พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1629 สำนักของหนานโป

Now you are reading พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า Chapter 1629 สำนักของหนานโป at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

แทบจะเป็นช่วงเวลาเดียวกัน เหมียวอี้ถ่ายทอดเสียงบอกมาว่า “จับเป็น!”

เหยียนซิวงงทันที อาศัยวรยุทธ์ของเขา จะไล่ตามอีกฝ่ายให้ทันก็ยังเป็นไปได้ยากเลย ยังจะให้จับเป็นอีกเหรอ? อย่าบอกนะว่านายท่านนึกว่าอาศัยธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ขั้นห้าคันเดียวแล้วจะล้มอีกฝ่ายได้?

ทว่าน้ำเสียงของเหมียวอี้ฟังดูมั่นใจมาก สีหน้าท่าทางดูภาคภูมิใจ ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือลำพองใจ มองอวิ่นหมิงที่กำลังเร่งหลบหนีอย่างดูแคลน ให้ความรู้สึกเหมือนไม่เห็นอวิ่นหมิงอยู่ในสายตาเลย ใช้มือข้างเดียวถือคันธนู ไม่มีท่าทีว่าจะไล่ตามไปเลย

อวิ่นหมิงที่แย่งของวิเศษห้ามังกรหลบหนีรีบลบตราอิทธิฤทธิ์ของอวิ่นจ้าวในของวิเศษออกไป แล้วประทับตราของตัวเองลงไปแทน ยังไม่ทันได้เรียนรู้วิธีการควบคุม ก็ตกใจเสียงเคลื่อนไหวผิดปกติข้างหลังจนต้องหันกลับไปมองอีกครั้ง

ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์! แค่มองปราดเดียวเขาก็จำได้แล้ว ใช่ว่าจะไม่เคยเห็นมาก่อน เพียงแต่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นไอหมอกลอยวนเวียนอยู่บนลูกธนูดาวตก

เขาย่อมรู้ดีว่าอานุภาพของธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์เป็นอย่างไร ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์ขั้นห้ากระจอกๆ คันเดียวคิดจะทำอะไรนักพรตบงกชรุ้งอย่างเขาน่ะเหรอ ฟังดูเกินจริงไปหน่อยกระมัง แน่นอน ถ้าโดนลูกธนูยิงโดยไม่ได้ป้องกันอะไรก็จะตายอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์คือท่าไม้ตายที่ใหญ่ที่สุดของฝั่งตำหนักสวรรค์ อานุภาพการโจมตีน่าสะพรึงกลัว

ลำแสงยิงเข้ามาเร็วเกินไป ปฏิกิริยาแรกของอวิ่นหมิงก็คือป้องกัน เพราะจะให้หลบก็หลบไม่ทันแล้ว เพราะของเล่นชิ้นนี้สามารถไล่ตามได้ เขาหยิบโล่อันหนึ่งออกมา ใช้พลังอิทธิฤทธิ์ทั้งหมดที่มีต้านไว้ข้างหน้า ชั่วพริบตานั้นลำแสงก็ยิงโดนโล่พอดี

ปั้ง!

ภายใต้แรงพุ่งชน ลำแสงปรากฏรูปร่าง ลูกธนูดาวตกที่มีหมอกทึบสีแดงปรากฏตัว ชนอยู่บนโล่อย่างแรง มีเสียงสะเทือนดังอยู่กลางอากาศหนึ่งครั้ง หมอกสีชมพูที่อยู่บนธนูชนด้วยความเฉื่อย ไอหมอกคลุมทั้งโล่ทั้งคนที่อยู่ข้างหลังโล่เอาไว้มิด

ชั่วพริบตานั้น อวิ่นหมิงก็รู้สึกได้ถึงปราณสังหารที่ทำให้คนขนพองสยองเกล้า ไอหมอกสีแดงนี้แทบจะกลายเป็นปราณสังหารที่เป็นร่างจริงแล้ว ต้องได้รับปราณสังหารรุนแรงขนาดไหนกันถึงจะก่อตัวเป็นรูปร่างได้? บนลูกธนูดาวตกจะมีปราณสังหารที่รุนแรงขนาดนี้ได้อย่างไรกัน?

สิ่งที่ทำให้อวิ่นหมิงอกสั่นขวัญแขวนก็คือ ไม่น่าเชื่อว่าเกราะลมปราณของเขาจะไม่มีสามารถต้านทานได้ สิ่งนี้คล้ายคลึงกับเจ็ดอารมณ์หกปรารถนา

ชั่วพริบตาที่หมอกสีชมพูอมแดงพุ่งเข้ามากลบ อวิ่นหมิงก็ดีดตัวออกมาจากไอหมอกสีแดงอีกครั้ง เขาโดนพลังโจมตีอันแข็งแกร่งของลูกธนูดาวตกจนสะเทือนปลิวออกมา กำลังพลิกไปพลิกมาอยู่กลางอากาศ แต่กลับไม่มีทางหยุดร่างให้หยุดนิ่งอย่างมั่นคงได้เลย

ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากจะหยุดยืนให้มั่นคง แต่หลังจากปราณสังหารอันน่าหวาดกลัวรุกเข้ามาในร่างกายแล้ว มันก็อาละวาดอยู่ในร่างกายเขาไม่หยุด ผิวภายนอกของเขาก็ยิ่งมีรอยแยกเป็นแผลนับไม่ถ้วน เลือดสดไหลออกมาราวกับถูกดาบคมจำนวนนับไม่ถ้วนกรีด เจ็บจนสั่นเทิ้มไปทั้งตัว พยายามกำจัดปราณสังหารที่รุกเข้ากัดกินอยู่ภายในร่างกาย

หลังจากมีเสียงดังปั้ง ลูกธนูดาวตกก็พลิกลับมา

เหยียนซิวรีบไล่ตามไปหาอวิ่นหมิงที่กำลังมีสีหน้าเจ็บปวดทุกข์ทรมาน เขาก็แอบตกใจเช่นกัน ไม่เข้าใจว่าเหมียวอี้ใส่อะไรไว้บนลูกธนูดาวตกตอนที่ยิงออกไป ไม่น่าเชื่อว่าจะทำให้อวิ่นหมิงกลายเป็นอย่างนี้ไปได้

เมื่อเห็นเหยียนซิวสังหารเข้ามา อวิ่นหมิงก็ปกป้องตัวเองอย่างสุดชีวิต โบกดาบฟันอย่างบ้าคลั่ง แต่จนใจที่ทำตามใจคิดไม่ได้ เพราะร่างกายปั่นป่วนไปหมดแล้ว

เงากรงเล็บขวักไขว้แวบผ่านไป “อา!” อวิ่นหมิงกรีดร้องโหยหวน ข้อมือที่ถือของวิเศษห้ามังกรหักจนเลือดสาด ตกลงมาอยู่ในมือเหยียนซิวแล้ว แขนข้างถือถือดาบก็ยิ่งหลุดออกมาทั้งหัวไหล่ โดนเหยียนซิวขยุ้มลงมาด้วยกัน เหยียนซิวผมขาวปลิวสะบัดในขณะที่ถลันตัวไปข้างหลังอวิ่นหมิง แล้วยื่นมือเสียบเข้าไปในแผ่นหลังของอวิ่นหมิงโดยไม่หันกลับไปมองด้วยซ้ำ เย็นเยียบโหดเหี้ยมมาก กักกระดูกสันหลังที่มีเลือดไหลของอวิ่นหมิงเอาไว้แล้ว ทำให้อวิ่นหมิงขยับตัวไม่ได้ จากนั้นก็หิ้วร่างกลับมาตรงหน้าเหมียวอี้

เหมียวอี้เก็บธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์แล้ว ตอนนี้กำลังใช้สายตาเย็นเยียบกวาดมองอวิ่นหมิงที่มีสีหน้าทุกข์ทรมานทั้งยังผิวหนังฉีกขาดไม่หยุด จากนั้นยื่นมือสองข้าง วางพาดไว้บนบ่าของเหยียนซิวกับอวิ่นหมิง รีบร่ายเคล็ดวิชาอัคนีดารากำจัดสิ่งแปลกปลอมในร่างกายทั้งสอง

ผ่านไปพักใหญ่ เหยียนซิวถึงได้ถอนหายใจอย่างผ่อนคลาย ศีรษะที่แทบจะก้มอยู่ตลอดเวลา ในที่สุดก็เงยขึ้นมาตามปกติแล้ว พลังปรารถนาสีส้มส่งผลกระทบต่อเขาค่อนข้างเยอะ ทำให้เขาควบคุมตัวเองค่อนข้างลำบาก ไม่อย่างนั้นเมื่อครู่นี้ตอนที่ได้โอกาสดีก็คงจะฆ่าอวิ่นจ้าวไปโดยตรงแล้ว คงไม่เข้าไปในร่างกายอวิ่นจ้าวเพื่อหาโอกาสล่ออีกสองคนให้เสียเวลาหรอก

เขารู้อย่างลึกซึ้งว่าความผิดพลาดเมื่อครู่นี้แทบจะสร้างปัญหาหายุ่งยากแล้ว ถ้าไม่ใช่เพราะกำจัดอวิ่นจ้าวทิ้งก่อนที่ลูกกลมตีไม่พังของเหมียวอี้จะหมดพลังงานและพังลง ก็เกรงว่าเหมียวอี้คงจะโดนปิดตายอยู่ในนั้นไปแล้ว คงจะหนีออกมาจากลูกกลมตีไม่พังไม่ทันเวลา และไม่มีทางใช้ลูกธนูดอกเดียวควบคุมอวิ่นหมิงได้ด้วย อาศัยความเร็วอย่างเขาไม่มีทางไล่ตามอวิ่นหมิงทัน ถ้าอวิ่นหมิงควบคุมของวิเศษห้ามังกรได้แล้วกลับมาอีกครั้ง ผลที่ตามมาก็จะเลวร้ายจนไม่อยากจิตนาการถึง

“ข้าน้อยแทบจะทำพลาดครั้งใหญ่แล้ว” เหยียนซิวก้มหน้าอย่างอับอาย

เหมียวอี้เองก็ไม่ไม่เลอะเลือน เขาเข้าใจดี จึงส่ายหน้าบอกว่า “โทษเจ้าไม่ได้หรอก ขนาดโดนผลกระทบเจ็ดอารมณ์หกปรารถนาแล้วยังทำสำเร็จได้ แค่นี้ก็นับว่ายากแล้ว” เขามองไปยังอวิ่นหมิงที่อยู่ในมือเหยียนซิว แล้วถามอย่างเย็นเยียบว่า “ทำไมต้องสังหารข้า?”

ปราณสังหารรุนแรงในร่างกายถูกกำจัดไปแล้ว อวิ่นหมิงเงยหน้าที่เลอะเทอะไปด้วยเลือด ค่อยๆ แล้วเผยรอยยิ้มอันน่าเวทนาออกมา “ได้ยินข่าวลือว่าหนิวโหย่วเต๋อเป็นขุนพลผู้กล้าของตำหนักสวรรค์ ทำขนาดนี้แล้วยังโปรดสัตว์ให้เจ้าไม่ได้ เก่งสมชื่อจริงๆ ไม่ได้มีดีแค่ชื่อเสียง ครั้งนี้อาตมารู้ตัวแล้ว คงยากที่จะรอดชีวิตกลับไป ปล่อยอาตมาไปสบายเถอะ!”

เหมียวอี้ไม่ได้พูดอะไรมากกับเขา ตรงนี้ไม่ใช่ที่ที่จะมาเปลืองคำพูดกัน เขาไม่มีทางแน่ใจได้ว่าดาวฮุ่ยหลินเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้หรือเปล่า เขาเอียงหน้ามองเหยียนซิว “ไม่สะดวกจะอยู่ที่นี่นาน เก็บของแล้วหนี”

เหยียนซิวเก็บอวิ่นหมิงทันที หลังจากนำของวิเศษห้ามังกรให้เหมียวอี้แล้ว ก็รีบเก็บกวาดที่เกิดเหตุ ของที่ควรจะเก็บไว้ก็ไม่ปล่อยผ่าน

เหมียวอี้ถือลูกกลมโลหะห้ามังกร ลบตราอิทธิฤทธิ์ที่อยู่ข้างในนั้นออก แล้วใส่ของตัวเองลงไปแทน หลังจากศึกษาวิธีการใช้อย่างละเอียดสักพัก ก็เข้าใจวิธีควบคุมของชิ้นนี้แล้ว

เห็นเพียงเขาใช้มือข้างเดียวรองถือลูกกลมห้ามังกรไว้ในฝ่ามือ ลูกกลมพลันระเบิดแสงสว่างออกมา มังกรห้าตัวมีชีวิตชีวาขึ้นมาราวกับเป็นงูน้อย ตัวพวกมันขยายใหญ่ขึ้นทีละนิด แล้วเลื้อยขึ้นฟ้าพร้อมกัน กลายเป็นมังกรห้าตัวที่บินร่อนอยู่รอบตัวเขาอย่างรวดเร็ว จากนั้นบนตัวมังกรก็มีลำแสงห้าสีให้เห็นอีกครั้ง

หลังจากชื่นชมได้สักประเดี่ยว เหมียวอี้ก็แบมือข้างหนึ่ง มังกรบินห้าตัวที่กำลังบินว่อนก็บินเข้ามาในฝ่ามือเขาอย่างรวดเร็วราวกับสายลม ขณะที่โผเข้ามา ตัวก็หดเล็กลงเร็วมาก กลายเป็นลูกกลมโลหะที่มีรูปสลักมังกรบินอีกครั้ง

“ของวิเศษขั้นหก!” เหมียวอี้ที่กำลังเล่นลูกกลมห้ามังกรพึมพำพลางยิ้มบางๆ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ของวิเศษขั้นหก วรยุทธ์ถึงระดับบงกชรุ้งแล้ว สามารถควบคุมมันได้สะดวกพอดี พอชื่นชมเล็กน้อยก็เก็บเข้ากระเป๋าสัตว์

ผ่านไปไม่นานเหยียนซิวก็กลับมา แล้วทั้งสองก็เหาะฝ่าท้องฟ้าไปอย่างรวดเร็ว เหาะไปยังดาวฮุ่ยหลิน

หลังจากปลอมแปลงใบหน้าแล้ว ทั้งสองก็เดินทางอย่างรวดเร็วอยู่ในดาราจักร ครั้งนี้ไม่ได้ปล่อยเมี่ยวฉุนออกมานำทาง และไม่ได้บอกเรื่องที่เกิดขึ้นให้ใครฟังด้วย

ดาวหลันเย่ บนเกาะแห่งหนึ่งที่อยู่ใต้อารามหลันเย่ คลื่นทะเลซัดกระทบฝั่ง พระอรหันต์ตัวลี่ที่ยืนอยู่บนโขดหินริมทะเลสีหน้าหม่นหมอง เขาเงยหน้าเล็กน้อย มองท้องฟ้าอย่างพูดไม่ออก

เป็นเวลาสองวันแล้ว สองวันที่ผ่านมายังไม่ได้รับข่าวจากลูกศิษย์ที่ส่งออกไปเลย ภายใต้สถานการณ์ปกติ ลูกศิษย์ที่ถูกส่งออกไปปฏิบัติภารกิจจะส่งข่าวกลับมาอย่างน้อยวันละหนึ่งครั้ง เขาลองติดต่อไปแล้ว แต่ระฆังดาราของทั้งหมดติดต่อไม่ได้ ติดต่อศิษย์ทั้งห้าไม่ได้เลยสักคน นี่เป็นเค้าลางแห่งความตาย

แต่เขาก็ยังกอดความหวังเอาไว้นิดหน่อย หวังว่าจะมีความเป็นไปได้อย่างอื่น แต่ผ่านไปสองวันแล้ว เขาถามพระอรหันต์หวยอวี้อ้อมๆ ว่าเมี่ยวฉุนลูกศิษย์ของนางเป็นอย่างไรบ้าง ผลปรากฏว่าพระอรหันต์หวยอวี้ก็กำลังกลุ้มใจเรื่องนี้เหมือนกัน สามารถติดต่อกับเมี่ยวฉุนได้ แต่เมี่ยวฉุนไม่ตอบอะไรกลับมา ไม่รู้ว่าเดินทางไปถึงไหนแล้ว

พอพระอรหันต์ตัวลี่ได้ยินแบบนั้นก็ตกใจแล้ว ตอนที่ศิษย์ทั้งห้าล้อมหนิวโหย่วเต๋อเอาไว้ ก็ได้แจ้งข่าวมาบอกเขาแล้ว บอกว่าล้อมพวกหนิวโหย่วเต๋อไว้ได้แล้ว รายงานเขามาว่าต้องการจะฆ่าปิดปากเมี่ยวฉุน เขาก็อนุญาตไปแล้ว

ตอนนี้เมี่ยวฉุนยังมีชีวิตอยู่ แต่กลับติดต่อศิษย์ทั้งห้าไม่ได้ แสดงว่าทำพลาดแล้ว

เขาคิดไม่ตกนิดหน่อย ไข่มุกห้ามังกรคือของวิเศษอันเลื่องชื่อของเขา เขารู้แจ่มแจ้งว่ามันมีอานุภาพมากขนาดไหน ใช้รับมือกับหนิวโหย่วเต๋อคนเดียวก็ไม่น่าจะมีปัญหาสิ มิหนำซ้ำยังล้อมขังหนิวโหย่วเต๋อเอาไว้แล้ว ทำพลาดได้อย่างไรกัน?

โครม! คลื่นใหญ่ลูกหนึ่งซัดกระทบเข้ามา ละอองน้ำเย็นโผเข้ามาใส่หน้า ทำให้พระอรหันต์ตัวลี่ได้สติกลับมา ขณะมองดูระฆังดาราที่กำแน่นอยู่ในมือ ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มเจื่อนอย่างจนใจ

เพิ่งจพติดต่อกับตระกูลอิ๋งไป บอกว่าฝั่งตัวเองทำพลาดแล้ว มีความเป็นไปได้สูงว่าตัวเองจะถูกเปิดโปง อยากจะขอความช่วยเหลือจากตระกูลอิ๋ง ช่วยหาที่ซ่อนตัวให้เขาสักแห่งที่ตำหนักสวรรค์

แต่ใครจะคิดว่าพอตระกูลอิ๋งได้ยินว่าเรื่องเป็นแบบนี้แล้ว ก็แปรพักตร์ผิดสัญญาทันที บอกว่าตัวเองไม่เข้าใจว่าเขากำลังพูดอะไร จากนั้นก็ตัดขาดการติดต่อกับเขาแล้ว

เห็นได้ชัดเจนมาก ว่าตระกูลอิ๋งไม่กลัวว่าเขาจะพูดซี้ซั้วเลย ไม่ว่าเจ้าจะพูดอะไรอีกฝ่ายก็จะเบี้ยวสัญญาเจ้า ไม่มีพยานหลักฐาน มีสิทธิ์อะไรมาบอกว่าตระกูลอิ๋งเป็นคนบงการ? ถ้าหนิวโหย่วเต๋อตาย แล้วตัวลี่เปิดเผยเรื่องนี้ออกมา เรื่องนี้ก็จะกลายเป็นเรื่องใหญ่ ไม่ว่าจะฝั่งไหนก็ไม่มีทางปล่อยเขาไป ถ้าหากหนิวโหย่วเต๋อยังไม่ตาย ต่อให้ทุกคนเดาออกว่าตระกูลอิ๋งเป็นคนบงการ แต่ถ้าตระกูลอิ๋งปากแข็งไม่ยอมรับ ไม่ว่าใครก็ทำอะไรตระกูลอิ๋งไม่ได้ทั้งนั้น ตอนนี้เก็บตัวลี่ไว้ ถ้าถูกคนจับได้ขึ้นมา นั่นจะหากที่จะโดนบีบจุดอ่อนอย่างแท้จริง

แต่สำหรับตัวลี่นั้นไม่เหมือนกัน หลังจากตระกูลอิ๋งจับตาดูเป็นมา เขาก็ไม่มีทางเลือกเลย ถ้าทำไม่สำเร็จก็จะมีอันตรายใหญ่หลวง ต่อให้เคียดแค้นตระกูลอิ๋งแทบตายก็ไม่มีประโยชน์ เพราะเจ้าไม่มีคุณสมบัติจะไปงัดข้อกับตัวละครใหญ่อย่างตระกูลอิ๋ง ต่อให้เจ้าสู้ตายก็ไม่ทำให้ขนของตระกูลอิ๋งร่วงสักเส้นด้วยซ้ำ และไม่มีสิทธิ์ไปงัดข้อกับตระกูลโค่วด้วยเช่นกัน ถ้าเรื่องนี้ถูกเปิดโปง แดนสุขาวดีก็ต้องให้คำอธิบายกับอ๋องสวรรค์โค่ว เขาเหลือแค่ทางตายทางเดียวเท่านั้น

“เฮ้อ!” ตัวลี่ที่ถอนหายใจเฮือกหนึ่งถอนหายใจแล้วเหาะขึ้นฟ้าไป ทะลุฝ่าชั้นบรรยากาศ จากไปโดยไม่ร่ำลา ดำลงไปในจุดลึกของทะเลดาว…

หลังจากนั้นหลายวัน บนดาวเคราะห์ดวงหนึ่งที่มีคลื่นเมฆประหลาดก็ปรากฏตรงหน้าเหมียวอี้กับเหยียนซิว สองคนที่ลอยเงียบๆ อยู่บนฟ้าหยุดดู

ดาวเคราะห์ดวงนี้มีขนาดไม่เล็ก ทั้งยังถือว่าค่อนข้างใหญ่ด้วย พอทอดสายตามองไปก็เห็นได้ชัดว่ามีอากาศกป้องอยู่ แต่ข้างในกลับเหมือนครึ้มฟ้าครึ้มฝน

เหยียนซิวที่ดูแผนที่ดาวหันกลับมาบอกเหมียวอี้ว่า “นายท่าน จะซ่อนตัวอยู่ในดาวพิษนี่เหรอ?”

เหมียวอี้จ้องดาวเคราะห์ที่อยู่ตรงหน้า “ก่อนหน้านี้เมื่อนานมาแล้ว ตอนที่แผนที่ดาวยังไม่แพร่หลาย ดาวพิษดวงนี้ก็มีอีกชื่อหนึ่ง ชื่อว่าดาวหนานอู๋ เป็นหนึ่งในแดนศักดิ์สิทธิ์ของสำนักพุทธที่วิชาพุทธเจริญรุ่งเรือง เป็นดั่งดินแดนที่อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพลังจิตวิญญาณ ชัยภูมิถ้ำสวรรค์ ตอนหลังสำนักหนานอู๋รับลูกศิษย์คนหนึ่งชื่อว่าหนานโป ในขณะที่ฝึกตนก็พบว่าศิษย์คนนี้ผิดปกติ โจมตีศิษย์คนนี้จนบาดเจ็บสาหัสแล้วยังจับตัวไม่ได้ ปล่อยให้เขาหนีไปแล้ว สำนักหนานอู๋ถึงได้ไล่เขาออกจากสำนัก แล้วประนามศิษย์คนนั้นว่าเป็นพระปีศาจ และประกาศในคนในเส้นทางเดียวกันช่วยจับกุม”

“พระปีศาจ?หนานโป?” เหยียนซิวตะลึงงัน แล้วถามอย่างแปลกใจว่า “อย่าบอกนะว่าพระปีศาจหนานโป ยอดฝีมืออันดับหนึ่งในตำนาน?” เขาอยู่ที่พิภพใหญ่มาหลายปีแล้ว พอจะเคยได้ยินชื่อตัวละครนี้มาบ้าง

“ไม่ผิดหรอก เป็นเขานั่นแหละ ที่นี่เคยเป็นสำนักของเขา” เหมียวอี้พยักหน้า จ้องดาวเคราะห์ที่ครึ้มฟ้าครึ้มฝนอยู่ตรงหน้าพร้อมเล่าว่า “ตอนที่พระปีศาจหนานโปมาเยือนดาวหนานอู๋อีกครั้ง หายนะก็ได้มาเยือนสำนักหนานอู๋แล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าในปีนั้นสำนักหนานอู๋ทำอะไรพระปีศาจหนานโปไว้บ้าง พระปีศาจหนานโปไม่ใช่แค่ล้างเลือดทั้งสำนักหนานอู๋ ฆ่าจนไม่เหลือเกล็ดสักแผ่น ทั้งยังทำลายดาวหนานอู๋แห่งนี้ด้วย โจมตีทะลุเปลือกดาว ทำให้ไฟใต้ดินสูงเสียดฟ้า แล้วใส่พิษไว้ในไฟใต้ดิน ทำให้ดาวเคราะห์ที่งดงามกลายเป็นดาวพิษ ทำให้ความงดงามกลายเป็นความอัปลักษณ์ ทำให้สำนักหนานอู๋ไม่มีทางสร้างสำนักใหม่ที่ดาวหนานอู๋ได้อีก หลังจากนั้นหลายปีก็ประกาศให้ทั้งใต้หล้าจับกุมศิษย์สำนักหนานอู๋ที่บังเอิญไม่อยู่ในตอนนั้นแล้วรอดหายนะ จะเห็นได้ว่าพระปีศาจหนานโปแค้นสำนักหนานอู๋เข้ากระดูกดำจริงๆ”

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด