พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1211 กฎระเบียบในครอบครัว

Now you are reading พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า Chapter 1211 กฎระเบียบในครอบครัว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

<p>เมื่อเขากล่าวแบบนี้ ทุกคนก็ย่อมประหลาดใจสุดขีด</p>
<p>&#8220;หนิวโหย่วเต๋อใจกล้าขนาดนี้ได้ยังไง รู้ถึงผลที่ตามมาจากการฆ่านายน้อยจารึเปล่า?&#8221; เถียนเฟิงฮ่าวถามอย่างทำใจเชื่อได้ยาก</p>
<p>โจวหรานกล่าวว่า &#8220;เจ้าบ้านั่นจะให้เหตุผลปกติมาอ้างอิงได้ยังไง ศีรษะหลายพันใบที่โดนตัดอยู่นอกจวนผู้บัญชาการเขตเมืองตะวันออกยังอธิบายปัญหาไม่ได้อีกเหรอ? แล้วอีกอย่าง เขาโดนกดดันเป็นสุนัขกระโดดกำแพงแล้ว ยังมีอะไรที่ไม่กล้าทำอีก&#8221;</p>
<p>เถียนเฟิงฮ่าวยังไม่ทันได้ถามอะไรมาก หวงฝู่จวินโหรวก็แย่งถามต่อด้วยท่าทางสุดร้อนใจแล้ว &#8220;หัวหน้าสมาคมโจว ท่านบอกว่าหนิวโหย่วเต๋อคนเดียวโจมตีกำลังพลห้าหมื่นจนแตกพ่ายเหรอ?&#8221;</p>
<p>&#8220;นั่นน่ะสิ! จะเป็นไปได้ยังไง&#8221; เถียนเฟิงฮ่าวกล่าว</p>
<p>ทุกคนทำสีหน้าเหมือนไม่เชื่อ</p>
<p>&#8220;เป็นไปได้ยังไงน่ะเหรอ? ยังมีเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ยิ่งกว่านั้นอีก&#8221; โจวหรานถอนหายใจเบาๆ &#8220;ตีทัพห้าหมื่นแตกยังไม่เท่าไรหรอก ความโหดยังอยู่ตอนหลัง ซูลี่ที่พวกเราเอามาคุยเล่นเป็นเรื่องตลกกันก่อนหน้านี้ พวกเจ้าเดาสิว่าเป็นยังไง? เพื่อที่จะกำจัดสิ่งสกปรกในบ้านตัวเอง หนิวโหย่วเต๋อบุกเดี่ยวสังหารฝ่าเข้าไปในทัพใหญ่หนึ่งล้าน เอาชีวิตเขาได้อย่างง่ายดายเหมือนล้วงกระเป๋าหยิบของ ฆ่าซูลี่ทิ้งแล้ว ผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์อีกเก้าคนของจวนแม่ทัพภาคตงหัวตกใจจนหนีหัวซุกหัวซุน&#8221;</p>
<p>ทุกคนมองหน้ากันเลิกลั่ก เถียนเฟิงฮ่าวบอกว่า&#8221;หนิวโหย่วเต๋อกำเริบเสิบสานขนาดนี้ได้ยังไง อย่าบอกนะว่าในทัพใหญ่หนึ่งล้านที่เข้าร่วมการทดสอบไม่มีใครออกหน้าจัดการเขา?&#8221;</p>
<p>โจวหรานตอบว่า &#8220;ก็มีคนอยากจะจัดการอยู่หรอกนะ แต่ที่สำคัญคือไม่มีใครจัดการไหว เขาลุยเดี่ยวโจมตีเข้าๆ ออกๆ อยู่ในทัพใหญ่หนึ่งล้าน ราวกับเข้าไปในที่ที่ไม่มีคน ไม่มีใครขัดขวางได้ ท้าทายทัพใหญ่หนึ่งล้านเพียงลำพัง โบกทวนตะโกนถามว่ามีใครจะกล้าสู้กับเขา จ้านหรูอี้อันดับหนึ่งที่ราชันสวรรค์แต่งตั้งของการทดสอบครั้งก่อนไม่ยอมแพ้และรับคำท้า ปรากฏว่าสู้หนิวโหย่วเต๋อไม่ได้ แค่ประมือกันท่าเดียวก็โดนหนิวโหย่วเต๋อโจมตีจนหายใจรวยรินเกือบตาย ถ้าไม่ใช่เพราะลูกน้องชิงแย่งตัวหนีไปก่อน จ้านหรูอี้จะยังมีชีวิตอยู่ได้ยังไง ส่วนหนิวโหย่วเต๋อก็ทิ้งคำพูดเอาไว้แล้วเดินจากไปอย่างไม่เกรงกลัวใคร องอาจห้าวหาญไร้ที่เปรียบ!&#8221;</p>
<p>เมื่อได้ยินโจวหรานพูดแบบนี้ คาดว่าโจวหรานก็คงไม่เอาเรื่องแบบนี้มาหลอกลวงพวกเขาเช่นกัน ทุกคนได้ยินแล้วสูดหายใจอย่างตกตะลึง คำพูดแดกดันถากถางที่ตลาดสวรรค์มีต่อหนิวโหย่วเต๋อ บวกกับควาสมงบเสงี่ยมของของหนิวโหย่วเต๋อในหลายปีมานี้ ทำให้ทุกคนแทบจะลืมไปแล้วว่าหนิวโหย่วเต๋อเคยเป็นผู้กล้าที่ได้อันดับหนึ่งมาก่อน ต่อให้จะรู้ว่าหนิวโหย่วเต๋อห้าวหาญมีพลัง แต่ก็นึกไม่ถึงว่าหนิวโหย่วเต๋อจะห้าวถึงขั้นนี้ สามารถลุยเดี่ยวโจมตีฝ่าเข้าฝ่าออกในทัพใหญ่หนึ่งล้าน ถ้านี่คือเรื่องจริง ก็นับว่าองอาจห้าวหาญอย่างหาที่เปรียบไม่ได้อีกแล้วในโลกนี้</p>
<p>อวี้ซวีเจินเหรินที่นั่งอยู่ตรงนั้นงุนงงประหลาดใจ ทำสีหน้าเหมือนเชื่อได้ยาก เมื่อนึกถึงเรื่องที่จะรับหนิวโหย่วเต๋อเป็นลูกศิษย์ในปีนั้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะแอบทอดถอนใจ</p>
<p>ส่วนหวงฝู่จวินโหรวที่เปลี่ยนเป็นเงียบงันก็รู้สึกปลายปลื้มในใจอย่างบอกไม่ถูก มีผู้หญิงคนไหนบ้างที่ไม่หวังให้ผู้ชายของตัวเองเป็นวีรบุรุษที่โดดเด่นแห่งยุค?</p>
<p>ถึงแม้ภูมิหลังของนางจะทำให้นางไม่กล้าประกาศถึงความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับเหมียวอี้ แต่นางก็ถือว่าตัวเองเป็นผู้หญิงของเหมียวอี้ตั้งนานแล้ว และเห็นเหมียวอี้เป็นผู้ชายของตัวเองด้วย เท่าที่นางรู้ในตอนนี้ นางกับเหมียวอี้คือหนึ่งเดียวของกันและกัน ในใจนางถนอมและเห็นคุณค่าความสัมพันธ์แบบหลบซ่อนนี้มาก ถึงแม้เหมียวอี้มักจะปฏิบัติต่อนางแบบห่างเหินก็ไม่ใช่ ใกล้ชิดก็ไม่เชิง ถึงขั้นหลอกลวงนางเหมือนเป็นเรื่องเด็กเล่นด้วยซ้ำ แต่ความเร้าใจนี้ก็ทำให้นางรู้สึกถึงอกถึงใจเหมือนจะเป็นจะตาย ทำให้ชีวิตการฝึกตนที่เชื่องช้าของนางไม่เปล่าเปลี่ยวอ้างว้างอีกต่อไป นางเฝ้าคอยมากว่าวันหนึ่งจะมีเงื่อนไขปัจจัยเหมาะสมจนนางกับเหมียวอี้สามารถบรรลุเป้าหมายได้</p>
<p>หลังจากเหมียวอี้หลอกนางแล้วแอบไปเข้าร่วมการทดสอบในนรก คนนอกก็ไม่มีทางเข้าใจความรู้สึกของนางได้ นางทั้งวิตกกังวลทั้งโกรธแค้น แต่ตอนนี้พอได้รู้ว่าเหมียวอี้ผ่านด่านที่อันตรายที่สุดของการทดสอบไปได้อย่างราบรื่น ในใจก็ปลาบปลื้มจนอธิบายไม่ถูก ความกังวลกลัดกลุ้มที่อยู่ในใจก็ถูกกวาดหายไปหมด</p>
<p>สำหรับนางแล้ว เหมียวอี้มักสร้างความเร้าใจให้นางแบบไม่ซ้ำเดิมเสมอ</p>
<p>หลังจากทุกคนเงียบงันพูดไม่ออกไปสักพัก จู่ๆ โจวหรานก็ถอนหายใจแล้วบอกว่า &#8220;หนิวโหย่วเต๋อทำให้ทัพใหญ่หนึ่งล้านสั่นคลอนแล้ว ตอนที่ทัพใหญ่รวมตัวกันไม่มีใครกล้าสู้กับขา ตอนหลังก็คงจะไม่มีใครไปหาเรื่องเขาแล้ว เกรงว่าทุกคนจะต้องเตรียมตัวให้ดีในกรณีที่เขารอดชีวิตกลับมา&#8221;</p>
<p>&#8220;ยังนึกว่าหัวหน้าสมาคมโจวจะกังวลอะไร ที่แท้ก็กังวลเรื่องนี้นี่เอง&#8221; ผู้จัดการร้านหูอวี้หยวนกล่าวกลั้วหัวเราะ</p>
<p>&#8220;จะไม่กังวลได้ยังไง ข้าแอบขัดคำสั่ง ตั้งกฎของสมาคมร้านค้าแยกออกมาลับหลังเขา กลัวก็แต่เขาจะรอดชีวิตกลับมาแล้วมาคิดบัญชีกับพวกเราย้อนหลัง&#8221; โจวหรานกล่าว</p>
<p>หูอวี้หยวนส่ายหน้า &#8220;พูดอย่างนี้ก็ไม่ถูกหรอก การทดสอบที่นรกเพิ่งจะเริ่มต้น นอกเสียจากเขาจะอวดดีช่วงชิงอันดับดีๆ ในการทดสอบได้ แบบนั้นถึงจะรักษาตำแหน่งผู้บัญชาการใหญ่ของตลาดสวรรค์ไว้ได้ แต่นรกคือสถานที่ที่จะไปอวดดีได้เหรอ? ถึงแม้ตอนนี้จะไม่รู้ว่าเขาทำให้ทัพใหญ่หนึ่งล้านหวาดกลัวได้ยังไง แต่นรกไม่ใช่ที่ที่จะไปโอหังอวดดีได้แน่นอน ยิ่งเขาอวดดีก็จะยิ่งตายไว ดังนั้นข้าก็หวังว่าเขาจะอวดดีนะ ในทางกลับกัน ถ้าเขาหลบอยู่ในนรกเพื่อปกป้องตัวเอง กลับมาโดยไม่มีผลงานอะไร มีหรือที่จะรักษาตำแหน่งผู้บัญชาการใหญ่ของตลาดสวรรค์ได้? ตราบใดที่เขารักษาตำแหน่งอำนาจไว้ในมือไม่ได้ ต่อให้รอดชีวิตกลับมาได้ก็ยังตายสถานเดียว ยังกลัวจะไม่มีโอกาสเล่นงานเขาให้ตายอีกเหรอ? มิหนำซ้ำการทดสอบหนึ่งร้อยปีก็เพิ่งเริ่มต้น วันหลังยังอีกยาวไกล ทุกคนต้องตื่นตกใจไปเองด้วยเหรอ?&#8221;</p>
<p>&#8220;พูดถูก!&#8221;</p>
<p>&#8220;ใช่เลย!&#8221;</p>
<p>ทุกคนได้ยินแล้วพยักหน้าเห็นด้วย ชั่วขณะนั้นทุกคนรู้สึกผ่อนคลายอีกครั้ง แต่หวงฝู่จวินโหรวกับอวี้ซวีเจินเหรินรู้สึกจิตตกนิดหน่อย โดยเฉพาะหวงฝู่จวินโหรว ถ้าไม่ใช่เพราะถูกจำกัดด้วยภูมิหลัง นางก็อยากจะเล่นงานเจ้าพวกเวรนี่นั่งอยู่ตรงนี้ให้ตายจริงๆ</p>
<p>&#8220;ถึงแม้จะพูดอย่างนี้ก็เถอะ ทุกคนยังต้องพยายามติดต่อกับคนที่ทดสอบในนรกผ่านเครือข่ายของตัวเอง พยายามสังเกตทิศทางการเคลื่อนไหวของเจ้าเวรนั่น ถ้าเจ้านั่นสามารถรอดชีวิตกลับมาได้จริงๆ พวกเราจะได้เตรียมตัวได้สะดวก&#8221; โจวหรานกำชับทุกคน</p>
<p>ทุกคนพากันตอบรับ หลังจากประชุมเสร็จ ก็ยังไม่มีธุระเรื่องอื่น หลังจากแยกย้ายกันแล้วก็รีบกลับไปสืบเรื่องโจวหรานบอกว่าเป็นอย่างไรกันแน่ ทำไมถึงเกิดเรื่องที่ทัพใหญ่หนึ่งล้านต้านทานหนิวโหย่วเต๋อคนเดียวไม่ไหวได้ ไม่ใช่เพราะกังวลว่าโจวหรานจะหลอกพวกเขา เพียงแค่รู้สึกว่าเรื่องนี้เหลือเชื่อเกินไปหน่อย&#8230;</p>
<p>ไม่จำเป็นต้องใช้เวลานาน เป็นเพราะคนที่เข้าร่วมการทดสอบมีเยอะเกินไป ทั้งยังมีระฆังดาราสำหรับติดต่อกันทางไกล มีบางคนได้ข่าวมาบ้างไม่มากก็น้อย หลังจากนั้นหนึ่งวัน เรื่องการทดสอบในนรกก็ค่อยๆ แพร่ไปที่ตลาดสวรรค์ ราวกับโยนหินลงน้ำแล้วเกิดระลอกคลื่นนับพัน</p>
<p>&#8220;&#8230;นายท่านฆ่าจาเหรินจวิ้นตายภายในทวนดียว จากนั้นอาศัยกำลังของตัวเองคนเดียวตีกองทัพห้าหมื่นแตกพ่าย…หลังจากฆ่าต่งอิ้งเกาตายตอนตั้งทัพประจันหน้ากัน ก็บุกเดี่ยวสังหารฝ่าเข้าไปในทัพใหญ่หนึ่งล้าน แล้วเลี้ยวสังหารกลับมาอีก ปลิดชีพซูลี่ท่ามกลางทัพใหญ่หนึ่งล้าน…จ้านหรูอี้ อันดับหนึ่งของการทดสอบครั้งก่อนนำทัพต่อสู้ แต่โดนนายท่านโจมตีจนบาดเจ็บสาหัส บุกสังหารกำลังพลหลายแสนก็แพ้ยับเยินเช่นกัน…นายท่านองอาจห้าวหาญ ถือทวนบุกเดี่ยวฝ่าเข้าฝ่าออกอยู่ในทัพใหญ่หนึ่งล้าน ฆ่าตายไปหลายพันคนด้วยกำลังของตัวเองคนเดียว พูดทิ้งท้ายว่า &#8216;พวกหนูต่ำต้อย หนิวอยู่ด้วยแล้วรู้สึกอับอาย&#8217; แล้วจากไปอย่างไม่เกรงกลัวใคร&#8230;&#8221;</p>
<p>ที่ร้านโฉมเมฆา ช่างไม้กับช่างหินที่ไปสืบข่าวมาจากข้างนอกเรียกได้ว่าผลัดกันเล่าอย่างตื่นเต้นไม่หยุด เล่าเรื่องที่เกิดขึ้นตอนเข้าสนามทดสอบอย่างละเอียด สำหรับความห้าวหาญองอาจของเหมียวอี้ ทั้งสองรู้สึกตกตะลึงจริงๆ ถึงขั้นปลาบปลื้มกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว เมื่อติดตามอยู่กับคนแบบนี้ ไม่ว่าใครก็มีความมั่นใจในอนาคตทั้งนั้น</p>
<p>เชียนเอ๋อร์ เสวี่ยเอ๋อร์ที่อยู่ข้างๆ ฟังจนสีหน้าสดชื่นร่าเริง สำหรับหญิงรับใช้ทั้งสอง ตั้งแต่อยู่กับเหมียวอี้มา นายท่านอย่างเหมียวอี้ก็ไม่เคยทำให้พวกนางผิดหวังเลย ในสายตาพวกนาง ไม่มีเรื่องอะไรที่ทำให้เหมียวอี้ลำบากได้ เพียงแต่ความสง่างามยามเหมียวอี้ควบสัตว์พาหนะบุกเดี่ยวเข้าไปในทัพใหญ่หนึ่งล้านก็ยังทำให้ทั้งสอง神往ไม่หยุด ดวงตาแวววาวเป็นพิเศษ ดีใจจนออกนอกหน้า บรรยายอารมณ์ตื่นเต้นออกมาเป็นคำพูดไม่ได้</p>
<p>กลับเป็นอวิ๋นจือชิวที่นั่งสงบเยือกเย็นอยู่ในศาลา หลังจากฟังจบก็แค่ยิ้มบางๆ แล้วบอกว่า &#8220;รู้แล้ว พวกเจ้าไปสืบข่าวต่อ ถ้ามีเรื่องอะไรเกี่ยวกับนายท่านก็ให้มารายงานทันที&#8221;</p>
<p>&#8220;รับทราบ!&#8221; ช่างไม้กับช่างหินกล่าวขอตัว</p>
<p>ในศาลา อวิ๋นจือชิวติดไข่มุกและหยกที่มวยผม สวมชุดกระโปรงสีเขียวคราม กำลังนั่งจ้องบ่อน้ำนอกศาลาที่โดนลมพัดจนเป็นระลอกคลื่นอย่างเงียบๆ เชียนเอ๋อร์ เสวี่ยเอ๋อร์สบตากันแวบหนึ่ง ไม่รู้ว่าทำไมฮูหยินได้ยินข่าวแล้วไม่ทำท่าทางดีใจเลยสักนิด นายท่านต่อสู้ชนะไม่ควรค่าแก่ความดีใจเหรอ?</p>
<p>ผ่านไปไม่นาน ระฆังดาราในกำไลเก็บสมบัติของอวินจือชิวก็สั่น พอได้ติดต่อกัน ถึงได้รู้ว่าจีเหม่ยลี่และพวกอนุภรรยามาถึงด้วยกันผ่านทางใต้ดินแล้ว ขอให้อวิ๋นจือชิวเปิดค่ายกลป้องกันของร้านโฉมเมฆาเพื่อปล่อยพวกนางเข้ามา</p>
<p>ไม่ต้องถามเลย อวิ๋นจือชิวรู้ว่าพวกนางมาเพราะเรื่องเหมียวอี้ ข่าวแพร่ไปที่ตลาดสวรรค์แล้ว ไม่มีเหตุผลที่พวกนางจะไม่ได้ยินข่าว</p>
<p>พอเปิดค่ายกลป้องกัน สองพี่น้องหลางหลางหวนหวน ฉินเวยเวย จีเหม่ยลี่ อวี้หนูเจียวและฝ่าอินก็เข้ามาด้วยกัน มาเข้ามาในศาลาก็ย่อตัวคำนับพร้อมกัน &#8220;ฮูหยิน!&#8221;</p>
<p>&#8220;อืม!&#8221; อวิ๋นจือชิวลุกขึ้น &#8220;ที่นี่ไม่สะดวกจะให้พวกเรารวมกลุ่มคุยกัน ไปชัยภูมิถ้ำสวรรค์เถอะ&#8221;</p>
<p>จากนั้นก็นำพวกนางขึ้นมาที่ห้องชั้นบน ก่อนจะเข้าประตู อวิ๋นจือชิวก็หันกลับมาบุ้ยปากไปทางห้องข้างๆ &#8220;เสวี่ยเอ๋อร์ ไปเรียกหงเฉินมา&#8221;</p>
<p>&#8220;เจ้าค่ะ!&#8221; เสวี่ยเอ๋อร์เอย่รับคำสั่งแล้วออกไป</p>
<p>ผ่านไปไม่นาน ในศาลายาวที่สร้างใหม่หลังจากโดนเฮยทั่นถล่ม อวิ๋นจือชิวนั่งลงที่หัวโต๊ะ แล้วยื่นมือไปทางซ้ายและขวา เชิญให้ทุกคนนั่งลงคุยกัน นอกจากนางที่นั่งบนเก้าอี้ตำแหน่งหลัก จีเหม่ยลี่และคนอื่นๆ ก็แยกกันนั่งตรงม้านั่งยาวที่อยู่ฝั่งซ้ายและขวา</p>
<p>รอจนกระทั่งเชียนเอ๋อร์ เสวี่ยเอ๋อร์นำน้ำชามาวางให้บรรดาหรูฮูหยิน อวิ๋นจือชิวถึงได้ถามว่า &#8220;น้องๆมาด้วยกันแบบนี้ มีเรื่องอะไรเหรอ?&#8221;</p>
<p>พวกนางมองหน้ากันไปมองหน้ากันมา ส่งสายตาบอกใบ้กัน คนนี้บอกให้คนนั้นพูด ก็นั้นก็บอกให้คนนี้พูด</p>
<p>เมื่อเห็นพวกนางลังเล อวิ๋นจือชิวก็จ้องฉินเวยเวยก่อน ถามว่า &#8220;เวยเวย หงเหมียน ลู่หลิ่วบาดเจ็บไม่เป็นไรมากใช่มั้ย?&#8221;</p>
<p>เมื่อได้ยินคำถามนี้ ฉินเวยเวยก็มองเชียนเอ๋อร์ เสวี่ยเอ๋อร์ที่ทำหน้านิ่งอยู่ข้างหลังอวิ๋นจือชิวอย่างอับอายนิดหน่อย แล้วตอบว่า &#8220;ไม่มีอะไรร้ายแรงค่ะ เป็นข้าเองที่อบรมไม่ดี เดี๋ยวกลับไปจะอบรมให้เข้มงวดขึ้นแน่นอน&#8221;</p>
<p>สาเหตุที่ถามตอบกันแบบนี้ ก็เป็นเพราะหงเหมียน ลู่หลิ่วอาศัยว่าตัวเองได้นอนร่วมห้องกับเหมียวอี้ กลายเป็นผู้หญิงของเหมียวอี้แล้ว นอกจากจะเมินเฉยไม่เคารพฝ่าอิน พวกนางยังเห็นฝ่าอินมีประสีประสาโลก แอบบอกให้ฝ่าอินแอบคบชู้ ตอนแรกอวิ๋นจือชิวก็อึ้งกับคำพูดนอกลู่นอกทางของฝ่าอินเหมือนกัน ตอนหลังแปลกใจว่าฝ่าอินเอาคำพูดเหลวไหลไร้สาระพวกนี้มาจากไหน ไม่มีเหตุผลที่จะมีคนเอ่ยเรื่องแบบนี้ขึ้นมาต่อหน้าผู้หญิงส่งเดช จึงแอบสั่งให้พนักงานที่จับยัดเข้าไปในร้านค้าของฉินเวยเวยสืบ ตอนยังไม่สืบก็ยังไม่รู้ พอสืบแล้วถึงได้พบว่าเป็นแผนของหงเหมียนกับลู่หลิ่ว</p>
<p>อวิ๋นจือชิวเดือดดาลมาก ตัวเองเป็นคนดูแลเรื่องในบ้าน มีหรือที่จะยอมให้เรื่องสกปรกโสมมเกิดขึ้น ถ้าปล่อยไปโดยไม่สนใจ ก็อาจจะทำให้คนสงสัยว่านายหญิงอย่างนางมีความคิดสกปรกอะไรหรือเปล่า เดิมทีนางคิดจะลงโทษหงเหมียน ลู่หลิ่วด้วยตัวเอง ถึงขั้นจะเอาผิดฉินเวยเวยด้วยซ้ำ แต่เมื่อพิจารณาจากเหตุผลหลายๆ ด้านแล้ว นางก็ไม่ได้ออกหน้าด้วยตัวเอง</p>
<p>ดังนั้นเชียนเอ๋อร์ เสวี่ยเอ๋อร์จึงออกหน้าไปถามเอง เมื่อสองคนนี้ออกหน้า แม้แต่ฉินเวยเวยก็ไม่กล้ากำเริบเสิบสาน ถ้าจะพูดแบบไม่น่าฟังหน่อยก็คือ อย่าว่าแต่ฉินเวยเวยเลย แม้แต่อวิ๋นจือชิวเองถ้าไม่มีเหตุผลมากพอก็ไม่กล้าไปแตะต้องเชียนเอ๋อร์ เสวี่ยเอ๋อร์ง่ายๆ เหมือนกัน ไม่อย่างนั้นจะไม่มีทางแก้ตัวกับเหมียวอี้ได้</p>
<p>ไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนยุยงให้อนุภรรยาของนายท่านไปมีชู้และสวมเขานายท่าน แบบนี้ไม่แย่หรอกเหรอ เชียนเอ๋อร์เสวี่ยเอ๋อร์ก็โมโหเหมือนกัน เรียกได้ว่าใช้กฎระเบียบในครอบครัวโดยตรงต่อหน้าฉินเวยเวย ตัดขาหงเหมียนกับลู่หลิ่ว ไม่ไว้หน้าฉินเวยเวยเลยสักนิด ตอนหลังหยางชิ่งให้ฉินเวยเวยพาหงเหมียนกับลู่หลิ่วไปคุกเข่าตบปากต่อหน้าอวิ๋นจือชิว จนกระทั่งอวิ๋นจือชิวเอ่ยปากว่าไม่เป็นไร เรื่องนี้ถึงได้นับว่าผ่านไปแล้ว</p>
<p>…………………………</p>

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด