พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1250 ตัดหัวประจาน

Now you are reading พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า Chapter 1250 ตัดหัวประจาน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ขนาดเขายังอยากจะตบหลัวชิงเยี่ยนหายตายด้วยฝ่ามือเดียวเลย จะเห็นได้ว่าราชันสวรรค์รู้สึกอย่างไร!

ตอนนี้เขานับว่าเข้าใจแล้วว่าลูกหลานผู้มีอำนาจพวกนี้กำเริบเสิบสานขนาดไหน ขนาดรู้ว่าเกาก้วนคุมการทดสอบยังกล้าปลอมแปลงตบตาแบบนี้อีก ถ้าดาบไม่จ่อคอก็ไม่รู้จักเลยว่าอะไรเรียกว่าหวาดกลัว จะเห็นได้เลยว่ายามปกติใช้ประโยชน์จากเส้นสายจนชินแล้ว เข้าออกทุกที่ได้สะดวก ถึงได้ลำพองใจจนลืมทุกอย่างไปหมด!

แต่จะว่าไปแล้ว พอหลัวชิงเยี่ยนถูกควบคุมตัวกลับไป จอมพลเถิงจะต้องคิดหาทางช่วยชีวิตหรือเปล่าล่ะ? ย่อมต้องคิดหาทางช่วยอยู่แล้ว จะต้องมีคนกลุ่มหนึ่งอ้างเหตุผลต่างๆ นาๆ มาแนะนำให้ราชันสวรรค์ถอดอำนาจการลงโทษออกมาจากมือเกาก้วนแน่นอน เปลี่ยนคนใหม่มาสืบสวนและตัดสิน สุดท้ายเรื่องใหญ่ก็จะกลายเป็นเรื่องเล็ก พอเป็นเรื่องเล็กแล้ว ตบตาทั้งข้างบนทั้งข้างล่างได้ก็สิ้นเรื่อง

พอเป็นแบบนี้ ถ้าเปลี่ยนตัวเองเป็นลูกหลานผู้มีอำนาจพวกนี้ อย่างไรเสียตอนสุดท้ายก็จะไม่เป็นอะไร ยังจะมีอะไรน่ากลัวอีกล่ะ? ปลอมแปลงผลงานตบตาแล้วจะเป็นไรไป?

เฮ้อ! เถิงเฟยแอบถอนหายใจเบาๆ ตอนนี้เขานับว่าคิดถึงปัญหานี้โดยยืนอยู่ในจุดเดียวกับราชันสวรรค์แล้ว เละเทะ! เละเทะจริงๆ! ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปจะต้องเละเทะหมดแน่! ถ้าเหตุการณ์แบบนี้ดำเนินต่อไป ถึงตอนนั้นก็รับประกันไม่ได้ว่าจะมีคนกล้าขัดคำสั่งเบื้องบน มองข้ามกฎระเบียบของตำหนักสวรรค์ เกรงว่าทั้งใต้หล้าคงจะเสียการควบคุมแล้ว จะให้ราชันสวรรค์ทำเป็นมองไม่เห็นได้อย่างไร?

จนกระทั่งทั่วท้องฟ้ามีแสงอาทิตย์ยามสายัณห์ หนึ่งพันแปดสิบแปดคนถึงได้มาครบ ของบนตัวพวกเขาถูกค้นยึดไปหมด หลังจากถูกควบคุมแล้วก็นั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น!

พอเห็นว่าเสียงเรียกชื่อเงียบลง ก็ไม่รู้ว่ามีคนมากมายเท่าไรในแอ่งกระทะที่ถอนหายใจอย่างแรง เซี่ยโห้วหลงเฉิงเอามือตบหน้าอกเบาๆ ยิงฟันยิ้มโง่ๆ ให้เหมียวอี้

ตอนนี้ทุกคนพอจะเดาได้แล้วว่าเป็นเรื่องอะไร เซี่ยโห้วหลงเฉิงกังวลมากว่าผลงานของเหมียวอี้จะเกิดปัญหาอะไรหรือเปล่า พอตอนนี้เห็นว่าไม่เป็นอะไรแล้ว ก็เรียกได้ว่าโล่งเหมือนยกภูเขาออกจากอก มองเหมียวอี้ด้วยแววตาที่เหมือนมองบิดาแท้ๆ ของตัวเอง

จุยหย่วนหันตัวออกจากริมหน้าผา เดินมาข้างกลุ่มคนที่ถูกคุมให้นั่งคุกเข่าเพื่อตรวจนับจำนวนแนะยืนยันตัวตน เสร็จแล้วถึงได้เดินลงบันไดมารายงานเกาก้วนว่า “นายท่าน ผู้เข้าร่วมทดสอบหนึ่งพันแปดสิบแปดคนที่ปลอมแปลงผลงานถูกควบคุมตัวไว้ครบแล้วขอรับ!”

“ผลักออกมา ตัดหัวประจาน!”

ไม่มีเค้าลางเลยแม้แต่น้อย น้ำเสียงของเกาก้วนสงบราบเรียบ แต่กลับทำให้คนรอบข้างขนพองสยองเกล้า

ขนาดพวกทหารยามที่ยืนนิ่งอยู่ตรงสองฝั่งบันไดยังอดไม่ได้ที่จะหันกลับมามองเขา ทุกคนล้วนสูดหายใจอย่างตกตะลึง ท่านทูตขวาหน้าตาย แบบนี้ไม่ใช่แล้วมั้ง?

แม้แต่จุยหย่วนก็ยังพลันเงยหน้า เขาอึกอักเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง ต้องทราบไว้ว่าคนที่จะโดนประหารไม่ใช่คนทั่วไป แต่เป็นลูกหลานผู้มีอำนาจของตำหนักสวรรค์พันกว่าคน!

โชคดีที่คนที่ถูกควบคุมตัวนั่งคุกเข่าอยู่ค่อนข้างไกล กอปรกับถูกควบคุมพลังอิทธิฤทธิ์ไว้ ดังนั้นจึงไม่ได้ยินคำพูดของเกาก้วน ไม่อย่างนั้นจะต้องตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อแน่นอน คงไม่ได้เห็นบางคนในนั้นสุมหัวกระซิบกระซาบกันหรอก เหมือนแน่ใจว่าคนทำผิดมีเยอะแล้วจะไม่ถูกลงโทษ!

“ช้าก่อน!” เถิงเฟยเอามือกดจุยหย่วนไว้ บอกใบ้ว่าอย่าเพิ่งประหาร เขาหันหน้าช้าๆ กลับมาจ้องเกาก้วน แล้วถามเสียงต่ำว่า “ทูตขวาเกา เจ้ารู้มั้ยว่าเจ้ากำลังทำอะไรอยู่?”

“ทูตคนนี้มีภาระหน้าที่ติดตัว ย่อมรู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่” เกาก้วนยังคงเย็นชา หันกลับมาสบตาพร้อมถามว่า “หรือว่าจอมพลเถิงต้องการจะขัดคำสั่งทูตคนนี้?”

“ไม่นับว่าขัดขวางหรอก แค่อยากจะโน้มน้าวให้ทูตขวาเกาไตร่ตรองดูอีกที!” เถิงเฟยชี้ไปยังกลุ่มคนที่นั่งคุกเข่า พร้อมกล่าวอย่างจริงจังว่า “ผู้ใหญ่ในครอบครัวของคนพวกนี้ล้วนเคยทุ่มชีวิตทำงานเพื่อราชันสวรรค์ เคยสร้างวีรกรรมในการสู้รบเพื่อให้ราชันสวรรค์บุกยึดใต้หล้า ต่อให้ไม่มีผลงานแต่ก็ลำบากทำงาน การผลักออกมาตัดหัวประจานไม่ถือว่าทำเกินไปหน่อยเหรอ?”

เกาก้วนทอดสายตามองไปไกล พลางถามอย่างไม่ทุกข์ร้อนว่า “แค่สร้างวีรกรรมในการสู้รบก็แปลว่าสามารถกำเริบเสิบสานได้แล้วเหรอ?”

“ถ้าเจ้าพูดแบบนี้ ข้าก็ไม่มีอะไรจะพูดแล้ว เจ้าไม่แม้แต่จะสืบสวนด้วยซ้ำ ผลักออกมาตัดหัวประจานโดยตรงเลย ทำงานหยาบเกินไป ไม่สอดคล้องกับเหตุผล!” เถิงเฟยกล่าว

“ข้าย่อมมีเหตุผลทที่ข้าไม่สืบสวน” เกาก้วนตอบ

เถิงเฟยชี้ไปยังกลุ่มคนที่คุกเข่า พร้อมเถียงแบบตาต่อตาฟันต่อฟันว่า “เจ้ามีเหตุผล พวกเขาก็มีเหตุผลเหมือนกัน อย่าบอกนะว่ามีเพียงเหตุผลของเจ้าเท่านั้นที่นับว่าเป็นเหตุผล?”

“งั้นจอมพลเถิงคิดว่าควรทำยังไงล่ะ?” เกาก้วนถามเสียงเรียบ

“เรื่องนี้จะทำอย่างสะเพร่าฉาบฉวยไม่ได้ อย่างน้อยก็ต้องสอบสวนก่อนแล้วค่อยว่ากัน!” เถิงเฟยตอบ

เกาก้วนเลิกคิ้วพร้อมทอดสายตามองไปไกล “ถ้าข้าไม่สืบสวนล่ะ? จอมพลเถิงดึงดันจะขัดขวางให้ได้เลยใช่มั้ย?”

“นับว่าขัดขวางไม่ได้หรอก เรื่องนี้ต้องขอคำชี้แนะจากราชันสวรรค์ก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ ก่อนจะถึงตอนนั้น ถ้าไม่มีคำสั่งของข้า ข้าก็อยากจะเห็นว่าใครกันจะกล้าฆ่าคนซี้ซั้วต่อหน้าข้า!” เถิงเฟยที่ตะคอกเสียงต่ำเหล่ตามองเกาก้วนอย่างดุร้าย เผด็จการเต็มที่ หยิบระฆังดาราอันหนึ่งออกมาแล้ว

เกาก้วนที่จ้องมองตรงที่ไกลๆ สายตาไม่วอกแวก ผ้าคลุมบ่าสีดำเริ่มสะบัดเองโดยไร้ลม เปลี่ยนเป็นถ่ายทอดเสียงห้ามว่า “จอมพลเถิง หลังจากหัวคนพวกนี้ร่วงลงพื้นแล้ว เรื่องราวก็จะผ่านไปเอง! ถ้าสืบสวนจนเจอผู้ที่อยู่เบื้องหลังคนพวกนี้จริงๆ เจ้าคิดว่าฝ่าบาทจะลงโทษพวกขุนนางที่เคยสร้างผลงานไว้ หรือว่าจะให้ขุนนางที่เคยสร้างผลงานเอาไว้พวกนั้นรวมหัวกันหลอกตบตาเขาต่อไปดีล่ะ? จอมพลเถิง เรื่องราวถูกเปิดโปงออกมาแล้ว ใช้กระดาษคลุมดับไฟไม่ได้หรอก เรื่องบางเรื่องฝ่าบาทสามารถหลับตาข้างเดียวได้ แต่เรื่องบางเรื่องฝ่าบาททนจนทนไม่ไหวแล้ว ข้าแนะนำว่าเจ้าอย่าทำให้ฝ่าบาททำงานลำบากเลย!”

คำพูดนี้ทำให้เถิงเฟยหัวใจกระตุกวูบ สิ่งที่ทำให้เขาตกใจกว่านั้นก็คือ เขาพบว่าการตัดสัญญาณของที่นี่ถูกคลายตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้ เขาติดต่อราชันสวรรค์ได้แล้ว แต่ทางราชันสวรรค์ไม่ตอบอะไรเลย

หรือพูดได้อีกอย่างว่า มีความเป็นไปได้ว่าคนที่นี่จะเคยติดต่อกับภายนอกแล้ว เถิงเฟยหันขวับกลับมามองเกาก้วน นึกเชื่อมโยงได้ว่าก่อนหน้านี้เกาก้วนหลบเข้าไปในตำหนักครู่หนึ่ง ประกอบกับทางราชันสวรรค์ที่ชักช้าไม่มีการตอบกลับ บวกกับกับคำพูดของเกาก้วนเมื่อครู่นี้ ทำให้เขาถามอย่างตกตะลึงปนประหลาดใจทันที “นี่คือเจตนาของฝ่าบาทเหรอ?”

เกาก้วนเอียงหน้ามองมา แล้วทำสายตาดุร้ายพร้อมเตือนว่า “ในฐานะที่ข้าเป็นทูตขวาตรวจการของตำหนักสวรรค์ เมื่อพบคนท่ทำไม่ถูกต้อง ก็มีอำนาจที่จะประหารก่อนแล้วค่อยรายงาน! เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับฝ่าบาท เป็นเจตนาของข้าเอง และเป็นหน้าที่ของเกาคนนี้ด้วย ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นเกาจะรับไว้คนเดียว จอมพลเถิงยังมีคำถามอะไรอีกมั้ย?”

เถิงเฟยจ้องเขาอย่างไม่ละสายตา มุมปากกระตุกอย่างรุนแรง เก็บระฆังดาราในมืออย่างเงียบๆ คำพูดดุดันที่เพิ่งพูดไปเมื่อครู่นี้ก็ต้องกัดฟันกลืนกลับไป เรื่องบางเรื่องทุกคนรู้ดีอยู่แก่ใจ ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรให้ชัดเจนขนาดนั้น

เกาก้วนพลันหันกลับมา แล้วตะคอกสั่งจุยหย่วนที่หยุดชักช้าไปชั่วคราว “เจ้ายังรออะไรอยู่อีก? ประหาร!”

จุยหย่วนตกใจอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นว่าเถิงเฟยที่เพิ่งพูดจาดุดันไม่มีความเห็นแย้งอะไรแล้ว เขายังจะกล้าพูดอะไรได้อีก จึงรีบกุมหมัดคารวะเอ่ยรับคำสั่งทันที “รับทราบ!”

เถิงเฟยถอนหายใจแล้ว แล้วบอกว่า “เกาก้วน อย่าหาว่าข้าไม่เตือนเจ้านะ ถ้าเจ้าเป็นแบบนี้ต่อไป คงจะไม่ได้มีจุดจบที่ดีอะไรหรอก ต้องมีสักวันที่เจ้าจะไม่ได้ตายดี ถึงตอนนั้นไม่มีใครช่วยพูดให้เจ้าหรอกนะ รวมทั้งฝ่าบาทด้วย!”

เกาก้วนกล่าวอย่างไม่ทุกข์ร้อนว่า “จุดจบของข้าจะเป็นอย่างไร ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าเตือนหรอก…ตราบใดที่ฝ่าบาทสามารถครองอำนาจได้อย่างมั่นคงตลอดไป ความเป็นความตายของเกาก้วนคนเดียวก็ไม่ควรค่าแก่การกังวล!”

เถิงเฟยกระตุกมุมปากอีกครั้ง พบว่าถ้าอยู่กับคนที่ไม่เห็นใจคนอื่นแบบนี้ ไม่ว่าจะพูดอะไรไปก็เปล่าประโยชน์!

ผ่านไปม่นาน ผู้เข้าร่วมทดสอบที่ปลอมแปลงผลงานก็ถูกลากมาไว้ริมหน้าผา ถูกกดให้คุกเข่าหันหน้าเข้าหาคนหลายแสนในแอ่งกระทะ

คนที่อยู่ข้างล่างเพิ่งจะนั่งลงได้ไม่นาน พอเห็นภาพเหตุการณ์บนภูเขาก็ทยอยกันลุกขึ้นมาอีก ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น พากันเบิกตากว้างมองขึ้นไป

“ประหาร!” พอจุยหย่วนที่อยู่บนหน้าผาออกคำสั่ง

ร้อยคนที่ถูกจับกดให้นั่งคุกเข่าอยู่ริมหน้าผาก็ยังไม่ทันรู้ตัวว่าอะไรเป็นอะไร มีคนหันกลับไปมอง พบว่าดาบที่ใช้ตัดหัวยกสูงขึ้นแล้ว เรียกได้ว่าตกใจแทบแย่ ยังไม่ทันได้กรีดร้องด้วยซ้ำ ท่ามกลางเสียงอุทานตกใจของคนข้างล่าง มีเสียงฉึกๆ ดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า

ชั่วพริบตานั้น ศีรษะของคนจำนวนหนึ่งร้อยโดนฟันปลิวตกลงมาด้านล่างหน้าผา เลือดร้อนๆ หลายสายพุ่งขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง

คนหลายแสนที่อยู่ด้านล่างภูเขาแตกตื่น เหมียวอี้มองภาพเหตุการณ์ด้านบนอย่างตะลึงค้าง

เชือกมัดเซียนร้อนเส้นถูกเก็บ เพชฌฆาตหนึ่งร้อยคนเตะหนึ่งที ทำให้ศพที่ยังมีเลือกทะลักหล่นลงด้านล่างยอดเขา เปลี่ยนตัวนักโทษอีกชุดจำนวนร้อยคนให้มานั่งเรียงแถวคุกเข่าตรงริมหน้าผา

เมื่อเห็นว่าเอาจริงแล้ว เห็นว่าต้องการจะประหารพวกเขาจริงๆ คนที่อยู่ข้างหลังก็เริ่มอยู่สงบไม่ได้ เมื่อเผชิญหน้ากับความตาย ไม่ว่าภูมิหลังวงศ์ตระกูลอะไรก็กลายเป็นของจอมปลอมไปหมด พวกเขาตกใจจนขวัญกระเจิงแล้วจริงๆ

“โปรดไว้ชีวิต!”

“ข้าสำนึกผิดแล้ว!”

“ประหาร!” ท่ามกลางเสียงร้องขอชีวิต จุยหย่วนออกคำสั่งอีกครั้ง

ตรงริมหน้าผามีเลือดร้อนๆ พุ่งออกมาเต็มไปหมด มีศีรษะอีกร้อยใบปลิวตกลงข้างล่าง

กลุ่มคนข้างหลังที่ยังไม่โดนประหารก็ตกใจจนร้องขอชีวิตดังเป็นแถบ ดิ้นรนเอาชีวิตรอดอยู่อย่างนั้น แต่พลังอิทธิฤทธิ์ถูกระงับควบคุมไว้ คนที่เฝ้าพวกเขาใช้พลังอิทธิฤทธิ์นิดหน่อยก็สามารถกดให้พวกเขาขยับไปไหนไม่ได้แล้ว ถ้าคิดจะหนีก็เป็นไปไม่ได้เลย

“ปล่อยข้านะ! เกาก้วน เจ้ารู้มั้ยว่าพี่เขนของข้าเป็นใคร?”

“พวกเราทำอะไรผิดกันแน่ ทำไมไม่สอบสวนก่อน?”

“ขุนนางโจรเกาก้วน เจ้าใช้อำนาจเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัว เจ้าต้องไม่ตายดี!”

“นี่เป็นการใส่ร้าย! โจรสุนัขเกาก้วน เจ้ากำลังใส่ร้ายข้า! จอมพลเถิง ใจคนอยู่ที่ไหน ความยุติธรรมอยู่ที่ไหน?”

“เกาก้วน เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาฆ่าพวกเรา? ข้าอยากเห็นคำสั่ง ถ้าไม่มีคำสั่งประหารชีวิต เจ้าก็ไม่มีสิทธิ์ฆ่าพวกเรา จอมพลเถิงได้โปรดรักษาความยุติธรรม!”

เมื่อเห็นว่าขอร้องแล้วไม่ได้ผล คนแต่ละกลุ่มที่ถูกลากไปประหารก็เรียกได้ว่าทั้งด่าทั้งถาม

เกาก้วนคุ้นชินกับสิ่งเหล่านี้จนกลายเป็นเรื่องปกติแล้ว สีหน้าเรียบนิ่งเหมือนลูกคลื่นที่สงบ มองด้วยความเย็นชา

“ลุงเขย! ช่วยข้าด้วย! ช่วยข้าด้วย! ลุงเขย! ข้าคือชิงเยี่ยนไง รีบช่วยข้าสิ ลุงเขย ข้าไม่อยากตาย…” ในที่สุดเสียงกรีดร้องของหลัวชิงเยี่ยนก็ดังขึ้น ตอนนี้มาบอกว่าเสียใจทีหลังก็สายไปแล้ว กำลังโดนคนลากไปที่ริมหน้าผา นางร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรพร้อมแหกปากตะโกนเรียกเถิงเฟยที่ยืนอยู่บนบันได

ได้แต่มองหลัวชิงเยี่ยนโดนจับกดไปนั่งคุกเข่าที่ริมหน้าผา จอมพลเถิงกัดริมฝีปากแน่น สองมือกำหมัดแน่น หลับตาลงสองข้าง ทนมองต่อไปไม่ไหวแล้ว

เสียง ‘ฉึก’ ดังต่อเนื่องครั้งแล้วครั้งเล่า เถิงเฟยลืมตามองโดยจิตใต้สำนึก หลัวชิงเยี่ยนที่หน้าตางดงามไม่ธรรมดาไร้ศีรษะไปแล้ว ทั้งคอเต็มไปด้วยเลือดอุ่นร้อนที่กำลังทะลักขึ้นมา ร่างไร้ศีรษะถูกคนเตะลงเขาไปแล้ว ใต้ดาบประหารไม่เคยอ่อนโยนกับสาวงามเลยสักนิด ไม่สนว่าเจ้าจะเป็นสาวงามหรือไม่ ไม่สนว่าตอนมีชีวิตเจ้ายังได้รับความรักมากขนาดไหน ทันทีที่ลงดาบ ศีรษะก็กระเด็นไปแล้ว ตายไปแล้วอีกคน!

สามงามที่โดนตัดหัวประจานตรงนั้นไม่ได้มีแค่หลัวชิงเยี่ยนคนเดียว คนที่สวยกว่าหลัวชิงเยี่ยนก็มี แต่จนใจที่ความสวยทำให้ได้เปรียบเฉพาตอนมีความรัก แต่ไม่มีค่าเมื่ออยู่ที่นี่

หนึ่งพันแปดสิบแปดคน ประหารต่อเนื่องกันสิบชุด ประหารจนครบหมดแล้ว

“นายท่าน ประหารครบหมดแล้วขอรับ!” จุยหย่วนหันกลับมากุมหมัดรายงานผลงาน

กลุ่มคนที่อยู่บนหน้าผามองไปที่เกาก้วนด้วยสายตาที่รู้สึกขวัญหนีดีฝ่ออย่างเห็นได้ชัด ศีรษะของลูกหลานผู้มีอำนาจมากมายขนาดนี้ ยังไม่ทันประกาศข้อหาก็ตัดทิ้งไปแบบนี้เลยน่ะเหรอ? โค่วเหวินชิงที่อยู่ในกลุ่มนั้นได้เห็นศีรษะของลูกหลานผู้มีอำนาจมากมายขนาดนี้เป็นครั้งแรก ทำให้นางรู้สึกหนาวๆ ที่คอ อยากจะรีบหลบให้ไกลจากเกาก้วน

เกาก้วนพยักหน้าเบาๆ ทำเหมือนไม่เคยเกิดเรื่องอะไรมาก่อน เพียงกล่าวเสียงเรียบว่า “เรียบเรียงผลการทดสอบเดี๋ยวนี้ หลังจากผลคะแนนออกมาแล้ว ก็ติดประกาศทันที ถ้ามีข้อสงสัยเกี่ยวกับอันดับก็อนุญาตให้แถลงแก้ข้อกล่าวหาได้ตรงนั้นเลย!”

“ขอรับ!” จุยหย่วนเอ่ยรับคำสั่งแล้วจัดการอย่างรวดเร็ว

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด