พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1708 กลับอุทยานหลวงอีกครั้ง (1)

Now you are reading พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า Chapter 1708 กลับอุทยานหลวงอีกครั้ง (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลังจากเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว สวีถังหรานก็บอกลาเสวี่ยหลิงหลงฮูหยินของตัวเอง แล้วออกจากจวนแม่ทัพภาคอย่างเป็นทางการ ออกจากตลาดผีไปแล้ว เหยียบบนเส้นทางที่จะทำให้เขารับสมัครคนเข้าโถงชุมนุมอัจฉริยะ

ส่วนเรื่องฝั่งมู่หรงซิงหัวก็จัดการได้อย่างราบรื่น เป็นอย่างที่นางบอก ทั้งคนระดับล่างระดับบนของฝั่งนั้นล้วนไม่อยากเก็บนางไว้ เฉาว่านเสียงที่ถูกขนาบอยู่ระหว่างฮูหยินเก่าและฮูหยินใหม่ก็อึดอัดเช่นกัน พอฮูหยินของเฉาว่านเสียงได้ยินว่ามู่หรงซิงหัวต้องการไปสถานที่ไร้เดือนไร้ตะวันอย่างตลาดผี ก็อยากจะถีบหัวส่งนางออกมาเร็ว ออกหน้าใช้เส้นสายจัดการให้ด้วยตัวเอง ไม่นานก็เตะมู่หรงซิงหัวออกมาได้แล้ว

แนวโน้มสถานการณ์ทางฝั่งเหมียวอี้ไม่ชอบมาพากล มิหนำซ้ำเดิมทีตลาดผีก็ไม่ใช่สถานที่ดีเด่นอะไรอยู่แล้ว มู่หรงซิงหัวมาที่ตลาดผีเพียงลำพัง แม้แต่ลูกน้องสักคนก็ไม่มีติดตามมาด้วย

ในเมื่อมู่หรงซิงหัวจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ทางฝั่งเหมียวอี้ก็ไม่มีอะไรยุ่งยาก ยังรักษาสัญญาว่าจะรับนางไว้ รักษาตำแหน่งเดิมของมู่หรงซิงหัวไว้ก่อน นั่นก็คือรองผู้บัญชาการใหญ่! เรื่องราวต่อจากนั้นเดี๋ยวค่อยว่ากัน เพราะทางฝั่งนี้ไม่มีทางเลื่อนตำแหน่งให้มู่หรงซิงหัวโดยไร้เหตุผลได้

ก่อนมาที่นี่ มู่หรงซิงหัวก็ขอคำชี้แนะจากสวีถังหรานด้วยความเจียมเนื้อเจียมตัวแล้ว อย่างไรเสียนางก็ไม่ได้ติดตามเหมียวอี้มาหลายปี จึงไม่รู้สถานการณ์ชัดเจน สวีถังหรานแอบชี้แนะเล็กน้อย ว่าขอเพียงเอาชนะใจฮูหยินอวิ๋นจือชิวได้ ทางฝั่งนายท่านก็ไม่น่าจะมีปัญหาใหญ่อะไร

สำหรับจุดนี้ มู่หรงซิงหัวก็คิดว่าแน่นอนอยู่แล้ว ในศึกน่านฟ้าระกาติง นายท่านก็ทำเพื่อฮูหยินคนนี้ไม่ใช่เหรอ?

กอปรกับรู้ว่าข้างกายอวิ๋นจือชิวยังขาดคนที่มีฐานะขุนนางเอาไว้ติดต่อกับคนระดับล่างและระดับบน ไม่ว่าจะเป็นปัจจุบันหรืออนาคต คนที่พอจะมีสมองสักหน่อยต่างก็รู้ว่าตำแหน่งนี้ค่อนข้างสำคัญ และนางก็ได้เปรียบเป็นพิเศษในฐานะที่เป็นผู้หญิง อย่างไรเสียการให้ผู้ชายมาคลุกคลีกับอวิ๋นจือชิวบ่อยๆ ก็ไม่เหมาะสม เพราะชายหญิงมีความแตกต่างกัน ดังนั้นเมื่อนางมาถึงจวนแม่ทัพภาคแล้ว จึงหาตำแหน่งที่เหมาะกับตัวเองได้ทันที เป็นฝ่ายขอรับบทบาทนี้เองโดยไม่เกรงใจเลย ไม่สนใจการเลื่อนขึ้นหรือลดลงของตำแหน่งอื่น

ในจุดนี้อวิ๋นจือชิวค่อนข้างพอใจ และทำให้เหมียวอี้แอบชื่นชมเช่นกัน ข้างกายอวิ๋นจือชิวยังขาดคนแบบนี้ เพียงแต่จะได้รับความไว้วางใจจากอวิ๋นจือชิวหรือไม่ ก็ต้องดูที่การปฏิบัติตัวของมู่หรงซิงหัวเองแล้ว

เพียงแต่หลังจากมู่หรงซิงหัวกลับมารับตำแหน่งที่จวนแม่ทัพภาคตลาดผีอย่างเป็นทางการ กลับพบว่าเหมียวอี้แตกต่างกับเมื่อก่อนนิดหน่อย มีการเปลี่ยนแปลงแล้ว เริ่มเปลี่ยนเป็นพวกดื่มเหล้าเมาหัวราน้ำ เริ่มมีอารมณ์ร้อนขึ้นเรื่อยๆ เอะอะก็ด่าและทำร้ายร่างกายรุ่นน้อง บางครั้งก็จะพาคนของจวนแม่ทัพภาคไปทำตัวสำมะเลเทเมาที่ตลาดผีอย่างเปิดเผย

ทำไมถึงกลายเป็นอย่างนี้ไปได้ล่ะ? มู่หรงซิงหัวเริ่มกังวลนิดหน่อย เพราะแตกต่างกับหนิวโหย่วเต๋อคนที่นางเคยรู้จัก

ในวันนี้ ตอนที่อวิ๋นจือชิวนำผู้หญิงกลุ่มหนึ่งเดินผ่านประตูสวนดอกไม้เล็กในแม่ทัพภาค ก็ได้กลิ่นสุราเข้มข้นโชยมา ทำให้นางขมวดคิ้วโดยจิตใต้สำนึก แล้วหันตัวนำกลุ่มคนเลี้ยวเข้ามาในสวน

ในสวนดอกไม้มีพืชพรรณเปล่งแสงนานาชนิด ศาลาหลังหนึ่งที่อยู่ในนั้นมีคนนั่งดื่มสุราอยู่คนเดียว คนที่กำลังกรอกสุราใส่ปากไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นเหมียวอี้นั่นเอง ดื่มจนเมามาย ไม่ได้ร่ายอิทธิฤทธิ์คลายฤทธิ์สุราเลยสักนิด

มู่หรงซิงหัวติดตามมาด้วย นางมองปฏิกิริยาของคนกลุ่มนี้ อวิ๋นจือชิวสีหน้าเคร่งขรึม ส่วนคนที่เหลือเงียบงันไม่พูดอะไร แต่ทุกคนล้วนมีสีหน้ากังวล

อวิ๋นจือชิวเอียงหน้าบอกใบ้เล็กน้อย เฟยหงเดินเข้าไปแล้ว ยื่นมือแย่งจอกสุรามาจากมือเหมียวอี้อย่างอ่อนโยน พร้อมพูดโน้มน้าว “นายท่าน เลิกดื่มได้แล้วค่ะ”

“เพี้ยะ!” ใครจะคิดว่าเหมียวอี้จะยื่นมือตบหน้าทันที เสียงดังฟังชัด เฟยหงล้มลงพื้นแล้วเอามือปิดหน้า เหมียวอี้ชี้นางพร้อมด่าอย่างโมโห “คนเต้นกินรำกินอย่างเจ้ามีสิทธิ์อะไรมายุ่งกับข้า ไสหัวไป!”

ฝ่ามือและเสียงด่านี้ทำให้ทุกคนอกสั่นขวัญแขวน นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นเหมียวอี้ลงมือกับผู้หญิงของตัวเอง

ทหารยามหลายคนในสวนดอกไม้ที่ตระกูลโค่วส่งมาก็ยิ่งมองหน้ากันเลิกลั่ก

อวิ๋นจือชิวขมวดคิ้วมุ่น โบกมือส่งสัญญาณให้เชียนเอ๋อร์ เสวี่ยเอ๋อร์เข้าไปประคองเฟยหงกลับมาก่อน แล้วก็ให้คนอื่นถอยออกไป ส่วนนางก็เดินเนิบนาบเข้าใปนั่งในศาลา ทุกคนก็ไม่รู้เช่นกันว่านางจะโน้มน้าวอย่างไร

ผ่านไปไม่นาน ข่าวที่เกี่ยวกับเหมียวอี้สำมะเลเทเมาจนกระทั่งลงมือกับอนุภรรยาของตัวเองก็แพร่ออกไปด้านนอกอย่างเงียบ ที่จริงก่อนหน้านี้ก็มีข่าวลือออกไปแล้วว่าทุกวันนี้เหมียวอี้ทำตัวสำมะเลเทเมาเพราะหมดอาลัยตายอยากกับอนาคตอันมืดมัว

ในจวนอ๋องสวรรค์โค่วที่สร้างใหม่ คนของตระกูลโค่วได้ข่าวนี้ก่อน อย่างไรเสียในจวนแม่ทัพภาคตลาดผีก็ยังมีคนของตระกูลโค่วอยู่

โค่วหลิงซวีได้ข่าวแล้วเงียบไปพักหนึ่ง สุดท้ายก็ถอนหายใจเบาๆ “ยังหนุ่มอยู่เลย ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ ไม่เข้าใจว่าอนาคตยังอีกยาวไกล!”

สิ่งที่เขาเสียดายไม่ใช่เหมียวอี้ ทั้งใต้หล้านี้ต่างก็รู้ว่าตระกูลโค่วทิ้งเหมียวอี้แล้ว ถึงแม้จะมีประมุขชิงเป็นข้ออ้างให้เขามีบันไดลง แต่สุดท้ายการกลับคำก็ทำให้เขาค่อนข้างเสียหน้าอยู่ดี

“แปลว่าเขาเป็นคนเข้าใจอะไรชัดเจน อย่างไรเสียครั้งนี้ก็ไม่เหมือนกับครั้งที่ผ่านมา ตอนนี้ทุกคนล้วนไม่สนใจเขา ไม่มีใครให้โอกาสเขาอีกแล้ว เกรงว่าคงเดาออกแล้วว่าตัวเองจะถูกกดไว้ที่ตลาดผีไปทั้งชีวิต แล้วตลาดผีก็มีตึกศาลาสัตยพรตข่มไม่ให้เขากำเริบเสิบสานได้ง่ายๆ อีก มีเพียงความสามารถแต่กลับไม่มีทางออก สภาพจิตใจเกิดความเปลี่ยนแปลงบ้างก็พอจะเข้าใจได้” ถังเฮ่อเหนียนพึมพำเสียงต่ำ

โค่วเจิงพยักหน้าเบาๆ “ถ้ารู้แต่แรกจะทำอย่างนี้ทำไม!”

ในจวนตระกูลก่วงที่สร้างใหม่ เม่ยเหนียงที่ได้ยินข่าวถอนหายใจด้วยความปลง “เสียแรงที่ข้าเอาใจช่วยเขาขนาดนี้ แต่กลับทนความพ่ายแพ้ไม่ได้ ทำไมกลายเป็นอย่างนี้ไปแล้วนะ จิตใจอันทรนงองอาจของลูกผู้ชายในเมื่อก่อนหายไปไหนแล้ว ข้ายังทำใจเชื่อไม่ค่อยลงเลย”

ก่วงลิ่งกงเอามือไขว้หลังเดินเนิบนาบอยู่ข้างกาย พอได้ยินดังนั้นก็กล่าวกลั้วหัวเราะ “แปลว่าเขาก็ไม่ได้เลอะเลือน รู้ว่าครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งที่ผ่านมาแล้ว เจ้าเองก็อย่าคิดมากเลย ถ้าเขาได้อยู่อย่างสงบจนแก่ตายที่ตลาดผีก็นับว่าเป็นวาสนาของเขาแล้ว มีคนมากมายขนาดไหนที่อยากจะใช้ชีวิตสงบราบรื่นแต่ก็ทำไม่ได้ ถ้าไม่ทำสภาพจิตใจให้ถูกต้อง เช่นนั้นเขาก็เป็นคนที่ทรมานตัวเองแล้ว ไปโทษคนอื่นไม่ได้”

ตระกูลจ้าน บ้านของสนมสวรรค์จ้านหรูอี้ ในลานบ้านของสนมสวรรค์ที่สร้างใหม่เป็นพิเศษจนมีทั้งความหรูหราทั้งความสงบร่มเย็น จ้านหรูอี้ยืนพิงระเบียงพลางมองปลาที่เลี้ยงในบ่อน้ำอย่างเหม่อลอย

“เกรงว่าตอนหนิวโหย่วเต๋อนั่นพึ่งพาอ๋องสวรรค์โค่ว คงจะนึกไม่ถึงว่าจะมีวันนี้”

“ถ้าจะให้ข้าพูดนะ สมน้ำหน้าเขาแล้วล่ะ ตัวเองไร้ประโยชน์แต่กลับระบายอารมณ์กับอนุภรรยา แบบนี้นับว่าเก่งอะไรกัน?”

หยินซวงกับไป๋เสวี่ยนินทาอยู่ข้างหูไม่หยุด พวกนางรู้สึกไม่ยุติธรรมแทนเฟยหงเป็นอย่างมาก ที่ทำแบบนี้ก็ย่อมมีสาเหตุ เพราะมองจากบางมุม ที่จริงจ้านหรูอี้เจ้านายของนางก็เป็นอนุภรรยาเหมือนกัน

ส่วนจ้านหรูอี้มีแววตาหดหู่ ยืนนิ่งไม่ขยับไปไหนนานมาก จ้องเงาสะท้อนตัวเองในน้ำ เงียบงันไม่พูดอะไรเลยตั้งแต่ต้นจนจบ

วังสวรรค์ หลังจากประมุขชิงได้ยินข่าวก็ให้ทางหน่วยตรวจการซ้ายยืนยันเรื่องนี้ ว่าหนิวโหย่วเต๋อได้ลงมือกับอนุภรรยาของตัวเองจริงหรือไม่ หลังจากรู้ข่าวแล้วว่าเป็นความจริง ก็วิจารณ์ว่า “รู้หน้าไม่รู้ใจ เดิมทียังนึกว่าสนุกกับการก่อเรื่องวุ่นวาย ที่แท้ก็เป็นเพราะแพ้ไม่เป็นนี่เอง จิตใจแบบนี้ ดูท่าแล้วจะใช้งานในตำแหน่งสำคัญไม่ได้จริงๆ โพ่จวินยังบอกว่าพลาดเจ้าเด็กนี่ไปแล้วน่าเสียดาย ควรจะพูดเรื่องนี้ให้เขาฟังสักหน่อน ถามว่าตอนนี้ยังรู้สึกเสียดายรึเปล่า”

ซือหม่าเวิ่นเทียนที่อยู่ข้างกันหัวเราะแห้งๆ ในใจต้องรู้สึกเสียดายขนาดไหนกัน ที่เสียดายไม่ใช่เหมียวอี้ แต่เป็นการวางหมากที่ดีอย่างเฟยหงเอาไว้ผิดที่ เหมือนปลูกผักกาดดีๆ ไว้เพื่อให้หมูดุนกิน เสียดายของแล้ว แสดงบทบาทได้ไม่สมสมราคา

ตึกศาลาสัตยพรต เฉาหม่านได้ยินข่าวแล้วใช้พลังความคิดนานมาก สั่งให้ชีเจวี๋ยสืบข่าวเป็นระยะ

หลังจากส่งข่าวมาหลายครั้ง ชีเจวี๋ยเห็นเฉาหม่านเหมือนจะสนใจเรื่องนี้มาก สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะบอกว่า “การสืบข่าวด้านนอกสุดท้ายก็เป็นข่าวลือ ถ้าเถ้าแก่อยากรู้สถานการณ์จริงภายในจวนแม่ทัพภาค บ่าวก็สามารถเข้าไปดูสภาพของหนิวโหย่วเต๋อในจวนแม่ทัพภาคด้วยตัวเองได้ขอรับ”

“เหอะๆ! ถ้าอีกฝ่ายตั้งใจจะปิดบังอะไรบางอย่าง ต่อให้เจ้าถ่อเข้าไปแต่ก็มองความจริงออกได้ยากไม่ใช่เหรอ? ถ้าไร้ลมก็ไม่มีคลื่นหรอก!” เฉาหม่านโบกมือ เดินช้าๆ ไปตรงริมหน้าต่าง แล้วก้มหน้าพึมพำ “ซึมเศร้าหดหู่อะไรกัน ใช้ชีวิตสำมะเลเทเมาอะไรกัน คนที่ไม่รู้เรื่องราวเบื้องลึกเกรงว่าคงคิดว่าเจ้าบ้านี่กลุ้มใจอนาคตจริงๆ ช่างน่าขำนัก! ยังไม่ต้องพูดถึงว่าเมื่อก่อนเจ้าบ้านี่เป็นคนยังไง ที่สำคัญที่สุดคือเบื้องหลังเจ้าบ้านี่มีหกลัทธิอยู่ชัดๆ จะกังวลอนาคตตัวเองที่ตำหนักสวรรค์ขนาดนั้นเชียวเหรอ? ที่เขาทำแบบนี้ ไม่รู้ว่าจะเล่นลูกไม้อะไรกันแน่ นี่ต่างหากที่ทำให้รู้สึกไม่เข้าใจ”

เวลาผ่านไปโดยไม่รู้ตัว ชั่วพริบตาเดียวก็ผ่านไปสองปีแล้ว ในช่วงระยะเวลานี้ ด้านลบของเหมียวอี้แทบจะปรากฏต่อสายตาคนนอก

เดิมทีเสวี่ยหลิงหลงกังวลกับเรื่องนี้มาก มังกรไร้หัวไม่ได้ หนิวโหย่วเต๋อเป็นผู้นำของคนกลุ่มหนึ่ง ถ้าผู้นำคนนี้เกิดปัญหาอะไรขึ้น ก็อย่าว่าแต่คนอื่นเลย สวีถังหรานสามีของนางก็จะต้องได้รับผลกระทบไปด้วย ด้วยเหตุนี้นางจึงรายงานสถานการณ์ของเหมียวอี้ให้สวีถังหรานฟังไม่หยุด มักแสดงความกังวลให้สวีถังหรานรู้ สวีถังหรานก็ไม่รู้ชัดเหมือนกันว่าเหมียวอี้ทำอย่างนี้หมายความว่าอะไร สรุปก็คือเขาบอกเสวี่ยหลิงหลงซ้ำๆ ว่า ตัวเองติดตามนายท่านมาหลายปีขนาดนี้แล้ว เข้าใจอุปนิสัยของนายท่านดีเกินไป ไม่ว่าจะดูอย่างไรก็ไม่เหมือนคนหดหู่ท้อแท้ในชีวิตเลย ท่านนั้นไม่ใช่คนถือศีลกินเจอะไร เกรงว่าในนั้นคงจะมีอุบาย ตอนที่พวกเรามองไม่เข้าใจ ก็ทำได้เพียงทำงานตัวเองให้ดี ไม่ต้องเข้าไปยุ่งอะไรซี้ซั้ว

………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1708 กลับอุทยานหลวงอีกครั้ง (1)

Now you are reading พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า Chapter 1708 กลับอุทยานหลวงอีกครั้ง (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลังจากเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว สวีถังหรานก็บอกลาเสวี่ยหลิงหลงฮูหยินของตัวเอง แล้วออกจากจวนแม่ทัพภาคอย่างเป็นทางการ ออกจากตลาดผีไปแล้ว เหยียบบนเส้นทางที่จะทำให้เขารับสมัครคนเข้าโถงชุมนุมอัจฉริยะ

ส่วนเรื่องฝั่งมู่หรงซิงหัวก็จัดการได้อย่างราบรื่น เป็นอย่างที่นางบอก ทั้งคนระดับล่างระดับบนของฝั่งนั้นล้วนไม่อยากเก็บนางไว้ เฉาว่านเสียงที่ถูกขนาบอยู่ระหว่างฮูหยินเก่าและฮูหยินใหม่ก็อึดอัดเช่นกัน พอฮูหยินของเฉาว่านเสียงได้ยินว่ามู่หรงซิงหัวต้องการไปสถานที่ไร้เดือนไร้ตะวันอย่างตลาดผี ก็อยากจะถีบหัวส่งนางออกมาเร็ว ออกหน้าใช้เส้นสายจัดการให้ด้วยตัวเอง ไม่นานก็เตะมู่หรงซิงหัวออกมาได้แล้ว

แนวโน้มสถานการณ์ทางฝั่งเหมียวอี้ไม่ชอบมาพากล มิหนำซ้ำเดิมทีตลาดผีก็ไม่ใช่สถานที่ดีเด่นอะไรอยู่แล้ว มู่หรงซิงหัวมาที่ตลาดผีเพียงลำพัง แม้แต่ลูกน้องสักคนก็ไม่มีติดตามมาด้วย

ในเมื่อมู่หรงซิงหัวจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว ทางฝั่งเหมียวอี้ก็ไม่มีอะไรยุ่งยาก ยังรักษาสัญญาว่าจะรับนางไว้ รักษาตำแหน่งเดิมของมู่หรงซิงหัวไว้ก่อน นั่นก็คือรองผู้บัญชาการใหญ่! เรื่องราวต่อจากนั้นเดี๋ยวค่อยว่ากัน เพราะทางฝั่งนี้ไม่มีทางเลื่อนตำแหน่งให้มู่หรงซิงหัวโดยไร้เหตุผลได้

ก่อนมาที่นี่ มู่หรงซิงหัวก็ขอคำชี้แนะจากสวีถังหรานด้วยความเจียมเนื้อเจียมตัวแล้ว อย่างไรเสียนางก็ไม่ได้ติดตามเหมียวอี้มาหลายปี จึงไม่รู้สถานการณ์ชัดเจน สวีถังหรานแอบชี้แนะเล็กน้อย ว่าขอเพียงเอาชนะใจฮูหยินอวิ๋นจือชิวได้ ทางฝั่งนายท่านก็ไม่น่าจะมีปัญหาใหญ่อะไร

สำหรับจุดนี้ มู่หรงซิงหัวก็คิดว่าแน่นอนอยู่แล้ว ในศึกน่านฟ้าระกาติง นายท่านก็ทำเพื่อฮูหยินคนนี้ไม่ใช่เหรอ?

กอปรกับรู้ว่าข้างกายอวิ๋นจือชิวยังขาดคนที่มีฐานะขุนนางเอาไว้ติดต่อกับคนระดับล่างและระดับบน ไม่ว่าจะเป็นปัจจุบันหรืออนาคต คนที่พอจะมีสมองสักหน่อยต่างก็รู้ว่าตำแหน่งนี้ค่อนข้างสำคัญ และนางก็ได้เปรียบเป็นพิเศษในฐานะที่เป็นผู้หญิง อย่างไรเสียการให้ผู้ชายมาคลุกคลีกับอวิ๋นจือชิวบ่อยๆ ก็ไม่เหมาะสม เพราะชายหญิงมีความแตกต่างกัน ดังนั้นเมื่อนางมาถึงจวนแม่ทัพภาคแล้ว จึงหาตำแหน่งที่เหมาะกับตัวเองได้ทันที เป็นฝ่ายขอรับบทบาทนี้เองโดยไม่เกรงใจเลย ไม่สนใจการเลื่อนขึ้นหรือลดลงของตำแหน่งอื่น

ในจุดนี้อวิ๋นจือชิวค่อนข้างพอใจ และทำให้เหมียวอี้แอบชื่นชมเช่นกัน ข้างกายอวิ๋นจือชิวยังขาดคนแบบนี้ เพียงแต่จะได้รับความไว้วางใจจากอวิ๋นจือชิวหรือไม่ ก็ต้องดูที่การปฏิบัติตัวของมู่หรงซิงหัวเองแล้ว

เพียงแต่หลังจากมู่หรงซิงหัวกลับมารับตำแหน่งที่จวนแม่ทัพภาคตลาดผีอย่างเป็นทางการ กลับพบว่าเหมียวอี้แตกต่างกับเมื่อก่อนนิดหน่อย มีการเปลี่ยนแปลงแล้ว เริ่มเปลี่ยนเป็นพวกดื่มเหล้าเมาหัวราน้ำ เริ่มมีอารมณ์ร้อนขึ้นเรื่อยๆ เอะอะก็ด่าและทำร้ายร่างกายรุ่นน้อง บางครั้งก็จะพาคนของจวนแม่ทัพภาคไปทำตัวสำมะเลเทเมาที่ตลาดผีอย่างเปิดเผย

ทำไมถึงกลายเป็นอย่างนี้ไปได้ล่ะ? มู่หรงซิงหัวเริ่มกังวลนิดหน่อย เพราะแตกต่างกับหนิวโหย่วเต๋อคนที่นางเคยรู้จัก

ในวันนี้ ตอนที่อวิ๋นจือชิวนำผู้หญิงกลุ่มหนึ่งเดินผ่านประตูสวนดอกไม้เล็กในแม่ทัพภาค ก็ได้กลิ่นสุราเข้มข้นโชยมา ทำให้นางขมวดคิ้วโดยจิตใต้สำนึก แล้วหันตัวนำกลุ่มคนเลี้ยวเข้ามาในสวน

ในสวนดอกไม้มีพืชพรรณเปล่งแสงนานาชนิด ศาลาหลังหนึ่งที่อยู่ในนั้นมีคนนั่งดื่มสุราอยู่คนเดียว คนที่กำลังกรอกสุราใส่ปากไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นเหมียวอี้นั่นเอง ดื่มจนเมามาย ไม่ได้ร่ายอิทธิฤทธิ์คลายฤทธิ์สุราเลยสักนิด

มู่หรงซิงหัวติดตามมาด้วย นางมองปฏิกิริยาของคนกลุ่มนี้ อวิ๋นจือชิวสีหน้าเคร่งขรึม ส่วนคนที่เหลือเงียบงันไม่พูดอะไร แต่ทุกคนล้วนมีสีหน้ากังวล

อวิ๋นจือชิวเอียงหน้าบอกใบ้เล็กน้อย เฟยหงเดินเข้าไปแล้ว ยื่นมือแย่งจอกสุรามาจากมือเหมียวอี้อย่างอ่อนโยน พร้อมพูดโน้มน้าว “นายท่าน เลิกดื่มได้แล้วค่ะ”

“เพี้ยะ!” ใครจะคิดว่าเหมียวอี้จะยื่นมือตบหน้าทันที เสียงดังฟังชัด เฟยหงล้มลงพื้นแล้วเอามือปิดหน้า เหมียวอี้ชี้นางพร้อมด่าอย่างโมโห “คนเต้นกินรำกินอย่างเจ้ามีสิทธิ์อะไรมายุ่งกับข้า ไสหัวไป!”

ฝ่ามือและเสียงด่านี้ทำให้ทุกคนอกสั่นขวัญแขวน นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นเหมียวอี้ลงมือกับผู้หญิงของตัวเอง

ทหารยามหลายคนในสวนดอกไม้ที่ตระกูลโค่วส่งมาก็ยิ่งมองหน้ากันเลิกลั่ก

อวิ๋นจือชิวขมวดคิ้วมุ่น โบกมือส่งสัญญาณให้เชียนเอ๋อร์ เสวี่ยเอ๋อร์เข้าไปประคองเฟยหงกลับมาก่อน แล้วก็ให้คนอื่นถอยออกไป ส่วนนางก็เดินเนิบนาบเข้าใปนั่งในศาลา ทุกคนก็ไม่รู้เช่นกันว่านางจะโน้มน้าวอย่างไร

ผ่านไปไม่นาน ข่าวที่เกี่ยวกับเหมียวอี้สำมะเลเทเมาจนกระทั่งลงมือกับอนุภรรยาของตัวเองก็แพร่ออกไปด้านนอกอย่างเงียบ ที่จริงก่อนหน้านี้ก็มีข่าวลือออกไปแล้วว่าทุกวันนี้เหมียวอี้ทำตัวสำมะเลเทเมาเพราะหมดอาลัยตายอยากกับอนาคตอันมืดมัว

ในจวนอ๋องสวรรค์โค่วที่สร้างใหม่ คนของตระกูลโค่วได้ข่าวนี้ก่อน อย่างไรเสียในจวนแม่ทัพภาคตลาดผีก็ยังมีคนของตระกูลโค่วอยู่

โค่วหลิงซวีได้ข่าวแล้วเงียบไปพักหนึ่ง สุดท้ายก็ถอนหายใจเบาๆ “ยังหนุ่มอยู่เลย ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ ไม่เข้าใจว่าอนาคตยังอีกยาวไกล!”

สิ่งที่เขาเสียดายไม่ใช่เหมียวอี้ ทั้งใต้หล้านี้ต่างก็รู้ว่าตระกูลโค่วทิ้งเหมียวอี้แล้ว ถึงแม้จะมีประมุขชิงเป็นข้ออ้างให้เขามีบันไดลง แต่สุดท้ายการกลับคำก็ทำให้เขาค่อนข้างเสียหน้าอยู่ดี

“แปลว่าเขาเป็นคนเข้าใจอะไรชัดเจน อย่างไรเสียครั้งนี้ก็ไม่เหมือนกับครั้งที่ผ่านมา ตอนนี้ทุกคนล้วนไม่สนใจเขา ไม่มีใครให้โอกาสเขาอีกแล้ว เกรงว่าคงเดาออกแล้วว่าตัวเองจะถูกกดไว้ที่ตลาดผีไปทั้งชีวิต แล้วตลาดผีก็มีตึกศาลาสัตยพรตข่มไม่ให้เขากำเริบเสิบสานได้ง่ายๆ อีก มีเพียงความสามารถแต่กลับไม่มีทางออก สภาพจิตใจเกิดความเปลี่ยนแปลงบ้างก็พอจะเข้าใจได้” ถังเฮ่อเหนียนพึมพำเสียงต่ำ

โค่วเจิงพยักหน้าเบาๆ “ถ้ารู้แต่แรกจะทำอย่างนี้ทำไม!”

ในจวนตระกูลก่วงที่สร้างใหม่ เม่ยเหนียงที่ได้ยินข่าวถอนหายใจด้วยความปลง “เสียแรงที่ข้าเอาใจช่วยเขาขนาดนี้ แต่กลับทนความพ่ายแพ้ไม่ได้ ทำไมกลายเป็นอย่างนี้ไปแล้วนะ จิตใจอันทรนงองอาจของลูกผู้ชายในเมื่อก่อนหายไปไหนแล้ว ข้ายังทำใจเชื่อไม่ค่อยลงเลย”

ก่วงลิ่งกงเอามือไขว้หลังเดินเนิบนาบอยู่ข้างกาย พอได้ยินดังนั้นก็กล่าวกลั้วหัวเราะ “แปลว่าเขาก็ไม่ได้เลอะเลือน รู้ว่าครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งที่ผ่านมาแล้ว เจ้าเองก็อย่าคิดมากเลย ถ้าเขาได้อยู่อย่างสงบจนแก่ตายที่ตลาดผีก็นับว่าเป็นวาสนาของเขาแล้ว มีคนมากมายขนาดไหนที่อยากจะใช้ชีวิตสงบราบรื่นแต่ก็ทำไม่ได้ ถ้าไม่ทำสภาพจิตใจให้ถูกต้อง เช่นนั้นเขาก็เป็นคนที่ทรมานตัวเองแล้ว ไปโทษคนอื่นไม่ได้”

ตระกูลจ้าน บ้านของสนมสวรรค์จ้านหรูอี้ ในลานบ้านของสนมสวรรค์ที่สร้างใหม่เป็นพิเศษจนมีทั้งความหรูหราทั้งความสงบร่มเย็น จ้านหรูอี้ยืนพิงระเบียงพลางมองปลาที่เลี้ยงในบ่อน้ำอย่างเหม่อลอย

“เกรงว่าตอนหนิวโหย่วเต๋อนั่นพึ่งพาอ๋องสวรรค์โค่ว คงจะนึกไม่ถึงว่าจะมีวันนี้”

“ถ้าจะให้ข้าพูดนะ สมน้ำหน้าเขาแล้วล่ะ ตัวเองไร้ประโยชน์แต่กลับระบายอารมณ์กับอนุภรรยา แบบนี้นับว่าเก่งอะไรกัน?”

หยินซวงกับไป๋เสวี่ยนินทาอยู่ข้างหูไม่หยุด พวกนางรู้สึกไม่ยุติธรรมแทนเฟยหงเป็นอย่างมาก ที่ทำแบบนี้ก็ย่อมมีสาเหตุ เพราะมองจากบางมุม ที่จริงจ้านหรูอี้เจ้านายของนางก็เป็นอนุภรรยาเหมือนกัน

ส่วนจ้านหรูอี้มีแววตาหดหู่ ยืนนิ่งไม่ขยับไปไหนนานมาก จ้องเงาสะท้อนตัวเองในน้ำ เงียบงันไม่พูดอะไรเลยตั้งแต่ต้นจนจบ

วังสวรรค์ หลังจากประมุขชิงได้ยินข่าวก็ให้ทางหน่วยตรวจการซ้ายยืนยันเรื่องนี้ ว่าหนิวโหย่วเต๋อได้ลงมือกับอนุภรรยาของตัวเองจริงหรือไม่ หลังจากรู้ข่าวแล้วว่าเป็นความจริง ก็วิจารณ์ว่า “รู้หน้าไม่รู้ใจ เดิมทียังนึกว่าสนุกกับการก่อเรื่องวุ่นวาย ที่แท้ก็เป็นเพราะแพ้ไม่เป็นนี่เอง จิตใจแบบนี้ ดูท่าแล้วจะใช้งานในตำแหน่งสำคัญไม่ได้จริงๆ โพ่จวินยังบอกว่าพลาดเจ้าเด็กนี่ไปแล้วน่าเสียดาย ควรจะพูดเรื่องนี้ให้เขาฟังสักหน่อน ถามว่าตอนนี้ยังรู้สึกเสียดายรึเปล่า”

ซือหม่าเวิ่นเทียนที่อยู่ข้างกันหัวเราะแห้งๆ ในใจต้องรู้สึกเสียดายขนาดไหนกัน ที่เสียดายไม่ใช่เหมียวอี้ แต่เป็นการวางหมากที่ดีอย่างเฟยหงเอาไว้ผิดที่ เหมือนปลูกผักกาดดีๆ ไว้เพื่อให้หมูดุนกิน เสียดายของแล้ว แสดงบทบาทได้ไม่สมสมราคา

ตึกศาลาสัตยพรต เฉาหม่านได้ยินข่าวแล้วใช้พลังความคิดนานมาก สั่งให้ชีเจวี๋ยสืบข่าวเป็นระยะ

หลังจากส่งข่าวมาหลายครั้ง ชีเจวี๋ยเห็นเฉาหม่านเหมือนจะสนใจเรื่องนี้มาก สุดท้ายก็อดไม่ได้ที่จะบอกว่า “การสืบข่าวด้านนอกสุดท้ายก็เป็นข่าวลือ ถ้าเถ้าแก่อยากรู้สถานการณ์จริงภายในจวนแม่ทัพภาค บ่าวก็สามารถเข้าไปดูสภาพของหนิวโหย่วเต๋อในจวนแม่ทัพภาคด้วยตัวเองได้ขอรับ”

“เหอะๆ! ถ้าอีกฝ่ายตั้งใจจะปิดบังอะไรบางอย่าง ต่อให้เจ้าถ่อเข้าไปแต่ก็มองความจริงออกได้ยากไม่ใช่เหรอ? ถ้าไร้ลมก็ไม่มีคลื่นหรอก!” เฉาหม่านโบกมือ เดินช้าๆ ไปตรงริมหน้าต่าง แล้วก้มหน้าพึมพำ “ซึมเศร้าหดหู่อะไรกัน ใช้ชีวิตสำมะเลเทเมาอะไรกัน คนที่ไม่รู้เรื่องราวเบื้องลึกเกรงว่าคงคิดว่าเจ้าบ้านี่กลุ้มใจอนาคตจริงๆ ช่างน่าขำนัก! ยังไม่ต้องพูดถึงว่าเมื่อก่อนเจ้าบ้านี่เป็นคนยังไง ที่สำคัญที่สุดคือเบื้องหลังเจ้าบ้านี่มีหกลัทธิอยู่ชัดๆ จะกังวลอนาคตตัวเองที่ตำหนักสวรรค์ขนาดนั้นเชียวเหรอ? ที่เขาทำแบบนี้ ไม่รู้ว่าจะเล่นลูกไม้อะไรกันแน่ นี่ต่างหากที่ทำให้รู้สึกไม่เข้าใจ”

เวลาผ่านไปโดยไม่รู้ตัว ชั่วพริบตาเดียวก็ผ่านไปสองปีแล้ว ในช่วงระยะเวลานี้ ด้านลบของเหมียวอี้แทบจะปรากฏต่อสายตาคนนอก

เดิมทีเสวี่ยหลิงหลงกังวลกับเรื่องนี้มาก มังกรไร้หัวไม่ได้ หนิวโหย่วเต๋อเป็นผู้นำของคนกลุ่มหนึ่ง ถ้าผู้นำคนนี้เกิดปัญหาอะไรขึ้น ก็อย่าว่าแต่คนอื่นเลย สวีถังหรานสามีของนางก็จะต้องได้รับผลกระทบไปด้วย ด้วยเหตุนี้นางจึงรายงานสถานการณ์ของเหมียวอี้ให้สวีถังหรานฟังไม่หยุด มักแสดงความกังวลให้สวีถังหรานรู้ สวีถังหรานก็ไม่รู้ชัดเหมือนกันว่าเหมียวอี้ทำอย่างนี้หมายความว่าอะไร สรุปก็คือเขาบอกเสวี่ยหลิงหลงซ้ำๆ ว่า ตัวเองติดตามนายท่านมาหลายปีขนาดนี้แล้ว เข้าใจอุปนิสัยของนายท่านดีเกินไป ไม่ว่าจะดูอย่างไรก็ไม่เหมือนคนหดหู่ท้อแท้ในชีวิตเลย ท่านนั้นไม่ใช่คนถือศีลกินเจอะไร เกรงว่าในนั้นคงจะมีอุบาย ตอนที่พวกเรามองไม่เข้าใจ ก็ทำได้เพียงทำงานตัวเองให้ดี ไม่ต้องเข้าไปยุ่งอะไรซี้ซั้ว

………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+