พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1821 ไปถามหน่อยว่าหวังจัวตายหรือยัง

Now you are reading พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า Chapter 1821 ไปถามหน่อยว่าหวังจัวตายหรือยัง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ประมุขชิงยิ้มบางๆ คำพูดนี้ทำให้เขาค่อนข้างอิ่มอกอิ่มใจ แม้เรื่องบางเรื่องจะเหนือความคาดหมายของเขาไปบ้าง แต่สถานการณ์ภาพรวมก็เป็นเขาที่ควบคุมเองกับมือ

ที่จริงเขาก็รู้สึกแปลกนิดหน่อยที่เหมียวอี้ออกหน้าเอง เขารู้ว่าช้าเร็วเหมียวอี้ก็ต้องถูกตำหนักนารีสวรรค์ดึงเข้ามาเกี่ยวข้องกับความขัดแย้ง แต่กลับนึกไม่ถึงว่าเหมียวอี้จะออกหน้าเรื่องนี้เป็นคนแรก “พอเซี่ยโห้วท่าตาย ก็ทำให้คนคลำชีพจรของตระกูลเซี่ยโห้วไม่ค่อยแม่นแล้ว เซี่ยโห้วลิ่งกำลังทำเรื่องอะไรอยู่ การควบคุมตระกูลเซี่ยโห้วจะอ่อนแอถึงขั้นนี้เชียวหรือ? ก่อนจิ้งจอกเฒ่าเซี่ยโห้วท่านั่นจะตาย คงไม่ถึงขั้นไม่เตรียมอะไรไว้เลยหรอกกระมัง ไม่อย่างนั้นเซี่ยโห้วลิ่งมารับตำแหน่งหัวหน้าตระกูลจะมีความหมายอะไร?”

ซ่างกวนชิงก็สงสัยอยู่บ้างเช่นกัน “มองไม่ค่อยออก เซี่ยโห้วลิ่งคงจะไม่ได้มีแผนอีกอย่างใช่มั้ยขอรับ?”

“อ้อ! งั้นข้าก็จะตั้งตารอดู” ประมุขชิงแสยะยิ้ม แล้วหลับตาลงช้าๆ “ทางด้านสนมฉิน เจ้าหาทางให้คำชี้แจ้งสักหน่อยแล้วกัน”

“ขอรับ!” ซ่างกวนชิงเอ่ยรับ

น่านฟ้าชวดเกิง นอกประตูใหญ่จวนหัวหน้าภาค ดวงอาทิตย์เริ่มสูงขึ้น เหมียวอี้เดินออกจากประตูมาอยู่ใต้ร่มไม้ด้านข้างแล้ว ไม่มีเหตุผลที่จะดันทุรังยืนตากแดดอยู่ตรงนั้น

ชิงเยว่กับเหยียนซิวตามอยู่ทางซ้ายและขวา

ทั้งสามรออยู่นอกประตูใหญ่ของจวนหัวหน้าภาคเป็นเวลาครึ่งชั่วยามเต็มๆ จวนหัวหน้าภาคให้เหตุผลว่ากำลังตรวจสอบตัวตนของพวกเขาอยู่ เพียงแต่เวลาตรวจสอบอาจจะต้องยืดออกไปอีกหน่อย ใช้ระฆังดาราส่งข่าว จำเป็นต้องใช้เวลานานขนาดนี้ด้วยเหรอ?

ที่นี่จะต้องมีปัญหาแน่นอน!

เหมียวอี้กลุ้มใจแล้ว หวังจัวคนนี้กำลังเล่นลูกไม้อะไรกันแน่ เขานึกถึงภาพที่ตัวเองมารับตำแหน่งที่กองทัพองครักษ์ครั้งแรก เข้าประตูไม่ได้เช่นกัน อย่าบอกนะว่าหวังจัวกำลังแสดงบารมีใส่เขาอยู่? คงไม่ถึงขั้นนั้นหรอกมั้ง เพราะทั้งสองมีระดับเท่ากัน แล้วตัวเองก็มาแสดงความยินดี มากลั่นแกล้งแขกในวันมงคลแบบนี้ มีอย่างที่ไหนกัน? หวังจัวคงไม่ใจแคบขนาดนั้นหรอกมั้ง? อย่าบอกนะว่าอาศัยที่ลูกสาวตัวเองเป็นสนมราชันสวรรค์ ตอนนี้เลยกำลังวาดมาด? มารดาเจ้าเถอะ สนมของราชันสวรรค์จะสำคัญอะไรล่ะ!

คนที่อยู่ระดับเจ้าอาณาเขตล้วนเป็นบุคคลที่มีกำลังทหาร พวกเขาไม่เห็นพวกนางสนมที่ไร้อำนาจทางทหารอยู่ในสายตาเลย ต่อให้จะเห็นอยู่ในสายตา แต่ก็ต้องดูว่าภูมิหลังวงศ์ตระกูลของสนมเหล่านั้นมีอำนาจมากแค่ไหน เพราะสนมของราชันสวรรค์มีมากเกินไป หมายความว่าครอบครัวสนมของราชันสวรรค์ก็มีอยู่ทั่วทั้งใต้หล้า ถ้าจะให้สนองความต้องการทุกคนเหมือนเป็นบรรพบุรุษ เช่นนั้นเจ้าอาณาเขตสายต่างๆ ก็ไม่ต้องทำงานแล้ว ให้คนในครอบครัวสนมช่วยราชันสวรรค์ปกครองใต้หล้าเสียเลย ทุกคนพยายามคลอดลูกสาวสวยๆ ส่งเข้าวังก็พอแล้ว ดังนั้นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของตัวเอง ไม่มีใครเกรงใจทั้งนั้น ถ้าข่มได้ก็จะข่มเหมือนเดิม นอกเสียจากสนมสวรรค์จะได้รับความโปรดปรานเป็นอันดับต้นๆ จากราชันสวรรค์ แบบนั้นถึงจะทำให้ราชันสวรรค์ช่วยออกหน้าแทนนางได้

อำนาจของครอบครัวสนมฉิน หวังจัวก็เป็นเพียงหัวหน้าภาคคนหนึ่งมิใช่หรือ? สนมฉินไม่ว่าจะอยู่นอกวังหรือในวัง แต่ก็มายุ่งกับเหมียวอี้ไม่ได้ เหมียวอี้จะกลัวนางได้ก็แปลกแล้ว!

แน่นอน ขอเพียงไม่ใช่คนโง่ ภายนอกก็ล้วนต้องแสดงความเคารพต่อสนมของราชันสวรรค์อยู่แล้ว ไม่มีใครโง่ถึงขั้นฉีกหน้าราชันสวรรค์อย่างโจ่งแจ้ง

วางความคิดสัพเพเหระเอาไว้ก่อน ที่เหมียวอี้มาแสดงความยินดีก็เป็นข้ออ้างเช่นกัน เพราะความจริงมาที่นี่เพื่อสืบข่าว ช่องทางข่าวสารที่เขามีไม่สามารถคลำหาสถานการณ์ในรังของหวังจัวได้เลย แล้วทางเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ก็ดันเร่งทุกสามวันห้าวัน เร่งให้เขาลงมือเร็วๆ เขาไม่รู้จะด่าผู้หญิงคนนี้อย่างไรดี คิดว่าเรื่องนี้มันง่ายเหมือนขโมยลูกท้อเหรอ บทตะลงมือก็ลงมือได้เลยหรือไง?

ทว่าเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ฝากความหวังกับเขาเอาไว้มาก ในภายหลังถ้ายังอยากได้ความเชื่อใจจากเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ เขาจะไม่แสดงผลงานเลยก็คงไม่ได้ แต่เรื่องนี้ก็ไม่อาจทำซี้ซั้ว จากการคาดเดา ดีไม่ดีตระกูลอิ๋งอาจจะวางกำลังไว้ที่จวนหวังจัวแล้วก็ได้ ไม่ว่าจะลอบสังหารหรือใช้กำลังปะทะตรงๆ เขาก็ต้องรู้สถานการณ์ทางนี้ให้ชัดเจนก่อน ถ้าฝั่งนี้มีอันตรายมาก เขาก็คงไม่วิ่งเอาชีวิตไปทิ้งหรอกใช่มั้ย? ต่อให้ตายก็จะตายอย่างเลอะเลือนไม่ได้เช่นกัน!

แน่นอน เขาเองก็เตรียมตัวไว้บ้างเช่นกัน เขาแอบระดมทัพใหญ่แดนรัตติกาลแล้วจริงๆ เขาต้องเตรียมพร้อมป้องกันสิ ถึงอย่างไรเขากับตระกูลอิ๋งก็มีความแค้นที่ลึกล้ำต่อกัน ถ้าฝั่งนั้นฉวยโอกาสหาเรื่องเขา ก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะนั่งรอความตาย ถ้าใครกล้าทำซี้ซั้ว ก็อย่าหาว่าเขาไม่เกรงใจแล้วกัน กำลังพลในมือเขาก็ไม่ใช่เล่นๆ เหมือนกัน!

แน่นอน ที่ครั้งนี้เขามาอย่างสง่าผ่าเผย ก็เพราะมีเป้าหมายอีกอย่างที่สำคัญกว่า เขาหวังว่าจะสามารถดึงดูดความสนใจของผู้เกี่ยวข้องให้กดดันเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ได้ ขอเพียงกดดันจนเซี่ยโห้วเฉิงอวี่สั่งให้เขาหยุดได้ เขาก็จะไม่ต้องหาเรื่องใส่ตัวแบบนี้แล้ว จะกลับไปอยู่อย่างสงบเสงี่ยมต่อไป

ด้วยสถานการณ์ของเขาตอนนี้ เขาไม่จำเป็นต้องก่อเรื่องเลยจริงๆ ในมือมีอำนาจทางทหารและช่องทางรายได้เพียงพอ ไม่ขาดทรัพยกรฝึกตน ตอนนี้เป็นเวลาสงบใจฝึกฝนสะสมพลัง

ทว่ามีอยู่จุดหนึ่งที่ตัวเขาเองยังนึกไม่ถึง เขาประเมินพลังอำนาจของตัวเองต่ำไป!

ผู้เล่นในกระดานหลงทางเองก็ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล เขายังไม่หลงตัวเองถึงขั้นครุ่นคิดว่าตัวเองสามารถขู่ใครได้ถึงขั้นนี้ ในสายตาของเขาเอง ทุกคนล้วนเป็นขุนนางตำหนักสวรรค์ ถ้าไม่มีเรื่องอะไร ใครจะกล้าทำซี้ซั้วกับคนอื่นล่ะ? มิหนำซ้ำเขากับหวังจัวก็ยังอยู่ระดับเดียวกัน ถ้าพูดถึงกำลังพล อีกฝ่ายมีเยอะกว่าเขาเสียอีก ถ้าพูดถึงอาณาเขต อีกฝ่ายก็มีพื้นที่ใหญ่กว่าเขา ถ้าพูดถึงอำนาจ อีกฝ่ายก็มีทั้งทัพตะวันออกหนุนหลัง แต่จวนหัวหน้าภาคแดนรัตติกาลของเขาเป็นทัพโดดเดี่ยวที่กำลังอยู่เงียบๆ สั่งสมกำลัง

เขาซ่อนตัวแต่ไม่ได้หลบเลี่ยงสังคม ยามปกติบางครั้งก็ได้เจอกับพวกหัวหน้าภาคบ้าง แต่ก็ไม่เห็นใครมีท่าทีว่าหวาดกลัวเขาเลย อีกฝ่ายคุยกับเขาตามปกติ

ยืนอยู่ในมุมที่ต่างกัน วิธีการคิดที่มีต่อปัญหาก็ต่างกัน เกรงว่าเขาเองก็คงไม่รู้ตัว ว่าความน่ากลัวของเขาเกิดขึ้นตอนกำลังจะก่อเรื่อง ตอนที่เขาเป็นฝ่ายมาหาเรื่องถึงประตูบ้าน สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับหลายเรื่องที่เขาทำในปีนั้น

“นี่มันเรื่องอะไรกัน?” เหมียวอี้ที่เอามือไขว้หลังอยู่ใต้ร่มไม้ทนไม่ไหวแล้ว ไฟโกรธเริ่มลุกในใจ นี่เจ้าแซ่หวังนั่นกำลังดูหมิ่นข้าเหรอ? สงสัยพอข้าทำตัวสงบเสงี่ยมงานเกินไป คงมีคนคิดว่าข้าเป็นแมวป่วยไปแล้ว!

ชิงเยว่สังเกตความเคลื่อนไหวบนภูเขาของจวนหัวหน้าภาคอยู่ไกลๆ มาตลอด “เกรงว่านายท่านต้องระวังหน่อยแล้ว บนภูเขาเหมือนมีเค้าว่ากำลังระดมกำลังพล”

“อ้อ!” เหมียวอี้พลันหรี่ตาจ้องไปบนภูเขา

ชิงเยว่มองเขา “นายท่าน ครั้งนี้ท่านคงไม่ได้พุ่งเป้ามาที่ครอบครัวของสนมฉินหรอกใช่มั้ย?”

“ทำไมพูดแบบนี้?” เหมียวอี้หันกลับมาถาม

ชิงเยว่ตอบว่า “เพราะข้าน้อยรู้ว่านายท่านไม่ได้สนิทสนมกับหวังจัว เพียงแต่ข้าน้อยกลับได้ยินข่าวลือบางอย่างมา บอกว่าที่โอรสสวรรค์ถูกลดตำแหน่งนั้นเกี่ยวข้องกับสนมฉิน นายท่านเป็นคนของตำหนักนารีสวรรค์ แต่จู่ๆ ก็มาเยี่ยมเยียนเขา ถ้าเปลี่ยนเป็นข้าน้อยก็คงคิดมากเหมือนกัน เกรงว่านี่คงจะเป็นสาเหตุที่นายท่านไม่ได้เข้าไปข้างในสักที”

เหมียวอี้ไม่ได้ปฏิเสธการคาดเดาของเขา มองไปที่ภูเขาอีกครั้ง แล้วกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย “หรือพูดได้อีกอย่างว่า เป็นไปได้ที่หวังจัวจะชิงลงมือก่อน?”

“พูดยาก” ชิงเยว่ตอบ

เหมียวอี้เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะบอกว่า “เหยียนซิว ไปถามดูหน่อยว่าทำไมเมินแขกขนาดนี้ ไปถามหน่อยว่าหวังจัวตายหรือยัง?”

ชิงเยว่เหล่ตามอง พบว่าความป่าเถื่อนบ้าพลังของเจ้าหนุ่มนี่ส่อเค้าจะปะทุอีกแล้ว

เหยียนซิวเองก็ไม่สนใจว่าถามแบบนี้จะเหมาะสมหรือไม่ แค่ต้องไปถามทหารยามโดยไม่ให้ตกหล่นแม้แต่คำเดียว

บังเอิญว่าตอนนี้มีคนหลายคนเหาะลงมาจากฟ้าพอดี มาเหยียบลงนอกประตูใหญ่ เหมียวอี้อุทาน “หืม” แล้วหยุดเหยียนซิวเอาไว้ชั่วคราว

มากันห้าคน ผู้ที่นำหน้ามามีบุคลิกลักษณะไม่ธรรมดา เห็นได้ชัดว่าสี่คนข้างหลังเป็นผู้ติดตาม พอเหยียบลงพื้นแล้ว สัญลักษณ์พลังอิทธิฤทธิ์ตรงหว่างคิ้วก็แสดงแล้วว่าทั้งห้าล้วนเป็นนักพรตบงกชรุ้ง

แล้คนพวกนั้นก็ไม่ได้ตามบอก ย่อมมองเห็นสามคนที่ยืนอยู่ใต้ต้นไม้แล้ว

ตอนแรกก็กวาดสายตามองแวบหนึ่ง เมื่อเห็นทั้งสามถูกเมินไว้ใต้ต้นไม้ พวกเขาก็ไม่เก็บมาใส่ใจ แต่พอได้เห็นสัญลักษณ์รูปงูตรงหว่างคิ้วชิงเยว่ พวกเขาที่หันหน้ามาก็เดินกลับมาอีก ยังนึกว่าตัวเองมองผิดไป สายตาทุกคนไปรวมอยู่บนใบหน้าชิงเยว่

นี่มันสถานการณ์อะไร? นักพรตระดับสำแดงฤทธิ์เหรอ? พวกเขาระแวงสงสัยทันที นี่กำลังถูกเมินอยู่นอกประตูใหญ่หรือว่ากำลังมีธุระรอคนอื่นอยู่?

ในดวงตาชิงเยว่ฉายแววเย็นเยียบดุร้าย ไม่ว่าใครที่ถูกจ้องตามอำเภอใจอย่างนี้ก็ต้องรู้สึกอึกอัดทั้งนั้น โดยเฉพาะคนที่มีความหยิ่งผยองในใจอย่างนาง

ผู้ที่นำหน้ามาเหม่อลอยเล็กน้อย พอเห็นเหมียวอี้ที่อยู่ตรงกลาง ก็พบว่าเหมียวอี้เป็นหัวหน้าของอีกสองคน คนที่สามารถใช้ยอดฝีมือเป็นผู้ติดตามได้ เกรงว่าคงเป็นลูกหลานผู้มีอำนาจของบ้านไหนสักบ้าน ผู้ที่นำหน้ามาจึงรีบก้าวเข้ามา “ผู้น้อยฟางอ้าวหลินหัวหน้าภาคน่านฟ้าวอกอี่ ไม่ทราบว่าท่านเป็นผู้สูงส่งจากที่ใด?”

มีมารยาทมากก็ไม่มีใครว่าอะไร เผื่อเป็นลูกหลานคนใหญ่คนโตสักคนในทัพตะวันออก ถ้าไม่ให้ตนมีมารยาทแล้วจะให้ตนล่วงเกินหรืออย่างไร? ดังนั้นฟางอ้าวหลินคนนี้จึงมีท่าทีเคารพนอบน้อมและสุภาพมาก หางตายังชำเลืองชิงเยว่เป็นระยะ แล้วก็มองเหยียนซิวที่หน้านิ่งอีก ท่านนี้ก็น่าจะไม่ใช่คนธรรมดาเหมือนกัน

หัวหน้าภาคน่านฟ้าวอกอี่? เหมียวอี้ตะลึงนิดหน่อย ถ้าจำไม่ผิด น่าจะเคยอยู่ในอาณาเขตของท่านโหวเทียนหยวน แม้ทั้งหมดจะอยู่ในทัพตะวันออก แต่อยู่ไกลจากที่นี่มาก ทำไมถึงมาด้วยล่ะ? หรือว่าเป็นสหายของหวังจัว?

เหมียวอี้ยิ้มเรียบๆ แล้วกุมหมัดคารวะ “หัวหน้าภาคแดนรัตติกาลหนิวโหย่วเต๋อ!”

หัวหน้าภาคแดนรัตติกาล? ฟางอ้าวหลินตะลึงงัน หัวหน้าภาคในใต้หล้านี้ล้วนคุมอาณาเขตที่ตั้งชื่อโดยใช้กิ่งฟ้าก้านดิน ชื่อพิเศษนอกจากนี้มีไม่เยอะ มีน้อยจนนับนิ้วได้ ฟางอ้าวหลินพอจะเดาได้แล้ว เขาเบิกตากว้างขึ้นหลายเท่า “เจ้าก็คือหนิวโหย่วเต๋อเหรอ?”

“ไม่ปลอมหรอก? ถ้าปลอมยินดีจะห่อให้ใหม่เลย!” เหมียวอี้ตอบกลั้วหัวเราะ

“…” ฟางอ้าวหลินพูดไม่ออก รีบมองชิงเยว่อีก พอจะเดาได้แล้วว่าเป็นใคร ในใจกระจ่างทันที มิน่าล่ะถึงใช้งานยอดฝีมือระดับสำแดงฤทธิ์มาเป็นผู้ติดตามได้ ที่แท้ก็เป็นเจ้าหนุ่มนี่นี่เอง เขาอดไม่ได้ที่จะถามอย่างประหลาดใจ “ทำไมหัวหน้าภาคหนิวมายืนอยู่ตรงนี้ได้ล่ะ หรือว่า…” พูดได้ครึ่งเดียว จู่ๆ ก็หนังตากระตุก เหมือนจะตระหนักอะไรบางอย่างได้ ข่าวที่โอรสสวรรค์ถูกลดตำแหน่งเพราะเกี่ยวข้องกับสนมฉิน เขาเองก็ได้ยินมาบ้างเหมือนกัน

เหมียวอี้บุ้ยปากไปทางประตูใหญ่ “ก็รอหัวหน้าภาคหวังเรียกพบน่ะสิ ไม่ทราบว่าหัวหน้าภาคฟางมาทำอะไรที่นี่?”

ฟางอ้าวหลินตระหนักได้ถึงความไม่ชอบมาพากลแล้วเช่นกัน แม้จะเขาจะเป็นหัวหน้าภาคในอาณาเขตทัพตะวันออก แต่ก็อยู่ห่างจากที่นี่ไกลมาก เขายังไม่รู้ข่าวที่ทัพตะวันออกกำลังระดมกำลังพล ไม่อยากนั้นคงไม่บังเอิญมาเจอกันอยู่ตรงนี้

ส่วนสาเหตุว่าเขามาทีนี่ทำไม ก็ไม่ได้ซับซ้อนเลย เขาก็คือคนที่ฆ่าสามีของเหยียนซู่ตายและเก็บเหยียนซู่ไว้เป็นเนื้อต้องห้ามของตัวเอง หัวหน้าภาคน่านฟ้าชวดเกิงคนก่อนคือสหายของเขา กอปรกับช่วงนี้สี่ทัพมีการปรับปรุงอย่างรุนแรง เขาเองไม่สะดวกจะเก็บเหยียนซู่ไว้ข้างกาย จึงนำเหยียนซู่มาไว้ที่นี่ ตอนนี้สหายของเขาย้ายไปแล้ว แต่เหยียนซู่ยังอยู่ ถ้าเขาต้องการจะดูแลเหยียนซู่ ก็ต้องสร้างเส้นสายกับหวังจัวสักหน่อย ถือโอกาสมาดื่มด่ำกับเสน่ห์ของเหยียนซู่ด้วย

ใครจะไปคิดล่ะ ว่าจะบังเอิญมาเจอหนิวโหย่วเต๋อ หวังจัวไม่รู้ชัดเรื่องบุญคุณความแค้นของเหยียนซู่และหนิวโหย่วเต๋อ แต่เขาฟางอ้าวหลินที่อยู่น่านฟ้าวอกอี่กลับเคยได้ข่าวมาบ้าง รู้ว่าในปีนั้นพวกเหยียนซู่เคยดูหมิ่นหนิวโหย่วเต๋ออย่างรุนแรง ถึงขั้นเล่นงานหนิวโหย่วเต๋อจนเกือบตายด้วย เพราะในปีนั้นเขาสนใจเหยียนซู่มาตลอด ส่วนเรื่องในตอนหลังที่หนิวโหย่วเต๋อระบายความโกรธ เขากลับไม่รู้ ตอนนั้นที่พวกเหยียนซู่แทบจะโดนเอาคืนกันหมด จึงไม่มีใครประกาศให้คนอื่นรู้

………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า 1821 ไปถามหน่อยว่าหวังจัวตายหรือยัง

Now you are reading พิชิตสวรรค์ ทะยานฟ้า Chapter 1821 ไปถามหน่อยว่าหวังจัวตายหรือยัง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ประมุขชิงยิ้มบางๆ คำพูดนี้ทำให้เขาค่อนข้างอิ่มอกอิ่มใจ แม้เรื่องบางเรื่องจะเหนือความคาดหมายของเขาไปบ้าง แต่สถานการณ์ภาพรวมก็เป็นเขาที่ควบคุมเองกับมือ

ที่จริงเขาก็รู้สึกแปลกนิดหน่อยที่เหมียวอี้ออกหน้าเอง เขารู้ว่าช้าเร็วเหมียวอี้ก็ต้องถูกตำหนักนารีสวรรค์ดึงเข้ามาเกี่ยวข้องกับความขัดแย้ง แต่กลับนึกไม่ถึงว่าเหมียวอี้จะออกหน้าเรื่องนี้เป็นคนแรก “พอเซี่ยโห้วท่าตาย ก็ทำให้คนคลำชีพจรของตระกูลเซี่ยโห้วไม่ค่อยแม่นแล้ว เซี่ยโห้วลิ่งกำลังทำเรื่องอะไรอยู่ การควบคุมตระกูลเซี่ยโห้วจะอ่อนแอถึงขั้นนี้เชียวหรือ? ก่อนจิ้งจอกเฒ่าเซี่ยโห้วท่านั่นจะตาย คงไม่ถึงขั้นไม่เตรียมอะไรไว้เลยหรอกกระมัง ไม่อย่างนั้นเซี่ยโห้วลิ่งมารับตำแหน่งหัวหน้าตระกูลจะมีความหมายอะไร?”

ซ่างกวนชิงก็สงสัยอยู่บ้างเช่นกัน “มองไม่ค่อยออก เซี่ยโห้วลิ่งคงจะไม่ได้มีแผนอีกอย่างใช่มั้ยขอรับ?”

“อ้อ! งั้นข้าก็จะตั้งตารอดู” ประมุขชิงแสยะยิ้ม แล้วหลับตาลงช้าๆ “ทางด้านสนมฉิน เจ้าหาทางให้คำชี้แจ้งสักหน่อยแล้วกัน”

“ขอรับ!” ซ่างกวนชิงเอ่ยรับ

น่านฟ้าชวดเกิง นอกประตูใหญ่จวนหัวหน้าภาค ดวงอาทิตย์เริ่มสูงขึ้น เหมียวอี้เดินออกจากประตูมาอยู่ใต้ร่มไม้ด้านข้างแล้ว ไม่มีเหตุผลที่จะดันทุรังยืนตากแดดอยู่ตรงนั้น

ชิงเยว่กับเหยียนซิวตามอยู่ทางซ้ายและขวา

ทั้งสามรออยู่นอกประตูใหญ่ของจวนหัวหน้าภาคเป็นเวลาครึ่งชั่วยามเต็มๆ จวนหัวหน้าภาคให้เหตุผลว่ากำลังตรวจสอบตัวตนของพวกเขาอยู่ เพียงแต่เวลาตรวจสอบอาจจะต้องยืดออกไปอีกหน่อย ใช้ระฆังดาราส่งข่าว จำเป็นต้องใช้เวลานานขนาดนี้ด้วยเหรอ?

ที่นี่จะต้องมีปัญหาแน่นอน!

เหมียวอี้กลุ้มใจแล้ว หวังจัวคนนี้กำลังเล่นลูกไม้อะไรกันแน่ เขานึกถึงภาพที่ตัวเองมารับตำแหน่งที่กองทัพองครักษ์ครั้งแรก เข้าประตูไม่ได้เช่นกัน อย่าบอกนะว่าหวังจัวกำลังแสดงบารมีใส่เขาอยู่? คงไม่ถึงขั้นนั้นหรอกมั้ง เพราะทั้งสองมีระดับเท่ากัน แล้วตัวเองก็มาแสดงความยินดี มากลั่นแกล้งแขกในวันมงคลแบบนี้ มีอย่างที่ไหนกัน? หวังจัวคงไม่ใจแคบขนาดนั้นหรอกมั้ง? อย่าบอกนะว่าอาศัยที่ลูกสาวตัวเองเป็นสนมราชันสวรรค์ ตอนนี้เลยกำลังวาดมาด? มารดาเจ้าเถอะ สนมของราชันสวรรค์จะสำคัญอะไรล่ะ!

คนที่อยู่ระดับเจ้าอาณาเขตล้วนเป็นบุคคลที่มีกำลังทหาร พวกเขาไม่เห็นพวกนางสนมที่ไร้อำนาจทางทหารอยู่ในสายตาเลย ต่อให้จะเห็นอยู่ในสายตา แต่ก็ต้องดูว่าภูมิหลังวงศ์ตระกูลของสนมเหล่านั้นมีอำนาจมากแค่ไหน เพราะสนมของราชันสวรรค์มีมากเกินไป หมายความว่าครอบครัวสนมของราชันสวรรค์ก็มีอยู่ทั่วทั้งใต้หล้า ถ้าจะให้สนองความต้องการทุกคนเหมือนเป็นบรรพบุรุษ เช่นนั้นเจ้าอาณาเขตสายต่างๆ ก็ไม่ต้องทำงานแล้ว ให้คนในครอบครัวสนมช่วยราชันสวรรค์ปกครองใต้หล้าเสียเลย ทุกคนพยายามคลอดลูกสาวสวยๆ ส่งเข้าวังก็พอแล้ว ดังนั้นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของตัวเอง ไม่มีใครเกรงใจทั้งนั้น ถ้าข่มได้ก็จะข่มเหมือนเดิม นอกเสียจากสนมสวรรค์จะได้รับความโปรดปรานเป็นอันดับต้นๆ จากราชันสวรรค์ แบบนั้นถึงจะทำให้ราชันสวรรค์ช่วยออกหน้าแทนนางได้

อำนาจของครอบครัวสนมฉิน หวังจัวก็เป็นเพียงหัวหน้าภาคคนหนึ่งมิใช่หรือ? สนมฉินไม่ว่าจะอยู่นอกวังหรือในวัง แต่ก็มายุ่งกับเหมียวอี้ไม่ได้ เหมียวอี้จะกลัวนางได้ก็แปลกแล้ว!

แน่นอน ขอเพียงไม่ใช่คนโง่ ภายนอกก็ล้วนต้องแสดงความเคารพต่อสนมของราชันสวรรค์อยู่แล้ว ไม่มีใครโง่ถึงขั้นฉีกหน้าราชันสวรรค์อย่างโจ่งแจ้ง

วางความคิดสัพเพเหระเอาไว้ก่อน ที่เหมียวอี้มาแสดงความยินดีก็เป็นข้ออ้างเช่นกัน เพราะความจริงมาที่นี่เพื่อสืบข่าว ช่องทางข่าวสารที่เขามีไม่สามารถคลำหาสถานการณ์ในรังของหวังจัวได้เลย แล้วทางเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ก็ดันเร่งทุกสามวันห้าวัน เร่งให้เขาลงมือเร็วๆ เขาไม่รู้จะด่าผู้หญิงคนนี้อย่างไรดี คิดว่าเรื่องนี้มันง่ายเหมือนขโมยลูกท้อเหรอ บทตะลงมือก็ลงมือได้เลยหรือไง?

ทว่าเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ฝากความหวังกับเขาเอาไว้มาก ในภายหลังถ้ายังอยากได้ความเชื่อใจจากเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ เขาจะไม่แสดงผลงานเลยก็คงไม่ได้ แต่เรื่องนี้ก็ไม่อาจทำซี้ซั้ว จากการคาดเดา ดีไม่ดีตระกูลอิ๋งอาจจะวางกำลังไว้ที่จวนหวังจัวแล้วก็ได้ ไม่ว่าจะลอบสังหารหรือใช้กำลังปะทะตรงๆ เขาก็ต้องรู้สถานการณ์ทางนี้ให้ชัดเจนก่อน ถ้าฝั่งนี้มีอันตรายมาก เขาก็คงไม่วิ่งเอาชีวิตไปทิ้งหรอกใช่มั้ย? ต่อให้ตายก็จะตายอย่างเลอะเลือนไม่ได้เช่นกัน!

แน่นอน เขาเองก็เตรียมตัวไว้บ้างเช่นกัน เขาแอบระดมทัพใหญ่แดนรัตติกาลแล้วจริงๆ เขาต้องเตรียมพร้อมป้องกันสิ ถึงอย่างไรเขากับตระกูลอิ๋งก็มีความแค้นที่ลึกล้ำต่อกัน ถ้าฝั่งนั้นฉวยโอกาสหาเรื่องเขา ก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะนั่งรอความตาย ถ้าใครกล้าทำซี้ซั้ว ก็อย่าหาว่าเขาไม่เกรงใจแล้วกัน กำลังพลในมือเขาก็ไม่ใช่เล่นๆ เหมือนกัน!

แน่นอน ที่ครั้งนี้เขามาอย่างสง่าผ่าเผย ก็เพราะมีเป้าหมายอีกอย่างที่สำคัญกว่า เขาหวังว่าจะสามารถดึงดูดความสนใจของผู้เกี่ยวข้องให้กดดันเซี่ยโห้วเฉิงอวี่ได้ ขอเพียงกดดันจนเซี่ยโห้วเฉิงอวี่สั่งให้เขาหยุดได้ เขาก็จะไม่ต้องหาเรื่องใส่ตัวแบบนี้แล้ว จะกลับไปอยู่อย่างสงบเสงี่ยมต่อไป

ด้วยสถานการณ์ของเขาตอนนี้ เขาไม่จำเป็นต้องก่อเรื่องเลยจริงๆ ในมือมีอำนาจทางทหารและช่องทางรายได้เพียงพอ ไม่ขาดทรัพยกรฝึกตน ตอนนี้เป็นเวลาสงบใจฝึกฝนสะสมพลัง

ทว่ามีอยู่จุดหนึ่งที่ตัวเขาเองยังนึกไม่ถึง เขาประเมินพลังอำนาจของตัวเองต่ำไป!

ผู้เล่นในกระดานหลงทางเองก็ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล เขายังไม่หลงตัวเองถึงขั้นครุ่นคิดว่าตัวเองสามารถขู่ใครได้ถึงขั้นนี้ ในสายตาของเขาเอง ทุกคนล้วนเป็นขุนนางตำหนักสวรรค์ ถ้าไม่มีเรื่องอะไร ใครจะกล้าทำซี้ซั้วกับคนอื่นล่ะ? มิหนำซ้ำเขากับหวังจัวก็ยังอยู่ระดับเดียวกัน ถ้าพูดถึงกำลังพล อีกฝ่ายมีเยอะกว่าเขาเสียอีก ถ้าพูดถึงอาณาเขต อีกฝ่ายก็มีพื้นที่ใหญ่กว่าเขา ถ้าพูดถึงอำนาจ อีกฝ่ายก็มีทั้งทัพตะวันออกหนุนหลัง แต่จวนหัวหน้าภาคแดนรัตติกาลของเขาเป็นทัพโดดเดี่ยวที่กำลังอยู่เงียบๆ สั่งสมกำลัง

เขาซ่อนตัวแต่ไม่ได้หลบเลี่ยงสังคม ยามปกติบางครั้งก็ได้เจอกับพวกหัวหน้าภาคบ้าง แต่ก็ไม่เห็นใครมีท่าทีว่าหวาดกลัวเขาเลย อีกฝ่ายคุยกับเขาตามปกติ

ยืนอยู่ในมุมที่ต่างกัน วิธีการคิดที่มีต่อปัญหาก็ต่างกัน เกรงว่าเขาเองก็คงไม่รู้ตัว ว่าความน่ากลัวของเขาเกิดขึ้นตอนกำลังจะก่อเรื่อง ตอนที่เขาเป็นฝ่ายมาหาเรื่องถึงประตูบ้าน สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับหลายเรื่องที่เขาทำในปีนั้น

“นี่มันเรื่องอะไรกัน?” เหมียวอี้ที่เอามือไขว้หลังอยู่ใต้ร่มไม้ทนไม่ไหวแล้ว ไฟโกรธเริ่มลุกในใจ นี่เจ้าแซ่หวังนั่นกำลังดูหมิ่นข้าเหรอ? สงสัยพอข้าทำตัวสงบเสงี่ยมงานเกินไป คงมีคนคิดว่าข้าเป็นแมวป่วยไปแล้ว!

ชิงเยว่สังเกตความเคลื่อนไหวบนภูเขาของจวนหัวหน้าภาคอยู่ไกลๆ มาตลอด “เกรงว่านายท่านต้องระวังหน่อยแล้ว บนภูเขาเหมือนมีเค้าว่ากำลังระดมกำลังพล”

“อ้อ!” เหมียวอี้พลันหรี่ตาจ้องไปบนภูเขา

ชิงเยว่มองเขา “นายท่าน ครั้งนี้ท่านคงไม่ได้พุ่งเป้ามาที่ครอบครัวของสนมฉินหรอกใช่มั้ย?”

“ทำไมพูดแบบนี้?” เหมียวอี้หันกลับมาถาม

ชิงเยว่ตอบว่า “เพราะข้าน้อยรู้ว่านายท่านไม่ได้สนิทสนมกับหวังจัว เพียงแต่ข้าน้อยกลับได้ยินข่าวลือบางอย่างมา บอกว่าที่โอรสสวรรค์ถูกลดตำแหน่งนั้นเกี่ยวข้องกับสนมฉิน นายท่านเป็นคนของตำหนักนารีสวรรค์ แต่จู่ๆ ก็มาเยี่ยมเยียนเขา ถ้าเปลี่ยนเป็นข้าน้อยก็คงคิดมากเหมือนกัน เกรงว่านี่คงจะเป็นสาเหตุที่นายท่านไม่ได้เข้าไปข้างในสักที”

เหมียวอี้ไม่ได้ปฏิเสธการคาดเดาของเขา มองไปที่ภูเขาอีกครั้ง แล้วกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย “หรือพูดได้อีกอย่างว่า เป็นไปได้ที่หวังจัวจะชิงลงมือก่อน?”

“พูดยาก” ชิงเยว่ตอบ

เหมียวอี้เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะบอกว่า “เหยียนซิว ไปถามดูหน่อยว่าทำไมเมินแขกขนาดนี้ ไปถามหน่อยว่าหวังจัวตายหรือยัง?”

ชิงเยว่เหล่ตามอง พบว่าความป่าเถื่อนบ้าพลังของเจ้าหนุ่มนี่ส่อเค้าจะปะทุอีกแล้ว

เหยียนซิวเองก็ไม่สนใจว่าถามแบบนี้จะเหมาะสมหรือไม่ แค่ต้องไปถามทหารยามโดยไม่ให้ตกหล่นแม้แต่คำเดียว

บังเอิญว่าตอนนี้มีคนหลายคนเหาะลงมาจากฟ้าพอดี มาเหยียบลงนอกประตูใหญ่ เหมียวอี้อุทาน “หืม” แล้วหยุดเหยียนซิวเอาไว้ชั่วคราว

มากันห้าคน ผู้ที่นำหน้ามามีบุคลิกลักษณะไม่ธรรมดา เห็นได้ชัดว่าสี่คนข้างหลังเป็นผู้ติดตาม พอเหยียบลงพื้นแล้ว สัญลักษณ์พลังอิทธิฤทธิ์ตรงหว่างคิ้วก็แสดงแล้วว่าทั้งห้าล้วนเป็นนักพรตบงกชรุ้ง

แล้คนพวกนั้นก็ไม่ได้ตามบอก ย่อมมองเห็นสามคนที่ยืนอยู่ใต้ต้นไม้แล้ว

ตอนแรกก็กวาดสายตามองแวบหนึ่ง เมื่อเห็นทั้งสามถูกเมินไว้ใต้ต้นไม้ พวกเขาก็ไม่เก็บมาใส่ใจ แต่พอได้เห็นสัญลักษณ์รูปงูตรงหว่างคิ้วชิงเยว่ พวกเขาที่หันหน้ามาก็เดินกลับมาอีก ยังนึกว่าตัวเองมองผิดไป สายตาทุกคนไปรวมอยู่บนใบหน้าชิงเยว่

นี่มันสถานการณ์อะไร? นักพรตระดับสำแดงฤทธิ์เหรอ? พวกเขาระแวงสงสัยทันที นี่กำลังถูกเมินอยู่นอกประตูใหญ่หรือว่ากำลังมีธุระรอคนอื่นอยู่?

ในดวงตาชิงเยว่ฉายแววเย็นเยียบดุร้าย ไม่ว่าใครที่ถูกจ้องตามอำเภอใจอย่างนี้ก็ต้องรู้สึกอึกอัดทั้งนั้น โดยเฉพาะคนที่มีความหยิ่งผยองในใจอย่างนาง

ผู้ที่นำหน้ามาเหม่อลอยเล็กน้อย พอเห็นเหมียวอี้ที่อยู่ตรงกลาง ก็พบว่าเหมียวอี้เป็นหัวหน้าของอีกสองคน คนที่สามารถใช้ยอดฝีมือเป็นผู้ติดตามได้ เกรงว่าคงเป็นลูกหลานผู้มีอำนาจของบ้านไหนสักบ้าน ผู้ที่นำหน้ามาจึงรีบก้าวเข้ามา “ผู้น้อยฟางอ้าวหลินหัวหน้าภาคน่านฟ้าวอกอี่ ไม่ทราบว่าท่านเป็นผู้สูงส่งจากที่ใด?”

มีมารยาทมากก็ไม่มีใครว่าอะไร เผื่อเป็นลูกหลานคนใหญ่คนโตสักคนในทัพตะวันออก ถ้าไม่ให้ตนมีมารยาทแล้วจะให้ตนล่วงเกินหรืออย่างไร? ดังนั้นฟางอ้าวหลินคนนี้จึงมีท่าทีเคารพนอบน้อมและสุภาพมาก หางตายังชำเลืองชิงเยว่เป็นระยะ แล้วก็มองเหยียนซิวที่หน้านิ่งอีก ท่านนี้ก็น่าจะไม่ใช่คนธรรมดาเหมือนกัน

หัวหน้าภาคน่านฟ้าวอกอี่? เหมียวอี้ตะลึงนิดหน่อย ถ้าจำไม่ผิด น่าจะเคยอยู่ในอาณาเขตของท่านโหวเทียนหยวน แม้ทั้งหมดจะอยู่ในทัพตะวันออก แต่อยู่ไกลจากที่นี่มาก ทำไมถึงมาด้วยล่ะ? หรือว่าเป็นสหายของหวังจัว?

เหมียวอี้ยิ้มเรียบๆ แล้วกุมหมัดคารวะ “หัวหน้าภาคแดนรัตติกาลหนิวโหย่วเต๋อ!”

หัวหน้าภาคแดนรัตติกาล? ฟางอ้าวหลินตะลึงงัน หัวหน้าภาคในใต้หล้านี้ล้วนคุมอาณาเขตที่ตั้งชื่อโดยใช้กิ่งฟ้าก้านดิน ชื่อพิเศษนอกจากนี้มีไม่เยอะ มีน้อยจนนับนิ้วได้ ฟางอ้าวหลินพอจะเดาได้แล้ว เขาเบิกตากว้างขึ้นหลายเท่า “เจ้าก็คือหนิวโหย่วเต๋อเหรอ?”

“ไม่ปลอมหรอก? ถ้าปลอมยินดีจะห่อให้ใหม่เลย!” เหมียวอี้ตอบกลั้วหัวเราะ

“…” ฟางอ้าวหลินพูดไม่ออก รีบมองชิงเยว่อีก พอจะเดาได้แล้วว่าเป็นใคร ในใจกระจ่างทันที มิน่าล่ะถึงใช้งานยอดฝีมือระดับสำแดงฤทธิ์มาเป็นผู้ติดตามได้ ที่แท้ก็เป็นเจ้าหนุ่มนี่นี่เอง เขาอดไม่ได้ที่จะถามอย่างประหลาดใจ “ทำไมหัวหน้าภาคหนิวมายืนอยู่ตรงนี้ได้ล่ะ หรือว่า…” พูดได้ครึ่งเดียว จู่ๆ ก็หนังตากระตุก เหมือนจะตระหนักอะไรบางอย่างได้ ข่าวที่โอรสสวรรค์ถูกลดตำแหน่งเพราะเกี่ยวข้องกับสนมฉิน เขาเองก็ได้ยินมาบ้างเหมือนกัน

เหมียวอี้บุ้ยปากไปทางประตูใหญ่ “ก็รอหัวหน้าภาคหวังเรียกพบน่ะสิ ไม่ทราบว่าหัวหน้าภาคฟางมาทำอะไรที่นี่?”

ฟางอ้าวหลินตระหนักได้ถึงความไม่ชอบมาพากลแล้วเช่นกัน แม้จะเขาจะเป็นหัวหน้าภาคในอาณาเขตทัพตะวันออก แต่ก็อยู่ห่างจากที่นี่ไกลมาก เขายังไม่รู้ข่าวที่ทัพตะวันออกกำลังระดมกำลังพล ไม่อยากนั้นคงไม่บังเอิญมาเจอกันอยู่ตรงนี้

ส่วนสาเหตุว่าเขามาทีนี่ทำไม ก็ไม่ได้ซับซ้อนเลย เขาก็คือคนที่ฆ่าสามีของเหยียนซู่ตายและเก็บเหยียนซู่ไว้เป็นเนื้อต้องห้ามของตัวเอง หัวหน้าภาคน่านฟ้าชวดเกิงคนก่อนคือสหายของเขา กอปรกับช่วงนี้สี่ทัพมีการปรับปรุงอย่างรุนแรง เขาเองไม่สะดวกจะเก็บเหยียนซู่ไว้ข้างกาย จึงนำเหยียนซู่มาไว้ที่นี่ ตอนนี้สหายของเขาย้ายไปแล้ว แต่เหยียนซู่ยังอยู่ ถ้าเขาต้องการจะดูแลเหยียนซู่ ก็ต้องสร้างเส้นสายกับหวังจัวสักหน่อย ถือโอกาสมาดื่มด่ำกับเสน่ห์ของเหยียนซู่ด้วย

ใครจะไปคิดล่ะ ว่าจะบังเอิญมาเจอหนิวโหย่วเต๋อ หวังจัวไม่รู้ชัดเรื่องบุญคุณความแค้นของเหยียนซู่และหนิวโหย่วเต๋อ แต่เขาฟางอ้าวหลินที่อยู่น่านฟ้าวอกอี่กลับเคยได้ข่าวมาบ้าง รู้ว่าในปีนั้นพวกเหยียนซู่เคยดูหมิ่นหนิวโหย่วเต๋ออย่างรุนแรง ถึงขั้นเล่นงานหนิวโหย่วเต๋อจนเกือบตายด้วย เพราะในปีนั้นเขาสนใจเหยียนซู่มาตลอด ส่วนเรื่องในตอนหลังที่หนิวโหย่วเต๋อระบายความโกรธ เขากลับไม่รู้ ตอนนั้นที่พวกเหยียนซู่แทบจะโดนเอาคืนกันหมด จึงไม่มีใครประกาศให้คนอื่นรู้

………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+