พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1695 แก้ไขได้อย่างง่ายดาย

Now you are reading พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า Chapter 1695 แก้ไขได้อย่างง่ายดาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

โลหิตมารสวรรค์? ของผีบ้าอะไร? เหมียวอี้เพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรก ทั้งตกใจทั้งโมโห โมโหที่สู้ไม่ชนะอีกฝ่าย เขาร่ายอิทธิฤทธิ์ตรวจสอบในสมองตัวเองอีกครั้ง สัมผัสได้ถึงวัตถุรูปตาข่ายที่ครอบหัวสมองตัวเองอยู่ รวมเป็นหนึ่งเดียวกับหัวสมองแล้ว แต่ไม่ได้รู้สึกว่ามีตรงไหนทุกข์ทรมานเป็นพิเศษ และไม่ส่งผลกระทบต่อความคิดด้วย

อวี้หลัวช่ามองออกว่าเขากำลังตรวจอาการภายในของตัวเอง “ข้าแนะนำว่าเจ้าอย่าคิดกำจัดออกเลย นี่คือวิชาลับ ไม่ใช่ยาไม่ใช่พิษ ในใต้หล้านี้ไม่มียาถอน เจ้าไปหาโค่วหลิงซวีก็ไม่มีประโยชน์ ต่อให้ขอให้ประมุขชิงลงมือแต่ก็กำจัดออกไม่ได้ง่ายๆ อย่านึกนะว่าเจ้าฝึกเคล็ดวิชาธาตุไฟของอสุราอัคนีแล้วจะทำอะไรได้ เมื่อปลูกโลหิตมารสวรรค์ลงในสมองเจ้าแล้วก็จะแนบติดกับจิตใจเจ้า ดันทุรังร่ายอิทธิฤทธิ์กำจัดก็มีแต่จะทำให้เจ้ากลายเป็นคนโง่ เว้นเสียแต่ว่าเจ้าจะบริสุทธิ์จนไร้จิตมาร เช่นนั้นโลหิตมารสวรรค์ที่ปลูกลงในกายเจ้าก็จะเป็นเพียงความว่างเปล่า มันจะไม่มีวันกำเริบ แต่ถ้าจะบอกว่าเจ้าบริสุทธิ์ เกรงว่าแม้แต่ตัวเจ้าเองก็ยังไม่เชื่อเลย สิ่งที่เรียกว่าจิตมารก็คือเจ็ดอารมณ์หกปรารถนา โลหิตมารสวรรค์ถูกเจ็ดอารมณ์หกปรารถนากัดกร่อนจนถึงในระดับหนึ่งแล้วถึงจะปะทุ ถ้าปะทุแล้วก็จะไม่มียาอะไรช่วยได้ ส่วนผลที่ตามมาน่ะเหรอ เจ้าไม่ถึงกับตายหรอก เพียงแต่จะกลายเป็นคนปัญญาอ่อนก็เท่านั้นเอง ทั้งยังเป็นคนปัญญาอ่อนที่เป็นบ้าบ่อยๆ ด้วย ไม่ต่างอะไรกับตายไปแล้ว ภายใต้สถานการณ์ปกติ ผ่านไปสิบปีกว่าโลหิตมารสวรรค์จะปะทุสักครั้ง มีเพียงโลหิตสกัดของข้าเท่านั้นถึงจะควบคุมมันได้ แต่บางครั้งก็มีปะทุล่วงหน้าเหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่นตอนโดนอาวุธที่ทำจากเจ็ดอารมณ์หกปรารถนาโจมตี หรือไม่ก็ตอนใช้พลังปรารถนาฝึกตนแล้วไม่ระวังจนสะสมเจ็ดอารมณ์หกปรารถนาในกายมากเกินไป”

“เจ้าหมายความว่าอะไร?” เหมียวอี้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันถาม

อวี้หลัวช่าตอบว่า “ไม่ได้หมายความว่าอะไรหรอก เจ้าต้องรอข้าเก้าร้อยปี คนอย่างข้าน่ะคุยง่ายมาก ต่อให้คนจัญไรอย่างเจ้าจะกลับกลอก ข้าก็ยินดีจะเชื่อเจ้าสักครั้ง ข้าจะรอเจ้าเก้าร้อยปี แต่ถ้าหลังจากเก้าร้อยปีนี้เจ้าไม่ทำตามสัญญา หึหึ” นางหัวเราะเย้ยผลที่ตามมา

เหมียวอี้เรียกได้ว่าแค้นใจ แบบนี้เรียกว่าคุยง่ายมากเสียที่ไหนกัน เห็นได้ชัดว่าลงสิ่งแปลกปลอมลงในร่างกายตน เมื่อมีต้นทุนในการควบคุมตนแล้ว ต่อให้เป็นเก้าร้อยปีหลังจากนี้ ยังจะหวังให้เจ้ากำจัดให้ข้าอีกเหรอ? เขาถามอย่างเคียดแค้น “เจ้าไม่กลัวเหรอว่าระหว่างนั้นข้าจะเป็นอะไรไปก่อน? สมมติโดนอาวุธจากเจ็ดอารมณ์หกปรารถนาโจมตีเหมือนที่เจ้าบอกล่ะ”

อวี้หลัวช่าพลิกมือแล้วคว้าบางอย่างเอาไว้ ดวงจิตน้ำแข็งดวงหนึ่งถูกคีบอยู่ระหว่างนิ้ว นางใช้สองนิ้วบีบจนมีเสียงแตก บนดวงจิตน้ำแข็งระเบิดเป็นรูโหว่ อ้าปากแลบลิ้นสีแดงสด แล้วมีไข่มุกโลหิตถูกบีบออกมาอีกเม็ด เพียงแต่ครั้งนี้ไข่มุกโลหิตไม่ได้เปล่งแสงสีแดงอีกแล้ว

ไข่มุกโลหิตลอยเข้าไปในรูโหว่ของของดวงจิตน้ำแข็งโดยตรง ชั่วพริบตาเดียวก็ถูกความเย็นของดวงจิตน้ำแข็งผนึกไว้ในนั้นแล้ว อวี้หลัวช่าใช้นิ้วดีดดวงจิตน้ำแข็งใส่เหมียวอี้

เหมียวอี้คว้ามาตรวจดูในมือเงียบๆ อวี้หลัวช่าบอกว่า “นี่ก็คือโลหิตสกัดของข้าหยดหนึ่ง ถ้าโลหิตมารสวรรค์กำเริบขึ้นมา ก็จะช่วยให้เจ้าควบคุมยามฉุกเฉินได้ แต่อย่าใช้งานซี้ซั้วเชียวนะ ถ้าในมือไม่มีของเอาไว้รับมือฉุกเฉิน อีกทั้งเจ้ากับข้ายังอยู่ห่างไกลกัน ถ้ามันกำเริบอีก ก็ไม่มีใครช่วยเจ้าได้แล้ว”

“เจ้าเองก็รู้ว่าจะเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้นอีก ให้เพิ่มอีกสักหยดเถอะ ถึงยังไงเจ้าก็ไม่ขาดแคลน” เหมียวอี้เก็บดวงจิตน้ำแข็งในมือแล้วทวงขออีกครั้ง

“หึหึ!” อวี้หลัวช่าแสยะยิ้ม แต่ก็ไม่แยแส “ทุกๆ สิบปี ข้าจะให้คนส่งโลหิตสกัดหนึ่งหยดไปให้เจ้าควบคุมการกำเริบของโลหิตมารสวรรค์ รอจนกระทั่งเจ้าทำตามสัญญาแล้ว ข้าถึงจะขจัดให้เจ้าจนหมด!”

เรื่องมาจนป่านนี้แล้ว เหมียวอี้ก็รู้เช่นกัน ว่าพูดอะไรไปอีกก็ไม่มีประโยชน์ จึงกล่าวอย่างหงุดหงิดนิดหน่อย “ช่วยอะไรข้าสักอย่าง”

“ว่ามา” อวี้หลัวช่าเอ่ยอย่างไม่ทุกข์ร้อน

เหมียวอี้บอกว่า “สลับที่พักในจวนแม่ทัพภาคกับวัดพระกษิติครรภ์ให้สักหน่อย ที่นั่นตัวอยู่ท่ามกลางคนพลุกพล่าน คนที่อยากสู้กับข้ามีเยอะเกินไป จะถูกคนเข้าถึงตัวได้ง่าย ข้าอยู่ที่นั่นไม่ปลอดภัย ถ้าเจ้าอยากให้ข้ามีชีวิตยืนยาวอีกสักหน่อยเพื่อช่วยเจ้าหาสมบัติลับ ก็ช่วยคิดหาทางสลับให้ข้าด้วย”

เรื่องนี้…อวี้หลัวช่าครุ่นคิดเล็กน้อย “นี่ไม่ใช่สิ่งที่ข้าอยากจะสลับก็สลับได้ แต่ถ้าฝั่งตำหนักสวรรค์มีคนเอ่ยปากกับแดนพุทธ ทางข้าก็จะช่วยคุยให้เจ้าได้ แล้วอีกอย่าง พวกเสวี่ยอวี้และศิษย์ของข้าที่น้ำพุวังเวงเป็นอะไรกันแน่ ต่อให้ถูกหลายตระกูลร่วมมือกันโจมตี แต่ก็ไม่ถึงขั้นตัดขาดการติดต่อไปกะทันหันหรอกใช่มั้ย?”

สำหรับนางแล้ว นางยังหวังให้เสวี่ยอวี้มีชีวิตอยู่ ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองไม่ธรรมดา เสวี่ยอวี้เป็นลูกสมุนที่นางไว้ใจที่สุด การที่เสวี่ยอวี้หายไปทำให้นางปวดใจมาก ถ้าไม่ใช่เพราะสมบัติลับ นางคงฉีกร่างเหมียวอี้ให้แหลกเป็นชิ้นๆ ไปแล้ว

เหมียวอี้ตอบว่า “ข้าไม่ได้เข้าไปในน้ำพุวังเวงเลย อยู่ด้านนอกน้ำพุวังเวงตลอด ไม่ค่อยรู้ชัดว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ไม่ใช่แค่คนของเจ้าที่ขาดการติดต่อไปกะทันหัน กำลังพลออกล่าของสี่อ๋องสวรรค์ก็ขาดการติดต่อไปเหมือนกัน ตอนนี้พวกเขากำลังสืบเรื่องนี้อยู่”

“อ้อ!” อวี้หลัวช่าทำสีหน้าระแวง ยังนึกว่าคนของตัวเองถูกสี่อ๋องสวรรค์กำจัดไปเสียแล้ว นางส่งคนไปสำรวจที่น้ำพุวังเวงแล้ว นึกไม่ถึงว่าแม้แต่คนของสี่อ๋องสวรรค์ก็ถูกกำจัดหมดเช่นกัน ชั่วพริบตาเดียวก็ทำให้นางนึกถึงข่าวกระหึ่มใต้หล้าที่สี่อ๋องสวรรค์กับประมุขชิงกำลังระดมทัพใหญ่คุมเชิงกัน อดไม่ได้ที่ทำสีหน้าครุ่นคิด พลางพึมพำว่า “หรือว่าประมุขชิงเป็นคนทำ?”

คนเราเมื่ออยู่สูงถึงระดับหนึ่งแล้ว ระดับของเป้าหมายก็ค่อนข้างคล้ายกัน

เหมียวอี้ย่อมไม่บอกความจริงว่าใครทำ หลังจากออกจากวัดพระกษิติครรภ์แล้ว ก็กลับมาที่จวนแม่ทัพภาคตลาดผีพร้อมไฟโกรธสุมทรวง ตัวเองอยากจะเล่นลูกไม้ แต่ผลก็คือเท้าตัวเองไปสะดุดเตะแผ่นเหล็กเสียเอง ดีใจได้ก็แปลกแล้ว

เมื่อเห็นเหมียวอี้กลับมาอย่างปลอดภัย หยางเจาชิงก็โล่งอก ส่วนเหมียวอี้กลับพูดกระแทกกระทั้น “ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากข้า ไม่ว่าใครก็ห้ามมารบกวน”

“ขอรับ!” หยางเจาชิงเอ่ยรับคำสั่งอย่างงุนงง มองออกแล้วว่าเหมียวอี้อารมณ์ไม่ดี

เดินไปเดินมาอยู่ในห้องไม่กี่รอบ หลังจากอารมณ์เริ่มสงบลงทีละนิด เหมียวอี้ก็นั่งขัดสมาธิลงบนเตียง แล้วร่ายอิทธิฤทธิ์ตรวจดูอาการในหัวสมองอีกครั้ง วัตถุคล้ายตาข่ายที่แทรกเข้ามาในสมองทำให้คนหวาดกลัว ถ้าทำอะไรหุนหันพลันแล่นก็ส่งผลกระทบต่อสติปัญญาได้จริงๆ ถ้าทำให้สมองบาดเจ็บแล้ว ก็จะกลายเป็นคนปัญหาอ่อน

แต่มีหรือที่เหมียวอี้จะทำใจยอมให้คนอื่นบงการได้อย่างนี้ ประสิทธิภาพอันน่าทึ่งของเคล็ดวิชาอัคนีดาราในร่างกายมี จะไม่ลองสักหน่อยได้อย่างไรล่ะ?

เขารวบรวมสมาธิ เพลิงจิตเริ่มลอยขึ้นในร่างกายอย่างรวดเร็วตามใจนึก พอถึงมาถึงส่วนหัวก็เริ่มใช้วิชาระมัดระวัง เมื่อหามุมของวัตถุที่กระจายตัวเหมือนตาข่ายเจอแล้ว เพลิงจิตก็ทดลองสัมผัสเล็กน้อย หนวดสัมผัสรูปตาข่ายกลายเป็นควันในชั่วพริบตาเดียว เผาทำลายไปมุมหนึ่งแล้ว

เพลิงจิตหดกลับมาอีกครั้ง เหมียวอี้ตรวจสภาพร่างกายอย่างละเอียด หลังจากแน่ใจแล้วว่าสติปัญญาไม่ได้รับผลกระทบ ถึงได้ควบคุมเพลิงจิตให้ขจัดสิ่งแปลกปลอมตามลำดับ เริ่มจากมุมที่ถูกเผานั่นก่อน จากนั้นก็เผาขึ้นไปตลอดทาง ขณะเดียวกันก็กำจัดออกทางลมหายใจ อ้ากพ่นควันออกมาอย่างช้าๆ

กำจัดออกไปทีละนิด กำจัดทีละพื้นที่ พูดเหมือนเร็ว แต่ที่จริงแล้วขั้นตอนช้ามาก หลังจากแน่ใจแล้วว่าไม่เป็นอะไร เหมียวอี้ก็พลันโคจรเคล็ดวิชาอัคนีดาราอย่างเต็มที่ เพลิงจิตกรอกขึ้นที่สมองโดยตรง ชั่วพริบตาเดียวก็กวาดสิ่งแปลกปลอมในสมองจนหมดเกลี้ยงในรวดเดียว

“ฮู่ว!” หลังจากเหมียวอี้พ่นควันออกมายาวๆ ก็หยุดใช้วิชาแล้วลืมตาขึ้น ในดวงตาฉายแววเหลือเชื่อ รู้สึกไม่ค่อยกล้าเชื่อว่าของที่อวี้หลัวช่ามั่นอกมั่นใจขนาดนี้จะถูกตนกำจัดทิ้งอย่างง่ายดาย อวี้หลัวช่าบอกว่าเคล็ดวิชาธาตุไฟของตนใช้ไม่ได้ผลไม่ใช่เหรอ?

แต่หลังจากร่ายอิทธิฤทธิ์ตรวจดูซ้ำอีก ก็พบว่ากำจัดโลหิตมารสวรรค์ได้แล้วจริงๆ

พลิกมือหยิบดวงจิตน้ำแข็งผนึกโลหิตสกัดที่อวี้หลัวช่าให้ออกมา ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีอาการกำเริบภายหลังอย่างที่อีกฝ่ายบอกหรือเปล่า

พอเก็บดวงจิตน้ำแข็ง ก็พลิกฝ่ามือแล้วมีไข่มุกพลังปรารถนาลอยวนรอบกาย เขากลั่นกรองตอนนี้เสียเลย ไม่กันเจ็ดอารมณ์หกปรารถนาที่อยู่ข้างในด้วย ใช้ลูกแก้วพลังปรารถนาฝึกตนเสียเลย

หลังจากนั้นหนึ่งวัน เหมียวอี้ก็หย่อนเท้าสองข้างลงจากเตียง จากนั้นหยิบดวงจิตน้ำแข็งดวงนั้นมาโยนเล่นในมืออีก มุมปากแสยะยิ้มเล็กน้อย “โลหิตมารสวรรค์อะไรกัน มันก็แค่นี้เอง เคล็ดวิชาอสุราอัคนีรับมือไม่ไหว แต่ไม่ได้แปลว่าพ่อรับมือไม่ไหวนะ ยังคิดจะหาสมบัติอีกเหรอ? ต่อไปข้าจะพาเจ้าไปเล่นตรง ‘ที่ซ่อนสมบัติ’ ให้สนุกเลย บัญชีนี้เรามาคิดกันช้าๆ!” ในดวงตาฉายแววเย็นเยียบดุร้าย

เขารู้อย่างลึกซึ่งว่าแก้ไขเรื่องโลหิตมารสวรรค์แล้วก็ยังไม่จบ เพื่อสมบัติลับนั่น ตัวเองกับว่าถูกอวี้หลัวช่าพัวพันแล้ว ถ้าไม่กำจัดผู้หญิงคนนั้นทิ้ง อีกฝ่ายก็ไม่ปล่อยตนไปเหมือนกัน ถูกลิขิตไว้แล้วว่าถ้าไม่ตายก็ไม่เลิก…

ในคฤหาสน์หลังใหญ่โอ่อ่าป่าในโบราณกลางภูเขาลึกแห่งหนึ่ง ในเรือนด้านใน โค่วเจิงที่กลับมาแล้วรีบเดินเข้าไปในลานบ้านด้านหลัง โค่วหลิงซวีกับถังเฮ่อเหนียนก็อยู่ด้วย กำลังรอเขาอยู่

คนของจวนอ๋องสวรรค์โค่วออกจากดาวหยกงามไปแล้ว ส่วนใหญ่ย้ายมาที่นี่ เหลือเพียงคนส่วนน้อยเอาไว้เฝ้าบ้านเท่านั้น อวิ๋นจือชิวก็อยู่ที่นี่เช่นกัน ตอนที่เคลื่อนกำลังพลทัพเหนือก็แอบย้ายออกมาเงียบๆ แล้ว เป็นเพราะไม่มีทางเลือก ดาวหยกงามอยู่ใกล้วังสวรรค์เกินไป ถ้าเปิดศึกกันเมื่อไรจะต้องประสบหายนะแน่ ไม่ใช่แค่ตระกูลโค่วเท่านั้น แต่สี่อ๋องสวรรค์ล้วนย้ายบ้านหมดแล้ว

หลังจากทำความเคารพแล้ว โค่วเจิงก็รายงานสถานการณ์ที่รู้มาจากเหมียวอี้โดยละเอียดอีกครั้ง ถึงแม้ก่อนหน้านี้ตอนอยู่จวนแม่ทัพภาคตลาดผีจะใช้ระฆังดาราบอกแล้ว แต่คำพูดบางอย่างไม่อาจะใช้ระฆังดาราพูดอย่างละเอียดได้ ไม่สู้รายงานต่อหน้า

หลังจากถามตอบละเอียดแล้ว โค่วหลิงซวีเอามือไขว้หลังเดินไปเดินมา พลางพึมพำซ้ำๆ ว่า “สมบัติลับที่สำนักหนานอู๋ทิ้งไว้ สมบัติลับที่สำนักหนานอู๋ทิ้งไว้…” จู่ๆ ก็หยุดเดินแล้วหันกลับมาถาม “ผู้เฒ่าถัง เจ้ารู้สึกว่าคำพูดนี้มีความน่าเชื่อถือแค่ไหน?”

ผู้เฒ่าถังเอามือขยี้เครา “ไม่เคยได้ยินมาก่อน เรื่องนี้มีความเป็นไปได้สองอย่าง อย่างแรกคือประมุขชิงกับแดนพุทธร่วมมือกันวางแผน ความเป็นไปได้อีกอย่างก็คือหนิวโหย่วเต๋อพูดจริง ไม่อย่างนั้นก็ไม่สำคัญพอให้สำนักหลัวช่าเคลื่อนไหวใหญ่โตขนาดนี้เลย อย่างน้อยก็มีจุดหนึ่งที่สามารถแน่ใจได้ นั่นก็คืออวี้หลัวช่าอาจจะมาจากสำนักหนานอู๋จริงๆ จะรู้ความลับบางอย่างของสำนักหนานอู๋ก็ไม่แปลก ยังมีอีกจุดหนึ่ง ถ้าหนิวโหย่วเต๋อพูดอย่างนี้ ก่อนหน้านี้บ่าวก็คิดมานานแล้ว คิดเชื่อมโยงกับเรื่องเรื่องหนึ่ง”

“อ้อ!” โค่วหลิงซวีรู้ว่าเขาต้องไม่ยิงธนูโดยไร้เป้าแน่นอน ถึงถามอย่างจริงจังว่า “มีเรื่องอะไร?”

ผู้เฒ่าถังกล่าวอย่างลังเล “ดาวพิษ ก็คือดาวหนานอู๋เหมือนกัน พระปีศาจหนานโปทำจนดาวพิษกลายเป็นอย่างนั้น ก่อนหน้านี้นึกว่าเพื่อระบายความโกรธ ตอนนี้พอเชื่อมโยงกับสิ่งที่หนิวโหย่วเต๋อบอก ทำไมบ่าวรู้สึกว่าการที่พระปีศาจหนานโปโจมตีดาวหนานอู๋จนเป็นรูพรุนอย่างนั้นก็เพื่อจะหาอะไรบางอย่าง?”

“หาของเหรอ?” โค่วหลิงซวีหรี่ตาทันที จากนั้นก็พยักหน้าช้าๆ “พอเจ้าพูดอย่างนี้ ข้าก็ว่าเหมือนกำลังหาของจริงๆ พระปีศาจหนานโปมองว่าตัวเองสูงส่งมาก ทำลายสำนักหนานอู๋ไปแล้ว ทั้งยังทำลายพื้นที่เพื่อระบายความโกรธอีก พอมานึกดูตอนนี้ก็รู้สึกว่าไม่สมเหตุสมผล ด้วยพลังของเขาถ้าคิดจะระบายความโกรธจริงๆ ก็สามารถระเบิดทั้งดาวหนานอู๋ได้เลย ไม่จำเป็นต้องโจมตีซ้ำไปซ้ำมาอย่างนั้น เรื่องนี้มีเงื่อนงำจริงๆ”

ผู้เฒ่าถังถามว่า “ที่ดาวหนานอู๋จะหาของอะไรได้? ก็แค่สมบัติของสำนักหนานอู๋ที่เหลือไว้ที่มีมูลค่ามากหน่อย ถ้าสิ่งที่คาดเดาสอดคล้องกับความจริง เช่นนั้นจะมีของอะไรได้? ของที่ทำให้พระปีศาจหนานโปอยากได้ขนาดนี้ ทั้งยังทำให้อวี้หลัวช่ายอมเสี่ยงทำเรื่องที่ทั้งใต้หล้าคิดว่าผิด เกรงว่าของสิ่งนี้จะไม่ธรรมดา!”

ดวงตาโค่วหลิงซวีเผยแววคมกริบ พยักหน้าบอกว่า “น่าเสียดายที่เวลาผ่านไปนานเกินไป ตอนนั้นข้าเพิ่งก้าวเข้าสู่แดนฝึกตน ยังเป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ยังรู้อะไรไม่เยอะ ไม่มีทางยืนยันอะไรได้ อวี้หลัวช่าจะต้องไม่ยอมคายความจริงให้พวกเรารู้แน่นอน”

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1695 แก้ไขได้อย่างง่ายดาย

Now you are reading พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า Chapter 1695 แก้ไขได้อย่างง่ายดาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

โลหิตมารสวรรค์? ของผีบ้าอะไร? เหมียวอี้เพิ่งเคยได้ยินเป็นครั้งแรก ทั้งตกใจทั้งโมโห โมโหที่สู้ไม่ชนะอีกฝ่าย เขาร่ายอิทธิฤทธิ์ตรวจสอบในสมองตัวเองอีกครั้ง สัมผัสได้ถึงวัตถุรูปตาข่ายที่ครอบหัวสมองตัวเองอยู่ รวมเป็นหนึ่งเดียวกับหัวสมองแล้ว แต่ไม่ได้รู้สึกว่ามีตรงไหนทุกข์ทรมานเป็นพิเศษ และไม่ส่งผลกระทบต่อความคิดด้วย

อวี้หลัวช่ามองออกว่าเขากำลังตรวจอาการภายในของตัวเอง “ข้าแนะนำว่าเจ้าอย่าคิดกำจัดออกเลย นี่คือวิชาลับ ไม่ใช่ยาไม่ใช่พิษ ในใต้หล้านี้ไม่มียาถอน เจ้าไปหาโค่วหลิงซวีก็ไม่มีประโยชน์ ต่อให้ขอให้ประมุขชิงลงมือแต่ก็กำจัดออกไม่ได้ง่ายๆ อย่านึกนะว่าเจ้าฝึกเคล็ดวิชาธาตุไฟของอสุราอัคนีแล้วจะทำอะไรได้ เมื่อปลูกโลหิตมารสวรรค์ลงในสมองเจ้าแล้วก็จะแนบติดกับจิตใจเจ้า ดันทุรังร่ายอิทธิฤทธิ์กำจัดก็มีแต่จะทำให้เจ้ากลายเป็นคนโง่ เว้นเสียแต่ว่าเจ้าจะบริสุทธิ์จนไร้จิตมาร เช่นนั้นโลหิตมารสวรรค์ที่ปลูกลงในกายเจ้าก็จะเป็นเพียงความว่างเปล่า มันจะไม่มีวันกำเริบ แต่ถ้าจะบอกว่าเจ้าบริสุทธิ์ เกรงว่าแม้แต่ตัวเจ้าเองก็ยังไม่เชื่อเลย สิ่งที่เรียกว่าจิตมารก็คือเจ็ดอารมณ์หกปรารถนา โลหิตมารสวรรค์ถูกเจ็ดอารมณ์หกปรารถนากัดกร่อนจนถึงในระดับหนึ่งแล้วถึงจะปะทุ ถ้าปะทุแล้วก็จะไม่มียาอะไรช่วยได้ ส่วนผลที่ตามมาน่ะเหรอ เจ้าไม่ถึงกับตายหรอก เพียงแต่จะกลายเป็นคนปัญญาอ่อนก็เท่านั้นเอง ทั้งยังเป็นคนปัญญาอ่อนที่เป็นบ้าบ่อยๆ ด้วย ไม่ต่างอะไรกับตายไปแล้ว ภายใต้สถานการณ์ปกติ ผ่านไปสิบปีกว่าโลหิตมารสวรรค์จะปะทุสักครั้ง มีเพียงโลหิตสกัดของข้าเท่านั้นถึงจะควบคุมมันได้ แต่บางครั้งก็มีปะทุล่วงหน้าเหมือนกัน ยกตัวอย่างเช่นตอนโดนอาวุธที่ทำจากเจ็ดอารมณ์หกปรารถนาโจมตี หรือไม่ก็ตอนใช้พลังปรารถนาฝึกตนแล้วไม่ระวังจนสะสมเจ็ดอารมณ์หกปรารถนาในกายมากเกินไป”

“เจ้าหมายความว่าอะไร?” เหมียวอี้ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันถาม

อวี้หลัวช่าตอบว่า “ไม่ได้หมายความว่าอะไรหรอก เจ้าต้องรอข้าเก้าร้อยปี คนอย่างข้าน่ะคุยง่ายมาก ต่อให้คนจัญไรอย่างเจ้าจะกลับกลอก ข้าก็ยินดีจะเชื่อเจ้าสักครั้ง ข้าจะรอเจ้าเก้าร้อยปี แต่ถ้าหลังจากเก้าร้อยปีนี้เจ้าไม่ทำตามสัญญา หึหึ” นางหัวเราะเย้ยผลที่ตามมา

เหมียวอี้เรียกได้ว่าแค้นใจ แบบนี้เรียกว่าคุยง่ายมากเสียที่ไหนกัน เห็นได้ชัดว่าลงสิ่งแปลกปลอมลงในร่างกายตน เมื่อมีต้นทุนในการควบคุมตนแล้ว ต่อให้เป็นเก้าร้อยปีหลังจากนี้ ยังจะหวังให้เจ้ากำจัดให้ข้าอีกเหรอ? เขาถามอย่างเคียดแค้น “เจ้าไม่กลัวเหรอว่าระหว่างนั้นข้าจะเป็นอะไรไปก่อน? สมมติโดนอาวุธจากเจ็ดอารมณ์หกปรารถนาโจมตีเหมือนที่เจ้าบอกล่ะ”

อวี้หลัวช่าพลิกมือแล้วคว้าบางอย่างเอาไว้ ดวงจิตน้ำแข็งดวงหนึ่งถูกคีบอยู่ระหว่างนิ้ว นางใช้สองนิ้วบีบจนมีเสียงแตก บนดวงจิตน้ำแข็งระเบิดเป็นรูโหว่ อ้าปากแลบลิ้นสีแดงสด แล้วมีไข่มุกโลหิตถูกบีบออกมาอีกเม็ด เพียงแต่ครั้งนี้ไข่มุกโลหิตไม่ได้เปล่งแสงสีแดงอีกแล้ว

ไข่มุกโลหิตลอยเข้าไปในรูโหว่ของของดวงจิตน้ำแข็งโดยตรง ชั่วพริบตาเดียวก็ถูกความเย็นของดวงจิตน้ำแข็งผนึกไว้ในนั้นแล้ว อวี้หลัวช่าใช้นิ้วดีดดวงจิตน้ำแข็งใส่เหมียวอี้

เหมียวอี้คว้ามาตรวจดูในมือเงียบๆ อวี้หลัวช่าบอกว่า “นี่ก็คือโลหิตสกัดของข้าหยดหนึ่ง ถ้าโลหิตมารสวรรค์กำเริบขึ้นมา ก็จะช่วยให้เจ้าควบคุมยามฉุกเฉินได้ แต่อย่าใช้งานซี้ซั้วเชียวนะ ถ้าในมือไม่มีของเอาไว้รับมือฉุกเฉิน อีกทั้งเจ้ากับข้ายังอยู่ห่างไกลกัน ถ้ามันกำเริบอีก ก็ไม่มีใครช่วยเจ้าได้แล้ว”

“เจ้าเองก็รู้ว่าจะเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้นอีก ให้เพิ่มอีกสักหยดเถอะ ถึงยังไงเจ้าก็ไม่ขาดแคลน” เหมียวอี้เก็บดวงจิตน้ำแข็งในมือแล้วทวงขออีกครั้ง

“หึหึ!” อวี้หลัวช่าแสยะยิ้ม แต่ก็ไม่แยแส “ทุกๆ สิบปี ข้าจะให้คนส่งโลหิตสกัดหนึ่งหยดไปให้เจ้าควบคุมการกำเริบของโลหิตมารสวรรค์ รอจนกระทั่งเจ้าทำตามสัญญาแล้ว ข้าถึงจะขจัดให้เจ้าจนหมด!”

เรื่องมาจนป่านนี้แล้ว เหมียวอี้ก็รู้เช่นกัน ว่าพูดอะไรไปอีกก็ไม่มีประโยชน์ จึงกล่าวอย่างหงุดหงิดนิดหน่อย “ช่วยอะไรข้าสักอย่าง”

“ว่ามา” อวี้หลัวช่าเอ่ยอย่างไม่ทุกข์ร้อน

เหมียวอี้บอกว่า “สลับที่พักในจวนแม่ทัพภาคกับวัดพระกษิติครรภ์ให้สักหน่อย ที่นั่นตัวอยู่ท่ามกลางคนพลุกพล่าน คนที่อยากสู้กับข้ามีเยอะเกินไป จะถูกคนเข้าถึงตัวได้ง่าย ข้าอยู่ที่นั่นไม่ปลอดภัย ถ้าเจ้าอยากให้ข้ามีชีวิตยืนยาวอีกสักหน่อยเพื่อช่วยเจ้าหาสมบัติลับ ก็ช่วยคิดหาทางสลับให้ข้าด้วย”

เรื่องนี้…อวี้หลัวช่าครุ่นคิดเล็กน้อย “นี่ไม่ใช่สิ่งที่ข้าอยากจะสลับก็สลับได้ แต่ถ้าฝั่งตำหนักสวรรค์มีคนเอ่ยปากกับแดนพุทธ ทางข้าก็จะช่วยคุยให้เจ้าได้ แล้วอีกอย่าง พวกเสวี่ยอวี้และศิษย์ของข้าที่น้ำพุวังเวงเป็นอะไรกันแน่ ต่อให้ถูกหลายตระกูลร่วมมือกันโจมตี แต่ก็ไม่ถึงขั้นตัดขาดการติดต่อไปกะทันหันหรอกใช่มั้ย?”

สำหรับนางแล้ว นางยังหวังให้เสวี่ยอวี้มีชีวิตอยู่ ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองไม่ธรรมดา เสวี่ยอวี้เป็นลูกสมุนที่นางไว้ใจที่สุด การที่เสวี่ยอวี้หายไปทำให้นางปวดใจมาก ถ้าไม่ใช่เพราะสมบัติลับ นางคงฉีกร่างเหมียวอี้ให้แหลกเป็นชิ้นๆ ไปแล้ว

เหมียวอี้ตอบว่า “ข้าไม่ได้เข้าไปในน้ำพุวังเวงเลย อยู่ด้านนอกน้ำพุวังเวงตลอด ไม่ค่อยรู้ชัดว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น แต่ไม่ใช่แค่คนของเจ้าที่ขาดการติดต่อไปกะทันหัน กำลังพลออกล่าของสี่อ๋องสวรรค์ก็ขาดการติดต่อไปเหมือนกัน ตอนนี้พวกเขากำลังสืบเรื่องนี้อยู่”

“อ้อ!” อวี้หลัวช่าทำสีหน้าระแวง ยังนึกว่าคนของตัวเองถูกสี่อ๋องสวรรค์กำจัดไปเสียแล้ว นางส่งคนไปสำรวจที่น้ำพุวังเวงแล้ว นึกไม่ถึงว่าแม้แต่คนของสี่อ๋องสวรรค์ก็ถูกกำจัดหมดเช่นกัน ชั่วพริบตาเดียวก็ทำให้นางนึกถึงข่าวกระหึ่มใต้หล้าที่สี่อ๋องสวรรค์กับประมุขชิงกำลังระดมทัพใหญ่คุมเชิงกัน อดไม่ได้ที่ทำสีหน้าครุ่นคิด พลางพึมพำว่า “หรือว่าประมุขชิงเป็นคนทำ?”

คนเราเมื่ออยู่สูงถึงระดับหนึ่งแล้ว ระดับของเป้าหมายก็ค่อนข้างคล้ายกัน

เหมียวอี้ย่อมไม่บอกความจริงว่าใครทำ หลังจากออกจากวัดพระกษิติครรภ์แล้ว ก็กลับมาที่จวนแม่ทัพภาคตลาดผีพร้อมไฟโกรธสุมทรวง ตัวเองอยากจะเล่นลูกไม้ แต่ผลก็คือเท้าตัวเองไปสะดุดเตะแผ่นเหล็กเสียเอง ดีใจได้ก็แปลกแล้ว

เมื่อเห็นเหมียวอี้กลับมาอย่างปลอดภัย หยางเจาชิงก็โล่งอก ส่วนเหมียวอี้กลับพูดกระแทกกระทั้น “ถ้าไม่ได้รับอนุญาตจากข้า ไม่ว่าใครก็ห้ามมารบกวน”

“ขอรับ!” หยางเจาชิงเอ่ยรับคำสั่งอย่างงุนงง มองออกแล้วว่าเหมียวอี้อารมณ์ไม่ดี

เดินไปเดินมาอยู่ในห้องไม่กี่รอบ หลังจากอารมณ์เริ่มสงบลงทีละนิด เหมียวอี้ก็นั่งขัดสมาธิลงบนเตียง แล้วร่ายอิทธิฤทธิ์ตรวจดูอาการในหัวสมองอีกครั้ง วัตถุคล้ายตาข่ายที่แทรกเข้ามาในสมองทำให้คนหวาดกลัว ถ้าทำอะไรหุนหันพลันแล่นก็ส่งผลกระทบต่อสติปัญญาได้จริงๆ ถ้าทำให้สมองบาดเจ็บแล้ว ก็จะกลายเป็นคนปัญหาอ่อน

แต่มีหรือที่เหมียวอี้จะทำใจยอมให้คนอื่นบงการได้อย่างนี้ ประสิทธิภาพอันน่าทึ่งของเคล็ดวิชาอัคนีดาราในร่างกายมี จะไม่ลองสักหน่อยได้อย่างไรล่ะ?

เขารวบรวมสมาธิ เพลิงจิตเริ่มลอยขึ้นในร่างกายอย่างรวดเร็วตามใจนึก พอถึงมาถึงส่วนหัวก็เริ่มใช้วิชาระมัดระวัง เมื่อหามุมของวัตถุที่กระจายตัวเหมือนตาข่ายเจอแล้ว เพลิงจิตก็ทดลองสัมผัสเล็กน้อย หนวดสัมผัสรูปตาข่ายกลายเป็นควันในชั่วพริบตาเดียว เผาทำลายไปมุมหนึ่งแล้ว

เพลิงจิตหดกลับมาอีกครั้ง เหมียวอี้ตรวจสภาพร่างกายอย่างละเอียด หลังจากแน่ใจแล้วว่าสติปัญญาไม่ได้รับผลกระทบ ถึงได้ควบคุมเพลิงจิตให้ขจัดสิ่งแปลกปลอมตามลำดับ เริ่มจากมุมที่ถูกเผานั่นก่อน จากนั้นก็เผาขึ้นไปตลอดทาง ขณะเดียวกันก็กำจัดออกทางลมหายใจ อ้ากพ่นควันออกมาอย่างช้าๆ

กำจัดออกไปทีละนิด กำจัดทีละพื้นที่ พูดเหมือนเร็ว แต่ที่จริงแล้วขั้นตอนช้ามาก หลังจากแน่ใจแล้วว่าไม่เป็นอะไร เหมียวอี้ก็พลันโคจรเคล็ดวิชาอัคนีดาราอย่างเต็มที่ เพลิงจิตกรอกขึ้นที่สมองโดยตรง ชั่วพริบตาเดียวก็กวาดสิ่งแปลกปลอมในสมองจนหมดเกลี้ยงในรวดเดียว

“ฮู่ว!” หลังจากเหมียวอี้พ่นควันออกมายาวๆ ก็หยุดใช้วิชาแล้วลืมตาขึ้น ในดวงตาฉายแววเหลือเชื่อ รู้สึกไม่ค่อยกล้าเชื่อว่าของที่อวี้หลัวช่ามั่นอกมั่นใจขนาดนี้จะถูกตนกำจัดทิ้งอย่างง่ายดาย อวี้หลัวช่าบอกว่าเคล็ดวิชาธาตุไฟของตนใช้ไม่ได้ผลไม่ใช่เหรอ?

แต่หลังจากร่ายอิทธิฤทธิ์ตรวจดูซ้ำอีก ก็พบว่ากำจัดโลหิตมารสวรรค์ได้แล้วจริงๆ

พลิกมือหยิบดวงจิตน้ำแข็งผนึกโลหิตสกัดที่อวี้หลัวช่าให้ออกมา ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีอาการกำเริบภายหลังอย่างที่อีกฝ่ายบอกหรือเปล่า

พอเก็บดวงจิตน้ำแข็ง ก็พลิกฝ่ามือแล้วมีไข่มุกพลังปรารถนาลอยวนรอบกาย เขากลั่นกรองตอนนี้เสียเลย ไม่กันเจ็ดอารมณ์หกปรารถนาที่อยู่ข้างในด้วย ใช้ลูกแก้วพลังปรารถนาฝึกตนเสียเลย

หลังจากนั้นหนึ่งวัน เหมียวอี้ก็หย่อนเท้าสองข้างลงจากเตียง จากนั้นหยิบดวงจิตน้ำแข็งดวงนั้นมาโยนเล่นในมืออีก มุมปากแสยะยิ้มเล็กน้อย “โลหิตมารสวรรค์อะไรกัน มันก็แค่นี้เอง เคล็ดวิชาอสุราอัคนีรับมือไม่ไหว แต่ไม่ได้แปลว่าพ่อรับมือไม่ไหวนะ ยังคิดจะหาสมบัติอีกเหรอ? ต่อไปข้าจะพาเจ้าไปเล่นตรง ‘ที่ซ่อนสมบัติ’ ให้สนุกเลย บัญชีนี้เรามาคิดกันช้าๆ!” ในดวงตาฉายแววเย็นเยียบดุร้าย

เขารู้อย่างลึกซึ่งว่าแก้ไขเรื่องโลหิตมารสวรรค์แล้วก็ยังไม่จบ เพื่อสมบัติลับนั่น ตัวเองกับว่าถูกอวี้หลัวช่าพัวพันแล้ว ถ้าไม่กำจัดผู้หญิงคนนั้นทิ้ง อีกฝ่ายก็ไม่ปล่อยตนไปเหมือนกัน ถูกลิขิตไว้แล้วว่าถ้าไม่ตายก็ไม่เลิก…

ในคฤหาสน์หลังใหญ่โอ่อ่าป่าในโบราณกลางภูเขาลึกแห่งหนึ่ง ในเรือนด้านใน โค่วเจิงที่กลับมาแล้วรีบเดินเข้าไปในลานบ้านด้านหลัง โค่วหลิงซวีกับถังเฮ่อเหนียนก็อยู่ด้วย กำลังรอเขาอยู่

คนของจวนอ๋องสวรรค์โค่วออกจากดาวหยกงามไปแล้ว ส่วนใหญ่ย้ายมาที่นี่ เหลือเพียงคนส่วนน้อยเอาไว้เฝ้าบ้านเท่านั้น อวิ๋นจือชิวก็อยู่ที่นี่เช่นกัน ตอนที่เคลื่อนกำลังพลทัพเหนือก็แอบย้ายออกมาเงียบๆ แล้ว เป็นเพราะไม่มีทางเลือก ดาวหยกงามอยู่ใกล้วังสวรรค์เกินไป ถ้าเปิดศึกกันเมื่อไรจะต้องประสบหายนะแน่ ไม่ใช่แค่ตระกูลโค่วเท่านั้น แต่สี่อ๋องสวรรค์ล้วนย้ายบ้านหมดแล้ว

หลังจากทำความเคารพแล้ว โค่วเจิงก็รายงานสถานการณ์ที่รู้มาจากเหมียวอี้โดยละเอียดอีกครั้ง ถึงแม้ก่อนหน้านี้ตอนอยู่จวนแม่ทัพภาคตลาดผีจะใช้ระฆังดาราบอกแล้ว แต่คำพูดบางอย่างไม่อาจะใช้ระฆังดาราพูดอย่างละเอียดได้ ไม่สู้รายงานต่อหน้า

หลังจากถามตอบละเอียดแล้ว โค่วหลิงซวีเอามือไขว้หลังเดินไปเดินมา พลางพึมพำซ้ำๆ ว่า “สมบัติลับที่สำนักหนานอู๋ทิ้งไว้ สมบัติลับที่สำนักหนานอู๋ทิ้งไว้…” จู่ๆ ก็หยุดเดินแล้วหันกลับมาถาม “ผู้เฒ่าถัง เจ้ารู้สึกว่าคำพูดนี้มีความน่าเชื่อถือแค่ไหน?”

ผู้เฒ่าถังเอามือขยี้เครา “ไม่เคยได้ยินมาก่อน เรื่องนี้มีความเป็นไปได้สองอย่าง อย่างแรกคือประมุขชิงกับแดนพุทธร่วมมือกันวางแผน ความเป็นไปได้อีกอย่างก็คือหนิวโหย่วเต๋อพูดจริง ไม่อย่างนั้นก็ไม่สำคัญพอให้สำนักหลัวช่าเคลื่อนไหวใหญ่โตขนาดนี้เลย อย่างน้อยก็มีจุดหนึ่งที่สามารถแน่ใจได้ นั่นก็คืออวี้หลัวช่าอาจจะมาจากสำนักหนานอู๋จริงๆ จะรู้ความลับบางอย่างของสำนักหนานอู๋ก็ไม่แปลก ยังมีอีกจุดหนึ่ง ถ้าหนิวโหย่วเต๋อพูดอย่างนี้ ก่อนหน้านี้บ่าวก็คิดมานานแล้ว คิดเชื่อมโยงกับเรื่องเรื่องหนึ่ง”

“อ้อ!” โค่วหลิงซวีรู้ว่าเขาต้องไม่ยิงธนูโดยไร้เป้าแน่นอน ถึงถามอย่างจริงจังว่า “มีเรื่องอะไร?”

ผู้เฒ่าถังกล่าวอย่างลังเล “ดาวพิษ ก็คือดาวหนานอู๋เหมือนกัน พระปีศาจหนานโปทำจนดาวพิษกลายเป็นอย่างนั้น ก่อนหน้านี้นึกว่าเพื่อระบายความโกรธ ตอนนี้พอเชื่อมโยงกับสิ่งที่หนิวโหย่วเต๋อบอก ทำไมบ่าวรู้สึกว่าการที่พระปีศาจหนานโปโจมตีดาวหนานอู๋จนเป็นรูพรุนอย่างนั้นก็เพื่อจะหาอะไรบางอย่าง?”

“หาของเหรอ?” โค่วหลิงซวีหรี่ตาทันที จากนั้นก็พยักหน้าช้าๆ “พอเจ้าพูดอย่างนี้ ข้าก็ว่าเหมือนกำลังหาของจริงๆ พระปีศาจหนานโปมองว่าตัวเองสูงส่งมาก ทำลายสำนักหนานอู๋ไปแล้ว ทั้งยังทำลายพื้นที่เพื่อระบายความโกรธอีก พอมานึกดูตอนนี้ก็รู้สึกว่าไม่สมเหตุสมผล ด้วยพลังของเขาถ้าคิดจะระบายความโกรธจริงๆ ก็สามารถระเบิดทั้งดาวหนานอู๋ได้เลย ไม่จำเป็นต้องโจมตีซ้ำไปซ้ำมาอย่างนั้น เรื่องนี้มีเงื่อนงำจริงๆ”

ผู้เฒ่าถังถามว่า “ที่ดาวหนานอู๋จะหาของอะไรได้? ก็แค่สมบัติของสำนักหนานอู๋ที่เหลือไว้ที่มีมูลค่ามากหน่อย ถ้าสิ่งที่คาดเดาสอดคล้องกับความจริง เช่นนั้นจะมีของอะไรได้? ของที่ทำให้พระปีศาจหนานโปอยากได้ขนาดนี้ ทั้งยังทำให้อวี้หลัวช่ายอมเสี่ยงทำเรื่องที่ทั้งใต้หล้าคิดว่าผิด เกรงว่าของสิ่งนี้จะไม่ธรรมดา!”

ดวงตาโค่วหลิงซวีเผยแววคมกริบ พยักหน้าบอกว่า “น่าเสียดายที่เวลาผ่านไปนานเกินไป ตอนนั้นข้าเพิ่งก้าวเข้าสู่แดนฝึกตน ยังเป็นเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ยังรู้อะไรไม่เยอะ ไม่มีทางยืนยันอะไรได้ อวี้หลัวช่าจะต้องไม่ยอมคายความจริงให้พวกเรารู้แน่นอน”

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+