พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1418 การแข่งขันอยู่นอกงานประมูล

Now you are reading พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า Chapter 1418 การแข่งขันอยู่นอกงานประมูล at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ดาวหยกงาม จวนอ๋องสวรรค์โค่ว ประตูตำหนักของตระกูลโค่วพลันเปิดออก อ๋องสวรรค์โค่วหลิงซวีปรากฏตัวอยู่ตรงประตู แววตาเป็นประกายวูบไหว

ในประตูด้านข้าง ผู้เฒ่าถังเดินออกประตูตามมาติดๆ เร่งฝีเท้าเดินเข้ามาถามว่า “นายท่าน มีเรื่องอะไรขอรับ?”

“สั่งให้ทางตลาดผีหยุดการเคลื่อนไหวทุกอย่าง” โค่วหลิงซวีสั่ง

“ทำไมหรือขอรับ?” ผู้เฒ่าถังแปลกใจ

โค่วหลิงซวีเอียงหน้ามองมา “นี่คือกับดักของประมุขชิง หนิวโหย่วเต๋อรีบส่งข่าวมาเตือนเหวินหลานแล้ว เหวินหลานเลยรีบเตือนเจ้าสาม”

ผู้เฒ่าถังตกใจมาก ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว ว่าคุณชายสามจะต้องรีบเตือนบิดาของตัวเองแน่นอน เขารีบหยิบระฆังดาราออกมาส่งข่าวให้ลูกน้องเบื้องล่างวางมือ

โค่วหลิงซวีเอามือไขว้หลังพลางถอนหายใจเบาๆ “เลอะเลือนแล้ว ถูกภูมิหลังชาติกำเนิดของไป๋เฟิ่งหวงทำให้ดวงตาพร่าเลือน ไม่คิดด้วยว่าประมุขชิงจะฉีกหน้ากันได้ นึกไม่ถึงว่าประมุขชิงจะลงมือทำเรื่องแบบนี้…เกรงว่าคนที่หลงผิดคงจะไม่ได้มีแค่พวกเรา รีบเตือนอีกสามอ๋องด้วย”

ผู้เฒ่าถังเข้าใจแล้ว สี่อ๋องสวรรค์มีความสัมพันธ์กันแบบทั้งแข่งขันทั้งร่วมมือกัน เวลาสู้กับประมุขชิงก็มีแต่ต้องร่วมมือกันเท่านั้น ถ้าถูกประมุขชิงจับแยกออกจากกัน เหลืออยู่ฝ่ายเดียวโดดเดี่ยวก็จะไม่ได้มีจุดจบที่ดีเช่นกัน เขาย่อมต้องรีบจัดการอยู่แล้ว แต่ใครจะคิดว่าทางนี้ยังไม่ทันติดต่อไป ตระกูลอิ๋ง หนึ่งในสามอ๋องก็เป็นฝ่ายติดต่อเขามาก่อนแล้ว

หลังจากติดต่อแล้ว ผู้เฒ่าถังก็ถือระฆังดารารายงาน “นายท่าน ทางตระกูลอิ๋งทราบแล้วขอรับ ที่ตลาดผีเป็นกับดักของประมุขชิง ให้พวกเราระวังตัวไว้”

โค่วหลิงซวีงงทันที “พวกเขารู้ก่อนแล้วเหรอ?”

ผู้เฒ่าถังเตือนความจำว่า “นายท่านลืมแล้วหรือขอรับ? จ้านหรูอี้หลานสาวของอิ๋งจิ่วกวงกอยู่กับหนิวโหย่วเต๋อที่ตลาดผี  เห็นได้ชัดว่าหลานสาวของเขาปล่อยข่าวให้เขารู้แล้ว และความคิดของอิ๋งจิ่วกวงกับนายท่านก็เหมือนกัน บอกกับอีกสามอ๋องในทันที”

“อ้อ…เอ๋?” โค่วหลิงซวีทำท่าครุ่นคิดพร้อมกล่าวว่า “ประมุขชิงรู้อยู่แจ่มแจ้งว่านางหนูนั่นอาจจะทำให้ข่าวหลุดได้ แต่กลับใช้งานนางแล้ว…”

ผู้เฒ่าถัง “เป็นอย่างที่นายท่านบอกไว้ก่อนหน้านี้ ประมุขชิงยังไม่อยากฉีกหน้าพวกนายท่านจนถึงที่สุด ถ้าฉีกหน้ากันจริงๆ อำนาจทางทหารแปดส่วนในใต้หล้าล้วนอยู่ในมืออ๋องสวรรค์ทั้งสี่ นอกเสียจากเขาจะอยากปล่อยให้ใต้หล้าวุ่นวายจนคนอื่นฉวยโอกาสเท่านั้นแหละขอรับ ไม่อย่างนั้นตอนนี้ก็ยังไม่ถึงเวลาที่เขาจะทำอะไรพวกนายท่านได้ ถึงตอนนั้นถ้าทำให้ใต้หล้าวุ่นวายจนหาทางจบไม่ได้ ก็กลับจะทำให้เขาเองกลืนไม่เข้าคายไม่ออกด้วยซ้ำ ดังนั้นจึงจงใจเหลือเอาไว้สักช่องทางให้ข่าวหลุด เพียงแต่ว่า…ครั้งนี้เจตนาแสดงไมตรีของประมุขชิงอาจจะชัดเจนไปหน่อย ไม่น่าเชื่อว่าจะผลักดันหลานสาวของอิ๋งจิ่วกวงให้อยู่หน้าเวที”

โค่วหลิงซวีที่กำลังทอดสายตาเลื่อนลอยมองไปไกลฉายแววครุ่นคิด ก่อนจะถอยหายใจเบาๆ “ใช่แล้ว! เจตนาแสดงไมตรีชัดเจนเกินไป เขากำลังบอกพวกเรา ว่าเขายอมถอยให้หนึ่งก้าวแล้ว ต่อไปก็ถึงคราวที่พวกเราจะถอยบ้าง”

ผู้เฒ่าถังขมวดคิ้ว “เขาต้องการอะไร?”

“ยังจะต้องการอะไรได้ล่ะ? ก็ย่อมต้องการควบคุมใต้หล้าให้มากกว่าเดิมอยู่แล้ว!” โค่วหลิงซวีกล่าว

“เขาอยากได้อำนาจทางทหารในมือของพวกนายท่านหรือขอรับ?” ผู้เฒ่าถังตกใจ

โค่วหลิงซวีเหล่ตามองมาแวบหนึ่ง “เจ้าคิดว่าสาเหตุที่เขางัดข้อกับพวกเรา นอกจากสิ่งนี้แล้วยังจะมีสิ่งใดดึงดูดความสนใจของเขาอีกเหรอ? โอกาสดีขนาดนี้ ข้ออ้างดีๆ แบบนี้ส่งมาถึงมือเขาแล้ว มีหรือที่เขาจะไม่ฉวยโอกาสทำอะไรสักอย่าง?”

ผู้เฒ่าถังกล่าวเสียงต่ำว่า “พวกเรารู้สถานการณ์ล่วงหน้าแล้วจึงไม่ติดกับดัก ถ้าจับจุดอ่อนของพวกเราไม่ได้ แล้วจะทำอะไรพวกเราได้?”

โค่วหลิงซวีพ่นเสียงทางจมูก แล้วบอกว่า “จับจุดอ่อนของพวกเราไม่ได้งั้นเหรอ? เจ้าคงไม่คิดว่าเขาเพิ่งจะเริ่มลงมือกับพวกเราตอนนี้หรอกใช่มั้ย? พอมาดูตอนนี้แล้ว นี่เป็นแผนการที่เตรียมไว้ตั้งแต่แรกแล้ว เห็นได้ชัดว่าหน่วยตรวจการฝ่ายขวาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ จากข่าวที่หนิวโหย่วเต๋อเข้าพักในโรงเตี๊ยม หลุดรอดมา ก็สามารถมองเห็นภาพรวมได้แล้ว เพียงแต่ตอนแรกพวกเรานึกไม่ถึงว่าตอนหลังประมุขชิงยังมีแผนนี้รออยู่ พวกเราประมาทแล้ว ในเมื่อประมุขชิงกล้าอาศัยให้นางหนูตระกูลอิ๋งปล่อยข่าวในด่านสุดท้ายได้ ก็แสดงว่ากำลังเตือนพวกเราอยู่  เขาเตรียมตัวไว้รอบคอบมาก เจ้าเชื่อมั้ยว่าสมาชิกที่เกี่ยวข้องอยู่ในการควบคุมและสังเกตการณ์ของหน่วยตรวจการฝ่ายขวาหมดแล้ว?

เจ้าเชื่อมั้ยว่าประมุขชิงวางกำลังพลไว้เรียบร้อยแล้ว? ขอเพียงคนของฝ่ายไหนกล้ามีความเคลื่อนไหวผิดปกติ ก็จะลงมือจับคนทันที อีกฝ่ายจงใจวางแผนโดยที่พวกเราไม่ได้เตรียมป้องกัน เจ้าคิดว่ายังจะหนีทันอีกเหรอ? เรื่องดำเนินมาถึงตอนท้ายแล้วค่อยปะทุออกมา ตอนนี้ต่อให้พวกเราจะอยากจะตั้งกลุ่มไปช่วยชีวิตก็ยังไม่ทันเลย ดีไม่ดีอาจจะเอาตัวเข้าปติดกับดักเองด้วยซ้ำ ถ้าคนตกอยู่ในมือหน่วยตรวจการฝ่ายขวาแล้ว อาศัยวิธีการของไอ้สารเลวเกาก้วน เจ้าคิดว่าอ๋องสวรรค์อย่างพวกเราจะรอดพ้นจากความเกี่ยวข้องได้เหรอ? การคิดอยากได้ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ชุดนั้นไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ถ้าโดนข้อหา ‘ก่อกบฏ’ ขึ้นมา ไม่ว่าใครก็รับไม่ไหวทั้งนั้น!”

“เฮ้อ!” ผู้เฒ่าถังกล่าวอย่างค่อนข้างหงุดหงิดว่า “วางแผนพลาดแล้ว! ถ้าไม่ใช่เพราะธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ชุดนี้ดึงดูดให้ทุกคนออกมา เกรงว่าหน่วยตรวจการฝ่ายขวาอาจจะไม่เพ่งเล็งพวกเราก็ได้ นายท่าน ท่านคิดว่าประมุขชิงอยากได้ผลประโยชน์มากเท่าไร?”

โค่วหลิงซวีหรี่ตา “ตอนนี้ก็ต้องดูว่าเบื้องล่างมีคนติดกับดักเท่าไร”

“นายท่านหมายความว่า ไม่แจ้งเบื้องล่างเหรอ?” ผู้เฒ่าถังตกใจ

โค่วหลิงซวีตอบว่า “ไม่ใช่ไม่แจ้ง แต่ต้องแจ้งให้เหมาะสม ปกป้องระดับจอมพลไว้ ส่วนระดับเทพประจำดาว เกรงว่าจำเป็นจะต้องทำให้มีตำแหน่งว่าง พวกเราก็ยอมหลีกให้ได้เพียงเท่านี้เช่นกัน ประมุขชิงเลิกคิดที่จะได้คืบแล้วเอาศอกไปได้เลย!”

ณ จวนเทพประจำดาวฟ้าเถาะ หองามสง่าน้อย

เทพประจำดาวฟ้าเถาะผังก้วนกำลังเอามือไขว้หลังเดินไปเดินมาอยู่ในหอนั้น สีหน้าดูคร่ำเครียดจริงจัง บ่าวชราเฉินหวยจิ่วกำลังถือระฆังดารา หลังจากรีบติดต่อประสานงานเสร็จแล้วก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก พยักหน้าบอกผังก้วนที่กำลังเดินไปเดินมาว่า “นายท่าน คนทางฝั่งตลาดผีหยุดเคลื่อนไหวได้ทันเวลา”

ผังก้วนกำลังกังวลใจว่าจะไม่ทัน พอได้ยินแบบนี้ก็หยุดฝีเท้า ในที่สุดก็โล่งอกแล้วเช่นกัน เขาเอามือลูบหนวดพลางกล่าวพึมพำว่า “ไม่น่าเชื่อว่าเบื้องบนจะไม่ปล่อยข่าวลงมาข้างล่างสักนิด ไม่รู้ว่าพวกเขาไม่รู้จริงๆ หรือว่ากำลังทิ้งพลทหารเพื่อปกป้องแม่ทัพ หรือว่ามีเหตุผลอย่างอื่น ต้องแจ้งข่าวให้เบื้องบนรู้สักหน่อยมั้ย?”

เฉินหวยจิ่วโบกมือ “ไม่ว่าสถานการณ์ของเบื้องบนจะเป็นยังไง แต่มีอยู่จุดหนึ่งที่สามารถแน่ใจได้ นั่นก็คือด้วยแนวโน้มของสถานการณ์ในใต้หล้าตอนนี้ เป็นไปไม่ได้ที่ฝ่าบาทจะฉีกหน้าบุคคลระดับบนให้ถึงที่สุด เพราะแบบนี้ไม่เป็นผลดีต่อฝ่าบาทเลยสักนิด ดังนั้นนายท่านก็ไม่ต้องกังวลว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับเบื้องบน การปกป้องตัวเองได้นั้นย่อมดีกว่าอะไรทั้งนั้น ถ้าทำอะไรมากไปอาจจะโดนสงสัยว่าทำเกินหน้าที่ด้วยซ้ำ แบบนั้นอาจจะไม่ใช่เรื่องดีกับนายท่าน”

ผังก้วนพยักหน้าอย่างเห็นด้วยมากๆ จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นใบหน้ายิ้ม แล้วกล่าวกลั้วหัวเราะว่า “ดีนะที่หนิวโหย่วเต๋อส่งข่าวนี้มาทันเวลา”

เฉินหวยจิ่วก็ยิ้มเช่นกัน “สงสัยเรื่องแย่ๆ ระหว่างนายท่านกับหนิวโหย่วเต๋อจะกลายเป็นเรื่องดีแล้ว เจ้าเด็กนั่นปราดเปรื่องมาก ไม่ทำเรื่องที่เอาจุดอ่อนของนายท่านมาข่มขู่นายท่าน เท่ากับเป็นฝ่ายนำจุดอ่อนของตัวเองมาส่งให้ถึงมือพวกเราก่อน สามารถมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นต่อกันได้!”

ผังก้วนเอามือลูบหนวดพลางพยักหน้ายิ้ม ก่อนหน้านี้รู้สึกไม่พอใจนิดหน่อยกับเรื่องที่เหมียวอี้เอามาบีบ แต่พอผ่านเรื่องนี้แล้ว ความไม่พอใจเล็กน้อยนั่นก็สลายหายไปราวกับเมฆ เหมียวอี้ใช้ความจริงพิสูจน์แล้วว่าระหว่างพวกเขาเป็นความสัมพันธ์แบบทำงานร่วมกัน มีผลประโยชน์ร่วมกัน ไม่มีการขู่คุกคามอีก นี่เป็นเส้นทางที่จะคบหากันได้ยาวนาน…

ที่ด้านนอกงานประมูลในเวลานี้ บนเรือลำหนึ่งที่จอดอยู่ริมฝั่งที่เป็นถนน ภายใต้แสงของโคมไฟที่ขมุกขมัว คนขับเรือกำลังนั่งขัดสมาธิและเงยหน้ากรอกสุราเลิศรสลงปากอยู่บนหัวเรือ

คนชุดดำหลายคนเดินเข้ามาจากริมฝั่ง กระโดดขึ้นเรือทีละคน แล้วเดินเข้าไปในห้องโดยสารเรือโดยตรง ทำให้ม่านไข่มุกขยับเล็กน้อย

คนขับเรือหันน้ากลับมา ลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้าไปในห้องโดยสารเรือแล้วเช่นกัน เขายิ้มพร้อมถามว่า “ทุกท่านจะไปไหนกันขอรับ?”

คนชุดดำที่นั่งอยู่เบื้องบนเผยป้ายคำสั่งแผ่นหนึ่ง รอยยิ้มบนใบหน้าของคนขับเรือชะงักทันที ดวงตาพลันเบิกกว้าง ตึกศาลาสัตยพรต!

คนชุดดำคนหนึ่งที่อยู่ข้างๆ เดินเข้ามา “ลูกค้าสี่คนที่พาไปส่งที่ตึกศาลาสัตยพรตก่อนหน้านี้เป็นใคร?”

“ข้าไม่รู้ เป็นลูกค้าที่เพิ่งมาขึ้นเรือ” คนขับเรือส่ายหน้าอย่างกังวลนิดหน่อย

“พวกเขาขึ้นเรือที่ไหน?” คนชุดดำถาม

“ตรงโค้งที่หกทางทิศเหนือขอรับ” คนขับเรือตอบ

“ถ้าได้เจอพวกเขาอีกครั้ง เจ้าจะจำพวกเขาได้รึเปล่า?” คนชุดดำถาม

คนขับเรือตอบว่า “ผู้น้อยไม่กล้าฟันธง พวกเขาล้วนปลอมตัว ถ้าหน้าตาไม่เปลี่ยนไป ผู้น้อยก็คงจะจำได้”

ดังนั้นคนขับเรือจึงถูกควบคุมทันที และคนขับเรือคนคนนี้ก็คือคนที่รับพวกเหมียวอี้ไปที่ตึกศาลาสัตยพรตก่อนหน้านี้ พวกเหมียวอี้แค่ต้องการให้เรือของเขาพาไป ไม่ได้ใช้เรือของเขาในขากลับ

เหมียวอี้ที่ตัวอยู่ในงานประมูลไม่สนใจอะไรสักอย่าง จ้านหรูอี้ให้เขารีบเตรียมการ เขาเตรียมการก็ส่วนเตรียมการ แต่ก็ไม่พลาดโอกาสที่จะแอบทำเรื่องส่วนตัวเช่นกัน เขาไม่คิดที่จะสละชีวิตเพื่อตำหนักสวรรค์โดยไร้ความหมาย อำนาจฝ่ายไหนที่เขาสามารถแจ้งข่าวได้ก็แจ้งข่าวไปแล้ว

ไม่ใช่เพราะเขาวางแผนรอบคอบคิดการณ์ไกลอะไรหรอก แต่เป็นเพราะเขาต้องคิดหาทางผ่านสถานการณ์อันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นตรงหน้าไปให้ได้ก่อน ที่เข้าบอกให้อำนาจแต่ละฝ่ายได้รู้ ประการแรกก็เพื่อลดแรงกดดัน ทำให้กำลังพลของผู้มีอำนาจพวกนั้นที่อาจจะโผเข้ามาถอนกำลังออกไป ถ้าทำแบบนั้นเขาย่อมลดความเสี่ยงลงได้ ไม่อย่างนั้นแล้วเมื่อถึงเวลาแล้ว คนอื่นจะไปรู้เหรอว่าเจ้าเป็นใคร มียอดฝีมือมากมายเข้ามาพร้อมกัน แบบนั้นจะทำให้เขา ‘ได้รับบาดเจ็บโดยประมาท’ ได้ง่ายมาก

ที่จริงเขาก็เสนอความต้องการไปเช่นกัน ขออะไรบางอย่างจากอำนาจทุกฝ่ายที่เขาแจ้งข่าวไป ว่าถ้าเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้นกับเขา ก็หวังว่าจะพยายามยื่นมือช่วยให้เขาหลุดพ้นอันตราย แต่ละฝ่ายตอบตกลงแล้ว ส่วนจะทำได้หรือไม่นั้นก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เหมียวอี้ไม่อาจฝากความหวังทุกอย่างไว้ที่มโนธรรมของตำหนักสวรรค์ได้ เขาได้บทเรียนเรื่องมโนธรรมของตำหนักสวรรค์มาแล้ว เคยโดนสุนัขแว้งกัดมาแล้ว เชื่อถือไม่ได้!

จ้านหรูอี้สังเกตได้ถึงความผิดปกติอะไรบางอย่างแล้ว ถ่ายทอดเสียงถามว่า “ทำไมเตรียมการนานขนาดนี้?”

“เรื่องที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของตัวเอง ข้าจะไม่ทำให้ละเอียดรอบคอบได้ยังไง” เหมียวอี้ตอบ

จ้านหรูอี้คิดไปคิดมาก็เห็นด้วย จึงไม่ได้ถามอะไรมากอีก ตอนนี้ความสนใจของนางอยู่ในงานประมูล

ราคาแข่งประมูลในงานค่อนข้างดุเดือด เสียงระฆังดังไม่หยุด ราคาแข่งประมูลสูงถึงสองล้านสามแสนล้านแล้ว ส่วนจ้านหรูอี้ที่เตรียมการทางด้านนี้เสร็จแล้วก็พยักหน้าไปยังทิศทางหนึ่งอย่างแนบเนียน

ผ่านไปไม่นาน ข้างหลังก็มีคนชู้ป้ายพร้อมตะโกนเสียงดัง “สามล้านล้านผลึกแดง!”

เสียงเดียวข่มความเคลื่อนไหวของทั้งงาน ทุกคนหันไปมองคนที่ชูแผ่นป้ายอยู่ข้างหลัง

หยุดนิ่งแล้ว ไม่มีใครแข่งเสนอราคาประมูลอีก อีกฝ่ายให้ราคาสูงขนาดนี้ เห็นได้ชัดว่ามีเจตจำนงแน่วแน่ และราคานี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะจ่ายไหว ภูมิหลังจะต้องไม่ธรรมดาแน่นอน มีกำลังความสามารถแบบนี้ ทั้งยังมีเจตจำนงแน่วแน่ ไม่ว่าใครก็ต้องชั่วน้ำหนักทั้งนั้น ว่าต่อให้ตัวเองแข่งประมูลจนได้มาแล้ว แต่จะสามารถนำธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์หนั่งแสนคันนี้กลับไปจากมืออีกฝ่ายอย่างราบรื่นได้หรือเปล่า

คนที่มีกำลังในการแข่งประมูลธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์หนึ่งแสนคันนี้ล้วนเข้าใจ ว่าถ้าอยากได้ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ชุดนี้ การแข่งขันไม่ได้อยู่ในงานประมูล แต่อยู่นอกงานประมูลต่างหาก

พิธีกรหญิงกวาดสายตามองไปด้านล่างเวที เมื่อไม่เห็นปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ ก็กล่าวเสียงดังว่า “มีคนเสนอราคาสามล้านล้านผลึกแดง ยังมีใครจะเพิ่มราคาอีกหรือไม่…” เมื่อถามต่อเนื่องกันสามครั้งแล้วไม่มีใครตอบ นางก็เขย่าเชือกในมือ “ติ๊งๆๆ” เสียงระฆังดังต่อเนื่องสามครั้ง “หมายเลขเก้าร้อยหาสิบเจ็ดเสนอสามล้านล้านผลึกแดงประมูลซื้อธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ขั้นห้าหนึ่งแสนคันไปในการประมูลรอบสุดท้าย”

จากนั้นนางก็เดินอ้อมออกจากเวที หันหน้าเข้าหาทุกคนพร้อมกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “งานประมูลขายครั้งนี้จบลงแล้ว ผู้ซื้อผู้ขายสินค้าประมูลทั้งสิบรายการกรุณาไปจ่ายเงินและรับสินค้ากันข้างหลังเวที ส่วนการประเมินขายครั้งต่อไปจะเริ่มต้นพรุ่งนี้ ยินดีต้อนรับทุกท่านให้มาอุดหนุนอีกครั้ง!”

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด