พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1750 เยือนปราสาทดำเนินจันทร์ครั้งแรก

Now you are reading พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า Chapter 1750 เยือนปราสาทดำเนินจันทร์ครั้งแรก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ทว่าทางสี่ทัพต่างก็จัดระเบียบตัวเองอย่างอึกทึกคึกโครม สายตาของคนส่วนใหญ่ไปรวมอยู่ที่นั่น เหมียวอี้ก็เลยยิ่งฉวยโอกาสตอนที่คนอื่นไม่สนใจรีบจัดการสิ่งที่อยู่ในขอบข่ายงานให้เรียบร้อย ไม่อย่างนั้นก็จะถึงคราวที่ฝั่งเขาจะดึงดูดความสนใจคนอื่นแล้ว เพราะไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหนก็ล้วนดึงดูดความสนใจคนทั้งนั้น ยกตัวอย่างเช่นเลื่อนยศหมู่ให้ทัพใหญ่หนึ่งแสน คนอื่นก็แค่ไม่มีเวลามาสนใจทางนี้ก็เท่านั้นเอง ไม่อย่างนั้นถ้ารอให้คนว่างเมื่อไร ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะมาหาเรื่องเขา

“เฉิงอวี่ ไม่ใช่ว่าข้าไม่ไว้หน้าเจ้า แต่ในปีแรกนั้นข้าประกาศแล้วว่าจะแบ่งที่นั่นให้เป็นพื้นที่ส่วนตัวของปราสาทดำเนินจันทร์ เจ้าคงจะไม่ให้ข้ากลับคำหรอกใช่มั้ย?”

ในตำหนักนารีสวรรค์ ประมุขชิงเข้ามาเยี่ยมเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ นางจึงเอ่ยเรื่องสร้างจวนใหม่ที่เหมียวอี้รายงานขึ้นมาอีกครั้ง แต่ประมุขชิงส่ายหน้า ยื่นมือลูบท้องกลมของนางพลางถอนหายใจ ยามที่สัมผัสได้ว่ามีอีกชีวิตน้อยๆ อยู่ในท้องกลมที่มีหนังท้องกั้น ก็ทำให้เขารู้สึกแปลกๆ ไปอีกแบบ เป็นความรู้สึกที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาไม่รู้ว่านี่คือความรู้สึกที่เรียกว่าเชื่อมโยงทางสายเลือดหรือเปล่า เอาเป็นว่าแม่แต่เสียงพูดก็ยังอ่อนโยนขึ้นแล้ว

“ดาวเคราะห์สิบดวงในอาณาเขตปราสาทดำเนินจันทร์ ในจำนวนนั้นมีหกดวงที่เหมาะกับการอยู่อาศัย จะแบ่งสักดวงให้เป็นที่ตั้งจวนหัวหน้าภาคแดนรัตติกาลไม่ได้เชียวหรือเพคะ? ยิ่งไปกว่านั้น ผืนดินในใต้หล้า มิมีที่ใดที่ไม่ใช่ของราชัน ขอเพียงฝ่าบาทลองเปรยๆ สักหน่อย ปราสาทดำเนินจันทร์ก็ไม่กล้าคัดค้านแน่เพคะ”

เซี่ยโห้วเฉิงอวี่แข็งใจขอร้องอีกครั้ง เพื่อจัดการเรื่องของเหมียวอี้ นางนับว่าทุ่มเทสุดความสามารถแล้ว แต่นางก็รู้สถานการณ์ของแดนรัตติกาลเช่นกัน ทัพใหญ่หนึ่งแสนไม่มีแม้แต่ที่พักที่เหมาะสมเลยสักแห่ง ถ้าแม้แต่การเริ่มก่อสร้างจวนหัวหน้าภาคนางยังสนับสนุนไม่ได้ แล้วจะให้หนิวโหย่วเต๋อมองนางอย่างไร? จะรับมาเป็นลูกน้องคนสนิทได้อย่างไร? แม้ตระกูลเซี่ยโห้วจะเป็นก้างขวางคออยู่ตรงกลาง แต่นางไม่ยอมทิ้งไปอย่างนี้แน่นอน ในดวงตานางแทบจะฉายแววอ้อนวอน

ที่จริงนางก็ดูสีหน้าประมุขชิงก่อนถึงพูด ครั้งนี้เห็นประมุขชิงดูคุยง่ายนางถึงได้กล้ามาเกาะแกะอีก ถ้าเห็นประมุขชิงดูคุยยาก นางก็ไม่กล้าเอ่ยถึงแน่นอน

“นี่ไม่ใช่ปัญหาว่าปราสาทดำเนินจันทร์จะกล้าหรือไม่กล้าคัดค้าน แต่เป็นปัญหาว่าคนในใต้หล้าจะมองข้ายังไง…” พอพูดถึงตรงนี้ จู่ๆ ประมุขชิงก็ทำสายตาจริงจัง รู้สึกได้ว่าเจ้าตัวเล็กในท้องกลมกำลังเตะฝ่ามือของเขา จึงเอียงหน้ามองแววตาวิงวอนของเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ หลังจากครุ่นคิดเงียบๆ ครู่หนึ่ง ก็บอกว่า “คืออย่างนี้นะ เรื่องที่ประกาศต่อใต้หล้าไปแล้ว หากปราสาทดำเนินจันทร์ยังไม่ได้ทำผิดกฎ ข้าก็กลับคำไม่ได้เด็ดขาด เจ้าให้หนิวโหย่วเต๋อไปจัดการกับปราสาทดำเนินจันทร์เองแล้วกัน ขอเพียงปราสาทดำเนินจันทร์อนุญาตให้คนของจวนหัวหน้าภาคแดนรัตติกาลเข้าไปตั้งมั่น ข้าก็ไม่ว่าอะไร”

“เอ่อ…” เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ยิ้มเจื่อน “หากไม่มีเดชานุภาพสวรรค์คอยกดดัน หนิวโหย่วเต๋อจะโน้มน้ามปราสาทดำเนินจันทร์ได้ยังไงเพคะ”

ประมุขชิงหัวเราะเบาๆ แล้วบอกว่า “เจ้าก็ประเมินลูกลิงนั่นต่ำไปแล้ว เจ้าลืมเรื่องในงานเลี้ยงวันเกิดท่านปู่สวรรค์ไปแล้วเหรอ ถ้าเจ้าไม่ให้เขาลอง แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าเขาทำไม่ได้? ลองทดสอบดูสักครั้งก็ได้ เจ้าให้โอกาสเขาแล้ว ถ้าเขาทำไม่สำเร็จแล้วจะโทษใครได้ล่ะ แค่นี้เจ้าก็ปฏิเสธได้แล้ว”

เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ลองคิดดูแล้วก็เห็นด้วย ยิ่งไปกว่านั้นนางก็มองออก ว่าประมุขชิงหลีกทางให้มากที่สุดแล้ว ถ้ากดดันกว่านี้เกรงว่าจะยั่วโมโหประมุขชิง

หลังจากเหมียวอี้ได้รับข่าวจากตำหนักนารีสวรรค์ ก็รายงานอีกเรื่องหนึ่งขึ้นไปทันที นั่นก็คือยื่นขอธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์หนึ่งหมื่นคันให้จวนหัวหน้าภาคแดนรัตติกาล

เป็นเรื่องที่สามารถรายงานขึ้นไปพร้อมกันได้แท้ๆ แต่เขากลับรายงานตำหนักนารีสวรรค์ทีละเรื่อง เขาใช้ลำดับขั้นตอนตามที่หยางชิ่งแนะนำ ถ้ารายงานขึ้นไปพร้อมกันทุกเรื่อง อีกฝ่ายก็จะเลือกว่าจะตอบตกลงเรื่องไหนหรือปฏิเสธเรื่องไหน อีกทั้งจวนหัวหน้าภาคแดนรัตติกาลก็เพิ่งก่อสร้าง เบื้องบนต้องให้การสนับสนุนบ้างไม่มากก็น้อย คงไม่ดีหากจะปฏิเสธเรื่องที่เบื้องล่างรายงานขึ้นมาแบบต่อเนื่อง แบบนี้จะเพิ่มอัตราความสำเร็จของการรายงานได้ สาเหตุที่รายงานเรื่องสร้างจวนในอาณาเขตปราสาทดำเนินจันทร์ก่อนก็เพราะมีเจตนานี้

หลังจากรายงานยื่นขอธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์หนึ่งหมื่นคันแล้ว ก็ปล่อยให้ตำหนักนารีสวรรค์ปวดหัวไปว่าจะตัดสินใจอย่างไร ส่วนเหมียวอี้ก็นำกำลังพลกลุ่มหนึ่งออกเดินทางโดยไม่ลังเล เร่งเดินทางไปยังปราสาทดำเนินจันทร์

ปราสาทดำเนินจันทร์ สถานที่เดียวของแดนรัตติกาลที่อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุด ดาวเคราะห์ที่งดงามสิบดวงกำลังโคจรอย่างเงียบๆ

กำลังพลนับพันเหาะมาจากจุดลึกของดาราจักร ชิงเยว่ที่เหาะอยู่ใกล้เหมียวอี้ชี้ไปยังดาวเคราะห์งดงามสีฟ้าสุดลูกหูลูกตาดวงหนึ่ง บอกให้รู้ว่าตำหนักหลักของปราสาทดำเนินจันทร์อยู่บนดาวเคราะห์ดวงนั้น เพราะนางเคยมาที่นี่

กำลังพลหนึ่งพันพุ่งฝ่าชั้นบรรยากาศทันที เมฆหมอกแฉลบผ่านใบหูเร็วมาก ภาพตรงหน้าพลันสว่างสดใส เบื้องล่างมีภูเขาและแม่น้ำ คนที่อยู่ตลาดผีมานานไม่ค่อยคุ้นชินกับแสงสว่างของที่นี่

ขณะที่ตัวคนยังอยู่กลางอากาศ เบื้องล่างก็มีเงาคนหลายคนพุ่งขึ้นมาจากระหว่างภูเขาและแม่น้ำ มาขวางทางกำลังพลกลุ่มนี้เอาไว้

คนที่มาขวางทางพวกเขาเป็นผู้หญิงกลุ่มหนึ่ง แต่ละคนงดงามดุจหยก สวมชุดสีขาวราวหิมะ กระโปรงพลิ้วไหวตามสายลม มีลักษณะสดใสสบายตาไปอีกแบบ แต่ละนางราวกับมีสง่าราศีของนางฟ้า เพียงแต่ผู้หญิงกลุ่มนี้ดูอ่อนเยาว์มาก เหมียวอี้เคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้มานานแล้ว ว่าปราสาทดำเนินจันทร์ฝึกเคล็ดวิชาโดยใช้แสงจันทร์ช่วยคงใบหน้าให้อ่อนเยาว์ ต่อให้เป็นตอนแก่ตายตามอายุไข ใบหน้าก็ยังสวยอ่อนเยาว์เหมือนเดิม

แต่เหมียวอี้ค่อนข้างคุ้นตากับอาวุธที่คนพวกนี้ใช้ คล้ายกับอาวุธที่เยว่เหยาใช้ในปีแรกๆ

แต่ละคนสะบัดแขนโยนพระจันทร์เสี้ยวออกมา พระจันทร์เสี้ยวระบำวนอยู่ท้องฟ้า ลอมพวกเขาเอาไว้แล้ว

“ใครกันที่บุกเขามาในปราสาทดำเนินจันทร์?” ผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นหัวหน้าชี้พวกเหมียวอี้พลางตะโกนถาม

ที่จริงการแต่งกายของพวกเหมียวอี้ก็ทำให้คนพวกนี้รู้สึกแปลกใจเหมือนกัน ถึงแม้จะเหมือนคนของตำหนักสวรรค์ แต่ดูจากสัญลักษณ์อิทธิฤทธิ์ตรงหว่างคิ้ว ก็เหมือนจะไม่ถูก นอกจากเหมียวอี้ที่สวมเครื่องแบบเกราะม่วงสามแถบ ที่เหลือก็ไม่มีใครที่วรยุทธ์ต่ำกว่าบงกชรุ้งเลย แต่ส่วนใหญ่กลับสวมเกราะเงิน พลังและยศดูไม่ถูกต้อง

ถึงแม้สิบปราสาทดำเนินจะอยู่ในสถานการณ์พิเศษ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโลกภายนอกเลย ยิ่งไปกว่านั้น ปราสาทดำเนินจันทร์ก็อยู่ที่แดนรัตติกาลอยู่แล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รู้ความเคลื่อนไหวของแดนรัตติกาลเลยสักนิด โดยเฉพาะสัญลักษณ์พลังอิทธิฤทธิ์ที่ก่อตัวเป็นรูปจริงตรงหว่างคิ้วชิงเยว่ ทำให้กลุ่มศิษย์ปราสาทดำเนินจันทร์เดาออกเร็วมากว่าคนพวกนี้เป็นใคร

เป็นอย่างที่คาดไว้ เหมียวอี้ตอบเสียงดังว่า “รบกวนไปแจ้งประมุขปราสาทดำเนินจันทร์ หนิวโหย่วเต๋อหัวหน้าภาคแดนรัตติกาลมาเยี่ยมคารวะเพื่อบ้าน!” พูดจบก็โยนแผ่นหยกขุนนางออกไป

ผู้หญิงที่ตะโกนถามรับแผ่นหยกมาอ่าน ถ้าเปลี่ยนเป็นกำลังพลตำหนักสวรรค์ทั่วไปมาที่นี่ ตามหลักแล้วก็ไม่ต้องสนใจเลยจริงๆ สามารถไล่ไปได้เลย แต่ตอนนี้ท่านนี้คือหัวหน้าภาคแดนรัตติกาลคนใหม่ อีกฝ่ายเป็นคนดูแลทั้งแดนรัตติกาล ถ้าพูดแบบไม่น่าฟังหน่อยก็คือ ปราสาทดำเนินจันทร์อยู่นอาณาเขตของอีกฝ่าย

หลังจากลังเลนิดหน่อย ผู้หญิงคนนั้นก็กุมหมัดคารวะบอกว่า “รอสักครู่” จากนั้นหยิบระฆังดาราติดต่อไปที่ไหนสักแห่ง แต่ก็ยังไม่ได้สั่งถอนอาวุธพระจันทร์เสี้ยวรอบๆ ออกไป

ชิงเยว่และกำลังพลที่ติดตามกำลังระแวดระวังพระจันทร์เสี้ยวที่อาจจะรุกโจมตีได้ทุกเมื่อ

เหมียวอี้กลับสุขุมเยือกเย็น สายตาจ้องทะเลสาบแห่งหนึ่งบนยอดเขาของภูเขาที่อยู่ระหว่างธรรมชาติงดงามเบื้องล่าง เป็นทะเลสาบที่น้ำใสราวกับอัญมณีสีฟ้า ตรงกลางทะเลสาบสีฟ้าสงบเหมือนจะมีปราสาทที่สร้างจากผลึกม่วงหลังหนึ่งตั้งอยู่ เมฆขาวที่ลอยผ่านฟ้าเป็นครั้งคราวเกิดเป็นเงาในทะเลสาบ ทำให้คนเห็นแล้วสบายตาสบายใจ สวยงามล้ำเลิศ

และบนภูเขารอบๆ ก็มีสิ่งปลูกสร้างจากผลึกม่วงอยู่ไม่น้อย สะท้อนแสงระยิบระยับอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์สดใส

เหมียวอี้มาครั้งแรกจึงยังไม่คุ้นเคยกับสถานการณ์ แต่เดาว่าตำหนักที่โหญ่โตอลังการที่สุดกลางทะเลสาบบนยอดเขาคงจะเป็นตำหลักหลักของปราสาทดำเนินจันทร์ เขาเอียงหน้ามองชิงเยว่ นางพยักหน้าบอกใบ้ว่าเหมียวอี้เดาถูก

ใช้เวลาไม่นาน ผู้หญิงที่อยู่ตรงข้ามก็กำระฆังดาราพร้อมตอบว่า “หัวหน้าภาคหนิวเชิญกลับเถอะประมุขปราสาทไม่พบแขก”

นี่มันสถานการณ์อะไรกัน? เหมียวอี้ขมวดคิ้ว “ทุกคนเป็นเพื่อนบ้านกัน ต่อไปต้องอยู่ร่วมกันในระยะยาว เหตุใดจึงไม่มาพบสักครั้ง?”

ผู้หญิงคนนั้นส่ายหน้า “เรื่องนี้ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน หัวหน้าภาคหนิวเชิญกลับ”

“แล้วถ้าหัวหน้าภาคคนนี้จะพบให้ได้ล่ะ?” เหมียวอี้ถามเสียงเข้มเล็กน้อย

ผู้หญิงคนนั้นตอบเสียงเรียบ “ฝ่าบาทประกาศชัดเจนแล้วว่าแบ่งที่นี่ให้เป็นพื้นที่ส่วนตัวของปราสาทดำเนินจันทร์ ไม่ว่าใครก็มารบกวนไม่ได้ง่ายๆ และไม่ถูกควบคุมจากจวนหัวหน้าภาคแดนรัตติกาลด้วย ถ้าเกิดเรื่องขึ้นเกรงว่าหัวหน้าภาคหนิวจะรับผิดชอบไม่ไหว หัวหน้าภาคหนิวได้นั่งตำแหน่งนี้ได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย หวังว่าจะถนอมรักษาตัวให้มากๆ หน่อย”

“จะถนอมรักษาหรือไม่ก็เป็นเรื่องของหัวหน้าภาค ไม่ต้องให้เจ้ามาเป็นห่วง รบกวนไปแจ้งประมุขปราสาทของพวกเจ้าหน่อย บอกว่าหนิวมีเรื่องสำคัญจะเจรจา!” น้ำเสียงเหมียวอี้เปลี่ยนเป็นไม่ค่อยเป็นมิตรแล้ว พาลูกน้องมาเยี่ยมคารวะแต่กลับถูกปิดประตูใส่ ปราสาทดำเนินจันทร์วางมาดเกินไปหน่อยแล้วมั้ง

ผู้หญิงคนนั้นยื่นมือส่งแขก “หัวหน้าภาคหนิวเชิญกลับไป”

เหมียวอี้จึงกล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำ “ข้าจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย รบกวนไปแจ้งประมุขปราสาทของพวกเจ้า!” เขายกมือขึ้นเล็กน้อย กำลังพลข้างหลังทยอยกันหยิบอาวุธขึ้นมาทันที ส่วนใหญ่เปลี่ยนเป็นสวมเกราะรบกับหมดแล้ว สวมเกราะรบที่ประกอบขึ้นเอง

บนใบหน้าผู้หญิงคนนั้นฉายแววโกรธเคือง แต่ก็ยังเม้มริมฝีปากแน่น พยายามข่มไฟโกรธเอาไว้ นางเองก็เคยได้ยินชื่อเสียงของหนิวโหย่วเต๋อคนนี้มาเหมือนกัน เป็นคนที่ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ทำได้ทั้งนั้น ขนาดขุนนางใหญ่ของตำหนักสวรรค์ก็ยังกล้าสู้ ถ้าเกิดเรื่องขึ้นมาจริงๆ ถึงแม้ปราสาทดำเนินจันทร์จะไม่เป็นอะไร แต่ถึงอย่างไรก็เกิดความยุ่งยาก ถึงทำได้เพียงเขย่าระฆังดาราติดต่ออีกครั้ง

ผ่านไปครู่เดียว นางก็กำระฆังดาราตอบอีกว่า “ประมุขปราสาทบอกแล้ว ไม่พบ! ถ้าหัวหน้าภาคหนิวดึงดันจะพบให้ได้ ก็ไปขอบัญชาสวรรค์มาก่อน ถ้าไม่มีบัญชาสวรรค์ ก็ขออภัยที่ให้พบไม่ได้!”

“ตอนนี้ข้ากำลังสงสัยว่าเจ้าถ่ายทอดคำสั่งปลอมของประมุขปราสาท ข้าไม่เชื่อหรอกว่าประมุขปราสาทของพวกเจ้าจะเป็นคนไร้เหตุผลขนาดนี้ นอกเสียจากข้าจะเห็นกับตาว่าประมุขปราสาทเจ้าพูดเอว” เหมียวอี้กล่าวเสียงเย็น

นี่ไม่ใช่การพูดซี้ซั้วตามอำเภอใจหรอกเหรอ ผู้หญิงคนนั้นพยายามควบคุมอารมณ์ “หัวหน้าภาคหนิวต้องรอให้ตำหนักสวรรค์ถ่ายทอดคำสั่งลงมาให้ถอนกำลังก่อนเหรอ?” เห็นได้ชัดว่าทางนี้สามารถติดต่อกับตำหนักสวรรค์ได้โดยตรง

เหมียวอี้แสยะยิ้ม “พวกเราไล่ตามผู้ร้ายหลบหนีมาตลอดทาง ตอนนี้หัวหน้าภาคผู้นี้กำลังสงสัยว่าปราสาทดำเนินจันทร์ของพวกเจ้าจงใจให้ที่ซ่อนผู้ร้ายหลบหนีของตำหนักสวรรค์!”

ชิงเยว่ยิ้มมุมปาก พบว่านายท่านผู้นี้ค่อนข้างน่าสนใจ เป็นคนใจกล้าคับฟ้าจริงด้วย ขนาดข้อหาใหญ่ๆ ก็พูดออกมาส่งเดชได้

กำลังพลจวนหัวหน้าภาคที่อยู่ข้างหลังแอบรู้สึกบันเทิงเช่นกัน

ผู้หญิงคนนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง “หัวหน้าภาคหนิวโปรดสำรวม อย่าใส่ร้ายป้ายสีคนอื่น” กลุ่มศิษย์ปราสาทดำเนินจันทร์ที่ล้อมอยู่ก็มีสีหน้าโกรธเคืองเช่นกัน

เหมียวอี้เอียงหน้าบอกชิงเยว่ “แจ้งไปให้ทัพใหญ่ที่จวนหัวหน้าภาคตามมาเดี๋ยวนี้ ค้นที่นี่ให้ละเอียดทุกซอกทุกมุม ข้าอยากจะเห็นว่าใครจะกล้าปกป้องผู้ร้ายหลบหนี!”

“รับทราบ!” ชิงเยว่แสร้งทำตามคำสั่ง ใช้ระฆังดาราติดต่อไปที่ไหนสักแห่ง

“เจ้า…” ผู้หญิงคนนั้นชี้หน้าเหมียวอี้ กัดฟันกรอดจนฟันแทบแตก แต่สุดท้ายก็ยังเขย่าระฆังดารารายงานขึ้นไป

ผ่านไปครู่เดียว ผู้หญิงคนนั้นก็กล่าวด้วยสีหน้าเย็นเยียบ “ประมุขปราสาทบอกว่า ถ้าหัวหน้าภาคหนิวต้องการจะพบก็ใช่ว่าจะพบไม่ได้ แต่เจ้าไปพบได้คนเดียว คนอื่นห้ามทำอะไรโดยพลการ!”

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1750 เยือนปราสาทดำเนินจันทร์ครั้งแรก

Now you are reading พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า Chapter 1750 เยือนปราสาทดำเนินจันทร์ครั้งแรก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ทว่าทางสี่ทัพต่างก็จัดระเบียบตัวเองอย่างอึกทึกคึกโครม สายตาของคนส่วนใหญ่ไปรวมอยู่ที่นั่น เหมียวอี้ก็เลยยิ่งฉวยโอกาสตอนที่คนอื่นไม่สนใจรีบจัดการสิ่งที่อยู่ในขอบข่ายงานให้เรียบร้อย ไม่อย่างนั้นก็จะถึงคราวที่ฝั่งเขาจะดึงดูดความสนใจคนอื่นแล้ว เพราะไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหนก็ล้วนดึงดูดความสนใจคนทั้งนั้น ยกตัวอย่างเช่นเลื่อนยศหมู่ให้ทัพใหญ่หนึ่งแสน คนอื่นก็แค่ไม่มีเวลามาสนใจทางนี้ก็เท่านั้นเอง ไม่อย่างนั้นถ้ารอให้คนว่างเมื่อไร ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะมาหาเรื่องเขา

“เฉิงอวี่ ไม่ใช่ว่าข้าไม่ไว้หน้าเจ้า แต่ในปีแรกนั้นข้าประกาศแล้วว่าจะแบ่งที่นั่นให้เป็นพื้นที่ส่วนตัวของปราสาทดำเนินจันทร์ เจ้าคงจะไม่ให้ข้ากลับคำหรอกใช่มั้ย?”

ในตำหนักนารีสวรรค์ ประมุขชิงเข้ามาเยี่ยมเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ นางจึงเอ่ยเรื่องสร้างจวนใหม่ที่เหมียวอี้รายงานขึ้นมาอีกครั้ง แต่ประมุขชิงส่ายหน้า ยื่นมือลูบท้องกลมของนางพลางถอนหายใจ ยามที่สัมผัสได้ว่ามีอีกชีวิตน้อยๆ อยู่ในท้องกลมที่มีหนังท้องกั้น ก็ทำให้เขารู้สึกแปลกๆ ไปอีกแบบ เป็นความรู้สึกที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาไม่รู้ว่านี่คือความรู้สึกที่เรียกว่าเชื่อมโยงทางสายเลือดหรือเปล่า เอาเป็นว่าแม่แต่เสียงพูดก็ยังอ่อนโยนขึ้นแล้ว

“ดาวเคราะห์สิบดวงในอาณาเขตปราสาทดำเนินจันทร์ ในจำนวนนั้นมีหกดวงที่เหมาะกับการอยู่อาศัย จะแบ่งสักดวงให้เป็นที่ตั้งจวนหัวหน้าภาคแดนรัตติกาลไม่ได้เชียวหรือเพคะ? ยิ่งไปกว่านั้น ผืนดินในใต้หล้า มิมีที่ใดที่ไม่ใช่ของราชัน ขอเพียงฝ่าบาทลองเปรยๆ สักหน่อย ปราสาทดำเนินจันทร์ก็ไม่กล้าคัดค้านแน่เพคะ”

เซี่ยโห้วเฉิงอวี่แข็งใจขอร้องอีกครั้ง เพื่อจัดการเรื่องของเหมียวอี้ นางนับว่าทุ่มเทสุดความสามารถแล้ว แต่นางก็รู้สถานการณ์ของแดนรัตติกาลเช่นกัน ทัพใหญ่หนึ่งแสนไม่มีแม้แต่ที่พักที่เหมาะสมเลยสักแห่ง ถ้าแม้แต่การเริ่มก่อสร้างจวนหัวหน้าภาคนางยังสนับสนุนไม่ได้ แล้วจะให้หนิวโหย่วเต๋อมองนางอย่างไร? จะรับมาเป็นลูกน้องคนสนิทได้อย่างไร? แม้ตระกูลเซี่ยโห้วจะเป็นก้างขวางคออยู่ตรงกลาง แต่นางไม่ยอมทิ้งไปอย่างนี้แน่นอน ในดวงตานางแทบจะฉายแววอ้อนวอน

ที่จริงนางก็ดูสีหน้าประมุขชิงก่อนถึงพูด ครั้งนี้เห็นประมุขชิงดูคุยง่ายนางถึงได้กล้ามาเกาะแกะอีก ถ้าเห็นประมุขชิงดูคุยยาก นางก็ไม่กล้าเอ่ยถึงแน่นอน

“นี่ไม่ใช่ปัญหาว่าปราสาทดำเนินจันทร์จะกล้าหรือไม่กล้าคัดค้าน แต่เป็นปัญหาว่าคนในใต้หล้าจะมองข้ายังไง…” พอพูดถึงตรงนี้ จู่ๆ ประมุขชิงก็ทำสายตาจริงจัง รู้สึกได้ว่าเจ้าตัวเล็กในท้องกลมกำลังเตะฝ่ามือของเขา จึงเอียงหน้ามองแววตาวิงวอนของเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ หลังจากครุ่นคิดเงียบๆ ครู่หนึ่ง ก็บอกว่า “คืออย่างนี้นะ เรื่องที่ประกาศต่อใต้หล้าไปแล้ว หากปราสาทดำเนินจันทร์ยังไม่ได้ทำผิดกฎ ข้าก็กลับคำไม่ได้เด็ดขาด เจ้าให้หนิวโหย่วเต๋อไปจัดการกับปราสาทดำเนินจันทร์เองแล้วกัน ขอเพียงปราสาทดำเนินจันทร์อนุญาตให้คนของจวนหัวหน้าภาคแดนรัตติกาลเข้าไปตั้งมั่น ข้าก็ไม่ว่าอะไร”

“เอ่อ…” เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ยิ้มเจื่อน “หากไม่มีเดชานุภาพสวรรค์คอยกดดัน หนิวโหย่วเต๋อจะโน้มน้ามปราสาทดำเนินจันทร์ได้ยังไงเพคะ”

ประมุขชิงหัวเราะเบาๆ แล้วบอกว่า “เจ้าก็ประเมินลูกลิงนั่นต่ำไปแล้ว เจ้าลืมเรื่องในงานเลี้ยงวันเกิดท่านปู่สวรรค์ไปแล้วเหรอ ถ้าเจ้าไม่ให้เขาลอง แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าเขาทำไม่ได้? ลองทดสอบดูสักครั้งก็ได้ เจ้าให้โอกาสเขาแล้ว ถ้าเขาทำไม่สำเร็จแล้วจะโทษใครได้ล่ะ แค่นี้เจ้าก็ปฏิเสธได้แล้ว”

เซี่ยโห้วเฉิงอวี่ลองคิดดูแล้วก็เห็นด้วย ยิ่งไปกว่านั้นนางก็มองออก ว่าประมุขชิงหลีกทางให้มากที่สุดแล้ว ถ้ากดดันกว่านี้เกรงว่าจะยั่วโมโหประมุขชิง

หลังจากเหมียวอี้ได้รับข่าวจากตำหนักนารีสวรรค์ ก็รายงานอีกเรื่องหนึ่งขึ้นไปทันที นั่นก็คือยื่นขอธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์หนึ่งหมื่นคันให้จวนหัวหน้าภาคแดนรัตติกาล

เป็นเรื่องที่สามารถรายงานขึ้นไปพร้อมกันได้แท้ๆ แต่เขากลับรายงานตำหนักนารีสวรรค์ทีละเรื่อง เขาใช้ลำดับขั้นตอนตามที่หยางชิ่งแนะนำ ถ้ารายงานขึ้นไปพร้อมกันทุกเรื่อง อีกฝ่ายก็จะเลือกว่าจะตอบตกลงเรื่องไหนหรือปฏิเสธเรื่องไหน อีกทั้งจวนหัวหน้าภาคแดนรัตติกาลก็เพิ่งก่อสร้าง เบื้องบนต้องให้การสนับสนุนบ้างไม่มากก็น้อย คงไม่ดีหากจะปฏิเสธเรื่องที่เบื้องล่างรายงานขึ้นมาแบบต่อเนื่อง แบบนี้จะเพิ่มอัตราความสำเร็จของการรายงานได้ สาเหตุที่รายงานเรื่องสร้างจวนในอาณาเขตปราสาทดำเนินจันทร์ก่อนก็เพราะมีเจตนานี้

หลังจากรายงานยื่นขอธนูฝ่าอิทธิฤทธิ์หนึ่งหมื่นคันแล้ว ก็ปล่อยให้ตำหนักนารีสวรรค์ปวดหัวไปว่าจะตัดสินใจอย่างไร ส่วนเหมียวอี้ก็นำกำลังพลกลุ่มหนึ่งออกเดินทางโดยไม่ลังเล เร่งเดินทางไปยังปราสาทดำเนินจันทร์

ปราสาทดำเนินจันทร์ สถานที่เดียวของแดนรัตติกาลที่อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุด ดาวเคราะห์ที่งดงามสิบดวงกำลังโคจรอย่างเงียบๆ

กำลังพลนับพันเหาะมาจากจุดลึกของดาราจักร ชิงเยว่ที่เหาะอยู่ใกล้เหมียวอี้ชี้ไปยังดาวเคราะห์งดงามสีฟ้าสุดลูกหูลูกตาดวงหนึ่ง บอกให้รู้ว่าตำหนักหลักของปราสาทดำเนินจันทร์อยู่บนดาวเคราะห์ดวงนั้น เพราะนางเคยมาที่นี่

กำลังพลหนึ่งพันพุ่งฝ่าชั้นบรรยากาศทันที เมฆหมอกแฉลบผ่านใบหูเร็วมาก ภาพตรงหน้าพลันสว่างสดใส เบื้องล่างมีภูเขาและแม่น้ำ คนที่อยู่ตลาดผีมานานไม่ค่อยคุ้นชินกับแสงสว่างของที่นี่

ขณะที่ตัวคนยังอยู่กลางอากาศ เบื้องล่างก็มีเงาคนหลายคนพุ่งขึ้นมาจากระหว่างภูเขาและแม่น้ำ มาขวางทางกำลังพลกลุ่มนี้เอาไว้

คนที่มาขวางทางพวกเขาเป็นผู้หญิงกลุ่มหนึ่ง แต่ละคนงดงามดุจหยก สวมชุดสีขาวราวหิมะ กระโปรงพลิ้วไหวตามสายลม มีลักษณะสดใสสบายตาไปอีกแบบ แต่ละนางราวกับมีสง่าราศีของนางฟ้า เพียงแต่ผู้หญิงกลุ่มนี้ดูอ่อนเยาว์มาก เหมียวอี้เคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้มานานแล้ว ว่าปราสาทดำเนินจันทร์ฝึกเคล็ดวิชาโดยใช้แสงจันทร์ช่วยคงใบหน้าให้อ่อนเยาว์ ต่อให้เป็นตอนแก่ตายตามอายุไข ใบหน้าก็ยังสวยอ่อนเยาว์เหมือนเดิม

แต่เหมียวอี้ค่อนข้างคุ้นตากับอาวุธที่คนพวกนี้ใช้ คล้ายกับอาวุธที่เยว่เหยาใช้ในปีแรกๆ

แต่ละคนสะบัดแขนโยนพระจันทร์เสี้ยวออกมา พระจันทร์เสี้ยวระบำวนอยู่ท้องฟ้า ลอมพวกเขาเอาไว้แล้ว

“ใครกันที่บุกเขามาในปราสาทดำเนินจันทร์?” ผู้หญิงคนหนึ่งที่เป็นหัวหน้าชี้พวกเหมียวอี้พลางตะโกนถาม

ที่จริงการแต่งกายของพวกเหมียวอี้ก็ทำให้คนพวกนี้รู้สึกแปลกใจเหมือนกัน ถึงแม้จะเหมือนคนของตำหนักสวรรค์ แต่ดูจากสัญลักษณ์อิทธิฤทธิ์ตรงหว่างคิ้ว ก็เหมือนจะไม่ถูก นอกจากเหมียวอี้ที่สวมเครื่องแบบเกราะม่วงสามแถบ ที่เหลือก็ไม่มีใครที่วรยุทธ์ต่ำกว่าบงกชรุ้งเลย แต่ส่วนใหญ่กลับสวมเกราะเงิน พลังและยศดูไม่ถูกต้อง

ถึงแม้สิบปราสาทดำเนินจะอยู่ในสถานการณ์พิเศษ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโลกภายนอกเลย ยิ่งไปกว่านั้น ปราสาทดำเนินจันทร์ก็อยู่ที่แดนรัตติกาลอยู่แล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะไม่รู้ความเคลื่อนไหวของแดนรัตติกาลเลยสักนิด โดยเฉพาะสัญลักษณ์พลังอิทธิฤทธิ์ที่ก่อตัวเป็นรูปจริงตรงหว่างคิ้วชิงเยว่ ทำให้กลุ่มศิษย์ปราสาทดำเนินจันทร์เดาออกเร็วมากว่าคนพวกนี้เป็นใคร

เป็นอย่างที่คาดไว้ เหมียวอี้ตอบเสียงดังว่า “รบกวนไปแจ้งประมุขปราสาทดำเนินจันทร์ หนิวโหย่วเต๋อหัวหน้าภาคแดนรัตติกาลมาเยี่ยมคารวะเพื่อบ้าน!” พูดจบก็โยนแผ่นหยกขุนนางออกไป

ผู้หญิงที่ตะโกนถามรับแผ่นหยกมาอ่าน ถ้าเปลี่ยนเป็นกำลังพลตำหนักสวรรค์ทั่วไปมาที่นี่ ตามหลักแล้วก็ไม่ต้องสนใจเลยจริงๆ สามารถไล่ไปได้เลย แต่ตอนนี้ท่านนี้คือหัวหน้าภาคแดนรัตติกาลคนใหม่ อีกฝ่ายเป็นคนดูแลทั้งแดนรัตติกาล ถ้าพูดแบบไม่น่าฟังหน่อยก็คือ ปราสาทดำเนินจันทร์อยู่นอาณาเขตของอีกฝ่าย

หลังจากลังเลนิดหน่อย ผู้หญิงคนนั้นก็กุมหมัดคารวะบอกว่า “รอสักครู่” จากนั้นหยิบระฆังดาราติดต่อไปที่ไหนสักแห่ง แต่ก็ยังไม่ได้สั่งถอนอาวุธพระจันทร์เสี้ยวรอบๆ ออกไป

ชิงเยว่และกำลังพลที่ติดตามกำลังระแวดระวังพระจันทร์เสี้ยวที่อาจจะรุกโจมตีได้ทุกเมื่อ

เหมียวอี้กลับสุขุมเยือกเย็น สายตาจ้องทะเลสาบแห่งหนึ่งบนยอดเขาของภูเขาที่อยู่ระหว่างธรรมชาติงดงามเบื้องล่าง เป็นทะเลสาบที่น้ำใสราวกับอัญมณีสีฟ้า ตรงกลางทะเลสาบสีฟ้าสงบเหมือนจะมีปราสาทที่สร้างจากผลึกม่วงหลังหนึ่งตั้งอยู่ เมฆขาวที่ลอยผ่านฟ้าเป็นครั้งคราวเกิดเป็นเงาในทะเลสาบ ทำให้คนเห็นแล้วสบายตาสบายใจ สวยงามล้ำเลิศ

และบนภูเขารอบๆ ก็มีสิ่งปลูกสร้างจากผลึกม่วงอยู่ไม่น้อย สะท้อนแสงระยิบระยับอยู่ภายใต้แสงอาทิตย์สดใส

เหมียวอี้มาครั้งแรกจึงยังไม่คุ้นเคยกับสถานการณ์ แต่เดาว่าตำหนักที่โหญ่โตอลังการที่สุดกลางทะเลสาบบนยอดเขาคงจะเป็นตำหลักหลักของปราสาทดำเนินจันทร์ เขาเอียงหน้ามองชิงเยว่ นางพยักหน้าบอกใบ้ว่าเหมียวอี้เดาถูก

ใช้เวลาไม่นาน ผู้หญิงที่อยู่ตรงข้ามก็กำระฆังดาราพร้อมตอบว่า “หัวหน้าภาคหนิวเชิญกลับเถอะประมุขปราสาทไม่พบแขก”

นี่มันสถานการณ์อะไรกัน? เหมียวอี้ขมวดคิ้ว “ทุกคนเป็นเพื่อนบ้านกัน ต่อไปต้องอยู่ร่วมกันในระยะยาว เหตุใดจึงไม่มาพบสักครั้ง?”

ผู้หญิงคนนั้นส่ายหน้า “เรื่องนี้ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน หัวหน้าภาคหนิวเชิญกลับ”

“แล้วถ้าหัวหน้าภาคคนนี้จะพบให้ได้ล่ะ?” เหมียวอี้ถามเสียงเข้มเล็กน้อย

ผู้หญิงคนนั้นตอบเสียงเรียบ “ฝ่าบาทประกาศชัดเจนแล้วว่าแบ่งที่นี่ให้เป็นพื้นที่ส่วนตัวของปราสาทดำเนินจันทร์ ไม่ว่าใครก็มารบกวนไม่ได้ง่ายๆ และไม่ถูกควบคุมจากจวนหัวหน้าภาคแดนรัตติกาลด้วย ถ้าเกิดเรื่องขึ้นเกรงว่าหัวหน้าภาคหนิวจะรับผิดชอบไม่ไหว หัวหน้าภาคหนิวได้นั่งตำแหน่งนี้ได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย หวังว่าจะถนอมรักษาตัวให้มากๆ หน่อย”

“จะถนอมรักษาหรือไม่ก็เป็นเรื่องของหัวหน้าภาค ไม่ต้องให้เจ้ามาเป็นห่วง รบกวนไปแจ้งประมุขปราสาทของพวกเจ้าหน่อย บอกว่าหนิวมีเรื่องสำคัญจะเจรจา!” น้ำเสียงเหมียวอี้เปลี่ยนเป็นไม่ค่อยเป็นมิตรแล้ว พาลูกน้องมาเยี่ยมคารวะแต่กลับถูกปิดประตูใส่ ปราสาทดำเนินจันทร์วางมาดเกินไปหน่อยแล้วมั้ง

ผู้หญิงคนนั้นยื่นมือส่งแขก “หัวหน้าภาคหนิวเชิญกลับไป”

เหมียวอี้จึงกล่าวอย่างชัดถ้อยชัดคำ “ข้าจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย รบกวนไปแจ้งประมุขปราสาทของพวกเจ้า!” เขายกมือขึ้นเล็กน้อย กำลังพลข้างหลังทยอยกันหยิบอาวุธขึ้นมาทันที ส่วนใหญ่เปลี่ยนเป็นสวมเกราะรบกับหมดแล้ว สวมเกราะรบที่ประกอบขึ้นเอง

บนใบหน้าผู้หญิงคนนั้นฉายแววโกรธเคือง แต่ก็ยังเม้มริมฝีปากแน่น พยายามข่มไฟโกรธเอาไว้ นางเองก็เคยได้ยินชื่อเสียงของหนิวโหย่วเต๋อคนนี้มาเหมือนกัน เป็นคนที่ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ทำได้ทั้งนั้น ขนาดขุนนางใหญ่ของตำหนักสวรรค์ก็ยังกล้าสู้ ถ้าเกิดเรื่องขึ้นมาจริงๆ ถึงแม้ปราสาทดำเนินจันทร์จะไม่เป็นอะไร แต่ถึงอย่างไรก็เกิดความยุ่งยาก ถึงทำได้เพียงเขย่าระฆังดาราติดต่ออีกครั้ง

ผ่านไปครู่เดียว นางก็กำระฆังดาราตอบอีกว่า “ประมุขปราสาทบอกแล้ว ไม่พบ! ถ้าหัวหน้าภาคหนิวดึงดันจะพบให้ได้ ก็ไปขอบัญชาสวรรค์มาก่อน ถ้าไม่มีบัญชาสวรรค์ ก็ขออภัยที่ให้พบไม่ได้!”

“ตอนนี้ข้ากำลังสงสัยว่าเจ้าถ่ายทอดคำสั่งปลอมของประมุขปราสาท ข้าไม่เชื่อหรอกว่าประมุขปราสาทของพวกเจ้าจะเป็นคนไร้เหตุผลขนาดนี้ นอกเสียจากข้าจะเห็นกับตาว่าประมุขปราสาทเจ้าพูดเอว” เหมียวอี้กล่าวเสียงเย็น

นี่ไม่ใช่การพูดซี้ซั้วตามอำเภอใจหรอกเหรอ ผู้หญิงคนนั้นพยายามควบคุมอารมณ์ “หัวหน้าภาคหนิวต้องรอให้ตำหนักสวรรค์ถ่ายทอดคำสั่งลงมาให้ถอนกำลังก่อนเหรอ?” เห็นได้ชัดว่าทางนี้สามารถติดต่อกับตำหนักสวรรค์ได้โดยตรง

เหมียวอี้แสยะยิ้ม “พวกเราไล่ตามผู้ร้ายหลบหนีมาตลอดทาง ตอนนี้หัวหน้าภาคผู้นี้กำลังสงสัยว่าปราสาทดำเนินจันทร์ของพวกเจ้าจงใจให้ที่ซ่อนผู้ร้ายหลบหนีของตำหนักสวรรค์!”

ชิงเยว่ยิ้มมุมปาก พบว่านายท่านผู้นี้ค่อนข้างน่าสนใจ เป็นคนใจกล้าคับฟ้าจริงด้วย ขนาดข้อหาใหญ่ๆ ก็พูดออกมาส่งเดชได้

กำลังพลจวนหัวหน้าภาคที่อยู่ข้างหลังแอบรู้สึกบันเทิงเช่นกัน

ผู้หญิงคนนั้นกล่าวด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง “หัวหน้าภาคหนิวโปรดสำรวม อย่าใส่ร้ายป้ายสีคนอื่น” กลุ่มศิษย์ปราสาทดำเนินจันทร์ที่ล้อมอยู่ก็มีสีหน้าโกรธเคืองเช่นกัน

เหมียวอี้เอียงหน้าบอกชิงเยว่ “แจ้งไปให้ทัพใหญ่ที่จวนหัวหน้าภาคตามมาเดี๋ยวนี้ ค้นที่นี่ให้ละเอียดทุกซอกทุกมุม ข้าอยากจะเห็นว่าใครจะกล้าปกป้องผู้ร้ายหลบหนี!”

“รับทราบ!” ชิงเยว่แสร้งทำตามคำสั่ง ใช้ระฆังดาราติดต่อไปที่ไหนสักแห่ง

“เจ้า…” ผู้หญิงคนนั้นชี้หน้าเหมียวอี้ กัดฟันกรอดจนฟันแทบแตก แต่สุดท้ายก็ยังเขย่าระฆังดารารายงานขึ้นไป

ผ่านไปครู่เดียว ผู้หญิงคนนั้นก็กล่าวด้วยสีหน้าเย็นเยียบ “ประมุขปราสาทบอกว่า ถ้าหัวหน้าภาคหนิวต้องการจะพบก็ใช่ว่าจะพบไม่ได้ แต่เจ้าไปพบได้คนเดียว คนอื่นห้ามทำอะไรโดยพลการ!”

…………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+