พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1678 สี่อ๋องร่วมมือ

Now you are reading พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า Chapter 1678 สี่อ๋องร่วมมือ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

จวนอ๋องสวรรค์โค่ว สถานที่สำคัญของเรือนด้านหลัง โค่วหลิงซวี ถังเฮ่อเหนียน โค่วเจิง นี่คือสามคนที่มีอำนาจสูงสุดของตระกูลโค่ว มารวมตัวกันอยู่ในตำหนักตลอดโดยไม่ออกไปไหน เหตุการณ์ผิดปกติในการออกล่าที่น้ำพุวังเวงทำให้ทั้งสามทิ้งงานอื่นไว้ก่อนชั่วคราว ยกระดับการเฝ้าจับตาดูสถานการณ์ทางน้ำพุวังเวง

ถังเฮ่อเหนียนแทบจะอยู่ไม่ห่างจากระฆังดารา รักษาการติดต่อกับน้ำพุวังเวงไว้ตลอดเวลา

แต่ผ่านไปไม่นาน สายตาของถังเฮ่อเหนียนกับโค่วเจิงก็ไปหยุดอยู่บนตัวโค่วหลิงซวีพร้อมกัน เห็นโค่วหลิงซวีหยิบระฆังดาราออกมาเช่นกัน ทั้งสองย่อมเข้าใจ ว่าคนที่สามารถติดต่อกับโค่วหลิงซวีโดยตรงได้ ล้วนมีฐานะที่ไม่ธรรมดา ไม่รู้ว่าภายใต้สถานการณ์แบบนี้จะติดต่อใครได้

หลังจากโค่วหลิงซวีเก็บระฆังดาราเงียบๆ สีหน้าก็เยือกเย็นไม่สะทกสะท้าน เพียงก้มหน้าเท่านั้น ทำให้คนรู้สึกเงียบขรึมอึดอัดเป็นพิเศษ

ทั้งสองสบตากันแวบหนึ่ง ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้ว ทุกครั้งที่อยู่ในเวลานี้โค่วเจิงจะไม่กล้าพูดออกมาง่ายๆ รู้ว่าบิดากำลังอารมณ์ไม่ดีถึงได้เป็นอย่างนี้ กลัวว่าถ้าพูดผิดไปแล้วจะยั่วโมโหท่านพ่อ ถึงแม้โค่วหลิงซวีจะไม่ค่อยทำให้เขาโมโหง่ายๆ แต่ถ้าโมโหขึ้นมาเมื่อไร ก็จะน่ากลัวมากเช่นกัน ดังนั้นแม้จะมีคำถาม แต่ก็ยังพยายามอดกลั้นไม่เอ่ยปากถาม

ทว่าในเวลานี้มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เหมาะสมจะเอ่ยปากที่สุด โค่วเจิงเหลือบมองถังเฮ่อเหนียนเบาๆ

ถังเฮ่อเหนียนเองก็สังเกตเห็นปฏิกิริยาของโค่วหลิงซวีแล้วเช่นนั้น ตอนนี้กำลังจัดระเบียบความคิด หลังจากแน่ใจแล้วว่าตัวเองเหมาะสมจะเอ่ยถาม ถึงได้ถามหยั่งเชิงว่า “ท่านอ๋อง เกิดเรื่องอะไรขึ้นขอรับ?”

โค่วหลิงซวีกล่าวช้าๆ “จู่ๆ มียอดฝีมือมากมายขนาดนั้น อิ๋งจิ่วกวงสงสัยว่าประมุขชิงจะแอบลงมือแล้ว!”

ถังเฮ่อเหนียนกับโค่วเจิงทำสีหน้าตกตะลึงพร้อมกัน มีความเป็นไปได้จริงๆ ในใต้หล้านี้ ผู้ที่สามารถโยนยอดฝีมือระดับสำแดงฤทธิ์ออกมาใช้ได้งานเยอะขนาดนี้มีไม่มาก คนทั่วไปไม่มีความกล้าที่จะลงมือกับตระกูลอิ๋งเช่นกัน ถ้าเป็นอย่างนี้จริงๆ ก็มีความเป็นไปได้เพียงสองอย่าง หนึ่งก็คือหนิวโหย่วเต๋อแอบไปพึ่งพาประมุขชิงแล้ว ได้รับการสนับสนุนจากประมุขชิงแล้ว สองก็คือหนิวโหย่วเต๋อไม่ได้พึ่งพาประมุขชิง แต่เป็นประมุขชิงที่เป็นฝ่ายยื่นมือช่วยหนิวโหย่วเต๋อเอง จุดประสงค์ในตอนนี้ก็คือไม่ให้หนิวโหย่วเต๋อตาย ต้องการทำให้ตระกูลโค่วทุกข์ทนต่อไป ที่แท้สถานการณ์ก็เป็นอย่างนี้

สองสถานการณ์นี้ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ไหน ก็ล้วนไม่ใช่เรื่องดีสำหรับตระกูลโค่ว

ที่แท้ก็เป็นสถานการณ์นี้นี่เอง โค่วเจิงเอ่ยถาม “น้องเจ็ดยังอยู่ในบ้าน หนิวโหย่วเต๋อยอมตายเพื่อน้องเจ็ดได้ คงไม่ถึงขั้นทำให้น้องเจ็ดลำบากใจหรอกกระมัง?”

ถังเฮ่อเหนียนลังเล “ประเด็นสำคัญก็คือประมุขชิงรู้ได้อย่างไรว่าหนิวโหย่วเต๋อจะลงมือกับอิ๋งหยางที่น้ำพุวังเวง? เรื่องที่หนิวโหย่วเต๋อสาบานว่าจะเอาอิ๋งหยางเรียกได้ว่าเป็นความลับ ท่านอ๋องเอ่ยปากถามเองก็สิ้นเรื่องแล้ว ตระกูลที่เหลือคงไม่พูดซี้ซั้วเช่นกัน หนิวโหย่วเต๋อก็ยิ่งไม่มีทางป่าวประกาศเอง ภายใต้สถานการณ์ที่ยังไม่รู้เงื่อนไขเบื้องต้นนี้ ต่อให้เป็นการออกล่าที่น้ำพุวังเวงตามปกติ ก็มียอดฝีมือเข้าร่วมด้วยอยู่ดี ใครจะจินตนาการได้ล่ะว่าหนิวโหย่วเต๋อจะกล้าโจมตี แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าตระกูลอิ๋งจะวางกับดักในออกล่าที่น้ำพุวังเวง?”

โค่วหลิงซวีไม่สะทกสะท้านกับคำพูดนี้ กล่าวอย่างสุขุมต่อไปว่า “อิ๋งจิ่วกวงขอให้กำลังพลของตระกูลโค่วที่น้ำพุวังเวงไปร่วมกันโจมตีผู้ลอบจู่โจม!”

ถังเฮ่อเหนียนกับโค่วเจิงพูดไม่ออก ต่างก็เข้าใจแล้วว่าหมายความว่าอะไร ถ้าหนิวโหย่วเต๋ออยู่ในกำลังพลที่ลอบจู่โจม ก็ไม่ต่างอะไรกับการที่ตระกูลโค่วร่วมมือกับคนนอกเพื่อฆ่าคนบ้านตัวเอง

“ไม่ทราบว่าตระกูลอิ๋งยินดีจ่ายเป็นอะไร?” ถังเฮ่อเหนียนขมวดคิ้วถาม

“แค่ตำแหน่งหัวหน้าภาคตำแหน่งเดียว ต่อให้มีเพิ่มก็ไร้ประโยชน์” โค่วหลิงซวีตอบ

ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบงัน

จวนอ๋องสวรรค์ฮ่าว ท่านอ๋องกับพ่อบ้านกำลังปรึกษากัน คนที่อยู่รอบบริเวณศาลานี้ถอยออกไปหมดแล้วอย่างรู้กาลเทศะ

“ตระกูลอิ๋งยินดีจ่ายเป็นอะไรคะ?” ซูอวิ้นถามคำถามเดียวกับถังเฮ่อเหนียน

คำตอบของฮ่าวเต๋อฟางก็คล้ายกับโค่วหลิงซวี “ให้พอเป็นพิธีเท่านั้น หัวหน้าภาคตำแหน่งเดียว ฝั่งพวกเรายังคุยง่ายหน่อย แต่ทางตระกูลโค่วคงจะสับสนที่สุด”

“แต่ก็ยังตอบตกลง” ซูอวิ้นพยักหน้าเบาๆ

ฮ่าวเต๋อฟางเอามือไขว้หลังทอดสายตามองไปไกล “ถ้าได้มือดีของตระกูลที่เหลือ ก็น่าจะควบคุมสถานการณ์ได้!”

จวนแม่ทัพภาคตลาดผี ในตำหนักประชุม หยางเจาชิงเรียกรวมทหารทุกคนมาประชุมในนามของเหมียวอี้ หลังจากถ่ายทอดคำสั่งแล้ว ทุกคนก็แยกย้ายกันไปปฏิบัติการ

ทุกคนต่างก็ลังเลนิดหน่อย แต่ก็ยังปฏิบัติตามคำสั่ง ไม่นานในจวนแม่ทัพภาคก็เกิดเสียงอาวุธดังโช้งเช้งอยู่พักหนึ่ง คนกลุ่มหนึ่งพยายามควบคุมเสียงไม่ให้ภายนอกได้ยิน ทุกคนกำลังควงดาบและกระบี่ฟันขุดผนัง

มี ‘เส้นด้ายแขวนชีวิต’ ถูกขุดออกมาจากระหว่างคานกับเสา ถึงแม้ผลึกแร่ผสมจะทนการเคาะตีได้ แต่ก็ทนไม่ได้หากโดนตีซ้ำๆ เมื่อถูกโจมตีอย่างรุนแรงแล้ว ถึงขั้นไม่ต้องตีแรงซ้ำ คานหลักต้นนี้ก็จะถล่มลงมาแน่นอน

ไม่ใช่แค่คานกับเสาต้นนี้ แต่ยังมีผนังอีกสี่ด้าน เรียกได้ว่ากำลังสร้างห้องอันตรายที่สามารถถล่มได้ทุกเมื่อ

สวีถังหรานที่ติดตามหยางเจาชิงไปตรวจดูทั้งข้างล่างข้างบนหวาดระแวงนิด แอบถ่ายทอดเสียงถามว่า “แบบนี้หมายความว่าอะไร? ข้าว่านะเหล่าหยาง จวนแม่ทัพภาคตลาดผีมีมาตั้งแต่ก่อตั้งตำหนักสวรรค์แล้ว พวกเราล้างผลาญแบบนี้จะเหมาะสมเหรอ? ยังไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น ถ้าวันไหนอนๆ อยู่แล้วไม่ทันระวัง มันถล่มลงมาทับพวกเราตายจะทำยังไง แบบนั้นไม่คุ้มเกินไปแล้ว”

“เป็นประสงค์ของนายท่าน พวกเราทำตามก็พอแล้ว” หยางเจาชิงตอบอบย่างขอไปที หยุดเดินแล้วหันมาบอกว่า “ทางเจ้าก็เตรียมตัวได้แล้ว พอนายท่านส่งข่าวมา ก็ให้ลงมือทันที! เหล่าสวี เรื่องนี้สำคัญมาก อย่าให้เกิดช่องโหว่อะไร ไม่อย่างนั้นนายท่านไม่อภัยเจ้าแน่”

“เจ้าวางใจการทำงานของข้าได้!” สวีถังหรานตบอกรับประกัน จากนั้นก็เดินก้าวยาวจากไป…

น้ำพุวังเวงชั้นสิบเอ็ด แดนอัสนีบาต

ด้านนอกกระโจมค่าย แสงสายฟ้าวับวาบไม่หยุด โค่วเหวินไป๋กับโค่วหู่ที่อยู่ในกระโจมค่ายได้รับข่าวจากระฆังดาราแทบจะพร้อมกัน

โค่วหู่ติดต่อเสร็จก่อน เขาเก็บระฆังดาราเงียบๆ มองโค่วเหวินไป๋ที่ยังติดต่อ สีหน้าค่อนข้างคร่ำเครียด เฝ้ารอโดยไม่พูดอะไร

หลังจากโค่วเหวินไป๋ติดต่อเสร็จแล้ว ก็บีบระฆังดาราไว้ในมือเงียบๆ สีหน้าดูค่อนข้างหดหู่

ตอนนี้โค่วหู่ถึงได้บอกว่า “เป็นการตัดสินจากฝั่งท่านอ๋อง ทางตระกูลอิ๋งก็บอกเหมือนกันว่าประมุขชิงอาจจะลงมือแล้ว”

“เมื่อครู่ท่านพ่อบอกแล้ว” โค่วเหวินไป๋กล่าวอย่างสงบนิ่ง

โค่วหู่สูดหายใจลึก แล้วจู่ๆ ก็กล่าวอย่างเคารพ “กำลังพลที่ออกล่าของตระกูลอิ๋งถูกจู่โจม ท่านอ๋องส่งข่าวให้ข้าน้อยด้วยตนเอง โจรชั่วอาละวาด บังอาจโจมตีกำลังพลของตำหนักสวรรค์ ไม่อาจปล่อยไปง่ายๆ สั่งให้ข้าน้อยเป็นแม่ทัพสูงสุด ให้นำกำลังพลที่ออกล่าไปสนับสนุนเดี๋ยวนี้ ไปโจมตีร่วมกับตระกูลอิ๋ง ต้องกำจัดโจรชั่วให้หมด!”

โค่วเหวินไป๋พยักหน้า “ข้ารู้แล้ว ท่านพ่อบอกข้าแล้ว…” จากนั้นก็กุมหมัดคารวะโค่วหู่  “ข้าน้อยยินดีเชื่อฟังคำสั่งทหารของขุนพลใหญ่!”

โค่วหู่ใช้สองมือประคองเขา แล้วอึกอึกเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง สุดท้ายก็กล่าวอออกมาอย่างยากลำบากว่า “ท่านอ๋องมีคำสั่ง ว่าศึกนี้ใครจะถอยก็ได้ แต่มีเพียงนายน้อยโค่วเหวินไป๋ที่ถอยไม่ได้ นายน้อยจะต้องออกศึกสังหารศัตรูด้วยตนเอง หากกล้าถอยเพราะขี้ขลาด โทษนี้ไม่อาจอภัย สั่งให้ข้าน้อยประหารที่กองหน้าทันที!”

โค่วเหวินไป๋ขยับลูกกระเดือด ตอบด้วยสีหน้าขื่นขม “ข้าน้อยเข้าใจแล้ว ท่านพ่อบอกแล้ว” สองมือกำหมัดแน่น

เขาเพิ่งมีวรยุทธ์ระดับบงกชรุ้ง ถ้าศึกนี้ขาดเขาไปสักคนจะตัดสินแพ้ชนะได้เหรอ? แน่นอนว่าไม่ได้ จะมีหรือไม่มีเขานั้นไม่สำคัญเลย เป็นเพราะรู้ว่าต้องลงมือกับหนิวโหย่วเต๋อแล้วทำใจรับได้ยากในด้านความรู้สึกเหรอ? แน่นอนว่าไม่ใช่

สาเหตุที่แท้จริงก็เป็นเพราะรู้ว่ามีความเป็นไปได้สูงว่าประมุขชิงใช้กำลังกับสี่อ๋องสวรรค์โดยตรง สาเหตุที่แท้จริงเป็นเพราะรู้ว่าเขาคือหลานชายคนโตของตระกูลโค่ว

ในศึกเดือดที่มีคนนับไม่ถ้วนสนามนี้ กลับมียอดฝีมือบงกชกลายกับยอดฝีมือระดับสำแดงฤทธิ์โผล่มามากมาย การที่กดดันให้นักพรตบงกชรุ้งดันทุรังลงสนามรบ นี่เป็นการบีบให้เขาไปตายแท้ๆ แต่ก็ไม่มีทางเลือก นี่ก็คือท่าทีของตระกูลโค่ว นี่คือท่าทีที่ตระกูลโค่วแสดงให้ประมุขชิงเห็น และเนท่าทีที่สี่อ๋องสวรรค์แสดงให้ประมุขชิงเห็นเช่นกัน ดังนั้นต่อให้โค่วเหวินไป๋รู้ว่าจะต้องตาย แต่ก็ต้องแข็งใจลงสนามรบ!

ถ้าตอนนี้เขากล้าถอย ในภายหลังก็จะอยู่มิสู้ตายในตระกูลโค่ว ถึงขั้นไม่ต้องรอให้ถึงในภายหลัง ก็จะมีคนเด็ดหัวเขาร่วงที่น้ำพุวังเวงแล้ว

เดิมทีเป็นเพียงการเล่นงิ้วออกล่าฉากหนึ่งเท่านั้น นึกไม่ถึงว่าจะกลายเป็นอย่างนี้ไปได้ โค่วหู่มองคนตรงหน้าพลางแอบถอนหายใจ แล้วตบบ่าเขาพร้อมยิ้มให้กำลังใจ “นายน้อยวางใจเถอะ ผู้ที่ลงมือไม่ได้มีแค่บ้านพวกเรา กำลังพลฝ่ายศัตรูมีไม่เยอะ พวกเรามีโอกาสชนะมากกว่า ข้าจะเตรียมให้ลูกน้องปกป้องนายน้อยให้ดี ไม่เป็นอะไรหรอก แต่นายน้อยก็ต้องทราบเอาไว้อย่างหนึ่งด้วย ว่าขอเพียงทนผ่านศึกนี้ไปได้ ท่านอ๋องก็จะไม่ปฏิบัติต่อนายน้อยอย่างอยุติธรรมแน่อน ถึงตอนนั้นฐานะของท่านที่ตระกูลโค่วก็แทบจะได้ ‘ป้ายคำสั่งพ้นตาย’ ครั้งหนึ่งเลย อนาคตยาวไกลไร้ที่สิ้นสุด ในภายหลังต่อให้มีคนเล่นตุกติดอะไรกับท่าน คลื่นลมก็ทำให้ท่านสั่นคลอนไม่ได้เลย”

โค่วเหวินไป๋ย่อมเข้าใจไว้สิ่งที่เรียกว่าผลประโยชน์ก็คือสิ่งตอบแทน มีเพียงต้องจ่ายออกเท่านั้น ถึงจะได้ผลตอบแทนกลับมา แต่ประเด็นสำคัญก็คือ คนเราจะต้องมีชีวิตไว้เสพสุขด้วย เขากุมหมัดขอบคุณโดยไร้เสียง

ผ่านไปไม่นาน ตามที่โค่วหู่ถ่ายทอดคำสั่ง ตระกูลโค่วก็เก็บค่ายอย่างรวดเร็ว

ร่ายอิทธิฤทธิ์แยกเมฆดำบที่มีแสงสายฟ้าวับวาบ กำลังพลกลุ่มหนึ่งหาะฝ่าท้องฟ้าเข้าไปในตาน้ำพุ

ไม่ใช่แค่กำลังพลของตระกูลโค่วเท่านั้น ที่แดนมายาของน้ำพุวังเวงชั้นสิบ ฮ่าวอวิ๋นเทียนที่อยู่ในค่ายมีสีหน้าหดหู่ ก่วงเซิ่งหน้าม่อยคอตก ทั้งสองยืนอยู่เคียงข้างกัน ต่อให้นอนฝันก็นึกไม่ถึงว่าการออกล่าที่น้ำพุวังเวงจะกลายเป็นอย่างนี้ไปได้ ไม่น่าเชื่อว่าต้องเอาชีวิตไปล้อเล่นในสนามรบที่มียอดฝีมือระดับสำแดงฤทธิ์ฆ่ากันขวักไขว่!

ฝั่งตรงข้ามนายน้อยสองท่านนี้ อูกานกับจวงจื้อเกาสอบตากันแล้วแอบถอนหายใจ รู้สึกเห็นอกเห็นใจเช่นกัน

ผ่านไปไม่นาน กำลังพลสองกลุ่มก็รวมกันเป็นทางเดียว เก็บค่ายและพุ่งขึ้นฟ้าไปแล้ว

เพียงเพราะสงสัยว่าประมุขชิงอาจจะใช้กำลังกับพวกเขา แค่เพราะสงสัยเท่านั้น ไม่ได้มีหลักฐานอ้างอิง สี่อ๋องสวรรค์กก็ร่วมมือกันทันที ยอมแลกทุกอย่างเพื่อสังหารกำลังพลที่ลอบโจมตีตระกูลอิ๋ง!

เกรงว่าหวังเฟยท่านนั้นของตระกูลก่วงก็คงนึกไม่ถึงเช่นกัน ว่าคำพูดที่ไม่ได้ตั้งใจของนางจะทำให้เกิดผลที่ตามมาอย่างนี้

น้ำพุวังเวงชั้นห้า ศึกใหญ่เข้าสู่จุดเดือดอย่างรวดเร็ว

พวกเหมียวอี้ที่ซ่อนตัวดูการต่อสู้อย่างสบายใจเรียกได้ว่าสะใจมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรู้ว่าตัวเองเป็นคนก่อกวนให้เกิดความเคลื่อนไหวใหญ่ขนาดนี้ขึ้น แบบนั้นรู้สึกสะใจยิ่งกว่า ความรู้สึกยามได้นั่งตกปลาอยู่บนแท่นอย่างสงบท่ามกลางอัสนีบาตฟาดเปรี้ยงๆ  ท่ามกลางทะเลที่มีคลื่นโหมซัดสาด จะไม่ใช่คำว่าสะใจมาบรรยายได้อย่างไร

หกขุนพลใหญ่ก็ยิ่งแอบบันเทิงไม่หยุด เพราะเหม็นขี้หน้าพวกตำหนักสวรรค์มานานแล้ว หาโอกาสลงมือมาตลอด ครั้งนี้ค่อนข้างน่าสนุก

“จุจุ…” ไป๋เฟิ่งหวงที่ยืนกอดอกเดาะลิ้นทุกครั้งเมื่อได้เห็นฉากต่อสู้ที่ยอดเยี่ยม คาดว่าคงจะเป็นคนที่ชอบแส่เรื่องชาวบ้านเหมือนกัน ดูจนยักคิ้วหลิ่วตาแสดงอารมณ์ร่วม

เยี่ยนเป่ยหงเองก็เคยเห็นฉากต่อสู้ระหว่างยอดฝีมือมากมายขนาดนี้เป็นครั้งแรกเช่นกัน มองดูตาไม่กะพริบ

แทบจะเป็นเวลาเดียวกับตอนที่เสวี่ยอวี้โผเข้าหาเยี่ยนสุย หกขุนพลใหญ่รวมทั้งพวกเหมียวอี้ย้ายสายตาขึ้นด้านบน มองดูบนฟ้าที่สูงกว่านั้น

เงาคนที่สวมเกราะรบกระเพื่อมอยู่บนฟ้า กำลังห้าหมื่นปรากฏตัวกลางอากาศ จัดกระบวนทัพล้อมปราบอย่างรวดเร็ว ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์เกือบหมื่นเปล่งแสงพร้อมกัน ลูกธนูตั้งอยู่บนสายแล้ว

ในที่สุดทางหนีทีไล่ที่สองพี่น้องแซ่เยี่ยนเตรียมไว้ก็เผยออกมาแล้ว กำลังพลห้าหมื่นและธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์หนึ่งหมื่นที่ซ่อนไว้เปิดตัวอย่างดุร้าย กลิ่นอายสังหารระอุ รอให้เหยื่อมาติดกับดักอยู่นานแล้ว

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1678 สี่อ๋องร่วมมือ

Now you are reading พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า Chapter 1678 สี่อ๋องร่วมมือ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

จวนอ๋องสวรรค์โค่ว สถานที่สำคัญของเรือนด้านหลัง โค่วหลิงซวี ถังเฮ่อเหนียน โค่วเจิง นี่คือสามคนที่มีอำนาจสูงสุดของตระกูลโค่ว มารวมตัวกันอยู่ในตำหนักตลอดโดยไม่ออกไปไหน เหตุการณ์ผิดปกติในการออกล่าที่น้ำพุวังเวงทำให้ทั้งสามทิ้งงานอื่นไว้ก่อนชั่วคราว ยกระดับการเฝ้าจับตาดูสถานการณ์ทางน้ำพุวังเวง

ถังเฮ่อเหนียนแทบจะอยู่ไม่ห่างจากระฆังดารา รักษาการติดต่อกับน้ำพุวังเวงไว้ตลอดเวลา

แต่ผ่านไปไม่นาน สายตาของถังเฮ่อเหนียนกับโค่วเจิงก็ไปหยุดอยู่บนตัวโค่วหลิงซวีพร้อมกัน เห็นโค่วหลิงซวีหยิบระฆังดาราออกมาเช่นกัน ทั้งสองย่อมเข้าใจ ว่าคนที่สามารถติดต่อกับโค่วหลิงซวีโดยตรงได้ ล้วนมีฐานะที่ไม่ธรรมดา ไม่รู้ว่าภายใต้สถานการณ์แบบนี้จะติดต่อใครได้

หลังจากโค่วหลิงซวีเก็บระฆังดาราเงียบๆ สีหน้าก็เยือกเย็นไม่สะทกสะท้าน เพียงก้มหน้าเท่านั้น ทำให้คนรู้สึกเงียบขรึมอึดอัดเป็นพิเศษ

ทั้งสองสบตากันแวบหนึ่ง ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้ว ทุกครั้งที่อยู่ในเวลานี้โค่วเจิงจะไม่กล้าพูดออกมาง่ายๆ รู้ว่าบิดากำลังอารมณ์ไม่ดีถึงได้เป็นอย่างนี้ กลัวว่าถ้าพูดผิดไปแล้วจะยั่วโมโหท่านพ่อ ถึงแม้โค่วหลิงซวีจะไม่ค่อยทำให้เขาโมโหง่ายๆ แต่ถ้าโมโหขึ้นมาเมื่อไร ก็จะน่ากลัวมากเช่นกัน ดังนั้นแม้จะมีคำถาม แต่ก็ยังพยายามอดกลั้นไม่เอ่ยปากถาม

ทว่าในเวลานี้มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เหมาะสมจะเอ่ยปากที่สุด โค่วเจิงเหลือบมองถังเฮ่อเหนียนเบาๆ

ถังเฮ่อเหนียนเองก็สังเกตเห็นปฏิกิริยาของโค่วหลิงซวีแล้วเช่นนั้น ตอนนี้กำลังจัดระเบียบความคิด หลังจากแน่ใจแล้วว่าตัวเองเหมาะสมจะเอ่ยถาม ถึงได้ถามหยั่งเชิงว่า “ท่านอ๋อง เกิดเรื่องอะไรขึ้นขอรับ?”

โค่วหลิงซวีกล่าวช้าๆ “จู่ๆ มียอดฝีมือมากมายขนาดนั้น อิ๋งจิ่วกวงสงสัยว่าประมุขชิงจะแอบลงมือแล้ว!”

ถังเฮ่อเหนียนกับโค่วเจิงทำสีหน้าตกตะลึงพร้อมกัน มีความเป็นไปได้จริงๆ ในใต้หล้านี้ ผู้ที่สามารถโยนยอดฝีมือระดับสำแดงฤทธิ์ออกมาใช้ได้งานเยอะขนาดนี้มีไม่มาก คนทั่วไปไม่มีความกล้าที่จะลงมือกับตระกูลอิ๋งเช่นกัน ถ้าเป็นอย่างนี้จริงๆ ก็มีความเป็นไปได้เพียงสองอย่าง หนึ่งก็คือหนิวโหย่วเต๋อแอบไปพึ่งพาประมุขชิงแล้ว ได้รับการสนับสนุนจากประมุขชิงแล้ว สองก็คือหนิวโหย่วเต๋อไม่ได้พึ่งพาประมุขชิง แต่เป็นประมุขชิงที่เป็นฝ่ายยื่นมือช่วยหนิวโหย่วเต๋อเอง จุดประสงค์ในตอนนี้ก็คือไม่ให้หนิวโหย่วเต๋อตาย ต้องการทำให้ตระกูลโค่วทุกข์ทนต่อไป ที่แท้สถานการณ์ก็เป็นอย่างนี้

สองสถานการณ์นี้ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ไหน ก็ล้วนไม่ใช่เรื่องดีสำหรับตระกูลโค่ว

ที่แท้ก็เป็นสถานการณ์นี้นี่เอง โค่วเจิงเอ่ยถาม “น้องเจ็ดยังอยู่ในบ้าน หนิวโหย่วเต๋อยอมตายเพื่อน้องเจ็ดได้ คงไม่ถึงขั้นทำให้น้องเจ็ดลำบากใจหรอกกระมัง?”

ถังเฮ่อเหนียนลังเล “ประเด็นสำคัญก็คือประมุขชิงรู้ได้อย่างไรว่าหนิวโหย่วเต๋อจะลงมือกับอิ๋งหยางที่น้ำพุวังเวง? เรื่องที่หนิวโหย่วเต๋อสาบานว่าจะเอาอิ๋งหยางเรียกได้ว่าเป็นความลับ ท่านอ๋องเอ่ยปากถามเองก็สิ้นเรื่องแล้ว ตระกูลที่เหลือคงไม่พูดซี้ซั้วเช่นกัน หนิวโหย่วเต๋อก็ยิ่งไม่มีทางป่าวประกาศเอง ภายใต้สถานการณ์ที่ยังไม่รู้เงื่อนไขเบื้องต้นนี้ ต่อให้เป็นการออกล่าที่น้ำพุวังเวงตามปกติ ก็มียอดฝีมือเข้าร่วมด้วยอยู่ดี ใครจะจินตนาการได้ล่ะว่าหนิวโหย่วเต๋อจะกล้าโจมตี แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าตระกูลอิ๋งจะวางกับดักในออกล่าที่น้ำพุวังเวง?”

โค่วหลิงซวีไม่สะทกสะท้านกับคำพูดนี้ กล่าวอย่างสุขุมต่อไปว่า “อิ๋งจิ่วกวงขอให้กำลังพลของตระกูลโค่วที่น้ำพุวังเวงไปร่วมกันโจมตีผู้ลอบจู่โจม!”

ถังเฮ่อเหนียนกับโค่วเจิงพูดไม่ออก ต่างก็เข้าใจแล้วว่าหมายความว่าอะไร ถ้าหนิวโหย่วเต๋ออยู่ในกำลังพลที่ลอบจู่โจม ก็ไม่ต่างอะไรกับการที่ตระกูลโค่วร่วมมือกับคนนอกเพื่อฆ่าคนบ้านตัวเอง

“ไม่ทราบว่าตระกูลอิ๋งยินดีจ่ายเป็นอะไร?” ถังเฮ่อเหนียนขมวดคิ้วถาม

“แค่ตำแหน่งหัวหน้าภาคตำแหน่งเดียว ต่อให้มีเพิ่มก็ไร้ประโยชน์” โค่วหลิงซวีตอบ

ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบงัน

จวนอ๋องสวรรค์ฮ่าว ท่านอ๋องกับพ่อบ้านกำลังปรึกษากัน คนที่อยู่รอบบริเวณศาลานี้ถอยออกไปหมดแล้วอย่างรู้กาลเทศะ

“ตระกูลอิ๋งยินดีจ่ายเป็นอะไรคะ?” ซูอวิ้นถามคำถามเดียวกับถังเฮ่อเหนียน

คำตอบของฮ่าวเต๋อฟางก็คล้ายกับโค่วหลิงซวี “ให้พอเป็นพิธีเท่านั้น หัวหน้าภาคตำแหน่งเดียว ฝั่งพวกเรายังคุยง่ายหน่อย แต่ทางตระกูลโค่วคงจะสับสนที่สุด”

“แต่ก็ยังตอบตกลง” ซูอวิ้นพยักหน้าเบาๆ

ฮ่าวเต๋อฟางเอามือไขว้หลังทอดสายตามองไปไกล “ถ้าได้มือดีของตระกูลที่เหลือ ก็น่าจะควบคุมสถานการณ์ได้!”

จวนแม่ทัพภาคตลาดผี ในตำหนักประชุม หยางเจาชิงเรียกรวมทหารทุกคนมาประชุมในนามของเหมียวอี้ หลังจากถ่ายทอดคำสั่งแล้ว ทุกคนก็แยกย้ายกันไปปฏิบัติการ

ทุกคนต่างก็ลังเลนิดหน่อย แต่ก็ยังปฏิบัติตามคำสั่ง ไม่นานในจวนแม่ทัพภาคก็เกิดเสียงอาวุธดังโช้งเช้งอยู่พักหนึ่ง คนกลุ่มหนึ่งพยายามควบคุมเสียงไม่ให้ภายนอกได้ยิน ทุกคนกำลังควงดาบและกระบี่ฟันขุดผนัง

มี ‘เส้นด้ายแขวนชีวิต’ ถูกขุดออกมาจากระหว่างคานกับเสา ถึงแม้ผลึกแร่ผสมจะทนการเคาะตีได้ แต่ก็ทนไม่ได้หากโดนตีซ้ำๆ เมื่อถูกโจมตีอย่างรุนแรงแล้ว ถึงขั้นไม่ต้องตีแรงซ้ำ คานหลักต้นนี้ก็จะถล่มลงมาแน่นอน

ไม่ใช่แค่คานกับเสาต้นนี้ แต่ยังมีผนังอีกสี่ด้าน เรียกได้ว่ากำลังสร้างห้องอันตรายที่สามารถถล่มได้ทุกเมื่อ

สวีถังหรานที่ติดตามหยางเจาชิงไปตรวจดูทั้งข้างล่างข้างบนหวาดระแวงนิด แอบถ่ายทอดเสียงถามว่า “แบบนี้หมายความว่าอะไร? ข้าว่านะเหล่าหยาง จวนแม่ทัพภาคตลาดผีมีมาตั้งแต่ก่อตั้งตำหนักสวรรค์แล้ว พวกเราล้างผลาญแบบนี้จะเหมาะสมเหรอ? ยังไม่ต้องพูดถึงอย่างอื่น ถ้าวันไหนอนๆ อยู่แล้วไม่ทันระวัง มันถล่มลงมาทับพวกเราตายจะทำยังไง แบบนั้นไม่คุ้มเกินไปแล้ว”

“เป็นประสงค์ของนายท่าน พวกเราทำตามก็พอแล้ว” หยางเจาชิงตอบอบย่างขอไปที หยุดเดินแล้วหันมาบอกว่า “ทางเจ้าก็เตรียมตัวได้แล้ว พอนายท่านส่งข่าวมา ก็ให้ลงมือทันที! เหล่าสวี เรื่องนี้สำคัญมาก อย่าให้เกิดช่องโหว่อะไร ไม่อย่างนั้นนายท่านไม่อภัยเจ้าแน่”

“เจ้าวางใจการทำงานของข้าได้!” สวีถังหรานตบอกรับประกัน จากนั้นก็เดินก้าวยาวจากไป…

น้ำพุวังเวงชั้นสิบเอ็ด แดนอัสนีบาต

ด้านนอกกระโจมค่าย แสงสายฟ้าวับวาบไม่หยุด โค่วเหวินไป๋กับโค่วหู่ที่อยู่ในกระโจมค่ายได้รับข่าวจากระฆังดาราแทบจะพร้อมกัน

โค่วหู่ติดต่อเสร็จก่อน เขาเก็บระฆังดาราเงียบๆ มองโค่วเหวินไป๋ที่ยังติดต่อ สีหน้าค่อนข้างคร่ำเครียด เฝ้ารอโดยไม่พูดอะไร

หลังจากโค่วเหวินไป๋ติดต่อเสร็จแล้ว ก็บีบระฆังดาราไว้ในมือเงียบๆ สีหน้าดูค่อนข้างหดหู่

ตอนนี้โค่วหู่ถึงได้บอกว่า “เป็นการตัดสินจากฝั่งท่านอ๋อง ทางตระกูลอิ๋งก็บอกเหมือนกันว่าประมุขชิงอาจจะลงมือแล้ว”

“เมื่อครู่ท่านพ่อบอกแล้ว” โค่วเหวินไป๋กล่าวอย่างสงบนิ่ง

โค่วหู่สูดหายใจลึก แล้วจู่ๆ ก็กล่าวอย่างเคารพ “กำลังพลที่ออกล่าของตระกูลอิ๋งถูกจู่โจม ท่านอ๋องส่งข่าวให้ข้าน้อยด้วยตนเอง โจรชั่วอาละวาด บังอาจโจมตีกำลังพลของตำหนักสวรรค์ ไม่อาจปล่อยไปง่ายๆ สั่งให้ข้าน้อยเป็นแม่ทัพสูงสุด ให้นำกำลังพลที่ออกล่าไปสนับสนุนเดี๋ยวนี้ ไปโจมตีร่วมกับตระกูลอิ๋ง ต้องกำจัดโจรชั่วให้หมด!”

โค่วเหวินไป๋พยักหน้า “ข้ารู้แล้ว ท่านพ่อบอกข้าแล้ว…” จากนั้นก็กุมหมัดคารวะโค่วหู่  “ข้าน้อยยินดีเชื่อฟังคำสั่งทหารของขุนพลใหญ่!”

โค่วหู่ใช้สองมือประคองเขา แล้วอึกอึกเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง สุดท้ายก็กล่าวอออกมาอย่างยากลำบากว่า “ท่านอ๋องมีคำสั่ง ว่าศึกนี้ใครจะถอยก็ได้ แต่มีเพียงนายน้อยโค่วเหวินไป๋ที่ถอยไม่ได้ นายน้อยจะต้องออกศึกสังหารศัตรูด้วยตนเอง หากกล้าถอยเพราะขี้ขลาด โทษนี้ไม่อาจอภัย สั่งให้ข้าน้อยประหารที่กองหน้าทันที!”

โค่วเหวินไป๋ขยับลูกกระเดือด ตอบด้วยสีหน้าขื่นขม “ข้าน้อยเข้าใจแล้ว ท่านพ่อบอกแล้ว” สองมือกำหมัดแน่น

เขาเพิ่งมีวรยุทธ์ระดับบงกชรุ้ง ถ้าศึกนี้ขาดเขาไปสักคนจะตัดสินแพ้ชนะได้เหรอ? แน่นอนว่าไม่ได้ จะมีหรือไม่มีเขานั้นไม่สำคัญเลย เป็นเพราะรู้ว่าต้องลงมือกับหนิวโหย่วเต๋อแล้วทำใจรับได้ยากในด้านความรู้สึกเหรอ? แน่นอนว่าไม่ใช่

สาเหตุที่แท้จริงก็เป็นเพราะรู้ว่ามีความเป็นไปได้สูงว่าประมุขชิงใช้กำลังกับสี่อ๋องสวรรค์โดยตรง สาเหตุที่แท้จริงเป็นเพราะรู้ว่าเขาคือหลานชายคนโตของตระกูลโค่ว

ในศึกเดือดที่มีคนนับไม่ถ้วนสนามนี้ กลับมียอดฝีมือบงกชกลายกับยอดฝีมือระดับสำแดงฤทธิ์โผล่มามากมาย การที่กดดันให้นักพรตบงกชรุ้งดันทุรังลงสนามรบ นี่เป็นการบีบให้เขาไปตายแท้ๆ แต่ก็ไม่มีทางเลือก นี่ก็คือท่าทีของตระกูลโค่ว นี่คือท่าทีที่ตระกูลโค่วแสดงให้ประมุขชิงเห็น และเนท่าทีที่สี่อ๋องสวรรค์แสดงให้ประมุขชิงเห็นเช่นกัน ดังนั้นต่อให้โค่วเหวินไป๋รู้ว่าจะต้องตาย แต่ก็ต้องแข็งใจลงสนามรบ!

ถ้าตอนนี้เขากล้าถอย ในภายหลังก็จะอยู่มิสู้ตายในตระกูลโค่ว ถึงขั้นไม่ต้องรอให้ถึงในภายหลัง ก็จะมีคนเด็ดหัวเขาร่วงที่น้ำพุวังเวงแล้ว

เดิมทีเป็นเพียงการเล่นงิ้วออกล่าฉากหนึ่งเท่านั้น นึกไม่ถึงว่าจะกลายเป็นอย่างนี้ไปได้ โค่วหู่มองคนตรงหน้าพลางแอบถอนหายใจ แล้วตบบ่าเขาพร้อมยิ้มให้กำลังใจ “นายน้อยวางใจเถอะ ผู้ที่ลงมือไม่ได้มีแค่บ้านพวกเรา กำลังพลฝ่ายศัตรูมีไม่เยอะ พวกเรามีโอกาสชนะมากกว่า ข้าจะเตรียมให้ลูกน้องปกป้องนายน้อยให้ดี ไม่เป็นอะไรหรอก แต่นายน้อยก็ต้องทราบเอาไว้อย่างหนึ่งด้วย ว่าขอเพียงทนผ่านศึกนี้ไปได้ ท่านอ๋องก็จะไม่ปฏิบัติต่อนายน้อยอย่างอยุติธรรมแน่อน ถึงตอนนั้นฐานะของท่านที่ตระกูลโค่วก็แทบจะได้ ‘ป้ายคำสั่งพ้นตาย’ ครั้งหนึ่งเลย อนาคตยาวไกลไร้ที่สิ้นสุด ในภายหลังต่อให้มีคนเล่นตุกติดอะไรกับท่าน คลื่นลมก็ทำให้ท่านสั่นคลอนไม่ได้เลย”

โค่วเหวินไป๋ย่อมเข้าใจไว้สิ่งที่เรียกว่าผลประโยชน์ก็คือสิ่งตอบแทน มีเพียงต้องจ่ายออกเท่านั้น ถึงจะได้ผลตอบแทนกลับมา แต่ประเด็นสำคัญก็คือ คนเราจะต้องมีชีวิตไว้เสพสุขด้วย เขากุมหมัดขอบคุณโดยไร้เสียง

ผ่านไปไม่นาน ตามที่โค่วหู่ถ่ายทอดคำสั่ง ตระกูลโค่วก็เก็บค่ายอย่างรวดเร็ว

ร่ายอิทธิฤทธิ์แยกเมฆดำบที่มีแสงสายฟ้าวับวาบ กำลังพลกลุ่มหนึ่งหาะฝ่าท้องฟ้าเข้าไปในตาน้ำพุ

ไม่ใช่แค่กำลังพลของตระกูลโค่วเท่านั้น ที่แดนมายาของน้ำพุวังเวงชั้นสิบ ฮ่าวอวิ๋นเทียนที่อยู่ในค่ายมีสีหน้าหดหู่ ก่วงเซิ่งหน้าม่อยคอตก ทั้งสองยืนอยู่เคียงข้างกัน ต่อให้นอนฝันก็นึกไม่ถึงว่าการออกล่าที่น้ำพุวังเวงจะกลายเป็นอย่างนี้ไปได้ ไม่น่าเชื่อว่าต้องเอาชีวิตไปล้อเล่นในสนามรบที่มียอดฝีมือระดับสำแดงฤทธิ์ฆ่ากันขวักไขว่!

ฝั่งตรงข้ามนายน้อยสองท่านนี้ อูกานกับจวงจื้อเกาสอบตากันแล้วแอบถอนหายใจ รู้สึกเห็นอกเห็นใจเช่นกัน

ผ่านไปไม่นาน กำลังพลสองกลุ่มก็รวมกันเป็นทางเดียว เก็บค่ายและพุ่งขึ้นฟ้าไปแล้ว

เพียงเพราะสงสัยว่าประมุขชิงอาจจะใช้กำลังกับพวกเขา แค่เพราะสงสัยเท่านั้น ไม่ได้มีหลักฐานอ้างอิง สี่อ๋องสวรรค์กก็ร่วมมือกันทันที ยอมแลกทุกอย่างเพื่อสังหารกำลังพลที่ลอบโจมตีตระกูลอิ๋ง!

เกรงว่าหวังเฟยท่านนั้นของตระกูลก่วงก็คงนึกไม่ถึงเช่นกัน ว่าคำพูดที่ไม่ได้ตั้งใจของนางจะทำให้เกิดผลที่ตามมาอย่างนี้

น้ำพุวังเวงชั้นห้า ศึกใหญ่เข้าสู่จุดเดือดอย่างรวดเร็ว

พวกเหมียวอี้ที่ซ่อนตัวดูการต่อสู้อย่างสบายใจเรียกได้ว่าสะใจมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรู้ว่าตัวเองเป็นคนก่อกวนให้เกิดความเคลื่อนไหวใหญ่ขนาดนี้ขึ้น แบบนั้นรู้สึกสะใจยิ่งกว่า ความรู้สึกยามได้นั่งตกปลาอยู่บนแท่นอย่างสงบท่ามกลางอัสนีบาตฟาดเปรี้ยงๆ  ท่ามกลางทะเลที่มีคลื่นโหมซัดสาด จะไม่ใช่คำว่าสะใจมาบรรยายได้อย่างไร

หกขุนพลใหญ่ก็ยิ่งแอบบันเทิงไม่หยุด เพราะเหม็นขี้หน้าพวกตำหนักสวรรค์มานานแล้ว หาโอกาสลงมือมาตลอด ครั้งนี้ค่อนข้างน่าสนุก

“จุจุ…” ไป๋เฟิ่งหวงที่ยืนกอดอกเดาะลิ้นทุกครั้งเมื่อได้เห็นฉากต่อสู้ที่ยอดเยี่ยม คาดว่าคงจะเป็นคนที่ชอบแส่เรื่องชาวบ้านเหมือนกัน ดูจนยักคิ้วหลิ่วตาแสดงอารมณ์ร่วม

เยี่ยนเป่ยหงเองก็เคยเห็นฉากต่อสู้ระหว่างยอดฝีมือมากมายขนาดนี้เป็นครั้งแรกเช่นกัน มองดูตาไม่กะพริบ

แทบจะเป็นเวลาเดียวกับตอนที่เสวี่ยอวี้โผเข้าหาเยี่ยนสุย หกขุนพลใหญ่รวมทั้งพวกเหมียวอี้ย้ายสายตาขึ้นด้านบน มองดูบนฟ้าที่สูงกว่านั้น

เงาคนที่สวมเกราะรบกระเพื่อมอยู่บนฟ้า กำลังห้าหมื่นปรากฏตัวกลางอากาศ จัดกระบวนทัพล้อมปราบอย่างรวดเร็ว ธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์เกือบหมื่นเปล่งแสงพร้อมกัน ลูกธนูตั้งอยู่บนสายแล้ว

ในที่สุดทางหนีทีไล่ที่สองพี่น้องแซ่เยี่ยนเตรียมไว้ก็เผยออกมาแล้ว กำลังพลห้าหมื่นและธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์หนึ่งหมื่นที่ซ่อนไว้เปิดตัวอย่างดุร้าย กลิ่นอายสังหารระอุ รอให้เหยื่อมาติดกับดักอยู่นานแล้ว

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+