พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1658 สนมสวรรค์ไม่พอใจหรือเปล่า

Now you are reading พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า Chapter 1658 สนมสวรรค์ไม่พอใจหรือเปล่า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“นายท่านหนิวถ่อมตัวเกินไปแล้ว ใต้หล้ากว้างใหญ่ขนาดนี้ เรื่องที่ตึกศาลาสัตยพรตไม่รู้มีเยอะเกินไป ยกตัวอย่างเช่น ไม่รู้ว่านายท่านกับเม่ยจีคุยอะไรกัน”

เหมียวอี้สบสายตาที่สื่อความหมายล้ำลึกของอีกฝ่าย จากนั้นก็ส่ายหน้าอย่างจนใจทันที  “ยังจะคุยอะไรได้อีกล่ะ ก็เรื่องไม่สบอารมณ์ที่เคยเกิดขึ้นที่แดนสุขาวดี นางตามมาคิดบัญชีข้า จะมาปกป้องอะไรที่ไหนกัน”

“เฮ่อๆ!” เฉาหม่านราวกับได้ฟังเรื่องราวน่าขัน พูดหยอกว่า “อย่าว่าแต่เม่ยจีเลย ต่อให้พุทธะหน้าหยกมาด้วยตัวเอง แต่ก็คงไม่กล้าหาเรื่องนายท่านในเขตตำหนักสวรรค์อย่างเปิดเผยอยู่ดี?”

“อ๋อ!” เหมียวอี้แปลกใจ “อย่าบอกนะว่าเถ้าแก่คิดว่าพวกนางมาปกป้องข้าจริงๆ?”

เฉาหม่านอมยิ้ม  “เช่นนั้นก็เกรงว่าต้องถามนายท่านเองแล้ว อย่างไรเสียก็ไม่มีใครรู้ว่าพวกท่านคุยอะไรกัน” พูดจบก็จิบน้ำชาอย่างเนิบช้า

ตอนออกจากตึกศาลาสัตยพรต เหมียวอี้ที่นั่งอยู่ในห้องโดยสารเรือก็ยังครุ่นคิดว่าคำพูดคลุมเครือของเฉาหม่านหมายความว่าอะไร เขาไม่รู้ว่าเฉาหม่านรู้อะไรมาบ้างแล้วหรือเปล่า เพียงแต่คำพูดของอีกฝ่ายก็ได้เตือนเขาแล้วเช่นกัน อย่างน้อยก็ทำให้เขารู้แล้วว่าเม่ยจีกำลังจับตาดูเขาอยู่

ในขณะเดียวกันเขาก็ไม่รู้ชัดว่าเม่ยจีมีเจตนาอะไรกันแน่ แต่จะไม่ป้องกันก็ไม่ได้ พอกลับมาถึงจวนแม่ทัพภาคก็เสริมการป้องกันทันที

แดนอเวจี ดาวอู๋เลี่ยง หยางชิ่งยืนอยู่ริมหน้าผาเพียงลำพัง ผ้าคลุมปลิวพลิ้วไหวตามสายลม ระฆังดาราในถูกเก็บไปแล้ว ตอนนี้กำลังแหงนหน้ามองดวงตามเกลื่อนท้องฟ้าพลางขมวดคิ้วมุ่นเงียบๆ

หยางเจาชิงรายงานความเคลื่อนไหวทางจวนแม่ทัพภาคตลาดผีแล้ว และพอถามาสาเหตุเหมียวอี้ไป เหมียวอี้ก็บอกเพียงว่าตึกศาลาสัตยพรตเตือนมาว่ารู้แล้วว่าสำนักหลัวช่ากำลังจับตาดูเหมียวอี้อยู่ ส่วนสาเหตุว่าจับตาดูทำไม เหมียวอี้ไม่ยอมบอกความจริง ไม่มีทางที่เหมียวอี้จะบอกเขาเรื่องซากสำนักหนานอู๋

และหยางชิ่งก็รู้เช่นกันว่าเหมียวอี้จะต้องมีเรื่องบางอย่างปิดบังเขาอยู่แน่นอน ถึงแม้จะจนปัญญาแต่เขาเองก็เข้าใจ ไม่ว่าใครก็ไม่อยากบอกความลับกับภายนอกทั้งนั้น

ยิ่งไปกว่านั้น เหมียวอี้ก็เปลี่ยนแปลงท่าทีต่อหยางชิ่งไปเยอะแล้ว แสดงความเชื่อมั่นเป็นอย่างมาก เขาไม่อาจเรียกร้องให้คนที่ดิ้นรนอยู่บนคาบเส้นความตายมาเนิ่นนานอย่างเหมียวอี้ไม่ป้องกันอะไรเขาเลย ดังนั้นเขาจึงกำลังครุ่นคิดว่าจะต้องปรับทัศนคติตัวเอง จะเรียกร้องให้เหมียวอี้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ไม่ได้ เพราะแบบนั้นไม่สอดคล้องกับความเป็นจริง นั่นจะทำให้ความขัดแย้งของทั้งสองฝ่ายลึกลงกว่าเดิมได้ง่าย เขาจะต้องอาศัยท่าทีที่สอดคล้องกับความจริงมาพิจารณาและเผชิญหน้ากับความสัมพันธ์ระหว่างกัน หาวิธีการจัดการเรื่องนี้อย่างสมดุล

เพียงแต่เมื่อเป็นอย่างนี้ เขาก็จะต้องใช้พลังความคิดและสมาธิเยอะมากแน่นอน

จินม่านสวมชุดกระโปรงยาวสีทองบนเรือนร่างที่อ่อนช้อยงดงาม ใบหน้างดงามภูมิฐานทั้งยังดูสูงส่ง นางเดินมายืนอยู่ข้างกายหยางชิ่งเงียบๆ ตอนนี้กำลังเอียงหน้ามองประเมินหยางชิ่ง

จากคิ้วที่ขมวดมุ่นของหยางชิ่งก็มองออกแล้วว่าเขากำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างจนใจลอย ถึงขั้นไม่ได้สังเกตเห็นว่านางมาถึงแล้ว

ดวงตางามหยุดนิ่งอยู่บนขมับที่มีผมขาวแซมของหยางชิ่ง

แม้หยางชิ่งจะมาอยู่ที่นี่ได้ไม่นาน แต่ความเปลี่ยนแปลงบนร่างกายหยางชิ่งก็เห็นชัดเจนเกินไป ริ้วรอยแห่งวัยที่เกิดขึ้นเนื่องจากใช้สมองทำงานหนักแบบนั้นทำให้นางอดสะเทือนใจไม่ได้ นี่คือนักพรตเหรอ? นางแอบสังเกตโดยไม่รู้ตัว เมื่อสังเกตมาเนิ่นนานก็นึกไม่ถึงว่าจะค้นพบอะไรอย่าง นางพบว่ายามผู้ชายคนนี้ใช้ความคิด บนตัวเขาก็เกิดเสน่ห์เฉพาะตัวบางอย่างที่นางอธิบายไม่ถูก เป็นเสน่ห์เฉพาะตัวไร้การเสแสร้งที่แฝงเร้นอยู่ในความล้ำลึกและเอาจริงเอาจังของเขา

บางครั้งก็จะเห็นเขาเงยหน้ามองใบไม้เงียบๆ อยู่ใต้ต้นไม้นานมาก บางครั้งก็จะเห็นเขายืนอยู่หน้ากระถางดอกไม้แล้วยื่นมือไปสัมผัสกลีบดอกไม้ค้างไว้ บางครั้งก็จะเห็นเขาเอามือไขว้หลังมองฟ้าโดยไม่พูดอะไร…ที่นี่เหมือนจะทิ้งเงาร่างอันเงียบงันของเขาเอาไว้ทุกจุด ทุกที่ล้วนทิ้งร่องรอยความคิดของเขาเอาไว้ ความเอาจริงเอาจังที่สลักลึกอยู่ในใจ ทำให้ทุกคนที่นี่แทบจะไม่กล้ามารบกวนเขายามอยู่ในสภาวะนี้

บางครั้งที่มองเขาจากที่ไกลๆ จินม่านก็ไม่รู้จริงๆ ว่าเหตุใดชายคนนี้จึงจมอยู่ในความล้ำลึกไร้ขอบเขตอยู่เสมอ ความล้ำลึกแบบนั้นถึงขั้นทำให้สายตาของคนที่กำลังมองเขาล้ำลึกตามไปด้วย ถูกเขาดึงดูดจนละสายตาไม่ได้โดยไม่รู้ตัว

จินม่านไม่รู้ว่าเขากำลังครุ่นคิดเรื่องอะไรอยู่ แต่กลับรู้ว่าผู้ชายคนนี้ได้เปลี่ยนท่าทีที่หกลัทธิมีต่อเขาไปแล้วอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว ตอนแรกทุกคนถูกบังคับให้ยอมรับ ‘ผู้ช่วยใหญ่’ อย่างเขา ที่จริงตอนแรกไม่ได้เห็นผู้ช่วยใหญ่คนนี้สำคัญอะไรเลย แต่ตอนนี้หกลัทธิเหมือนจะยอมรับผู้ช่วยใหญ่คนนี้อย่างแท้จริงแล้ว เมื่อไม่มีเขาเป็นผู้ไกล่เกลี่ย หกลัทธิก็จะวุ่นวายทันที อย่างน้อยการใช้กำลังควบคุมจนนองเลือดก็เป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้

หลังจากมีคนมามากมายขนาดนั้น คนเก่าคนแก่ส่วนใหญ่ของหกลัทธิก็แต่งงานมีภรรยาแล้ว มีครอบครัวกันหมดแล้ว ฝ่ายหญิงมักไม่ได้มีแค่คนเดียว มีเป็นศิษย์ในสำนัก มีผู้อาวุโส บางทีอาจจะใช้กำลังควบคุมได้ แต่ผลที่ตามมาหลังจากควบคุมล่ะ?

สรุปก็คือผู้ชายคนนี้สามารถลงหลักปักฐานที่แดนอเวจีได้ภายในเวลาอันสั้น ตอนนี้ที่หกลัทธิยังไม่มีใครต่อต้านผู้ชายคนนี้อีก

“ผู้ช่วยใหญ่กำลังคิดอะไรจนใจลอยขนาดนี้?” จินม่านเอ่ยถามหลังจากจ้องเขาเงียบๆ มาครู่หนึ่งแล้ว

“เอ่อ…” หยางชิ่งดึงสติกลับมา หันไปสบดวงตางามที่กำลังมองตนอยู่ แล้วชั่วพริบตาเดียวก็มองค้างไว้อย่างนั้น เหมือนมีเจตนาจะค้นหาความคิดภายในของอีกฝ่าย

จินม่านยิ้มบางๆ รอยยิ้มอ่อนโยนที่พบเห็นได้ยากแผ่กระจายอยู่บนใบหน้านาง ทำให้หยางชิ่งตะลึงเล็กน้อย

จากนั้นทั้งสองก็ต่างคนต่างหันมองไปข้างหน้า หยางชิ่งส่ายหน้าตอบด้วยรอยยิ้มเจื่อน “ตอนนี้สถานการณ์ของราชาปราชญ์น่ากังวล ถ้าเกิดเรื่องกับราชาปราชญ์เมื่อไร เจ้าก็รู้ถึงผลที่ตามมา”

จินม่านพยักหน้า “ข้าได้ยินข่าวมาแล้วเช่นกัน ราชาปราชญ์เหมือนจะสร้างความเคลื่อนไหวไม่ใช่เล็กๆ ที่ตลาดผี ลากผู้ร้ายหลบหนีเดินในตลาดผีติดต่อกันหลายครั้ง ไม่รู้ว่าตึกศาลาสัตยพรตจะคิดยังไง ก่อนหน้านี้ราชาปราชญ์ส่งข่าวมาถามข้าเรื่องระบำมารสวรรค์ ข้ายังอยากจะถามเขาว่าเรื่องเป็นยังไงกันแน่ แต่คิดไปคิดมาก็ไม่ถามดีกว่า รู้ว่าถ้าราชาปราชญ์ไม่อยากบอก ถามไปก็ไม่มีประโยชน์ เขาทำแบบนี้แปลว่ามีจุดประสงค์แน่นอน”

“ระบำมารสวรรค์?” หยางชิ่งงุนงง หันกลับมาถามว่า “ระบำมารสวรรค์อะไร?” เหมียวอี้ไม่ได้บอกสิ่งนี้กับเขา

“เป็นวิธีการชั้นต่ำบางอย่างเท่านั้นเอง เป็นระบำที่ใช้ยั่วผู้ชาย…” จินม่านเล่า

“ยินดีกับนายท่าน ยินดีด้วยนายท่าน”

จวนแม่ทัพภาคตลาดผี หลังจากส่งคนมอบรางวัลจากตำหนักนารีสวรรค์กลับไปแล้ว พอหันตัวมา สวีถังหรานก็เป็นคนแรกที่ชิงกล่าวแสดงความยินดีกับเหมียวอี้ แล้วทุกคนก็กล่าวแสดงความยินดีตาม

เหมียวอี้ได้สร้างผลงานใหม่อีกครั้ง เกราะรบสีม่วงบนตัวเปลี่ยนเป็นยศสองแถบ ตอนนี้เขามองสวีถังหรานด้วยสายตาหยอกล้อ พบว่าเจ้าเวรนี่ช่างหน้าด้านจริงๆ ครั้งก่อนตำหนิไปแล้วครั้งหนึ่ง แต่ครั้งนี้ก็ยังไม่แก้ไขเหมือนเดิม ราวกับว่าถ้าไม่ได้พูดประจบแล้วจะมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้

เมื่อนำทุกคนกลับมาในห้องโถงใหญ่ เหมียวอี้ก็ยืนอยู่เบื้องบนแล้วหันตัวมา จากนั้นกวาดสายตาอันล้ำลึกมองทุกคนที่อยู่เบื้องล่างเหมียวอี้ “ตั้งแต่นี้ไป ตรึงกำลังพลตลาดผี เสริมการป้องกันทั้งในและนอกจวนแม่ทัพภาค!”

เมื่อเอ่ยคำสั่งนี้ออกมา ก็หมายความว่าตึกศาลาสัตยพรตตอบแทนน้ำใจตระกูลโค่วหมดแล้ว จะไม่คุ้มครองเขาอย่างเปิดเผยอีก

ฝ่ายเขารู้ถึงท่าทีลับๆ ของตึกศาลาสัตยพรต แต่เกรงว่าบางคนคงยังไม่รู้ ว่าอันตรายกำลังจะมาเยือนแล้ว!

ตำหนักนารีสวรรค์ ประมุขชิงเดินเข้ามาด้วยความเร็วปกติ เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ที่รู้ข่าวนำกลุ่มคนออกมาต้อนรับแล้ว นางย่อเข่าคำนับพร้อมรอยยิ้ม “หม่อมฉันคำนับฝ่าบาทเพคะ”

“ไม่ต้องมากพิธี” ประมุขชิงรีบก้าวมาข้างหน้า ประคองแขนเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ขึ้นมาด้วยตัวเอง เขามองท้องของนางที่ยื่นออกมาครึ่งหนึ่ง แล้วจูงมือนางเดินเข้าไปด้วยกัน “กำลังตั้งครรภ์ ต่อไปไม่ต้องมากพิธีรีตองแบบนี้แล้ว”

“ทำแบบนั้นได้อย่างไรเพคะ จะให้เสียธรรมเนียมไม่ได้!” เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ตอบกลับอย่างมีไหวพริบ

ประมุขชิงหัวเราะเบาๆ พอเห็นนางในหน้าใหม่หลายคนในตำหนัก จึงถามว่า  “คนใหม่ๆ ที่ตระกูลเซี่ยโห้วส่งมา เจ้าใช้งานคล่องแล้วสินะ?”

นางในพวกนี้ไม่ใช่คนของในวังเลย ล้วนเป็นคนที่ตระกูลเซี่ยโห้วคัดเลือกและส่งมา บอกว่าส่งมาให้ปรนนิบัติราชินีสวรรค์ ต่อให้ใช้เพื่อปกป้องก็ต้องมีมากๆ หน่อย ภายใต้สถานการณ์ปกติ จะไม่อนุญาตให้คนนอกวังเข้ามาในวัง แต่ครั้งนี้ประมุขชิงยกให้เป็นกรณีพิเศษ เพราะเขารู้ดีอยู่แก่ใจว่าที่วังหลังมีเรื่องสกปรกโสมมบางอย่าง กอปรบกับในวังหลังเกี่ยวโยงไปถึงการแข่งขันของอำนาจฝ่ายต่างๆ เรื่องบางเรื่องป้องกันไม่ชนะเลยจริงๆ

เขาจะโปรดปรานเซี่ยโห้วเฉิงอวี่หรือไม่นั่นก็อีกเรื่องหนึ่ง แต่ในเมื่อให้เซี่ยโห้วเฉิงอวี่มีทายาทให้แล้ว อย่างไรเสียในท้องเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา เป็นการสืบทอดชีวิตครั้งแรกของประมุขชิง ในใจเขามีความรู้สึกพิเศษอยู่บ้าง มีหรือที่จะปล่อยให้คนเจตนาไม่ดียื่นมือพิษเข้ามาที่เลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเอง

เขารู้อย่างแจ่มแจ้ง ถ้าถามว่าตอนนี้มีอำนาจฝ่ายไหนในใต้หล้าที่ปกป้องเซี่ยโห้วเฉิงอวี่และลูกในท้องอย่างสุดจิตสุดใจ พร้อมทั้งมีความสามารถที่จะทำอย่างนี้ คำตอบก็มีเพียงตระกูลเซี่ยโห้วแล้ว เขาก็เลยอนุญาตให้ตระกูลเซี่ยโห้วเลือกคนที่ไว้ใจได้มาคอยดูแลเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ที่ตำหนักนารีสวรรค์เป็นพิเศษ

“ทางบ้านหม่อมฉันใช้ความคิดเยอะมาก ตั้งใจดูแลหม่อมฉันดีมาก” เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ตอบพร้อมรอยยิ้ม

“อื้ม! เช่นนั้นก็ดี” ประมุขชิงพยักหน้า มองซ้ายมองขวาแล้วโบกมือบอกว่า “ตบรางวัลให้ทุกคน!”

“ขอบพระทัยฝ่าบาท!” นางในทางด้านขวาย่อเข่าคำนับเป็นอแถบๆ

พอเข้ามาในตำหนักแล้ว ประมุขชิงก็นั่งลงแล้วจูงมือเซี่ยโห้วเฉิงอวี่มาตรงหน้าตัวเอง จากนั้นใช้สองมือประคองเอวนาง แนบหูไว้บนท้องที่ยื่นออกมาครึ่งหนึ่งของนาง

เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ปิดปากหัวเราะ หลังจากนางตั้งครรภ์ นี่คือเรื่องที่ประมุขชิงต้องทำทุกครั้งที่มา

ถ้าเป็นไปได้ นางก็หวังว่าท้องของนางจะใหญ่อย่างนี้ตลอดไป ตั้งแต่นางตั้งท้อง ท่าทีของประมุขชิงที่มีต่อนางก็ดีมากอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน นอกจากจะอ่อนโยนเอาใจใส่แล้ว ก็มาหานางทุกสามวันห้าวัน บางทีอาจจะเห็นแก่ที่นางตั้งท้องก็ได้ แต่ความรู้สึกแบบนี้ดีมากจริงๆ

เพียงแต่เรื่องเดียวที่ไม่ดีก็คือ ประมุขชิงไม่แตะต้องนางเรื่องบนเตียงอีก ต่อให้นางจะบอกว่าไม่เป็นอะไร แต่ประมุขชิงก็จะอ้างว่าต้องระวังตัว แทบจะไปพักอยู่ที่ตำหนักบูรพาอยู่แล้ว

พอนึกถึงตรงนี้นางก็แค้นจนกัดฟันกรอด รอจนกระทั่งประมุขชิงย้ายหูออกจากท้องนางด้วยใบหน้าชื่นบานแล้ว นางก็คลำท้องพร้อมบ่นอย่างน้อยใจ “ฝ่าบาท หม่อมฉันตั้งท้องแล้ว สนมสวรรค์จะไม่พอใจหรือเปล่าเพคะ?”

“เอ๋…” ประมุขชิงงงงวย “ทำไมถามอย่างนี้ล่ะ?”

เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ตอบว่า “ทุกครั้งที่เห็นสนมสวรรค์ สนมสวรรค์ก็มักจะทำสีหน้าเย็นชา ทำอย่างกับลูกในท้องข้าติดหนี้นางอย่างนั้นแหละเพคะ”

ประมุขชิงกระตุกมุมปาก ก็รู้ว่านางหาเรื่องแล้ว เขายิ้มแห้ง “นิสัยของสนมสวรรค์ก็เป็นอย่างนั้นมาตลอด ใช่ว่าเจ้าจะไม่รู้”

“ใช่ว่าฝ่าบาทจะไม่รู้เรื่องในวังหลัง ไม่ให้หม่อมฉันคิดมากไม่ได้หรอกเพคะ พอเห็นสนมสวรรค์ทีไร หม่อมฉันก็รู้สึกตึงท้องทุกที บอกไม่ถูกว่าเพราะอะไร อาจจะเป็นเพราะหม่อมฉันจิตใจคับแคบเกินไป ฝ่าบาทเพคะ หรือไม่อย่างนั้นก็ให้หม่อมฉันกลับไปคลอดลูกที่บ้านตัวเองเถอะ” เซี่ยโห้วเฉิงอวี่กล่าว

ประมุขชิงขมวดคิ้ว มองดูท้องที่ยื่นอยู่ตรงหน้า แล้วสุดท้ายก็กล่าวอย่างลังเลว่า “ให้สนมสวรรค์กลับไปรออยู่ที่บ้านตัวเองก็แล้วกัน เดียวข้าจะออกคำสั่งไป!”

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด