พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1205 สงบเงียบ! เศร้าระทมทว่างดงาม!

Now you are reading พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า Chapter 1205 สงบเงียบ! เศร้าระทมทว่างดงาม! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

<p>วูบ…ปั้ง!</p>
<p>เฮยทั่นก็ไม่แสดงความอ่อนแอเช่นกัน สะบัดหางออกมาอีกครั้ง เหยี่ยวมารวานรยักษ์ที่เฉียดผ่านมันไปถูกลูกกลมหนามกวาดโดน ทำให้เลือดสดที่ปนกับขนเหล็กสาดกระเด็น &#8220;วี้ด…&#8221; มันส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวดพลางม้วนกลิ้งออกไป</p>
<p>เนี่ยกงมีวรยุทธ์บงกชทองขั้นเก้า ไม่น่าเชื่อว่าโดนโจมตีแค่ครั้งเดียวก็กระเด็นแล้ว อย่าว่าแต่คนอื่นที่ตกใจ ไก้อู๋ซวง หู่โพ่ ฮัวต้าหลางที่โผโจมตีเข้ามาก็ตกใจเช่นกัน</p>
<p>&#8220;ฆ่า!&#8221; ท่ามกลางเสียงตะโกนอันเดือดดาล เหมียวอี้โบกทวนชี้ออกไป</p>
<p>เฮยทั่นที่เลี้ยวเบี่ยงเส้นทางเล็กน้อยแบกเหมียวอี้กระโจนไปหาไก้อู๋ซวงด้วยความเร็วสูงแล้ว</p>
<p>ทั้งสามที่พุ่งเข้ามาตกใจมาก เห็นกับตาว่าเนี่ยกงโดนโจมตีครั้งเดียวจนกลายสภาพเป็นแบบนั้น ทั้งสามไม่ได้คิดว่าตัวเองมีความสามารถมากกว่าเนี่ยกง ที่จริงในบรรดาทั้งสี่คน เนี่ยกงคือคนที่เก่งที่สุด ขนาดเนี่ยกงยังทนการโจมตีเพียงครั้งเดียวไม่ไหว แล้วทั้งสามตะกล้าใช้กำลังปะทะตรงๆ ได้อย่างไร</p>
<p>ที่สำคัญที่สุดก็คือ ไม่เห็นว่าทวนยาวในมือเหมียวอี้มีจุดที่พิเศษตรงไหน เป็นทวนวิเศษขั้นห้าชิ้นหนึ่งแท้ๆ ไม่น่าเชื่อว่าจะอาศัยกำลังโจมตีเนี่ยกงทีเดียวจนล้มคว่ำ เป็นพลังที่น่ากลัวเกินไปแล้ว</p>
<p>ตอนนี้ทั้งสามเข้าใจอย่างถ่องแท้แล้ว ว่าอันดับหนึ่งที่ราชันสวรรค์แต่งตั้งและประทานรางวัลให้เป็นอย่างที่ร่ำลือจริงๆ ไม่ใช่ชื่อเสียงอันจอมปลอม ไม่ใช่คนที่พวกเขาจะไปลูบคมได้</p>
<p>เรียกได้ว่ารีบหยุดอย่างกะทันหัน หันเลี้ยวอย่างลนลาน จะกล้าใช้กำลังปะทะตรงๆ ได้อย่างไร</p>
<p>เมื่อเห็นเหมียวอี้โผเข้ามาหาตัวเอง ไก้อู๋ซวงก็ตกใจจนขนลุกซู่ เลี้ยวหนีอย่างลุกลี้ลุกลน อยากจะหลบคมทวนของเหมียวอี้ เพราะไม่สามารถสู้กับคนคนนี้ไหวเลย โหดเกินไปแล้ว!</p>
<p>แต่ช่วยไม่ได้ เพราะคนที่พุ่งเข้ามาโหดเกินไป ถ้าอยากจะเลี้ยวหนีให้ไวก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่พูด เขาชักช้า แต่เหมียวอี้กลับโผเข้ามาอย่างรวดเร็ว</p>
<p>ชั่วขณะนั้นไม่มีทางหลีกกันพ้น &#8220;ย๊า!&#8221; ไก้อู๋ซวงพยายามใช้วรยุทธ์ทั้งหมดฟันดาบอย่างบ้าคลั่งไปทางเหมียวอี้ที่โผเข้ามาด้านข้าง หมายจะสร้างอุปสรรคเพื่อให้คลาดผ่านกันไป</p>
<p>เหมียวอี้ทำสีหน้ามุ่งสังหาร มีหรือที่จะปล่อยอีกฝ่ายไป เขากระโจนขึ้นจากตัวเฮยทั่น อาศัยแรงเฉื่อยจากเฮยทั่นเพิ่มความเร็วในการโผเข้ามา หัวทวนที่มีจุดสีดำขนาดเท่าเม็ดถั่วเหลืองหมุนวนแทงเฉียงจากข้างบนลงข้างล่างหนึ่งครั้ง</p>
<p>ปั้ง! ทวนที่รวดเร็วดุดันปานอัสนีบาตฟาดดาบใหญ่ที่ฟันเข้ามาอย่างบ้าคลั่งจนกระเด็นออกไป และตอนนี้ทวนก็โดนเกราะหัวของไก้อู๋ซวงแล้ว</p>
<p>อั้ก! ศีรษะครึ่งหนึ่งของไก้อู๋ซวงถูกโจมตีจนจมลงไปในทรวงอก เลือดสดทะลักจากปากและจมูกพร้อมกันอย่างบ้าคลั่ง แม้แต่ลิ้นก็จุกปากออกมาครึ่งหนึ่งแล้ว ดวงตาสองข้างที่มีเลือดไหลเบิกกว้าง ทั้งร่างกายล้มลงอย่างฉับพลัน สะเทือนจนเหยี่ยวมารวานรยักษ์ที่เขาขี่อยู่ร้อง &#8220;วี๊ด&#8221; ด้วยความเศร้าโศก มันเสียสมดุลและสะบัดไก้อู๋ซวงพลิกกระเด็นเสียงดังโครม</p>
<p>โชคดีที่บนตัวไก้อู๋ซวงสวมเกราะรบผลึกแดง ไม่อย่างนั้นทวนนี้จะต้องโจมตีจนหัวเขาระเบิดแน่นอน</p>
<p>เฮยทั่นพุ่งตามมาติดๆ พอรับเหมียวอี้แล้วก็รีบเลี้ยวออกไป เร่งไล่สังหารหู่โพ่</p>
<p>หู่โพ่หันกลับมามอง เห็นเหมียวอี้ใช้ทวนเดียวสังหารไก้อู๋ซวงอีกแล้ว ใช้ทวนแก้ปัญหาอีกแล้ว แล้วตอนนี้เทพสังหารอย่างเขาก็ไล่ตามตนมาอีก เรียกได้ว่าตกใจจนหนังหัวชาวาบ ลนลานเร่งให้เหยี่ยวมารวานรยักษ์รีบพาหนี</p>
<p>ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเหมือนจะผ่านไปช้า แต่ที่จริงการต่อสู้ดำเนินไปเร็วมาก กำลังพลหลายหมื่นที่พุ่งเข้ามาอย่างงุนงง มีบางคนเพิ่งจะหยุดยั้งการพุ่งเข้ามา ยังจะมีทางเหลือให้เขาหนีได้อย่างไร โดนอุดหมดแล้ว</p>
<p>แต่หู่โพ่จะสนใจอะไรขนาดนั้น เขาโบกทวนฟันอย่างบ้าคลั่งติดต่อกัน ฟันพวกเดียวกันที่กำลังขี่สัตว์เทพจนล้มตายไปหลายคน</p>
<p>เขาถูกความโหดเหี้ยมของเหมียวอี้ทำให้รู้สึกขี้ขลาด ตอนนี้สนใจแต่จะหนีเอาชีวิตรอด จะไปสนใจความเป็นความตายของ &#8216;พวกเดียวกัน&#8217; ได้อย่างไร มิหนำซ้ำทุกคนก็มารวมตัวกันแค่ชั่วคราวอยู่แล้ว ไม่ได้นับว่าเป็นพวกเดียวกันเลย</p>
<p>&#8220;อา…&#8221; พวกเดียวกันล้มลงบนสัตว์พาหนะท่ามกลางเสียงกรีดร้อง ต่อให้นอนฝันก็นึกไม่ถึงว่าหู่โพ่จะฆ่าลูกน้องตัวเองเพื่อเอาชีวิตรอด</p>
<p>จากนั้นก็เห็นเหมียวอี้สังหารเข้ามาอีก คนที่ขี่สัตว์เทพพวกนั้นเอาเยี่ยงอย่างทันที สนใจแต่เรื่องหนีเอาชีวิตรอดก่อน พอข้างหน้ามีคนขวางทาง ก็โบกอาวุธสังหารฝ่าวงล้อมอย่างบ้าคลั่งทันที</p>
<p>ก็ช่วยไม่ได้แล้ว ถ้าก่อนหน้านี้นักพรตหลายหมื่นยังหยุดอยู่ที่เดิมต่อไป พอประสบเหตุการณ์แบบนี้ก็ยังกระจายตัวง่ายหน่อยแต่ ตอนนี้กรูกันเข้ามาเพื่อ &#8216;เพิ่มดอกไม้บนผ้าดิ้นที่สวยงาม&#8217; เบียดกันอยู่ในขอบเขตเล็กๆ ล้อมทั้งข้างนอกข้างในเอาไว้ไม่รู้ตั้งกี่ชั้น คนที่อยู่นอกวงไม่เห็นด้วยซ้ำว่าข้างในเกิดอะไรขึ้น คนที่ความรู้สึกช้ายังพุ่งมาทางนี้ด้วย</p>
<p>คนเบียดกัน ข้างนอกไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น คนข้างในพุ่งออกข้างนอก แถมยังไม่มีคนบัญชาการ คนข้างนอกและคนข้างในพุ่งชนใส่กัน เกิดความพัลวันพันเกทันที คนข้างในอยากจะฝ่าออกไปแต่ก็มีอุปสรรคหลายชั้น ทำได้เพียงโบกอาวุธใส่ &#8216;พวกเดียวกัน&#8217; เพื่อเปิดทาง</p>
<p>คนที่ยังเบียดออกไปไม่ได้ย่อมไม่รอความตายอยู่เฉยๆ ในเมื่อไม่เห็นว่าพวกเขาเป็นพวกเดียวกัน พวกเขาก็ย่อมต้องสู้สุดชีวิตเพื่อปกป้องตัวเอง ควงอาวุธฟันมั่วๆ เพื่อต่อต้าน ยิ่งเป็นกลุ่มนักพรตที่ขี่สัตว์เทพก็ยิ่งฝ่าออกไปได้ยาก</p>
<p>&#8220;อา&#8230;&#8221; เสียงกรีดร้องดังเป็นแถบๆ</p>
<p>ยามระดมทัพใหญ่สู้รบ สิ่งที่ถือเป็นข้อห้ามมากที่สุดก็คือการเสียระเบียบ ต้องทราบไว้ว่าตอนนี้ไม่ได้วุ่นวายแค่คนสองคน แต่วุ่นวายเป็นกลุ่ม นี่คือข้อห้ามที่ใหญ่ที่สุดของทหาร</p>
<p>ส่วนกลุ่มคนที่ดูการต่อสู้อยู่ข้างนอกก็เห็นทัพใหญ่หลายหมื่นชุลมุนวุ่นวายราวกับผึ้งแตกรัง แล้วก็เห็นหนีกระเจิดกระเจิง ทุกคนพากันเบิกตากว้างมองดูอย่างตกตะลึง</p>
<p>ขนาดพวกเขาฆ่า &#8216;พวกเดียวกัน&#8217; แล้วยังไม่รู้สึกผิดปกติทางจิตใจเลย เหมียวอี้ก็ย่อมไม่เกรงใจอยู่แล้ว พุ่งเข้าไปในกลุ่มคนที่หมดขวัญกำลังใจและเอาแต่หลบหนีเหมือนแมลงวันไร้หัว ออกทวนราวกับมังกร สังหารจนเห็นเลือดตลอดทาง ไม่มีใครสกัดขวางได้</p>
<p>เมื่อมีพวกหู่โพ่เบิกทางอยู่ข้างหน้า เหมียวอี้ก็เรียกได้ว่าสังหารฝ่าออกไปได้อย่างสบายๆ</p>
<p>ส่วนทหารสวรรค์เกราะทองพวกนั้น ต่อให้สวมเกราะทองไปก็ไม่มีประโยชน์ จนทนการปาดจากทวนเกล็ดย้อนได้อย่างไร เมื่อคมทวนไปถึงตรงไหน ตรงนั้นก็มีเลือดสาดเหมือนฝนตก</p>
<p>ที่จริงสิ่งที่น่ากลัวที่สุดก็คือเฮยทั่น มันไม่สนใจว่าข้างหน้ามันจะมีอะไรอยู่ เอาแต่ใช้หัวที่มีกรวยแหลมพุ่งชนอย่างบ้าคลั่ง ใช้กรงเล็บข่วนเกาตลอดทาง ลากหางที่เป็นลูกกลมหนามกวาดไปทางซ้ายทางขวาอย่างบ้าคลั่ง มันไปตรงไหนตรงนั้นก็จะมีเสียงกรีดร้องเป็นแถบ บดขยี้อยู่ในกลุ่มคนจะเกิดทางเลือด กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งตลอดทาง</p>
<p>แต่มุทะลุดุดันก็ส่วนมุทะลุดุดัน เฮยทั่นร่างกายใหญ่โตเกินไป เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ถูกโจมตีเลยเมื่ออยู่ท่ามกลางฝูงชน ภายใต้การโต้ตอบจากกลุ่มคนที่ชุลมุนวุ่นวาย ก็ไม่รู้ว่าเฮยทั่นโดนโจมตีไปกี่ครั้งแล้ว โดนทำร้ายจนคำรามอย่างบ้าคลั่งไม่หยุด</p>
<p>ตอนแรกเหมียวอี้ยังดูแลมันได้ กลัวว่ามันจะเจ็บตัว เพราะต่อให้มีเกราะรบผลึกแดง แต่ก็รับประกันได้ยากว่าจะไม่ถูกทำให้สะเทือนจนบาดเจ็บ ผลก็คือยิ่งเจ้าสัตว์ตัวนี้โดนทำร้าย มันก็ยิ่งบ้าบิ่นดุดัน เขาพบว่าความทนทานต่อการโจมตีของเจ้าอ้วนยังไม่หายไป แต่กลับแข็งแกร่งยิ่งขึ้นหลังจากวิวัฒนาการ ยังทนมือทนเท้าเหมือนอย่างที่เคยเป็น</p>
<p>แบบนี้เหมือนเสือติดปีกจริงๆ! เหมียวอี้ดีใจมาก เมื่อมีเจ้าอ้วนคอยช่วย การปลีกตัวออกไปก็มีความมั่นใจยิ่งขึ้นแล้ว!</p>
<p>มีเฮยทั่นที่กล้าหาญแบบนี้ เหมียวอี้ก็ยิ่งออกทวนได้รวดเร็วดุดันยิ่งขึ้น จุดไหนที่คมทวนไปถึง อุปสรรคข้างหน้าก็จะถูกกวาดล้างอย่างรวดเร็ว ทำให้ตามหู่โพ่ทันได้เร็วมาก</p>
<p>สัตว์พาหนะของหู่โพ่โดน &#8216;พวกเดียวกัน&#8217; โต้กลับจนบาดเจ็บ เขาเห็นอยู่ตำตาว่าตัวเองกำลังจะฝ่าวงล้อมออกไปได้ แต่พอได้ยินเสียงกรีดร้องข้างหลังแล้วหันกลับไปมอง ก็พบว่าเหมียวอี้ที่เลือดเปื้อนเต็มตัวตามทันแล้ว ให้ทวนสังหารเข้ามาอย่างบ้าระห่ำ</p>
<p>หู่โพ่ตกใจจนขวัญกระเจิงทันที เขาอาศัยวรยุทธ์ที่แข็งแกร่งกว่ายื่นมือไปคว้าทหารสวรรค์คนหนึ่งทุ่มไปข้างหลัง ต้องการจะสร้างอุปสรรคให้กับเหมียวอี้สักหน่อย</p>
<p>ตรงหน้ากำลังจะฝ่าวงล้อมได้แล้ว ขอเพียงสร้างอุปสรรคขัดขวางเพิ่มสักหน่อยก็พอ เขามองออกว่าสัตว์พาหนะของเหมียวอี้เหาะได้ไม่เร็วเท่าเหยี่ยวมารวานรยักษ์ของตน ตอนหลังก็ย่อมปลีกตัวหนีไปได้</p>
<p>ทว่าความจริงมักโหดร้ายเสมอ ความเป็นความตายบนสนามรบเป็นเรื่องที่พูดยาก บทจะรอดก็รอด บทจะตายก็ตาย</p>
<p>ฉึก! หู่โพ่ที่หันหน้ากลับมาร่างสะเทือนอย่างรุนแรง พบว่าร่างของตัวเองแยกออกจากสัตว์พาหนะอย่างควบคุมไม่ได้แล้ว</p>
<p>พอเหลือบตาลงมองไปตามคมทวนที่เสียบคอตัวเองอยู่ ถึงได้พบว่าทวนยาวที่ย้อมไปด้วยคาวเลือดแทงทะลุเกราะทองของคนที่ตัวเองจับทุ่มออกไปแล้ว ทะลุหน้าอกขงคนคนนั้นออกมาจอปาดอยู่บนคอตัวเองโดยตรง</p>
<p>มั่นคงเด็ดเดี่ยวและแม่นยำ หนึ่งทวนที่ว่องไวปราดเปรียว ไม่น่าเชื่อว่าขนาดตัวเองก็ยังหนีไม่พ้น…ขณะที่หู่โพ่ถลึงตามอง ความคิดเล็กน้อยเช่นนี้ก็แวบเข้ามาในหัว จนกระทั่งตอนตายก็ยังไม่ได้เห็นหน้าศัตรูที่ใช้ทวนแทงคอตัวเอง เพราะเงาร่างของอีกฝ่ายถูกบังด้วยคนที่ตัวเองทุ่มเข้าไป ขนาดตัวเองอยากจะเคลื่อนสายตาไปมองยังยากเลย</p>
<p>เฮยทั่นที่ไล่ตามมาใช้กรงเล็บทั้งคู่ตะปบไปข้างหน้า เสียบเข้าแผ่นหลังเหยี่ยวมารวานรยักษ์ของหู่โพ่ อาศัยกำลังอันป่าเถื่อนดึงเหยี่ยวมารวานรยักษ์กลับมาทั้งตัว แล้วอ้าปากที่เหมือนแอ่งเลือดกัดไปที่คอของเหยี่ยวมารวานรยักษ์ที่กำลังจะหันหน้ากลับมาจิกโต้ตอบ มันกัดไว้แล้วส่ายหน้าฉีก บวกกับออกแรงที่กรงเล็บทั้งสองข้าง มันฉีกคอของเหยี่ยวมารวานรยักษ์จนขาดเสียงดักแคว่ก</p>
<p>ท่ามกลางกลุ่มคนที่หนีกระเจิดกระเจิง ฉากที่ทั้งคู่สังหารฝ่าออกมาจากฝูงชนทำให้ทุกคนต้องกลั้นหายใจ สายตาทุกคู่จับจ้องไปที่เฮยทั่น เป็นเพราะเกราะรบของเฮยทั่นสะดุดตาเกินไป บวกกับเป็นทิศทางที่กองทัพหลายหมื่นชุลมุนที่สุด ถ้าไม่อยากให้สนใจก็คงยาก</p>
<p>ภาพนี้ปรากฏอยู่ในสายตาของทุกคน ทุกคนที่ดูการต่อสู้ได้แต่มองดูตาปริบๆ</p>
<p>ท่ามกลางกลุ่มคนที่ชนออกมา เฮยทั่นฉีกเหยี่ยวมารวานรยักษ์ทั้งเป็น ส่วนเหมียวอี้ที่ยืนอยู่บนหลังเฮยทั่นก็ยิ่งปลิดสองชีวิตได้ในหนึ่งทวน ด้ามทวนแทงทะลุคนหนึ่ง หัวทวนกำลังปาดอีกคนหนึ่ง ใช้วิธีการที่เขย่าขวัญสังหารฝ่าออกมาจากกองทัพที่ชุลมุน</p>
<p>การกระทำของคนหนึ่งคนกับสัตว์พาหนะหนึ่งตัวยังไม่ทันมีอะไรเปลี่ยนแปลง แค่พุ่งฝ่าฝูงชนจนแตกกระเจิง สังหารฝ่าออกมาอย่างห้าวหาญไร้ที่เปรียบ!</p>
<p>ไม่รู้ว่าฉากนี้ตราตรึงอยู่ในใจคนมากมายตั้งเท่าไร</p>
<p>กองทัพที่ชุลมุนวุ่นวายอยู่ข้างหลังไม่กล้าเข้าใจเหมียวอี้ราวกับเห็นเทพแห่งโรคระบาด ขวัญกำลังใจนักรบพังทลายหมดแล้ว ลนลานหนีกระเจิดกระเจิงไปคนละทิศ</p>
<p>บนปากเฮยทั่นยังกัดหัวเหยี่ยว เหมียวอี้ที่ยังถือทวนคาศพสองศพหันขวับกลับมาอย่างดุร้าย ใช้ดวงตาอิทธิฤทธิ์กวาดมองไปรอบๆ ไม่นานก็เห็นฮัวต้าหลางที่หนีออกมาจากอีกฝั่ง</p>
<p>ส่วนฮัวต้าหลางที่หันหน้ากลับมา พอเห็นเหมียวอี้ใช้วิธีการแบบนั้นปาดทวนใส่หู่โพ่ เห็นเจ้าเวรที่น่าสยองมันฆ่าเพื่อนร่วมงานไปแล้วอีกคน เขาก็ยิ่งรู้สึกสะท้านใจ จึงหันเลี้ยวอย่างไม่พูดพร่ำทำเพลง ลุกลี้ลุกลนหลบหนี เพราะกลัวว่าเหมียวอี้จะไม่ปล่อยเขาไป เขาไม่กล้าอยู่ตรงนี้นานแล้ว หนีไปยังจุดลึกในท้องฟ้า พันธมิตรที่ดึงมาเป็นพวกก็ย่อมไม่สนใจแล้ว</p>
<p>นักพรตอีกสองร้อยกว่าคนที่ขี่สัตว์เทพฝ่าออกมาจากกองทัพชุลมุนก็ยิ่งตระหนกตกใจ ในจำนวนนั้นส่วนใหญ่เป็นลูกหลานผู้มีอำนาจ ไม่ค่อยมีใครได้เห็นการเข่นฆ่าที่โหดร้ายทารุณแบบนี้มาก่อน หนีกระเจิงไปคนละทิศทาคนละทางเช่นกัน</p>
<p>กำลังพลหลายหมื่นที่รวมตัวกันชั่วคราวกลัวว่าจะโดนเหมียวอี้กวาดล้าง จึงกระจัดกระจายเหมือนผึ้งแตกรัง ไม่คุ้มที่จะเอาชีวิตมาทิ้งกับเรื่องแบบนี้ รีบหนีเอาชีวิตรอดแล้ว</p>
<p>กำลังพลห้าหมื่นกว่าที่รวมตัวกันแตกกระเจิงตรงนี้ เหมียวอี้พวกข้ามคนพวกนั้น จ้องแค่ฮัวต้าหลาง แต่เฮยทั่นดันเหาะช้ากว่าคนอื่น ทั้งยังทิ้งระยะห่างกันไปแล้ว ต่อให้ไล่ตามตอนนี้ก็ตามไม่ทัน ทำได้เพียงมองดูเจ้านั่นหนีเอาชีวิตรอดไปได้</p>
<p>จู่ๆ ก็รู้สึกหนักที่หัวทวน พอเหมียวอี้หันไปมอง ถึงได้พบว่าหู่โพ่ปรากฏร่างเดิมแล้ว ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นเสือโคร่งรูปร่างใหญ่ตัวหนึ่ง ร่างเดิมของเขาไม่สามารถฝ่าการรัดพันของเกราะรบผลึกแดงบนตัวได้ ทำให้เบียดจนเลือดเนื้อและกระดูกระเบิดออกมา</p>
<p>เหมียวอี้ใช้เท้าถีบหนึ่งที มีเสียงปั้งดังสองครั้งติดต่อกัน คนที่ห้อยอยู่บนด้ามทวนชนกับหู่โพ่ ทั้งสองถูกถีบกระเด็นออกไปพรัอมกัน</p>
<p>ใช้มือข้างเดียวคว้าทวนมาถือเฉียงไว้ในมือ ทั้งตัวเหมียวอี้เต็มไปด้วยเลือดราวกับไปอาบน้ำเลือดมา ตอนนี้กำลังใช้สายตาเย็นเยียบกวาดมองรอบข้าง เลือดสดบางส่วนที่เปื้อนอยู่บนร่างกายกลายเป็นไข่มุกเลือดลอยขึ้นมาช้าๆ ภายใต้สภาพไร้แรงโน้มถ่วง สงบเงียบ! เศร้าระทมทว่างดงาม!</p>
<p>เฮยทั่นที่อยู่ใต้เท้าก็เหมือนกับเปื้อนเลือดมาเช่นกัน มันกำลังเลียกรงเล็บตัวเอง</p>
<p>เสียงกรีดร้องโวยวายหายไป รอบข้างสงบเงียบ!</p>
<p>ศพของสัตว์เทพเกือบร้อยตัวลอยช้าๆ อยู่รอบด้าน ทั้งยังมีร่างมนุษย์อีกสองพันกว่า บางคนยังคงดิ้นรนอยู่นิดหน่อย ที่จริงเหมียวอี้ไม่ได้ฆ่าเยอะขนาดนั้น ส่วนใหญ่เป็นผลจากการเข่นฆ่ากันเองเพื่อเอาชีวิตรอดในกองทัพอันชุลมุนวุ่นวาย</p>
<p>…………………………</p>

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด