถึงสาเหตุที่ประมุขไป๋ทำแบบนี้ ถามไปก็เปล่าประโยชน์ มิหนำซ้ำก่อนหน้านี้เขาก็ไม่ได้คิดว่าจะต้องฆ่าเสิ้นหมีทิ้ง จึงไม่อยากให้เสิ้นหมีรู้ถึงสถานที่ซ่อนสมบัติแห่งอื่นที่เขาเคยไป</p>
<p>สิ่งที่เขาสงสัยตอนนี้ก็คือ ประมุขไป๋กับเคล็ดวิชาฝึกตนของเขามีความเกี่ยวข้องอะไรกันแน่ พอนึกถึงตรงนี้เขาก็รู้สึกโชคดี โชคดีที่ไม่รับปากให้อวิ๋นจือชิวมาหาสมบัติ ไม่อย่างนั้นถ้าอวิ๋นจือชิวบุกเข้ามาที่นี่ เกรงว่าจุดจบคงไม่ต่างอะไรกับสตรีวัยกลางคนที่มาปล้นหลิงชาน</p>
<p>เลิกคิดเรื่องพวกนี้ชั่วคราว เหมียวอี้ร่ายอิทธิฤทธิ์ค้นหาซากศพของปีศาจหอยที่โดนเผาทำลาย หลังจากสายตาไปหยุดอยู่ตรงจุดที่โดนเผาทำลาย เขาก็ขยุ้มนิ้วทั้งห้ากลางอากาศ ไข่มุกเม็ดหนึ่งลอยตกลงในมือเขา พอไข่มุกถูกคว้าอยู่ในมือเขาแบบนั้น เขาก็รู้สึกได้ถึงพลังงานมหาศาลกลุ่มหนึ่งที่ทำให้จิตวิญญาณสั่นสะท้าน</p>
<p>เขาพลิกมือ นำไขมุกเม็ดหนึ่งโปร่งแสงคีบไว้ที่ปลายนิ้ว มีหมอกจางๆ ลอยวนเวียน มีแสดงสว่างเปล่งออกมา แค่เห็นก็รู้ว่าเป็นของล้ำค่า</p>
<p>เหมียวอี้สูดหายใจอย่างตกตะลึง ยาเจี๋ยตันขั้นเจ็ด! นี่ก็คือยาเจี๋ยตันขั้นเจ็ด! เขามาที่พิภพใหญ่นานขนาดนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของยาเจี๋ยตันขั้นเจ็ด แม้แต่ในร้านค้าของสมาคมวีรชนก็ไม่มีขายมาก่อน</p>
<p>แค่คิดก็รู้แล้วว่าของชิ้นนี้มีมูลค่าขนาดไหน! หลังจากเหมียวอี้ใช้นิ้วถือฟั่นพลางเดาะลิ้นสองที ใบหน้าก็เผยรอยยิ้มขื่นขมอีก ต่อให้ของชิ้นนี้จะมีมูลค่าสูง แต่เขาก็ไม่กล้านำไปปล่อยขายอยู่ดี นี่คือยาเจี๋ยตันที่กว่าจะได้มาต้องฆ่านักพรตระดับสำแดงฤทธิ์ก่อน ถ้านำออกมาจะต้องทำให้เกิดความเคลื่อนไหวใหญ่โตแน่นอน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมันมาโผล่อยู่ในมือนักพรตที่มีระดับอย่างเขา สงสัยจะทำได้เพียงเก็บซ่อนเอาไว้ดูเอง ไม่รู้ว่าถ้าโยนให้เฮยทั่นกินแล้วจะมีปฏิกิริยาอย่างไร</p>
<p>แต่มีอยู่จุดหนึ่งที่เขาสามารถแน่ใจได้ ถ้านำของสิ่งนี้กลับไปให้อวิ๋นจือชิวเห็น เมียจอมจัดการที่วันๆ เอาแต่นับเงินจะต้องยิ้มสดใสเหมือนดอกไม้บานแน่ๆ นำกลับไปปะเหลาะให้อวิ๋นจือชิวเป็นฝ่ายเปลื้องผ้ามาปรนนิบัติเขาก่อนอย่างสุดความสามารถก็ถือว่าคุ้มเหมือนกัน เนื้อแท้ของผู้หญิงคนนั้นเป็นคนหัวโบราณมาก ไม่เคยยอมใช้ปากเลย ไม่รู้ว่าสมบัติชิ้นนี้จะสามารถเปิดปากนางได้หรือเปล่า</p>
<p>ถ้าให้คนอื่นรู้ว่าเจ้าบ้านี่ได้ยาเจี๋ยตันขั้นเจ็ดมาเพื่อปะเหลาะให้อวิ๋นจือชิวทำเรื่องสนุกบนเตียงเท่านั้น คาดว่าคงมีคนอยากจะฆ่าเขา</p>
<p>พอเก็บยาเจี๋ยตันขั้นเจ็ดแล้ว สายตาเหมียวอี้ก็จ้องพวกอุปกรณ์ผลึกแดงที่ใช้ควบคุมเสิ้นหมีอีก ของพวกนั้นมีจำนวนไม่น้อย สามารถทำเป็นเกราะรบผลึกแดงได้จำนวนมาก</p>
<p>เขาจึงเก็บเข็มแดงขนาดเท่าแขนหลายสิบเล่มไว้ทั้งหมดทันที  เก็บเสาผลึกแดงยาวสิบกว่าจั้งที่สอดเกี่ยวเปลือกหอยไว้ด้วยเช่นกัน จากนั้นก็ฝืนดึงโซ่ผลึกแดงที่ยาวหยาบหลายเส้นออกมาจากผนังหิน เก็บไว้ทั้งหมดแล้ว ในเมื่อสังหารเสิ้นหมีไปแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องปล่อยของสิ่งนี้ให้เสียเปล่า</p>
<p>หลังจากกวาดริบจนหมด เขาก็โยนหินผลึกไขมันเพลิงหลายก้อนไปเผาทำลายร่องรอยศพในเปลือกหอย เสร็จแล้วถึงได้ออกมาจากพื้นที่ว่างใต้ดิน หลังจากออกมาอยู่ในทะเลสาบแล้ว เขาก็ร่ายอิทธิฤทธิ์ค้นหาสมบัติของศพที่อยู่ทั่วก้นทะเลสาบ กำไลเก็บสมบัติและแหวนเก็บสมบัติหลายวงถูกค้นออกมาจากโคลน</p>
<p>เป็นอย่างที่อวิ๋นจือชิวคอยบ่นบ่อยๆ ใช้เงินเหมือนกระแสน้ำ ต้องเลี้ยงดูผู้หญิงหลายคนที่แต่งงานเข้าบ้านมา ตอนนี้มีโอกาสร่ำรวยแล้ว มีหรือที่เขาจะพลาดไป ไม่อย่างนั้นจะเอาเงินจากไหนมาเลี้ยงอนุภรรยามากมายขนาดนั้นล่ะ? มีเงินถือกลับบ้าน เวลาเล่นกับพวกนางถึงจะมีความมั่นใจ</p>
<p>…………………………</p>

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด