พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1321 พยายามประเมินเขาให้สูงเข้าไว้

Now you are reading พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า Chapter 1321 พยายามประเมินเขาให้สูงเข้าไว้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 1321 พยายามประเมินเขาให้สูงเข้าไว้
โดย
Ink Stone_Fantasy
ถึงแม้จะเป็นหลักการที่เรียบง่าย แค่ฟังก็เข้าใจแล้ว แต่เหมียวอี้ก็เริ่มรู้สึกแปลกๆ ครุ่นคิดว่าถ้าเทียนหยวนโดนกลุ่มคนเบื้องบนสอบถามแล้วจะมีปฏิกิริยาอย่างไร

เขาคิดไปคิดมาแล้วรู้สึกบันเทิง “วิธีการนี้น่าสนุกเหมือนกันนะ”

พูดจบก็หันหน้าเดินออกไป กลับไปหาปี้เยว่ฮูหยินที่ตำหนักหลังอีกครั้ง

หยางชิ่งยิ้มบางๆ เหมียวอี้ไม่ได้ถามอะไรมาก ปัญหาเรื่องรายละเอียดก็ไม่ต้องให้เขาถามอะไรมากเช่นกัน

ก็เหมือนกับที่เจาบอกฉินซี ความสามารถในการลงมือปฏิบัติของเหมียวอี้ทระนงองอาจมาก ห้าวหาญเฉียบขาดทั้งยังแก้ไขปัญหาเฉพาะได้เก่ง ในด้านนี้แม้แต่หยางชิ่งเองก็ยังทอดถอนใจที่สู้ไม่ไหว ขอแค่ชี้เส้นทางให้ชัดเจน เขาเชื่อว่าเหมียวอี้จะรู้ได้ว่าต้องทำอย่างไร การพูดกับคนฉลาดสามารถลดขั้นตอนที่ยุ่งยากออกไปได้ หรือที่เรียกกันว่า ‘กลองดีไม่ต้องตีแรงก็ดังได้’

ก่อนหน้านี้เหมียวอี้ให้ปี้เยว่พักผ่อนไปก่อน ทว่าปี้เยว่ที่นั่งอยุ่ในศาลาไม่ได้ขยับไปไหนเลย จะมีกะจิตกะใจไปพักได้อย่างไร นั่งเหม่อลอยลำพังอยู่อย่างนั้น รู้สึกหดหู่ใจ ยามเผชิญหน้ากับการกดดันที่ปุบปับของเทียนหยวน ตัวเองก็ไม่มีวามสามารถจะโต้ตอบเลยสักนิด พอนึกว่าตัวเองจะต้องสยบแน่นิ่งอยู่ใต้แทบเท้าเทียนหยวน วันหลังก็ไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ากับลูกสาวอย่างไร ในใจรู้สึกเศร้าสลดอย่างประหลาด รู้สึกอย่างลึกซึ้งว่าไร้ความสามารถ

เหมียวอี้กลับมาอีกแล้ว มาเองโดยไม่ได้เชิญ ไม่มีใครขัดขวางด้วย เป็นเพราะไห่ผิงซินด้วยเหมือนกัน ก่อนหน้านี้ปี้เยว่กันคนข้างกายออกไปหมดแล้ว

“นายท่าน!” เหมียวอี้ที่เข้าในศาลากุมหมัดคารวะ

เมื่อเห็นเหมียวอี้กลับมาอีกครั้ง ปี้เยว่ก็ได้สติกลับมาแล้วถามว่า “ยังมีเรื่องอะไรอีก?”

เหมียวอี้เองก็ไม่เกรงใจ เข้ามานั่งลงตรงข้ามนางเสียเลย แล้วกล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า “ข้าเพิ่งจะคิดหาวิธีการได้ สามารถแก้ไขความกังวลที่อยู่ตรงหน้าให้นายท่านได้ สิ่งนี้จะทำให้เทียนหยวนทำอะไรนายท่านไม่ได้แน่นอน”

“อ้อ!” ปี้เยว่ได้ยินแล้วฮึกเหิมขึ้นมาทันที รีบยื่นมือบอก “รีบบอกมา!”

“ในเมื่อเทียนหยวนชอบเล่นแบบนี้ พวกเราเล่นตามน้ำไปก็สิ้นเรื่องแล้ว พวกเราใช้แผนสะบั้นตระกูล…” เหมียวอี้อธิบายวิธีการของหยางชิ่งให้ฟังทันที

หลังจากฟังจบ ปี้เยว่ก็พอจะเข้าใจแล้ว รู้สึกฮึกเหิมกระปรี้กระเปร่า คิ้วที่ขมวดกลุ้มใจหายไปทันที สิ่งที่เข้ามาแทนที่คือรอยยิ้มที่เบิกบานใจ นางตบโต๊ะหนึ่งที แล้วกล่าวชมว่า “เป็นวิธีการที่ดี! จะต้องทำให้เทียนหยวนได้รับบทเรียนแน่นอน! หนิวโหย่วเต๋อ ในเมื่อมีวิธีการที่ดีขนาดนี้ทำไมไม่บอกไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ ทำให้ข้ากังวลไปเปล่า!”

“เพิ่งจะนึกได้อย่างฉับพลันเมื่อครู่นี้เอง ก่อนหน้านี้นึกไม่ถึง” เหมียวอี้ยิ้มอย่างเก้อเขิน วิธีการนี้หยางชิ่งเป็นคนคิดได้ ไม่ใช่สิ่งที่เขาคิด เพียงแต่ไม่สะดวกจะเอ่ยถึงหยางชิ่งต่อหน้าปี้เยว่ฮูหยิน

ถ้าจะพูดให้ชัดก็คือ ถึงแม้หยางชิ่งจะเป็นพ่อตาจอมเอาเปรียบของเขา แต่สำหรับเขาที่เกือบจะเอาชีวิตไม่รอดเพราะครอบครัวฝั่งอนุภรรยาร่วมมือกันหักหลัง เขาขาดความเชื่อใจในความสัมพันธ์ระดับนี้ไปแล้ว มิหนำซ้ำหยางชิ่งก็ไม่ใช่คนใจดีมีเมตตาอะไร ตอนแรกเคยวางแผนร้ายกับอวิ๋นจือชิว ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องราวมีการเปลี่ยนแปลง หลังจากจบเรื่องแล้วมู่ฝานจวินพูดออกมาเอง อวิ๋นจือชิวจะตายอย่างไรก็ยังไม่รู้เลย กับคนประเภทนี้ เหมียวอี้จะวางใจได้อย่างไร

หลังจากหยางชิ่งมาที่พิภพใหญ่ เหมียวอี้ก็ไม่ได้มอบอำนาจใดๆ ให้เขาเลย และไม่ให้เขาอยู่ในตำแหน่งที่มีอำนาจทางทหารด้วย แค่เอาไว้เรียกใช้อยู่ข้างกายเท่านั้น และหยางชิ่งก็เหมือนจะอ่านสถานการณ์เก่งมาก ไม่เอ่ยปากขอตำแหน่งใดๆ จากเหมียวอี้ ไม่เคยเอ่ยถึงด้วยซ้ำ ยามปกติเมื่ออยู่ต่อหน้าคนนอกก็สงบเสงี่ยมไว้ตลอด

ทว่าหลังจากรู้สึกดีใจ ปี้เยว่ก็เหมือนจะกังวลอีก ขมวดคิ้วกล่าวว่า “เรื่องนี้ถ้าดำเนินการอย่างละเอียดก็ยุ่งยากนิดหน่อย ผู้บัญชาการใหญ่ตลาดสวรรค์สิบคนในสังกัดข้า นอกจากเจ้ากับเซี่ยโห้วหลงเฉิง นอกนั้นก็เป็นคนของเทียนหยวนแทบทั้งหมด จ้านหรูอี้ก็ต้องยืนอยู่ฝั่งนั้นแน่นอน ถ้าพวกเขาแอบฝ่าฝืนคำสั่ง เรื่องนี้ก็ไม่มีทางสำเร็จได้เลย”

“หึหึ!” เหมียวอี้หัวเราะเยาะ “พวกเขาทำตามใจตัวเองไม่ได้หรอก! ในเมื่อท่านโหวเทียนหยวนอาศัยสถานการณ์ที่ตำหนักสวรรค์จับผู้ร้ายมาทำเรื่องแบบนี้ นายท่านก็สามารถอ้างเรื่องนี้กับอีกฝ่ายได้เลย กล้าแอบขัดคำสั่งงั้นเหรอ? ถ้าตั้งใจจะยัดข้อหาสมคบกับผู้ร้ายแล้วฆ่าทิ้งก็สบายมือมาก! นายท่านอ้างเรื่องนี้ไปก่อน ส่งแค่ทัพฝ่ายตรวจการที่ทำหน้าที่ประหารออกไปก็พอ ใครกล้าขัดคำสั่งก็ฆ่าไม่ละเว้น ข้าก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่าใครมันจะกล้าต่อต้าน”

“แผนนี้ยอดเยี่ยมมาก!” ปี้เยว่พลันลุกขึ้นยืน หายห่วงหน้าพะวงหลังแล้ว สีหน้าฉายแววกระปรี้กระเปร่ามั่นใจในตัวเอง ติดตามเทียนหยวนมานานขนาดนี้ นางเชื่อฟังแผนการที่เทียนหยวนบอกมาตลอด แต่ตอนนี้กลับจะได้งัดข้อกับเทียนหยวน ไม่น่าเชื่อว่าในใจจะรู้สึกตื่นเต้นเร้าใจ

เมื่อมองเหมียวอี้ที่ลุกขึ้นยืนตามอีกครั้ง ในดวงตาปี้เยว่ก็ฉายแววชื่นชม ครั้งนี้นับว่าได้รับรู้ถึงความสามารถในการวางแผนกับเหมียวอี้อย่างแท้จริง ความจริงได้พิสูจน์อีกครั้งว่าผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้ามีความสามารถ การตัดสินของเทียนหยวนในปีนั้นไม่ผิดพลาด พอมาดูตอนนี้ก็พบว่าเป็นคนกล้าหาญที่เชี่ยวชาญการรบทั้งยังวางแผนได้ล้ำเลิศเกินใคร มิน่าล่ะถึงผ่านปัญหาอุปสรรคมาได้จนถึงทุกวันนี้ มีลูกน้องแบบนี้คอยช่วย ตัวเองก็ไม่โดดเดี่ยวแล้ว

“หนิวโหย่วเต๋อ ตอนนี้เจ้ากับข้าลงเรือลำเดียวกันแล้ว ถ้าเทียนหยวนล้มข้าได้ ก็จะไม่เป็นผลดีอะไรกับเจ้าเหมือนกัน วันหลังถ้าต้องการให้เจ้าออกแรงช่วย ก็หวังว่าเจ้าจะปล่อยออกมาเต็มที่” ปี้เยว่พยักหน้ายิ้มอย่างเป็นกันเอง

เหมียวอี้เข้าใจความหมายของนาง นางกำลังต้องการให้เขาช่วยเหลือนางให้มากๆ หากภายหลังเจอเรื่องประเภทนี้อีก ให้ช่วยนางวางกับดักเทียนหยวน ในใจเขาแอบรู้สึกขำ เทียนหยวนก็แค่ต้องการให้นางเชื่อฟังเท่านั้น การจะล้มเจ้าก็ไม่เป็นผลดีกับเทียนหยวนเช่นกัน เป็นเจ้าเองที่อยากจะเลิกกับเทียนหยวนให้ชัดเจน จะได้อธิบายกับลูกสาวได้สะดวก

แน่นอน เขาไม่พูดคำพูดแบบนี้ออกมาเปิดโปงเช่นกัน ได้แต่ยิ้มพร้อมกุมหมัดคารวะ “มิบังอาจขัดคำสั่ง”

เพียงแต่ในใจรู้สึกอับจนปัญญานิดหน่อย การที่ตาแก่ในนรกพวกนั้นก่อเรื่องนี้ขึ้นมา เดิมทีก็เพื่อบีบให้ปี้เยว่ช่วยเหลือเขา อยากอวดฉลาดแต่กลับจบลงด้วยความโง่เขลา กลับเป็นเขาที่ต้องช่วยนางรับมือกับอุปสรรค ทำไมรู้สึกเหมือนหัวแยกออกจากกันเลยล่ะ? จะทอดทิ้งไม่สนใจใยดีก็ไม่ได้อีก กลายเป็นตั๊กแตนที่ถูกมัดไว้บนเชือกแล้วจริงๆ

“ดี!” ปี้เยว่ที่มีความมั่นใจแล้วพยักหน้ายิ้มอย่างเป็นกันเอง “เรื่องนี้จะชักช้าไม่ได้ ข้าจะกลับไปควบคุมและเตรียมงานเดี๋ยวนี้”

เหมียวอี้เตือนอยู่ข้างกายเขาว่า “นายท่านต้องระวังคนข้างกายเอาไว้ ท่านกับเทียนหยวนเป็นสามีภรรยากันมาหลายปี คนข้างกายมีใจเอนเอียงไปทางเทียนหยวนหรือทางนายท่าน หวังว่าในใจนายท่านจะรู้ชัด”

“อืม!” ปี้เยว่พยักหน้า บอกใบ้ว่าจะจดจำไว้

ตรงประตูตำหนักคุ้มเมือง หลังจากส่งกลุ่มของปี้เยว่เดินทางกลับไป เหมียวอี้เพิ่งจะกลับเข้ามาในตำหนัก หยางชิ่งก็เข้ามาถามอีกว่า “นายท่าน แม่ทัพภาคตอบตกลงรึยัง?”

“ตอบตกลงแล้ว ข้าจะสั่งให้คนทางนี้ลงมือทันที!” เหมียวอี้ตอบ

หยางชิ่งรีบเดินตามเขา แล้วกดมือเบาๆ พร้อมบอกว่า “นายท่านอย่ารีบลงมือ! เรื่องนี้ให้ที่อื่นลงมือก่อนแล้วนายท่านค่อยลงมือตามก็ยังไม่สาย ตอนอยู่ที่จวนแม่ทัพภาค นายท่านรีดไถเงินทั้งยังตบคนอื่น เดิมทีท่านโหวเทียนหยวนก็ไม่พอใจนายท่านอยู่แล้ว ถ้าตอนนี้นายท่านชิงลงมือก่อนจะสะดุดตาเกินไป เอาแค้นเก่ากับแค้นใหม่มารวมกัน ดีไม่ดีอาจจะทำให้ท่านโหวเทียนหยวนเอาความโกรธแค้นมาลงที่นายท่านคนเดียว นี่ไม่ใช่เรื่องดีกับนายท่าน เรื่องนี้นายท่านควรจะสงบเสงี่ยมไว้ อย่าให้คนนึกเชื่อมโยงได้ว่าการโต้กลับของแม่ทัพภาคมีนายท่านยุยงอยู่เบื้องหลัง ขอเพียงนายท่านไม่ชิงออกหน้าก่อน ให้แม่ทัพภาคออกตรวจตลาดสวรรค์สิบแห่งก่อนรอบหนึ่ง ถ้าที่อาณาเขตนายท่านไม่มีจุดไหนพิเศษกว่าคนอื่น คนอื่นก็จะไม่สงสัยว่าปัญหาเกิดมาจากนายท่าน”

เหมียวอี้พยักหน้าเบาๆ คำพูดนี้มีเหตุผล “ที่เจ้าพูดก็มีเหตุผล”

หยางชิ่งบอกอีกว่า “เรื่องนี้ยังมีช่องโหว่อีกจุด นายท่านต้องเตรียมพร้อมป้องกันไว้ล่วงหน้า”

“อ้อ!” เหมียวอี้หยุดฝีเท้า แล้วถามว่า “ช่องโหว่อยู่ที่ไหน?”

หยางชิ่งตอบว่า “ถ้าเปลี่ยนให้ข้าน้อยเป็นท่านโหวเทียนหยวนแล้วเจอกับเรื่องแบบนี้ ก็จะต้องลงมือกับเซี่ยโห้วหลงเฉิงแน่ เซี่ยโห้วหลงเฉิงเป็นคนต่ำทรามที่โลภสมบัติ ถ้าตบรางวัลหนักๆ ก็เป็นไปได้สูงว่าจะทำให้เซี่ยโห้วหลงเฉิงแอบขัดคำสั่ง ถ้าเซี่ยโห้วหลงเฉิงไม่ให้ความร่วมมือขึ้นมา…ขอถามหน่อย ท่านแม่ทัพภาคจะกล้าฆ่าเซี่ยโห้วหลงเฉิงรึเปล่า? ท่านแม่ทัพภาคกับท่านโหวเทียนหยวนแตกคอกัน ในตอนนี้ที่เดียวที่สามารถตั้งหลักตั้งตัวได้ก็คือที่ตลาดสวรรค์ ท่านแม่ทัพภาคฆ่าจ้านหรูอี้ได้ แต่กลับฆ่าเซี่ยโห้วหลงเฉิงไม่ได้”

เข้าใจได้ไม่ยากว่าคำพูดนี้หมายความว่าอะไร เหมียวอี้ตกใจนิดหน่อย ถ้าเป็นแบบนี้ คนอื่นๆ จะต้องเอาเยี่ยงอย่างเซี่ยโห้วหลงเฉิงแน่นอน ตราบใดที่ปี้เยว่ไม่กล้าลงโทษเซี่ยโห้วหลงเฉิง ก็จะลงมือกับคนอื่นไม่สะดวกเช่นกัน ถึงตอนนั้นตัวเองจะยืนอยู่ฝั่งปี้เยว่หรือจะซ้ำเติมปี้เยว่ตามคนหมู่มากล่ะ? ถ้ายืนอยู่ฝั่งปี้เยว่ต่อไป ก็เหลือแค่ตัวเองคนเดียวที่ดันทุรังต่อต้าน ก็ชัดเจนว่าตั้งตัวเป็นศัตรูกับท่านโหวเทียนหยวน ถ้าฝั่งปี้เยว่พินาศลง นางก็ทำได้เพียงทำตามคำสั่งเทียนหยวน แบบนั้นตัวเองก็ลำบากแล้ว

แต่เหมียวอี้ก็สงสัยอยู่บ้าง จึงถามว่า “เจ้าแน่ใจนะว่าเทียนหยวนจะทำแบบนี้?”

หยางชิ่งตอบว่า “เทียนหยวนเป็นคนยังไง ข้าน้อยก็ไม่ถึงขั้นรู้จักเขาดี แต่การที่สามารถปีนขึ้นไปถึงตำแหน่งนั้นได้ คาดว่าคงไม่ใช่คนธรรมดาๆ ขนาดนั้น พยายามประเมินเขาให้สูงเข้าไว้ เตรียมพร้อมป้องกันไว้ก็ไม่ใช่เรื่องแย่อะไร ในครั้งนี้ ในเมื่อคิดจะทำแบบนี้แล้ว ก็จะต้องเอาชนะให้ได้ ขอแค่ทำให้เทียนหยวนเสียเปรียบในครั้งนี้ เทียนหยวนก็จะไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่ามอีก ไม่อย่างนั้นถ้าก่อเรื่องติดต่อกันในช่วงเวลาแบบนี้ เขาก็จะอธิบายกับเบื้องบนไม่ได้ เขาเองก็ต้องชั่วน้ำหนักเหมือนกัน ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่มีความมั่นใจ เขาก็จะไม่บุ่ม่บามทำอะไรซี้ซั้ว ขอเพียงชนะในครั้งนี้ และไม่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดอะไรขึ้น ก็รับประกันได้เลยว่าจะเงียบสงบไปอีกหลายร้อยปี ให้พวกเราได้พักหายใจ ถ้าเขาจะลงมืออีกก็ต้องรอให้ช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานนี้ผ่านไปก่อน”

“อืม!” เหมียวอี้พยักหน้ายอมรับอีกครั้ง แล้วกล่าวเสียงต่ำว่า “เซี่ยโห้วหลงเฉิงเป็นคนต่ำทรามที่โลภเงินทองจนลืมคุณธรรมจริงๆ ในการทดสอบปีนั้น เขาหลอกลวงแม้กระทั่งพี่น้องที่ถูกส่งตัวไปปกป้องเขา ถ้าท่านโหวเทียนหยวนตบรางวัลหนักๆ ขึ้นมา เจ้าเวรนั่นก็ไม่ทำอะไรซี้ซั้วหรอก เจ้าอย่าไปมองนะว่าเขาเรียกข้าว่าพี่หนิว ถ้าท่านโหวเทียนหยวนลงมือกับเขาจริงๆ ก็เกรงว่าจะเกิดปัญหายุ่งยาก ข้าคงไปแข่งไม่ได้หรอกว่าข้ากับท่านโหวเทียนหยวนใครเงินเยอะกว่ากัน”

หยางชิ่งบอกว่า “ต่อให้เซี่ยโห้วหลงเฉิงจะเป็นอย่างไร แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะต่อต้านตระกูลเซี่ยโห้ว ราชินีสวรรค์กำลังปรับปรุงตลาดสวรรค์ เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของทั้งตระกูลเซี่ยโห้วเช่นกัน คาดว่าราชินีสวรรค์ก็คงไม่อยากเห็นอำนาจท้องถิ่นมาแทรกแซงตลาดสวรรค์มากเกินไป นายท่านสามารถลงมือจากจุดนี้ได้ ให้ตระกูลเซี่ยโห้วกดดันเขา ต้องทำให้เขาไม่กล้าทำอะไรซี้ซั้ว แต่ทางที่ดีนายท่านอย่าออกหน้าไปแทรกแซงเรื่องนี้เอง อย่าโผล่หน้าไป ในปีนั้นตอนที่ราชินีสวรรค์เพิ่งจะรับช่วงต่อตลาดสวรรค์ ท่านแม่ทัพภาคก็เคยไปเยี่ยมคารวะราชินีสวรรค์มาแล้ว ไม่รู้ว่ามีวิธีติดต่อกับตระกูลเซี่ยโห้วได้หรือเปล่า ถ้าไม่มีวิธีติดต่อได้โดยตรงจริงๆ ก็ให้แม่ทัพภาคติดต่อตระกูลเซี่ยโห้วผ่านร้านค้าของตระกูลเซี่ยโห้วก็ได้ ตระกูลเซี่ยโห้วย่อมรู้ว่าจะต้องทำยังไง พวกเขาจะต้องไม่ให้คนในตระกูลตัวเองกระโดดออกมาต่อต้านราชินีสวรรค์แน่นอน”

เมื่อเข้าใจเรื่องราวแบบนี้แล้ว เหมียวอี้ก็กระจ่างใจมาก รู้แล้วว่าต้องเตรียมการอย่างไร หันกลับมาตอบพร้อมรอยยิ้มว่า ” เจ้าหัวเดียวกระเทียมลีบอยู่ที่นี่รู้สึกเหงาบ้างรึเปล่า? ให้ข้าบอกสวีถังหรานให้จัดสาวสวยมาให้สักสองสามคนดีมั้ย?”

ทำไมกระโดดมาประเด็นนี้ได้? หยางชิ่งตามเขาไม่ทันนิดหน่อย ตอนแรกก็อึ้งไปก่อน จากนั้นก็หน้าบึ้งทันที ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าลูกเขยจอมเอาเปรียบคนนี้จะคุยเรื่องผู้หญิงกับตน เหลวไหลเกินไปแล้ว แบบนี้มีอย่างที่ไหน! เขาหน้านิ่งพร้อมตอบว่า “หอนางโลมที่ตลาดสวรรค์ก็ไม่มีน้อย เงินสำหรับใช้เที่ยวหอโคมเขียวข้าน้อยก็มีอยู่” ความหมายในคำพูดก็คือ ‘เจ้าไม่ต้องมาสนใจหรอก’

เหมียวอี้ตอบกลั้วหัวเราะว่า “เอาแต่ไปหอนางโลมก็ไม่ค่อยเหมาะกระมัง? เดี๋ยวกลับไปจะอธิบายฉินซีกับฉินเวยเวยไม่สะดวก เอาอย่างนี้แล้วกัน เจ้าลองคิดดูว่าให้ชิงเหมยหรือชิงจวี๋มาที่นี่จะเหมาะกว่ากัน เดี๋ยวข้าจะให้คนถือโอกาสพามาด้วย ถ้าข้างกายเจ้าไม่มีคนคอยปรนนิบัติ ก็จะไม่ค่อยเหมาะสมนัก”

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด