พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1740 ตรวจสอบ!

Now you are reading พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า Chapter 1740 ตรวจสอบ! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

การประชุมของตำหนักสวรรค์เดือนนี้ แต่ละฝ่ายล้วนจับตาดู ครบกำหนดเวลาเดิมพันที่ตั้งขึ้นในงานเลี้ยงท่านปู่สวรรค์เซี่ยโห้ว ต้องรู้ผลแพ้ชนะชัดเจน ก่อนการประชุมราชสำนักเริ่ม ประมุขชิงได้สั่งให้คนประกาศรายชื่อทัพเกรียงไกรหนึ่งแสนของจวนแม่ทัพภาคตลาดผีให้กลุ่มขุนนางในที่ประชุมรู้แล้ว ทำเอาทั้งราชสำนักตกตะลึงพรึงเพริด ไม่น่าเชื่อว่ากำลังพลหนึ่งแสนจะไม่มีใครระดับต่ำกว่าบงกชรุ้งขั้นหนึ่งเลยสักคน ในจำนวนนั้นมีนักพรตพลังอิทธิฤทธิ์อนันตภาพตั้งสามสิบกว่าคน

รอจนขุนนางในราชสำนักสงบสติอารมณ์แล้ว ประมุขชิงถึงได้เสด็จเข้ามาอย่างเอื่อยเฉื่อย เขาเองก็ไม่ได้เอ่ยเรื่องเดิมพันในราชสำนัก ที่นี่ไม่ใช่งานเลี้ยงวันเกิดของเซี่ยโห้วท่า แต่กลับตำหนิติเตียนโหวสี่ตำแหน่งของสี่ทัพ ไม่รู้ว่าฟื้นฝอยหาตะเข็บมาจากไหน แล้วก็ถอดโหวสี่ตำแหน่งนี้เสียเลย เลือกคนจากกองทัพองครักษ์ไปรับตำแหน่งแทน ขุนนางเต็มราชสำนักเงียบงัน ไม่มีใครคัดค้าน เป็นเรื่องที่รู้ล่วงหน้าตั้งแต่ก่อนเข้าประชุมแล้ว ประมุขชิงจะต้องถอนคนลงจากตำแหน่งแน่นอน แค่คอยดูว่าใครจะซวยก็เท่านั้นเอง

สำหรับกลุ่มขุนนาง สิ่งที่พวกเขาสนใจในวันนี้ไม่ใช่เรื่องนี้แล้ว ตั้งแต่โจวจ้าวถูกอ๋องสวรรค์ก่วงกวาดล้าง ตั้งแต่ได้เห็นรายชื่อสมาชิกจวนแม่ทัพภาคตลาดผี บางคนถึงขั้นตระหนักได้ตั้งแต่ก่อนเห็นรายชื่อแล้วว่าสี่ทัพกำลังเผชิญกับคลื่นคลั่งโหมซัดสาด ผู้ที่ทำให้ทุกคนเครียดไม่ใช่ประมุขชิง แต่เป็นสี่อ๋องสวรรค์ต่างหาก ทุกคนตระหนักได้ถึงผลที่ตามมาหลังจากรายชื่อที่ปรากฏแล้ว โอกาสที่จะปะทุมาถึงแล้ว

ดังนั้นการประชุมราชสำนักวันนี้จึงค่อนข้างสงบ ทุกคนต่างก็มีเรื่องหนักใจของตัวเอง ประมุขชิงแทบจะพูดอยู่คนเดียว

ประมุขชิงถ่ายทอดคำสั่งแต่งตั้งหัวหน้าภาคแดนรัตติกาลอย่างเป็นทางการ หนิวโหย่วเต๋อตลาดผีแม่ทัพภาคเลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าภาคแดนรัตติกาลแล้ว ข้อนี้ไม่มีใครคัดค้าน

จนกระทั่งเอ่ยหัวข้อสุดท้ายขึ้นมา ถึงได้ทำให้เกิดความเคลื่อนไหวนิดหน่อย ประมุขชิงถ่ายทอดคำสั่งให้แดนรัตติกาลอยู่ใต้สังกัดตำหนักนารีสวรรค์ ครั้งนี้เซี่ยโห้วท่าไม่ได้เข้าร่วมประชุม เซี่ยโห้วลิ่งลูกชายของเขาออกมาคัดค้าน กำลังพลเครือข่ายตระกูลเซี่ยโห้วก็ออกมาคัดค้านเช่นกัน โพ่จวินผู้บัญชาการหน่วยองครักษ์ซ้ายออกมาคัดค้าน การที่ผู้บัญชาการกองทัพองครักษ์ออกมาคัดค้านประมุขชิงอย่างเปิดเผยเป็นเรื่องที่พบได้ไม่บ่อยเลย ทำเอาประมุขชิงสีหน้าแย่มาก อู๋ฉวี่ผู้บัญชาการหน่วยองครักษ์ขวาเงียบไว้ตลอด ซือหม่าเวิ่นเทียนกับเกาก้วนไม่ได้แสดงท่าที

ใครจะคิดว่าขุนนางใหญ่เครือข่ายสี่ทัพกลับส่งเสียงเห็นด้วยเป็นแถบๆ ต่อให้มีโพ่จวินกระโดดออกมาช่วย แต่ก็กลบเสียงที่ไม่ดังของเครือข่ายตระกูลเซี่ยโห้วมิดแล้ว ทำให้บัญชาสวรรค์ข้อนี้ของประมุขชิงผ่านไปอย่างราบรื่น และเริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป แดนรัตติกาลก็มีเจ้าของอย่างเป็นทางการ ตำหนักนารีสวรรค์!

หลังจากการประชุมจบลง เซี่ยโห้วลิ่งก็ออกไปด้วยสีหน้าบึ้งตึง ขุนนางใหญ่ของสี่ทัพยังไม่ทันออกจากวังสวรรค์หมดก็ทยอยกันถูกสี่อ๋องสวรรค์เรียกรวมแล้ว สั่งให้พวกเขาแยกย้ายกันไปที่ประชุมที่ศูนย์ของสี่ทัพของตัวเอง ศูนย์กลางของสี่ทัพก็ย่อมหมายถึงสี่อ๋องสวรรค์อยู่แล้ว

เมื่อมีคำสั่งประมุขชิง ทุกอย่างก็คุยกันง่าย ใช้เวลาไม่นาน ตำหนักสวรรค์ก็ส่งสมาชิกกองทัพองครักษ์ไปถ่ายทอดคำสั่งที่จวนแม่ทัพภาคตลาดผี เมื่อคำสั่งนี้ออกมา เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ก็ตื่นเต้นจนเดินไปเดินมาอยู่ในตำหนักนารีสวรรค์ไม่หยุด ขณะเดียวกันก็ประหม่าแทบแย่ ไม่รู้ว่าทางตระกูลเซี่ยโห้วจะมีปฏิกิริยาอย่างไร

พอเดินมาถึงประตู นางก็มองสิ่งปลูกสร้างอันงดงามหรูหราของวังสวรรค์ด้านนอก แล้วก้มหน้าลูบท้องตัวเอง ตอนนี้นี่คือที่พึ่งที่ดีที่สุดของนางแล้ว

จวนท่านปู่สวรรค์ เซี่ยโห้วลิ่งที่กลับมาจากประชุมราชสำนักมีสีหน้าสงบนิ่ง คนของจวนท่านปู่สวรรค์มองไม่ออกว่าเขามีความผิดปกติใดๆ แต่พอเข้ามาในอุทยานหลวง ในที่สุดใบหน้าของเขาก็บึ้งตึงแล้ว ระเบิดอารมณ์ที่แท้จริงออกมาแล้ว

ใต้ต้นไม้ใหญ่สูงระฟ้า เซี่ยโห้วท่านเอนกายงีบอยู่บนเก้าอี้นอน เว่ยซูยืนเงียบสงบอยู่ข้างกัน

ฃหลังจากเซี่ยโห้วลิ่งเดินหน้าดำคร่ำเครียดเข้ามาทำความเคารพแล้ว ก็กล่าวเสียงเข้มว่า “ท่านพ่อ เกิดเรื่องที่ราชสำนักแล้ว ประมุขชิงยื่นมือมาฝั่งพวกเราแล้วขอรับ”

เว่ยซูเอ่ยว่า “คุณชายรองขอรับ นายท่านเพิ่งทราบเรื่อง พอหลังจากราชินีสวรรค์ได้รับคำสั่ง ก็ส่งข่าวมาอธิบายแล้ว นางบอกว่านางไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนเลย”

เซี่ยโห้วลิ่งแสยะยิ้ม “ประมุขชิงคิดจะทำอะไร?”

ในขณะนี้เอง เซี่ยโห้วท่าที่กำลังนอนเอนกายก็พลันลืมตาแล้วเอ่ยถาม “ตอนหนิวโหย่วเต๋อโดนทำโทษที่พระตำหนักอุทยาน คนของตำหนักนารีสวรรค์ไปช่วยได้ทันเวลา ตอนหนิวโหย่วเต๋อพักฟื้นอยู่ที่สวนกลางเขียวขจี ตำหนักนารีสวรรค์ก็ส่งคนไปเยี่ยมอีก เฉิงอวี่นางหนูนั่นเหมือนจะสนใจหนิวโหย่วเต๋อมาก เว่ยซู ไปถามสถานการณ์ตอนตำหนักนารีสวรรค์ได้รับคำสั่งมาหน่อย”

เซี่ยโห้วลิ่งพลันหรี่ตา ในร่องตาฉายแววดุร้ายรางๆ

เว่ยซูทำสีหน้าตกใจทันที เหมือนเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว รีบหยิบระฆังดาราออกมาติดต่อตำหนักนารีสวรรค์

หลังจากนั้นไม่นาน เว่ยซูก็เก็บระฆังดารา แล้วโค้งตัวเล็กน้อยไปทางเก้าอี้นอน “นายท่าน ตอนที่คำสั่งของประมุขชิงไปถึงตำหนักนารีสวรรค์ ราชินีสวรรค์ก็ไม่ได้ปฏิเสธใดๆ แต่รับคำสั่งทันทีเลยขอรับ”

เซี่ยโห้วท่าที่เอนกายอยู่บนเก้าอี้นอนยังคงไม่สะทกสะท้าน กล่าวช้าๆ โดยไม่ลืมตาว่า “ถ้านางหนูเฉิงอวี่นั่นไม่เต็มใจ ต่อให้ประมุขชิงถ่ายทอดคำสั่งนี้ก็ไม่มีความหมายอะไร เปลี่ยนแปลงความจริงอะไรไม่ได้แล้ว สงสัยประมุขชิงกับนางหนูเฉิงอวี่คุยปรึกษาเรื่องนี้กันก่อนหน้านั้นแล้ว นางรู้เรื่องล่วงหน้า แต่กลับไม่บอกทางนี้ สงสัยนางหนูนั่นจะคับแค้นตระกูลเซี่ยโห้วอยู่บ้าง!”

“นางคิดจะทำอะไร?” เซี่ยโห้วลิ่งถามด้วยเสียงขุ่นเคือง แล้วเดินไปเดินมาราวกับสิงโตที่โดนยั่วโมโห เขาชี้ไปด้านนอกพลางตำหนิว่า “นางนึกว่านางได้นั่งตำแหน่งนั้นแล้วจะเป็นมารดาแห่งใต้หล้าจริงๆ แล้วเหรอ? ไม่คิดบ้างล่ะว่าใครสนับสนุนให้นางขึ้นตำแหน่งนั้น? แต่ไหนแต่ไรมา ล้วนเป็นตึกศาลาสัตยพรตที่มีอำนาจตัดสินใจที่ตลาดผี นางไม่คิดดูบ้างว่าประมุขชิงแบ่งอาณาเขตส่วนนั้นให้นางเพราะมีจุดประสงค์อะไร เสือสองตัวอยู่ภูเขาเดียวกันไม่ได้ ชัดเจนว่ากำลังเสี้ยมให้นางกับตระกูลเซี่ยโห้วแตกคอกัน ถ้าไม่มีการสนับสนุนจากตระกูลเซี่ยโห้ว นางจะมีที่ยืนในวังสวรรค์เหรอ? นึกไม่ถึงว่าจะโง่เง่าถึงขั้นนี้ ถูกคนหลอกใช้ประโยชน์แล้ว! การที่ขุนนางใหญ่ในราชสำนักคอยยุยงปลุกปลั่นเติมเชื้อไฟหมายความว่าอะไรล่ะ หมายความว่าทุกคนเข้าใจเจตนาของประมุขชิงแล้วไง มีเพียงนางที่โง่เกินเยียวยา!”

เซี่ยโห้วท่าที่ยังไม่ลืมตากล่าวเสียงเรียบ “ตอนนี้นางมีต้นทุนสำหรับยืนในวังสวรรค์แล้วจริงๆ ท้องโย้ของนางก็คือต้นทุนใหญ่สุดที่ทำให้นางได้รับการสนับสนุนจากประมุขชิง คนเราถ้าไม่มีความมั่นใจก็ไม่กล้าหรอก เมื่อมีความมั่นใจก็ย่อมลงมือทำ”

“ข้าประเมินนางต่ำไปจริง นึกไม่ถึงว่าจกล้าแว้งกัด ตระกูลเซี่ยโห้วทำให้ท้องนางใหญ่ได้ ก็ทำให้ท้องนางแบนกลับเข้าไปได้เหมือนกัน!” เซี่ยโห้วลิ่งยังคงกล่าวด้วยน้ำเสียงเดือดดาล

เว่ยซูฟังแล้วแอบตกใจ อย่าบอกนะว่าจะลงมือกับท้องราชินีสวรรค์ที่วังสวรรค์? เกรงว่าถ้าทำให้วุ่นวายอย่างนั้นจริง ถึงตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าจะมีหัวคนร่วงลงพื้นเยอะขนาดไหน

“เจ้ารอง เจ้ากำลังพูดจาเหลวไหล ถึงอย่างไรในท้องของนางหนูนั่นก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของประมุขชิง เป็นญาติที่ใกล้ชิดที่สุดเพียงคนเดียวของประมุขชิง ไม่ว่าใครที่แตะต้องท้องของนางหนูนั่น ก็เท่ากับล้ำเส้นประมุขชิงแล้ว ผลที่ตามมาก็คือราคามหาศาลที่ตระกูลเซี่ยโห้วจะต้องจ่าย เจ้าเองก็พูดถูก ประมุขชิงทำอย่างนี้ก็เพราะจงใจเสี้ยมความสัมพันธ์ระหว่างนางหนูกับตระกูลเซี่ยโห้ว ถ้าสืบจนถึงแก่นแท้แล้ว ก็คือไม่อยากให้สายเลือดในท้องนางหนูได้รับอิทธิพลจากตระกูลเซี่ยโห้วมากเกินไป” เซี่ยโห้วท่ากล่าว

เซี่ยโห้วลิ่งขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “วิธีการนี้ของประมุขชิงโหดเกินไปแล้ว ในเมื่อเฉิงอวี่มีความตั้งใจ ลองให้นางเคยลิ้มรสชาติของผลประโยชน์ดูแล้ว ถ้าในระหว่างนั้นตระกูลเซี่ยโห้วฝืนตัดผลประโยชน์ในมือนาง ในใจนางคงจะแค้นตระกูลเซี่ยโห้วเข้ากระดูก แต่ถ้าปล่อยให้นางทำตามอำเภอใจอย่างนี้ ในอนาคตก็อาจจะจัดการยาก พวกเราหลบหลุมพรางนี้ของประมุขชิงไม่พ้น ไม่ว่าผลลัพธ์สุดท้ายจะเป็นยังไง ก็ต้องกดดันให้ระหว่างพวกเรากับเฉิงอวี่เกิดรอยร้าว!”

“เจ้าจะร้อนใจทำไม? เกิดเรื่องขึ้นก็แก้ปัญหาสิ กังวลมากไปก็ไม่มีประโยชน์” เซี่ยโห้วท่าลืมตาจ้องเซี่ยโห้วลิ่ง กดดันให้ความโหดเหี้ยมบนใบหน้าเซี่ยโห้วลิ่งลดลง เซี่ยโห้วท่ายืนขึ้น เว่ยซูก้าวขึ้นไปประคอง หลังจากลุกขึ้นแล้วก็เดินเนิบนาย “เจ้านึกว่าถ้าไม่เกิดเรื่องนี้ขึ้นแล้วเฉิงอวี่จะไม่เกลียดตระกูลเซี่ยโห้วเหรอ? ถ้าไม่ได้นั่งตำแหน่งนั้นก็ว่าไปอย่าง พอนั่งตำแหน่งนั้นแล้วกลับถูกคนครอบงำมาหลายปี ถ้าเปลี่ยนเป็นเจ้าก็ทนไม่ไหวเหมือนกัน มีอะไรน่าแปลกใจล่ะ เป็นเรื่องที่อยู่ในการคาดเดาอยู่แล้ว แค่จะปะทุขึ้นมาเมื่อไรก็เท่านั้นเอง ในปีที่ส่งนางเข้าวังข้าก็เตรียมใจไว้แล้ว”

เซี่ยโห้วลิ่งอึ้งไปชั่วขณะ วางใจแล้วไม่น้อย เดินตามหลังเขาพร้อมถามว่า “พูดแบบนี้ แสดงว่าท่านพ่อเตรียมรับมือไว้ตั้งแต่แรกแล้วหรือขอรับ?”

“หึหึ” เซี่ยโห้วลิ่งส่ายหน้าถอนหายใจ “ต้องรับมือด้วยเหรอ? เฉิงอวี่จะดีใจก็ช่าง จะไม่ดีใจก็ช่าง จะเกลียดตระกูลเซี่ยโห้วก็ได้ หรือจะไม่เกลียดตระกูลเซี่ยโห้วก็ได้ จุดสำคัญอยู่ที่ว่าตระกูลเซี่ยโห้วเองมีศักยภาพเพียงพอหรือเปล่า มีแต่ต้องทำให้ตัวเองแข็งแกร่งกว่าเท่านั้น ต่อให้นางจะเกลียดตระกูลเซี่ยโห้วแล้วยังไงล่ะ จะเปลี่ยนอะไรได้งั้นหรือ? ขนาดประมุขชิงยังเปลี่ยนแปลงความจริงไม่ได้ มีหรือที่นางจะเปลี่ยนแปลงได้? ตราบใดที่พวกเราแข็งแกร่งกว่า ไม่ว่าจะเป็นปัจจุบันหรืออนาคต นางก็ล้วนต้องพึ่งพาตระกูลเซี่ยโห้ว นางยังเป็นลูกสาวของตระกูลเซี่ยโห้วอยู่วันยังค่ำ ยังเกรงกลัวตระกูลเซี่ยโห้วเหมือนเดิม หลังจากเด็กในท้องนางเกิดมาแล้ว ก็ต้องขอการสนับสนุนจากตระกูลเซี่ยโห้ว นี่ต่างหากที่เป็นแก่นแท้ความจริง ความเกลียดชังอย่างอื่นล้วนเป็นสิ่งที่ปรากฏภายนอกเท่านั้น คนที่เกลียดตระกูลเซี่ยโห้วมีน้อยเสียที่ไหน? คนที่ร้อนใจอยากจะกำจัดตระกูลเซี่ยโห้วมีน้อยหรือไง? ไปแยแสอะไรกับนางคนเดียว เจ้าน่ะ พอมีเรื่องมากขึ้นหน่อย ตัวเองก็ร้อนใจถึงขนาดนี้แล้วเหรอ?”

เซี่ยโห้วลิ่งรีบตอบว่า “ลูกชายเพียงแค้นใจคนที่กินบนเรือนขี้รดบนหลังคา ไม่กลัวคลื่นลมข้างนอก กลัวก็แต่ความวุ่นวายในรังตัวเอง ถึงได้ร้อนใจไปชั่วขณะ”

“กลัวก็แต่ความวุ่นวายในรังตัวเอง พูดได้ดีเชียว!” เซี่ยโห้วท่าหันกลับมา มองเซี่ยโห้วลิ่งด้วยแววตาล้ำลึก จากนั้นเดินไปข้างหน้าต่อ พลางกล่าวช้าๆ  “พวกเจ้าไม่แปลกใจเหรอ? เฉิงอวี่รู้อยู่แจ่มแจ้งว่ารอบกายเต็มไปด้วยคนของตระกูลเซี่ยโห้ว ต่อให้ได้กำลังพลกลุ่มนั้นมา แต่ก็ถูกตระกูลเซี่ยโห้วควบคุมทางอ้อมอยู่ดี ตระกูลเซี่ยโห้วไม่มีทางปล่อยให้นางถือวิสาสะทำซี้ซั้วง่ายๆ แน่ เช่นนั้นนางทำอย่างนี้ยังจะมีความหมายอีกหรือ? สิ่งเดียวที่อธิบายได้ก็คือ นางสามารถกระโดดข้ามตระกูลเซี่ยโห้วไปติดต่อกับกำลังพลกลุ่มนั้นได้โดยตรง หรือไม่นางก็สามารถติดต่อกับผู้ควบคุมกำลังพลกลุ่มนั้นได้โดยตรง นั่นก็คือหนิวโหย่วเต๋อ เฉิงอวี่ นางหนูนั่นไปติดต่อกับหนิวโหย่วเต๋อโดยตรงตั้งแต่เมื่อไรกัน? ทำไมคนข้างกายนางถึงไม่รู้เรื่องนี้สักนิด?

ไม่ง่ายเลยกว่าจะบีบกำลังพลกลุ่มนั้นไว้ในมือได้ ข้าว่านางเองก็ไม่อยากถูกบงการจากคนอื่น ไม่อยากให้ทุกเรื่องต้องผ่านมือฝั่งประมุขชิงเหมือนกัน ถ้าเป็นอย่างนี้จริงๆ ก็ตัดความเป็นได้ที่นางจะยอมขัดใจตระกูลเซี่ยโห้วเพื่อควบคุมกำลังพลกลุ่มนี้ออก ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้สูงว่าปัญหานี้จะเกิดที่ข้างกายนาง เป็นไปไม่ได้ที่นางจะถ่อไปเจอกับหนิวโหย่วเต๋อเพียงลำพัง และการที่เฉิงอวี่จะมีความทะเยอะทะยานนี้ได้ ก็ต้องเป็นตอนที่การเดิมพันเริ่มขึ้นแล้วสิ ถ้ามองไม่เห็นทิวทัศน์ข้างหน้า นางคงไม่ทำอย่างนี้ ย่อขอบเขตให้เล็กลง ให้เหลือแค่คนที่เคยเจอกับหนิวโหย่วเต๋อในช่วงนั้น เว่ยซู คนของตำหนักนารีสวรรค์ ตรวจสอบ!”

“ขอรับ!” เว่ยซูกุมหมัดเอ่ยรับ แล้วหันตัวเดินจากไป รีบไปจัดการเรื่องนี้

หลังจากนั้นไม่กี่วัน ในตำหนักนารีสวรรค์ก็มีความเคลื่อนไหวเล็กน้อย ในห้องส่วนตัวห้องหนึ่ง เอ๋อเหมยกำลังใช้สายตาเย็นเยียบมองเทพธิดาคนหนึ่งที่ยืนอยู่เบื้องล่าง ใบหน้าเทพธิดาคนนั้นเต็มไปด้วยความหวาดวิตก กล่าวเสียงสั่นว่า “กูกู ไม่ทราบว่าเรียกบ่าวมาพบเพราะเรื่องอะไรคะ?”

“ระหว่างที่หนิวโหย่วเต๋อพักฟื้นที่สวนกลางเขียวขจี ได้ยินว่าตำหนักนารีสวรรค์มีคนแอบไปพบหนิวโหย่วเต๋อเงียบๆ ที่สวนกลางเขียวขจี เจ้ารู้มั้ยว่าเป็นใคร?” เอ๋อเหมยถามเสียงเย็น

เมื่อได้ยินคำถามนี้ เทพธิดาก็ตกใจจนคุกเข่าเสียงดังตุ้บ ใบหน้าซีดเผือด กลัวจนตัวสั่น

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1740 ตรวจสอบ!

Now you are reading พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า Chapter 1740 ตรวจสอบ! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

การประชุมของตำหนักสวรรค์เดือนนี้ แต่ละฝ่ายล้วนจับตาดู ครบกำหนดเวลาเดิมพันที่ตั้งขึ้นในงานเลี้ยงท่านปู่สวรรค์เซี่ยโห้ว ต้องรู้ผลแพ้ชนะชัดเจน ก่อนการประชุมราชสำนักเริ่ม ประมุขชิงได้สั่งให้คนประกาศรายชื่อทัพเกรียงไกรหนึ่งแสนของจวนแม่ทัพภาคตลาดผีให้กลุ่มขุนนางในที่ประชุมรู้แล้ว ทำเอาทั้งราชสำนักตกตะลึงพรึงเพริด ไม่น่าเชื่อว่ากำลังพลหนึ่งแสนจะไม่มีใครระดับต่ำกว่าบงกชรุ้งขั้นหนึ่งเลยสักคน ในจำนวนนั้นมีนักพรตพลังอิทธิฤทธิ์อนันตภาพตั้งสามสิบกว่าคน

รอจนขุนนางในราชสำนักสงบสติอารมณ์แล้ว ประมุขชิงถึงได้เสด็จเข้ามาอย่างเอื่อยเฉื่อย เขาเองก็ไม่ได้เอ่ยเรื่องเดิมพันในราชสำนัก ที่นี่ไม่ใช่งานเลี้ยงวันเกิดของเซี่ยโห้วท่า แต่กลับตำหนิติเตียนโหวสี่ตำแหน่งของสี่ทัพ ไม่รู้ว่าฟื้นฝอยหาตะเข็บมาจากไหน แล้วก็ถอดโหวสี่ตำแหน่งนี้เสียเลย เลือกคนจากกองทัพองครักษ์ไปรับตำแหน่งแทน ขุนนางเต็มราชสำนักเงียบงัน ไม่มีใครคัดค้าน เป็นเรื่องที่รู้ล่วงหน้าตั้งแต่ก่อนเข้าประชุมแล้ว ประมุขชิงจะต้องถอนคนลงจากตำแหน่งแน่นอน แค่คอยดูว่าใครจะซวยก็เท่านั้นเอง

สำหรับกลุ่มขุนนาง สิ่งที่พวกเขาสนใจในวันนี้ไม่ใช่เรื่องนี้แล้ว ตั้งแต่โจวจ้าวถูกอ๋องสวรรค์ก่วงกวาดล้าง ตั้งแต่ได้เห็นรายชื่อสมาชิกจวนแม่ทัพภาคตลาดผี บางคนถึงขั้นตระหนักได้ตั้งแต่ก่อนเห็นรายชื่อแล้วว่าสี่ทัพกำลังเผชิญกับคลื่นคลั่งโหมซัดสาด ผู้ที่ทำให้ทุกคนเครียดไม่ใช่ประมุขชิง แต่เป็นสี่อ๋องสวรรค์ต่างหาก ทุกคนตระหนักได้ถึงผลที่ตามมาหลังจากรายชื่อที่ปรากฏแล้ว โอกาสที่จะปะทุมาถึงแล้ว

ดังนั้นการประชุมราชสำนักวันนี้จึงค่อนข้างสงบ ทุกคนต่างก็มีเรื่องหนักใจของตัวเอง ประมุขชิงแทบจะพูดอยู่คนเดียว

ประมุขชิงถ่ายทอดคำสั่งแต่งตั้งหัวหน้าภาคแดนรัตติกาลอย่างเป็นทางการ หนิวโหย่วเต๋อตลาดผีแม่ทัพภาคเลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าภาคแดนรัตติกาลแล้ว ข้อนี้ไม่มีใครคัดค้าน

จนกระทั่งเอ่ยหัวข้อสุดท้ายขึ้นมา ถึงได้ทำให้เกิดความเคลื่อนไหวนิดหน่อย ประมุขชิงถ่ายทอดคำสั่งให้แดนรัตติกาลอยู่ใต้สังกัดตำหนักนารีสวรรค์ ครั้งนี้เซี่ยโห้วท่าไม่ได้เข้าร่วมประชุม เซี่ยโห้วลิ่งลูกชายของเขาออกมาคัดค้าน กำลังพลเครือข่ายตระกูลเซี่ยโห้วก็ออกมาคัดค้านเช่นกัน โพ่จวินผู้บัญชาการหน่วยองครักษ์ซ้ายออกมาคัดค้าน การที่ผู้บัญชาการกองทัพองครักษ์ออกมาคัดค้านประมุขชิงอย่างเปิดเผยเป็นเรื่องที่พบได้ไม่บ่อยเลย ทำเอาประมุขชิงสีหน้าแย่มาก อู๋ฉวี่ผู้บัญชาการหน่วยองครักษ์ขวาเงียบไว้ตลอด ซือหม่าเวิ่นเทียนกับเกาก้วนไม่ได้แสดงท่าที

ใครจะคิดว่าขุนนางใหญ่เครือข่ายสี่ทัพกลับส่งเสียงเห็นด้วยเป็นแถบๆ ต่อให้มีโพ่จวินกระโดดออกมาช่วย แต่ก็กลบเสียงที่ไม่ดังของเครือข่ายตระกูลเซี่ยโห้วมิดแล้ว ทำให้บัญชาสวรรค์ข้อนี้ของประมุขชิงผ่านไปอย่างราบรื่น และเริ่มตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป แดนรัตติกาลก็มีเจ้าของอย่างเป็นทางการ ตำหนักนารีสวรรค์!

หลังจากการประชุมจบลง เซี่ยโห้วลิ่งก็ออกไปด้วยสีหน้าบึ้งตึง ขุนนางใหญ่ของสี่ทัพยังไม่ทันออกจากวังสวรรค์หมดก็ทยอยกันถูกสี่อ๋องสวรรค์เรียกรวมแล้ว สั่งให้พวกเขาแยกย้ายกันไปที่ประชุมที่ศูนย์ของสี่ทัพของตัวเอง ศูนย์กลางของสี่ทัพก็ย่อมหมายถึงสี่อ๋องสวรรค์อยู่แล้ว

เมื่อมีคำสั่งประมุขชิง ทุกอย่างก็คุยกันง่าย ใช้เวลาไม่นาน ตำหนักสวรรค์ก็ส่งสมาชิกกองทัพองครักษ์ไปถ่ายทอดคำสั่งที่จวนแม่ทัพภาคตลาดผี เมื่อคำสั่งนี้ออกมา เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ก็ตื่นเต้นจนเดินไปเดินมาอยู่ในตำหนักนารีสวรรค์ไม่หยุด ขณะเดียวกันก็ประหม่าแทบแย่ ไม่รู้ว่าทางตระกูลเซี่ยโห้วจะมีปฏิกิริยาอย่างไร

พอเดินมาถึงประตู นางก็มองสิ่งปลูกสร้างอันงดงามหรูหราของวังสวรรค์ด้านนอก แล้วก้มหน้าลูบท้องตัวเอง ตอนนี้นี่คือที่พึ่งที่ดีที่สุดของนางแล้ว

จวนท่านปู่สวรรค์ เซี่ยโห้วลิ่งที่กลับมาจากประชุมราชสำนักมีสีหน้าสงบนิ่ง คนของจวนท่านปู่สวรรค์มองไม่ออกว่าเขามีความผิดปกติใดๆ แต่พอเข้ามาในอุทยานหลวง ในที่สุดใบหน้าของเขาก็บึ้งตึงแล้ว ระเบิดอารมณ์ที่แท้จริงออกมาแล้ว

ใต้ต้นไม้ใหญ่สูงระฟ้า เซี่ยโห้วท่านเอนกายงีบอยู่บนเก้าอี้นอน เว่ยซูยืนเงียบสงบอยู่ข้างกัน

ฃหลังจากเซี่ยโห้วลิ่งเดินหน้าดำคร่ำเครียดเข้ามาทำความเคารพแล้ว ก็กล่าวเสียงเข้มว่า “ท่านพ่อ เกิดเรื่องที่ราชสำนักแล้ว ประมุขชิงยื่นมือมาฝั่งพวกเราแล้วขอรับ”

เว่ยซูเอ่ยว่า “คุณชายรองขอรับ นายท่านเพิ่งทราบเรื่อง พอหลังจากราชินีสวรรค์ได้รับคำสั่ง ก็ส่งข่าวมาอธิบายแล้ว นางบอกว่านางไม่รู้เรื่องนี้มาก่อนเลย”

เซี่ยโห้วลิ่งแสยะยิ้ม “ประมุขชิงคิดจะทำอะไร?”

ในขณะนี้เอง เซี่ยโห้วท่าที่กำลังนอนเอนกายก็พลันลืมตาแล้วเอ่ยถาม “ตอนหนิวโหย่วเต๋อโดนทำโทษที่พระตำหนักอุทยาน คนของตำหนักนารีสวรรค์ไปช่วยได้ทันเวลา ตอนหนิวโหย่วเต๋อพักฟื้นอยู่ที่สวนกลางเขียวขจี ตำหนักนารีสวรรค์ก็ส่งคนไปเยี่ยมอีก เฉิงอวี่นางหนูนั่นเหมือนจะสนใจหนิวโหย่วเต๋อมาก เว่ยซู ไปถามสถานการณ์ตอนตำหนักนารีสวรรค์ได้รับคำสั่งมาหน่อย”

เซี่ยโห้วลิ่งพลันหรี่ตา ในร่องตาฉายแววดุร้ายรางๆ

เว่ยซูทำสีหน้าตกใจทันที เหมือนเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว รีบหยิบระฆังดาราออกมาติดต่อตำหนักนารีสวรรค์

หลังจากนั้นไม่นาน เว่ยซูก็เก็บระฆังดารา แล้วโค้งตัวเล็กน้อยไปทางเก้าอี้นอน “นายท่าน ตอนที่คำสั่งของประมุขชิงไปถึงตำหนักนารีสวรรค์ ราชินีสวรรค์ก็ไม่ได้ปฏิเสธใดๆ แต่รับคำสั่งทันทีเลยขอรับ”

เซี่ยโห้วท่าที่เอนกายอยู่บนเก้าอี้นอนยังคงไม่สะทกสะท้าน กล่าวช้าๆ โดยไม่ลืมตาว่า “ถ้านางหนูเฉิงอวี่นั่นไม่เต็มใจ ต่อให้ประมุขชิงถ่ายทอดคำสั่งนี้ก็ไม่มีความหมายอะไร เปลี่ยนแปลงความจริงอะไรไม่ได้แล้ว สงสัยประมุขชิงกับนางหนูเฉิงอวี่คุยปรึกษาเรื่องนี้กันก่อนหน้านั้นแล้ว นางรู้เรื่องล่วงหน้า แต่กลับไม่บอกทางนี้ สงสัยนางหนูนั่นจะคับแค้นตระกูลเซี่ยโห้วอยู่บ้าง!”

“นางคิดจะทำอะไร?” เซี่ยโห้วลิ่งถามด้วยเสียงขุ่นเคือง แล้วเดินไปเดินมาราวกับสิงโตที่โดนยั่วโมโห เขาชี้ไปด้านนอกพลางตำหนิว่า “นางนึกว่านางได้นั่งตำแหน่งนั้นแล้วจะเป็นมารดาแห่งใต้หล้าจริงๆ แล้วเหรอ? ไม่คิดบ้างล่ะว่าใครสนับสนุนให้นางขึ้นตำแหน่งนั้น? แต่ไหนแต่ไรมา ล้วนเป็นตึกศาลาสัตยพรตที่มีอำนาจตัดสินใจที่ตลาดผี นางไม่คิดดูบ้างว่าประมุขชิงแบ่งอาณาเขตส่วนนั้นให้นางเพราะมีจุดประสงค์อะไร เสือสองตัวอยู่ภูเขาเดียวกันไม่ได้ ชัดเจนว่ากำลังเสี้ยมให้นางกับตระกูลเซี่ยโห้วแตกคอกัน ถ้าไม่มีการสนับสนุนจากตระกูลเซี่ยโห้ว นางจะมีที่ยืนในวังสวรรค์เหรอ? นึกไม่ถึงว่าจะโง่เง่าถึงขั้นนี้ ถูกคนหลอกใช้ประโยชน์แล้ว! การที่ขุนนางใหญ่ในราชสำนักคอยยุยงปลุกปลั่นเติมเชื้อไฟหมายความว่าอะไรล่ะ หมายความว่าทุกคนเข้าใจเจตนาของประมุขชิงแล้วไง มีเพียงนางที่โง่เกินเยียวยา!”

เซี่ยโห้วท่าที่ยังไม่ลืมตากล่าวเสียงเรียบ “ตอนนี้นางมีต้นทุนสำหรับยืนในวังสวรรค์แล้วจริงๆ ท้องโย้ของนางก็คือต้นทุนใหญ่สุดที่ทำให้นางได้รับการสนับสนุนจากประมุขชิง คนเราถ้าไม่มีความมั่นใจก็ไม่กล้าหรอก เมื่อมีความมั่นใจก็ย่อมลงมือทำ”

“ข้าประเมินนางต่ำไปจริง นึกไม่ถึงว่าจกล้าแว้งกัด ตระกูลเซี่ยโห้วทำให้ท้องนางใหญ่ได้ ก็ทำให้ท้องนางแบนกลับเข้าไปได้เหมือนกัน!” เซี่ยโห้วลิ่งยังคงกล่าวด้วยน้ำเสียงเดือดดาล

เว่ยซูฟังแล้วแอบตกใจ อย่าบอกนะว่าจะลงมือกับท้องราชินีสวรรค์ที่วังสวรรค์? เกรงว่าถ้าทำให้วุ่นวายอย่างนั้นจริง ถึงตอนนั้นก็ไม่รู้ว่าจะมีหัวคนร่วงลงพื้นเยอะขนาดไหน

“เจ้ารอง เจ้ากำลังพูดจาเหลวไหล ถึงอย่างไรในท้องของนางหนูนั่นก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของประมุขชิง เป็นญาติที่ใกล้ชิดที่สุดเพียงคนเดียวของประมุขชิง ไม่ว่าใครที่แตะต้องท้องของนางหนูนั่น ก็เท่ากับล้ำเส้นประมุขชิงแล้ว ผลที่ตามมาก็คือราคามหาศาลที่ตระกูลเซี่ยโห้วจะต้องจ่าย เจ้าเองก็พูดถูก ประมุขชิงทำอย่างนี้ก็เพราะจงใจเสี้ยมความสัมพันธ์ระหว่างนางหนูกับตระกูลเซี่ยโห้ว ถ้าสืบจนถึงแก่นแท้แล้ว ก็คือไม่อยากให้สายเลือดในท้องนางหนูได้รับอิทธิพลจากตระกูลเซี่ยโห้วมากเกินไป” เซี่ยโห้วท่ากล่าว

เซี่ยโห้วลิ่งขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “วิธีการนี้ของประมุขชิงโหดเกินไปแล้ว ในเมื่อเฉิงอวี่มีความตั้งใจ ลองให้นางเคยลิ้มรสชาติของผลประโยชน์ดูแล้ว ถ้าในระหว่างนั้นตระกูลเซี่ยโห้วฝืนตัดผลประโยชน์ในมือนาง ในใจนางคงจะแค้นตระกูลเซี่ยโห้วเข้ากระดูก แต่ถ้าปล่อยให้นางทำตามอำเภอใจอย่างนี้ ในอนาคตก็อาจจะจัดการยาก พวกเราหลบหลุมพรางนี้ของประมุขชิงไม่พ้น ไม่ว่าผลลัพธ์สุดท้ายจะเป็นยังไง ก็ต้องกดดันให้ระหว่างพวกเรากับเฉิงอวี่เกิดรอยร้าว!”

“เจ้าจะร้อนใจทำไม? เกิดเรื่องขึ้นก็แก้ปัญหาสิ กังวลมากไปก็ไม่มีประโยชน์” เซี่ยโห้วท่าลืมตาจ้องเซี่ยโห้วลิ่ง กดดันให้ความโหดเหี้ยมบนใบหน้าเซี่ยโห้วลิ่งลดลง เซี่ยโห้วท่ายืนขึ้น เว่ยซูก้าวขึ้นไปประคอง หลังจากลุกขึ้นแล้วก็เดินเนิบนาย “เจ้านึกว่าถ้าไม่เกิดเรื่องนี้ขึ้นแล้วเฉิงอวี่จะไม่เกลียดตระกูลเซี่ยโห้วเหรอ? ถ้าไม่ได้นั่งตำแหน่งนั้นก็ว่าไปอย่าง พอนั่งตำแหน่งนั้นแล้วกลับถูกคนครอบงำมาหลายปี ถ้าเปลี่ยนเป็นเจ้าก็ทนไม่ไหวเหมือนกัน มีอะไรน่าแปลกใจล่ะ เป็นเรื่องที่อยู่ในการคาดเดาอยู่แล้ว แค่จะปะทุขึ้นมาเมื่อไรก็เท่านั้นเอง ในปีที่ส่งนางเข้าวังข้าก็เตรียมใจไว้แล้ว”

เซี่ยโห้วลิ่งอึ้งไปชั่วขณะ วางใจแล้วไม่น้อย เดินตามหลังเขาพร้อมถามว่า “พูดแบบนี้ แสดงว่าท่านพ่อเตรียมรับมือไว้ตั้งแต่แรกแล้วหรือขอรับ?”

“หึหึ” เซี่ยโห้วลิ่งส่ายหน้าถอนหายใจ “ต้องรับมือด้วยเหรอ? เฉิงอวี่จะดีใจก็ช่าง จะไม่ดีใจก็ช่าง จะเกลียดตระกูลเซี่ยโห้วก็ได้ หรือจะไม่เกลียดตระกูลเซี่ยโห้วก็ได้ จุดสำคัญอยู่ที่ว่าตระกูลเซี่ยโห้วเองมีศักยภาพเพียงพอหรือเปล่า มีแต่ต้องทำให้ตัวเองแข็งแกร่งกว่าเท่านั้น ต่อให้นางจะเกลียดตระกูลเซี่ยโห้วแล้วยังไงล่ะ จะเปลี่ยนอะไรได้งั้นหรือ? ขนาดประมุขชิงยังเปลี่ยนแปลงความจริงไม่ได้ มีหรือที่นางจะเปลี่ยนแปลงได้? ตราบใดที่พวกเราแข็งแกร่งกว่า ไม่ว่าจะเป็นปัจจุบันหรืออนาคต นางก็ล้วนต้องพึ่งพาตระกูลเซี่ยโห้ว นางยังเป็นลูกสาวของตระกูลเซี่ยโห้วอยู่วันยังค่ำ ยังเกรงกลัวตระกูลเซี่ยโห้วเหมือนเดิม หลังจากเด็กในท้องนางเกิดมาแล้ว ก็ต้องขอการสนับสนุนจากตระกูลเซี่ยโห้ว นี่ต่างหากที่เป็นแก่นแท้ความจริง ความเกลียดชังอย่างอื่นล้วนเป็นสิ่งที่ปรากฏภายนอกเท่านั้น คนที่เกลียดตระกูลเซี่ยโห้วมีน้อยเสียที่ไหน? คนที่ร้อนใจอยากจะกำจัดตระกูลเซี่ยโห้วมีน้อยหรือไง? ไปแยแสอะไรกับนางคนเดียว เจ้าน่ะ พอมีเรื่องมากขึ้นหน่อย ตัวเองก็ร้อนใจถึงขนาดนี้แล้วเหรอ?”

เซี่ยโห้วลิ่งรีบตอบว่า “ลูกชายเพียงแค้นใจคนที่กินบนเรือนขี้รดบนหลังคา ไม่กลัวคลื่นลมข้างนอก กลัวก็แต่ความวุ่นวายในรังตัวเอง ถึงได้ร้อนใจไปชั่วขณะ”

“กลัวก็แต่ความวุ่นวายในรังตัวเอง พูดได้ดีเชียว!” เซี่ยโห้วท่าหันกลับมา มองเซี่ยโห้วลิ่งด้วยแววตาล้ำลึก จากนั้นเดินไปข้างหน้าต่อ พลางกล่าวช้าๆ  “พวกเจ้าไม่แปลกใจเหรอ? เฉิงอวี่รู้อยู่แจ่มแจ้งว่ารอบกายเต็มไปด้วยคนของตระกูลเซี่ยโห้ว ต่อให้ได้กำลังพลกลุ่มนั้นมา แต่ก็ถูกตระกูลเซี่ยโห้วควบคุมทางอ้อมอยู่ดี ตระกูลเซี่ยโห้วไม่มีทางปล่อยให้นางถือวิสาสะทำซี้ซั้วง่ายๆ แน่ เช่นนั้นนางทำอย่างนี้ยังจะมีความหมายอีกหรือ? สิ่งเดียวที่อธิบายได้ก็คือ นางสามารถกระโดดข้ามตระกูลเซี่ยโห้วไปติดต่อกับกำลังพลกลุ่มนั้นได้โดยตรง หรือไม่นางก็สามารถติดต่อกับผู้ควบคุมกำลังพลกลุ่มนั้นได้โดยตรง นั่นก็คือหนิวโหย่วเต๋อ เฉิงอวี่ นางหนูนั่นไปติดต่อกับหนิวโหย่วเต๋อโดยตรงตั้งแต่เมื่อไรกัน? ทำไมคนข้างกายนางถึงไม่รู้เรื่องนี้สักนิด?

ไม่ง่ายเลยกว่าจะบีบกำลังพลกลุ่มนั้นไว้ในมือได้ ข้าว่านางเองก็ไม่อยากถูกบงการจากคนอื่น ไม่อยากให้ทุกเรื่องต้องผ่านมือฝั่งประมุขชิงเหมือนกัน ถ้าเป็นอย่างนี้จริงๆ ก็ตัดความเป็นได้ที่นางจะยอมขัดใจตระกูลเซี่ยโห้วเพื่อควบคุมกำลังพลกลุ่มนี้ออก ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้สูงว่าปัญหานี้จะเกิดที่ข้างกายนาง เป็นไปไม่ได้ที่นางจะถ่อไปเจอกับหนิวโหย่วเต๋อเพียงลำพัง และการที่เฉิงอวี่จะมีความทะเยอะทะยานนี้ได้ ก็ต้องเป็นตอนที่การเดิมพันเริ่มขึ้นแล้วสิ ถ้ามองไม่เห็นทิวทัศน์ข้างหน้า นางคงไม่ทำอย่างนี้ ย่อขอบเขตให้เล็กลง ให้เหลือแค่คนที่เคยเจอกับหนิวโหย่วเต๋อในช่วงนั้น เว่ยซู คนของตำหนักนารีสวรรค์ ตรวจสอบ!”

“ขอรับ!” เว่ยซูกุมหมัดเอ่ยรับ แล้วหันตัวเดินจากไป รีบไปจัดการเรื่องนี้

หลังจากนั้นไม่กี่วัน ในตำหนักนารีสวรรค์ก็มีความเคลื่อนไหวเล็กน้อย ในห้องส่วนตัวห้องหนึ่ง เอ๋อเหมยกำลังใช้สายตาเย็นเยียบมองเทพธิดาคนหนึ่งที่ยืนอยู่เบื้องล่าง ใบหน้าเทพธิดาคนนั้นเต็มไปด้วยความหวาดวิตก กล่าวเสียงสั่นว่า “กูกู ไม่ทราบว่าเรียกบ่าวมาพบเพราะเรื่องอะไรคะ?”

“ระหว่างที่หนิวโหย่วเต๋อพักฟื้นที่สวนกลางเขียวขจี ได้ยินว่าตำหนักนารีสวรรค์มีคนแอบไปพบหนิวโหย่วเต๋อเงียบๆ ที่สวนกลางเขียวขจี เจ้ารู้มั้ยว่าเป็นใคร?” เอ๋อเหมยถามเสียงเย็น

เมื่อได้ยินคำถามนี้ เทพธิดาก็ตกใจจนคุกเข่าเสียงดังตุ้บ ใบหน้าซีดเผือด กลัวจนตัวสั่น

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+