พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1202 ก้อนอิฐที่ใช้โยนล่อหยก

Now you are reading พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า Chapter 1202 ก้อนอิฐที่ใช้โยนล่อหยก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

<p>ทุกคนนิ่งเงียบ เสียงกลองสะท้านฟ้าระเบิดยังคงดังหึ่งๆ</p>
<p>คนตีกลองที่อยู่ตรงหน้ากลองสะท้านฟ้าอีกสิบเอ็ดใบก็หยุดตีกลองเพราะตกใจในการเปลี่ยนแปลงกะทันหันนี้เช่นกัน จนกระทั่งพบความผิดปกติและจะตีกลองอีกครั้ง จุยหย่วนก็โบกมือสั่งให้หยุดตีกลองแล้ว ถ้าสั่งให้หยุดแล้วตอนนี้เจ้าก็ตีข้าก็ตี เสียงกลองจะต้องดังมั่วเป็นแถบๆ แน่นอน แบบนี้ใช่เรื่องเสียที่ไหนกัน มิหนำซ้ำผู้เข้าร่วมทดสอบก็ลงสนามไปแล้ว จะตีกลองหรือไม่ตีกลองก็ไม่เป็นอะไร</p>
<p>กล้าพังกลองสะท้านฟ้าในโอกาสและสถานที่แบบนี้ อย่างน้อยผู้เข้าร่วมทดสอบหนึ่งล้านที่อยู่ตรงหน้าก็ไม่มีใครกล้าทำ และไม่มีใครอยากทำด้วย</p>
<p>โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากพังกลองสะท้านฟ้าไปแล้วหนึ่งใบ เสียงกลองที่ทำให้ทุกคนวิตกกังวลเงียบแล้ว พลังอำนาจที่แสดงออกมา ทำให้คนตะลึงค้างอย่างแท้จริง</p>
<p>เซี่ยโห้วหลงเฉิงที่เบิกตากว้างมองเหมียวอี้กระตุกมุมปาก ตอนนี้หุบปากไม่ลงแล้ว ขาเองก็นับว่ากำเริบเสิบสาน แต่ก็ยังไม่กล้าทำเรื่องแบบนี้ต่อหน้าทูตขวาตรวจการเกาก้วน ต่อให้มีความกล้าหาญอีกร้อยเท่าก็ไม่กล้าทำแบบนี้ วันนี้นับว่าได้รู้จักแล้วว่าอะไรเรียกว่ากำเริบเสิบสาน!</p>
<p>พวกจางฮั่นฟางจากจวนแม่ทัพภาคตงหัวก็ยิ่งตกตะลึงอ้าปากค้าง นี่ยังใช่เจ้าเต่าหัวหดขี้ขลาดที่โดนด่าแล้วไม่ตอบโต้อยู่มั้ย?</p>
<p>ซูลี่ที่ติดตามอยู่ข้างๆ รวบรวมสมาธิโดยจิตใต้สำนึก ในที่สุดวันนี้ก็ได้เห็นพลังอำนาจของผู้บัญชาการใหญ่หนิวอีกครั้ง  ผู้บัญชาการใหญ่หนิวที่สั่งคำเดียวแล้วหัวสามพันหัวร่วงลงพื้น แตกต่างกับผู้บัญชาการใหญ่ตอนอยู่จวนแม่ทัพภาคราวฟ้ากับดิน!</p>
<p>โค่วเหวินชิงตาค้าง ปี้เย่วฮูหยินเผยอปากงามเล็กน้อย จ้านหรูอี้ประหลาดใจ จาเหรินจวิ้นพูดไม่ออก</p>
<p>&#8220;พลังอำนาจข่มทัพใหญ่หนึ่งล้าน น่าสนใจทีเดียว!&#8221; เถิงเฟยที่กำลังมองดูเดาะลิ้น เอามือลูบหนวดพลางเหล่ตาถามว่า &#8220;ทำลายบารมีตำหนักสวรรค์ต่อหน้าฝูงชน ทูตขวาเกาจะจัดการลงโทษอย่างไรล่ะ?&#8221;</p>
<p>เกาก้วนจ้องหมียวอี้ลางกล่าวเสียงเรียบ &#8220;ถ้าผ่านด่านนี้ไปได้ ข้าก็จะไว้ชีวิตเขาสักครั้ง แต่ถ้าผ่านด่านนี้ไปไม่ได้ แลช้วคนพวกนั้นไม่ฆ่าเขา ข้าก็จะต้องประหารเขาเอง!&#8221;</p>
<p>&#8220;เจ้าไม่เหลือทางถอยไว้ให้เขาสักนิดเลยเหรอ!&#8221; เถิงเฟยกล่าว</p>
<p>&#8220;เขายังมีทางให้ถอยอีกเหรอ? ในใต้หล้านี้ มีข้าคนเดียวให้ทางถอยกับเขาแล้วจะมีประโยชน์อะไร?&#8221; เกาก้วนถาม</p>
<p>สายตาของเถิงเฟยไปหยุดอยู่บนสัตว์พาหนะของเหมียวอี้ &#8220;ขนาดสัตว์พาหนะยังสวมเกราะรบผลึกแดง สงสัยเจ้าหนุ่มนี่จะตักตวงที่ตลาดสวรรค์ได้ไม่น้อยเลย ในนั้นอาจจะมีคุณูปการของร้านค้าด้วยก็ได้&#8221;</p>
<p>สายตาของคนอื่นก็ค่อยๆ ไปหยุดอยู่บนตัวเฮยทั่นเช่นกัน ทุกคนยังเคยเห็นสัตว์พาหนะสวมเกราะรบเป็นครั้งแรกด้วย เกราะรบหน้าตุร้ายทั้งตัวชุดนั้น จะต้องไปหาคนมาทำให้โดยเฉพาะแน่นอน หาซื้อโดยตรงจากร้านค้าไม่ได้แน่ ทั้งยังเป็นเกราะรบผลึกแดงด้วย ดูจากพื้นที่ที่เกราะรบชุดนี้ครอบคลุม อย่างน้อยก็เท่ากับเกราะรบบนตัวคนเจ็ดแปดคน หลอมสร้างออกมาไม่ได้ภายในเวลาสั้นๆ แบบนี้ต้องใช้เงินมากเท่าไรกัน? อย่างน้อยก็แพงกว่าสัตว์พาหนะที่เป็นสัตว์เทพ ไม่มีมครทำแบบนี้ไหว แต่ต่อให้ทำไหว ในเมื่อมีเงินมากมายขนาดนั้นก็ไม่สู้ซื้อสัตว์พาหนะที่เป็นสัตว์เทพเตรียมไว้หลายๆ ตัวจะเหมาะสมกว่า ถึงอย่างไรเกราะรบก็อาจจะปกป้องสัตว์พาหนะไม่ได้</p>
<p>เมื่อเชื่อมโยงกับเกราะรบบนตัวเหมียวอี้ ก็มีคนไม่น้อยจ้องตาเป็นมัน แอบพึมพำว่าเจ้าหมอนี่มันทุ่มทุนจริงๆ</p>
<p>ที่ตรงนั้นเงียบงันไร้เสียง เหมียวอี้โบกชี้คมทวน แล้วตะโกนบอกอีกครั้ง &#8220;หลีกไป! ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าทวนของหนิวไร้ความเมตตา!&#8221;</p>
<p>&#8220;อ๋าว…&#8221; เฮยทั่นยื่นหัวคำรามใส่ทัพใหญ่หนึ่งล้านที่อยู่ตรงหน้า ไม่เห็นกลุ่มวีรบุรุษอยู่ในสายตาเลยจริงๆ มันเองก็นับว่าผ่านสนามรบมานับร้อยแล้วเช่นกัน</p>
<p>&#8220;กรรร!&#8221;</p>
<p>&#8220;โฮก!&#8221;</p>
<p>เกิดการตอบสนองของสัตว์เดรัจฉาน สัตว์เทพมีสติปัญญาในระดับหนึ่ง สามารถเข้าใจความหมายที่สื่อสารระหว่างสัตว์เทพด้วยกัน เฮยทั่นกำลังท้าทายอย่างโอหังอวดดี ไม่เห็นสัตว์เทพตัวอื่นอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย ยั่วให้บรรดาสัตว์เทพของทัพใหญ่หนึ่งล้านที่เรียงแถวอยู่ตรงหน้าคำรามตอบทันที คำรามตอบเพื่อโอ้อวดอานุภาพ ทำให้กลุ่มคนต้องควบคุมสัตว์พาหนะไว้เช่นกัน</p>
<p>ชั่วขณะนั้น ในสนามเกิดพลานุภาพเหมือนทัพใหญ่พร้อมจะปะทะกันได้ทุกเมื่อ เสียงคำรามอันเกรี้ยวกราดของสัตว์เทพจำนวนมากดังต่อเนื่องเป็นระลอก</p>
<p>&#8220;คางคกอ้าปากหาว โอ้อวดไม่เบา ถามทวนในมือปู่คนนี้ก่อนเถอะ!&#8221;</p>
<p>จาเหรินจวิ้นที่อยู่ตรงหน้ากลุ่มคนชี้ทวนเข้ามา ชิงกลั่นแกล้งก่อนคนอื่น ก่อนหน้านี้ตอนไปหาเหมียวอี้เคยโดนเหมียวอี้สร้างความอับอายให้ ทั้งแค้นเก่าแค้นใหม่ บวกกับที่เคยประกาศไว้ต่อหน้าฝูงชนว่าจะให้บทเรียนเหมียวอี้ มีหรือที่จะยอมเสียหน้า อีกทั้งอาศัยช่วงที่เหมียวอี้กำลังมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั้งใต้หล้า ขอเพียงสามารถฆ่าเหมียวอี้ได้ ต่อให้ช่วงหลังของการทดสอบจะซ่อนตัวไม่ยอมออกมา แต่สำหรับเขาก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อเรื่องสำคัญอยู่ดี เขาเคยพูดจาโอ้อวดต่อหน้าท่านอาหญิงไปแล้ว อย่างน้อยกลับไปจะได้มีคำอธิบาย</p>
<p>&#8220;นายน้อยจา!&#8221;</p>
<p>นี่ยกง ไก้อู๋ซวง หู่โพ่ ฮัวต้าหลางที่ติดตามอยู่ทางซ้ายและขวาของเขาถ่ายทอดเสียงห้ามพร้อมกัน</p>
<p>เนี่ยกงรีบถ่ายทอดเสียงโน้มน้าว &#8220;นายน้อยจา จะดูถูกใครก็ได้แต่อย่าดูถูกศัตรู ตอนการทดสอบที่สถานที่ไร้ระเบียบ เขามีพลานุภาพข่มหมู่วีรบุรุษ ไม่ได้มีดีแค่ชื่อเสียงแน่นอน ประมาทไม่ได้เด็ดขาด ให้คนอื่นทดสอบฝีมือเขาก่อนดีกว่า ค่อยตัดสินใจตอนหลังก็ยังไม่สาย!&#8221;</p>
<p>ล้อเล่นอะไรกัน? จาเหรินจวิ้นหันกลับมามองซ้ายมองขวา &#8220;ข้าพูดออกมาแล้ว ถ้าถอยออกไปตอนนี้ ข้าจะมีหน้าไปเจอคนอื่นได้ยังไง?&#8221;</p>
<p>แต่หลังจากที่ได้ฟังพวกเขาพูดแล้ว ตัวเองก็รู้สึกไม่มั่นใจนิดหน่อย มาดอันทรงพลังอ่อนลงแล้ว เปลี่ยนเป็นพูดว่า &#8220;เดี๋ยวข้าจะประลองกับเขาสักสองสามท่าก่อน  ถ้าข้าไม่ไหว พวกเขาก็นำคนโจมตีเข้าไปพร้อมกัน!&#8221;</p>
<p>&#8220;นายน้อยจา!&#8221; ทั้งสี่อุทานห้ามอีกครั้ง</p>
<p>ทว่าสายไปแล้ว จาเหรินจวิ้นไม่มีทางยอมเสียหน้าแบบนี้ ควบขี่เดรัจฉานเสียงสวรรค์เกราะเย็นเข้าไปแล้ว พร้อมโบกทวนตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด &#8220;หนิวโหย่วเต๋อ รับความตายซะเถอะ!&#8221;</p>
<p>เนี่ยกงและอีกสามคนพูดไม่ออก เรียกได้ว่าแอบร้องอย่างขมขื่น คิดในใจว่า เจ้าพูดโอ้อวดนิดหน่อยเพื่อกู้หน้ากลับมาก็พอแล้ว ถ้าจะลงสนามรบไปสู้กันจริงๆ นั่นก็ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น แล้ว เจ้ามีวรยุทธ์แค่บงกชทองขั้นสี่ ทั้งยังไม่มีประสบการณ์ในสนามรบ จะผลีผลามไปสู้กับหนิวโหย่วเต๋อผู้มีชื่อเสียงอันยาวนานทั้งยังโด่งดังในการรบได้อย่างไร? อีกฝ่ายไต่เต้ามาถึงจุดนี้ได้ไม่ใช่เพราะอาศัยเส้นสายภูมิหลัง แต่เป็นการสังหารฝ่ามาตลอดทางต่างหาก! ไม่ใช่ผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์ทั่วไปแน่นอน จะมองเห็นเป็นเรื่องธรรมดาได้อย่างไร! สาเหตุที่คนอื่นได้แต่รอจังหวะบุกโจมตี ก็เพราะอยากจะให้คนอื่นไปทดสอบฝีมือหนิวโหย่วเต๋อก่อน แต่ดูเจ้าทำสิ เป็นฝ่ายกระโดดออกไปสำรวจเส้นทางให้คนอื่น จะทำอะไรก็ไม่ทำ ดันจะไปเป็นอิฐที่ถูกโยนล่อหยก[1]เสียอย่างนั้น!</p>
<p>ทั้งสีร้อนใจราวกับโดนไฟเผา กังวลว่าจาเหรินจวิ้นจะทำพลาด ที่ทั้งสี่มาที่นี่ก็เพราะได้รับการฝากฝังจากฮูหยินของเทพประจำดาว ว่าให้ปกป้องนายน้อยท่านนี้ให้ดี ขอเพียงให้นายน้อยรอดชีวิตกลับไปได้ ไม่ว่าผลคะแนนจะเป็นอย่างไร ฮูหยินของเทพประจำดาวก็จะรับประกันอนาคตของพวกเขา</p>
<p>ในทางกลับกัน ถ้าหากเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับจาเหรินจวิ้น เมื่อทั้งสี่กลับไปแล้วก็จะไม่มีทางแก้ตัวได้ จึงต่างคนต่างถืออาวุธไว้ในมือทันที หันกลับมาถ่ายทอดเสียงให้คนในกลุ่มข้างหลังเตรียมตัวบุกโจมตี หากเกิดอันตรายขึ้นกับจาเหรินจวิ้น ทุกคนก็ต้องพุ่งเข้าไปช่วยชีวิตทันที</p>
<p>คนนี้อีกแล้วเหรอ! เหมียวอี้กวาดมองด้วยสายตาเย็นเยียบ เรื่องที่จาเหรินจวิ้นกำเริบเสิบสานใส่เขาตอนอยู่ในพื้นแอ่ง เขายังจำได้อย่างชัดเจน เหมือนจะมาล้างแค้นให้เยว่สวินเกา ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นใคร? จึงโบกทวนชี้ถาม &#8220;ข้าไม่สังหารทหารเลวไร้นาม บอกซื่อแซ่มา!&#8221;</p>
<p>ทหารเลวไร้นามเหรอ? จาเหรินจวิ้นรู้สึกว่าตัวเองโดนดูหมิ่นแล้ว จึงเร่งพุ่งเข้าไปพร้อมตะโกนอย่างเดือดดาล &#8220;บังอาจพูดาจาโอหังอวดดี ข้าคือท่านปู่จาของเจ้าไง จาเหรินจวิ้นอยู่นี่แล้ว!&#8221;</p>
<p>จาเหรินจวิ้น? เหมียวอี้เข้าใจทันที เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย ชื่อนี้ไม่ได้แปลกหู ตอนแรกเยว่สวินเกาก็มาหาเขาเพราะคนคนนี้ ถ้าเขาจำไม่ผิด นี่คงจะเป็นหลานชายของฮูหยินเทพประจำดาวเถาะฟ้า</p>
<p>พูดกันตามจริง เขาไม่อยากสร้างความแค้นกับผู้มีอำนาจของตำหนักสวรรค์ และไม่อยากฆ่าจาเหรินจวิ้นที่อยู่ตรงหน้านี้ด้วย</p>
<p>แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่นี่ในตอนนี้ ทำให้เขาไม่มีทางถอยแล้ว ศึกแรกมีแต่ต้องแสดงอานุภาพของตัวเองเท่านั้น จะให้สูญเสียความมั่นใจในตัวเองไม่ได้ ไม่อย่างนั้นจะทำให้ทัพใหญ่หนึ่งล้านที่อยู่ตรงหน้าดูถูก ถ้าอีกฝ่ายโจมตีเข้ามาแบบมืดฟ้ามัวดิน ตัวเองก็ตกอยู่ในอันตรายแล้ว!</p>
<p>ถ้าอยากจะรอดชีวิตจากศึกนี้ ก็ต้องทำให้คนสะเทือนขวัญในศึกแรกให้ได้ ต้องข่มขวัญกำลังใจทหารของอีกฝ่าย ต้องทำให้คนส่วนใหญ่เกรงกลัวการรบ ตนจะได้รับมือได้อย่างสบายๆ หน่อย!</p>
<p>แล้วอีกอย่าง ตอนนี้ระบบของตลาดสวรรค์ก็ถูกแยกออกมาจากสังกัดของผู้มีอิทธิพลฝ่ายต่างๆ แล้ว ต่อให้เป็นเทพประจำดาวเถาะฟ้าก็ยากที่จะกลั่นแกล้งเขาได้ง่ายๆ มีอะไรต้องกลัวล่ะ?</p>
<p>ถ้าจะพูดแบบเบาๆ หน่อยก็คือ ชีวิตของจาเหรินจวิ้นสำคัญกว่า หรือชีวิตขงตัวเองสำคัญกว่าล่ะ?</p>
<p>ฆ่า!</p>
<p>ในดวงตาเหมียวอี้ฉายแววมุ่งสังหาร ขณะมองดูจาเหรินจวิ้นที่มีวรยุทธ์บงกชทองขั้นสี่แยกเขี้ยวยิงฟันโบกทวนพุ่งเข้ามา เขาก็เรียกได้ว่าทำสีหน้าเหยียดหยาม เพราะเขาเองก็วรยุทธ์บงกชทองขั้นสี่เหมือนกัน แต่ทวนเกล็ดย้อนของเขาบวกกับเกราะรบบนตัวก็เกือบจะต้านทานพลังได้ครึ่งหนึ่งแล้ว แค่จาเหรินจวิ้นกระจอกๆ คนเดียวจะมีอะไรน่ากลัวล่ะ?</p>
<p>แต่ที่น่าขำก็คือ ดูจากเจตนาของจาเหรินจวิ้นแล้ว มีเดรัจฉานเสียงสวรรค์เกราะเย็นแต่ไม่ใช้ประโยชน์มัน กลับดันทุรังมาประลองทวนกับตนตรงๆ เป็นการรนหาที่ตายแท้ๆ เลย!</p>
<p>ตอนทดสอบที่สถานที่ไร้ระเบียบ เขาก็ได้รับรู้ถึงอานุภาพของเดรัจฉานเสียงสวรรค์เกราะเย็นแล้ว มีความสามารถในการโจมตีด้วยคลื่นเสียง</p>
<p>เมื่อเห็นศัตรูพุ่งโจมตีเข้ามา เฮยทั่นก็บ้าดีเดือดทันที ต้องการจะพุ่งโจมตีออกไป ทว่ากลับโดนเหมียวอี้แอบควบคุมเอาไว้</p>
<p>คนหนึ่งคนกับสัตว์พาหนะหนึ่งตัวเห็นศัตรูพุ่งเข้ามา แต่กลับสงบนิ่งอยู่ที่เดิม ไม้สะทกสะท้านดุจขุนเขา</p>
<p>&#8220;ตาย!&#8221; จาเหรินจวิ้นที่พุ่งมาตรงหน้าตะโกนเสียงดัง โบกทวนเล่นลูกไม้หลอกล่อ หมายจะทำให้เหมียวอี้สับสน เพราะที่จริงแอบซ่อนท่าไม้ตายเอาไว้ อาศัยการพุ่งโจมตีของสัตว์พาหนะ มีความรวดเร็วมากจริงๆ</p>
<p>เหมียวอี้ที่ยืนนิ่งอยู่ที่เดิมไม่แม้แต่จะยกทวนขึ้นมาเลย ใช้สายตาเย็นเยียบมองดูความเร็วในการลงมือของอีกฝ่าย เผยยิ้มเหยียดหยามตรงมุมปากอย่างชัดเจน</p>
<p>จนกระทั่งทวนที่เล่นลูกไม้จ่อมาถึงตรงท่า จู่ๆ เหมียวอี้ที่นิ่งสงบดุจขุนเขาก็เคลื่อนไหวรวดเร็วดุจไฟเผา โบกทวนกวาดออกมาหนึ่งครั้ง ไม่สนใจว่าเจ้าจะเล่นลูกไม้ลอกล้อหรือไม่ กวาดทวนออกไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน</p>
<p>แกร๊ง! เกิดเสียงดังสะเทือน</p>
<p>ด้ามทวนกระแทกกับด้ามทวน ตีจนเงาทวนที่ยุ่งเหยิงปราฏฏร่างเดิมแล้ว</p>
<p>จาเหรินจวิ้นตกใจทันที พบว่าเหมียวอี้จับทวนมือเดียว ใช้มือข้างเดียวถือทวนสู้กับเขา บวกกับรอยยิ้มมุมปากแสดงอาการเหยียดหยามของเหมียวอี้ ช่างไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลยจริงๆ ในใจเรียกได้ว่าทั้งตะหนกทั้งโมโห สองมือที่จับทวนออกแรงผลักทันที ถือโอกาสอาศัยแรงเฉื่อยที่พุ่งเข้ามาแทงไปทางศีรษะของเหมียวอี้</p>
<p>ทว่าเหมียวอี้ส่งทวนออกไปด้วยมือข้างเดียวก่อนเขาแล้วหนึ่งก้าว หัวทวนสามแฉกที่แหลมคมมาพร้อมกับเสียงมังกรคำราม จ่อแทงไปตรงหน้าผากของอีกฝ่ายแล้ว</p>
<p>จาเหรินจวิ้นตกใจมาก ได้แต่มองดูหัวทวนที่แหลมคมจาอมาตรงหน้าตัวเองตาปริบๆ ความหวาดกลัวที่ฉายในดวงตานั้นยากที่จะปิดบังไว้ได้ เพียงชั่วแวบเดียว ในที่สุดเขาก็เข้าใจถึงความโหดร้ายของสนามรบแล้ว ไม่ใช่สถานที่ที่ลูกหลานผู้มีอำนาจอย่างเขาจะมาเล่นได้เลย</p>
<p>ไม่ได้ตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะมาพลีชีพที่นี่ แค่บุคลิกอย่างเดียวก็ต่างกันไม่ใช่น้อยๆ แล้ว บนสนามรบให้ความสำคัญกับกับบุคลิกกับขวัญกำลังใจในการรบ!</p>
<p>ที่จริงวิชาทวนของเขาก็ไม่ได้แย่ เพียงแต่ของบางอย่างที่มีไว้สู้กันจริงจัง ถ้าไม่พากเพียรฝึกแบบถลกหนังให้ถึงแก่นแท้จนควบคุมได้อย่างอิสระราวกับเป็นส่วนหนึ่งของร่างกายตัวเอง ต่อให้เป็นวิชาทวนที่ดีกว่านี้ก็เป็นแค่หมัดบุปผาขาผ้าปักลาย[2]อยู่ดี!</p>
<p>ชั่วระเดี๋ยวเดียวก็มีเสียงดังฉึก เสียงมังกรคำรามของทวนเกล็ดย้อนเงียบลง เลือดสาดกระจายออกมาจากหัวทวน หัวทวนจมลงในใบหน้าที่ครอบด้วยเกราะหัวแล้ว</p>
<p>ร่างของจาเหรินจวิ้นแยกออกจากเดรัจฉานเสียงสวรรค์เกราะเย็นในชั่วพริบตาเดียว ยังไม่ทันได้เปล่งเสียงกรีดร้องออกมา ก็โดนทวนของเหมียวอี้ปาดขึ้นมาแล้ว หัวทวนปาดเสยที่เกราะหัว  ปาดยกขึ้นมาทั้งเกราะหัวทั้งตัวคนที่ห้อยอยู่ข้างล่าง ร่างกำลังห้อยต่องแต่งอยู่บนทวนที่เหมียวอี้ใช้แขนข้างเดียวปาดขึ้นมา</p>
<p>เดิมทีจาเหรินจวิ้นคิดว่าต่อให้ตัวเองจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเหมียวอี้ แต่อย่างน้อยก็ยังปะทะกันได้สักสองสามท่า ถ้าม่ไหวจริงๆ ก็ยังมีคนคอยมาช่วยสนับสนุน แต่ชั่วพริบตาเดียวก่อนตายเขาถึงได้นึกเสียใจทีหลัง ว่าตัวเองรับมืออีกฝ่ายไม่ได้แม้แต่ท่าเดียวด้วยซ้ำ…</p>
<p>ปั้ง! จู่ๆ ร่างของเฮยทั่นก็เลี้ยวเปลี่ยนทิศทาง มันสะบัดหางออกไปด้วยความเร็วปานสายฟ้าแลบ ปลายหางลากลูกกลมกรวยแหลมผลึกแดง ภายใต้สถานการณ์ที่แม้แต่เหมียวอี้เองก็ยังไม่ได้เตรียมใจ เทพมังกรสะบัดหางหนึ่งทีอย่างฉับพลัน โอกาสพอเหมาะพอดี อัศจรรย์ราวกับเป็นพู่กันของพระเจ้า</p>
<p>ลูกกลมกรวยแหลมฟาดหน้าผากเดรัจฉานเสียงสวรรค์เกราะเย็นที่แฉลบผ่านร่างกายมันไปอย่างแรง ฟาดจนเกราะน้ำแข็งของมันแตก ของเหลวที่อยู่ในศีรษะสาดกระจายไปทั่วทิศ</p>
<p>&#8220;อู…&#8221; เดรัจฉานเสียงสวรรค์เกราะเย็นกรีดร้องอย่างเศร้าโศก ร่างกายพลิกไปพลิกมาอยู่กลางอากาศ</p>
<p>เหมียวอี้หันกลับไปมองแวบหนึ่ง รู้สึกว่าน่าเสียดายแล้ว</p>
<p>เฮยทั่นก็หันกลับมามองหน้าเขาแวบหนึ่งเช่นกัน แต่กลับพลิกกรงเล็บแหลมแล้วแลบลิ้นเลีย ทำท่าทางเหมือนยังไม่ถึงอกถึงใจ</p>
<p>…………………………</p>
<p> </p>
<p> </p>
<p>[1] โยนอิฐล่อหยก 抛砖引玉 การใช้ของที่มีค่าไม่มากไปหลอกล่อเพื่อให้ได้ของที่มีค่ามากกว่ากันหลายเท่า</p>
<p>[2] หมัดบุปผาขาผ้าปักลาย 花拳绣腿 อุปมาถึงเพลงมวยที่สวยแต่กระบวนท่า แต่ใช้งานจริงไม่ได้</p>

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด