พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1383 ผลที่ตามมาจะน่ากลัวเกินไป

Now you are reading พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า Chapter 1383 ผลที่ตามมาจะน่ากลัวเกินไป at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เหมียวอี้เข้าใจยิ่งกว่าเดิมแล้ว ผู้หญิงคนนี้จะต้องรู้อะไรไม่น้อยแน่นอน จึงถามอีกว่า : ทำไมถึงบอกว่าไม่ปรากฎตัวอีกแล้วล่ะ ตกลงว่าเขาตายหรือยังไม่ตายกันแน่?

จินม่าน : น่าจะยังไม่ตาย

เหมียวอี้ : ทำไมถึงบอกว่าน่าจะยังไม่ตาย เจ้าให้คำตอบที่แน่นอนไม่ได้เหรอ?

จินม่าน : พระปีศาจหนานโปมีวรยุทธ์ที่น่าหวาดกลัวมาก ไม่มีใครรู้ว่าเขามีชีวิตมานานแค่ไหนแล้ว แข็งแกร่งกว่าประมุขชิงกับประมุขพุทธะในตอนนี้เสียอีก ถ้าอนุมานจากคำพูดของมนุษย์ธรรมดาทั่วไป ถ้าพวกเราเป็นเซียน เช่นนั้นพระปีศาจหนานโปก็เป็นเทพ เป็นเทพที่โดดเด่นหาพบได้ยาก! วรยุทธ์ของเขาเหนือกว่าระดับพลังอิทธิฤทธิ์อนันตภาพแล้ว อยู่ในระดับที่ไม่ดับสูญและหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิด พวกเราฝึกฝนจนสามารถแยกสามวิญญาณเจ็ดดวงจิตได้ แต่เขากลับรวมสามวิญญาณเจ็ดดวงจิตให้กลายเป็นหนึ่งเดียวกันได้ หล่อหลอมจิตวิญญาณที่ไม่ดับสูญสำเร็จแล้ว ดังนั้นต่อให้เจ้าจะทำลายกายหยาบของเขาไปก็ไม่มีประโยชน์ นอกเสียจากจะเผาหลอมจิตวิญญาณของเขา ไม่อย่างนั้นเขาก็สามารถชิงร่างเกิดใหม่ได้ทุกเมื่อ

เหมียวอี้ได้ยินแล้วอกสั่นขวัญผวา บนโลกนี้ยังมีคนที่ฆ่าไม่ตายด้วยเหรอ เขาถามอีกว่า : งั้นก็แปลว่าเขายังไม่ตาย?

จินม่าน : ประมุขปราชญ์ ท่านบอกข้ามาอย่างซื่อสัตย์เถอะ ทำไมจู่ๆ ท่านจึงถามถึงพระปีศาจหนานโป เขาปรากฏตัวอีกแล้วใช่มั้ย?

เหมียวอี้ : ข้าก็ไม่รู้ว่าเขาปรากฏตัวอีกหรือเปล่า แค่จู่ๆ ได้ยินคนพูดถึงว่าเขาเคยเป็นบุคคลสำคัญ เลยอยากจะถามเจ้าสักหน่อยว่ารู้จักคนคนนี้มากขนาดไหน

ตอนนี้เขาอยากรู้มากว่าเรื่องของพระปีศาจหนานโปเป็นอย่างไรกันแน่ ถ้าไม่รู้ชัดก็ไม่มีทางเข้าใจได้เลยว่าการที่จู่ๆ ไต้ซือศีลเจ็ดทิ้งชื่อนี้ไว้หมายความว่าอย่างไร

จินม่าน : ประมุขปราชญ์ นี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ พระปีศาจหนานโปไม่ได้รู้สึกดีอะไรกับหกลัทธิของพวกเรา ถ้าเขาปรากฏตัวอีกครั้งก็จะเป็นภัยใหญ่ของหกลัทธิ!

เหมียวอี้ : ข้าก็ไม่ได้ปิดบังอะไรเจ้า แค่เพราะได้ยินข่าวมานิดหน่อยจริงๆ ก็เลยอยากทำความเข้าใจสถานการณ์ผ่านเจ้า อยากจะแน่ใจว่าเขาตายหรือยังไม่ตายกันแน่

จินม่าน : ตายก็น่าจะยังไม่ตาย ตอนนั้นคนที่ฆ่าให้เขาตายได้มีไม่เยอะ คนที่มีพลังดับจิตวิญญาณของเขาได้ก็มีแค่สามคนเท่านั้น คนหนึ่งคืออาจารย์ประมุขชิง คนหนึ่งคืออาจารย์ของประมุขพุทธะ อีกคนคืออาจารย์ของประมุขไป๋ เพียงแต่ทั้งสามล้วนถูกพระปีศาจหนานโปฆ่าตายไปแล้ว จิตวิญญาณของทั้งสามโดนหนานโปทำลาย แต่ก็เพราะศึกนั้น พระปีศาจหนานถูกอาจารย์ของประมุขไป๋โจมตีจนสาหัสเช่นกัน ผลปรากฏว่าตอนที่เขาอ่อนแอที่สุด เขาถูกลูกศิษย์ของตัวเองผนึกไว้แล้ว เรียกได้ว่าตอนนั้นยอดฝีมือที่ยอดเยี่ยมที่สุดหลายคนดับสูญทั้งหมดเพราะเข่นฆ่ากันเอง ไม่อย่างนั้นคงไม่มียุคที่เป็นระเบียบเรียบร้อยแบบนี้ปรากฏขึ้นมาหรอก

เหมียวอี้ตกตะลึง : พระปีศาจหนานโปยังมีลูกศิษย์อีกเหรอ? อาจารย์ร้ายกาจขนาดนี้ เช่นนั้นลูกศิษย์ก็ไม่ธรรมดาแล้ว ศิษย์ของเขาไปไหนแล้วล่ะ?

จินม่าน : พระปีศาจหนานโปเป็นสิ่งมีชีวิตประหลาด เป็นสิ่งมีชีวิตประหลาดที่แทบจะไม่สามารถลอกกเลียนแบบได้ ฐานะเดิมของเขาพบได้น้อยมาก จนกระทั่งทุกวันนี้ยังไม่เคยเห็นใครได้รับข้อยกเว้นแบบนี้ หลังจากนักพรตปีศาจกับมนุษย์ผสมพันธุ์กัน ตามหลักการแล้วก็เป็นเรื่องยากมากที่จะให้กำเนิดทายาท แต่เขากับเป็นลูกชายของคนกับปีศาจ ไม่น่าเชื่อว่าจะฝึกรวมเคล็ดวิชาปีศาจกับเคล็ดวิชาของมนุษย์ไว้ในร่างเดียวกันได้ ตอนหลังได้รับความพ่ายแพ้อย่างใหญ่หลวง เพื่อที่จะล้างแค้น เขาใช้ร่างหยินฝึกเคล็ดวิชาของนักพรตผีอีก บอกไม่ถูกแล้วว่ากายหยาบของเขาเป็นมนุษย์หรือปีศาจหรือผี แต่เป็นเพราะคู่แค้นมีพลังแข็งแกร่งมาก ตอนหลังก็โดนโจมตีจนสาหัสและหนีเอาชีวิตรอดมาได้อีก เขาถึงได้ตัดสินใจเส้นทางเดินของตัวเอง จึงปิดบังตัวตนแล้วขอฝึกกับอาจารย์เก่งๆ ไปทั่ว เข้าไปฝึกในสำนักของลัทธิเต๋าก่อน แล้วก็ฝึกเคล็ดวิชามารอีก สุดท้ายเข้าไปฝึกในสำนักพุทธ ตอนหลังโดนสำนักพุทธเปิดโปงตัวตน ถึงได้ชื่อว่าพระปีศาจหนานโป

เหมียวอี้ทำใจเชื่อได้ยาก : หรือพูดได้อีกอย่างว่า เขาคนเดียวฝึกควบเคล็ดวิชาของหกลัทธิไปแล้ว เป็นไปได้ยังไงกัน?

จินม่าน : ถึงได้บอกไงว่าเป็นคนประหลาดที่เลียนแบบได้ยาก พรสวรรค์ในการฝึกตนของเขาสูงมาก หลังจากเที่ยวฝึกเคล็ดวิชาของหกลัทธิจนทั่วแล้ว กุกคิดได้ถึงจุดร่วมของหกวิชา ในที่สุดก็เดินในเส้นทางของตัวเอง ทว่าตอนที่เขาอยู่ในจุดสูงสุด เพิ่งจะเอาชนะอาจารย์ของประมุขชิง อาจารย์ของประมุขพุทธะและอาจารย์ของประมุขไป๋ได้ กลับโดนลูกศิษย์ของตัวเอง หกคนที่ถูกเรียกว่าเด็กชายหกลัทธิร่วมมือกันโจมตีอย่างรุนแรง ทำลายวรยุทธ์ทั้งตัวของเขา เนื่องจากอาศัยพลังของหกคนนั้นไม่มีทางทำลายจิตวิญญาณของพระปีศาจหนานโปได้ จึงผนึกเขาไว้ในสถานที่นิรนามแห่งหนึ่ง เตรียมจะรอให้ศักยภาพของตัวเองมากพอ แล้วค่อยกำจัดจิตวิญญาณของพระปีศาจหนานโป

เหมียวอี้ฟังจบแล้วแทบจะหลุดถามออกมาว่า : อย่าบอกนะว่าเด็กชายหกลัทธินั่นตอนหลังคือประมุขปราชญ์หกลัทธิ?

จินม่านลังเลไปพักใหญ่ สุดท้ายถึงได้ตอบว่า : ใช่แล้ว เป็นประมุขปราชญ์ทั้งหกนั่นเอง เคล็ดวิชาพิเศษหกลัทธิที่ท่านปราชญ์ทั้งหกฝึกฝน พระปีศาจหนานโปก็เป็นคนสร้างมันขึ้นมา แต่สาเหตุที่ประมุขปราชญ์ทั้งหกต้องรังแกอาจารย์ทำลายสำนักก็เพราะไม่มีทางเลือกเช่นกัน พระปีศาจหนานโปถูกทำลายความเป็นมนุษย์ไปหมดแล้ว ถือว่าตัวเองกลายเป้นเทพอย่างแท้จริง ความน่าสะพรึงกลัวยามมีคนแบบนั้นอยู่ข้างกายพวกเขา คนนอกไม่อาจสัมผัสความรู้สึกนี้ได้ ดังนั้นทั้งหกถึงได้อาศัยช่องโหว่ตอนเขาอ่อนแอผนึกเขาไว้แล้ว ตอนหลังประมุขปราชญ์ทั้งหกเป็นจ้าวในดาราจักร ผลปรากฏว่าโดนลูกศิษย์ของสามยอดฝีมือที่โดนฆ่าร่วมมือกันล้างแค้น นั่นก็คือประมุขพุทธะ ประมุขชิงและประมุขไป๋นั่นเอง ในเวลานั้นคนที่รู้ความลับสุดยอดของเรื่องนี้มีไม่เยอะ คาดว่าตอนนี้ก็ยังเป็นคนพวกนั้น ประมุขพุทธะกับประมุขชิงที่อยู่ฝั่งโจรกบฏก็คงไม่เอ่ยเรื่องนี้กับภายนอกเช่นกัน

เหมียวอี้ได้ยินแล้วทอดถอนใจไม่หาย ใครจะไปคิดว่าประมุขปราชญ์หกลัทธิจะเป็นศิษย์สำนักเดียวกัน สงสัยกฎระเบียบของพิภพใหญ่ทุกวันนี้จะเกิดขึ้นเพียงเพราะบุญคุณความแค้นในอดีตเท่านั้น จึงถามอีกว่า : พระปีศาจหนานโปถูกผนึกไว้ที่ไหน?

จินม่าน : ประมุขปราชญ์คนก่อนไม่ได้บอกพวกเรา เป็นเพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับส่วนรวม ถ้าคนที่รู้มีเยอะเกินไป ถ้าข่าวเล็ดรอดออกไปแล้วทำให้พระปีศาจหนานโปถูกปล่อยออกมา ผลที่ตามมาก็จะน่ากลัวเกินไป ดังนั้นสถานที่ผนึกจึงมีเพียงประมุขปราชญ์ทั้งหกที่รู้ ข้าเองก็ไม่รู้ว่าพวกเขาได้บอกคนอื่นไว้หรือเปล่า แต่ไม่ได้บอกพวกเราแน่นอน

เหมียวอี้ : หรือพูดได้อีกอย่างว่า ถ้าพระปีศาจหนานโปถือกำเนิดใหม่อีกครั้ง แม้แต่ประมุขพุทธะกับประมุขชิงก็สู้เขาไม่ได้งั้นเหรอ ไม่ใช่แค่หกลัทธิที่จะซวย แม้แต่ประมุขพุทธะกับประมุขชิงก็จะซวยไปด้วยเช่นกัน

จินม่าน : นั่นก็ไม่แน่ ต้องดูว่าพระปีศาจหนานโปถูกปล่อยออกมาเมื่อไร ถึงอย่างไรตอนนั้นวรยุทธ์ของเขาก็ถูกประมุขปราชญ์ทั้งหกทำลายไปแล้ว ต่อให้เคล็ดวิชาฝึกตนของเขาจะร้ายกาจ แต่ถ้าอยากจะกลับมามีพลังสุดยอดเหมือนตอนนั้นก็คงไม่ง่าย ตามที่ฐานะของเด็กชายหกลัทธิค่อยๆ เปลี่ยนเป็นหกประมุขปราชญ์ ตามที่พลังของประมุขปราชญ์ทั้งหกยิ่งแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ ในปีนั้นผนึกพระปีศาจหนานโปก็จะยิ่งแข็งแกร่งขึ้น และไม่มีทางอ่อนแอลงด้วย ดังนั้นสามารถแน่ใจได้ว่าตอนที่หกประมุขปราชญ์สิ้นชีพ จิตวิญญาณของพระปีศาจหนานโปก็ยังโดนผนึกอยู่ ถ้าพระปีศาจหนานโปหลุดพ้นออกมาเร็ว เช่นนั้นพลังในตอนนี้ก็ไม่ธรรมดาแน่นอน ถ้าหลุดพ้นออกมาช้า ถ้าอยากจะโผล่หน้ามาตอนนี้ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของประมุขชิงและประมุขพุทธะแน่นอน

เหมียวอี้ : เจ้าบอกว่าเขาสามารถชิงร่างเกิดใหม่ได้ไม่ใช่เหรอ? ถ้าเขาครอบครองร่างนักพรตที่มีพลังแข็งแกร่งสักคนล่ะ การฟื้นฟูพลังในปีนั้นก็จะไม่ง่ายดายสำเร็จได้ง่ายหรอกเหรอ

จินม่าน : จะง่ายขนาดนั้นได้ยังไง เคล็ดวิชาฝึกตนของเขามีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ถ้าครอบครองแล้วใช้ไม่ได้ก็ปลอมแล้ว

เหมียวอี้ : เขาจะตามหาคนถ่ายทอดคนอื่นรึเปล่า?

จินม่าน : มีความเป็นไปได้ เพียงแต่ผู้รับถ่ายทอดไม่ได้เจอกันง่ายๆ แน่นอน ก็เป็นอย่างที่บอก เคล็ดวิชาฝึกตนของเขามีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ไม่ใช่ว่าทุกกายหยาบจะใช้ได้ ไม่ว่าจะเป็นการแย่งร่างหรือหาผู้สืบทอด ก็ต้องหาคนที่มีกายหยาบเหมาะสม เกรงว่านี่จะเป็นข้อด้อยที่ใหญ่ที่สุดในการฟื้นฟูพลังของเขา สิ่งที่ข้ากังวลที่สุดในตอนนี้ก็คือ เขาเคยมีประสบการณ์เปลี่ยนกายหยาบมาก่อน เขาจะสร้างอีกคนที่เหมือนตัวเองขึ้นมาหรือเปล่า

เหมียวอี้ : เจ้าหมายความว่า หานักพรตปีศาจกับคนที่ผสมพันธุ์กัน แล้วค่อยเอาลูกชายมาฝึกสองเคล็ดวิชา จากนั้นค่อยให้ฝึกเคล็ดวิชาของนักพรตผี รอให้สร้างหายหยาบที่เหมาะสมได้แล้ว ก็ค่อยยึดร่างหรือไม่ก็เปลี่ยนให้เป็นลูกศิษย์เหรอ?

จินม่าน : ถ้าอยากจะปรับตัวให้เข้ากับเคล็ดวิชาฝึกตนของเขา ก็เกรงว่าจะต้องทำแบบนี้เท่านั้น เพียงแต่มีโอกาสต่ำมาที่นักพรตปีศาจกับมนุษย์สมสู่กันแล้วจะให้กำเนิดลูกชาย ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสทำสำเร็จหรือเปล่า

เหมียวอี้ : เรื่องนี้ใครจะรู้ล่ะ ตอนนี้ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาหลุดออกมาหรือยัง…

จู่ๆ เขาที่กำลังถือระฆังดาราก็ตัวสั่น ดวงตาค่อยๆ เบิกกว้าง ความคิดหนึ่งที่น่าหวาดกลัวปรากฏขึ้นมาในหัวเขา นักพรตปีศาจกับคน ปีศาจโลหิตกับศีลแปด…

เขาสงสัยมาตลอดว่าปีศาจโลหิตกับศีลแปดอยู่ด้วยกัน เพียงแต่ไม่กล้าแน่ใจเต็มร้อย จู่ๆ ไต้ซือศีลเจ็ดก็เอ่ยถึง ‘พระปีศาจหนานโป’ พอนำมาเชื่อมโย่งกับการคาดเดาเมื่อครู่นี้ ผลลัพธ์ที่ทำให้เขาขนลุกขนพองก็แทบจะทำให้เขาไม่กล้าคิดต่อไป

ความคิดในหัวแวบผ่านไปอย่างรวดเร็ว เขาพอจะเข้าใจศีลแปดอยู่บ้าง หลายปีมานี้เหมียวอี้ผ่านอุปสรรคมามากมายขนาดนั้น อุปสรรคชีวิตความเป็นความตายคงจะแพร่ไปทั่วทั้งพิภพใหญ่แล้ว ถ้าว่ากันตามเหตุผลแล้ว ก็เป็นไปไม่ได้ที่ศีลแปดจะไม่เคยได้ยินข่าวของเขาเลยสักนิด หลังจากได้ยินข่าวต่อให้จะไม่อยากกลับมา แต่ก็ควรจะส่งข่าวมาถามเรื่องความปลอดภัยของเหมียวอี้สักนิด ทำไมผ่านไปหลายปีขนาดนี้แล้วยังไม่ได้ข่าวสักนิดเลย? เขาสงสัยเรื่องนี้มาตลอด อย่าบอกนะว่าศีลแปดตัดขาดไมตรีถึงขั้นนี้แล้ว? เขากังวลมาตลอดเช่นกันว่าเกิดเรื่องขึ้นกับศีลแปดแล้วหรือเปล่า แต่จากการเชื่อมต่อระฆังดาราก็ทำให้เขาแน่ใจได้ว่าศีลแปดยังไม่ตาย เขาสงสัยมาตั้งแต่แรกว่าศีลแปดกำลังขาดอิสระหรือเปล่า?

ตอนที่ไต้ซือศีลเจ็ดมาถึงพิภพใหญ่ ก็บอกว่าขอเพียงเข้าใจเขตที่ศีลแปดอยู่ก็จะสามารถสัมผัสได้ว่าศีลแปดอยู่ตรงไหน ตามหลักการแล้วใช้เวลาหาไม่กี่พันปีก็น่าจะไปมาทุกดวงดาวที่รู้จักแล้ว ไม่ว่าศีลแปดจะอยู่ที่ไหนก็น่าจะสัมผัสได้แล้วสิ ควรจะหาพบได้แล้ว แต่ผ่านไปนานไม่ติดต่อมา จู่ๆ ก็ติดต่อมาว่า ‘พระปีศาจหนานโป’ พอติดต่อซ้ำก็ติดต่อไม่ได้แล้ว แบบนั้นแปลว่าไต้ซือศีลเจ็ดกับศีลแปดล้วนถูกขังอยู่ในที่เดียวกันและไม่สะดวกจะติดต่อกับภายนอกใช่มั้ย?

จินม่านตอบมาว่า : ประมุขปราชญ์ได้ยินคนพูดถึง ‘พระปีศาจหนานโป’ จากไหนกันแน่ ตามหลักการแล้วพระปีศาจหนานโปหายตัวไปหลายปีแล้ว คนที่รู้จักตอนนี้น่าจะมีไม่เยอะ ถ้าไม่มีเรื่องอะไรอยู่ดีๆ ใครจะเอ่ยถึง?

พอนึกถึงผลลัพธ์ที่น่าหวาดกลัวนั้น เหมียวอี้ก็เริ่มร้อนรนแล้ว จะมีกะจิตกะใจมาคุยเรื่องนี้กับนางได้อย่างไร เขาเองก็บอกไม่ได้ด้วยว่าเกี่ยวข้องกับศีลแปดและอาจารย์ ได้แต่ถามไปว่า : เจ้าติดตามประมุขปราชญ์คนก่อนมาหลายปีขนาดนี้ มีเบาะแสอะไรที่จะตัดสินได้มั้ยว่าพระปีศาจหนานโปถูกผนึกไว้ที่ไหน?

เขาไม่อาจปล่อยให้เกิดเรื่องขึ้นกับศีลแปดแล้วไม่สนใจ ตอนนี้ร้อนใจอยากจะยืนยันว่าศีลแปดปลอดภัยหรือไม่

จินม่านส่ายหน้า : ไม่ทราบค่ะ! ในปีนั้นพวกเราถึงขั้นไม่รู้เลยว่าประมุขปราชญ์ทั้งหกเป็นเด็กชายหกลัทธิในอดีต และถูกประมุขพุทธะ ประมุขชิง ประมุขไป๋ร่วมมือกันโจมตี สูญเสียสถานการณ์ที่เอื้อประโยชน์แล้ว ประมุขปราชญ์ทั้งหกถึงได้เปิดเผยบุญคุณความแค้นของคนรุ่นก่อนออกมา สถานที่ผนึกพระปีศาจหนานโป พวกเราก็ไม่รู้สถานการณ์เลยสักนิด

เมื่อเห็นว่าถามแล้วไม่ได้ความอะไร เหมียวอี้ก็บอกว่า : ได้! เดี๋ยวข้าจะหาทางสืบอีกที!

จินม่าน : ประมุขปราชญ์ ท่านคิดจะหาสถานที่ผนึกพระปีศาจหนานโปเหรอ?

ทว่าเหมียวอี้ตัดขาดการติดต่อไปแล้ว

เหมียวอี้ไม่มีกะจิตกะใจจะฝึกตนอย่างสงยที่ธงพยัคฆ์ดำแล้ว หลังจากออกจากห้องสมาธิ ก็รีบเตรียมงานของธงพยัคฆ์ดำ จากนั้นก็พาเหยียนซิวออกไปด้วยกันเงียบๆ

หยางชิ่งที่มองตามขมวดคิ้วมุ่น สำหรับเรื่องที่เหมียวอี้ถามถึง ‘พระปีศาจหนานโป’ ขึ้นมากะทันหัน ทั้งยังออกไปแบบปุบปับ ไม่รู้เหมือนกันว่าในนั้นมีอะไรเกี่ยวเนื่องกัน

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด