พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1296 เริ่มกระจายเครือข่าย

Now you are reading พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า Chapter 1296 เริ่มกระจายเครือข่าย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 ไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่เต็มใจ แต่สุดท้ายเหมียวอี้ก็ยังไม่ปฏิเสธไต้ซือศีลเจ็ด สาเหตุสำคัญเป็นเพราะอีกฝ่ายเป็นสหายของเทพพยากรณ์ ถ้าเจ้าไม่ตอบตกลงอีกฝ่าย สักวันหนึ่งอีกฝ่ายก็ไปกับเทพพยากรณ์ได้อยู่ดี

ทางนี้เพิ่งจะสั่งให้คนจัดหาที่พักให้ไต้ซือศีลเจ็ด ขณะกำลังเอามือไขว้หลังเดินไปเดินมาอยู่ใต้ต้นไม้ เหยียนซิวก็ทำลับๆ ล่อๆ เข้ามาใกล้อีก “นายท่าน หลังจากข้าน้อยไปพิภพใหญ่แล้ว จะทำอย่างไรกับจูเก๋อชิงที่อยู่ตำหนักประมุขถิ่นกลาง?”

เหมียวอี้อึ้งไปชั่วขณะ ถ้าเหยียนซิวไม่เอ่ยถึง เขาก็แทบจะลืมผู้หญิงที่เคยมีความสุขด้วยกันหนึ่งคืนไปแล้ว ความงดงามที่อยู่หลังผ้ามุ้งบางเป็นสิ่งที่หาพบได้ยากในโลกนี้จริงๆ หน้าตางดงามจนฉีนซีเทียบไม่ติด แค่นั้นก็รู้แล้วว่าสวยขนาดไหน สรุปก็คือเป็นหนึ่งในผู้หญิงที่สวยที่สุดในบรรดาผู้หญิงที่เขาเคยเจอมา

ตอนนี้จูเก๋อชิงถูกอวิ๋นจือชิวกักบริเวณไว้ที่ตำหนักประมุขถิ่นกลาง ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากอวิ๋นจือชิว เหมียวอี้ก็ไม่สะดวกจะปล่อยนางออกมาจริงๆ เรื่องแบบนี้เกี่ยวข้องกับปัญหาความซื่อสัตย์เชื่อใจระหว่างสามีภรรยา คงไม่ดีหากจะทำลายความรู้สึกระหว่างสามีภรรยาเพียงเพราะจูเก๋อชิงคนเดียว ที่จริงทางอวิ๋นจือชิวก็ยังคุยง่ายหน่อย อย่างน้อยก็ไม่เอาชีวิตของจูเก๋อชิง แต่คนอื่นนั้นพูดยาก เพราะเคยเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นแล้ว วางยาพิษเหมือนกัน!

สาเหตุของเรื่องนี้เป็นเพราะจูเก๋อชิงไม่ได้อยู่ที่ตำหนักประมุขถิ่นกลางอย่างสงบได้นานนัก ตอนหลังคิดหาทางให้ทหารยามช่วยนางส่งข้อความให้เหมียวอี้

ผลลัพธ์เกิดขึ้นเร็วมาก มีคนวางยาพิษในอาหารที่ส่งมาให้จูเก๋อชิง แต่ที่โชคดีก็คือ ในบรรดานักพรตปีศาจที่เฝ้าอยู่มีคนแอบกินอาหารของจูเก๋อชิงมาเป็นเวลานานแล้ว ขอเพียงเป็นอาหารที่ส่งมาก็จะถือโอกาสหยิบฉวยไว้เล็กน้อย ผลปรากฏว่าปีศาจเล็กๆ ที่แอบขโมยกินอาหารโดนยาพิษตายก่อน

พอเป็นแบบนี้ กลับทำให้จูเก๋อชิงตกใจมาก ในที่สุดก็อยู่อย่างว่านอนสอนง่ายแล้ว

หลังจากอวิ๋นจือชิวที่อยู่พิภพใหญ่ได้รู้ข่าว ก็สั่งให้คนสืบหาทันที ผลปรากฏว่าสืบไม่เจอผลลัพธ์ใดๆ เบาะแสที่เกี่ยวข้องก็ถูกคนตัดขาดได้ทันเวลาหมดแล้ว

ถึงแม้จะสืบไม่เจอผลลัพธ์อะไร แต่อวิ๋นจือชิวกลับให้คำตอบเหมียวอี้ว่า : จูเก๋อชิงไม่มีอำนาจอิทธิพลหนุนหลัง แต่กลับคิดเพ้อฝันเหลวไหล กอปรกับที่นางสวยเกินไป นี่ก็คือเหตุผลที่มีคนลงมือเล่นงานนาง!

ตอนนั้นเหมียวอี้ยังอยู่ที่แดนอเวจี

ส่วนทางด้านจูเก๋อชิง ยามปกติก็มีเหยียนซิวคอยแอบดูแลและจัดหาทรัพยากรฝึกตนให้ ตอนนี้จะย้ายเหยียนซิวไปที่พิภพใหญ่แล้ว คนอื่นๆ เกรงว่าจะดูแลความปลอดภัยให้จูเก๋อชิงได้ลำบาก ถึงอย่างไรทุกคนก็รู้ว่าเหยียนซิวคือลูกน้องคนสนิทของเหมียวอี้

แต่ถ้าเขาเคลื่อนไหวใหญ่โตเพื่อจูเก๋อชิงคนเดียว แล้วจะให้กลุ่มอนุภรรยาในบ้านคิดอย่างไร? เหมียวอี้คิดไปคิดมา ก่อนจะถอนหายใจแล้วบอกว่า “เรื่องนี้เจ้าไปให้ฮูหยินเตรียมการเถอะ”

“ขอรับ!” เหยียนซิวเอ่ยรับแล้วเดินออกไป

แต่ไปได้ไม่นานก็กลับมาแล้ว มารายงานว่า “ฮูหยินให้ข้ามาบอกนายท่าน ว่านางเป็นคนนอกคนหนึ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกัน ไม่ใช่คนที่นายท่านควรจะเป็นห่วง”

เหมียวอี้พูดไม่ออก รู้ทันทีว่าตัวเองทำเรื่องโง่ๆ ไปแล้ว การให้เมียตัวเองคิดหาทางปกป้องดอกไม้ริมทางที่ตัวเองไปเด็ดมา คาดว่าผู้หญิงคนนี้คงจะเดือดดาลจนไฟลุกสามจั้งแล้ว

เมื่อรออยู่นานแล้วไม่เห็นนายท่านมีปฏิกิริยาอะไรเสียที เหยียนซิวก็ถามหยั่งเชิงอีกว่า “จ้าวเฟย ซือคงอู๋เว่ยและบรรดาสหายเก่าของนายท่านเคยมาขอเยี่ยมนายท่านได้ครั้งแล้ว แต่ช่วยไม่ได้ที่นายท่านไม่อยู่เลย ตอนนี้นายท่านกลับมาแล้ว จะให้แจ้งพวกเขามั้ยขอรับ?” เขารู้ว่าเหมียวอี้เป็นคนมีคุณธรรมน้ำมิตร ดังนั้นจึงเตือนให้รู้สักหน่อย

เหมียวอี้ได้สติกลับมา แล้วก็เงียบไปอีกสักพัก หลังจากผ่านประสบการณ์เรื่องบางอย่างมา ตอนนี้เขาจำเป็นต้องยอมรับว่าคำพูดบางอย่างของอวิ๋นจือชิวก็มีเหตุผลเหมือนกัน

ต่อให้เขาจะกระเป๋าลึกกว่านี้แต่ก็เลี้ยงทุกคนไม่ไหว ยกตัวอย่างเช่นลูกน้องอย่างสวีถังหราน ยามปกติไม่จำเป็นต้องให้เหมียวอี้จ่ายอะไรให้ แต่ก็ยังทำงานให้เหมียวอี้อย่างจงรักภักดีเหมือนเดิม เวลาที่เหมียวอี้จำเป็นต้องควักกระเป๋า ก็เป็นตอนที่มอบรางวัลให้ แบบนี้ถึงจะสมเหตุสมผล สิ่งที่เหมียวอี้ต้องทำก็คือสร้างตำแหน่งที่ทำให้ทุกคนสามารถพึ่งพาความสามารถตัวเองในการเลี้ยงชีพได้ สร้างกลุ่มผลประโยชน์ที่สามารถทำให้ทุกคนได้หมุนเวียนรับผลประโยชน์ในทางบวกได้ ไม่ใช่ว่าเขาคนเดียวจะสามารถควักเงินเลี้ยงไหวเหมือนเลี้ยงเหล่าภรรยา

ยกตัวอย่างเช่นฝูชิงและพวกอิงอู๋ตี๋ พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องให้เหมียวอี้ควักเงินจากกระเป๋ามาเลี้ยงเช่นกัน

ส่วนสหายเก่าพวกนั้นเขาก็อยากจะดูแล แต่ถ้ามองจากสภาพความเป็นจริง ฐานะของทุกคนห่างกันเกินไปแล้ว เขาสามารถอุ้มชูประคับประคองได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ตอนนี้จิตใจและกำลังของเขาไม่ได้อยู่ที่ตัวคนพวกนั้นแล้ว คนที่จะไปร่วมบุกยึดใต้หล้ากับเขาจะต้องเป็ยคนที่ตามจังหวะการก้าวเดินของเขาทัน คนที่ตามเขาไม่ทันจะต้องถูกเขานำหน้าแซงไป

ตอนนี้ฐานะของทุกคนต่างกันเกินไป ต่อให้เจอกันก็ได้แค่กินดื่มด้วยกันเท่านั้น ที่สำคัญเป็นเพราะเขาเริ่มจะตัดใจจากสหายเก่าพวกนั้นไม่ได้แล้ว คนที่อยู่ข้างกายเขาในตอนนี้ แค่เลือกใครมาสักคนก็สามารถทำให้พวกเขาพะว้าพะวงเหมือนนั่งอยู่บนพรมเข็มได้ ถ้าอยากจะรักษาความสัมพันธ์ของมิตรสหายต่อไป ทุกคนก็เจอหน้ากันน้อยๆ หน่อยจะดีกว่า ถ้าเป็นแบบนั้นมิตรภาพจะยังคงอยู่ ไม่อย่างนั้นจะเป็นเหมือนพวกฝูชิง จากพี่น้องร่วมสาบานก็ต้องกลายเป็นลูกน้อง

“ช่างเถอะ รอตอนหลังมีโอกาสแล้วค่อยว่ากัน” เหมียวอี้โบกมืออย่างค่อนข้างจนใจ…

“พี่สาว พี่เขย!”

อวิ๋นรั่วซวงยกกระโปรงวิ่งเข้ามาในตำหนักอย่างตื่นเต้นดีใจ วิ่งมาลอบยิ้มอยู่ข้างกายอวิ๋นจือชิวพักหนึ่ง แล้วก็ยื่นศีรษะไปตรงหน้าเหมียวอี้อีก ดวงตากลมโตสองข้างยิ้มจนหยีกลายเป็นวงพระจันทร์เสี้ยว บนแก้มสองข้างมีลักยิ้ม ยิ้มจนเผยฟันขาวดุจหิมะเต็มปาก “พี่เขย ท่านพูดคำไหนคำนั้นใช่มั้ย?”

คนกลุ่มใหญ่เตรียมตัวจะออกเดินทางไปที่พิภพใหญ่แล้ว ขณะกำลังอธิบายเรื่องที่ต้องระวังเมื่อไปถึงพิภพใหญ่ ก็นึกไม่ถึงว่าอวิ๋นรั่วซวงจะโผล่มาในเวลานี้

พอเหมียวอี้เห็นนางก็นึกถึงผู้ชายบางคนที่มีขนงอกบนไฝ คนคนนั้นค่อนข้างไว้ใจไม่ได้ และนึกขึ้นได้เช่นกันว่าการที่นางพูดแบบนี้หมายความว่าอะไร เขาจึงหันหน้าเดินหนี “ข้าไม่ได้รับปากอะไรเจ้านะ ไปถามพี่สาวเจ้าสิ”

อวิ๋นรั่วซวงกอดแขนอวิ๋นจือชิวทันที “พี่สาวคะ! ท่านคงไม่กลับคำพูดใช่มั้ย?”

อวิ๋นจือชิวค่อนข้างลำบากใจ ถ้าเปลี่ยนเป็นตอนแรกนางย่อมตอบตกลงอยู่แล้ว แต่หลังจากเกิดเรื่องที่ตระกูลอวิ๋นทำผิดต่อเหมียวอี้ที่นรก นางก็ไม่สะดวกจะตอบตกลงแล้ว ตระกูลอวิ๋นเป็นฝ่ายผิด นางเองก็กลัวว่าจะยั่วให้เหมียวอี้ไม่พอใจเช่นกัน

ดังนั้น จู่ๆ นางก็สับฝ่ามือไปที่หลังคอของอวิ๋นรั่วซวง อวิ๋นรั่วซวงทำสีหน้าตกตะลึงมากทันที ในความตกตะลึงนั้นเจือด้วยความเศร้าโศกคับแค้น ราวกับกำลังบอกว่าพวกท่านพูดจาไม่เป็นคำพูด…ก่อนจะตาเหลือกล้มลง

อวิ๋นจือชิวยื่นมือประคองไว้ แล้วกำชับบอกคนข้างๆ ว่า “แจ้งให้คนของนภาจอมมารมารับตัวนางกลับไป”

ดาวเทียนหยวน ยังไม่ทันถึงที่หมาย บนดาวเคราะห์รกร้างดวงหนึ่งที่สามารถมองเห็นดาวเทียนหยวนไกลๆ เหมียวอี้และและอวิ๋นจือชิวที่เหาะเดินทางมาเป็นระยะเวลานานเหยียบลงบนนั้น

เหมียวอี้เรียกไต้ซือศีลเจ็ดออกมาจากกระเป๋าสัตว์ แล้วชี้ไปที่ดาวเทียนหยวนพร้อมบอกว่า “ไต้ซือ อาณาเขตของข้าอยู่ตรงหน้าใกล้ๆ นี้แล้ว จะไม่ไปดูจริงๆ เหรอ?”

ไต้ซือศีลเจ็ดประนมมือตอบว่า “เคยได้ยินสถานการณ์ของที่นี่แล้ว ที่อาณาเขตโยมมีคนจากลัทธิพุทธไปมาหาสู่น้อยมาก เกรงว่าจะสร้างปัญหาให้ท่านปราชญ์ เดี๋ยวอาตมาจะไปตาหาศีลแปดเองศีลแปด”

อวิ๋นจือชิวที่อยู่ข้างกันถามว่า “ไต้ซือเตรียมจะใช้วิธีการไหนตามหา? ถ้าหาเรื่อยเปื่อยอย่างไร้จุดหมาย พิภพใหญ่กว้างขวางมาก เกรงว่าจะยากกว่างมเข็มในมหาสมุทร”

“อามิตตาพุทธ!” ไต้ซือศีลเจ็ดตอบว่า “วิชาศีลเป็นวิชาที่สืบทอดได้เพียงคนเดียว การฝึกวิชาศีลล้วนต้องอาศัยต้นกำเนิดพลังอิทธิฤทธิ์ของผู้อาวุโสเพื่อเป็นเมล็ดพันธุ์ แล้วปลูกเข้าไปในร่างกายลูกศิษย์เพื่อเริ่มต้นฝึกฝน มันจะค่อยๆ แตกกิ่งก้านเติบโตจนออกดอกออกผล ไม่เหมือนวิชาอื่นที่ต้องพึ่งตัวเองในการฝึกจนเกิดต้นกำเนิดพลังอิทธิฤทธิ์ครั้งแรก วิชานี้เรียกได้ว่าถ่ายทอดทักษะต่อกันมารุ่นแล้วรุ่นเล่า ด้วยเหตุนี้เอง ขอเพียงอาตมาเข้าใกล้อาณาเขตที่ศีลแปดอยู่ อาตมาก็ย่อมสัมผัสถึงเขาได้ เพียงแต่บนตัวอาตมาไม่มีของที่เอาไว้ใช้ข้ามผ่านประตูดวงดาว เกรงว่าต้องให้โยมทั้งสองทำบุญให้สักหน่อย”

“ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้!” สองสามีภรรยาเข้าใจในทันที เหมียวอี้ไม่พูดพร่ำทำเพลง จัดการนำกำไลเก็บสมบัติวงหนึ่งออกมา ใช้สองมือยื่นให้พร้อมบอกว่า “ดาราจักรกว้างใหญ่ ต่อให้ไต้ซือมีพลังอภินิหาร แต่เกรงว่าจะต้องตามหาจนรองเท้าสึก เพื่อป้องหันไม่ให้เจ้านอกคอกนั่นทำให้ไต้ซือลำบาก นี่คือแผนที่ดาวที่ใช้แยกแยะทิศทางของพิภพใหญ่ ถ้าไต้ซือพบตัวศีลแปดแล้ว กรุณาแจ้งให้ข้าทราบทันที”

ไต้ซือศีลเจ็ดรับของของมา แล้วประนมมือกล่าวขอบคุณทั้งสอง เขาไม่ได้พูดอะไรมากอีก เหาะเข้าไปในจุดลึของดาราจักรอันกว้างใหญ่เพื่อตามหาลูกศิษย์เพียงหนึ่งเดียวที่สืบทอดวิชาของตัวเองแล้ว

กระทั่งหลังจากนั้นพักหนึ่ง เหมียวอี้ก็หยิบระฆังดาราออกมาติดต่อกับทางตลาดสวรรค์ อวิ๋นจือชิวก็เรียกพวกสงเวยออกมาจากกระเป๋าสัตว์เช่นกัน

ผ่านไปไม่นานนัก ฝูชิงกับอิงอู๋ตี๋ก็นำคนจำนวนหนึ่งเหาะมาถึงอย่างรวดเร็ว

“พี่ใหญ่!”

“น้องสี่!”

หลังจากเหาะลงมาเหนียบพื้นแล้ว พวกเขากับสงเวย หงเทียนก็ทุบอกตบบ่าทักทายกัน สหายเก่าได้พบกันอีกครั้ง ต่างก็ตื่นเต้นดีใจไม่หาย

ครั้งนี้ประมุขถิ่น พวกราชาปีศาจของทะเลดาวนักษัตรมาที่นี่แทบทั้งหมด พวกแม่ทัพปีศาจก็เลือกคนที่ไว้ใจได้มาประมาณร้อยกว่าคน

เหมียวอี้ไม่อยากกังวลใจกับปัญหาเรื่องรักษาความลับ ถ้าประมุขถิ่นสี่ทิศไม่อยากทำลายอาชีพที่พิภพใหญ่ให้พังในรวดเดียว ก็ย่อมต้องคิดหาทางควบคุมอย่างเข้มงวดอยู่แล้ว เหมียวอี้เดินมาถึงทุกวันนี้ได้ เบื้องล่างมีลูกน้องมากมายขนาดนั้น เขาคนเดียวก็ไม่สามารถควบคุมทุกคนอย่างเข้มงวดได้เหมือนกัน ทำได้เพียงแบ่งอำนาจให้คนเบื้องล่างจัดการ

หลังจากคุยกันถึงเรื่องในอดีตนิดหน่อย พวกเขารวมทั้งหยางชิ่ง เหยียนซิวและหยางเจาชิงก็แบ่งกลุ่มกันทันที แล้วเลี่ยหวนกับราชาปีศาจคนอื่นๆ ก็พาเหาะไปยังจุดลึกในดาราจักร

พวกเขาแบ่งกลุ่มกันไปหา ฝานอวี้เฟย หลัวชิ่งจื่อ หมานซาน หลู่ต๋าไค เจี่ยงจ้งเซิน แล้วก็ยังมีโค่วเหวินหลานด้วย

ถ้าคิดจะเข้าทำงานที่ตำหนักสวรรค์ นอกจากจะต้องปั้นเรื่องสร้างพื้นเพภูมิหลังให้น่าเชื่อถือแล้ว ยังต้องให้คนระดับผู้บัญชาการใหญ่สามคนเขียนจดหมายแนะนำด้วย เมื่อเกิดเรื่องขึ้นคนพวกนี้ก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบ และเหมียวอี้คนเดียวก็ไม่มีทางทำให้คนมากมายขนาดนั้นเข้าทำงานในตำหนักสวรรค์ได้ สาเหตุที่ตอนแรกพวกฝูชิงเข้ามาได้อย่างราบรื่นนั้นเป็นเพราะโค่วเหวินหลาน ด้วยเส้นสายของโค่วเหวินหลาน การจะหาคนมาเขียนจดหมายแนะนำให้ก็ย่อมไม่ใช่ปัญหา แต่ตอนนี้มีนักพรตปีศาจมากขนาดนี้ ถ้าจะผลักไปให้โค่วเหวินหลานคนเดียว ก็คงยากที่จะไม่ให้คนอื่นสงสัย จึงต้องแบ่งกลุ่มกันไป

เหมียวอี้ติดต่อโค่วเหวินหลานกับพวกฝานอวี้เฟยไว้ล่วงหน้าแล้ว กับโค่วเหวินหลานมีความสนิทสนมกันในวันเก่าๆ ส่วนพวกฝานอวี้เฟยก็ติดหนี้นำใจเขา ต่างก็ตอบตกลงว่าขะช่วยเหลือแล้ว ทุกคนต่างก็รู้ว่าเหมียวอี้ล่วงเกินคนอื่นไว้เยอะเกินไป ถ้าอยากจะไปหาคนอื่นให้ช่วยก็ค่อนข้างยากลำลาก

ส่วนทางด้านเซี่ยโห้วหลงเฉิง ก่อนหน้านี้ตอนอยู่ที่พิภพใหญ่ เขาเล่าสถานที่ของทางนี้ให้หยางชิ่งฟังอย่างเป็นทางการ หยางชิ่งแนะนำว่าอย่าให้เซี่ยโห้วหลงเฉิงเขียนจดหมายแนะนำ รอให้ทุกคนได้ฐานะขุนนางตำหนักสวรรค์มาก่อน แล้วค่อยยัดคนส่วนหนึ่งไปเป็นลูกน้องใต้บังคับบัญชาเซี่ยโห้วหลงเฉิง สานตาข่ายกระจายกำลังคน อย่าให้ทุกคนมารวมตัวอยู่ด้วยกัน ไม่อย่างนั้นถ้าดาวเทียนหยวนมีนักพรตปีศาจมากเกินไป ไม่ช้าก็เร็วที่คนอื่นจะต้องสงสัย

สิ่งที่หยางชิ่งจะสื่อก็คือ ให้ทุกคนได้ฐานะของขุนนางตำหนักสวรรค์มาก่อน แล้วให้ทำงานอยู่ใต้บังคับบัญชาโค่วเหวินหลานกับพวกฝานอวี้เฟยชั่วคราว จะมีตำแหน่งหรือไม่ก็ไม่สำคัญ ที่สำคัญคืออย่าเพิ่งให้คนทางนี้รู้ว่าพวกเขาคือคนของเหมียวอี้ และเหมียวอี้ก็ล่วงเกินคนของตำหนักสวรรค์ไว้เยอะเกินไป คาดว่าพวกฝานอวี้เฟยคงไม่เที่ยวประกาศไปเรื่อยว่าพวกเรากำลังช่วยเหลือหนิวโหย่วเต๋ออยู่

คนที่จะให้กลับมารับตำแหน่งที่ดาวเทียนหยวน ก็ให้ไปสร้างประวัติส่วนตัวกับโค่วเหวินหลาน ส่วนคนที่เหลือที่ไปสร้างประวัติส่วนตัวกับพวกฝานอวี้เฟย ก็ให้ใช้ประโยชน์จากภูมิหลังที่ยิ่งใหญ่และนิสัยที่อันธพาลของเซี่ยโห้วหลงเฉิง ให้เซี่ยโห้วหลงเฉิงรับคนไปแล้วจับยัดไปที่ตลาดสวรรค์แต่ละที่ในสังกัดจวนแม่ทัพภาคตงหัว อาศัยหน้าของเซี่ยโห้วหลงเฉิง การให้ช่วยหาตำแหน่งผู้ช่วยผู้บัญชาการของตลาดสวรรค์ในสังกัดจวนแม่ทัพภาคตงหัว ก็คาดว่าไม่น่าจะเป็นปัญหาใหญ่อะไร ไม่อย่างนั้นที่ดาวเทียนหยวนก็ไม่มีตำแหน่งเตรียมไว้ให้เยอะขนาดนั้น

วางเสาไว้ที่ตลาดสวรรค์แต่ละแห่งก่อน ควบคุมทิศทางการเคลื่อนไหวภายในของตลาดสวรรค์แต่ละแห่ง การรับรู้ข่าวสารคือเรื่องที่สำคัญมาก

เหมียวอี้กังวลว่าปากของเซี่ยโห้วหลงเฉิงจะเชื่อถือไม่ได้ ถึงอย่างไรก็เคยมีประสบการณ์ปล่อยไก่ต่อหน้าหวงฝู่จวินโหรวไปครั้งหนึ่งแล้ว เขาไม่เชื่อมั่นในปากของเซี่ยโห้วหลงเฉิง ทว่าหยางชิ่งบอกว่าเขาจะออกโรงจัดการเซี่ยโห้วหลงเฉิงด้วยตัวเอง รับรองว่าจะทำให้เซี่ยโห้วหลงเฉิงไม่กล้าปริปากเปิดเผยต่อภายนอกแม้แต่คำเดียว

………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด