พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1213 หนิวโหย่วเต๋อกำลังไว้หน้าข้า

Now you are reading พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า Chapter 1213 หนิวโหย่วเต๋อกำลังไว้หน้าข้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

<p>เมื่อได้รู้ข่าวการทดสอบที่นรก ผู้บัญชาการทั้งสี่เขตเมืองก็เป็นฝ่ายติดต่อเหมียวอี้ก่อน มีเพียงมู่หรงซิงหัวที่ติดต่อเหมียวอี้ไม่ได้</p>
<p>มู่หรงซิงหัวไปหาฝูชิง อิงอู๋ตี๋และสวีถังหรานเพื่อถามสถานการณ์ แต่ทั้งสามต่างก็โกหก แต่ละคนบอกว่าติดต่อเหมียวอี้ไม่ได้เลย ที่จริงทั้งสามต่างก็ได้รับการเสนอแนะจากเหมียวอี้ ว่าให้มีท่าทีสงบเสงี่ยมกับสมาคมร้านค้าต่อไป สำหรับปัญหาทุกอย่าง รอให้เขากลับไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน</p>
<p>ประสบการณ์อันแสนสาหัสของมู่หรงซิงหัวได้ทำให้นางกลายเป็นผู้หญิงที่ไวต่อความรู้สึกแล้ว พอจะสังเกตอะไรบางอย่างได้จากท่าทีที่ไม่สะทกสะท้านของทั้งสามคน ในเมื่อทั้งสามไม่อยากพูด นางก็จะไม่ถามมากเช่นกัน สรุปก็คือถ้าเขตเมืองตะวันออก ตะวันตกและใต้ทำอะไร เขตเมืองเหนือของนางก็จะทำอย่างนั้นเหมือนกัน&#8230;</p>
<p>กลุ่มดาวเคราะห์สีฟ้าอยู่ตรงหน้าแล้ว มองจากไกลๆ ก็เห็นถึงความกว้างใหญ่ไพศาลของมันได้ ผลึกสีฟ้าสวยวิจิตรตระการตาระยิบระยับอยู่ในดาราจักร</p>
<p>ชื่อเสียงอันโด่งดังของนรกทำให้เหมียวอี้ต้องคอยระแวดระวังตลอดทาง ระหว่างทางไขว้เขวไปบ้างอย่างเลี่ยงไม่ได้ แผนที่ใช้ไม่ได้ผลกับสถานที่บ้าๆ นี้ จึงใช้ระฆังดาราติดต่อกับพวกอวิ๋นอ้าวเทียนไว้ตลอด</p>
<p>พอเขาเข้าใกล้น่านฟ้าผืนนี้ ข้างหน้าก็มีคนห้าคนเหาะมาทันที ไม่ใช่ใครที่ไหน ห้าปราชญ์มาต้อนรับด้วยตัวเอง</p>
<p>เมื่อทั้งสองฝ่ายพบหน้ากัน ห้าปราชญ์ก็มองสำรวจเหมียวอี้ศีรษะจดเท้า เมื่อเห็นทั้งตัวเขาเต็มไปด้วยเลือดไม่เว้นแม้แต่สัตว์พาหนะ พวกเขาก็อดไม่ได้ที่จะสบตากันแวบหนึ่ง ทั้งห้าได้ข่าวมาจากบรรดาอนุภรรยาของเหมียวอี้แล้ว ว่าเหมียวอี้ฝ่าเข้าฝ่าออกสังหารอยู่ในทัพใหญ่หนึ่งล้าน พอเห็นสภาพของเหมียวอี้ในตอนนี้ ก็พบว่าเป็นอย่างที่คาดไว้</p>
<p>ถึงแม้ในใจจะรู้สึกตกตะลึง นึกไม่ถึงว่าวันนี้เหมียวอี้จะมีศักยภาพมากขนาดนี้ แต่ก็ไม่มีใครเอ่ยถึงเรื่องที่เกิดขึ้น</p>
<p>จีฮวนหัวเราะเสียงดังคนแรก แล้วกุมหมัดคารวะด้วยท่าทางอบอุ่นเป็นมิตรมาก &#8220;เหมียวอี้ พวกเราห้าคนรอคอยเจ้าด้วยความเคารพมานานแล้วนะ พอไม่เจอกันตรงทางเข้านรก ก็เลยตั้งใจมาต้อนรับด้วยกัน&#8221;</p>
<p>เหมียวอื้ที่อยู่บนตัวเฮยทั่นกลับรู้สึกแปลกใจนิดหน่อยที่ทั้งห้าโผล่หน้ามารับพร้อมกัน เป็นครั้งแรกที่พบว่าทั้งห้าไว้หน้าตนขนาดนี้ แต่ก็ไม่ได้คิดวนเวียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ต่อ เขากวาดมองรอบวง สายตาก็ไปหยุดอยู่ที่ตัวมู่ฝานจวิน แล้วถ่ายทอดเสียงถามว่า &#8220;เย่เหยาไปไหนแล้ว?&#8221;</p>
<p>&#8220;เยว่เหยาไม่ได้เข้ามาในนรก นางไปซ่อนตัวอยู่ที่อื่นแล้ว&#8221; มู่ฝานจวินตอบเสียงเรียบ</p>
<p>&#8220;ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเยว่เหยา ก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ&#8221; เหมียวอี้เตือน</p>
<p>มู่ฝานจวินทำสีหน้านิ่งเฉย ทำท่าเหมือนไม่รับปากแต่ก็ไม่ปฏิเสธ</p>
<p>เหมียวอี้หันกลับมากวาดสายตามองทั้งห้าอีก แล้วแสยะยิ้มบอกว่า &#8220;พวกเจ้าห้าคนใจกล้าไม่เบาเลยนะ ขนาดผู้บัญชาการใหญ่ของตลาดสวรรค์ยังกล้าดักฆ่า แถมตอนนี้ยังวางกับดักข้าอีก พวกเจ้าพอใจแล้วใช่มั้ย?&#8221;</p>
<p>&#8220;อามิตตาพุทธ!&#8221; ฉางเหลยประนมมือพลางยิ้มแข็งๆ &#8220;พวกเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเป็นแบบนี้ เรื่องก็เกิดขึ้นแล้ว มาพูดถึงตอนนี้ก็ไม่มีความหมาย แล้วอีกอย่างนะ ข้าก็ยกศิษย์รักให้นอนกับเจ้าแล้ว เจ้ายังจะคิดเล็กคิดน้อยกับพวกเราทำไมอีก&#8221;</p>
<p>นี่ไม่ใช่สิ่งที่คนออกบวชควรจะพูดเลยจริงๆ แต่มันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ในสายตาของคนที่พิภพเล็ก หกปราชญ์เป็นประเภทที่สูงส่งเป็นพิเศษ ให้ความรู้สึกสูงส่งเยือกเย็น คิดว่าคนประเภทนี้จะต้องพูดตาเฉียบคมล้ำค่าแน่นอน คนที่คิดแบบนี้ได้แสดงว่าระดับและฐานะของพวกเขาไม่สามารถสัมผัสกับหกปราชญ์ได้ ตอนนี้ที่ฉางเหลยสามารถพูดแบบนี้กับเหมียวอี้ได้ ก็แสดงว่าเหมียวอี้มีคุณสมบัติที่จะอยู่ในระดับเดียวกับพวกเขาแล้ว การพูดจาย่อมเป็น &#8216;ภาษาคน&#8217; ที่มนุษย์ทั่วไปเข้าใจได้ง่าย</p>
<p>คนประหลาดอย่างฝ่าอินน่ะเหรอ? เหมียวอี้กลอกตามองบน นอกจากตอนไขว้มือดื่มสุราที่ได้สัมผัสมือฝ่าอิน เวลาอื่นเขาก็ไม่ได้แตะต้องฝ่าอินแม้แต่ปลายนิ้วด้วยซ้ำ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องเคยนอนกับฝ่าอินเลย ทว่าเรื่องแบบนี้ไม่จำเป็นต้องพูดต่อหน้าคนนอก</p>
<p>ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้ เหมียวอี้เปลี่ยนเด็นถามสิ่งที่ตัวเองสงสัยในใจมาตลอด &#8220;พวกเจ้ารู้จักทางเข้าออกอีกทางของนรกได้ยังไง?&#8221;</p>
<p>ทั้งห้าสบตากันแวบหนึ่ง เทพพยากรณ์สั่งไว้แล้วว่าห้ามบอกเหมียวอี้ ตอนนี้ทั้งห้าเรียกได้ว่านับถือเทพพยากรณ์จากใจแล้ว ย่อมไม่ฝ่าฝืนคำสั่งของอีกฝ่าย จีฮวนหัวเราะเบาๆ แล้วตอบว่า &#8220;พวกเราจะไปรู้ทางเข้าออกนรกได้ยังไง เป็นเพราะหมดหนทางหนีเลยบังเอิญพบก็เท่านั้นเอง ตรงนี้ไม่ใช่ที่ที่จะมาคุยกัน จะโดนคนพบเอาง่ายๆ ไปค่อยๆ คุยกันตรงที่พักเถอะ&#8221;</p>
<p>เหมียวอี้เก็บสัตว์พาหนะ แล้วเหาะไปที่ดาวเคราะห์สีฟ้าดวงหนึ่งพร้อมกับพวกเขา พอเหยียบลงพื้นถึงได้พบว่าเป็นเกาะแห่งหนึ่ง ดาวเคราะห์ทั้งดวงนี้แทบจะจมอยู่ในมหาสมุทร มีเพียงเกาะโผล่ออกมาหร็อมแหรมที่ผิวทะเล</p>
<p>เป็นเพราะอยู่ห่างจากดวงอาทิตย์เกินไป ทั้งดาวเคราะห์จึงมืดสลัว</p>
<p>ลูกๆ และลูกศิษย์ที่ติดตามห้าปราชญ์ล้วนพักอยู่ที่นี่ พอเจอหน้ากัน เหมียวอี้ก็พยักหน้าทักทายอันหรูอวี้ก่อน</p>
<p>ส่วนอันหรูอวี้ก็เป็นฝ่ายก้าวขึ้นมาก่อนเช่นกัน &#8220;รู้ว่าเจ้าจะมา ก็เลยเตรียมห้องถ้ำที่เป็นที่พักไว้ให้เจ้าแล้ว&#8221;</p>
<p>ท่ามกลางสายตาของทุกคน เหมียวอี้ตามอันหรูอวี้ไปที่ห้องถ้ำบนเกาะแล้ว แค่มองก็รู้ว่าเพิ่งขุดขึ้นใหม่ ถึงแม้จะเล็กแต่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน</p>
<p>เมื่อตรวจดูสภาพแวดล้อมในห้องถ้ำครู่หนึ่ง เหมียวอี้ก็ยิ้มเจื่อนในใจ สงสัยแม่ยายท่านนี้จะสิ้นเปลืองความคิดไปมากเพื่อจัดแต่งออกมา</p>
<p>&#8220;เรื่องปล้นฆ่าผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์สามคนเป็นยังไงกันแน่?&#8221; จู่ๆ เหมียวอี้ก็แอบถ่ายทอดเสียงถาม</p>
<p>คำถามนี้ทำให้อันหรูอวี้มีสีหน้าลังเลสับสนทันที ถ้าไม่บอกก็กลัวว่าเหมียวอี้จะไม่พอใจแล้วส่งผลกระทบถึงลูกสาวทั้งสองของนาง อยากจะพูดแต่ก็พูดไม่ได้ เพราะมู่ฝานจวินสั่งเอาไว้แล้ว ว่าห้ามใครเปิดเผยที่มาที่ไปของการปล้นครั้งนั้นให้เหมียวอี้รู้เด็ดขาด</p>
<p>&#8220;ในเมื่อไม่สะดวกจะพูด งั้นก็ช่างเถอะ&#8221; เหมียวอี้ยิ้มอ่อน ไม่ทำให้แม่ยายจอมเอาเปรียบคนนี้ลำบากใจเหมือนกัน</p>
<p>อันหรูอวี้โล่งอก แล้วรีบเปลี่ยนประเด็นทันที &#8220;ดูสิ่งสกปรกบนตัวเจ้าสิ ข้าจะไปเตรียมน้ำร้อนให้อาบ&#8221;</p>
<p>&#8220;ไว้เดี๋ยวค่อยคุยกัน&#8221; เหมียวอี้โบกมือ หันตัวเดินออกมาจากห้องถ้ำโดยให้อันหรูอวี้อยู่ที่นี่ต่อ เดินไปที่ริมทะเลเพียงลำพัง พอเดินไปได้ครึ่งทางก็พบส่าข้างหลังมีคนเพิ่มขึ้นมา เป็นพวกอวิ๋นอ้าวเทียนนั่นเอง</p>
<p>พอเดินไปได้สักระยะ เหมียวอี้ก็ทนไม่ไหวแล้วจริงๆ หันตัวกลับมาถามว่า &#8220;พวกเจ้าสามคนจะตามข้าทำไม?&#8221;</p>
<p>ฉางเหลยตอบกลั้วหัวเราะว่า &#8220;พวกเราปรึกษากันแล้ว สถานที่อันตรายแบบนี้ถ้าไม่รวมกลุ่มกันไว้คงไม่ได้หรอก ในเมื่อจะรวมกลุ่มกันแล้ว ก็ต้องมีหัวหน้าสักคนสิ งูไร้หัวก็เลื้อยไม่ได้น่ะสิ พวกเราตัดสินใจแล้ว ตั้งแต่นี้ไปในบรรดาพวกเราหกคนมีเจ้าเป็นหัวหน้า&#8221;</p>
<p>&#8220;อุบ!&#8221; เหมียวอี้หลุดขำ ห้าปราชญ์เป็นใคร พูดจาประหลาดเหมือนผีโผล่แบบนี้ มีแต่ผีเท่านั้นแหละที่เชื่อ เหมียวอี้ขี้คร้านจะสนใจ หันตัวเดินต่อไป</p>
<p>ห้าปราชญ์มองหน้ากันเลิกลั่ก เขาเองก็รู้สึกว่าถ้าเปลี่ยนเป็นพวกเขาก็คงไม่เชื่อคำพูดแบบนี้เหมือนกัน</p>
<p>แต่จะว่าไปแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะคำทำนายของเทพพยากรณ์แม่นแล้วแม่นอีก ก็ไม่มีทางที่พวกเขาจะพูดออกมาได้ว่าจะให้เหมียวอี้เป็นหัวหน้า</p>
<p>ยังไม่ถอดเกราะรบบนตัวออก เหมียวอี้นั่งลงริมทะเล เริ่มจัดระเบียบของที่เก็บยึดได้หลังจากศึกใหญ่ อันหรูอวี้ให้เขาอาบน้ำ แต่บนตัวเขาใส่ศพไว้กองใหญ่ จะไปมีอารมณ์อาบน้ำได้อย่างไรกัน ต้องนำของพวกนี้ที่ได้มาจัดระเบียบก่อน</p>
<p>ริบสิ่งของประเภทเกราะรบและกำไลเก็บสมบัติออกมาจากศพร่างแล้วร่างเล่า จากนั้นแยกประเภทและเก็บไว้ ส่วนศพก็ถูกโยนลงในทะเลโดยตรง ถ้าเป็นนักพรตปีศาจก็เก็บยาเม็ดปีศาจก่อนแล้วค่อยว่ากัน</p>
<p>ไม่รู้ว่าในทะเลมีสัตว์ประหลาดอะไรที่ถูกศพที่โยนลงทะเลดึงดูดให้เข้ามา เห็นเพียงทิ่วทะเลมีหนวดปลาหมึกโผล่ขึ้นมาม้วนศพลงไปที่ก้นทะเล ถึงขั้นมีสัตว์ประหลาดทะเลต่อสู้กันอย่างบ้าคลั่งเพื่อแย่งอาหาร ล้วนเป็นสัตว์ประหลาดที่เหมียวอี้ไม่เคยเห็นมาก่อน</p>
<p>เหมียวอี้เพียงร่ายอิทธิฤทธิ์กวาดในทะเลนิดหน่อย เมื่อเห็นว่าไม่เป็นภัยคุกคามต่อตัวเอง ถึงได้นั่งจัดระเบียบของต่อไปอย่างสบายอารมณ์</p>
<p>เกราะรบสีทองชุดแล้วชุดเล่า เกราะรบผลึกแดงชุดแล้วชุดเล่า ของประเภทต่างๆ ถูกเหมียวอี้เก็บเข้าในกระเป๋าสัตว์</p>
<p>ฉากที่เขาสร้างความร่ำรวยได้ง่ายๆ แบบนี้ทำให้ห้าปราชญ์ที่มองอยู่ไกลๆ หงุดหงิดมาก พวกเขาเสี่ยงกับกฎสวรรค์เพื่อปล้นไปหนึ่งครั้ง นอกจากจะไม่ได้อะไรแล้ว ยังโดนกดดันให้หนีเข้ามาในสถานที่บ้าๆ แบบนี้อีก แต่ดูการสร้างความร่ำรวยของเหมียวอี้สิ คนเราแตกต่างกันจนน่าโมโหจริงๆ</p>
<p>เหมียวอี้จัดระเบียบของเป็นเวลาสองวันเต็มๆ หลังจากเสร็จเรื่องแล้วกำลังจะยืนขึ้น จู่ๆ ริมทะเลก็มีหนวดปลาหมึกโผล่มาพันเท้าเขา ต้องการจะลากเขาลงไปในทะเล บนตัวเขามีพลังอิทธิฤทธิ์สายหนึ่งซัดสาดออกมา ทำให้หนวดปลาหมึกนั่นแตกกระจุยจนเศษเนื้อปลิวว่อนทันที</p>
<p>จากนั้นเหมียวอี้ก็ลากกระเป๋าสัตว์เป็นกอง เหาะไปเหยียบลงข้างกายห้าปราชญ์แล้วถามว่า &#8220;พวกเจ้ามีใครกำราบสัตว์พาหนะของคนอื่นได้บ้าง?&#8221;</p>
<p>ทั้งห้าสบตากัน แล้วจีฮวนก็ตอบว่า &#8220;ได้หมด&#8221;</p>
<p>เหมียวอี้โยนกระเป๋าสัตว์ให้คนละใบ &#8220;มอบให้พวกเจ้า รบกวนท่านไหนก็ได้ชี้แนะวิชากำราบสัตว์พาหนะให้ข้าที&#8221;</p>
<p>พวกเขามองดูของในกระเป๋าสัตว์ ได้สัตว์เทพหนึ่งคนต่อหนึ่งตัว มู่ฝานจวินมอบกระเป๋าสัตว์ที่อยู่ในมือเหมียวอี้แวบหนึ่ง แล้วถามว่า &#8220;เจ้าได้สัตว์เทพมาเท่าไร?&#8221;</p>
<p>&#8220;ไม่เยอะหรอก แค่สิบกว่าตัว&#8221; เหมียวอี้ตอบ</p>
<p>ไม่เยอะ? ห้าปราชญ์ที่ยึดอาชีพปล้นมานานพูดไม่ออก&#8230;</p>
<p>ตำหนักนารีสวรรค์ ที่อยู่ของราชินีสวรรค์ มารดาแห่งใต้หล้าผู้คุมวังหลังของตำหนักสวรรค์</p>
<p>สตรีวัยกลางคนที่สวมชุดนางในเร่งฝีเท้าเดินเข้ามาในตำหนักหลัก พอเห็นราชินีสวรรค์เซี่ยโห้วเฉิงอวี่นั่งอ่านเอกสารราชการอยู่หลังโต๊ะหยก นางก็ไม่กล้ารบกวน ตอนนี้ราชินีสวรรค์ควบคุมระบบตลาดสวรรค์โดยตรง เป็นครั้งแรกที่อำนาจยื่นออกจากวังหลัง ตั้งอกตั้งใจมาก สตีที่สวมชุดนางในจึงเดินมายืนอยู่ข้างๆ โดยไม่พูดอะไร</p>
<p>เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ไม่ได้เหลือบตามองเลยแม้แต่น้อย ถามเสียงเรียบว่า &#8220;เอ๋อเหมย ที่การประชุมราชสำนักไม่มีเรื่องอะไรใช่มั้ย?&#8221;</p>
<p>เอ๋อเหมยก็คือชื่อของสตรีวัยกลางคนที่สวมชุดนางใน เป็นลูกน้องคนสนิทที่เซี่ยโห้วเฉิงอวี่พามาจากตระกูลเซี่ยโห้ว เรียกได้ว่าเป็นตัวละครสำคัญที่อยู่ข้างกายราชินีสวรรค์ เมื่อได้ยินคำถามก็มองไปนอกประตู แล้วตอบเสียงต่ำว่า &#8220;ราชันสวรรค์เดือดดาลมาก กำลังตำหนิกลุ่มขุนนางเจ้าค่ะ&#8221;</p>
<p>เซี่ยโห้วเฉิงอวี่อึ้งทันที ตอนนี้ถึงได้วางงานที่อยู่ในมือ แล้วเงยหน้าถามว่า &#8220;เดือดดาลเรื่องอะไร?&#8221;</p>
<p>เอ๋อเหมยตอบว่า &#8220;เพราะเรื่องการทดสอบที่ตำหนักสวรรค์เจ้าค่ะ ทัพใหญ่หนึ่งล้านโดนหนิวโหย่วเต๋อสังหารกลับไปกลับมา โจมตีจนแพ้ย่อยยับ ราชันสวรรค์โกรธมาก เดินลงจากบันไดเข้าไปท่ามกลางกลุ่มขุนนาง แล้วถามย้ำว่านี่ใช่ลูกน้องที่เขาเลี้ยงหรือไม่?&#8221;</p>
<p>&#8220;เฮ้อ!&#8221; เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ถอนหายใจเบาๆ หลังจากส่ายหน้าเล็กน้อย ก็ถามอีกว่า &#8220;ได้ยินว่าก่อนทดสอบ หนิวโหย่วเต๋อกับหลงเฉิงลงนามสัญญาท้าสู้อะไรกันไว้ ไปถามคนในบ้านมาหรือยังว่าเรื่องเป็นยังไงกันแน่?&#8221;</p>
<p>&#8220;ให้ท่านผู้เฒ่าถามแล้วเจ้าค่ะ เป็นหลงเฉิงที่เข้าไปท้าทายก่อนเพราะความแค้นเก่า&#8230;&#8221; เอ๋อเหมยเล่าเรื่องที่เหมียวอี้กับเซี่ยโห้วหลงเฉิงลงนามสัญญากันอย่างละเอียดไม่มีผิดพลาด</p>
<p>&#8220;ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้…&#8221; หลังจากเซี่ยโห้วเฉิงอวี่พึมพำ ก็พยักหน้าครุ่นคิดช้าๆ พร้อมบอกว่า &#8220;หนิวโหย่วเต๋อกล้าหาญกับทัพใหญ่หนึ่งล้าน มีหรือที่จะกลัวหลงเฉิง ขนาดกับคนของตระกูลอิ๋งเขาก็ลงมืออย่างไม่เกรงใจเลย ดูออกเลยว่าหนิวโหย่วเต๋อก็ไม่สนใจตระกูลเซี่ยโห้วเหมือนกัน แต่กำลังกลัวข้า หนิวโหย่วเต๋อกำลังไว้หน้าข้า เป็นเพราะไม่อยากฆ่าหลงเฉิงให้ข้าลำบากใจ ถึงได้จงใจยั่วยุหลงเฉิงและคุมให้หลงเฉิงสงบได้ ถือว่ามีความตั้งใจ ดูออกเลยว่าเขาไม่ใช่แค่คนบ้าบิ่นที่รู้จักแต่ความกล้าที่ไร้สติปัญญา&#8221;</p>
<p>&#8220;พระนางวิเคราะห์ได้ถูกต้อง ท่านผู้เฒ่าก็คิดแบบนี้เช่นกัน บอกว่าตระกูลเซี่ยโห้วติดหนี้น้ำใจหนิวโหย่วเต๋อแล้ว&#8221; เอ๋อเหมยกล่าว</p>
<p>&#8220;นึกไม่ถึงว่าในการทดสอบที่ข้าจัดขึ้นครั้งนี้จะมีทหารกล้าเช่นนี้ ลมแรงพิสูจน์ต้นหญ้าที่ทนทาน ไฟร้อนพิสูจน์ท้องแท้จริงๆ หวังว่าเขาจะไม่ตายที่แดนอเวจีง่ายๆ นะ&#8221;</p>
<p>…………………………</p>

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด